ดั่งรักบันดาล 179

ตอนที่ 179

หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา หร่วนซือซือเดินไปตามทางของถนนใหญ่ ทันใดนั้นก็รู้อ้างว้างและสับสนงงงวย

ในสมองกลับหวนคิดถึงคำพูดนั้นของศาสตราจารย์หร่วนไม่ยอมหยุด เธอทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อตระกูลหร่วนกันแน่น ถึงทำให้บิดาที่อ่อนโยนมาโดยตลอดถึงโกรธเป็นฝืนเป็นไฟมากขนาดนี้

เมื่อเดินอย่างไร้จุดหมายมาได้ครึ่งทาง จิตใจของหร่วนซือซือสับสนวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะไปที่ไหนต่อ ในช่วงเวลานั้นเอง ที่จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ เธอถึงได้สติกลับคืนมา ก่อนจะสัมผัสเข้าที่โทรศัพท์มือถืออย่างเชื่องช้า แทบจะไม่ทันได้มองอะไรเลยก็กดรับสายไปเสียแล้ว

โทรศัพท์มือถือพึ่งจะถูกยกขึ้นมาแนบเข้าที่เข้าหู ในสายโทรศัพท์นั้นกลับมีเสียงร่างเริงสดใสของซ่งอวิ้นอันดังขึ้นมาทันที "ซือซือจ๊ะ เลิกงานหรือยังน่ะ? ฉันจะไปหาเธอ เธอมาเป็นเพื่อนฉันเดินเล่นหน่อยสิ มาช่วยเลือกชุดที่จะสวมใส่ขึ้นแสดงกันเถอะ!"

หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที น้ำเสียงทั้งต่ำทั้งเข้ม แฝงไปด้วยความรู้สึกผิด "อันอันจ๊ะ ขอโทษด้วยนะจ๊ะ วันนี้เกรงว่าจะไม่ได้ ฉันไม่ค่อยอยากไปน่ะ……"

เธอมีเวลา แต่ทว่าไม่มีอารมณ์ หากว่าตอบตกลงกับอันอันไปแล้วจริงๆ ท่าทางเธอเป็นแบบนี้แล้ว คงจะทำให้หมดสนุกแน่

ทางฝั่งซ่งอวิ้นอันที่ได้ยินเธอตอบกลับมาแบบนี้แล้ว จับได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ซือซือ เธอเป็นอะไรไปน่ะ? เสียงไม่ค่อยดีเลย……เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?"

พวกเขาคือเพื่อนซี้ที่สนิทกันที่สุดแล้ว ย่อมรู้ได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว

หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า "ไม่มีอะไรจ้ะ……"

"ซือซือ เธอยังคิดจะปิดบังฉันอีกหรือไง! เธอนับฉันเป็นเพื่อนจริงหรือเปล่าน่ะ! เธออยู่ที่ไหน? ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้!"

ซ่งอวิ้นอันรั่วถามราวกับกระสุน หร่วนซือซือก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรแล้ว ในที่สุด เธอก็สบมองเข้ากับป้ายข้างทางที่อยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า "ฉันอยู่ที่ตรงข้ามกับสตาร์ออฟไลท์พลาซ่าจ้ะ"

"ได้ เธอหาคาเฟ่แถวนั้นสักที่ รอฉันก่อนนะ อีกประเดี๋ยวฉันก็จะถึงแล้ว"

เมื่อซ่งอวิ้นอันพูดจบ ก็ตัดสายโทรศัพท์ไป หร่วนซือซือสบมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ดับไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง

ในเวลานี้ ถ้าหากว่าได้เห็นซ่งอวิ้นอัน ไม่แน่ว่าเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยก็ได้ เธอสบมองไปที่ม้านั่งตัวยาวที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ แล้วนั่งรอเธอ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว หร่วนซือซือสบมองไฟสัญญาณจราจรที่เปลี่ยนไปหลายสิบครั้งแล้ว ด้านหลังจึงมีน้ำเสียงคุ้นเคยดังลอยเข้ามาให้ได้ยิน "ซือซือ!"

เมื่อเธอหันกลับไปสบมอง ก็เห็นซ่งอวิ้นอันกำลังจอดรถไว้ที่ข้างถนน กำลังสาวเท้าเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว

"ซือซือ ตกลงเธอเป็นอะไรไปน่ะ?"

ซ่งอวิ้นอันเดินมาอย่างรีบร้อน เมื่อมาถึงที่ด้านข้างของเธอแล้ว ก็หอบหายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว

เมื่อสบมองกับเพื่อนรักของตนเองแล้ว หร่วนซือซือหวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลพวกนั้น ก่อนที่จมูกจะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบร้อนขึ้นมา หยาดน้ำตาเป็นประกายระยิบระยับ

"อันอันจ๊ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอย่างไรดี……"

เมื่อพูดไป ลำคอของเธอกลับรู้สึกตีบตันขึ้น ร้อนไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาไหลออกมา

ซ่งอวิ้นอันเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว ชะงักนิ่งไปสองวินาที ก่อนจะได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว กุลีกุจอหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตาให้เธอ "ซือซือ เธออย่าพึ่งร้องก่อนสิ สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ? หรือว่าจะเป็นเจ้าคนสารเลวอวี้อี่มั่วนั่นมารังแกเธอใช่ไหม!"

หร่วนซือซือส่ายหน้าไปมา ก่อนจะรับกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตาเข้าที่หางตา สูดลมหายใจเข้าแรงๆหนึ่งครั้ง รวบรวมสติให้กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า "ไม่เกี่ยวกับเขาหรอก……"

"ถ้าอย่างนั้นแล้วเธอเป็นอะไรไปน่ะ?"

ในคำถามที่ซ่งอวิ้นอันถามมาไม่หยุดนั้น หร่วนซือซือจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ให้เธอฟังอย่างละเอียด

หร่วนซือซือขบเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า "สรุปแล้วที่พ่อของฉันโกรธมากขนาดนี้เป็นเพราะเรื่องอะไรนั้น ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจนัก……."

ซ่งอวิ้นอันขมวดคิ้ว ในใจกลับยังไม่ลบความสงสัยในตัวอวี้อี่มั่วออกไป "ทำไมคุณลุงถึงพูดถึงเจ้าผู้ชายสารเลวอย่างอวี้อี่มั่วคนนั้นล่ะ! สรุปแล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาหรือเปล่า? ไม่ใช่เพราะว่าเขาหาเรื่องหาราวมากลั่นแกล้งเธอหรอกนะ!"

หร่วนซือซือกำมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่น "ฉันก็ไม่กล้าพูดอะไรมากหรอกจ้ะ ฉันกลัวว่าคุณพ่อจะความดันขึ้น โรคหัวใจจะกำเริบขึ้นมาอีก ถ้าหากว่าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆล่ะก็ ฉันไม่อยากจะคิดถึงผลกระทบที่จะตามมาเลยจริงๆ"

ซ่งอวิ้นอันขมวดคิ้วแน่น ไม่พูดไม่จาอยู่นาน ผ่านไปพักใหญ่ จู่ๆนัยน์ตาของเธอกลับเป็นประกายขึ้น สบมองไปที่หร่วนซือซือก่อนจะเอ่ยแนะนำขึ้นว่า "ซือซือ เอาแบบนี้เป็นไง ฉันจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคุณลุงกับคุณป้า คิดหาวิธีถามไถ่เรื่องราวจากคุณป้า? อย่างน้อยก็เพื่อที่จะได้เข้าในสถานการณ์ พวกเราจึงจะได้รู้ว่าควรที่จะทำอย่างไรกันต่อไป"

เมื่อฟังเธอพูดมาขนาดนี้แล้ว หร่วนซือซือรู้สึกปิติ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับมือของเธอโดยอัตโนมัติ "แบบนี่ดูเหมือนว่าจะโอเคนะจ๊ะ……"

ขอเพียงแค่ได้รับรู้ว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงโกรธขึ้นมาได้ เธอถึงจะรู้ว่าควรจะรับมือต่อไปอย่างไรต่อดี

ซ่งอวิ้นอันตบเข้าที่มือของเธอเบาๆ "ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนนี้ฉันจะไปโรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมคุณลุงกับคุณป้า เธอกลับบ้านไปก่อนนะ มีข่าวอะไรฉันจะรีบโทรศัพท์ไปบอกเธอ พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์พอดีเลย เธอไม่ต้องไปทำงาน คิดแผนรับมือไปพลาง แล้วค่อยไปเยี่ยมพวกเราที่โรงพยาบาลก็แล้วกันนะ"

เรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำได้แล้ว หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าปอดลึกหนึ่งครั้ง ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก แล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า "อันอันจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นก็……"

เธอยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยค ซ่งอวิ้นอันก็รีบโบกไม้โบกมือไปมาทันที ทำเอาเธอต้องกลืนคำพูดที่อยากจะพูดกลับลงไป "ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วล่ะ รอให้จัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยแล้วค่อยเลี้ยงหม้อไฟฉันก็พอ!"

เมื่อหร่วนซือซือได้ยินดังนั้น มุมปากจึงยิ้มกว้างออกมาทันที ความอบอุ่นก่อเกิดขึ้นภายในใจ ก่อนที่จะออกแรงพยักหน้าไปมา "ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงจ้ะ ฉันจะกลับบ้านก่อน แล้วรอฟังข่าวจากเธอนะ"

ซ่งอวิ้นอันตบเข้าที่หน้าอกไปมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจว่า "วางใจเถอะจ้ะ! เธอรีบกลับบ้านไปเถอะ!"

ทั้งสองคนพูดคุยไปมากันอีกเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงแยกย้ายกัน

นั่งรถไฟใต้ดินจนมาถึงคอนโดมิเนียม หร่วนซือซือหวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ก่อนจะรู้สึกหมดอารมณ์อีกครั้ง แต่ทว่าในช่วงเวลานั้นเอง ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ทำได้พียงแค่รอฟังข่าวจากอันอันเท่านั้น

หร่วนซือซือรับประทานอาหารไปเล็กน้อย ก่อนจะเปิดโทรทัศน์ นั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางเบื่อหน่าย แต่ทว่าความสนใจทั้งหมดกลับพุ่งไปอยู่ที่โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ด้านข้าง

เธอทั้งร้อนรนกระวนกระวาย แต่ทว่ากลับไม่มีข่าวสารอะไรติดต่อกลับมาเลย เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ท้องฟ้ามืดมนลงแล้ว โฆษณาที่ฉายอยู่บนโทรทัศน์เปรียบเสมือนกับยานอนหลังชั้นดี ผ่านไปไม่นานนัก เธอก็ง่วงจนไม่อาจลืมตาได้แล้ว

"ติ๊ง–"

ทันใดนั้นเอง กลับมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หร่วนซือซือสั่นไปทั้งร่าง ก่อนจะตื่นจากความฝันขึ้นมาทันที เธอกุลีกุจอลุกขึ้นนั่ง คว้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ทางด้านข้างขึ้นมา ก่อนจะกดรับสายแล้วแนบเข้าที่ข้างหูทันที

"ฮัลโหล? ซือซือ!"

น้ำเสียงของซ่งอวิ้นอันที่ดังขึ้นจากปลายสายดูหงุดหงิด ทันใดนั้นเองก็ทำให้หร่วนซือซือรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้มากขึ้น

เธอรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างประหลาด ก่อนจะรีบเอ่ยถามขึ้นว่า "อันอัน เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ?"

"ชันเจนแล้วล่ะ ฉันถามคุณป้าแล้ว ท่านบอกว่าจู่ๆวันนี้ก็ได้รับจดหมายนิรนามมาฉบับหนึ่ง มันส่งมาให้คุณลุง เมื่อเปิดออกดู ก็พบว่าด้านในเป็นรูปถ่ายบึกหนึ่ง ทั้งหมดนั้นเป็น……"

ซ่งอวิ้นอันที่กำลังพูดอยู่ น้ำเสียงกลับเบาลงขึ้นทุกที ก่อนจะติดลังเลเล็กน้อย ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะพูดอะไรไม่ได้ออกไป

ทางฝั่งของหร่วนซือซือ กำโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือรอฟังเธอที่ไม่พูดให้กระจ่างเสียทีอยู่นาน ทันใดนั้นเองก็กระวนกระวายใจขึ้นมาเล็กน้อย "อันอัน สรุปแล้วเป็นรูปถ่ายของอะไรงั้นหรือจ๊ะ?"

"เป็นพวก……เธอกับผู้ชายกำลังสวีทกันน่ะ หลักฐานชัดเจนมาก แล้วยังมีข้อความอีกข้อความหนึ่งด้วย เขียนว่าที่เธอกับอวี้อี่มั่วเลิกกันเป็นเพราะว่าเธอนอกใจ สวมเขาให้กับเขา……"

เมื่อได้ฟังซ่งอวิ้นอันที่อ้ำๆอึ้งๆพูดเรื่องราวเหล่านี้นะแล้วหร่วนซือซือทั้งโกรธทั้งประหลาดใจ ราวกับว่าถ้าไม่ได้ฟังจากปากของอันอันเองแล้วล่ะก็ เธอจะไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด!

ภาพถ่ายสวีทอะไรกันนะ? นอกใจอย่างนั้นหรือ? เรื่องราวเลวทรามราวกับเรื่องของ Mary Sue แบบนั้น ทำไมถึงต้องลากเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกันด้วย!

เมื่อดูท่าหร่วนซือซือที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่นาน ซ่งอวิ้นอันจึงเอ่ยอย่างลังเลขึ้นอีกว่า "ซือซือ เรื่องนี้ฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะ แต่ทว่าคุณป้าเอารูปภาพพวกนั้นให้ฉันดูแล้ว ก็ไม่ได้มีการตัดต่อหรือปรับแต่งอะไรเลย……"

มือข้างหนึ่งของหร่วนซือซือที่วางอยู่บนหน้าขากำเข้าหากันแน่น ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเล็บจิกเข้าที่ฝ่ามือเข้าให้แล้ว ก่อนจะเป็นรอยเล็กๆรูปครึ่งพระจันทร์เสี้ยว

เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะเปิดปากอธิบายขึ้นว่า "ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นมาก่อน อันอัน เธอเชื่อฉันไหม?"

รูปถ่ายพวกนั้น จดหมายนั่น เกรงว่ามีคนคิดจะใส่ร้ายเธอ จงใจแอบแทงข้างหลังเธอแน่!

Options

not work with dark mode
Reset