ดั่งรักบันดาล 164

ตอนที่ 164

ก่อนหน้าที่จะมาประเทศไทย หร่วนซือซือได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะแล้ว และเห็นไกด์ไลน์บางอย่างบอกว่าคนขับแท็กซี่ของประเทศไทยอาจจะจงใจขับรถอ้อมเส้นทางเพื่อเพิ่มราคาโดยสารให้สูงขึ้น ทว่าเธอไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเธอเพิ่งจะมาถึงได้ยังไม่ถึงหนึ่งวัน ก็ต้องเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว

หร่วนซือซือเปิดโทรศัพท์มองดูแผนที่ จากนั้นก็ทำการคาดเดาราคาโดยสาร ได้ผลลัพธ์ว่าค่าโดยสารควรจะเป็น 150 บาท เธอชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่เต็มอก คนขับแท็กซี่ผู้นี้จงใจที่จะหลอกเธอแน่นอน!

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ชี้หน้าจอโทรศัพท์ให้คนขับรถดู “ฉันให้คุณได้แค่ 150 บาท”

คนขับแท็กซี่ผู้นั้นกวาดสายตามองหน้าจอชั่วขณะ ก็ส่ายหัวทันที “ไม่ 400 400 บาท”

เมื่อเห็นน้ำเสียงอันหนักแน่นของเขา หร่วนซือซือก็รู้สึกโมโหขึ้นมากกว่าเดิม หรือว่าเขาคิดว่าเงินของคนจีนล้นฟ้า หามาง่ายดายจริง ๆ หรืออย่างไร ?

เธอเองก็หัวแข็งขึ้นมา ไม่ยอมถอยให้ “มีแค่ 150 บาท”

เมื่อคนขับแท็กซี่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา จากนั้นทำมือแล้วบอกว่า “งั้นผม…ส่งคุณกลับไปเหมือนเดิม !”

สิ้นเสียง เขาก็ชี้ไปยังสถานที่ของร้านขายซิมโทรศัพท์

หร่วนซือซืออึ้งไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดขึ้นมาเช่นนี้ เมื่อเห็นว่าเขากำลังเตรียมที่จะสตาร์ทรถยนต์ เธอก็รีบผลักเปิดประตูออกไปแล้วลงรถทันที

คนขับแท็กซี่ลดกระจกหน้าต่างลงอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นก็ชูนิ้วสี่นิ้วขึ้นมา “400 400 !”

เมื่อสักครู่บนโต๊ะอาหาร เนื่องจากได้รับการต้อนรับจากฝ่ายพาทเนอร์อย่างคึกครื้น ทุกคนต่างก็ดื่มแอลกอฮอล์บ้างเล็กน้อย หร่วนซือซือเองก็ดื่มเข้าเป็นเช่นกัน เมื่อบัดนี้มีความโมโหเข้ามาประกอบด้วย ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็พุ่งขึ้นมา ต้องการที่จะคุยกับคนขับรถให้กระจ่างถึงจะได้

ที่นี่คือต่างประเทศ เธอไม่สามารถที่จะทำคนจีนขายหน้าได้ จะยอมคนพวกนี้ไม่ได้เป็นอันขาด !

เธอพูดภาษาจีน คนขับแท็กซี่คนนี้ก็ใช้ภาษาจีนกระท่อนกระแท่นพร้อมกับการทำท่าทำทาง ทั้งสองคนมีปากเสียงกันจนใบหน้าแดงก่ำเนื่องจากโมโห

และในขณะนั้นเอง รถยนต์สีดำหนึ่งคันก็มาหยุดที่หน้าประตูโรงแรม ภายในรถยนต์ อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้นมา ส่งสายตามายังหร่วนซือซือที่สวมกระโปรงสีขาวเสื้อกล้ามแลดูสบายทั้งตัวนอกหน้าต่างรถ ซึ่งเธอกำลังมีปากเสียงกับคนขับแท็กซี่อยู่อย่างไม่มีใครยอมใคร

ทันใดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

ผู้หญิงคนนี้ แจ้นมาต่างประเทศแล้วยังมาทะเลาะกับคนอื่นอีก

ตู้เยี่ยที่นั่งอยู่แถวหน้าก็เห็นเหตุการณ์เช่นเดียวกัน เขามองหน้าอวี้อี่มั่วด้วยความลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ประธานอวี้ครับ ดูเหมือนว่าคนขับแท็กซี่คนนั้นจะคิดเงินเกินครับ”

อวี้อี่มั่วมีสีหน้าแน่นิ่ง เขาผลักเปิดประตูรถออกพร้อมลงรถไปทันที โดยไม่พูดมาก จากนั้นก็สาวเท้าเดินเข้ามาหาหร่วนซือซือ

หร่วนซือซือกำลังทะเลาะกับคนขับแท็กซี่อย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่สังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาใกล้อยู่ข้างหลังโดยสิ้นเชิง

เธอมีสีหน้าจริงจัง พร้อมเอ่ยขึ้นมาต่อเนื่อง “ฉันไม่มีวันหลงกลหรอกนะ มีแค่ 150 บาท ถ้าคุณไม่เอา ฉันก็จะไปเดี๋ยวนี้”

เพิ่งจะเอ่ยออกมา อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกได้ว่ามีคนมาจับข้อมือของเธอ จากนั้นก็ถูกลากไปอยู่ข้าง ๆ ขณะที่เธอทรงตัวได้แล้วพร้อมเงยหน้าขึ้นมานั้น สิ่งที่มองเห็นก็คือเงาของผู้ชายรูปร่างดีสวมชุดสูทเต็มยศคนหนึ่ง

อวี้อี่มั่ว ? เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้ !

อวี้อี่มั่วยืนอยู่เบื้องหน้ารถยนต์ จากนั้นก็มองหน้าคนขับแท็กซี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งเนื้อทั้งตัวแผ่รังสีอำมหิตออกมา น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาโดยใช้ภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว “ไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ !”

ขณะที่กำลังพูดอยู่ เขาก็หันข้างไปเล็กน้อย พร้อมหยิบเงิน 150 บาทที่อยู่ในมือของหร่วนซือซือมา พร้อมโยนเข้าไปในหน้าต่างรถยนต์

คนขับแท็กซี่ผู้นั้นตกตะลึงกับรังสีของอวี้อี่มั่วอย่างเห็นได้ชัด เมื่อครู่เขาเห็นว่าหร่วนซือซือเป็นคนจีนตัวคนเดียว แถมยังเป็นผู้หญิงที่ท่าทางอ่อนแอด้วย

คนขับแท็กซี่ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ รับเงินไว้แล้วเลื่อนหน้าต่างปิดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เหยียบคันเร่งบึ่งจากไปทันที

เมื่อเห็นรถยนต์บึ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หร่วนซือซือยืนแน่นิ่งอยู่กับที่ สายตาตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม

คิดไม่ถึงว่าเธอพูดอย่างเหนื่อยอยู่ตรงนี้มาตั้งนาน ทว่าไม่เท่ากับอวี้อี่มั่วมาพูดหนึ่งประโยคเลยด้วยซ้ำ !

อวี้อี่มั่วมองรถยนต์ที่บึ่งจากไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันหลังกลับมาอย่างช้า ๆ พร้อมกวาดสายตามองเธออย่างเย็นชา แล้วเอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ “สายตาแย่”

หร่วนซือซืออึ้งไป นึกว่าตนฟังผิดไป

สายตาแย่เกี่ยวข้องกับการที่ถูกหลอกเอาเงินหรือ ?

อวี้อี่มั่วนัยน์ตาเย็นยะเยือก มุมปากยกขึ้นมาเป็นองศาเย้ยหยัน “สายตาที่มองคนขับรถไม่ตรง มองผู้ชายก็ไม่ได้เรื่อง”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หร่วนซือซือก็อึ้งไปพูดไม่ออก

อะไรคือสายตามองผู้ชายไม่ได้เรื่อง ?

ขณะนั้นเอง อวี้อี่มั่วก็กวาดสายตามองเธอ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น จากนั้นก็พูดขึ้นมา “ผู้ชายที่แม้แต่เธอก็ยังปกป้องไม่ได้ เธอก็ยอมรับได้งั้นเหรอ ผมนับถือสายตาของคุณมาก”

หร่วนซือซือฟังออกถึงความหมายโดยนัยที่เขาแฝงอยู่ในคำพูดของเขา ภายในหัวจึงได้ปรากฏเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ล่างตึกบริษัทเมื่อวานนี้ทันที เธอเข้าใจเลยว่าที่เขาพูดถึงนั้นก็คือเคอเจ๋อหลิน

เธอกัดฟันแน่น ภายในใจมีคำว่าไม่พอใจปรากฏขึ้นมา สายตาจับจ้องไปยังเขาแล้วเอ่ยว่า “นั่นมันก็ดีกว่าใครบางคนที่ชอบหลอกคนอื่น อ่อยคนอื่นไปทั่วก็แล้วกัน”

สิ้นเสียงเธอก็ยังจงใจเงยหน้าขึ้น มองไปยังด้านหลังของอวี้อี่มั่ว พร้อมฉีกยิ้มอันใสซื่อบริสุทธิ์ขึ้นมา จากนั้นก็พูดขึ้นราวกับจงใจ “ประธานอวี้คะ ทำไมวันนี้ไม่เห็นคุณดาราดังมาทำงานต่างถิ่นกับคุณล่ะคะ ? สามสี่วันนี้คุณทนเหงาได้หรือเปล่าคะเนี่ย ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวที่จงใจเหน็บแนมอย่างแปลกประหลาด นัยน์ตาอวี้อี่มั่วจึงไม่สบอารมณ์ขึ้นมา แทบอยากจะลงโทษผู้หญิงตัวน้อยที่พูดมากเบื้องหน้านี้อย่างแรงแทบแย่

เพียงแค่ไม่กี่วันที่ไม่ได้จัดการเธอ คิดไม่ถึงว่าเธอจะอาจหาญได้ถึงเพียงนี้ กล้าต่อปากต่อคำกับเขาแล้วงั้นหรือ !

เขากักเก็บความหงุดหงิดที่อยู่ในใจ อวี้อี่มั่วสาวเท้าเข้ามาอยู่เบื้องหน้า ค่อย ๆ เบียดเข้าไปใกล้เธออย่างช้า ๆ

ผ่านมาไม่กี่วินาที ความเย็นชาที่อยู่บนหน้าเขาก็สลายหายไป กลับกลายมาเป็นรอยยิ้มแทน เขาเข้าใกล้เธออย่างช้า ๆ จากนั้นก็โน้มตัวลงไปกระซิบข้างใบหูของเธอ ถามเสียงเบาว่า “บางครั้ง เมื่อนานวันเข้าก็อยากเปลี่ยนรสชาติบ้าง หรือไม่คืนนี้ลองเปลี่ยนเป็นคุณดูดีไหมนะ ?”

ประโยคนี้ ทำให้หร่วนซือซือใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันควัน เธอรีบถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมพูดว่า “คุณ……”

เธอเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าอวี้อี่มั่วจะใช้ไม้นี้ ! ทว่าเมื่อเห็นแสงระยิบระยับในสายตาของชายหนุ่มแล้ว เธอแยกแยะไม่ออกว่าคำพูดที่เขาพูดมานั้นคือเรื่องจริงหรือหลอกกันแน่

เธอถอยหลังไป อวี้อี่มั่วก็สาวเท้าเข้ามาใกล้ทันที พร้อมยื่นมือขึ้นมาจับไหล่ของเธอไว้ ไม่ให้เธอขัดขืนได้ ถอยหลังไปไม่ได้

“ว่ายังไง ?” เขายักคิ้วโก่งเป็นคันศรของตนขึ้นมา น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า “คืนนี้เรามาลองดูกันไหม ?”

แก้มของหร่วนซือซือมีเลือดฝาดไหลขึ้นมาทันที เดิมยังคิดที่จะเหน็บแนมแทงใจดำอวี้อี่มั่วสักหน่อย ครั้นคิดไม่ถึงว่าจะกลับกลายเป็นตนเองถูกดึงเข้าไปเสียแล้ว

เธอสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็แสร้งทำเป็นแน่วแน่ “ฉัน…มีธุระต้องทำ ไปก่อนละ”

เธอกำลังจะเดินจากไป ทว่ามืออันใหญ่สองข้างของอวี้อี่มั่วที่อยู่บนไหล่ของเธอกลับรัดแน่นขึ้น ทำให้เธอไม่สามารถที่จะดิ้นรนออกไปได้

“คุณคิดว่าตัวเองจะหนีพ้นเหรอ ?” อวี้อี่มั่วฉีกยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นยะเยือก มือที่อยู่บนไหล่ของเธอออกแรงเล็กน้อยพร้อมดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด

จากนั้นเธอก็โอบไหล่ของหร่วนซือซือ สาวเท้าเดินเข้าไปในโรงแรม

หร่วนซือซืออยากจะร้องไห้ทว่าไร้น้ำตา เธอไม่สามารถดิ้นหลุดได้ เป็นครั้งแรกที่เธอรับรู้ได้ว่าอะไรคือแกว่งเท้าหาเสี้ยน !

เธอไม่สามารถที่จะสู้แรงอวี้อี่มั่วได้โดยสิ้นเชิง เรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ตนเอง ครั้นสิ่งที่ตามมาสุดท้ายยังต้องให้เธอแบกรับไว้เอง

เธอกัดฟันแน่น รับรู้ถึงแรงมหาศาลของมือชายหนุ่มที่อยู่บนไหล่ของตนเอง ชัดเจนดีว่าเวลานี้เธอไม่มีทางหลุดพ้นไปจากฝ่ามือของเขาได้เลย

ดังนั้น ทำได้เพียงรอให้เขาผ่อนคลายความระวังตัวแล้ว เธอค่อยฉวยโอกาสหนีก็แล้วกัน !

ขณะเดียวกันนี้ ฝั่งตรงข้ามก็มีเงาร่างอันลึกลับแอบอยู่หลังต้นไม้ กำลังมองทางโรงแรมอยู่

ชายหัวล้านคนหนึ่งสะกิดชายรูปร่างผอมที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมเอ่ยขึ้นน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หน้าผู้หญิงข้างอวี้อี่มั่วได้ถ่ายไว้ชัดเจนหรือยัง ?”

ชายผอมข้าง ๆ จึงได้เอ่ยขึ้นมาอย่างพึงพอใจ “ถ่ายชัดเจนแล้ว ส่งรูปให้ลูกพี่ K เลยไหม ?”

ชายหัวล้านจ้องมองสองคนที่กำลังเดินเข้าไปในโรงแรมเป็นระยะทางอันไกล นัยน์ตามีความร้ายกาจผุดขึ้นมา “อืม ลูกพี่ K กำชับไว้แล้วว่าให้พวกเราจับตามองไว้ หาโอกาสที่เหมาะสมแล้วลักพาตัวทันที !”

Options

not work with dark mode
Reset