ดั่งรักบันดาล 81

ตอนที่ 81

รถยนต์ออกตัวมาได้มากกว่ายี่สิบนาทีแล้ว หร่วนซือซือเหลือบมองดูเวลาและก็หันไปมองดูเส้นทางที่ไม่คุ้นตา เธอทนอีกต่อไปไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคนขับคะ ยังไม่ถึงอีกเหรอคะ”

ด้วยระยะเวลาที่เท่ากันนี้ก็สามารถเดินทางไปถึงโรงพยาบาลในใจกลางเมืองได้ตั้งนานแล้ว แต่นี่เขาใช้เวลาขับมาตั้งครึ่งค่อนวันแล้ว ยิ่งขับไกลออกจากตัวเมืองมากขึ้นทุกที

คนขับรถหัวเราะขึ้นมา “อีกเดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว”

หร่วนซือซือรู้สึกไม่สบายใจจนกำมือตัวเองแน่น ในใจก็พลันนึกว่าตนได้มาเจอกับคนขับหัวหมอที่ตั้งใจขับรถอ้อมโลก เธอที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะตัดสินใจลงจากรถไปก่อนเลยดีไหมนั้น ก็พลันเห็นตึกอาคารที่มีโครงสร้างตามแบบฉบับของโรงพยาบาล

รถยนต์ได้แล่นเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น หร่วนซือซือจึงมองเห็นได้อย่างชัดถนัดตาว่าอาคารดังกล่าวเป็นโรงพยาบาลจริงๆ โรงพยาบาลจิงหวา

ตัวอาคารถูกผสมผสานด้วยสีขาวและสีเหลืองที่ดูอบอุ่น เพียงมองดูก็เข้าใจได้ถึงวัตถุประสงค์ของอาคารได้อย่างชัดเจน หร่วนซือซือจ่ายเงิน สายตาจับจ้องมองไปที่รถยนต์ที่จอดเรียงรายอยู่ที่บริเวณลานจอดรถ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นรถยนต์ราคาแพง ในใจก็พลันเข้าใจขึ้นมาทันที

ที่แท้ที่นี่ก็เป็นโรงพยาบาลส่วนตัว สภาพแวดล้อมสวยงาม อุปกรณ์ชั้นยอดครบครัน ราคาก็น่าจะแพงไม่น้อยเลยทีเดียว

เธอไม่คิดอะไรต่อให้มากมาย สาวเท้าก้าวเข้าไปในโรงพยาบาล ลงทะเบียนแล้วจึงเข้ารับการตรวจ

การตรวจสอบเลือดใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ทราบผลเลือดแล้ว

หร่วนซือซือเข้าห้องตรวจพบแพทย์ เธอนั่งลงตรงข้ามแพทย์หญิงที่ดูใจดีและอ่อนโยน

แพทย์หญิงคนนั้นดันรายงานเอกสารมีอยู่ตรงหน้าเธอ “คุณกำลังตั้งครรภ์นะคะ”

“อะไรนะ? ”

หร่วนซือซือชะงักค้างรู้สึกใจคอไม่สงบ การคาดคะเนต่างๆ นานาของเธอล้วนแล้วแต่หยุดนิ่งแข็งค้างไป เดิมทีตอนที่เธอเดินทางมาถึงก็คิดเอาไว้ว่าโอกาสน่าจะเป็นนั้นมีอยู่น้อยมาก ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะถูกหวยเข้าเต็มเปาแบบนี้

เธอกัดริมฝีปากแน่นพลางจ้องมองไปที่ผลการรายงานที่อยู่ตรงหน้า เป็นชั่วขณะหนึ่งที่เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

แพทย์หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเมื่อมองเห็นอาการดังว่าของเธอ ก็เอ่ยปากเตือนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “พึ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นานค่ะ เดือนกว่าๆ เอง ถ้าจะผ่าตัดตอนนี้ก็ถือว่ากำลังเหมาะสมเลยค่ะ”

คำว่า “ผ่าตัด” ที่เธอเอ่ยออกมานั้น หร่วนซือซือเข้าใจเป็นอย่างดีว่าหมายถึงอะไร สายตาเธอว่างเปล่ามึนงงสับสน จากนั้นจึงเอ่ยออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ฉันขอคิดดูก่อนนะคะ”

ทั้งนี้ นี่ก็ไม่ใช่ลูกของเธอเพียงคนเดียวอีกด้วย

ชีวิตคู่ของเธอกับอวี้อี่มั่วในปัจจุบันนี้ก็พังจนกลายเป็นกลุ่มก้อนแห่งความพินาศ ซ้ำแล้วชีวิตน้อยๆ ดวงนี้ก็ดันเกิดขึ้นมาในเวลานี้อีกด้วย ทำให้เธอรู้สึกไม่พร้อมที่จะรับมืออยู่นิดๆ

หร่วนซือซือออกมาจากห้องพบแพทย์แล้ว ในมือก็ถือผลรายงานการตรวจ และราวกับว่าในใจมีหินก้อนใหญ่อัดอยู่ในนั้น หายใจไม่ค่อยออก

ถ้าหากว่าอวี้อี่มั่วรู้ว่าเธอท้องแล้วนั้น จะยอมใช้ชีวิตร่วมกับเธอไปด้วยดีไหมนะ

เธอเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างไม่มีสติ ก็ไม่ทันได้ระวังตัวว่ามีรถเข็นของใช้ในโรงพยาบาลคันเล็กพุ่งเข้ามาจากทางด้านข้างด้วยความเร็วสูง จนกระทั่งเมื่อตอนที่เธอมีสติรู้สึกตัว รถเข็นก็ได้พุ่งชนเข้าใส่เธอแล้ว

แขนของหร่วนซือซือถูกกระแทกจนเจ็บช้ำไปหมด เมื่อได้สติกลับคืนมา ก็เห็นนางพยาบาลสาวที่สวมชุดเครื่องแบบพยาบาลสีชมพูยกรถเข็นขึ้นมาตั้งให้มั่นคง

นางพยาบาลรีบกล่าวขอโทษโดยพลัน “ขอโทษด้วยค่ะ เผอิญว่ามือลื่น”

หร่วนซือซือโบกมือปัด “ ไม่เป็นไรค่ะ”

พูดเสร็จเธอก็เตรียมตัวจะเดินจากไป แต่ทันใดนั้นก็ถูกนางพยาบาลเรียกเอาไว้ “คุณผู้หญิงคะ รอก่อนค่ะ”

“ทำไมเหรอคะ”

“เมื่อสักครู่ที่เข็นรถเข็นไปชนคุณเข้า บนรถมีขยะที่ใช้ในทางการแพทย์ไปแล้ว และเป็นขยะปนเปื้อน ฉันขอพาคุณไปหาที่ทำความสะอาดสารพิษสักเล็กน้อยพอจะได้ไหมคะ”

หร่วนซือซือกวาดตามองผ้ากอซในถุงพลาสติกสีฟ้าที่ถูกใช้ในทางการแพทย์ไปแล้วบนรถเข็นคันเล็กนั้น ก็พยักหน้าอย่างลังเล “ก็ได้ค่ะ”

ตอนนี้ไม่ถือว่าชีวิตเธอมีเพียงตัวเธอคนเดียวแล้ว คิดเสียว่าที่ทำไปก็เพื่อเด็กคนนี้ เธอเองก็ต้องระวังตัวหน่อย

นางพยาบาลเข็นรถเข็นไปพักไว้ที่ริมทางเดินข้างๆ แล้วจึงหันมานำทางเธอ “รบกวนท่านเดินตามฉันมาเลยค่ะ”

ในหัวของหร่วนซือซือล้วนแล้วแต่คิดถึงเรื่องที่ตนเองท้องโดยไม่ได้มีสติรับรู้อะไร เดินตามนางพยาบาลขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นแปด

ที่ชั้นนี้นั้นไม่เหมือนกับชั้นที่เธอพึ่งมาเลยแม้แต่น้อย บรรยากาศเงียบสงบ เพียงมองดูห้องพักผู้ป่วยก็รู้เลยว่าชั้นนี้เป็นของระดับ VIP

เดินเข้าไปในห้องวินิจฉัยโรคเล็กๆ ในห้องพักผู้ป่วย นางพยาบาลชี้ไปที่เก้าอี้ในห้อง พูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า “ฉันเป็นนางพยาบาลของชั้นนี้ รบกวนท่านช่วยนั่งรอสักครู่หนึ่ง เดี๋ยวฉันจะไปหยิบยา แล้วจะรีบกลับมาค่ะ”

หร่วนซือซือหยักหน้ารับ แล้วจึงนั่งรออยู่บนเก้าอี้

หลังจากที่นางพยาบาลเดินจากไป ในห้องตรวจก็เหลือเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น หร่วนซือซือสูดหายใจอันเย็นเยียบเข้าปอด แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไปที่หน้าจอรายชื่อเบอร์โทรศัพท์ สายตาจับจ้องไปที่เบอร์โทรศัพท์ของอวี้อี่มั่ว ลังเลว่าจะโทรหาเขาดีไหม

หลายวันติดต่อกันมานี้ เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย ถ้าหากว่าเธอไม่โทรหาเขาก่อน เขาก็คงจะไม่กลับมาแน่

แต่เรื่องตั้งครรภ์นี้ เธอจำเป็นที่จะต้องบอกเขา

กัดริมฝีปากไปมา หร่วนซือซือพยายามรวบรวมจิตใจที่กล้าหาญขึ้นมาเงียบๆ แต่ก็ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะต่อสายโทรศัพท์ไปที่เบอร์นี้

ไม่กี่วินาทีถัดมา เธอก็เก็บโทรศัพท์ลงไป

ช่างมันแล้ว รอกลับไปก่อนค่อยว่ากันอีกทีดีกว่า

หร่วนซือซือนั่งรออยู่คนเดียวในห้องเป็นเวลานานมาก แต่ก็ไม่เห็นว่านางพยาบาลจะกลับมา เธอจึงลุกขึ้นยืนเดินไปที่ประตูแล้วเปิดออก

เธอยื่นหัวออกมาสำรวจดู มองออกไปด้านนอก ได้ยินเสียงฝีเท้าตกกระทบเบาๆ จากทางด้านข้าง เมื่อหันหัวไปดูก็พบรางอันคุ้นเคยเดินหายลับเข้าไปในลิฟต์

นั่นไม่ใช่ตู้เยี่ยหรอกเหรอ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่กันล่ะ

ใช่เขาจริงๆ ด้วย

ในใจหร่วนซือซือเต็มไปด้วยความสงสัย ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกไปดู ที่ห้องพักผู้ป่วยที่อยู่ข้างๆ ไม่ไกลกันนักก็ถูกเปิดประตูออก ชาวตะวันตกผิวขาวผมทองที่สวมใส่เสื้อกาวน์สีขาวเดินนำออกมาก่อน และที่ตามออกมาติดๆ ก็คือคนที่มีรูปร่างอันสูงใหญ่

นาทีที่เห็นใบหน้าด้านข้างของคนคนนั้น ร่างกายของหร่วนซือซือก็นิ่งค้างแข็งไป

ทำไมอวี้อี่มั่วก็มาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ หรือว่าเขาจะป่วยอยู่

เธอยังไม่ทันจะได้คิดให้ละเอียด ผู้ชายคนดังว่าก็หันหน้ามาทางนี้ทำท่าว่าจะเดินเข้ามาหา หร่วนซือซือรีบก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว กลับเข้าไปในห้องตรวจวินิจฉัย

หัวใจที่อยู่ในอกเต้นระรัวสั่นไหวไปหมด หร่วนซือซือแอบอยู่ที่ประตู ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ราวกับว่าตนเป็นโจรก็ไม่ปาน

ในขณะนั้นเอง เสียงอันเย็นเยียบอันเป็นเอกลักษณ์ของฝ่ายชายก็ลอยเข้ามา “ปีเตอร์ ร่างกายในช่วงนี้ของเธอเหมาะสมที่จะเข้ารับการผ่าตัดหรือยัง”

หร่วนซือซือได้ยินเสียงนั้น ก็หายใจแผ่วเบาลงอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็กางหูออกตั้งใจฟัง

ใครกันจะเข้ารับการผ่าตัด

แพทย์ชาวต่างชาติพูดภาษาจีนอย่างคล่องแคล่วออกมาว่า “ตอนนี้สภาพร่างกายของคุณเย่นั้นโอเคเลย แต่ว่าอารมณ์นั้นยังแปรปรวนอยู่ เรื่องนี้เองก็เป็นสิ่งที่ทีมเรากำลังเป็นกังวลมาที่สุดในตอนนี้ เมื่อมองดูในระยะยาวแล้ว เธอที่เป็นอยู่แบบนี้ไม่อาจเป็นผลดีเท่าไหร่นักที่จะเข้ารับการผ่าตัด”

เสียงของอวี้อี่มั่วดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หร่วนซือซือสามารถรับรู้ได้ถึงความเป็นกังวลที่อยู่ในน้ำเสียงของเขา “งั้นในตอนนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาที่ดีๆ บ้างไหม”

“ตอนนี้ทางที่จะส่งผลดีต่อเธอมากที่สุดคือให้เข้ารับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด ผมได้อ่านดูข้อมูลของผู้บริจาคไตที่คุณส่งมาให้ผมคราวที่แล้วไปแล้วนะ ขอเพียงให้ตัวเธอทางฝ่ายนั้นไม่มีปัญหา ผมก็สามารถจัดการให้มีการผ่าตัดได้อย่างเร็วที่สุดได้เลย”

นิ่งไปอยู่หลายวินาที อวี้อี่มั่วจึงเอ่ยปากออกมาว่า “ผมเข้าใจแล้ว ทางผมเองก็จะรีบให้อย่างเร็วที่สุด ต้องขอรบกวนคุณแล้วนะ”

ปีเตอร์ตอบกลับอย่างเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไร”

หร่วนซือซือยืนอยู่ที่ประตูห้องวินิจฉัยโรค เสียงนั้นลอดผ่านระหว่างบานประตูที่เปิดค้างไว้อยู่ครึ่งหนึ่ง เธอรับฟังเรื่องราวจากบทสนทนาของทั้งสองที่อยู่ไม่ไกลได้อย่างชัดเจนเข้าเต็มสองรูหู

เมื่อฟังเรื่องราวทุกอย่างเสร็จ เธอก็กลับหัวหมุนสับสนเล็กน้อยเนื่องจากข้อมูลที่รับมาจากบทสนทนานี้มีมากจนเกินไป และเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรนักด้วย

ทันใดนั้นเอง ในหัวเธอก็สว่างวาบจุดประกายไปด้วยชื่อที่คุณหมอพึ่งจะเอ่ยออกมา “คุณเย่” หรือว่าจะเป็นเย่หว่านเอ๋อ

จากเดิมทีที่หร่วนซือซือรู้สึกสบายใจก็กลับรู้สึกว่าร่างกายตึงเครียดขึ้นมาทันทีเนื่องจากชื่อชื่อนี้ เธอยืนอยู่ตรงนั้น ในหัวยุ่งเหยิงไปหมด

ฉับพลันนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากข้างนอกประตู

“ประธานอวี้ จัดเตรียมการไว้ทั้งหมดแล้วครับ”

เป็นเสียงของตู้เยี่ย

“อืม” เสียงอันเยือกเย็นของฝ่ายชายดังขึ้น นิ่งเงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ราวกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้ “เรื่องขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับอวัยวะที่จะบริจาคเตรียมพร้อมเอาไว้แล้วหรือยัง”

ตู้เยี่ยตอบกลับ “เตรียมพร้อมไว้หมดแล้วครับ เหลือเพียงแค่ให้คุณหญิงเซ็นชื่อ”

นาทีที่ได้ยินประโยคดังว่า หร่วนซือซือก็พลันรู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาที่ตัวเธอ สายตามืดบอดไปหมด เวียนหัวเนื่องจากได้ยินเรื่องที่น่าตกใจ

เธอฟังผิดไปใช่ไหม

เธอคือผู้บริจาคอวัยวะ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน!

เสี้ยววินาทีถัดมา เสียงของฝ่ายชายก็ดังขึ้นถามคำถามเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี “อืม รายงานการตรวจสภาพร่างกายของหร่วนซือซือก็เตรียมเอาไว้อีกชุดให้ปีเตอร์ด้วย ไว้ใช้อ้างอิงก่อนเข้าผ่าตัด”

“ครับ”

หร่วนซือซือร่างกายสั่นเทิ้ม สายลมอันเย็นเยียบจากน้ำเสียงของฝ่ายชายลอยมาแผ่ปกคลุมมาถึงที่ที่เธอยืนอยู่ จนเธอรู้สึกชาหนาวไปถึงกระดูกดำ

คนที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดก็คือเย่หว่านเอ๋อ และเธอก็เป็นผู้บริจาคอวัยวะ อีกทั้งเธอก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่งงานกับอวี้อี่มั่วมาอย่างโง่ๆ แถมยังมีการคิดที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเขาไปได้ด้วยดีอีก…..

นี่มันจะน่าขำเกินไปแล้วนะ!

Options

not work with dark mode
Reset