จารใจรัก 30-2 รักจนวางไม่ลง

ตอนที่ 30-2 รักจนวางไม่ลง

พระชายาอิงชินอ๋องกับเซี่ยฟางหวาเดินออกมา ก็เห็นเจิ้งเซี่ยวหยางกำลังกุมศีรษะมองรถม้าของ

 

 

จินเยี่ยนแล่นจากไปด้วยความเสียใจไม่น้อย

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องยิ้มขำ “เด็กคนนี้น่าสนใจนัก”

 

 

           เซี่ยฟางหวาคิดว่ามีหรือไม่น่าสนใจ นางไม่เชื่อว่าเจิ้งเซี่ยวหยางที่ตาเห็นจะเป็นเจิ้งเซี่ยวหยางที่แท้จริง

 

 

           เขาเกรงว่าจะเป็นบุคคลสำคัญที่ร้ายกาจอย่างยิ่งในตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยาง ถึงอย่างไรผู้นำตระกูลก็ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจจนเป็นเรื่องปกติ นายท่านใหญ่ยอมฟังเขาอย่างจนใจ เจิ้งเซี่ยวฉุนก็ให้การปกป้องเข้าข้างเขาอย่างยิ่ง อีกอย่างเขายังพูดจาและประพฤติตนอย่างไม่เกรงกลัว เจ้าสำราญไม่สนใจใครหน้าไหน พุ่งชนรถม้าจวนเสนาบดีฝ่ายขวา ทำร้ายหลี่หรูปี้จนใบหน้าเสียโฉม แต่กลับยังสู่ขอจินเยี่ยนจากจวนเสนาบดีฝ่ายขวาได้ ถือพระราชโองการกลับไปอย่างลอยตัว

 

 

           ทั้งหมดนี้ได้มาเพราะโชคช่วยหรือไม่

 

 

           ไม่มีทาง

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องเดินมาถึงก็ยิ้มบอกเจิ้งเซี่ยวหยาง “ไปกันเถอะ”

 

 

           เจิ้งเซี่ยวหยางผงกศีรษะอย่างท้อถอย

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องกับเซี่ยฟางหวาขึ้นรถม้า มีคนจูงม้าตัวหนึ่งมาให้เจิ้งเซี่ยวหยาง เขาขี่ม้าตามหลังไป

 

 

           ภายในรถม้า พระชายาอิงชินอ๋องกับเซี่ยฟางหวาต่างไม่พูดคุยกัน

 

 

           กระทั่งกลับมาถึงจวนอิงชินอ๋องอย่างราบรื่น

 

 

           เมื่อมาถึงหน้าจวน สี่ซุ่นออกมาต้อนรับว่า “พระชายา พระชายาน้อย ท่านอ๋องน้อยกลับมาแล้วขอรับ”

 

 

           “เจิงเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ” พระชายาอิงชินอ๋องชะงัก

 

 

           “เร็วขนาดนี้เชียว” เซี่ยฟางหวาเองก็แปลกใจเช่นกัน

 

 

           “ท่านอ๋องน้อยเพิ่งกลับมา ตอนนี้กลับไปที่เรือนลั่วเหมยแล้วขอรับ” สี่ซุ่นยิ้มแป้นกล่าว

 

 

           เซี่ยฟางหวาเร่งฝีเท้าเข้าไปข้างในก่อน “ท่านแม่ ข้ากลับไปก่อน”

 

 

           “เจ้ารีบไปเถอะ ข้าจัดหาที่พักให้คุณชายรองเจิ้งแล้วค่อยตามไป” พระชายาอิงชินอ๋องยิ้มพลางโบกมือ

 

 

           เซี่ยฟางหวารับคำ ก่อนกุลีกุจอเข้าไปในเรือน เดินกลับไปยังเรือนลั่วเหมย

 

 

           “ไปเก็บกวาดทำความสะอาดเรือนที่อี้จือเคยมาพักในจวนเรา ให้คุณชายรองเจิ้งเข้าพักแทน คุณชายรองเจิ้งจะอยู่ในจวนเราระยะหนึ่ง เตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้พร้อม อย่าได้ขาดเหลือ” พระชายาอิงชินอ๋องสั่งงานสี่ซุ่น

 

 

           “ขอรับ พระชายา” สี่ซุ่นสำรวจมองคุณชายรองเจิ้งที่เพิ่งเข้าเมืองมาก็ก่อคลื่นยักษ์ลูกหนึ่งในเมืองหลวงหนานฉินแล้ว มองอยู่นาน เพราะเขาเนื้อตัวมอมแมมจึงมองรูปลักษณ์ที่แท้จริงไม่ออก ประสานมือทันใด “คุณชายรองเจิ้ง โปรดตามบ่าวมา”

 

 

           เจิ้งเซี่ยวหยางมองสำรวจทั่วจวนอิงชินอ๋องรอบหนึ่ง ประสานมือตอบลวกๆ ทำตัวตามสบายอย่างยิ่ง

 

 

           สี่ซุ่นเดินนำทาง เจิ้งเซี่ยวหยางตามเขาเข้าไปด้านใน

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องเห็นทั้งสองเข้าไปข้างในแล้วก็เรียกชุนหลันมา กำชับเสียงทุ้มต่ำว่า “ไปสืบข่าวดูว่า หลังข้ากับหวาเอ๋อร์กลับมา สถานการณ์ที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

           “เจ้าค่ะ พระชายา” ชุนหลันออกไปทันที

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องกลับเรือนหลัก

 

 

           เซี่ยฟางหวากลับมาถึงเรือนลั่วเหมย ยังไม่ทันเข้าไปในลานบ้าน หลินชีกับอวี้จั๋วก็ออกมาต้อนรับอย่างดีใจ ยิ้มบอกนางว่า “พระชายาน้อย ท่านอ๋องน้อยกลับมาแล้ว กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องขอรับ”

 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้า ถามเสียงเบาว่า “เขาไม่ได้บาดเจ็บมาใช่ไหม”

 

 

           หลินชีกับอวี้จั๋วมองหน้ากันทันที ก่อนส่ายหน้าตอบ “ไม่เห็นว่าท่านอ๋องน้อยได้รับบาดเจ็บ ตอนเขาอาบน้ำก็มิได้ให้พวกเราเข้าไปด้วย แต่ดูท่าทางเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง สีหน้าไม่ค่อยดีนัก”

 

 

           เซี่ยฟางหวาเข้าใจแล้ว ไม่พูดมากก็เข้าไปในห้อง

 

 

           ข้ามธรณีประตูห้องเข้ามา เดินผ่านห้องรับรอง ทะลุห้องชั้นกลางมายังห้องชั้นใน พบว่าฉินเจิงอาบน้ำอยู่ดังที่ได้ยินมา

 

 

           ตัวนอนแช่อยู่ในอ่างไม้ เปลือกตาปิดสนิทราวกับกำลังหลับอยู่

 

 

           เซี่ยฟางหวาเดินเข้ามาใกล้ มองเขาแวบหนึ่ง พบว่าใบหน้าเขาแลดูเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง เผลอหลับไปจริงๆ แล้ว แม้แต่นางเดินเข้ามาใกล้ก็ยังคล้ายไม่รู้ตัว นี่ต้องเหนื่อยล้ามากเท่าไรกัน นางยื่นมือทดสอบอุณหภูมิน้ำ น้ำยังอุ่นอยู่ โชคดีที่เป็นฤดูร้อน ถึงหลับอยู่ในอ่างน้ำก็ไม่เป็นไร นางจึงไม่รบกวนเขา หมุนตัวเดินออกไปรอเขาตื่น

 

 

           นางเพิ่งหมุนตัวกลับ ฉินเจิงก็พลันยื่นมือมากำข้อมือนางไว้

 

 

           เซี่ยฟางหวาหันกลับไปมอง พบว่าเขายังคงหลับตาอยู่ น้ำเสียงที่เหนื่อยล้าง่วงงุนดังขึ้น “ห้ามไป อยู่ตรงนี้กับข้าก่อน”

 

 

           เซี่ยฟางหวาทั้งปวดใจและทั้งยิ้มขำ “เจ้าจะนอนก็ไปนอนในห้องดีๆ นอนในนี้จะสบายตัวได้อย่างไร”

 

 

           “ไม่อยากขยับ” ฉินเจิงตอบด้วยความอ่อนเพลีย

 

 

           “เช่นนั้นก็ได้ ข้าไปยกเก้าอี้มานั่งกับเจ้าตรงนี้” เซี่ยฟางหวาบอก

 

 

           ฉินเจิงตอบ “อืม” เสียงหนึ่ง

 

 

           เซี่ยฟางหวายกเก้าอี้มานั่งข้างอ่างไม้ ฉินเจิงกุมมือนาง แล้วหลับไปอีกหน

 

 

           เซี่ยฟางหวายกมือไล้ใบหน้าเขาแผ่วเบา วาดไปตามเครื่องหน้าทั้งห้า วางไม่ลงชั่วขณะ

 

 

           ผ่านไปพักหนึ่ง ฉินเจิงก็หลุดหัวเราะเสียงทุ้ม “เจ้าคิดถึงข้าแล้วใช่ไหม หืม”

 

 

           เซี่ยฟางหวาถอนมือกลับทันที กระซิบกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “เจ้านอนเถอะ ข้าไม่กวนแล้ว”

 

 

           ฉินเจิงพลันลุกขึ้นยืน ข้ามอ่างไม้ออกมา รั้งเอวนางอุ้มขึ้น “ไปนอนบนเตียง”

 

 

           เซี่ยฟางหวาอุทานเสียงต่ำ “เปียกไปหมดแล้ว”

 

 

           “ค่อยทำความสะอาดก็ได้” ฉินเจิงพูดพลางก็ออกจากหลังฉากกั้นลม ตวัดฝ่ามือปล่อยม่านบริเวณหน้าต่างลง พลางอุ้มเซี่ยฟางหวาขึ้นเตียง

 

 

           ม่านผืนใหญ่ตกลง ฉินเจิงโน้มกายลงมา กดเซี่ยฟางหวาเอาไว้ใต้ร่าง มอบจุมพิตลึกซึ้งอันเนิ่นนานให้

 

 

           เซี่ยฟางหวาแทบหายใจไม่ทัน เอื้อมมือทุบเขา

 

 

           ฉินเจิงจูบจนพอใจแล้วก็ผละออก กระซิบข้างหูนางด้วยเสียงแหบพร่า “คิดถึงเจ้าแล้ว”

 

 

           เซี่ยฟางหวากอดเขา “ยังสว่างอยู่ เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ”

 

 

           “ชู่ ข้าอยากทำบางสิ่งก่อน” ฉินเจิงจุ๊ปาก ก่อนยื่นมือปลดสายคาดเอวของเซี่ยฟางหวา ผ้าโปร่งผืนงามร่วงตกลงจากลาดไหล่นาง เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าอันสวยงาม ต้นคอระหง ลมหายใจเขาสะดุดยุ่งเหยิง โน้มศีรษะจุมพิตอย่างควบคุมไม่อยู่

 

 

           เซี่ยฟางหวาหอบเสียงแผ่ว ยกมือดันเขาออก “ฉินเจิง”

 

 

           ฉินเจิงตอบ “อืม” เสียงหนึ่ง

 

 

           “ท่านแม่ก็รู้ว่าเจ้ากลับมาแล้ว ประเดี๋ยวจัดการธุระเสร็จก็ตามมา เจ้าอย่าเพิ่ง…” เซี่ยฟางหวาผลักเขา

 

 

           “ไม่ว่างพบท่านแม่” ฉินเจิงไม่พอใจ

 

 

           เซี่ยฟางหวาทั้งขุ่นเคืองทั้งแย้มยิ้ม “เช่นนั้นก็ต้องระวังร่างกายด้วย เจ้าเหนื่อยล้าจนมีสภาพนี้ ยังไม่ลืมที่จะ…” นางพูดต่อไปมิได้ ผลักเขาออก “ลงไป”

 

 

           “ไม่ลืมอะไร” ฉินเจิงเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาคู่งามกำลังมองนาง ในนั้นเปี่ยมด้วยอารมณ์ล้นทะลัก

 

 

           “ไม่ลืมที่จะคิดเรื่องลามก” เซี่ยฟางหวากระซิบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าพูดรึ”

 

 

           ฉินเจิงหลุดยิ้ม ยื่นมือกดหน้าผากนาง และทั้งโน้มศีรษะจุมพิตแก้มนางแผ่วเบา จากนั้นก็เคลื่อนกายออก คว้านางเข้ามากอดแล้วฟ้องว่า “ข้าหลับอยู่ดีๆ เป็นเจ้ายั่วข้า”

 

 

           เซี่ยฟางหวาถลึงตาใส่เขา หยอกโมโหว่า “ข้าควรปล่อยให้เจ้านอนอยู่ในน้ำเย็น ถึงมิใช่ยั่วเจ้าใช่ไหม”

 

 

           ฉินเจิงร้อง “โอ้” ก่อนหลับตาลง “เจ้าทำลงหรือ”

 

 

           เซี่ยฟางหวาพูดไม่ออก เพราะทำไม่ลง

 

 

           ฉินเจิงคงเหนื่อยและอ่อนเพลียอย่างยิ่ง ไม่นานก็หลับไปอีกหน

 

 

           เซี่ยฟางหวาคิดว่าสภาพเขาตอนนี้ หรือว่าตั้งแต่ออกจากจวนไปวันนั้นก็ยังไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเลย สองวันนี้เขาทำสิ่งใดลงไปบ้าง

 

 

           สายสอดแนมเป่ยฉีถูกกำจัดหมดแล้วหรือยัง

 

 

           แต่ก็ไม่น่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้สิ

 

จารใจรัก

จารใจรัก

Score 10
Status: Completed

ภาคที่ 1-4 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เซี่ยฟางหวา บุตรสาวของจวนจงหย่งโหว ยอมสละตนเองไปเข้าร่วมการฝึกฝนกับองครักษ์เงาที่ภูเขาไร้นามตั้งแต่อายุเจ็ดขวบเพื่อค้ำจุนวงศ์ตระกูลในภายภาคหน้า ผ่านไปแปดปี นางทำลายภูเขาไร้นามจนสิ้น ปลอมตัวกลับเข้ามาที่เมืองหลวงอีกครั้ง แต่โชคชะตาเหมือนเล่นตลกให้นางต้องพบกับเขา อ๋องน้อยแห่งจวนอิงชินอ๋อง พบกันเพียงครั้งนางกลับสลัดเขาไม่หลุด ไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะดั้งเดิมของตนได้ ทั้งยังต้องไปเป็นหญิงใบ้คอยรับใช้ข้างกายเขาอีก กลยุทธ์ วิชาแพทย์ นางล้วนฝึกฝนจนแตกฉาน แต่กับ ฉินเจิง ผู้นี้ นางกลับจนปัญญาที่จะต่อกรด้วยจริงๆ

Options

not work with dark mode
Reset