ดั่งรักบันดาล 120

ตอนที่ 120

หร่วนซือซืออึ้งไป และดึงสติกลับมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ดูเหมือนว่าเมื่อสักครู่ทีเธอไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน พวกเขาสองคนน่าจะพูดคุยอะไรบางอย่างกันแล้ว

เมื่อมองไปที่ดวงตาที่เย็นชาของชายคนนั้น ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆหร่วนซือซือถึงอยากจะรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ยังไง

ถ้ามีผู้ชายตามจีบเธอจริง อวี้อี่มั่วจะสนใจไหม?

เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างคาดหวังเล็กน้อยว่า " น่าจะนะ "

พออวี้อี่มั่วได้ยินแบบนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและสีหน้าเขาดูไม่ได้เลย

ในตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตู้เยี่ยผลักประตูเข้ามา พอเห็นทั้งคู่กำลังจ้องหน้ากันเขาก็ตกใจเล็กน้อย " ประธานอวี้ ทุกคนมาพร้อมหน้ากันแล้ว รอแค่คุณเพื่อเริ่มประชุม "

อวี้อี่มั่วเหลือบไปมองเขาแวบหนึ่ง ตอบรับเบาๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกไปทางประตูห้อง

หร่วนซือซือยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองดูชายหนุ่มเดินผ่านตัวเองไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินเลยแม้แต่น้อย

มองดูเขาที่กำลังจะเดินออกประตูไปอยู่แล้ว ทันใดนั้น เขาก็หยุดเดินแล้วหันกลับมามองเธอ ค่อยๆพูดทีละคำว่า " ไม่ว่าจะยังไง เธอห้ามตอบตกลงเด็ดขาด "

น้ำเสียงที่นิ่งๆของเขามันมีสัญญาณบางอย่างที่แฝงอยู่ และที่ทำให้ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเขาได้

เขาทิ้งประโยคนี้ไว้ ส่วนตัวเขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปทันทีเลย

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอประสานมือตัวเองเข้าด้วยกัน แต่สุดท้ายก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขาหมายความว่ายังไง

ห้ามไม่ให้เธอตอบตกลงในการตามจีบของผู้ชาย เพราะว่าเขาแคร์เธออย่างนั้นหรอ? หรือเขาแค่ต้องการครอบครองเธอแต่เพียงผู้เดียวกันนะ?

คิดไปคิดมา เธอคิดว่าคำตอบน่าจะเป็นข้อหลังมากกว่า ถึงยังไงเธอก็อยู่กับเขามานานพอสมควร เขารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เจอเย่หว่านเอ๋อ เธอเข้าใจดีว่าในใจอวี้อี่มั่วแล้วเธอเทียบเย่หว่านเอ๋อไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ

หร่วนซือซือหัวเราะอย่างเศร้าใจ และเดินออกจากห้องทำงานไป เอาความคิดฟุ้งซ่านและไร้สาระพวกนั้นที่รบกวนจิตใจเธอทิ้งไป และเดินกลับไปที่แผนก

ทันทีที่เธอเดินไปถึงห้องน้ำงานสาธารณะของแผนก เมิ่งจื่อหานเห็นเธอเข้าก็รีบทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่กังวลเล็กน้อย "หร่วนซือซือ เธอไปไหนมา? "

" ฉันไปที่ห้องทำงานท่านประธานมา " หร่วนซือซือทำตัวให้มีชีวิตชีวาและถามกลับว่า " มีเรื่องอะไรรึเปล่า? "

เมิ่งจื่อหานยักคิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงที่อธิบายไม่ถูก " เมื่อกี้รองประธานสวี่โทรมาบอกให้เธอเข้าไปพบหน่อย เธอไม่อยู่เขาเลยมาหาเธอด้วยตัวเอง "

ข้างๆก็เป็นห้องทำงานสาธารณะ ทุกคนที่ทำงานอย่างเงียบๆอยู่ พอเมิ่งจื่อหานพูดขึ้นแบบนี้ ทุกคนในห้องทำงานก็ได้ยินกันหมด

ทันใดนั้นเอง หร่วนซือซือได้ว่าสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เธอ

เดิมทีระหว่างเธอและรองประธานสวี่ก็มีเรื่องที่ทุกคนเข้าใจผิดกันอยู่แล้ว แล้วตอนนี้เขากลับไม่หลีกเลี่ยงใดๆเลย อีกทั้งยังมาหาเธอที่แผนกอีก นี่มันเป็นการหาเรื่องเพื่อให้คนอื่นเอาไปนินทาชัดๆเลยไม่ใช่หรอ?

หร่วนซือซือขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึม " ได้ ฉันรู้แล้ว "

พอพูดจบ เธอก็รีบเดินไปยังห้องทำงานของตัวเองทันที

พอเดินไปถึงหน้าห้องทำงานและผลักประตูเข้าไป เธอก็ได้พบกับสวี่เฟิงหมิงที่กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานเธอ ในมือเขาเหมือนกำลังดูเอกสารบางอย่างอยู่

พอเห็นเธอเดินเข้ามา สวี่เฟิงหมิงก็รีบวางเอกสารลง และจ้องเธอด้วยสายตาที่แหลมคม เขาหัวเราะและพูดว่า " ดูเหมือนว่าผู้ช่วยหร่วนจะมีเวลาว่างมากเลยนะ ในเวลางานแบบนี้ยังไปเดินเพ่นพ่านที่อื่นได้อีก หรือว่ามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าเรื่องงานอย่างนั้นหรอ? "

หร่วนซือซือรู้สึกได้ถึงความประชดประชันในคำพูดของเขา เธอฝืนยิ้ม " ขออภัยด้วยนะคะรองประธานสวี่ที่ทำให้ท่านรอนาน มาหาฉันในวันนี้มีธุระอะไรรึเปล่าคะ? "

ก่อนหน้าที่ที่พี่หลานมอบหมายงานให้ เธอพูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าจะเป็นผู้ช่วยชั่วคราวให้สวี่เฟิงหมิงเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น ตอนนี้เป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว ถ้าพูดตามหลักเหตุผล สวี่เฟิงหมิงไม่มีสิทธิ์ที่จะมาก้าวก่ายเธอแล้ว

" มี " สวี่เฟิงหมิงดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์จับจ้องมาที่เธอ " คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณไปกับผม "

เมื่อนึกถึงประสบการณ์ก่อนหน้านี้ หร่วนซือซือก็ปฏิเสธทันที " รองประธานสวี่ ฉันมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยชั่วคราวท่านครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ผู้ช่วยอย่างเป็นทางการของท่านคงจะพร้อมปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว? "

สวี่เฟิงหมิงได้ยินแบบนั้น ก็ยกมือมาพิงโต๊ะไว้ " วันนี้เขาขอลา คุณไปกับผม "

เขาพูดพลางลุกขึ้น และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า " เลิกงานแล้วรอผมที่ล็อบบี้นะ "

ไม่เปิดโอกาสให้เธอปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย

หร่วนซือซือขมวดคิ้ว และนึกถึงสิ่งที่อวี้อี่มั่วกำชับเธอไว้ ในที่สุด ความกดดันในใจเธอก็ลดลง

ในตอนนี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงอดทน

เมื่อสวี่เฟิงหมิงออกไปแล้ว หร่วนซือซือจับโทรศัพท์ไว้ และเธอก็กำลังเลว่าจะบอกเรื่องนี้กับอวี้อี่มั่วดีไหม

เมื่อกี้ที่เธอออกจากห้องทำงานของเขามา เขากำลังประชุมอยู่พอดี ถ้าไปหาเขาตอนนี้ ก็เกรงว่าเขาจะไม่ว่าง

หร่วนซือซือถอนหายใจอีกครั้ง เธอดึงมีดอเนกประสงค์ที่เสียบไว้บนโต๊ะเก็บใส่ในกระเป๋า จากนั้นก็สั่งยาที่ใช้ป้องกันตับและต่อต้านแอลกอฮอล์บนอินเตอร์เน็ต เตรียมการเสร็จทั้งหมดเธอค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย

แต่ว่าเป็นเพียงงานเลี้ยงเฉยๆ ไม่ว่าสวี่เฟิงหมิงจะเลวแค่ไหนก็ตามเขาก็คงจะไม่กินเธอหรอก

พอคิดแบบนี้ หร่วนซือซือก็สบายใจขึ้นมาก

การทำงานในช่วงบ่ายผ่านไปไวมาก เพียงแค่กระพริบตาก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว หร่วนซือซือกินยาแก้เมาค้างที่พึงได้มาไปสองเม็ด และตั้งใจเปลี่ยนชุดเป็นชุดกระโปรงยาวที่มิดชิดโดยเฉพาะก่อนจะออกจากห้องทำงาน

พอถึงล็อบบี้ หร่วนซือซือรอนานกว่ายี่สิบนาที สวี่เฟิงหมิงพึ่งจะปรากฏตัว

เขาเหลือบมองหร่วนซือซือแวบหนึ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม " ไปเถอะ "

หร่วนซือซือพยักหน้าและเดินตามเขาขึ้นรถ

ในไม่ช้า รถก็มาถึงที่หมาย Furong Garden ซึ่งถือเป็นโรงแรมอันดับต้นๆในเจียงโจว

พอถึงทางเข้าประตูโรงแรม พนักงานพยักหน้าและโค้งคำนับให้เขา และพูดอย่างนอบน้อมว่า " รองประธานสวี่ เชิญข้างในครับ "

ดูแล้ว เขาน่าจะเป็นลูกค้าประจำของที่นี่

ภายใต้การนำทางของบริกร พวกเขามาถึงห้องที่จองไว้ล่วงหน้า หร่วนซือซือเห็นข้างกายของเจ้านายทุกคนล้วนแต่มีผู้ช่วยหรือเลขามาด้วยทั้งนั้น เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

งานเลี้ยงในคืนนี้กลับไม่เหมือนครั้งที่แล้วเลยสักนิด หร่วนซือซือยืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นอกจากรอฟังคำสั่งของสวี่เฟิงหมิงแล้วเธอก็ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลยสักหยด

มองดูเครื่องดื่มที่หลากหลาย และบรรยากาศที่ครึกครื้น และแล้วงานเลียงก็ดำเนินมาถึงต้อนท้าย หร่วนซือซือรู้สึกโล่งอกและสบายใจ ยังดีที่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รู้จะรับมือยังไง

พองานเลี้ยงขบลง มีผู้จัดการและหัวหน้างานออกไปก่อน และยังเหลือผู้ชายสามสี่คนดูเหมือนว่าจะสนิทกับสวี่เฟิงหมิงมาก พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างเดิน จนกระทั่งถึงหน้าประตูพวกเขาถึงแยกย้ายกัน

พอออกจากโรงแรม หร่วนซือซือก็เดินตามสวี่เฟิงหมิงไปที่รถที่จอดอยู่ข้างถนน เธอเปิดประตูให้สวี่เฟิงหมิง และเตือนเขาเสียงเบาว่า " รองประธานสวี่ ระวังศีรษะค่ะ "

พอเห็นว่าเขาขึ้นรถไปแล้ว หร่วนซือซือก็โล่งอก และพูดเบาๆว่า " รองประธานสวี่ นี่ก็ดึกแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว……."

เธอยังไม่ทันพูดจบ สวี่เฟิงหมิงโบกมือไปมาและพูดขัดจังหวะเธอว่า " ใครบอกว่าไม่มีเรื่องอื่น? "

สวยตาคู่นั้นของเขามีแสงประกายบางอย่างส่องสว่างออกมาราวกับสัตว์บางชิด หร่วนซือซือเห็นเข้าถึงกับเสียวสันหลัง เธอฝืนยิ้มแล้วถามว่า " รองประธานสวี่มีอะไรอีกหรือคะ? "

สวี่เฟิงหมิงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า " ขึ้นรถ "

หร่วนซือซือรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เธอเหลือบมองเวลา สองทุ่มกว่าแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึกๆและยอมขึ้นรถไป

พอประตูปิดลง เธอได้ยินคนข้างๆสั่งคนขับรถว่า " ไป liuguang clubhouse "

พอได้ยินคำพูดเหล่านั้น หร่วนซือซือก็หันไปมองด้วยความตกใจ มองสวี่เฟิงหมิงและถามออกไปว่า " รองประธานสวี่จะไปดื่มต่อหรอคะ? "

สายตาของเขาเหมือนดูถูกเล็กน้อย แล้วเขาก็หัวเราะและพูดว่า " เสี่ยวหร่วน เธอคิดว่าธุรกิจในโลกใบนี้มันทำได้ง่ายๆแบบนี้เลยหรอ? แค่กินข้าว แล้วคุยกันในห้องทำงานแล้วทุกอย่างก็สำเร็จงั้นหรอ? เธอรู้ไหมว่ามีหลายเรื่องเยอะแยะมากมายที่ต้องเจรจากันบนโต๊ะเหล้า "

หร่วนซือซือที่นั่งอยู่ข้างๆพอได้ยินแบบนั้น มือทั้งสองของเธอประสานกันไว้แน่นจนมีเหงื่อออกที่ฝ่ามือของเธอ

Options

not work with dark mode
Reset