ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ 03 ขอร้องล่ะครับคุณเซลิสเทีย อย่าเข้ามานะ 2024

ตอนที่ 03 ขอร้องล่ะครับคุณเซลิสเทีย อย่าเข้ามานะ 2024

ตอนที่ 03 ขอร้องล่ะครับคุณเซลิสเทีย อย่าเข้ามานะ 2024

 

ผมรอดมาได้ครับ

 

“…”

 

ผมรอดมาได้หวุดหวิด

 

ลองผมชักช้าอีกเพียงไม่กี่วินาที ชีวิตของเหยื่อตัวน้อยคนนี้คงไม่พ้นโดนกลืนกินทั้งเป็น ใช่ มันเป็นต้องแบบนั้นแน่นอน ผมมั่นใจ ว่าแต่ไอ้ของที่อยู่ในมือของคุณเซลิสเทียที่ผมเห็น

 

มันคือเลือดใช่ไหมครับ มันคือเลือดใช่ไหม?

 

“…”

 

บอกกล่าวตามตรงผมจะยืนยันได้ยังไง

 

ว่ามันคือเลือดจริงหรือไม่จริง จะให้ลองเดินเข้าไปสอบถามตามตรงกับคุณเซลิสเทียก็คงไม่ไหว เกิดทำอย่างนั้นจริงขึ้นมา หัวใจดวงน้อยของผมคงแตกสลายไม่มีชิ้นดี 

 

เอายังไงดี จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไงดี

 

“…”

 

ผมพยายามเหลือบมอง

 

เหลือบเพื่อนร่วมโต๊ะด้านข้างซึ่งก็คือคุณเซลิสเทีย หวังหาร่องรอยผิดปรกติที่เธอปลดปล่อยออกมา แต่พอผมเหลือบมองจนพอให้เห็นอะไรเป็นอะไร ผมกับต้องดึงสายตากลับ

 

ดึงสายตาย้อนกลับมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“…”

 

“!!!”

 

“…”

 

ถามว่าทำไมผมถึงต้องดึงสายตากลับมาน่ะเหรอ

 

กะ ก็ มันก็มีอยู่เหตุผลเดียวไม่ใช่เหรอครับ ให้ตายสิ กระทั่งตอนนี้คุณเซลิสเทียก็ยังประสาทสัมผัสว่องไหวดีเยี่ยม เพียงแค่ผมเหลือบสายตามองหวังเก็บหลักฐาน

 

เธอก็หันมามองสอดผสานทันที

 

…‘หะ หัวใจจะวาย’

 

“…”

 

แบบนี้ไม่ไหวนะ

 

ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป รับรองได้เลยว่าผมคงไม่พ้นต้องโดนกลืนกินหมดตัวแน่นอน อือออ อะ อาจารย์เปิดประตูเข้ามาแล้ว การสืบสวนสอบสวนคงต้องเอาไว้ก่อน

 

ว่าแต่วิชาที่กำลังจะเรียนคือวิชาอะไรนะ ผมลืม

 

“…”

 

 

ระหว่างเรียน

 

“…”

 

ผมเหมือนจะมีปัญหาครับ

 

เม็ดเหงื่อใสเริ่มปรากฏบนใบหน้า สถานการณ์ผิดแปลกในตอนนี้กำลังทำให้ผมเคร่งเครียดจนไม่เป็นอันทำอะไร ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอ ความผิดทั้งหมดต้องโทษคุณเซลิสเทียคนเดียวเลยครับ ผมมั่นใจว่าครั้งนี้ก็เป็นฝีมือของคุณเซลิสเทีย

 

ยิ่งมายิ่งจ้องมอง มองจนผมจะพรุนหมดแล้วเนี่ย

 

“…”

 

สุดท้ายปลายทางขีดจำกัดของผมก็มาถึงทางตัน

 

หลังคาบเรียน ผมไม่มีรอช้ารีบพุ่งออกไปนอกห้องเรียน บอกกล่าวตามตรงผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องไปไหน แต่หนึ่งสิ่งอย่างที่ผมรับรู้แน่นอนเลยก็คือ หากผมยังนั่งอยู่ในห้องเรียนต่อไป ผมได้เป็นบ้าแน่ เพราะฉะนั้นได้โปรด อย่าตามผมมานะ

 

ผมยังไม่พร้อมจริง ๆ 

 

“…”

 

ว่าแต่

 

เป็นคุณเซลิสเทียใช่ไหมที่มองผม

 

หรือจะเป็นใครคนอื่น

 

ถ้าเป็นใครคนอื่นจริง

 

.

 

.

 

.

 

ใครล่ะครับที่มอง

 

อือออออ

 

คุณเซลิสเทียนั่นแหละ

 

ผมมั่นใจ

 

.

 

.

 

.

 

ที่บอกคุณเซลิสเทีย

 

ไม่ใช่เพราะคุณเซลิสเทีย

 

โทษง่ายที่สุดนะ

 

อย่าได้เข้าใจผิดล่ะ

 

 

ในห้องเรียน

 

“…”

 

“คุณเซลิสเทีย?”

 

“มีอะไรเหรอ?”

 

“เปล่าคะ” เพื่อนนักเรียนในห้องเพียงยิ้มแห้งลังเลไปชั่วครู่ขณะก่อนจะกล่าวต่อ “คือเมื่อกี้ เหมือนเห็นคุณเซลิสเทียมองไปทางประตู เลยคิดว่ามีอะไรอยากจะให้ช่วยรึเปล่า?”

 

“ถ้ามีบอกมาได้เลยนะคะ ฉันพร้อมช่วยเหลือ”

 

“…”

 

“ไม่เป็นไร”

 

เซลิสเทียส่ายหน้าปฏิเสธ

 

ก่อนจะรั้งดึงสายตาตัวเองกลับ แน่นอนเพื่อนสาวที่เห็นอีกฝ่ายไม่มีบอกกล่าว ไม่คิดยืมมือใครคนอื่น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ ก่อนจะเดินกลับโต๊ะไปตามระเบียบ

 

ส่วนทางด้านนักล่าหล่อนเคลื่อนฝ่ามือเรียวงามลูบหลอดปริศนาที่อยู่ใต้โต๊ะ ลูบไปมาด้วยห้วงอารมณ์ความรู้สึกที่ยากจะมีใครเข้าใจ ก่อนดวงตาของหล่อนจะเปล่งประกาย

 

คล้ายบังเกิดแนวคิดหนึ่งแทรกแซงเข้ามา

 

“…”

 

 

ในห้องสมุด

 

“…”

 

เหมือนวันนี้จะเป็นอะไรที่แตกต่างแตกแยกออกไป

 

แตกแยกแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เหมือนคุณเซลิสเทียจะไม่ได้มาห้องสมุด หากเทียบเคียงเวลาที่ผมบันทึกพฤติกรรมเอาไว้ ก็น่าจะมาได้แล้ว นี่มันเลยไป 5 นาทีแล้ว

 

จะให้ผมรอไปถึงเมื่อไหร่กันเนี่ย

 

“…”

 

“อะ?!”

 

“…”

 

…‘ไม่! ไม่! ไม่!’

 

ผมไม่ได้รอสักหน่อย

 

ไม่ได้รอหญิงสาวแปลกประหลาดแบบนั้นแน่นอน ก็แค่ ก็แค่รู้สึกไม่ยินดีเวลาที่แผนการมันไม่ออกมาเป็นอย่างที่คิด ใช่ มันเป็นแบบนั่นแหละ 6 นาทีแล้ว แต่ทำไมยังไม่โผล่ออกมา

 

หรือว่าวันนี้จะไม่มากันนะ

 

“…”

 

“ไปอยู่ไหนนะ?”

 

“…”

 

ระหว่างที่ผมกำลังนั่งกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ

 

กวาดสายตามองหวังหานักล่าที่ไม่ตรงเวลาเอาเสียเลย แต่ว่านะ เหมือนผมจะจดจ่อกับข้างหน้ามากเกินไปจนเผลอเปิดช่องว่างถึงตายด้านหลัง เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น

 

ที่ผมจมจ่อมอยู่กับการหาคุณเซลิสเทีย

 

“…”

 

“กำลังหาใครอยู่เหรอ?”

 

“…”

 

ก่อนจะมีเสียงดังมาจากด้านหลัง

 

ดวงตาทั้งสองพลันเบิกกว้าง เส้นประสาททั่วทั้งร่างกายต่างทำงานเต็มที่เตรียมพร้อมสำหรับสู้ศึกรบเล่นงานถึงตาย ต่อให้ไม่มองหน้า ไม่เห็นใครคนอื่นที่อยู่ด้านหลัง

 

ผมก็รับรู้ได้เลยทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใครคนไหน ใช่ เสียงแบบนี้ กลิ่นแบบนี้ แน่นอน มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น พอผมหันหลังกลับไปมองก็เห็น เห็นคุณเซลิสเทียกำลังยืนอยู่

 

พร้อมก้มหน้าเล็กน้อยก้มลงมามองผมที่กำลังนั่งอยู่

 

“…”

 

“ไง”

 

“…”

 

รอยยิ้มงามสง่าปรากฎบนใบหน้า

 

ก่อนเธอจะลงมือรวดเร็ว

 

ลงมือกระชากลากผมหายไปจากห้องสมุด

 

.

 

.

 

.

 

มะ ม่ายยย นะ

 

จะทำอะไรเนี่ย

 

หยุดลากผมไปได้แล้ว

 

ใครก็ได้ช่วยด้วย!

 

.

 

.

 

.

 

ว่าแต่ตลอดเส้นทาง

 

ทำไมถึงไม่มีคนเลยล่ะ

 

คนมันหายไปไหนหมดดดดดดด!

 

.

 

.

 

.

 

กรี๊ดดดดดด!

 

 

ห้องเรียนแห่งหนึ่ง

 

“…”

 

“ดะ เดี๋ยวก่อน!”

 

“…”

 

กว่าจะรู้สึกตัว

 

ผมก็ถูกโยนเข้าไปในห้องเรียนว่างเปล่า เป็นห้องเรียนที่ไม่มีใครคนอื่นอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ก่อนจะตามมาด้วยเรือนร่างงดงามปานเทพธิดาเดินเข้ามาพร้อมกับล็อคประตู

 

ใช่ครับ ธะ เธอล็อคประตูไม่ปล่อยให้ใครคนอื่นเข้ามา

 

“ละ ล็อค ทะ ทำไม”

 

“…” คุณเซลิสเทียเอียงคอมอง

 

ก่อนจะกล่าวตอบแผ่วเบา

 

“ก็ต้องกันไม่ให้ใครเข้ามาอยู่แล้วไม่ใช่ไหม?”

 

“…”

 

“อีกอย่าง” คุณเซลิสเทียเริ่มเดินขยับเข้ามาใกล้ผม “ฉันไม่ชอบเวลามีใครเข้ามาสอดทำเสียเรื่อง ก็เลยต้องป้องกันเอาไว้ก่อน เธอเองก็คงรู้สึกไม่ดีใช่ไหม หากมีใครสักคนเข้ายุ่งวุ่นวายขณะกำลังทำเรื่องสำคัญอะไรสักอย่าง”

 

กะ ใกล้เกินไปแล้วครับ

 

“…”

 

ผมถอยจนจะติดกำแพงแล้วนะ

 

ตะ แต่คุณเซลิสเทียก็ยังเดินไล่บี้ผมต่อ ไม่ได้การแล้วแบบนี้ เกิดปล่อยผ่าน ปล่อยให้เหตุการณ์สถานการณ์เฉกเช่นนี้ดำเนินต่อไป ผมคงโดนไล่ต้อนกลืนกินทั้งเป็นแน่

 

ผมลอบขบริมฝีปากแน่นขณะกล่าวถามกลับ

 

“ตะ ต้องการอะไรครับ?”

 

“…” คุณเซลิสเทียหยุดก้าวเดิน

 

ก่อนจะกล่าวตอบ “ก็แค่อยากพูดคุย”

 

“…”

 

“เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อเย็นวันนั้น”

 

ดวงตาของผมเบิกกว้าง

 

ตลอดเนื้อตัวพลันขนลุก

 

“…”

 

“!!!”

 

“…”

 

ไม่รอช้าผมรีบวิ่งสวนคุณเซลิสเทีย

 

มุ่งหน้าตรงไปที่ประตูทางออก ตรงไปที่ลูกบิด แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไง จะพยายามกี่ครั้งประตูมันก็เปิดไม่ออก ทั้งที่ล็อคจากด้านใน แต่ทำไมถึงเปิดจากด้านในไม่ได้

 

สีหน้าของผมเริ่มย่ำแย่

 

“ปะ เปิดไม่ออก”

 

“ทะ ทำไมถึงเปิดไม่ออก”

 

“ปะ เปิดสิ!”

 

“…”

 

คุณเซลิสเทียไม่ได้รีบร้อน

 

เธอเพียงยิ้มหัวเราะแผ่วเบา

 

และกล่าวกับผม

 

“…”

 

“มาคุยกันดีกว่าค่ะ”

 

“…”

 

.

 

.

 

.

 

เปิดน่าาาาาาา

 

เปิดให้ผมออกไป

 

ผมไม่อยากคุย

ตอนที่ 02 คุณเซลิสเทียคือนักล่าจริง ๆ ด้วย

 

ในห้องสมุด

 

“…”

 

ช่วงเวลาระหว่างพักกลางวัน

 

ผมนั่งจดจ้องมองคุณเซลิสเทียตลอดเวลา นั่งจดจ้องมองคุณเซลิสเทียกำลังนั่งอ่านหนังสือ อะ ที่ผมนั่งจดจ้องมองแบบนี้ มันไม่ใช่เพราะว่าผมสนใจหรือคิดอะไรเป็นอื่นนะ

 

แค่ระมัดระวังตัวเองไว้ก็เท่านั้น ระมัดระวังตัวนะ อย่าได้เข้าใจผิดล่ะ

 

“…”

 

“น่าสงสัย”

 

“…”

 

ยิ่งนานเข้ายิ่งน่าสงสัย

 

มีแนวคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวสมองของผม บางทีนะ คุณเซลิสเทียอาจไม่ได้ต้องการเข้ามาในห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือก็ได้ บางทีจุดประสงค์หลักของการเข้ามาในห้องสมุด

 

อาจมาเพื่อติดตามเหยื่อตัวน้อยอย่างผม ถามว่าทำไมผมถึงคิดแบบนั้น คำตอบของคำถามมันค่อนข้างเป็นอะไรที่ง่ายมากครับ เพราะตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่ในห้องสมุด

 

อยู่มันมาตั้งแต่ต้นเทอม ผมยังไม่เคยเห็นหน้าคุณเซลิสเทียโผล่เข้ามา จวบจนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อนที่คุณเซลิสเทียเริ่มเข้ามาใช้ห้องสมุดจริงจัง เข้ามาช่วงกลางวันเป็นประจำ

 

บอกกล่าวตามตรงไม่ว่าจะมองยังไงมันก็น่าสงสัย

 

“…”

 

ปลายนิ้วมือจับปากกา

 

ขณะบันทึกทุกสิ่งอย่างที่คิดว่าเป็นประโยชน์ บางทีสิ่งที่ผมทำมันอาจเป็นอะไรที่เปล่าประโยชน์ก็ได้ แต่การรับรู้ความเคลื่อนไหวนักล่า มันก็ทำให้เหยื่ออย่างผมรู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

อย่างน้อยที่สุดก็รู้ว่าเวลาไหนควรไปไหน เวลาไหนควรถอยห่าง

 

“อ่านหนังสือ…”

 

“นอกจากอ่านหนังสือ…”

 

“ก็อ่านหนังสือ…”

 

“…”

 

“มีแต่อ่านหนังสืออย่างเดียวนิ?”

 

ผมเลิกคิ้วมองข้อความที่บันทึกในสมุด

 

คุณเซลิสเทียครับ คุณไม่คิดจะทำอย่างอื่นที่มันแตกแยกแตกต่างสักหน่อยเหรอ เอาแต่อ่านหนังสืออย่างเดียวผมก็ตรวจจับพฤติกรรมไม่ได้สิ อะ เหมือนจะมีผู้ชายเข้ามาคุยด้วย

 

แบบนี้ต้องจด แน่นอนว่าเหตุการณ์สถานการณ์ลักษณะเฉกเช่นนี้ล้วนมีมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ด้วยความสวยของคุณเซลิสเทียที่มีมากมายมหาศาล เลยทำให้ช่วงเวลาส่วนใหญ่ ช่วงเวลาพักเที่ยงของเธอ มักจะมีผู้ชายรุ่นพี่หรือชั้นปีเดียวกันเข้ามาพูดคุยเสมอ

 

วันนี้เองก็เป็นอีกวันที่มีเข้ามาพูดคุย

 

“คุณเซลิสเทียครับ”

 

“พอจะมีเวลาว่างไหมครับ?”

 

“มีอะไรึเปล่าคะ?”

 

“…”

 

“ส่วนใหม่จะใช้เวลาพูดคุยอยู่ประมาณ 5 นาที”

 

เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นก่อนผู้ชายจะลุกเดินจากไป

 

เท่าที่สังเกตมาตลอดหลายต่อหลายวัน ผมยังไม่เคยเห็นผู้ชายใครคนไหนสามารถพูดคุยกับคุณเซลิสเทียได้เกิน 5 นาทีเลย ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกมาก หรือจะเป็นวิธีการของนักล่า

 

เป็นวิธีการสนทนาเลือกเหยื่อเลือกเป้าหมายต่อ อือออออ~ เป็นไปได้แฮะ แต่สำหรับผมที่ไม่กล้าสนทนากับคุณเซลิสเทียเกิน 3 ประโยค การพูดคุยยาวถึง 5 นาที จึงเป็นอะไรที่

 

เหยื่อตัวน้อยอย่างผมคงจินตนาการไม่ออกเลย

 

“คุณเซลิสเทียคะ?”

 

“อาจารย์มีเรื่องไหว้วานนิดหน่อย?”

 

“พอจะมีเวลาไหมคะ?”

 

“…”

 

“ไม่มีปัญหาค่ะ”

 

คุณเซลิสเทียตอบรับคำขอจากอาจารย์ห้องสมุด

 

หลังจากนั้นคุณเซลิสเทียก็ลุกจากเก้าอี้ ดะ เดี๋ยวก่อนนะ ทะ ทำไมถึงต้องมองผมด้วยล่ะ ในช่วงจังหวะที่คุณเซลิสเทียลุกออกจากเก้าอี้เตรียมเดินเข้าไปรับเรื่องจากอาจารย์

 

มันมีช่วงวูบที่เหมือนเธอจะเหลือบหันสายตามาทางผม นะ นี่มันไม่ดีเลย หรือว่าสัญชาตญาณของนักล่าจะทำงานได้ยอดเยี่ยม ทำงานได้ยอดเยี่ยมจนถึงขนาดรับรู้

 

รับรู้ว่าเหยื่อตัวน้อยอย่างผมกำลังจับจ้องมองอยู่

 

…‘เป็นไปไม่ได้หรอก’

 

“…”

 

ใช่ เป็นไปไม่ได้หรอก

 

ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เห็นแบบนี้ แต่ผมก็ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ล่องหนเลยนะ ขอเพียงผมปิดปากพยายามตัวให้นิ่งเงียบที่สุด ก็ไม่มีใครเข้ามาคุยกับผมแล้ว เป็นไงล่ะ เจ๋งใช่ไหม

 

อะ เหมือนจะมีน้ำตาหน่อย ๆ นะ ทะ ที่คนอื่นเมินผมไม่เข้ามาพูดคุย ไม่ใช่เพราะผมไม่มีเพื่อนนะ ผมก็แค่ฝึกฝนพรางตัวเท่านั้น แค่ฝึกฝนลอดเวลาเพื่อเตรียมพร้อมเตรียมตัวรับมือกับนักล่าอย่างคุณเซลิสเทียต่างหาก วะ ว่าแต่ทำไมยิ่งพูดผมยิ่งดูแย่นะ

 

หลังจากคุณเซลิสเดินเข้าไปช่วยเหลืออาจารย์

 

ผมก็บันทึกเขียนข้อความลงไปในสมุด

 

[ สวย / เก่ง / และชอบช่วยเหลือคนอื่น ]

 

[ สวยมาก / หุ่นดีอีกต่างหาก ]

 

[ นักล่า / เหยื่อ ]

 

[ วิธีการหลบหนีจากนักล่า ]

 

“…”

 

ว่าแต่ เอาตามตรงนะ 

 

ไอ้ที่ผมทำนี่

 

มัน โคตรจะโรคจิตเลยไม่ใช่เหรอ?!

 

อ๊ากกกกก!

 

.

 

.

 

.

 

น่าอายจัง

 

เลิกดีกว่า

 

เลิกเขียน

 

 

ตอนเย็น

 

“…”

 

หลังเพื่อนร่วมห้องของผมกลับไปกันหมดแล้ว

 

แต่ผมก็ยังไม่ได้กลับหรอกนะ ถามว่าทำไมเหรอ อืออออ อาจจะเพราะแสงอาทิตย์ยามเย็นบวกกับบรรยากาศเงียบงันของห้องเรียนยามเย็น มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมละมั้ง

 

ฮ่าฮ่าฮ่า เอาเป็นว่าปล่อยผ่านเมื่อกี้ไปเถอะ ผมล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ พอเงยหน้ามองกระจกก็เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่ตัวไม่สูงมากนัก มีเส้นผมสีดำปิดทั้งหน้า จนแทบมองอะไรไม่เห็น ใช่ เจ้าคนที่อยู่ในกระจกก็คือผมเองแหละ

 

ผมสะบัดน้ำออกจากมือ

 

“…”

 

ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป

 

ระหว่างทางกลับห้องน้ำมันก็เงียบเหงาตามระเบียบ ปราศจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนไม่มีแม้แต่คนเดียว ซึ่งมันก็ไม่ได้แปลกแยกอะไรออก ออกจะสบายใจด้วยซ้ำที่ได้อยู่คนเดียว

 

แต่พอเปิดประตูกลับเข้าไปในห้องเท่านั้นแหละ

 

“…”

 

“!!!”

 

“…”

 

ดวงตาของผมพลันเบิกกว้าง

 

เบิกกว้างแสดงอาการตื่นตระหนกตกใจให้เห็น มีใครบางคนยังอยู่ในห้องไม่จากหายไปไหน อีกทั้งคนที่หลงเหลืออยู่ยังเป็นคุณเซลิสเทีย คนที่ผมหวาดระแวงขั้นสุดอีกต่างหาก 

 

แต่ที่ทำให้ผมดวงตาเบิกกว้างตื่นตระหนกตกใจ ไม่ใช่แค่คุณเซลิสเทียที่อยู่ในห้องอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งที่เธอกระทำในห้องเรียนต่างหาก ฝ่ามือขาวเนียนหยิบจับหลอดปริศนา

 

เป็นหลอดที่บรรจุของเหลวสีแดงสด ก่อนเธอจะดูดดื่มเจ้าของเหลวสีแดงสดผ่านริมฝีปาก สีหน้าหอมหวานรื่นรมย์ทำเอาผมที่เปิดประตูเข้ามาพานพบเห็นถึงกับสั่นสะท้าน

 

อะ ไอ้ที่อยู่ในหลอด มะ มันคือเลือดใช่ไหม

 

“…”

 

คุณเซลิสเทียที่รู้สึกตัวเหลือบหันมองมาที่ผม

 

ดวงตาสีดำที่เคยดึงดูดสายตาใครคนอื่นให้เหลือบหันมอง ตอนนี้มันแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงสดไปแล้วเรียบร้อย เป็นสีแดงสดดุจของเหลวที่บรรจุอยู่ในหลอดปริศนา

 

แดงเปรียบเสมือนกับเลือดที่ไหลออกจากร่างกายเวลาเกิดบาดแผล ผะ ผมที่เห็นถึงกับมือไม้สั่นไปหมด ยิ่งเห็นสายตาอันสุดแสนสยองที่เธอมองมา ผมยิ่งสั่นหนักหน่วงเข้าไปใหญ่

 

กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีผมก็วิ่งออกมานอกห้องไปแล้วเรียบร้อย

 

…‘มะ เมื่อกี้มันคืออะไร’

 

“…”

 

อาจจะเป็นเลือด

 

หรือเป็นอย่างอื่น

 

ละ แล้วถ้าเป็นเลือดล่ะ

 

ถ้าเป็นเลือดแล้ว ทะ ทำไม

 

คุณเซลิสเทียถึง…

 

.

 

.

 

.

 

เอาเป็นว่าอย่าพึ่งไปคิดเรื่องอื่น

 

ตอนนี้เอาตัวให้รอดก่อน

 

วิ่งไปเลยเจ้าขาทั้งสองข้างของผม

 

 

ในห้องเรียน

 

“…”

 

“ตายจริง”

 

“…”

 

เซลิสเทียกะพริบตามอง

 

ขณะเก็บหลอดปริศนาเข้ากระเป๋า สายตาสีแดงสดของหล่อนเหลือบมองตำแหน่งเดิม ตำแหน่งที่ชายหนุ่มร่างเล็กที่พึ่งวิ่งหนีหายจากไป ริมฝีปากคลี่รอยยิ้มเบาบาง

 

เสมือนกับกำลังพึ่งพอใจกับอะไรสักอย่าง

 

“…”

 

ตอนที่ 01 วันปรกติธรรมดาของผม 2024

 

“…”

 

ช่วงเวลาปรกติไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากทุกวัน

 

เว้นอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมต้องแตกตื่นเป็นประจำ เพื่อนข้างโต๊ะของผม เธอชื่อว่าคุณ ‘เซลิสเทีย’ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก มากจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก 

 

ทุกคนต่างขนานนามให้เธอว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในโรงเรียน ซึ่งความเป็นจริงจะสวยที่สุดในโรงเรียนจริงรึเปล่า อันนี้ผมไม่รู้ แต่หนึ่งอย่างที่ผมรับรู้ได้เลยแน่นอนก็คือ

 

ผมไม่ชอบเลยที่ต้องมานั่งข้างเธอ

 

“…”

 

“ขอบคุณจ๊ะ”

 

“…”

 

คนอื่นอาจจะอิจฉาผม

 

จนร้องห่มร้องไห้อยากจะเปลี่ยนที่ให้ได้ แต่ผมก็ยังไม่ชอบอยู่ดี หากเลือกได้ หากสามารถเปลี่ยนที่นั่งได้ ผมรับปากเลยว่าจะเปลี่ยนทั้งยังเปลี่ยนไปนั่งที่ที่ไกลที่สุดอีกด้วย

 

ถ้าเป็นไปได้ย้ายห้องได้ยิ่งดี

 

“…”

 

“อยากเปลี่ยนที่นั่งจัง~”

 

“…”

 

เป็นอีกครั้งที่ผมถอนหายใจ

 

ถามว่าทำไมผมต้องอยากย้ายที่นั่งเหรอ? อือออ มันเป็นบรรยากาศแปลก ๆ น่ะ บรรยากาศประหลาดที่เธอปลดปล่อยออกมา มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

 

ทั้งที่ผมเป็นผู้ชายสุขภาพดี สมควรดีใจที่ได้นั่งข้างกายสาวสวยอันดับหนึ่งของโรงเรียน แต่ไม่รู้ทำไมพอได้นั่งข้างกันแล้ว มันกับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

 

ไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนร่วมชั้น

 

…‘ไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย’

 

“…”

 

มันให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเหยื่อกับผู้ล่ามากกว่า

 

ใช่ ทุกท่านฟังไม่ผิด สิ่งที่ผมประสบพบเจอตั้งแต่วันแรก ที่ได้นั่งด้วยกันเลยก็คือสายตานักล่า นักล่าที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร สัตว์ร้ายที่พร้อมกลืนกินเหยื่อไปทั่วตัว

 

หากเผลอเปิดช่องให้เห็นเล่นงาน

 

“คุณเซลิส”

 

“ช่วยอธิบายตรงนี้ได้ไหมคะ?”

 

“ได้สิ”

 

“…”

 

ผมเหลือบมองด้วยหางตา

 

เห็นคุณเซลิสเทียกำลังช่วยเหลือใครคนอื่นอยู่

 

พยายามไม่มองโดยตรงผสานสายตา ตามความเห็นของผม คุณเซลิสเทียก็คือสัตว์ร้ายน่ากลัวน่าเกรงขามกระหายเลือด ส่วนตัวผมก็คงไม่พ้นต้องเป็นเหยื่อน้อยในสายตาเธอละนะ

 

เป็นสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยที่ถูกกลืนกินได้ทุกเมื่อหากไม่ระมัดระวังตัวมากพอ

 

“เฮ้อ~”

 

…‘ชีวิตของผมนี้ช่างน่าสงสาร’

 

“…”

 

 

ขณะที่อาจารย์เกรซกำลังสอน

 

สอนวิชาประวัติศาสตร์อันสุดแสนจะสนุกสนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาที่ผมค่อนข้างจะชอบมากเป็นพิเศษ ไม่ได้ชอบเพราะอาจารย์หรอกนะ อย่าได้เข้าใจผิดเป็นอันขาด

 

ที่ผมชอบเป็นเพราะเนื้อหาที่อัดแน่นอยู่ในหนังสือเรียนต่างหาก อาจารย์เกรซกวาดสายตาไปโดยรอบ กวาดสายตามองผ่านนักเรียนคนแล้วคนเล่า ไม่ใช่เพียงแค่ผมคนเท่านั้น

 

พร้อมกล่าวถามเสียงดังฟังชัด

 

“…”

 

“จนถึงตรงตอนนี้ มีใครไม่เข้าใจบ้างคะ?”

 

“…”

 

นิ่งเงียบไม่มีตอบสนอง

 

ไม่มีเพื่อนร่วมห้องใครคนไหนยกมือกล่าวถามหรือแสดงตัวเองออกมา ไม่มีใครสักคน เอาเถอะ งั้นเอาเป็นว่าพักเรื่องราวไร้สาระแล้วหวนคืนกลับมาตั้งใจเรียนดีกว่า

 

ระหว่างที่ผมกำลังตั้งใจเรียนรับฟังทุกสิ่งอย่าง

 

“…”

 

“!!!”

 

“…”

 

เป็นตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกได้ถึงภัยอันตราย

 

ตลอดเนื้อตัวพลันสั่นสะท้าน เหมือนกับว่าสัตว์ร้ายนักล่าสุดสวยข้างโต๊ะผม จะมีประสาทสัมผัสยอดเยี่ยมจะสัมผัสได้ถึงความในใจของผมที่กำลังแอบนินทาเธออยู่

 

เธอขยับยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกล่าวเสียงร้องหวานช่ำ

 

กล่าวกระซิบข้างใบหู

 

“นี่”

 

“…”

 

“คะ ครับ?!”

 

ผมต้องรีบเอนตัวไปด้านหลังจนเกือบตกเก้าอี้

 

ทั้งยังยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองทันที อันตรายเหลือเกิน อันตรายมาก ไอ้ที่ผมเอนหลังสุดตัว ไม่ใช่ว่ากลัวหรอกนะ ระดับนี้ไม่มีกลัวแน่นอน หึ ทักทายแบบนี้ผมตกใจนะคุณเซลิสเทีย

 

ผมสูดลมหายใจพยายามยิ้มแย้มกลับไป

 

“….”

 

“วะ ว่าไงครับ”

 

“…”

 

น่าเสียดายที่รอยยิ้มของผมในตอนนี้

 

มันคงแข็งค้างเหมือนกับปลาวาฬใจดีกำลังยิ้มแน่นอน ว่าแต่ปลาวาฬมันยิ้มยังไง ช่างมันก็แล้วกันนะ ตอนนี้ต้องสนใจคุณเซลิสเทียให้มากเข้าไว้ เกิดเปิดช่องว่างให้ลงมือเมื่อไหร่

 

รับรองว่าโดนรวบกินหมดตัวแน่ คะ คือย้ำอีกครั้งว่าผมไม่ได้กลัวนะ ผมพยายามสูดลมหายใจ พยายามเอาอากาศเข้าปอด พยายามเรียกความกล้าหาญที่แอบซ่อนออกมา

 

ก่อนจะกล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเล็กแผ่วเบา

 

“มะ มีอะไรรึเปล่าครับ?”

 

“…”

 

“เปล่า” คุณเซลิสเทียชี้นิ้วไปที่ก้อนยางลบที่ตกหล่นอยู่ที่พื้น “เธอทำยางลบตรงน่ะ”

 

“ยางลบ?” พอก้มลงมองก็เห็น

 

เห็นก้อนยางลบที่น่าสงสารนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

 

ผมที่เห็นเลยกะพริบตาเผลอตอบกลับไป

 

“จริงด้วย”

 

“…”

 

“มียางลบอยู่จริง ๆ ด้วย”

 

“ต้องรบกวนคุณอยู่เรื่อย—”

 

ผมก้มลงไปหยิบก้อนยางลบขึ้นมา

 

แต่ขณะที่กำลังกล่าวขอบคุณหญิงสาวสุดสวยแสนอันตราย เหตุการณ์เหมือนในมังงะ เหมือนในนิยายก็เกิดขึ้นทันตาเห็น เจ้าก้อนยางลบมันดันกระโดดออกจากมือผมกะทันหัน

 

กลิ้งไปตามพื้นจนไปหยุดใต้โต๊ะของคุณเซลิสเทียพอดี

 

“…” 

 

“!!!”

 

“…”

 

คุณยางลบ!!!!

 

ทำอย่างงี้ได้ยังไงครับ!

 

ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็!

 

“ผะ ผมให้ครับ” 

 

“ยะ ยางลบก้อนนั้นผมไม่ใช้แล้ว”

 

“ถ้าเธอไม่ใช้ยางลบ เธอจะใช้อะไรลบล่ะ”

 

“…” ผมขบริมฝีปากแน่นขณะตอบ

 

ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “น้ำลายก็พอครับ”

 

“ถู ๆ เอาเดี๋ยวมันก็หายไปเอง”

 

“…”

 

“แน่นะ?”

 

“…ครับ”

 

หลับตาแน่นแล้วครับ

 

ไม่มอง

 

ไม่มองเด็ดขาด 

 

ความกลัวของผมที่กำลังสนทนากับคุณเซลิสเทียเกิน 3 ประโยค มันกำลังกัดกินหัวใจของผม อ๊ากกกกก คงต้องสังเวยเจ้าก้อนยางลบที่น่าสงสารเพื่อหลีกหนีคุณเซลิสเทีย

 

แล้วขอจบเทริ์น

 

“…”

 

“ให้”

 

“…” 

 

แต่เหมือนการสังเวยของผมจะไม่เป็นผล

 

คุณยางลบกับกลายเป็นว่ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผมอีกครั้ง ด้วยฝีมือของคุณเซลิสเทีย เหมือนคุณเซลิสเทียจะหยิบมาให้ผมนะ ว่าแต่หยิบมาให้ทำไมล่ะครับ

 

ผมอุตส่าห์ยกให้เลยนะ อะ ไม่สิ

 

ต้องขอบคุณก่อนเป็นอันดับแรก

 

“ขอบคุณครับ” 

 

“…”

 

“ไม่เป็นไร”

 

“เอาไปสิ ของเธอไม่ใช่เหรอ?”

 

ด้วยใบหน้างดงามปานเทพธิดาของเธอ

 

บวกกับน้ำเสียงที่หอมหวานจนยากจะปฏิเสธ สุดท้ายปลายทาง

 

ผมก็เผลอตอบรับยอมรับเจ้าก้อนยางลบที่พึ่งสังเวยไปหน้าตาเฉย และด้วยรีบร้อนเกินควรของผม รีบดึงก้อนยางลบกลับคืนเข้าหาตัว ในช่วงจังหวะที่จับยางลบเตรียมดึงกลับ มันก็เลยมีแตะเนื้อต้องตัวกันนิดหน่อย เพียงแค่แตะนิดเดียว เท่านั้นแหละเป็นเรื่องเลย

 

ราวกับระเบิดได้ทิ้งลงมากลางหัวโดยตรง

 

ตูม!!! 

 

“…”

 

“!!!”

 

“…”

 

ผมรีบดึงเจ้าก้อนยางลบกลับคืนมา

 

ดึงออกมาจากฝ่ามือนุ่มนิ่มของหล่อน

 

ขณะเดียวกันหัวสมองของผมก็เริ่มถูกกลืนกินด้วยแนวคิดมากมายนับไม่ถ้วนที่กำลังออกมาวิ่งเล่นในหัวสมอง พระเจ้าช่วยสัมผัสกันแล้ววววววว ต้องรีบไปล้างมือ 

 

ว่าแต่ ผะ ผมจะตายไหม โดนสัตว์ร้ายแตะเนื้อต้องตัว เหยื่ออย่างผมต้องโดนล่า ต้องถูกกินทั้งเป็นแน่นอน ต้องเอาตัวไปกลิ้งโคลนกลบกลิ่น คะ โคลนมีไหมแถวนี้

 

ไม่มี! จะ ใจเย็น ใจเย็นก่อน ช่วงระหว่างเวลาที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ สัตว์ร้ายไม่มีทางออกล่าได้ คิดมากไปแล้วตัวผม ใจเย็นก่อนตัวผม ใจเย็น~ สูดลมหายใจเข้าลึก ไม่ดีเลย

 

เหมือนผมจะหลุดไปอีกแล้วเมื่อกี้

 

…‘ให้ตายสิ’

 

“…”

 

“ไม่ดีต่อหัวใจจริง ๆ”

 

“…”

 

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

Score 10
Status: Completed
เพื่อนร่วมห้องของผม คุณเซลิส เธอคือคนแปลกประหลาด ทั้งยังเป็นสาวงามที่สวยที่สุดในโรงเรียนอีกต่างหาก หากจะให้อธิบายความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน อธิบายให้เข้าใจ ผมคงไม่พ้นต้องเป็นเหยื่อ ส่วนเธอก็คือนักล่า

Options

not work with dark mode
Reset