ดั่งรักบันดาล 28

ตอนที่ 28

“ติ๊ง——” เสียงประตูลิฟต์เปิดออก หร่วนซือซือไม่มีทางเลือกอื่น จึงทำได้เพียงเดินออกมา

ในเวลานี้เธอไม่สามารถหลบหนีได้ แม้แต่เรื่องการส่งเอกสารเล็กน้อยอย่างนี้

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามเดินให้ดีที่สุด

เมื่อเดินมาถึงประตูห้องทำงาน เธอก็ยกมือขึ้นเคาะประตู หลังจากได้ยินเสียงข้างในเธอก็ผลักประตูเข้าไป

อวี้อี่มั่วนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในห้องทำงานที่กว้างขวางมีเพียงเขาคนเดียว

หร่วนซือซือจับแฟ้มเอกสารแน่นและเดินไปข้างหน้าช้าๆ “ประธานอวี้ นี้เป็นเอกสารที่คุณต้องการ”

อวี้อี่มั่วพยักหน้า ท่าทางของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก “โอเค วางไว้”

หร่วนซือซือกะพริบตา และพูดต่อว่า “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันออกไปก่อนนะ”

หลังจากที่เธอพูดจบ อวี้อี่มั่วก็พูดขึ้นว่า “ทำไมจู่ๆถึงมาที่บริษัท ฉันให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านไม่ใช่หรอ?”

หร่วนซือซือลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดตามความจริงว่า “ฉัน…อยู่บ้านจนเบื่อแล้วก้เลยมาทำงาน”

เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินอย่างนั้นก็หยุดชะงักแล้วลุกขึ้นทันที เขาเดินมาข้างๆเธอ และก้มลงมามองเธอ “เท้าเป็นอะไร?”

เธออดทนเดินด้วยความปวด แต่ทำไมเขายังดูออก?

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว แล้วยื่นมือไปดึงเธอมาที่โซฟาข้างๆ เขากดให้เธอนั่งลง “อย่าขยับ ให้ฉันดุหน่อย”

ในขณะที่พูดเขาก็คุกเข่าลงและถอดรองเท้าส้นสูงออกจากเท้าของเธอ

หร่วนซือซือหดเท้ากลับ แต่ก็ถูกเขาจับข้อเท้าเอาไว้

อวี้อี่มั่วก้มลงมองและเห็นว่ามีเลือดไหลที่ส้นเท้าของเธอ สายตาของเขาเย็นชาทันที

แผลที่เท้าของเธอรุนแรงขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่พูดอะไรสักคำ!

ไฟที่ไม่มีชื่อเกิดขึ้นในใจ อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว เขามองไปที่หร่วนซือซือและถามว่า “เธอจะปิดบังไปถึงเมื่อไหร่?”

เมื่อเขาถาม หร่วนซือซือก็ไม่มีอะไรจะพูด เธอก้มหน้าและไม่พูดอะไร

อวี้อี่มั่วลุกขึ้นไปเปิดตู้ที่อยู่ข้างๆ เขาเอากล่องยาสำรองออกมา แล้วหยิบผ้าพันแผลกับยาออกมาทำแผลให้หร่วนซือซือ

เขานั่งอยู่ข้างๆหร่วนซือซือ เขาเอาขาของเธอวางบนขาของเขา และทำแผลให้เธออย่างอ่อนโยนและระมัดระวัง

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ท่าทีที่ตั้งใจของเขาทำให้แก้มของหร่วนซือซือเริ่มร้อนผ่าวจนในที่สุดมันก็ลุกเป็นไฟ

“คือว่า…” หร่วนซือซือบังคับตัวเองให้หันเหความสนใจ “เมื่อคืนฉันไม่ได้ทำอะไรที่มันนอกกรอบใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินเธอพูดถึงเรื่องเมื่อคืน สีหน้าของอวี้อี่มั่วก็เปลี่ยนไป เขามองเธอด้วยแววตาที่มีรอยยิ้มไม่ค่อยชัดเจนนัก “อยากรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”

หร่วนซือซือพยักหน้าทันที “ฉัน…ไม่ได้ทำให้คุณยุ่งยากใช่ไหม?”

อวี้อี่มั่วเลิกคิ้ว แลัพันแผลต่อ “ถ้าการที่เธอโอบคอของฉันแล้วจูบ ไม่นับว่าเป็นความยุ่งยากอะไร งั้นก็คงไม่เป็นไร”

“อะไรนะ!” หร่วนซือซือตกใจ และอดไม่ได้ที่จะพูด “ฉัน……”

ความร้อนที่พุงขึ้นไปบนหัว ทำให้แก้มของหร่วนซือซือร้อนผ่าว และหูทั้งสองข้างของเธอก็แดง

เมื่อคืนเธอโอบคอและจูบอวี้อี่มั่ว มันน่าอายเกินกว่าที่จะพูดออกไป!

อวี้อี่มั่วมองเธอโดยไม่มีท่าทางใดๆ เขายิ้มแล้วพันแผลให้เธอ จากนั้นก็พูดว่า “ถ้ารองเท้าของคุณมันไม่พอดีก็เปลี่ยน”

ในขณะที่พูดเขาก็ยืนขึ้น และเดินไปโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงาน “ส่งรองเท้าแตะผู้หญิงเบอร์สามสิบหกมาหน่อย”

หลังจากพูดจบเขาก็วางสายแล้วเดินไปที่โซฟา และบอกกับหร่วนซือซือว่า “รอเดี๋ยวนะ ตู้เยี่ยกำลังเอารองเท้าแตะมาให้เธอเปลี่ยน”

“แล้วก็รองเท้าคู่นี้ ต่อไปไม่ต้องใส่แล้วนะ”

หร่วนซือซือที่นั่งอยู่บนโซฟาส่งเสียงตอบรับ “อ้อ”

หลังจากนั้นไม่นานตู้เยี่ยก็เคาะประตูและเดินเข้ามา เขาเอารองเท้าแตะเบอร์สามสิบหกมาให้

เดิมทีตู้เยี่ยสับสน ไม่รู้ว่าทำไมท่านประธานถึงต้องการรองเท้าผู้หญิงคู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นหร่วนซือซือเขาก็เข้าใจทันที เขาวางรองเท้าลงและออกไป โดยไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ

เมือเห็นว่าอวี้อี่มั่วเอารองเท้ามาให้ หร่วนซือซือก็รู้สึกอบอุ่นและพูดเบาๆว่า “ขอบคุณ”

ไม่รู้ว่าอวี้อี่มั่วดูออกได้ยังไงว่าเท้าของเธอเจ็บ แต่ที่ไม่ต้องสงสัยเลยคือ เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ละเอียดรอบครอบและเอาใจใส่ดูแล

“นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ ไม่ต้องขอบคุณหรอก” อวี้อี่มั่วพูดอย่างสงบนิ่ง “นี่เป็นวันแรกที่มาทำงาน หลัจากที่ได้เลื่อนตำแหน่ง รู้สึกยังไงบ้าง?”

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ “ก็ดี…”

“อืม ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วย เธอก็ไปหาตู้เยี่ย”

ในขณะที่อวี้อี่มั่วพูดก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน และดูเอกสารต่อ

หร่วนซือซือเปลี่ยนรองเท้าและใส่รองเท้าส้นสูงไว้ในถุง และกำลังจะเดินออกไปจากห้องทำงาน

หลังจากพันแผลแล้ว เธอก็ยังเจ็บแผลอยู่นิดหน่อย แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก

สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือความพิถีพิถันของอวี้อี่มั่ว และยังสั่งให้ตู้เยี่ยเอารองเท้ามาให้เธอ

ในขณะที่เธอคิดเธอก็หัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอยื่นมือไปตบแก้มที่แดงระเรื่อแล้วเดินไปข้างหน้า

“เดี๋ยวก่อน!”

ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านหลัง หร่วนซือซือตกตะลึงแล้วหันกลับไป

ที่แท้ก็เป็นเฉิงลู่ เลขาที่เธอเจอเมื่อวานตอนที่เธอเอาซุปซี่โครงหมูมาให้อวี้อี่มั่ว

เฉิงลู่จ้องมองไปที่เธอ และถามวา “เธออยู่แผนกไหน?”

หร่วนซือซือรู้สึกไม่ค่อยชอบเธอ แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรกับเธอมาก จึงตอบกลับไปว่า “แผนกบริหาร”

เมื่อได้ยินที่หร่วนซือซือพูด เฉิงลู่ก็ขมวดคิ้วแล้วมองไปที่หน้าอกของเธอ “หร่วนซือซือ?เราเคยเจอกันที่นี่รึเปล่า?เสียงของเธอคุ้นหู……”

“งั้นหรอ?”หร่วนซือซือ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะ ยังมีงานต้องทำ”

เฉิงลู่ขมวดคิ้ว สายตาของเธอจบจ้องไปที่รองเท้าของหร่วนซือซือ “เมื่อกี้ฉันเห็นผู้ช่วยตู้ถือรองเท้าเข้าไปในห้องทำงาน หรือว่าเป็นรองเท้าที่เธอใส่?”

หร่วนซือซือขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา “เลขาเฉิง ฉันยังมีงานต้องทำ ขอโทษด้วยฉันต้องขอตัวก่อน”

หลังจากที่พูดจบเธอก็เดินไป

เฉิงลู่ตามไปอย่างไม่สนใจ “หยุดนะ ฉันจะบอกเธอให้นะไม่ว่าเธอจะอยู่แผนกไหน ฉันแนะนำว่าอย่ามายุ่งกับประธานอวี้!ตราบใดที่ท่านประธานยังมีฉันเฉิงลู่ เธอก็อย่าแม้แต่จะคิด!”

เมื่อได้ยินที่เฉิงลู่พูด หร่วนซือซือก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ที่แท้เธอก็เป็นศัตรูในจินตนาการของตัวเอง

หร่วนซือซือยิ้มและพูดว่า “เลขาเฉิง ไม่ใช่ทุกคนที่ไร้สาระเหมือนคุณ”

เมื่อได้ยินที่หร่วนซือซือพูด เฉิงลู่ก็สีหน้าซีด “ที่เธอพูดหมายความว่าไง?”

หร่วนซือซือไม่อยากที่จะสนใจ เธอจึงเดินต่อไปโดยที่ไม่หยุด

เมื่อเห็นว่าหร่วนซือซือเดินเข้าไปในลิฟต์ เฉิงลู่ก็จ้องมองเธอด้วยสายตาที่โกรธเคือง

เธอรู้สึกเหมือนเคยได้ยินเสียงของหร่วนซือซือที่ไหนสักที่ และหลังจากที่ได้ยินเธอพูดก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย

ทันใดนั้นก็มีภาพแวบเข้ามาในหัวของเธอ

คนที่สวมหมวกและสวมหน้ากากมาส่งอาหารให้ท่านประธานในวันนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นหร่วนซือซือ!

Options

not work with dark mode
Reset