ดั่งรักบันดาล 10

ตอนที่ 10

ช่วงขาของอวี้อี่มั่วยาวมาก ระยะการสาวเท้าของเขาแต่ละเก้าก็กว้างมาก หร่วนซือซือจึงต้องวิ่งเหยาะๆ ตามมาตลอดทาง

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านอาหารที่มีห้องส่วนตัว คนในร้านราวกับว่ารู้ว่าอวี้อี่มั่วเป็นใคร เพียงแค่ได้เห็นเขาเดินเข้ามาก็รีบกุลีกุจอต้อนรับเข้าไปในร้าน

หลังจากที่นั่งลงในห้องรับรองพิเศษก็มีคนเข้ามาบริการทันที ตลอดไปจนถึงการเสิร์ฟอาหารก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ได้มีการจัดเตรียมไว้หมดแล้ว มาถึงแล้วก็ได้รับประทานทันที

หร่วนซือซือตะลึงกับความยิ่งใหญ่ของอวี้อี่มั่วอีกครา

ภายในห้องรับรองนั้นเงียบมาก และดูเหมือนว่าอวี้อี่มั่วจะมีงานให้ต้องจัดการ ในมือก็ถือแท็บเล็ตที่ตู้เยี่ยยื่นมาให้เมื่อสักครู่และก็จ้องอย่างไม่วางตา

ห้องรับรองใหญ่เสียขนาดนี้ อาหารที่เรียงรายวางอยู่เต็มโต๊ะก็มีเยอะเสียขนาดนี้ มีเพียงแค่พวกเธอสองคนเท่านั้นเอง หร่วนซือซือรู้สึกว่าเป็นการสิ้นเปลือง

แต่เมื่อพูดถึงสถานะทางสังคมของอวี้อี่มั่วแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ก็คงถือเป็นเรื่องปกติแหละ

หร่วนซือซือยกถ้วยชาที่อยู่ข้างๆ มือขึ้น หลังจากที่จิบไปคำเล็กๆ ถึงได้เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกับอวี้อี่มั่วว่า “เรื่องเมื่อสักครู่ ขอบคุณนะ”

เสียงของเธอเบามาก เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนการทำงานของอวี้อี่มั่ว

หร่วนซือซือไม่ได้เปล่งเสียงอะไรออกไปต่อ แต่ที่เธอเอ่ยขอบคุณไปนั้นออกมาจากใจเธออย่างแท้จริง

ความจริงแล้วที่ประจันหน้ากับหยางเย่เมื่อสักครู่ แม้ว่าภายนอกจะแสดงออกไปว่าเก่งกาจ แต่จริงๆ แล้วภายในใจนั้นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

นอกจากที่กลัวว่าหยางเย่กับฉินเสียนหลี่ทั้งสองคนจะร่วมมือกันรุมเธอแล้ว อันที่จริงแล้วเธอกลัวเสียยิ่งกว่าที่จะนึกย้อนไปถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น

สองปีก่อน ก็เหมือนดังเช่นวันนี้ ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันต่างพูดจาหยามเกียรติให้เธออับอาย

ผู้ชายที่เธอเคยคิดว่าจะรักเธอมากที่สุด กลับไปยืนอยู่ข้างกายของหญิงอื่น ด่าทอเธอเสียหายไปต่างนานา

ทั้งที่วันเวลาที่เคยใช้ร่วมกับเธอ ก็ไม่ได้เป็นทุกขเวทนาเท่าไหร่นัก

เธอเคยนึกคิดถึงความรักอันสวยงาม ก็ได้ถูกฉินเสียนหลี่และหยางเย่ทำลายลงเช่นนี้

หร่วนซือซือที่อยู่ในห้วงความทรงจำอันแสนเจ็บปวดและทรมาน ไม่ได้สังเกตเห็นว่าอวี้อี่มั่วกำลังหันมามองเธอ

หลังจากที่จ้องมองค้างเป็นเวลาไม่กี่วินาทีสั้นๆ คิ้วของอวี้อี่มั่วก็ผูกเป็นปมเล็กๆ แล้วเอ่ยเรียก “หร่วนซือซือ”

เสียงอันเย็นแปลบทะลุเข้าไปในโสตประสาทการได้ยินของหร่วนซือซือ ร่างกายเธอก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมาเอง รีบเงยหน้าขึ้นไปปะทะเข้ากับสายตาอันเคร่งขรึมของอวี้อี่มั่ว

หร่วนซือซือก็พลันรู้สึกตัวว่าตนได้สูญเสียการควบคุมไป มือก็พลางเช็ดคราบน้ำตา ปากก็พลางเอ่ยพูดออกมาว่า “ขอโทษ ฉัน……..” ไม่ได้ตั้งใจ

“จำเอาไว้ซะว่าเธอคือภรรยาของฉันคนนี้อวี้อี่มั่ว ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดขอโทษไม่ว่ากับใครก็ตาม”

หร่วนซือซือยังไม่ทันได้พูดให้จบประโยค อวี้อี่มั่วก็พูดแทรกตัดบทเธอขึ้นมาเสียก่อน “และไม่จำเป็นที่จะต้องไปกริ่งเกรงใคร”

อวี้อี่มั่วทำสีหน้าขรึม ในน้ำเสียงมีทั้งความอบอุ่นและผสมปนกับความกรุ่นโกรธเจือมาอยู่ด้วยเล็กน้อย

เผชิญหน้ากับอวี้อี่มั่วที่เป็นเช่นนี้ หร่วนซือซือรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมานิดหน่อย ทำได้เพียงเม้มปากแล้วพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

แต่ในใจกลับครุ่นคิดว่าเมื่อสักครู่ตัวเองได้ทำให้เขาเสียหน้าไปหรือเปล่า

ท่าทีที่ออกปากด่ากับหยางเย่ จริงๆ แล้วก็น่าละอายอยู่เล็กๆ

“ฉัน……..”ผิดไปแล้ว

หลังจากที่บรรยากาศอึมครึมไปชั่วขณะ หร่วนซือซืออยากกล่าวขอโทษ แต่หลังจากที่ได้สบเข้ากับดวงตาของอวี้อี่มั่ว เธอก็รีบปิดปากลงทันที แล้วจึงนั่งยืดตัวตรงราวกับเด็กนักเรียนตัวน้อยที่กระทำความผิด รอการได้รับการดุด่าว่ากล่าว

เมื่อเห็นดังว่า สีหน้าของอวี้อี่มั่วก็อ่อนโยนขึ้น แม้กระทั่งน้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็อบอุ่นขึ้นมามากเลยทีเดียว

“กินข้าวเถอะ”

กินข้าวเสร็จ อวี้อี่มั่วก็กลับบริษัทไปเลยทันที และหร่วนซือซือที่ได้เจอเข้ากับเหตุการณ์นี้ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นอีกต่อไปแล้ว

ตู้เยี่ยจึงขับรถส่งเธอกลับบ้าน

บนทางกลับบ้าน ตู้เยี่ยที่เห็นว่าหร่วนซือซือดูไม่มีความสุข จึงเปิดปากพูดขึ้นมาว่า

“คุณหญิง ถ้าต่อไปนี้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ท่านอย่าลืมว่าจะต้องโทรหาผมโดยเด็ดขาด ผมจะรีบมาหาถึงที่ในทันทีแน่นอนครับ”

“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เหมือนกับว่าฉันทำให้เขาไม่มีความสุขเลย คุณคิดว่าฉันทำให้เขาขายหน้าหรือเปล่า”

หร่วนซือซือยังจำตอนที่กินข้าวด้วยกันได้ อวี้อี่มั่วมีท่าทีโกรธขึ้ง

แล้วการทะเลาะตบตีกันในที่สาธารณะท่ามกลางผู้คน ก็ดูไม่เหมือนว่าเป็นสิ่งที่ผู้ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีจะทำได้เลย

ตู้เยี่ยตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าเขาที่เธอเอ่ยถึงหมายถึงใคร ผ่านไปครึ่งวินาทีที่ยาวนานถึงพึ่งจะกระจ่างจึงพูดออกมาว่า “คุณหญิง ท่านประธานจะไปโกรธคุณหญิงได้อย่างไรกันล่ะครับ ถ้าจะโกรธก็ต้องโกรธผมนี่แหละ”

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ”

“คุณหญิง อย่าคิดว่าท่านประธานจะสมบูรณ์แบบไปเสียทุกเรื่อง แต่เขาต้องก็ปกป้องคุณหญิงอย่างแน่นอน และเมื่อสักครู่เขาก็ส่งคนไปกว้านซื้อบริษัทหยางกรุ๊ปแล้ว”

ได้ฟังตู้เยี่ยพูดดังว่า หร่วนซือซือก็นึกถึงคำที่อวี้อี่มั่วพูดกับหยางเย่

เดิมทีก็คิดว่าเขาแค่พูดไปอย่างนั้น ไม่คาดคิดเลยว่าจะทำตามนั้นจริงๆ

จู่ๆ อารมณ์ของหร่วนซือซือก็ดีขึ้นมามาก

ตู้เยี่ยยังคงเอ่ยต่อว่า “คุณหญิง ที่ท่านประธานโกรธเพราะกลัวว่าคุณหญิงจะตกเป็นเบี้ยล่างผู้อื่น และเขาก็เป็นคนที่ชอบให้ท้ายคนอื่นมากเป็นอย่างยิ่งครับ”

“จริงเหรอ” ได้ยินคำอธิบายอย่างนี้หร่วนซือซือก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

แต่ภายในใจรู้สึกดีขึ้นมากแล้วอย่างชัดเจน

ไม่คาดคิดว่าอวี้อี่มั่วจะเป็นคนที่ดูเย็นชาแค่ภายนอกเท่านั้น

เห็นว่าหร่วนซือซือยิ้มออกมาแล้ว ทว่าในใจของตู้เยี่ยกลับตื่นตระหนก ดูเหมือนว่าเขาจะพูดเกินจำเป็นไปเสียแล้ว ยังไม่รู้ว่าหลังจากที่ท่านประธานได้ทราบเรื่องแล้ว จะถลกหนังเขาออกมาไหม

แต่ก็เพื่อให้ครอบครัวของท่านประธานสงบสุขเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การที่จะถูกถลกผิวหนังออกไปก็ยังถือว่าคุ้มค่า

Options

not work with dark mode
Reset