ดั่งรักบันดาล 223

ตอนที่ 223

อะไรคือ"ภายในระยะเวลาสัญญา ฝ่ายตรงข้ามห้ามยุ่งหรือข้องเกี่ยวกับเพศตรงข้ามเชิงชู้สาว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของสัญญาเป็นหลัก"

ในหัวของหร่วนซือซือรวนไปหมด เหมือนไม่เชื่อในสายตากับสิ่งที่เห็น เธอขยี้ตา เบิกตากว้างพยายามเพ่งเล็ง

ข้อความตัวหนังสือในวงเล็บก็ยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปไหน

เธอกุมเอกสารสัญญาไว้ ยืนอยู่ที่เดิม นิ่งราวกับหิน

นี่มันเงื่อนไขบ้าบออะไรกัน? มีสิทธิ์อะไรมาขีดเส้นบังคับความรู้สึกของคนอื่น? ถึงขั้นมาจุ้นจ้านว่าเธอจะคบกับใคร

อวี้อี่มั่วที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เงยหน้าขึ้นมามอง เห็นสีหน้าท่าทีของเธอแล้ว ก็สาวเท้าเข้ามา เขาเลิกคิ้วขึ้น : "ไม่ต้องให้บอกมั้ง ว่าอยู่ตรงไหน?"

บนสัญญาเขียนอย่างชัดเจน และเธอก็ยินยอมเซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อย

หร่วนซือซือกัดริมฝีปาก กำมือทั้งสองไว้แน่น เงยหน้าจ้องเขา : "จะควบคุมไปถึงความรู้สึกฉันเลยรึไง มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?"

อีกอย่าง ถึงเธอจะมีแฟน แต่ก็ไม่ได้กระทบถึงบทละครที่เล่นตบตาคุณยายของเขาหรอก แล้วนี่มันหมายความว่ายังไง?

อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเย็นชา : "เพื่อบทละครที่สมจริงยิ่งขึ้น คุณยายเป็นคนฉลาด ไม่ใช่คนที่ใครพูดอะไรก็เชื่อง่ายๆ"

เป็นเพราะความโกรธ น้ำเสียงของหร่วนซือซือจึงสั่นเครือ : "เพราะฉะนั้น คุณจะควบคุมแม้กระทั่งความรู้สึกของฉันเหรอ?"

"ตั้งแต่วันเธอเซ็นชื่อลงบนสัญญา เธอก็ต้องรับผิดชอบเธอเอง ไม่ใช่เหรอ? " อวี้อี่มั่วเดินเข้าหาเธอทีละก้าว ด้วยสายตาเย็นชา : "ไม่เช่นนั้น เธอคิดว่าเงินของฉันหล่นมาจากฟ้ารึไง?"

คำคำนี้ เรียกสติเธอกลับมา

และแล้ว ตั้งแต่สมัยโบราณยันสมัยนี้ คนมีเงินก็อยู่เหนือคนอื่นเสมอ แต่เธอที่ทำเพื่อการผ่าตัดของพ่อแล้ว ไม่ยอมรับก็คงไม่ได้

หร่วนซือซือกัดฟันแน่น แค่นึกถึงข้อความนั้นบนสัญญา ก็รู้สึกจุกไปหมด

ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเขาอันดับแรก ก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กของเขาแล้วล่ะมั้ง?

เธอสูดลมหายใจเข้า เงยหน้าจ้องตาเขา กำมือแน่นเข้าไปอีก กัดฟันแล้วพูดขึ้นว่า : "ถ้าเป็นแบบนี้ มันจะต่างอะไรกับเด็กเสี่ยล่ะ"

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว หันหน้ามาดูเธอ สีหน้าเข้ม เม้นปากแน่น ไม่ตอบอะไร

เขาเองไม่ได้คิดแบบนี้ ที่ให้ระวังความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ก็เพื่อปกป้องตัวเธอเอง

เพราะเขาเองรู้ดีที่สุดว่าความคิดผู้ชายไม่ใช่แค่ที่เห็น รวมถึงซ่งเย้อัน ที่ผิวเผินดูผู้ดีอ่อนโยน แต่จริงๆแล้วเขาไม่ใช่ย่อยๆเลย

สำหรับหร่วนซือซือ ความเงียบของเขาก็คือคำตอบ คือการยอมรับว่าสัญญาฉบับนี้ไม่ได้แตกต่างจากการเป็นเด็กของเขา

รู้สึกเหมือนโดนตบหน้า ทั้งชาทั้งแสบ หร่วนซือซือสับสนวุ่นวายไปหมด นึกถึงการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ มันช่างน่าขำ

ตั้งแต่เริ่มใเป็นสามีภรรยา ต่อมาเป็นอดีตสามีภรรยา จนมาถึงความสัมพันธ์ทางสัญญา และกลับมาเป็นคู่รักจอมปลอมอีกครั้ง……

เธอเม้มปาก ในใจรู้สึกสิ้นหวัง มองไปยังผู้ชายตรงหน้า จู่ๆเธอก็ยกมือขึ้นมา ค่อยๆรูดซิปชุดเดรสลง

เธอกัดฟันแน่น ถอดชุดเดรสลงต่อหน้าเขา

ชุดเดรสที่หล่นลงบนพื้น ผิวที่ขาวเนียนละเอียดและหุ่นอรชรเป็นสัดเป็นส่วนของเธอปรากฏต่อหน้าเขา สวยงามราวกับเป็นประติมากรรมในยุคกลางของยุโรป พร้อมแสงที่นุ่มนวล ทำให้ผู้พบเห็นไม่อาจละสายตาได้

อวี้อี่มั่วตะลึงตาค้าง เขากวาดตามองร่างบางขาวเนียนของเธอผ่านๆ หยุดอยู่ที่ใบหน้าของเธอ พูดขึ้นเสียงขรึม : "เธอทำอะไร?"

เขาหมายความว่ายังไง?

หร่วนซือซือกัดฟันแน่น ยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกที่ขมขื่น : "ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเจ้าของสัญญาเป็นอันดับแรก หรือฉันควรจะทำแบบนี้ใช่ไหม ชำระให้สะอาดก่อนค่อยมาเสิร์ฟถึงที่เหรอ?"

สัญญาฉบับนั้น ได้ทำลายศักดิ์ศรีสุดท้ายของเธอไปอย่างสิ้นเชิง เหมือนเช่นวันนี้ มีอะไรให้ต้องขายหน้าอีกเหรอ

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น ความโกรธแผ่ซ่านไปทั่วดวงตาของเขา กัดฟันกรอด : "หร่วนซือซือ!"

เขาไม่ได้หมายความว่าแบบนี้เลย!

จู่ๆผู้หญิงตรงหน้าก็เดินมาแนบชิดตัวเขาอย่างไม่ลังเล ยกมือขึ้นคล้องคอเขาไว้ แล้วถามเขาว่า : "อวี้อี่มั่ว แล้วถ้าแบบนี้จะชอบมากกว่ารึเปล่า?"

ตั้งแต่แรก เธอที่อยู่ในสายตาเขา ไม่ได้แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นเลย เงินซื้อได้ทุกอย่าง และซื้อได้ตามอำเภอใจ

อวี้อี่มั่วหรี่ตาลง มองใบหน้าสวยหมดจดที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ในใจร้อนดุจไฟเผา เรือนร่างที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆแตะจมูกเขา ร่างกายของเขาก็ลุกโชนร้อนรุ่มไปทั่วร่างกาย

เขาขมวดคิ้วแน่น พยายามควบคุมตัวเองด้วยเหตุผล : "หร่วนซือซือ มีสติหน่อย"

หร่วนซือซือฝืนยิ้มที่มุมปาก : "ฉันสติดีตลอด"

มีสติดีและได้รู้จักผู้ชายตรงหน้าอย่างถ่องแท้ รู้ว่าจะอยู่รอดต่อไปยังไง

ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกซื้อมาด้วยเงิน

เธอกัดฟัน ยกมืออีกข้างโอบรอบคอเขาไว้ ยิ้มอ่อนพลางพูดว่า : "คุณหลอกให้ฉันเซ็นสัญญาฉบับนั้นไป ไม่ได้เพื่อสิ่งนี้หรอกเหรอ?"

ได้ยินแบบนี้แล้ว สายตาเขาเข้มขรึมขึ้น แววตาดุดัน ทำให้คนที่จ้องตาหนาวสะท้านได้

เขาขมวดคิ้วแน่น ยกมือขึ้น ดึงแขนที่คล้องคอของเขาอยู่ออก ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : "ฉันไม่ได้บอกให้เธอไม่ต้องรักนวลสงวนตัว"

พูดจบ เขาก็หมุนตัว เดินออกไปอย่างไม่ลังเล

เสียงประตูปิดลงดัง"ปัง" หร่วนซือซือยังยืนอยู่ที่เดิม เย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง ร่างกายแข็งทื่อ

ชั่วอึดใจ ขาของเธอก็อ่อนแรง และเวียนหัว

เธอยื่นมือไปหยิบผ้าเช็ดตัว พันรอบตัวแล้วเดินเข้าห้องนอนไป ฟุบตัวลงบนที่นอน น้ำตาไหลพรากไม่มีเสียง

เขาไม่ได้ต้องการสิ่งนี้เหรอ? ไปเสิร์ฟเขาถึงที่ ยังโดนต่อว่ากลับมาว่าไม่รักนวลสงวนตัว

ในอกเหมือนโดนก้อนหินที่หนักอึ้งทับอยู่ แค่นึกถึงสัญญาฉบับนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะจุกอก

ตอนแรกเธอรู้สึกว่าสัญญาฉบับนี้เหมือนขายตัวเองไป เธอเดาไม่ผิด ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ไม่รู้ว่าเวลาร่วงเลยไปนานแค่ไหน เธอร้องไห้จนตาบวมแดง ร้องไห้จนผล็อยหลับไปเอง

วันต่อมา เธอยืนอยู่หน้ากระจก เห็นตาที่บวมแดงของเธอแล้ว อารมณ์ก็หล่นฮวบลงไปอีก

รองพื้นปกปิดไปหลายชั้น แต่ก็ปกปิดความล้าบนหน้าเธอไม่ได้ เธอสูดลมหายใจลึก หมุนตัวสวมเสื้อผ้า แล้วออกไปที่บริษัท

ถึงแม้สภาพจิตใจเธอจะแย่ แต่ชีวิตยังต้องดำรงต่อไป ขอเพียงแค่การผ่าตัดของพ่อผ่านไปได้ด้วยดี เธอก็ถือว่าคุ้มกับที่ทุ่มเทไป

ยุ่งอยู่ในบริษัททั้งวันพึ่งจะได้เลิกงาน หร่วนซือซือรีบตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลอย่างใจร้อน พึ่งถึงหน้าโรงพยาบาล ยังไม่ทันได้เปิดประตู ก็ได้ยินเสียงพูดคุยอยู่ข้างในห้องผู้ป่วย

เสียงคุณนายหลิวพูดขึ้นว่า : "คุณวางใจเถอะ หัวหน้าเฝิงเป็นคนผ่าตัดด้วยตัวเอง ไม่มีปัญหาอะไรหรอก"

"ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น" ศจ.หร่วนถอนหายใจออกมาเบาๆ : "ไม่ว่าผลการผ่าตัดจะออกมายังไง หลังการผ่าตัดแล้ว ฉันขอแค่ได้เห็นลูกสาวของเรามีที่พักพิงที่ดีแล้ว ฉันถึงจะวางใจได้!"

"ใช่แล้ว……คุณว่าเสี่ยวอวี้เป็นคนดีแค่ไหน ทำไมทั้งคู่ถึงไม่ได้อยู่คู่กันนะ……"

"คงจะเป็นอย่างที่อี่มั่วเคยพูดมา ทั้งคู่เข้ากันไม่ได้จริงๆมั้ง……"

“……”

คุณนายหลิวและศจ.หร่วนคุยกันอยู่สักพัก หร่วนซือซือยืนอยู่หน้าประตูได้ยินทุกอย่างชัดเจน

เธอกัดริมฝีปากแน่น ในใจเริ่มวุ่นวายสับสน

เกรงว่าทั้งชีวิตนี้ เธอและอวี้อี่มั่วจะไม่มีวันที่จะได้อยู่ด้วยกันน่ะสิ

Options

not work with dark mode
Reset