ซ่างเย่ 33 นางมิเคยอ้อนวอนร้องขอใคร

ตอนที่ 33 นางมิเคยอ้อนวอนร้องขอใคร

"เจ้าโง่ เป็นเพราะพระโพธิสัตว์คุ้มครองนางอย่างไรเล่า!" ฟู่ตงเป่ามองดูทั้งสองคนด้วยความรังเกียจ "พี่สะใภ้ห้างดงามมากเพียงนี้ พระโพธิสัตว์ต้องคุ้มครองเป็นแน่!"

"ไอ้เจ้าโง่!" ฟู่หยุนเซียวขี้เกียจเกินกว่าจะไปสนใจคนบ้า เขาเอนตัวลงบนเตียงไม้อย่างเกียจคร้าน "น้องห้า เจ้าต้องดูภรรยาของเจ้าเอาไว้ให้ดี เมื่อคืนนี้ข้าเองก็มองอยู่ เมื่อองค์ชายเล็กเห็นภรรยาของเจ้า ดวงตาของเขาช่างเป็นประกายแวววาว ระวังเถิดเมื่อถึงเวลาถูกสวมเข้าเข้าให้แต่กลับมิรู้ตัว!"

ฟู่จิ่วชิงมิได้สนใจพวกเขา กลับเดินตรงไปหาจิ้นเยว่ "เจ้าเข้ามาคนเดียวหรือ?"

"ซวงจือรอข้าอยู่ด้านนอก" จิ้นเยว่เอ่ยอย่างเร่งรีบ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฟู่จิ่วชิงก็เยือกเย็นลงด้วยความรวดเร็ว มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แม้แต่สาวใช้ข้างกายนางก็ถูกละเว้น ช่างวางแผนมาดีเสียจริง "มานี่สิ"

จิ้นเยว่ชะงักลงเล็กน้อย แม้นมิรู้ว่าทำไมจู่ๆเขาถึงโกรธ แต่สถานการณ์ตอนนี้มิธรรมดา นางจึงมิได้ขัดแย้งใดๆต่อเขา หากตระกูลฟู่ต้องจบลง นางก็จะถูกโยงเข้าไปพัวพันด้วย

หลังจากที่ยื่นหูไป จิ้นเยว่ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เสียงของฟู่จิ่วชิงนุ่มนวลมาก แนบไปกับใบหูของนาง ในตอนแรกเห็นได้ชัดว่าเยือกเย็น แต่ในตอนสุดท้าย……มิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หูของนางร้อนผ่าวราวกับไฟ

ลมหายใจรดออกมานั้นร้อนจนน่ากลัว

แต่หลังจากที่เขาเอ่ยจบ จิ้นเยว่ก็รีบลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วก้าวถอยหลังสองก้าวโดยมิรู้ตัว

ใบหน้าของฟู่จิ่วชิงมิเปลี่ยนแปลง ขณะที่นางก้าวถอยหลังออกไปนั้นเหมือนมีชั้นน้ำแข็งบางๆจากดวงตาจ้องนางเอาไว้ จากนั้นสายตาของเขาก็ละไปมองหูและลำคอสีแดงของนาง ความหนาวเย็นเช่นหิมะจางหายไปทันที

เขาเผยอริมฝีปากขึ้นโดยมิได้ตั้งใจแล้วหัวเราะเบาๆแทบมิได้ยิน

"โอ้! หูน้องสะใภ้ห้าของข้าแดงแล้ว!" ฟู่หยุนเจี๋ยหัวเราะ

ใบหน้าของฟู่จิ่วชิงกลายเปลี่ยนมาเป็นเย็นชาทันที เขาหันใบหน้าไปมองฟู่หยุนเจี๋ยอย่างดุเดือด

เสียงหัวเราะของฟู่หยุนเจี๋ยหยุดลงกะทันหัน

"ล้อเจ้าเล่นหรอกน่า!" ฟู่หยุนเจี๋ยหันกลับมาแล้วเดินไปที่เตียงไม้ เขานั่งลงอย่างมิเกรงกลัว "ใครมิมีภรรยาแสนสวยบ้างล์!"!

"จำได้หรือไม่?" ฟู่จิ่วชิงถาม

จิ้นเยว่พยักหน้า "จำได้แล้ว!"

เขาเอื้อมมือและเปิดฝ่ามือของเขา

จิ้นเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย นางมองมือของเขาที่สะอาดสะอ้าน มันช่างขาวผ่องท่ามกลางความมืดเหมือนกับหยกขาวแกะสลัก นางรู้สึกว่าตนถูกดูดโดยวิญญาณชั่วร้าย แล้วก็ยื่นมือออกไป

มือของฟู่จิ่วชิงยังคงเย็นชาเสียจนนางตัวสั่นทันที เมื่อนางหดมือกลับ ปลายนิ้วของเขาก็สัมผัสเข้ากับฝ่ามือนาง มันลูบไล้เบาๆราวกับขนนก แต่ดูเหมือนกำลังเกาหัวใจทำให้รู้สึกคัน

เมื่อเห็นใบหน้าที่น่าเกรงขามของเขา จิ้นเยว่จึงกัดฟันและดุว่า "จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!"

เอ่ยจบนางก็หันหลังวิ่งไปราวกับจะวิ่งหนี

ทว่าจู่ๆก็มีเสียงราวกับระเบิดขึ้นในห้องขัง ผู้คุมจึงรีบเข้าไปดู "เกิดอะไรขึ้น?"

เขาเห็นเพียงเตียงไม้หักลง คาดว่าคงถูกหนูกัดแทะเป็นแน่

ฟู่หยุนเจี๋ยและฟู่หยุนเซียวล้มลงร้องไห้คร่ำครวญด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ภาพนั้นน่าอายยิ่ง ฟู่ตงเป่ากลับยืนปรบมืออยู่ข้างๆด้วยความชอบใจ แต่ก็ถูกผู้คนดุด่ามิน้อยเช่นกัน

ฟู่จิ่วชิงนั่งหน้าโต๊ะโดยมิขยับเขยื้อนหรือเลอะเทอะแต่อย่างใด ใบหน้าของเขายังคงมิเปลี่ยนแปลง แต่แสงในดวงตาของเขาเริ่มหดหู่มากขึ้น เขาได้แต่นั่งอยู่เงียบๆราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างและเพิกเฉยต่อทุกสิ่งรอบตัว

จิ้นเยว่เดินออกจากห้องขังไปยังเรือนรับรองด้านข้าง

เฉิงหนานยืนรออยู่นอกประตูห้องโถงแต่เช้า เมื่อเขาเห็นนางกำลังเดินมาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที "คุณหญิงห้า!"

"ช่วยทูลองค์ชายเล็กว่าข้าขอเข้าพบได้หรือไม่?"จิ้นเยว่ถาม

เฉิงหนานพยักหน้าหลายครั้งติดต่อกัน และรีบกลับไปทูลซ่งเยี่ยน แต่คาดมิถึงว่าซ่งเยี่ยนจะทำท่าทีเย็นชา มิบอกว่าจะให้เข้าพบหรือไม่ เพียงบอกให้นางรออยู่ข้างนอก

เวลาเที่ยง พระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้า ทำให้เป็นลมแดดได้ง่าย

จิ้นเยว่ขมวดคิ้วขึ้น ตระกูลฟู่ทุกคนอยู่ในเรือนขัง นางจะอยู่ที่นี่โดยเปล่าประโยชน์มิได้ใช่หรือไม่? สิ่งที่ฟู่จิ่วชิงเอ่ยนั้นถูกยิ่ง ซ่งเยี่ยนมิได้ต้องการพบนางนัก ดังนั้น……

"เอ่อ! นี่! คุณหญิงห้า! จะไปไหนขอรับ?" เฉิงหนานรีบเข้าไปหยุดจิ้นเยว่ไว้

"องค์ชายเล็กมิต้องการพบข้า แน่นอนว่าข้าจะกลับเรือน"จิ้นเยว่เดินอ้อมตัวเขาและก้าวออกไป

เฉิงหนานตกใจและรีบกลับไปที่ห้องโถงเพื่อรายงาน

ถ้วยในมือของซ่งเยี่ยนถูกปาลงพื้นอีกครั้ง เขากล่าวอย่างโกรธจัดว่า "เจ้าว่าอย่างไรนะ? กลับบ้านงั้นหรือ?!"

ซ่งเยี่ยนขี่ม้าไล่ตามไป จากนั้นปรากฏตัวขึ้นบนถนนเข้าไปขวางทางม้าของจิ้นเยว่เอาไว้

ซวงจือกลัวเสียจนขาของนางเกือบจะอ่อนแรง โชคดีที่จิ้นเยว่เอื้อมมือเข้ามาประคองไว้ จึงได้พยุงตัวเองอยู่ แต่ใบหน้าก็ซีดเซียว

"องค์ชายเล็กพ่ะย่ะค่ะ!" เฉิงหนานโบกมือ จากนั้นทหารจำนวนมากก็รีบวิ่งออกไปยังถนน

ชาวบ้านถูกขับไล่กระจัดกระจายในชั่วพริบตา ถนนที่เดิมมีชีวิตชีวาของเมืองเหิงโจวก็ว่างเปล่าในขณะนี้ แสดงความสามารถของเรื่องความว่องไวของทหารเหล่านี้ได้อย่างดี

ซ่งเยี่ยนนั่งอยู่บนหลังม้า จ้องมองคนที่อยู่ใต้ม้าอย่างเย่อหยิ่งด้วยสายตาโหดร้าย ราวกับจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ

"คุณหญิงเจ้าคะ?"ซวงจือกระซิบ

จิ้นเยว่กลับมารู้สึกตัวแล้วรีบโค้งคำนับ "คารวะองค์ชายเล็กเพคะ"

"เหตุใดเจ้าจึงจากไปโดยมิรอข้า?" ซ่งเยี่ยนถามอย่างเย็นชา

จิ้นเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้นผู้ที่อยู่ด้านบน เห็นได้ชัดว่าเขามิอยากพบนาง แต่บัดนี้กลายมาเป็นความผิดของนางได้อย่างไร?

ท่ามกลางแสงแดด ใบหน้าอันหล่อเหลาของซ่งเยี่ยนดูคมชัดยิ่งขึ้น ซึ่งคล้ายกับความงามของฟูจิ่วชิงนัก คนหนึ่งมีความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว อีกคนหนึ่งเป็นคนขี้โรคที่มิอาจรักษาได้

ทั้งสองเหมือนไฟกับน้ำ เหมือนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

"จงตอบข้ามา!" ซ่งเยี่ยนตะโกนเสียงดัง

แต่ก่อนที่จิ้นเยว่จะเอ่ยอันใดออกไป ซ่งเยี่ยนได้พลิกตัวลงจากหลังม้า จิ้นเยว่จึงขมวดคิ้วขึ้น

"คุณหญิงเจ้าคะ!" ซวงจือกัดฟันและลุกยืนขึ้น แต่กลับถูกซ่งเยี่ยนผลักออกไปจนแทบทรุดลงไปกับพื้น

"ตอบข้ามาสิ!" ซ่งเยี่ยนยืนอยู่ตรงหน้านาง ดวงตาสีแดงก่ำเหมือนเลือดราวกับจะกินคนได้

จิ้นเยว่ทำความเคารพอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนมิเอาแต่ใจ "ในเมื่อองค์ชายเล็กมิต้องการพบหม่อมฉัน เช่นนั้นหม่อมฉันก็ควร……"

"หม่อมฉันอันใดกัน! เจ้าคือจิ้นเยว่! จิ้นเยว่!" ซ่งเยี่ยนเกลียดคำสองคำนี้มาก ก่อนหน้านี้เขามิรู้สึกอันใด แต่บัดนี้เขาเกลียดมันแทบบ้า

จิ้นเยว่รู้สึกมึนงงเล็กน้อยจากการตะโกนใส่ของเขา "องค์ชายเล็ก ทรงเป็นอะไรมากหรือเปล่าเพคะ?"

ซ่งเยี่ยนจ้องมองนางอย่างตั้งใจ น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย "มิใช่หรือ? มิใช่จริงๆอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงมิมีแม้แต่ความอดทนเช่นนี้? ก่อนหน้านี้เจ้ามิได้เป็นเยี่ยงนี้!"

ก่อนหน้านี้เพียงแค่เขาเอ่ย นางก็สามารถรอได้ตั้งแต่มืดจนถึงรุ่งเช้า ยืนนิ่งอยู่กับที่โดยมิขยับเขยื้อน ต่อให้มีลมพายุฝนกระหน่ำ นางก็ไม่แม้แต่กะพริบตา

จิ้นเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นคุกเข่าลงบนพื้น "องค์ชายเล็กเพคะ คนใจตระกูลฟู่ถูกใส่ความ พวกเขามิมีส่วนในการลอบสังหารอย่างแน่นอน จิ้นเยว่ยินดีที่จะใช้ศีรษะนี้เพื่อรับประกัน ตราบใดที่องค์ชายเล็กเต็มใจให้เวลาจิ้นเยว่ ภายในสามวัน จิ้นเยว่จะให้คำอธิบายที่น่าพอใจแก่องค์ชาย!"

"เจ้ากำลังอ้อนวอนข้าเพื่อคนในตระกูลฟู่อยู่งั้นหรือ?" ซ่งเยี่ยนกัดฟันของเขาแล้วเอ่ยถาม "เจ้ามิเคยอ้อนวอนใครมาก่อน!"

มิว่านางจะได้รับการลงโทษที่รุนแรงเพียงใด นางมิเคยร้องขอความเมตตาหรือวิงวอนขอความเมตตาจากผู้ใดเลย

ธนูอันเยือกเย็นเจาะเข้าที่แขนของนาง เลือดไหลนองไปทั่วพื้น สีหน้าของนางก็มิได้เปลี่ยน อีกทั้งมิเอ่ยถึงความเจ็บปวดใดๆ

จิ้นเยว่ตกตะลึงอยู่หลายวินาที ก่อนที่จะตระหนักว่าองค์ชายเล็กคงจะเห็นนางเป็นอีกคนหนึ่ง "องค์ชายเล็กเพคะ หม่อมฉันคือสะใภ้ของตระกูลฟู่ หาใช่สตรีที่ทรงกล่าวมาไม่!"

ซ่างเย่

ซ่างเย่

Score 10
Status: Completed
ในใจของฟู่จิ่วชิงมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่ เมียของตัวเอง ถูกเขาแอบขโมยมา...... ใครๆล้วนรู้ว่า ตระกูลฟู่ในเมืองเหิงโจว ร่ำรวยเท่ากับประเทศชาติเลยทีเดียว แต่เสียที่ทายาทล้วนไม่เอาไหนทั้งนั้น ลูกคนโตตายตั้งแต่ยังเด็ก ลูกคนที่สองใช้เงินทองสุรุ่ยสุร่าย ลูกคนที่สามชอบหาโสเภณี ลูกคนที่สี่เป็นคนโง่ ฟู่จิ่วชิงเป็นลูกหลงซึ่งออกโดยเมียน้อย และก็เป็นคนขี้โรคมาตั้งแต่เกิดด้วย จิ้นเยว่ไม่ยอมแต่งเข้าไปในตระกูลฟู่ แต่พ่อเข้าคุก นางในฐานะที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอเท่านั้น จะทำอะไรได้ล่ะ? แต่ว่าหลังจากแต่งเข้าไปแล้ว คนขี้โรคที่ได้ยินมานั้น เหมือนไม่ได้ป่วยหนักขนาดนั้น โดยเฉพาะวิธีการทรมานคน ทำไมถึง......โหดร้ายขนาดนั้น? อยู่มาวันหนึ่ง จิ้นเยว่ตื่นตัวขึ้นมาทันที สามีของตัวเองเป็นหมาป่าหางโตที่ใส่หนังแกะนี่เอง! หัวใจของข้าแบ่งเป็นสามส่วน ตะวัน นิศาบดีและเจ้า ตะวันและนิศาบดีมอบให้กับเจ้า ยอมล่มสิ้นใต้หล้าเพื่อเจ้าเพียงผู้เดียว!——ฟู่จิ่วชิง

Options

not work with dark mode
Reset