ดั่งรักบันดาล 48

ตอนที่ 48

ได้ยินคำพูดนี้ ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าของเฉิงลู่ก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด ถ้าหากว่าเธอลาออก งั้นสิ่งที่เธอพยายามมาตลอดหลายปีก็เสียแรงเปล่า ถ้าหากว่านำมะม่วงกล่องนี้ทานหมด เธอจะกินหมดได้ยังไง?”

อันหร่านที่อยู่ด้านข้างไม่รู้ว่าเฉิงลู่ทำเรื่องอะไรผิด มองดูอยู่ด้านข้าง แม้แต่หายใจแรงออกมาก็ยังไม่กล้า

“ประธานอวี้ ฉันผิดไปแล้ว ฉันแค่อยากจะสั่งสอนเธอแทนท่าน ฉันทำแบบนี้เพื่อท่าน!”

อวี้อี่มั่วสีหน้าไม่เปลี่ยน ทำเหมือนกับไม่ได้ยินคำพูดของเธอ ตู้เยี่ยที่อยู่ด้านข้างมองเห็นเฉิงลู่ ก็รีบพูดเตือน“เลขาเฉิง ประธานอวี้มีเวลาจำกัด”

เฉิงลู่ร้องให้โดยไม่มีน้ำตา มองดูมะม่วงทั้งกล่อง ลังเล แต่ในที่สุดก็ตัดใจปล่อยความพยายามในช่วงหลายปีนี้ไม่ได้ เธอจับมะม่วงขึ้นมา ร่างกายแข็งทื่อ

มองดูผู้ชายสีหน้ามืดครึ้ม แสดงให้รู้ชัดเจนว่าไม่มีการเจรจาต่อรอง เฉิงลู่ไม่มีวิธีอื่น จำเป็นต้องแกะเปลือกและเริ่มทาน น้ำของมะม่วงติดมือเธอ เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เธอไม่สนภาพลักษณ์และศักดิ์ศรีอะไรอีกแล้ว นำมะม่วงแกะเปลือกทานเข้าไป

ทานไม่ถึงสามลูก น้ำตาของเธอก็ทะลักออกมา ทั้งมือทั้งปากก็เป็นมะม่วง ตกอยู่ในสภาพหน้าแตก

อวี้อี่มั่วกวาดสายตาเย็นชามองเธอ ความหมายก็คือไม่ให้เธอหยุดกิน เฉิงลู่ไม่รู้จะทำยังไงดี จำเป็นต้องหยิบมะม่วงยัดเข้าไปในปากของตัวเอง

อันหร่านที่อยู่ด้านข้างทนดูไม่ไหว เดินไปด้านหน้าอย่างระมัดระวัง เปิดปากพูดจูงใจ“ประธานอวี้ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?เลขาเฉิงเป็นพนักงานเก่าทำงานที่ห้องทำงานประธานมาหลายปี ทำไมถึงไม่สามารถ…”

อวี้อี่มั่วกวาดสายตามองเธอ พูดเฉยเมย“อยากจะขอร้องแทนเฉิงลู่ งั้นเธอก็ช่วยเฉิงลู่ทาน”

พูดคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของอันหร่านชั่วพริบตาเดียวก็เปลี่ยนสีขึ้นมา รีบนำคำพูดที่ยังพูดไม่จบกลืนลงไปในท้อง

เฉิงลู่ได้ยินคำพูดของอวี้อี่มั่ว ตระหนักว่าเรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว ทำได้เพียงแข็งใจยัดมะม่วงลงไปในท้องของตัวเอง

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ มะม่วงหนึ่งลังถูกเฉิงลู่ทานไปแล้วครึ่งหนึ่ง สถานการณ์ตอนนี้ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ

อวี้อี่มั่วกวาดสายตามองกล่องที่ว่างอยู่ครึ่งหนึ่ง ในใจก็มีข้อมูลอยู่ในหัว สั่งอันหร่านที่อยู่ข้างๆด้วยเสียงเย็นชา“ดูจนเธอทานหมด”

พูดจบ เขาหมุนตัวกลับ ก้าวเท้าเดินตรงออกไปด้านนอก ตู้เยี่ยก็รีบเดินตามเขาไป

พวกเขาเพิ่งจะออกมาถึงประตูห้องทำงาน เสียงอาเจียนของเฉิงลู่ก็ดังออกมาจากในห้อง เหมือนกับอาเจียนตับไตไส้พุงออกมา

อันหร่านมองเห็นท่าทางของเฉิงลู่ ทั้งกลัวทั้งห่วงใย“เฉิงลู่ เธอไม่สามารถทานเข้าไปได้อีก ถ้ายังทานต่อไปเธออาจจะเป็นอันตราย!”

เฉิงลู่ยักไหล่ ดวงตาทั้งสองข้างมีน้ำตาเพราะว่าอาเจียนออกมา เธอกำหมัดแน่น กัดริมฝีปาก ทั้งเกลียดทั้งเสียใจภายหลัง

เป็นลูกน้องที่ทำงานกับอวี้อี่มั่วมานานขนาดนี้ เธอเข้าใจชัดเจน ถ้าหากว่าเธอไม่ทานมะม่วงให้หมดกล่องนี้ เขาพูดจริงทำจริงแน่นอน ว่าจะให้เธอลาออก แต่เธอไม่ยอม ทำงานที่อวี้กรุ๊ปมาหลายปีขนาดนี้ เงินเดือนที่สะสมและตำแหน่งตอนนี้ทำให้เธอไม่มีทางจะปล่อยมือ ดังนั้น เธอไม่สามารถละทิ้งได้

เธอกัดริมฝีปาก จับมะม่วงแกะเปลือก ยัดเข้าไปในปากของตัวเองอย่างโหดเหี้ยม

อันหร่านที่อยู่ด้านข้างดึงเธอเอาไว้“เฉิงลู่ เธอทานลงไปไม่ได้แล้ว!”

เฉิงลู่สลัดมือเธอทิ้ง“เธอไม่ต้องสนใจฉัน!”

ก็เป็นเวลานี้ ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาที่หน้าประตู เธอเงยหน้ามอง ก็มองเห็นว่าตู้เยี่ยยืนอยู่ตรงนั้น

“ผู้ช่วยตู้…”

ตู้เยี่ยนำข่าวบอกต่อตามลำดับระเบียบที่กำหนด“ประธานอวี้พูดแล้ว ไม่จำเป็นต้องทานที่เหลือ แต่บทเรียนนี้ ต้องจำเอาไว้”

เฉิงลู่ได้ฟัง พยักหน้าอย่างไม่ลังเล“ฉัน…ฉันจำได้แล้ว!ครั้งต่อไปฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว!”

บทสนทนาของตู้เยี่ยเปลี่ยนไปกะทันหัน“แต่ว่า ข่าวลือที่แพร่กระจาย เธอต้องรับผิดชอบที่ก่อความวุ่นวาย”

เฉิงลู่ยังไม่ทันได้เปิดปากพูด อันหร่านที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะออกหน้าช่วยเหลือคนที่ถูกรังแก“ผู้ช่วยตู้ เรื่องนี้ทำไมถึงตำหนิเฉิงลู่ได้ล่ะ?”

ตู้เยี่ยได้ฟัง ก็จ้องมองเฉิงลู่อย่างช้าๆ กระตุกมุมปากและพูด“เลขาเฉิงทำอะไรไว้ น่าจะไม่ต้องให้ผมเอ่ยเตือนสติหรอก?”

พูดคำนี้ออกไป เฉิงลู่ในใจจมดิ่ง มะม่วงที่อยู่ในกระเพาะก็เกิดอาการปั่นป่วนในท้อง ร่างกายเธอกระตุก ก็คืออยากอาเจียนออกมา

เดิมที เรื่องทั้งหมดก็ไม่สามารถปกปิดอวี้อี่มั่วได้ คนที่ผสมน้ำมะม่วงในแก้วผลไม้ของหร่วนซือซือก็เป็นเธอ ตั้งแต่แรกเริ่มคนที่แอบถ่ายรูปและส่งเข้าไปในกลุ่มก็เป็นเธอ และเรื่องเหล่านี้ อวี้อี่มั่วล้วนแจ่มแจ้งชัดเจนอยู่แล้ว รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว!

หลังจากนั้นสิบนาที เฉิงลู่ก็ถูกส่งเข้าโรงพยาบาล อันหร่านมาเป็นเพื่อนเธอ เร็วมาก ข่าวดังกล่าวก็แพร่กระจายไปทั่วบริษัทอย่างรวดเร็ว

ทุกคนล้วนรู้ว่า เฉิงลู่ถูกอวี้อี่มั่วลงโทษเพราะว่าเผยแพร่ข่าวลือ นี้เป็นตัวอย่างเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรตามอำเภอใจอีก และเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็ยิ่งปิดปากเงียบ

ขณะนี้ หร่วนซือซือกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย สิ่งที่คิดในสมองก็คือการนัดพบกับหม่าเฮ่อเฟิง

ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็สั่นสะเทือน ได้รับข้อความวีแชทของเสี่ยวหาน

“ซือซือ เธอรู้หรือยัง?เฉิงลู่ที่อยู่ห้องทำงานประธานถูกลงโทษแล้ว ก็คือเธอที่เป็นคนแพร่กระจายข่าวลือไปทุกหนทุกแห่ง เรื่องที่เธอเป็นภูมิแพ้เหมือนกับว่าเกี่ยวข้องกับเฉิงลู่ด้วย”

มองเห็นข้อความนี้ หร่วนซือซือตัวแข็งทื่อ เรื่องที่เธอเป็นภูมิแพ้ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับเฉิงลู่ล่ะ?และเฉิงลู่เป็นคนที่อยู่ในห้องทำงานประธาน ไม่ว่าคนแผนกไหน ก็ต้องเกรงใจเธอ คนที่สามารถลงโทษเธอได้ เกรงว่าจะมีเพียงแค่อวี้อี่มั่วสิ?

ถอนหายใจออกมา หร่วนซือซือรวบรวมเรื่องพวกนี้ทิ้งไว้เบื้องหลัง มองเห็นขวดน้ำเกลือหมดแล้ว ก็รีบเรียกพยาบาลให้ดึงเข็มออกทันที

หร่วนซือซือหยิบสำลีกดรูเข็มเอาไว้ และถามพยาบาล“ออกจากโรงพยาบาล ต้องทำขั้นตอนอะไรบ้าง?”

พยาบาลสาวพยักหน้า“ต้องทำ เพียงแต่ก่อนที่คุณชายอวี้จะไปก็สั่งไว้เป็นพิเศษ ให้คุณพักผ่อนให้สบายใจ ไม่ต้องรีบออกจากโรงพยาบาล”

ไม่ต้องรีบออกจากโรงพยาบาล?เธอยังต้องนัดพบกับหม่าเฮ่อเฟิง ถ้าหากว่าพลาดโอกาสครั้งนี้ ครั้งต่อไปไม่รู้ว่าจะสามารถนัดพบได้อีกไหม

หร่วนซือซือยืดตัวขึ้นลงจากเตียงเอื้อมมือออกไปเก็บของตัวเองขึ้นมา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้ก็ไม่คันแล้ว ฉันยังมีเรื่องด่วน ไม่สามารถรอได้แล้ว…”

เธอพูดพลาง โดยไม่สนใจถึงคำห้ามปรามของพยาบาล หยิบของและออกไปจากห้องพักผู้ป่วย

พยาบาลตัวน้อยไม่สามารถห้ามปรามได้ และไล่ตามก็ไม่ทัน ร้อนใจทันที รีบต่อสายโทรศัพท์“ฮัลโหล ผู้ช่วยตู้ คุณผู้หญิงหร่วนซือซือเตียงยี่สิบหกเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลไป ดึงไว้ไม่อยู่แล้วค่ะ!”

หร่วนซือซือออกมาจากในโรงพยาบาล ก็โบกรถ รีบตรงไปสถานที่นัดพบกับหม่าเฮ่อเฟิง

เธอเร่งรีบไปที่จุดหมายปลายทาง แต่ก็ยังสายไม่หลายนาที

หร่วนซือซือรีบวิ่งไปตามทาง เมื่อมองเห็นหม่าเฮ่อเฟิง ก็รีบขอโทษ“ประธานหม่า ขออภัยด้วย ฉันมาสายแล้ว”

หม่าเฮ่อเฟิงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ โบกมือ“นั่งสิ”

ทั้งสองคนนั่งลง หลังจากที่ทักทายกัน ก็ไม่อ้อมค้อม พูดคุยกันเรื่องร่วมมือกันโดยตรง

ทั้งหมดพูดคุยกันลงตัว ตอนนี้ขาดอย่างเดียวคือทั้งสองฝ่ายลงชื่อ

หม่าเฮ่อเฟิงเงยหน้าขึ้นมา มองเห็นหร่วนซือซือยิ้ม“ผู้ช่วยหร่วน เย็นนี้ทานข้าวด้วยกันสิ ก็ถือว่าผมขอบคุณคุณ”

ครั้งที่แล้วโชคดีที่หร่วนซือซือเตือนสติ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะตกหลุมพลางคนเลวแล้วจริงๆ

หร่วนซือซือยิ้มปฏิเสธอย่างนุ่มนวล“ประธานหม่าสามารถรับโครงการพวกเราได้ ก็ถือว่าขอบคุณฉันมากแล้ว ไม่ต้องทานข้าวหรอก ถ้าหากว่าหลังจากนี้ต้องการอะไร ฉันจะนึกถึงท่านเป็นคนแรกแน่นอนค่ะ”

“งั้นก็ดี”หม่าเฮ่อเฟิงก็ตรงไปตรงมา หยิบปากกาลงชื่อของตัวเอง“ส่วนของขวัญ พวกเราจะจัดส่งตามวันที่กำหนด ผู้ช่วยหร่วนวางใจได้”

หร่วนซือซือพยักหน้า ยังอยากจะพูดอะไรอีกหลายประโยค ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้นมา

เธอหยิบขึ้นมาดู คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอวี้อี่มั่วโทรเข้ามา!

หรือว่า เขารู้จะเรื่องที่เธอออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดแล้ว?

หร่วนซือซือในใจสงสัย นำความทรงจำที่เคยทานอาหารกลับมาคิดในสมองอย่างจริงจัง แน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้ทานมะม่วงหรืออาหารที่ผสมมะม่วง

เธอเอียงศีรษะ“จริงๆแล้วตรงไหนที่ผิดปกติล่ะ?”

เธอคิดพลาง มืออีกข้างหนึ่งก็เกาแขนอีกข้างหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

อวี้อี่มั่วมองเห็นการกระทำนี้ของเธอ เลิกคิ้วขึ้น เอื้อมมือออกไป คว้ามือของเธอเอาไว้“อย่าเกา”

คนที่เป็นภูมิแพ้ห้ามเกาผิวหนัง แบบนี้ไม่เพียงจะไม่ช่วยบรรเทา มีแต่จะเพิ่มความคันและทำให้หายยากขึ้น

หร่วนซือซือได้สติกลับมา มองเห็นมือของตัวเองถูกผู้ชายจับเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะแก้มแดง“อ้อ”

อวี้อี่มั่วพูดสั่งอย่างจริงจัง“สำหรับเรื่องที่คุณเป็นภูมิแพ้ยังไง ผมสามารถจะตรวจสอบได้ ตอนนี้หน้าที่ของคุณคือพักผ่อนเยอะๆ”

หร่วนซือซือพยักหน้า เงยหน้าไปมองผู้ชาย ถามอย่างระมัดระวัง“คุณเพิ่งกลับประเทศเหรอ?”

อวี้อี่มั่วตอบเสียงเย็นชา“อืม”

เธอถามอย่างลังเล“ข่าวลือในบริษัท…จะมีผลกระทบกับคุณไหม?”

เธอกังวลที่สุดก็คือเรื่องนี้ ตอนนี้อวี้อี่มั่วกลับมาแล้ว แต่ว่าข่าวลือในบริษัทยังไม่หายไปหมด เธอกลัวว่าจะมีผลกระทบที่ไม่ดีกับเขา

มองเห็นตัวผู้หญิงเองเป็นภูมิแพ้นอนอยู่บนเตียง คาดไม่ถึงว่ายังคงกังวลกับสถานการณ์ของเขาตลอด อวี้อี่มั่วใจอ่อนขึ้นมากะทันหัน“ไม่มี”

หร่วนซือซือวางใจไม่ลง ยังอยากจะถามอีกหลายประโยค ยังไม่ทันจะได้เปิดปากถาม อวี้อี่มั่วก็พูดขึ้นมาก่อน“ผมจะให้ตู้เยี่ยลางานให้คุณ คุณพักผ่อนเยอะๆ รอให้คุณหายดีแล้วค่อยว่ากัน”

หร่วนซือซือจำเป็นต้องยินยอม“ค่ะ”

อวี้อี่มั่วปล่อยมือของเธอ เสียงเบาลงเล็กน้อย“งั้นผมกลับบริษัทก่อน ตอนเย็นจะกลับมาหาคุณ”

เห็นว่าเขาจะออกไปแล้ว หร่วนซือซือในใจหดหู่โดยไม่รู้สาเหตุ จำเป็นต้องพยักหน้า

อวี้อี่มั่วหมุนตัวกลับ เพิ่งจะเริ่มก้าวเดิน ก็รู้สึกถึงมุมเสื้อตึงแน่น ทันใดนั้นก็ถูกคนดึงไว้

เขาหันหน้ากลับไป ก็มองเห็นหร่วนซือซือดึงมุมเสื้อของเขาไว้ สีหน้าลังเล กำลังจะพูดและหยุดลง

“เป็นอะไร?”

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ ปลุกความกล้าเผชิญหน้ากับดวงตาสีดำขลับของผู้ชาย พูดเสียงเบา“คืนนี้…กลับไปทานข้าวที่บ้านด้วยกันได้ไหม?”

หลายวันที่ผ่านมาเวลาที่อวี้อี่มั่วไม่อยู่ เธอมักจะทานอาหารได้น้อย ถึงแม้ว่าในบ้านจะมีป้าหรง แต่เธอก็รู้สึกว่างเปล่า

อวี้อี่มั่วมองเห็นผู้หญิงขอร้องอย่างระมัดระวัง คำพูดที่จะปฏิเสธก็พูดไม่ออก เขาหยุดไปชั่วขณะ ตอบรับเสียงเบา“ได้”

เห็นเขาตอบรับแล้ว หร่วนซือซือจึงค่อยๆปล่อยมือ

อวี้อี่มั่วก้าวเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ยื่นมือออกไปปิดประตูลง

ตู้เยี่ยที่อยู่หน้าประตูก็เดินเข้ามาตรงหน้า“ประธานอวี้ จำเป็นต้องให้คนมาดูแลคุณนายไหม?”

“หยุดชั่วคราว ให้เธอพักผ่อนเยอะๆ ฉันจะมารับเธอสายหน่อย”

พูดพลาง ก้าวเท้าเดินตรงออกไป แต่เหมือนกับคิดอะไรออก ทันใดนั้นสายตาก็เย็นชาลง“เมื่อกี้ให้นายไปตรวจสอบพบหรือยัง?”

ตู้เยี่ยพยักหน้า“ตรวจสอบพบแล้ว คือเลขาของท่าน เฉิงลู่เลขาหน้าห้องประธาน”

ได้ยินชื่อนี้ อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วขึ้น และพูด“กลับบริษัท”

ไม่ว่ายังไงก็ตาม หร่วนซือซือก็คือภรรยาของเขา หากคนอื่นต้องการจะรังแกเธอ ก็ต้องผ่านด่านเขาไปก่อน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า คนที่ลงมือกับหร่วนซือซือจะเป็นเลขาของเขาเอง!

จากโรงพยาบาลกลับมาถึงบริษัท ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อวี้อี่มั่วก็กลับมาถึงห้องทำงาน มองดูตู้เยี่ยเปิดวีดีโอที่บันทึกจากกล้องวงจรปิดไว้ สีหน้าก็ยิ่งเยือกเย็นขึ้นกว่าเดิม

หลังจากที่ดูช่วงที่เฉิงลู่ผสมน้ำมะม่วงลงไปในแก้วของหร่วนซือซือดูกลับไปกลับมาห้าครั้งแล้ว ก็ยกแก้วขึ้น ดื่มกาแฟ สั่งตู้เยี่ยเสียงเย็น“ไปเตรียมของที่เหมือนกันมา…”

อีกด้านหนึ่ง เฉิงลู่ที่นั่งอยู่ในห้องทำงานเลขาไม่ได้รู้ถึงสถานการณ์ที่นี่โดยสิ้นเชิง เธออารมณ์ดี ฮัมเพลงสบายใจ เติมลิปสติก

ห้องทำงานประธานไม่ได้มีเพียงเลขาคนเดียว ห้องทำงานเลขาก็ใช้ร่วมกันสองคน อันหร่านเลขาอีกคนกำลังจัดเรียงเอกสารในมือ มองเห็นเฉิงลู่ ยิ้มและถาม“มีเรื่องอะไรทำไมดีใจขนาดนั้น?”

เฉิงลู่มองกระจกพลาง ยิ้มและพูด“มองเห็นคนที่ตัวเองเกลียดขายหน้า อารมณ์ดีมากจริงๆ!”

อันหร่านถามด้วยความแปลกใจ“คนที่เกลียด ใครเหรอ?”

เฉิงลู่ยิ้ม จงใจเสแสร้ง“ไม่บอกเธอ!”

อันหร่านได้ฟัง ก็ไม่ได้ถามต่อ เพียงแค่พูดเสียงเบา“ประธานอวี้กลับมาแล้ว เธอรู้ไหม?”

“ประธานอวี้กลับมาแล้ว?”เฉิงลู่หยุดการกระทำไปชั่วขณะ ดวงตาเปล่งประกาย

ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในอวี้กรุ๊ป ก็เป็นเลขาอวี้อี่มั่วมาโดยตลอด เธอมีใจให้เขามานานแล้ว แต่เป็นเพราะว่าฐานะของทั้งสองคนกีดขวาง ไม่กล้าแสดงออกความในใจของเธอ

ครั้งนี้อวี้อี่มั่วออกไปทำงานนอกสถานที่ ถึงแม้ว่าเธอจะคิดถึง แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกชัดเจน ทำได้เพียงอ้างเรื่องงานเพื่อส่งข้อความไปหาเขา ตอนนี้เขากลับมาแล้ว เป็นธรรมชาติที่เธอจะกระวีกระวาดร้อนใจ

อันหร่านพูดตามอำเภอใจ“ใช่แล้ว ประธานอวี้กลับมาสักพักแล้ว เพียงแต่เหมือนเขาจะมีเรื่องอะไร อยู่ในห้องทำงานตลอด”

เฉิงลู่ยากที่จะระงับความตื่นเต้นเอาไว้“หรือว่า ฉันจะเข้าไปถามดู?”

เธอเพิ่งจะพูดจบ ทันใดนั้นห้องทำงานก็ถูกคนผลักเข้ามา เธอหันตามไปมอง มองเห็นอวี้อี่มั่วยืนอยู่หน้าประตู รู้สึกประหลาดใจ รีบลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น“ประธานอวี้ ท่านกลับมาแล้ว?”

อวี้อี่มั่วสีหน้าไร้ความรู้สึก แทบจะไม่มีความลังเลก็ก้าวเดินตรงไปมาหาเธอ“อืม”

เฉิงลู่ได้เห็น ในใจก็เต้นรัว ถามเสียงเบา“ออกไปดูงานนอกสถานที่ราบรื่นไหมคะ?”

“ราบรื่น”อวี้อี่มั่วตอบรับด้วยเสียงเย็นชา เดินตรงมาหน้าโต๊ะทำงานของเธอ เปิดปากถาม“เธอล่ะ?ไม่กี่วันมานี้ทำงานเป็นยังไงบ้าง?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกอวี้อี่มั่วถามแบบนี้ เวลานี้ตื่นตะลึงเพราะได้รับความเมตตาอย่างคาดไม่ถึง“ดี…ดีมากค่ะ”

อวี้อี่มั่วพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“งั้นก็ดี ครั้งนี้ฉันกลับมา ตั้งใจให้ตู้เยี่ยนำของขวัญมาให้เธอ”

เฉิงลู่ทั้งตกใจและดีใจ“ของขวัญ?”

ตั้งแต่ที่เธอมาเป็นเลขาของเขา ถึงแม้ว่ามีชื่อเป็นเลขาของเขา แต่การสื่อสารระหว่างทั้งสองคนก็ล้วนเกี่ยวกับเรื่องงาน ครั้งนี้อวี้อี่มั่วเอาใจใส่เธอเหมือนกับกลายเป็นคนอีกคนอย่างกะทันหัน เป็นธรรมชาติที่เธอจะประหลาดใจ

ขณะที่เธอกำลังดีใจและตื่นเต้น ทันใดนั้นอวี้อี่มั่วก็ตบมือ

เร็วมาก ตู้เยี่ยก็ขนกล่องใหญ่เข้ามา วางลงบนโต๊ะของเฉิงลู่

เฉิงลู่จ้องมอง บนกล่องสีน้ำตาลก็ประทับตราลูกมะม่วงขนาดใหญ่ ด้านข้างยังมีตัวอักษร“มะม่วงคุณภาพดี”

มองเห็นมะม่วงกล่องนี้ ทันใดนั้นเธอก็ขาดความมั่นใจขึ้นมา มองไปที่อวี้อี่มั่วอย่างประหลาดใจ“ประธานอวี้ นี่คือท่าน…”

อวี้อี่มั่วเงยคางขึ้น พูดแสดงเจตนา“ของพวกนี้ ให้เธอทั้งหมด”

เฉิงลู่ไม่เข้าใจ“นี้…”

อวี้อี่มั่วกวาดสายตาเย็นชามองเธอ ไม่ได้พูดจา หันหน้าไปมองที่ตู้เยี่ย

ตู้เยี่ยเข้าใจ เดินมาด้านหน้า ส่งโทรศัพท์ไปที่ด้านหน้าเฉิงลู่

เฉิงลู่ได้เห็น คาดไม่ถึงว่าเป็นวีดีโอจากกล้องวงจรปิด เป็นช่วงที่เธอนำน้ำมะม่วงใส่ในแก้วของหร่วนซือซือ!

ชั่วพริบตาเดียว เธอก็เสียวสันหลังขึ้นมา“ประธานอวี้…ฉันแค่อยากจะเตือนสติเธอ เพราะว่าเธอ ข่าวลือของท่านแพร่กระจายไปทั่วในบริษัท ฉันไม่สามารถจะกลืนความโกรธนี้ได้ลง!”

ไม่รอให้เธอได้พูดจบ อวี้อี่มั่วก็เปิดปากพูดอย่างเย็นชา หยุดคำพูดของเธอ“นำของพวกนี้กินให้หมด”

เฉิงลู่มองสายตาของอวี้อี่มั่ว มองดูมะม่วงกล่องใหญ่ที่อยู่บนโต๊ะ อดไม่ได้ที่ร่างกายจะสั่นเทา“ประธานอวี้ ครั้งต่อไปฉันไม่กล้าทำแล้ว…”

อวี้อี่มั่วไม่กระพริบตา พูดออกคำสั่ง“มีสองทางเลือก จะลาออก หรือทานให้หมด”

Options

not work with dark mode
Reset