ซ่างเย่ 35 กุหลาบแดง

ตอนที่ 35 กุหลาบแดง

เฉินเนี่ยงยืนอยู่ที่ประตู ใบหน้าของเขาสงบแต่สายตาอันหนักอึ้งนั้นแสดงให้เห็นความรู้สึกภายในของเขา เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในที่ว่าการอำเภอ เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าเขาเป็นเจ้าเมืองที่ไร้ความสามารถเพียงใด!

ขุนนางจำนวนมาก ทหารยามหลายร้อยนายที่องค์ชายเล็กนำมาด้วยนั้นไร้ประโยชน์เสียจริง

"ท่านเฉินเจ้าคะ ขอข้าเข้าไปข้างในหน่อยได้หรือไม่?" จิ้นเยว่กล่าว

เฉินเนี่ยงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย "คุณหญิงห้ามิกลัวหรือ?"

ซวงจือรีบเข้ามาห้ามว่า "คุณหญิงอย่าเข้าไปเลยเจ้าค่ะ อาจจะทำให้คุณหญิงอกสั่นขวัญหายได้นะเจ้าคะ!"

"สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลกนี้คือหัวใจของมนุษย์ คนที่ตายไปแล้วมีสิ่งใดต้องกลัวกันเล่า?" จิ้นเยว่กล่าวกล้าหาญ "ท่านเฉิน ข้าเข้าไปได้หรือไม่?"

เฉิเนี่ยงพยักหน้า "อืม"

"หากเจ้ากลัว ก็จงรอข้าอยู่ข้างนอก!"จิ้นเยว่เหลือบมองซวงจือแล้วก้าวเข้าไป

ดวงตาของซวงจือแดงก่ำ แม้แต่คุณหญิงยังกล้าเดินเข้าไป นางซึ่งเป็นเพียงบ่าวรับใช้ข้างกายจะเอาเหตุผลใดยืนรออยู่ด้านนอก? ต่อให้ตาย นางก็ควรปกป้องคุณหญิงให้ถึงที่สุดจึงจะถูก!

กลิ่นภายในห้องค่อนข้างแรง ซวงจือได้แต่ยืนหดตัวอยู่ด้านใน

จิ้นเยว่ยังคงมิเปลี่ยนสีหน้าไปจากเดิม นางเดินตรงไปที่ร่างของผู้ลอบสังหารผู้นั้น

ผู้พิสูจน์ศพรีบเปิดผ้าสีขาวออก เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ทำการตรวจสอบไปครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นร่างกายจึงเปลือยเปล่า ซวงจือเห็นดังนั้นก็ตกใจหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว นางมิกล้าจะมองไป อย่างไรเสียก็ยังมีความแตกต่างระหว่างชายและหญิง

เฉินเนี่ยงมองไปที่จิ้นเยว่ด้วยความประหลาดใจ คุณหญิงห้านั้นช่าง……ใจกล้าเสียจริง! เมื่อเห็นภาพตรงหน้านี้ สตรีทั่วไปควรจะกรีดร้องออกมา หรือไม่ก็เป็นลม ณ ที่นั้น แต่นางกลับมิเป็นไรและขอให้ผู้พิสูจน์ศพนำถุงมือพิเศษเข้ามา จากนั้นใส่ผ้าคลุมก่อนจะลงมือด้วยตนเอง

"คุณหญิง?" น้ำเสียงของเฉินเนี่ยงดูแหบแห้งเล็กน้อย

จิ้นเยว่เหลือบมองเขาอย่างงุนงง "มีสิ่งใดงั้นหรือ?"

"มันมิได้สะอาดนัก!" เฉินเนี่ยงกล่าวเตือน

จิ้นเยว่เพียงตอบรับว่า "อืม" เบาๆ จากนั้นได้เริ่มตรวจสอบร่างของมือสังหารผู้นี้ด้วยตนเอง สาเหตุของการตายคือเสียเลือดมากจริงๆโดยมิต้องสงสัยเลย เห็นได้จากซากศพซีดจางนี้ เพียงแต่……

"การใช้สองนิ้วควักดวงตาออกมาอย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยมเช่นนี้ นี่มิใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้" จิ้นเยว่มองไปยังเบ้าตาของมือสังหาร เมื่อนางสัมผัสเข้ายังแขนข้างที่ขาด คิ้วของนางก็เลิกขึ้นอย่างกะทันหัน นางหันศีรษะมาถามผู้พิสูจน์ศพว่า "กระดูกหักงั้นหรือ?"

ผู้พิสูจน์ศพพยักหน้า "ขอรับ! ก่อนที่แขนจะขาด กระดูกก็ถูกหักแล้ว แต่มิมีรอยแผลใดๆบนผิวหนัง ข้าเองก็มิรู้ว่าอาวุธชนิดใดที่สามารถทำร้ายคนอย่างไร้ร่องรอยได้?"

จิ้นเยว่จำได้ว่ามือสังหารทำมีดหล่นจากมือ ดูเหมือนจะถูกบางสิ่งทำร้ายเข้า

เป็นองครักษ์ขององค์ชายเล็กงั้นหรือ?

เช่น ท่านรองแม่ทัพ?

หลังจากถอดถุงมือและผ้ากันเปื้อนออก จิ้นเยว่ก็หันไปทำความสะอาดมือของนาง ส่วนซวงจือรีบยื่นผ้าเช็ดมือให้อย่างรวดเร็ว

"คุณหญิงห้า?" เฉินเนี่ยงรีบเอ่ยปากออกมา เขาดูเหมือนว่ากำลังลังเล อย่างไรเสียเขาก็เป็นนายอำเภอของเมืองเหิงโจว จะให้เขาไปเอ่ยปากถามสตรีว่ามีเบาะแสใดๆหรือไม่ ก็แลจะมิเหมาะสมดูเสียหน้า

"สิ่งที่ข้าได้ตรวจสอบก็คล้ายกับที่ผู้พิสูจน์ศพได้รับ มิมีสิ่งใดพิเศษ" จิ้นเยว่เผยอริมฝีปากของนางขึ้นอย่างช่วยมิได้ จากนั้นก็เหลือบมองมาเบาๆ นางเหมือนเห็นอะไรบางสิ่งเข้า "นั่นคืออะไร?"

ทุกคนมองตามนางไป มีดอกไม้ตกอยู่ใต้เตียงห้องเก็บศพ

ที่แห่งนี้จะมีดอกไม้ได้อย่างไร? มันถูกนำเข้ามาพร้อมกับมือสังหารงั้นหรือ?

"ก่อนหน้านี้ข้ามิเคยเห็นมันมาก่อน!" ผู้พิสูจน์ศพก้มลงหยิบมันขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว "นี่……นี่มันมาจากที่ใด?"

"ที่ว่าการอำเภอมิเคยมีดอกไม้เช่นนี้" เฉินเนี่ยงรีบกล่าวขึ้น

ที่อื่นๆมิได้มีดอกไม้ดอกอื่นตกอยู่ มีเพียงดอกเดียวเท่านั้น

ทุกคนมองหน้ากันอย่างงุนงง

ณ ด้านในศาลา

ในกล่องเล็กๆ มีดอกไม้สีแดงสดใสเหมือนเลือดวางอยู่

"นี่คือดอกกุหลาบ ซึ่งทุกครัวเรือนในเมืองเหิงโจวสามารถปลูกมันได้ มิใช่เรื่องแปลกหรือผิดปกติใดๆ" ท่านอาจารย์อธิบาย "ในที่ว่าการอำเภอก็มีอยู่เช่นกัน แต่มันมิใช่สีนี้ ดังนั้นดอกไม้นี้คาดว่าจะถูกนำมาจากด้านนอก"

"ที่ตระกูลฟู่ก็มีด้วยงั้นสิ?" เฉินเนี่ยงเอ่ยถาม

จิ้นเยว่เลิกคิ้วและเหลือบมองเขา

มือที่ถือแก้วน้ำชาอยู่ของเฉินเนี่ยงแข็งทื่อลงเล็กน้อย บางทีอาจเป็นเพราะเขากลัวนางเข้าใจผิด จึงรีบอธิบายว่า "ท่านอาจารย์ได้กล่าวว่าทุกครัวเรือนอาจปลูกไว้ได้ ดังนั้นก็มิใช่เรื่องแปลก"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จิ้นเยว่จึงมองไปที่ซวงจือ เนื่องจากนางเพิ่งแต่งเข้ามาในตระกูลฟู่ได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น นางยังมิทันได้เดินดูสวนดอกไม้เลย จักไปรู้ได้อย่างไรว่ามีกุหลาบหรือไม่

"มีเจ้าค่ะ!" ซวงจือกัดริมฝีปากของนางและเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาว่า "ในสวนดอกไม้ก็มี ที่ลานด้านหลังก็มี แต่สีแดงมีมิมากนัก ก่อนหน้านี้เคยปลูกไว้ในเรือนหมิงฮุย แต่นายท่านมิชื่นชอบ ดังนั้นฮูหยินจึงรับสั่งให้ถอนทิ้งเจ้าค่ะ"

จิ้นเยว่ขมวดคิ้ว "น่าเศร้าจริง!"

"นี่คือหลักฐานชิ้นหนึ่ง ข้าจักต้องให้ผู้รับผิดชอบจับตามองเป็นพิเศษ!" เฉินเนี่ยงปิดกล่อง "เอาล่ะ ในเมื่อทุกท่านได้เห็นมันแล้ว ข้าก็ควรนำมันไปให้องค์ชายเล็กทอดพระเนตรด้วย คุณหญิง เรื่องที่ได้สัญญากับองค์ชายเล็กไว้สามวันข้าเองได้รับรู้เรื่องราวแล้ว องค์ชายเล็กทรงกำชับว่าเพียงแค่ท่านเอ่ย ทางข้าจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่"

ซ่งเยี่ยนยังกล่าวอีกว่า หากเช่นนี้แล้วยังหาคนร้ายมิพบ ก็จงอย่าโทษเขาที่โหดร้าย!

แน่นอนว่าประโยคหลังนี้ เฉินเนี่ยงมิกล้าเอ่ยออกมา

"ขอบคุณเจ้าค่ะ!" จิ้นเยว่หันหลังกลับไป

น่าปวดหัวเสียจริง ดวงตาคู่หนึ่ง ดอกกุหลาบหนึ่งดอก นี่หมายความว่าอย่างไร?

หนึ่งดอก หนึ่งโลก?

พระไตรปิฎก?

"คุณหญิงเจ้าคะ พบเงื่อนงำอันใดบ้างหรือไม่?" ซวงจือเดินตามนางมาอย่างใกล้ชิด

จิ้นเยว่ถอนหายใจเบา ๆ "มิมีเงื่อนงำอันใด มิมีสิ่งใดเลย น่าประหลาดจริง!"

"ต่ำว่าเรามีเวลาเพียงสามวันเท่านั้น" ซวงจือเป็นกังวล

"พี่สาว!" น้ำเสียงอันอ่อนโยนของกู้รั่วลี้ดังขึ้น ดวงตาที่อ่อนโยนของนางคู่นั้นหยุดยืนอยู่ที่ปลายทางเดิน ร่างกายที่อ่อนแอยืนอยู่ที่ต้นลมราวกับว่าสามารถถูกพัดปลิวไปได้ทุกเมื่อ นางมองมายังจิ้นเยว่ความเศร้าโศกเล็กน้อย คิ้วของนางขมวดเข้าหากันเบาๆ "พี่สาวพบปัญหาเข้างั้นหรือ?"

"พระชายารอง!"จิ้นเยว่ทำความเคารพ

กู้รั่วลี้เดินไปหานาง "ข้ารู้เรื่องสัญญาสามวันของท่านและคุณชายรองแล้ว"

จิ้นเยว่ขมวดคิ้วขึ้น รู้แล้วจักถามทำไมเล่า?!

"เวลาสามวันช่างสั้นเหลือเกิน หากพี่สาวมิสามารถจัดการได้สำเร็จ ข้าสามารถเจรจากับองค์ชายเล็กแทนท่านได้"กู้รั่วลี้เม้มริมฝีปากมองนางอย่างกังวล

หากใครมิรู้ คงคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองแนบแน่นยิ่ง!

จิ้นเยว่มองเข้าไปในดวงตาของนางแล้วรู้สึกมิสบายใจ "ขอบพระทัยพระชายารองที่เมตตา แต่……เรื่องนี้เป็นข้อตกลงระหว่างองค์ชายเล็กกับข้า เกรงว่าคนนอกจะมิควรเข้ามายุ่งเกี่ยว!"

คำว่า "คนนอก" ทำให้ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนเพิ่มมากขึ้น แต่กู้รั่วลี้มักคอยตามติดเรียกนางว่าพี่สาว ราวกับว่าเป็นผู้ไล่ตามอ้อนวอนอย่างไรอย่างนั้น

ใบหน้าของนางบ่งบอกถึงความเคอะเขิน กู้รั่วลี้ก้มหน้าลงเล็กน้อย และเมื่อนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้งดวงตาของนางก็แดงเรื่อราวกับถูกรังแกเข้าจริงๆ "พี่สาวกล่าวถูกต้องแล้ว รั่วลี้เข้ามายุ่งโดยมิใช่เหตุเอง มิควรเข้ามาข้องเกี่ยวเรื่องระหว่างองค์ชายเล็กและพี่สาว"

ซวงจือขมวดคิ้ว ประโยคนี้ทำให้ผู้ฟังมิสบายใจเอาเสียจริง ราวกับว่าคุณหญิงห้าของนางเข้าไปยุ่งเกี่ยวระหว่างเรื่องขององค์ชายเล็กและพระชายารองอย่างไรอย่างนั้น

ดวงตาของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นซวงจือก็รีบเอ่ยขึ้นว่า "คุณหญิงเจ้าคะ บัดนี้คุณชายอยู่ในเรือนขัง มิรู้ว่าเขาได้นำยาไปด้วยหรือไม่? คุณหญิงรู้ดีว่าร่างกายของคุณชายมิค่อยแข็งแรง มิอาจอยู่ห่างจากยาได้ และมิอาจอยู่ห่างจากคุณหญิงได้!"

"อืม จริงดังว่า!"จิ้นเยว่ยิ้มขึ้น ใบหน้าของนางดูสดใสทันที จากนั้นนางจึงเหลือบตามองไปยังร่างที่อยู่มุมกำแพง "พระชายารองเพคะ ข้าต้องรีบนำยาไปให้สามีของข้าก่อน หากทรงหวังกับข้าจริงๆ อย่าได้เอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้าองค์ชายเล็ก หากมีเรื่องอันใด ข้าจะเข้าทูลต่อองค์ชายด้วยตนเอง!"

กู้รั่วลี้ผงะ "พี่สาว? ท่านรังเกียจข้างั้นหรือ……"

"ข้ามิได้รังเกียจท่านแต่อย่างใด ข้าเพียงแค่มิมีเวลาแล้ว และมิอยากเสียเวลากับคนที่มิคู่ควรกับสิ่งที่มิคุ้มค่า" จิ้นเยว่ขยับเข้าไปหานาง "องค์ชายเล็กประทับอยู่ตรงมุมกำแพง ท่านจะแสดงละครต่อไป? หรือจะจบลงเพียงเท่านี้?"

หลังจากเอ่ยจบ จิ้นเยว่ก็ยืดตัวขึ้นและยิ้มให้นาง

ใบหน้าของกู้รั่วลี้ซีดเผือดไร้ซึ่งเส้นเลือดฝาด น้ำตาของนางคลอเบ้า "พี่สาวเข้าใจข้าผิดไปแล้ว!"

ซ่างเย่

ซ่างเย่

Score 10
Status: Completed
ในใจของฟู่จิ่วชิงมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่ เมียของตัวเอง ถูกเขาแอบขโมยมา...... ใครๆล้วนรู้ว่า ตระกูลฟู่ในเมืองเหิงโจว ร่ำรวยเท่ากับประเทศชาติเลยทีเดียว แต่เสียที่ทายาทล้วนไม่เอาไหนทั้งนั้น ลูกคนโตตายตั้งแต่ยังเด็ก ลูกคนที่สองใช้เงินทองสุรุ่ยสุร่าย ลูกคนที่สามชอบหาโสเภณี ลูกคนที่สี่เป็นคนโง่ ฟู่จิ่วชิงเป็นลูกหลงซึ่งออกโดยเมียน้อย และก็เป็นคนขี้โรคมาตั้งแต่เกิดด้วย จิ้นเยว่ไม่ยอมแต่งเข้าไปในตระกูลฟู่ แต่พ่อเข้าคุก นางในฐานะที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอเท่านั้น จะทำอะไรได้ล่ะ? แต่ว่าหลังจากแต่งเข้าไปแล้ว คนขี้โรคที่ได้ยินมานั้น เหมือนไม่ได้ป่วยหนักขนาดนั้น โดยเฉพาะวิธีการทรมานคน ทำไมถึง......โหดร้ายขนาดนั้น? อยู่มาวันหนึ่ง จิ้นเยว่ตื่นตัวขึ้นมาทันที สามีของตัวเองเป็นหมาป่าหางโตที่ใส่หนังแกะนี่เอง! หัวใจของข้าแบ่งเป็นสามส่วน ตะวัน นิศาบดีและเจ้า ตะวันและนิศาบดีมอบให้กับเจ้า ยอมล่มสิ้นใต้หล้าเพื่อเจ้าเพียงผู้เดียว!——ฟู่จิ่วชิง

Options

not work with dark mode
Reset