ดั่งรักบันดาล 57

ตอนที่ 57

เสี่ยวหานส่ายหัว “ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นสีหน้าของคุณหลานไม่ค่อยดี เธอรีบไปเถอะ”

เมื่อหร่วนซือซือได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเธอก็เคร่งขรึม เธอรีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงาน แล้วเดินตรงไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าแผนก

หร่วนซือซือผลักประตูแล้วเดินเข้าไป เธอเห็นเพื่อนร่วมงานสามสีคนก้มหน้าและยืนเรียงกัน

คุณหลานนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงาน เธอมองไปที่หร่วนซือซือด้วยสีหน้าบูดบึ้ง และพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอกำลังทำเอกสารสรุปไตรมาสนี้อยู่ใช่ไหม?”

หร่วนซือซือลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

เมื่อวานเย็นตอนเลิกงานเมิ่งจื่อหันมาขวางเธอไว้ และขอให้เธอทำงานล่วงเวลาเพื่อสรุปเอกสาร ซึงเธอก็เลิกงานไป แล้ววันนี้พอมาถึงบริษัทเธอก็เพิ่งเริ่มลงมือทำ

คุณหลานระงับความโกรธเอาไว้ แต่สายตาของเธอจ้องมองไปที่หร่วนซือซืออย่างดุดัน “ฉันไปด้ยินมาว่าได้มอบหมายเอกสารให้เธอแล้วเมื่อวาน แต่ว่าวันนี้เธอยังไม่ได้ส่งมา”

หร่วนซือซือกดดัน และพูดว่า “ใช่ แต่ว่าฉัน……”

“ไม่มีแต่!” คุณหลานตบโต๊ะ และพูดขัดจังหวะเธอ “เธอมีเหตุผลมากมายมาจากไหน?เธอรู้ไหมว่ามีหลายคนที่รอสรุปเอกสารของเธออยู่ข้างหลัง เธอทำไม่เสร็จคนเดียว ก็ทำให้กระบวนการทำงานของทีมต้องเดือนร้อน!”

โดยปกติแล้วุณหลานจะเข้าอกเข้าใจในทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องงานเธอจะเข้มงวดและพิถีพิถันอย่างยิ่ง

หร่วนซือซือก้มหน้าและไม่สามารถพูดอะไรได้

จริงๆแล้วงานสรุปเอกสารเพิ่งมีคำสั่งลงมาเมื่อวานนี้ แต่เมิ่งจื่อหันเพิ่งมาบอกเธอตอนที่เป็นเวลาเลิกงานแล้ว แม้ว่าเธอจะเริ่มทำในเวลานั้น แต่หลังจากจัดเก็บเอกสารเข้าแฟ้มบางส่วนแล้ว แต่ก็คงจะสรุปไตรมาสนี้ไม่ทัน

คุณหลานพูดด้วยเสียงที่โกรธมาก “ฉันจะเตือนพวกคุณว่า ไม่ต้องมีข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น!ยังทำงานไม่เสร็จเป็นปัญหาขอกพวกคุณ เข้าใจไหม!”

พนักงานในแผนกที่ยืนเรียงกันอยู่ข้างๆก็ส่งเสียงตอบ สีหน้าของคุณหลานก็ค่อยๆผ่อนคลายลง

เธอหันไปมองที่หร่วนซือซือ และพูดกำชับว่า “หร่วนซือซือ ตอนนี้เธอเป็นผู้ช่วยฝ่ายบริหาร ไม่ว่าเธอจะทำอะไรคุณเธอต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ ถ้าทำตามทัศนคติของเธอ งั้นแผนกบริหารของเราก็คงต้องกินแกลบ!อย่าภูมิใจที่ได้รับความสำเร็จเพียงเล็กน้อย เข้าใจไหม!”

ต่อหน้าพนักงานจำนวนมากในห้องนี้ คุณหลานพูดแบบนี้ไม่น่าฟังเอามากๆ

หร่วนซือซือกัดริมฝีปากและพยักหร้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะคุณหลาน ครั้งหน้าฉันจะระวังให้มากกว่านี้”

ในขณะที่พูดเธอก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอเห็นเมิ่งจื่อหันยืนอยู่ข้างๆคุณหลานด้วยสีหน้าแววตาที่ดูดีใจและภูมิใจ เธอก็เข้าใจในทันที

มิน่าล่ะเมื่อวานเมิ่งจื่อหันถึงรอจนถึงเวลาเลิกงานแล้วเพิ่งจะเอาเอกสารมาส่งให้เธอ ที่แท้เขาก็จงใจที่จะให้เธอได้รับเอกสารไม่ทัน และทำให้กระบวนการทำงานของทีมต้องล่าช้า

หร่วนซือซือมองไปที่เมิ่งจื่อหันอย่างลึกล้ำ และค่อยๆระงับความโกรธในใจลง

คุณหลานเหลือบมองเธอแล้วพูดว่า “กลับไปเถอะ รีบไปทำสรุปไตรมาสให้เสร็จ”

“ค่ะ”

หร่วนซือซือตอบ และหันหลังเดินออกจากห้องทำงานไป

คนที่อยู่ในห้องทำงานด้วยกันเมื่อตะกี้ก็ออกมา และอดไม่ได้ที่จะบ่นด้วยความไม่พอใจ

“ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ!ถ้าไม่ใช่เธอทำเอกสารไม่เสร็จ เราก็คงจะทำงานเสร็จแล้ว!”

“ใช่ แล้วยังทำให้เราถูกหัวหน้าด่า ซวยจริงๆ!”

“……”

พวกเขาสองสามคนพูดกันไปพูดกันมา โดยไม่ได้ตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงเธอเลย หร่วนซือซือได้ยินอย่างชัดเจน แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ

สิ่งที่พวกเขาพูดเป็นความจริง เป็นเพราะเธอ กระบวนการทำงานถึงได้ล่าช้า

เธอรีบเดินกลับไปที่ห้องทำงาน เมื่อเห็นเอกสารบนโต๊ะแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

เธอมองไปที่โทรศัพท์ และความดีใจของเธอก็จบสิ้นลง จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาอวี้อี่มั่ว “วันนี้ตอนเย็นต้องทำงานล่วงเวลา คุณกลับไปบ้านก่อนเถอะ ไม่ต้องรอฉัน”

ถ้าไม่รีบทำงานให้เสร็จก็จะทำให้กระบวนการทำงานล่าช้า จนทำให้เพื่อนร่วมงานต้องติดร่างแหไปด้วย และกลัวว่าสถานการณ์ในแผนกบริหารของเธอจะยากยิ่งขึ้น

หนึ่งชั่วโมงต่อมา หร่วนซือซือยืดคอขึ้น และบีบด้านหลังคดที่ปวดเมื่อย หลังจากนั้นก็เตรียมที่จะทำงานต่อ แต่จู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าค่อยๆดังใกล้เข้ามา

หร่วนซือซือตะลึงและประหลาดใจ ในเวลานี้เพื่อนร่วมงานในแผนกก็ออกไปกันเกือบหมดแล้ว และไฟข้างนอกก็ปิดหมดแล้ว ทำไมถึงยังมีเสียงฝีเท้า

เสียงฝีเท้านั้นมั่นคง และเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ หร่วนซือซือกำเมาส์ไว้แน่น และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า

ถ้าบอกว่าเธอไม่กลัวที่จะอยู่ในสำนักงานที่กว้างใหญ่แห่งนี้เพียงลำพัง อย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้

ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็หยุดลงที่หน้าประตู หลังจากนั้นก็เงียบไปสองสามวินาที และจู่ๆประตูก็ถูกผลักเข้ามา

หร่วนซือซือเบิกตากว้าง เมื่อเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“คุณ…ทำไมถึงอยู่ที่นี่?”

อวี้อี่มั่วเห็นว่าเธอเหมือนเห็นผี เขาก็เลิกขึ้น “หรือมาฉันมาที่นี่ไม่ได้?”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หร่วนซือซือแอบถอนหายใจ เดิมทีเธอหมดหวังไปแล้ว “ฉันคิดว่าคุณกลับบ้านไปแล้ว”

อวี้อี่มั่วเดินเข้าไปหาเธอ เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วก็หยุดและมองไปที่กองเอกสารบนโต๊ะ

เขาวางมือข้างหนึ่งไว้บนโต๊ะ และมองไปที่หร่วนซือซืออย่างไม่พอใจ “ทำไมฉันไม่รู้ว่าเธอรักการทำงานมากขนาดนี้?”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมา หร่วนซือซือก็ไม่เข้าใจว่าคำพูดของเขาเป็นการสรรเสริญหรือการดูถูกเหยียดหยาม เธอหน้าแดง “ถ้างานไม่เสร็จตามกำหนด จะทำให้กระบวนการทำงานของแผนกล่าช้า”

เมื่อวี้อี่มั่วได้ยินอย่างนั้นก็หยุดชะงัก และวางถุงกระดาษในมือลงบนโต๊ะ “กินข้าวก่อน”

หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้นมองไปที่โจ๊กกับเครื่องเคียงในกล่อง แววตาของเธอเป็นประกาย

เธอกำลังหิวมากจนจุกด้านหลังหน้าอก แต่เนื่องจากต้องทำงานล่วงเวลาเธอจึงทำได้แค่อดทน

หร่วนซือซืออบอุ่นใจ เธอมองไปที่อวี้อี่มั่วด้วยความดีใจ “คุณกินรึยัง?”

อวี้อี่มั่วพยักหน้า และออกคำสั่ง “อืม นี่ฉันเอามาให้เธอ กินให้หมด”

หร่วนซือซือเริ่มลงมือทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ และอวี้อี่มั่วที่อยู่ข้างๆก็หยิบเอกสารขึ้นมาดู

หลังจากทานอาหารเสร็จ หร่วนซือซือก็ทำงานต่อโดยยมีอวี้อี่มั่วนั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ เธอรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก และประสิทธิภาพในการทำงานของเธอดีขึ้นมาก หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงงานสรุปทั้งหมดก็เสร็จสมบูรณ์

ระหว่างทางกลับบ้านหร่วนซือซือก็หันหน้าไปมองเขาที่กำลังขับรถอยู่ แล้วมุมปากของเธอก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัวอยู่นาน จนในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ขอบคุณนะที่คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันทำงานล่วงเวลา”

มันบังเอิญว่ารถมาถึงสี่แยกและกำลังรอไฟเขียว อวี้อี่มั่วหันหน้าไปจ้องมองหร่วนซือซืออยางจริงจัง “ซือซือ ระหว่างเธอกับฉันไม่ต้องพูดขอบคุณ”

หร่วนซือซืออบอุ่นใจและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ไม่นานนถก็มาจอดที่ลานบ้าน หร่วนซือซือเดินตามอวี้อี่มั่วเข้าไป ขณะที่กำลังเปลี่ยนรองเท้า ป้าหรงก็พูดทักทาย “คุณชาย คุณนาย เมื่อกี้ผู้ช่วยตู้มาส่งบัตรเชิญสองใบ”

เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินอย่างนั้นก็รับบัตรเชิญจากมือป้าหรง “รู้แล้ว”

เป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีในวันเสาร์นี้ ผู้คนจากแวดวงธุรกิจและวงการบันเทิงในเจียงโจวได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน โดยส่วนใหญ่เป็นการเปิดตัวและแสดงเครื่องประดับใหม่ สำหรับอวี้อี่มั่วแล้วมันเป็นเพียงงานเลี้ยงค็อกเทลเพื่อหาโอกาสทางธุรกิจและการพบปะสังสรรค์

เขาวางบัตรเชิญลงบนตู้ตรงทางเข้าอย่างไม่แยแส แล้วเขาก็หันไปเห็นก็เห็นหร่วนซือซือจ้องมองไปที่บัตรเชิญด้วยสายตาที่จดจ่อและสงสัย

เขาหยุดชะงักและถามว่า “เธออยากไปหรอ?”

หร่วนซือซือไม่คิดว่าความครุ่นคิดของตัวเองจะถูกเขาค้นพบ เธอยิ้มอย่างเขินอาย “ดูเหมือนว่าจะน่าสนุก……”

เธอไม่เคยเข้าร่วมในงานแบบนี้มาก่อน ถ้าพูดถึงงานที่ใหญ่ที่สุดเธอเคยไปก็คืองานประชุมประจำปีของอวี้กรุ๊ป

เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินอย่างนั้นก็หยิบบัตรเชิญมายื่นให้เธอหนึ่งใบ “อยากดก็ไปดู”

หร่วนซือซือยื่นมือออกไปรับอย่างลังเล เธอกะพริบตาและถามว่า “คุณไม่ไปด้วยกันหรอ?”

Options

not work with dark mode
Reset