หร่วนซือซือดึงสติตัวเองกลับมาและเงยหน้ามองคุณหมอหลิว จากนั้นเอ่ยถามขึ้นว่า " คุณหมอหลิวคะ ทางคุณหมอไม่มีช่องทางการติดต่อของเขาหรือคะ? "
คุณหมอหลิวส่ายหน้า " ก่อนหน้านี้ก็เป็นทางของคุณที่ติดต่อกับเขามาโดยตลอด ผมเองก็เพียงได้รับแจ้งจากคณบดีของโรงพยาบาลเท่านั้นไม่ได้ติดต่อกับนายแพทย์เฝิงโดยตรง "
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ แววตาของหร่วนซือซือผิดหวังเล็กน้อย เธอพยักหน้า " ค่ะ ไว้ฉันค่อยติดต่อกับคุณหมอเฝิงอีกทีก็ได้ค่ะ เพื่อที่จะได้ถามถึงรายละเอียดต่างๆ "
" ครับ "
พอหร่วนซือซือเดินออกมาจากห้องทำงานแพทย์ด้วย ถ้าเธออยากจะรู้เรื่องความไม่สบายใจเล็กน้อย
พอคิดได้แบบนี้ เธอก็คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนก่อนหน้านี้ ผู้ชายคนนั้นทิ้งให้เธอลงกลางทางอย่างเยือกเย็น พอคิดถึงการกระทำแบบนั้นของเขา หร่วนซือซือยิ่งไม่พอใจและไม่อยากไปถามเขา
ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองในตอนนี้ เขายังจะช่วยเธออยู่อีกไหม?
พอคิดไปคิดมา หร่วนซือซือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเปิดไปที่การบันทึกการโทรเข้าโทรออก แต่พอเห็นข้อมูลการติดต่อของชายคนนั้น เธอก็ไม่มีความกล้าพอที่จะโทร
ช่างเถอะๆ ไว้วันหลังค่อยคุยกับเขาต่อหน้าดีกว่า อีกอย่างดึกขนาดนี้แล้ว ไม่แน่เขาอาจจะนอนไปแล้วก็ได้
พอหร่วนซือซือคิดได้แบบนี้เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้น เธอเก็บโทรศัพท์ และเข้าไปอยู่กับศาสตราจารย์หร่วนและคุณนายหลิวที่ห้องผู้ป่วยอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับอพารท์เมนต์ขอวตัวเอง
รุ่งเช้าวันต่อมา หร่วนซือซือเข้าบริษัทแต่เช้า เธอได้รับข้อความให้ไปประชุมเกี่ยวกับเรื่องที่จะเดินทางไปประเทศไทยในอีกสองวันที่จะถึงนี้
การเดินทางในครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางเก้าคน นอกจากตัวแทนจากทั้งหกแผนกแล้ว ก็จะมีพี่หลัวผู้ที่มากประสบการณ์ร่วมเดินทางไปด้วย ส่วนอีกสองคนเป็นเด็กฝึกงานของบริษัท
ในที่ประชุม พี่หลัวได้พูดถึงรายละเอียดตารางการเดินทาง พอนัดเวลาเดินทางที่ชัดเจนได้แล้ว ก็จบการประชุม ทุคนก็เริ่มคุ้นเคยกันและกันพอสมควรแล้ว ในระหว่างคุยก็หัวเราะกันไปซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดีมาก
หลังจากจบการประชุม หร่วนซือซือก็เดินออกจากห้องประชุมอย่างมีกำลังใจที่ดี สำหรับเธอแล้วการออกไปศึกษาดูงานนอกพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเธอ มันจะมีประโยชน์มากเกี่ยวกับงานของเธอในอนาคต
หร่วนซือซือรู้สึกมีความสุข แต่ทันทีที่เข้าไปในลิฟต์เธอก็นึกถึงเรื่องที่ต้องทำวันนี้ เธอต้องตามหาตัวอวี้อี่มั่วเพื่อถามรายละเอียดจากคุณหมอเฝิงแห่งโรงพยาบาลหลัก แค่คิดเธอก็ปวดหัวแล้ว
สองวันหลังจากนี้เธอก็จะออกเดินทางไปประเทศไทยแล้ว ถึงเวลานั้นเธอคงยุ่งมากแน่ๆ ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือไปตามตอนนี้ให้ชัดเจนไปเลย เธอเองก็จะได้สบายใจด้วย
พอถึงเวลาเลิกงาน หร่วนซือซือจงใจไม่ไปกินข้าวพร้อมเสี่ยวหาน เธอรอให้คนน้อยลงแล้วเดินตรงไปที่ห้องทำงานประธานบริษัท
ทันทีที่ออกจากลิฟต์ เธอก็เห็นเลขาอันหร่านกำลังเดินคุยกับผู้ช่วยอีกคน ดูท่าทางแล้วเหมือนกำลังจะไปกินข้าว
หร่วนซือซือลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่ก็เริ่มทักทายเธอก่อน " เลขาอัน ประธานอวี้อยู่ห้องทำงานไหมคะ? "
อันหร่านชะงักไปชั่วครู่ และพยักหน้าเล็กน้อย " เขาอยู่……"
เธอยังไม่ทันได้พูดออกไป เธอขยับปากเหมือนอยากจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายเธอก็ไม่พูด
" โอเค "หร่วนซือซือไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเธอ เลยยิ้มให้เธอและรีบสับขาเดินไปทางห้องทำงาน
พอเห็นว่าหร่วนซือซือเดินไปไกลแล้ว ผู้ช่วยอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า " พี่คะ เมื่อสักครู่พึ่งมีคนมาขอพบท่านประธานอวี้ไม่ใช่หรอคะ? ถ้าเธอพุ่งเข้าไปแบบนั้นมันคงไม่ดีมั้งคะ? "
อันหร่านยิ้มมุมปาก " เดิมทีฉันก็อยากจะเตือนเธอนะ แต่ก็ช่างเถอะ แล้วแต่เธอละกัน "
ถึงแม้เธอจะเป็นเพียงเลขาคนหนึ่งข้างการอวี้อี่มั่ว แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ของหร่วนซือซือและประธานอวี้นั้นไม่ธรรมดา ที่เฉิงลู่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่แน่นะอาจจะเกี่ยวกับเธอก็ได้ สำหรับหร่วนซือซือแล้วถ้าเธอเลี่ยงได้เธอก็จะเลี่ยง เธอไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขาดีที่สุดแล้ว
หร่วนซือซือเดินไปถึงหน้าห้องทำงาน เธอหยุดสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นค่อยเคาะประตู
ภายในห้องไม่มีเสียงตอบรับจากชายหนุ่ม หร่วนซือซือก็ยกมือขึ้นเคาะประตูอีกครั้ง
หรือว่าเขาไม่อยู่งั้นหรอ?
แต่ว่าเมื่อกี้อันหร่านพูดอย่างชัดเจนว่าเขาอยู่ในห้องทำงานนี่นา
หร่วนซือซือไม่คิดอะไรมาก เธอเปิดประตูและเดินตรงเข้าไปทันที สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือห้องทำงานที่ว่างเปล่า
ที่โต๊ะทำงานไร้ผู้คน แต่บนโต๊ะทำงานกลับมากล่องอาหารวางอยู่ กล่องอาหารยังไม่ได้เปิดกิน มีทั้งหมดสามชั้น บนกล่องอาหารสีเขียงอ่อน บนกล่องมีลวดหลายของดอกไม้อยู่ซึ่งมันไม่ใช่สไตล์ของอวี้อี่มั่ว
หร่วนซือซือรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ตอนที่เธอกำลังลังเลว่าควรจะออกจาห้องทำงานไปดีไหม แต่ทันใดนั้นประตูลับที่อยู่ด้านหลังตู้หนังสือก็เปิดออก และชายร่างสูงคนหนึ่งก็เดินออกมาจากตรงนั้น
หร่วนซือซือรู้สึกตกใจมาก เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในห้องทำงานจะมีประตูลับบานนี้ด้วย
ต่อมา ตอนที่เธอเห็นผู้หญิงที่เดินตามหลังอวี้อี่มั่วออกมาทำให้เธอต้องตกใจมาก
ที่แท้ก็คือนักแสดงสาวซูหลิง!
พวกเขาทำ……
หร่วนซือซือตกอยู่ในอาการอ้าปากตาค้าง สติหลุดลอยและไม่ได้มีการตอบสนอมใดๆ เธอมองดูพวกเขาด้วยท่าทางที่อึ้งอยู่แบบนั้น
พวกเขาออกมาจากประตูลับบานนั้น ไม่ว่าใครมาเห็นก็ต้องรู้ว่าพวกเขาเข้าไปทำอะไรกัน!
ในใจหร่วนซือซือมีหลากหลายอารมณ์ปะปนกัน แต่เจ้าของเรื่องอย่างอวี้อี่มั่วกลับนิ่งมาก มองเธอด้วยสายตานิ่งๆ และน้ำเสียงก็ยังคงเย็นชาเหมือนเดิม " มีเรื่องอะไร? "
ซูหลิงที่อยู่ข้างๆก็ท่าทางนิ่งมากเช่นกัน เขาเหลือบมองหร่วนซือซือแวบหนึ่งและละสายตามองไปมองทางอวี้อี่มั่ว และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ใส่ใจ " อย่าลืมทานข้าวนะคะ สุขภาพสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ "
น้ำเสียงของเธออ่อนโยนอย่างเป็นธรรมชาติมาก ราวกับว่าเป็นความห่วงใยแบบคู่รัก ถึงอาจจะไม่ได้พูดคำหวานๆอะไรมากมาย แต่ทำให้คนรอบข้างที่ได้ยินรู้สึกได้เธอความอ่อนหวานที่มีให้กัน
อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้นมองเธอและตอบนิ่งๆว่า " อือ "
ซูหลิงยิ้มและหยิบกระเป๋าที่วางอู่ด้านข้างขึ้นมาสะพาย จากนั้นก็หยิบแว่นดำและหน้ากากออกมาสวมให้เรียบเรียก และเดินผ่านหน้าหร่วนซือซือไปอย่างสง่างาม
เสียงปิดประตู " ปั๊ง " ทำให้หร่วนซือซือดึงสติกลับมาอยู่กับความเป็นจริง
เธอเงยหน้าขึ้นมองเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของชายหนุ่มตรงหน้า ในใจเธอรู้สึกโกรธสุดๆ
ก่อนหน้านี้ที่ซ่งอวิ้นอันด่าอวี้อี่มั่วว่าเป็นผู้ชายสารเลว เธอยังรู้สึกว่าซ่งอวิ้นอันพูดแรงเกินไป แต่พอดูจากตอนนี้แล้ว ไม่มีคำด่าไหนจะเหมาะสมไปกว่าคำนั้นแล้ว!
สองวันก่อนหน้านี้เขายังจูบเธอบนรถอยู่เลย พอมาวันนี้เขากลับทำเรื่องที่คลุมเครือกับดาราสาวในห้องลับนั่น อีกทั้งตอนนี้เขาเองก็มีแผนอยู่แล้วด้วย!
นี่มันผู้ชายสารเลวชัดๆไม่ใช่หรอ?
อวี้อี่มั่วรออยู่นานมาก แต่หญิงสาวตรงหน้าก็ไม่พูดอะไรสักที เขาเงยหน้าขึ้นมองหร่วนซือซือที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเขาเห็นเหมือนในแววตาหร่วนซือซือเต็มไปด้วยความโกรธ เขากระพริบตาเล็กร้อยและถามขึ้นอีกครั้งว่า " มีเรื่องอะไร? "
หร่วนซือซือขบกรามตัวเอง จู่ๆก็ลืมจุดประสงค์ที่มาหาเขา เธอรวบรวมความกล้าและเดินเข้าไปหาเขา
เธอเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงาน สายตาคู่นั้นของหร่วนซือซือจ้องไปที่เขา เธอพยายามข่มอารมณ์โกรธของตัวเองไว้และถามขึ้นว่า " อวี้อี่มั่ว คุณทำแบบนี้มันยุติธรรมกับเย่หว่านเอ๋อแล้วหรอ? "
เสียดายที่แต่ก่อนเธอคิดว่าความรักที่เขามีต่อเย่หว่านเอ๋อนั้นบริสุทธิ์มากๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เมื่อฟังคำพูดที่โพล่งออกมาจากผากของหญิงสาว อวี้อี่มั่วก็ขมวดคิ้ว และเงยหน้าขึ้นมองเธอเขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามออกมาว่า " ฉันทำอะไร? "
พูดอย่างกับว่าเขาทำเรื่องอะไรผิดชั่วมา และเป็นสิ่งที่เลวร้ายจนไม่น่าให้อภัยอย่างไรอย่างนั้น
หร่วนซือซือคิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ยอมรับ ความโกรธในแววตาเธอชัดเจนมากขึ้น และถามเขากลับว่า " แล้วคุณว่าคุณทำอะไรล่ะ? "
เขาทำอะไรงั้นหรอ? แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้เลย?