จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)บทที่ 413 วอนหาเรื่อง

บทที่ 413 วอนหาเรื่อง

บท​ที่​ 413 วอน​หาเรื่อง​

เมื่อ​ได้ยิน​ชื่อ​ของ​จิงหง​ ฉู่ชวิ๋น​ก็​หยุดชะงัก​แล้ว​หันหลัง​กลับมา​ทันที​

“ไม่ไป​แล้ว​เหรอ​? จะกลับมา​ทำไม​ล่ะ​?” ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ทำ​หน้า​ประหลาดใจ​ สวนทาง​กับ​รอยยิ้ม​เย้ยหยัน​ที่​ปรากฏ​ขึ้น​บน​ริมฝีปาก​

“ผม​เพิ่ง​คิดได้​ว่าการ​ทิ้ง​พวกคุณ​ไว้​ที่นี่​เพียงลำพัง​มัน​ไม่ถูกต้อง​” ฉู่ชวิ๋น​มองหน้า​ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ด้วย​แววตา​จริงจัง​ พูดว่า​ “เมื่อ​สักครู่​ตกลง​กัน​ไว้​ที่​สมุนไพร​จิตวิญญาณ​ 1,000 กำมือ​ เอาเป็นว่า​ผม​ลด​ให้​ครึ่ง​ราคา​ เหลือ​แค่​ 500 กำมือ​เท่านั้น​ ตกลง​ไหม​?”

“ตกลง​” ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ยื่นมือ​ออกมา​ข้างหน้า​พร้อมกับ​ยิ้ม​กว้าง​

“หมายความว่า​?” ฉู่ชวิ๋น​เห็น​รอยยิ้ม​ของ​อีก​ฝ่าย​ก็​สังหรณ์ใจ​ประหลาด​

“ก็​นาย​จะให้​สมุนไพร​จิตวิญญาณ​ฉัน​ 500 กำมือ​ไม่ใช่เหรอ​?” ห​ยาน​กุย​ล๋าย​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​สะใจ

“อยาก​โดนดี​อีก​ใช่ไหม​?” ฉู่ชวิ๋น​ถูมือ​ด้วย​ความ​หมั่น​เขี้ยว​อีกครั้ง​

“ก็​เข้ามา​สิ คิด​ว่า​ฉัน​กลัว​แก​หรือไง​?” ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ผาย​มือ​เป็น​ทำนอง​เชื้อเชิญ​ “แต่​แก​ดู​สภาพแวดล้อม​ของ​ที่นี่​ให้​ดี​ แค่นี้​ฉัน​ก็​ลำบาก​มาก​พอแล้ว​ แก​จะซ้ำเติม​ฉัน​อี​กสิ​นะ​? เชิญแก​ลงมือ​ได้​เลย​”

หลังจาก​กล่าว​จบ​แล้ว​ ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ก็​ยุติ​บทสนทนา​ แล้ว​เดินผ่าน​เขา​ไป​เพื่อ​พูดคุย​กับ​บรรดา​ผู้อาวุโส​ประจำ​ตระกูล​ห​ยาน​

ไม่นาน​หลังจากนั้น​ บริวาร​ของ​ตระกูล​ห​ยาน​ก็​กลับ​มาจาก​การ​ซื้อ​เต็นท์​

ไม่กี่​อึดใจ​ให้หลัง​ เต็นท์​ก็​ถูก​กาง​เรียบร้อย​ โดย​เหลือ​เต็นท์​ที่ว่าง​อยู่​แค่​เพียง​สอง​หลัง​เท่านั้น​

“เต็นท์​สอง​หลัง​นี้​จะเอาไว้​ให้​ห​ยาน​เอ๋อร์​กับ​แม่นาง​จิงหง​ ช่วย​ดู​กัน​ให้​ดี​ด้วย​ล่ะ​ อย่า​ให้​มีหนู​โสโครก​วิ่ง​เข้าไป​ได้​เด็ดขาด​” ห​ยาน​กุย​ล๋าย​อยู่ดี ๆ​ ก็​ตะโกน​เสียงดัง​

ฉู่ชวิ๋น​ยิ้ม​เย้ยหยัน​ หัวใจ​กระตุก​วูบ​ เขา​ต้อง​สั่งสอน​ตาแก่​นี่​จริง ๆ​ ซะแล้ว​สิ

“น้อง​ฉู่ชวิ๋น​ อีกไม่นาน​ก็​จะมืดค่ำ​แล้ว​ รีบ​ไป​ซื้อ​เต็นท์​มาก่อน​ดีกว่า​นะ​!” ห​ยาน​กุย​ล๋าย​พูด​แล้วก็​ยิ้มกริ่ม​ “ถึงแม้ว่า​พวกเรา​ชาวป่า​ชาวเขา​จะชอบ​นั่ง​ตากลม​กิน​น้ำค้าง​ แต่​โลก​เดี๋ยวนี้​เปลี่ยนไป​แล้ว​ น้องชาย​ยังมี​เวลา​ไป​ซื้อ​เต็นท์​ทัน​รีบ​ไป​ซื้อ​มาเถอะ​”

โดย​ไม่รอ​ให้​ฉู่ชวิ๋น​ตอบ​รับคำ​ใด​ ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ก็​หันหน้า​กลับ​ไป​ ตะโกน​บอก​บริวาร​ของ​ตนเอง​ให้​รีบ​เข้าไป​พักผ่อน​ใน​เต็นท์​ ห้าม​ออกมา​เดิน​เพ่นพ่าน​นอก​บริเวณ​เด็ดขาด​

ไม่นาน​หลังจากนั้น​ ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ก็​ส่งเสียง​ตะโกน​ออก​มาจาก​ด้านใน​เต็นท์​อีกครั้ง​ว่า​

“เฮ้อ​..อาหาร​แสน​อร่อย​ สุรา​เลิศ​รส​ แถมยัง​ได้​ชื่นชม​ความงาม​ของ​ธรรมชาติ​”

ตอนที่​บริวาร​ของ​ตระกูล​ห​ยาน​เดินทาง​กลับมา​จากการ​ซื้อ​เต็นท์​ พวก​มัน​ได้​ซื้อ​อาหาร​และ​สุรา​ติดมือ​กลับมา​ด้วย​จำนวนมาก​

เต็นท์​ที่พัก​ของ​ห​ยาน​กุย​ล๋าย​มีความ​ใหญ่โต​โอ่อ่า​มาก​ที่สุด​ พื้นที่​ด้านบน​เปิด​เป็น​ช่อง​สามารถ​มอง​ท้องฟ้า​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ ชาย​ชรา​ยก​แก้วไวน์​ขึ้น​ ส่ายหน้า​แล้ว​พูดว่า​ “ขอ​ดื่ม​ให้​แก่​พระอาทิตย์​ที่​กำลังจะ​ตกดิน​ ผู้น้อย​ขอ​คารวะ​ ซ้วบ…”​

ห​ยาน​กุย​ล๋าย​กระดก​เครื่องดื่ม​เข้า​ปาก​ หลังจากนั้น​ เขา​ก็​เริ่ม​ร่าย​โครง​กลอน​ที่​มัน​ไม่คล้องจอง​กัน​เลย​แม้แต่น้อย​

“นาย​ท่าน​ครับ​ ให้​พวกผม​ไป​ซื้อ​เต็นท์​ดี​ไหม​?” หลง​อี้​ถาม

ฉู่ชวิ๋น​เลิกคิ้ว​ขึ้น​สูงเล็กน้อย​แล้ว​โบกมือ​ “เรา​มีเต็นท์​อยู่แล้ว​ จะต้อง​ไป​ซื้อ​มาเพิ่ม​อีก​ทำไม​กัน​!”

“อยากได้​หลัง​ไหน​ก็​ไป​แย่ง​มาเลย​” ฉู่ชวิ๋น​พูด​จบ​ ก็​กระโดด​หาย​เข้าไป​ใน​เต็นท์​ของ​ห​ยาน​กุย​ล๋าย​

ผลั่ก…!​

ได้ยิน​เสียง​ตุบตับ​ดัง​แว่ว​ออกมา​ ก่อน​จะตาม​ด้วย​เสียงร้อง​โหยหวน​ของ​ห​ยาน​กุย​ล๋าย​

หลง​อี้​กับ​หลง​เอ้อร์​หัน​มองหน้า​กัน​ แล้วก็​พา​กัน​กระโดด​หาย​เข้าไป​ใน​เต็นท์​ของ​ผู้อาวุโส​จาก​ตระกูล​ห​ยาน​ทั้งสอง​คน​

“จอม​มาฉู่ชวิ๋น​ ทำ​อะไร​ของ​นาย​เนี่ย​? ปล่อย​ฉัน​เดี๋ยวนี้​นะ​” ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ร้อง​คำราม​

เปรี้ยง​!

ชาย​ชรา​โดน​ฉู่ชวิ๋น​ยัน​กระเด็น​ออก​มาจาก​เต็นท์​ จมูก​บิดเบี้ยว​ ใบหน้า​บวม​ปูด​ รอย​ช้ำรอบ​ดวง​ตาดำ​เข้ม​มากขึ้น​กว่า​เดิม​

“พวกเรา​ ลากตัว​มัน​ออกมา​” ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ส่งเสียง​ตะโกน​ด้วย​ความ​เดือดดาล​

แต่​ยัง​ไม่ทัน​สิ้น​เสียง​ของ​เขา​ ร่าง​ของ​ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​คน​ก็​ลอย​ออก​มาจาก​เต็นท์​ทั้งสอง​หลัง​ ก่อนที่จะ​หล่น​ตุบ​ลงมา​กอง​อยู่​เบื้องหน้า​ผู้​เป็น​หัวหน้า​ตระกูล​

“นาย​ท่าน​ครับ​!”

ผู้อาวุโส​ประจำ​ตระกูล​ห​ยาน​ทั้งสอง​คน​มีสภาพ​จมูกหัก​งอ​ ใบหน้า​บวม​ช้ำ กำลัง​จ้องมอง​ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ตาละห้อย​น่าสงสาร​เป็น​ที่สุด​

“พวก​แก​…ทำไม​ถึงได้​อ่อนหัด​แบบนี้​” ห​ยาน​กุย​ล๋าย​เบิกตา​จ้องมอง​บริวาร​ทั้งสอง​คน​

ผู้อาวุโส​ประจำ​ตระกูล​ห​ยาน​ได้​แต่​รำพึง​อยู่​ใน​ใจว่า​ นาย​ท่าน​ก็​โดน​เหมือนกัน​ไม่ใช่หรือ​ครับ​? ใบหน้า​ยัง​บวม​มากกว่า​พวกเรา​เสีย​อีก​

“จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น​ แก​มัน​โอหัง​เกินไป​แล้ว​นะ​”

เสียงหัวเราะ​ดัง​ออก​มาจาก​ใน​เต็นท์​

“สุรา​เลิศ​รส​เมื่อ​มาพบ​กับ​อาหาร​อร่อย​ ล้วนแต่​เป็น​สิ่งที่​หยุด​ไม่ได้​เลย​จริง ๆ​ ซ้ว​บ.​..ซ้วบ…”​

“หลง​อี้​ หลง​เอ้อร์​ ไม่ต้อง​เกรงใจ​ ดื่ม​กินกัน​ให้​เต็มที่​”

“ผู้น้อย​รับ​คำบัญชา​”

นักรบ​มังกร​เงิน​ทั้งสอง​คน​ประสานเสียง​ดังลั่น​

“นาย​ท่าน​ครับ​ ผม​เคย​ได้ยิน​หัวหน้า​หมู่บ้าน​เวลา​เมามาย​ชอบ​ร่าย​กลอน​บท​หนึ่ง​ นาย​ท่าน​อยาก​ฟังหรือไม่​?” หลง​อี้​ตะโกน​ถาม

“จัด​มา” ฉู่ชวิ๋น​ตอบ​

“เวลา​หัวหน้า​หมู่บ้าน​เมามาย​ เขา​ชอบ​ท่อง​บ่นว่า​ สอง​หนึ่ง​สอง​ สอง​สอง​สี่ สอง​สามหก​ สอง​สี่แปด​ สอง​ห้าสิบ​ สอง​หก​สิบสอง​ แล้วก็​เดิน​ไป​เรื่อย ๆ​ จนกว่า​จะชน​กำแพง​”

ฉู่ชวิ๋น​ระเบิด​เสียงหัวเราะ​ด้วย​ความขบขัน​ “หลง​ชิงฉวน​ท่อง​แบบนี้​จริง​สิ?”

“จริง​ครับ​”

ฉู่ชวิ๋นพบ​ว่า​มัน​น่าสนใจ​ไม่น้อย​ ไม่คิด​เลย​ว่า​ตาแก่​ตก​ยุค​อย่าง​หลง​ชิงฉวน​จะชื่นชอบ​การท่อง​สูตรคูณ​แบบนี้​

“จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น​ เมามาย​จน​ไม่กล้า​โผล่​หัว​ออกมา​แล้ว​หรือไง​?” ห​ยาน​กุย​ล๋าย​โกรธแค้น​จน​ควัน​ออก​หู​ ชายหนุ่ม​นอกจาก​ยึด​เต็นท์​ที่พัก​ของ​เขา​ไป​แล้ว​ แม้แต่​อาหาร​และ​เครื่องดื่ม​ก็​ยัง​ถูก​แย่ง​ไป​จน​หมด​ แบบนี้​เรียก​ว่า​รังแก​ผู้​คนจน​เกิน​รับได้​แล้ว​

“ถ้ามีความสามารถ​ก็​เข้า​มาหา​ผม​สิ รับรอง​ว่า​ผม​ไม่ฆ่าคุณ​หรอก​” ฉู่ชวิ๋น​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​เหยียดหยาม​

ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​ลุก​พรวด​ด้วย​ความ​ฉุน​โกรธ​ พับ​แขน​เสื้อ​ขึ้น​เตรียม​เข้าไป​ต่อสู้​กับ​ฉู่ชวิ๋น​อีกครั้ง​ เดือดร้อน​ให้​ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​คน​ต้อง​รีบ​ยื้อยุด​ฉุด​ตัว​เอาไว้​

“นาย​ท่าน​ครับ​ เข้าไป​ไม่ได้​นะ​ เดี๋ยว​ก็​โดน​เขา​ตบ​คว่ำ​อีก​หรอก​”

ผู้​เป็น​หัวหน้า​ตระกูล​ห​ยาน​ได้ยิน​เข้า​ก็​เดือดดาล​หนัก​กว่า​เก่า​ รู้สึก​เหมือน​โดน​แทงข้างหลัง​ คำราม​ว่า​ “พวก​แกว่า​อะไร​นะ​? เป็น​ฉัน​ต่างหาก​ที่​ออม​มือ​ให้​มัน​ ฝีมือ​กระจอก​อย่าง​พวก​แก​จะรู้​อะไร​? ถ้าฉัน​เอาจริง​ขึ้น​มา สภาพ​ของ​จอม​มาร​คง​ยับเยิน​แม้แต่​มารดา​มัน​ก็​ยัง​จำหน้า​บุตร​ไม่ได้​”

“นาย​ท่าน​พูด​ถูก​แล้ว​ครับ​ พวกเรา​ก็​ออม​มือ​ให้​ไอ้​สอง​คน​นั้น​เหมือนกัน​ พวก​มัน​เป็นเพื่อน​กับ​นาย​น้อย​ ขืน​เรา​ทำ​อะไร​รุนแรง​ไป​ เดี๋ยว​จะมีเรื่อง​กัน​เปล่าๆ​”

“ใช่ครับ​ใช่ ผม​ได้​แต่​ทำเป็น​ไม่สนใจ​มัน​นี่แหละ​ ไม่งั้น​ พวก​มัน​โดน​ผม​ตบ​คว่ำ​ไป​นาน​แล้ว​”

“พวก​แก​ทำ​ถูก​แล้ว​ล่ะ​ พวกเรา​คน​ตระกูล​ห​ยาน​เป็น​ผู้​สูงส่ง จะทำตัว​หยาบช้า​ขี้ขโมย​แบบ​พวก​จอม​มาร​ไม่ได้​เด็ดขาด​”

ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​คน​ได้ยิน​ห​ยาน​กุย​ล๋าย​พูด​เช่นนั้น​ก็​อด​หดหัว​ไม่ได้​ แต่​เมื่อ​พบ​ว่า​ไม่มีการเคลื่อนไหว​จาก​เต็นท์​ที่พัก​ของ​ฉู่ชวิ๋น​ ทั้งสอง​คน​จึงได้​ถอนหายใจ​ออกมา​ด้วย​ความ​โล่งอก​

“นาย​ท่าน​ครับ​ ยัง​เหลือ​เต็นท์​ว่าง​อยู่​อีก​สอง​หลัง​ นาย​ท่าน​เข้าไป​พักผ่อน​ก่อน​เถอะ​ นาย​น้อย​คง​ยัง​ไม่มาถึงเร็ว ๆ นี้​หรอก​ครับ​”

“ตามนั้น​!”

ห​ยาน​กุย​ล๋าย​ลุกขึ้น​จาก​พื้นดิน​ หันไป​พ่นลม​ผ่าน​จมูก​ใส่เต็นท์​ของ​ฉู่ชวิ๋​นที​หนึ่ง​ ก็​พา​ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​คน​เดิน​ตรง​ไป​ยัง​เต็นท์​สอง​หลัง​ที่​ยัง​ไม่มีคน​จับจอง​

“จมูก​หักหน้า​บวม​ขนาด​นี้​ ยัง​คิด​กัน​ไม่ได้​อีก​เหรอ​ นับว่า​แก่​กะโหลกกะลา​จริง ๆ​!” ฉู่ชวิ๋น​พูด​ไป​ก็​ส่ายหน้า​ไป​ด้วย​ความระอา​ใจยิ่งนัก​

……

จังเฟิงห​ลิง​วิ่งหนี​เหมือน​สุนัข​หาง​จุก​ตูด​ ไม่กล้า​หยุดพัก​แม้แต่​วินาที​เดียว​ ด้วย​หวาดกลัว​ว่า​ฉู่ชวิ๋น​อาจจะ​เปลี่ยนใจ​และ​ไล่​ตามมา​ฆ่ามัน​ได้​

หลังจาก​วิ่งหนี​มาได้​ประมาณ​ 2 ถึง 3 ชั่วโมง​ และ​เห็น​ประตู​ของ​บ้าน​ตระกูล​จังอยู่​ตรงหน้า​ลิบ ๆ​ ดวงตา​ของ​มัน​ก็​เหลือก​ค้าง​ ก่อนที่จะ​ล้ม​ลง​หมดสติ​ไป​

ลูกศิษย์​ของ​ตระกูล​จังที่​ยืน​เฝ้าอยู่​หน้า​ประตู​เห็น​เหตุการณ์​นี้​ ก็​พร้อมใจกัน​รีบ​วิ่ง​เข้ามา​ช่วย​ประคอง​จังเฟิงห​ลิง​ด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​

การ​หมดสติ​ของ​จังเฟิงห​ลิง​ สร้าง​ความวุ่นวาย​ให้​เกิดขึ้น​แก่​ตระกูล​จังเป็น​อย่างยิ่ง​

ชาย​ร่าง​สูงวัยกลางคน​สีหน้า​เครียด​ขรึม​ ดวงตา​เย็นชา​ สวมใส่​เสื้อผ้า​สีขาว​ คน​ผู้​นี้​คือ​จังหยวน​จื่อ​ หัวหน้า​ตระกูล​จังคน​ปัจจุบัน​นั่นเอง​

จังหยวน​จื่อ​แผ่รัศมี​ความ​เย็นชา​ออก​มาจาก​ร่างกาย​ บริวาร​ของ​ตระกูล​จังอด​หนาวสั่น​ไม่ได้​แล้ว​

เป็นที่​ทราบ​กัน​ดี​ว่า​จังเฟิงห​ลิง​คือ​ทายาท​สืบเชื้อสาย​เดียว​ของ​ตระกูล​จัง หาก​จังเฟิงห​ลิง​เป็น​อะไร​ไป​ จะต้อง​เกิด​ผลกระทบ​ร้ายแรง​ตามมา​

ผู้​ที่อยู่​เคียงข้าง​จังหยวน​จื่อ​เป็น​ชายฉกรรจ์​ร่างกาย​สูงใหญ่​หน้าตา​ดุร้าย​สอง​คน​ ดวงตา​ของ​พวก​มัน​เป็น​สีแดงฉาน​ คน​หนึ่ง​มีนาม​ว่า​จิน​เว่ย​ อีก​คน​มีนาม​ว่า​จิน​เฉิง พวก​มัน​ทั้งสอง​คน​เป็น​ผู้อาวุโส​จาก​สำนัก​วัชระ​

หลังจาก​ตรวจร่างกาย​ของ​จังเฟิงห​ลิง​แล้ว​ จังหยวน​จื่อ​ก็​อด​ไม่ได้​ต้อง​ถอนหายใจ​ออกมา​ด้วย​ความ​โล่งอก​

“นาย​ท่าน​ครับ​ นาย​น้อย​เป็น​อย่างไรบ้าง​?” ผู้อาวุโส​ที่​มีสถานะ​สูงที่สุด​ของ​ตระกูล​จังเป็น​คน​ถามขึ้น​

“แค่​หมดสติ​ไป​ด้วย​ความหวาดกลัว​ นอกนั้น​ก็​ไม่มีอะไร​ต้อง​เป็นกังวล​” ถึงแม้จะพูด​ออก​ไป​เช่นนั้น​ แต่​จังหยวน​จื่อ​ก็​ยังคง​ตรวจสอบ​ร่างกาย​บุตรชาย​ซ้ำอี​กรอบ​ เพื่อให้​แน่ใจ​ว่า​ไม่มีปัญหา​อื่น​ใด​จริง ๆ​ ด้วยว่า​จังเฟิงห​ลิง​เป็น​บุตรชาย​เพียง​คนเดียว​ของ​เขา​ จังหยวน​จื่อ​จะให้​เกิด​ความผิดพลาด​ขึ้น​ไม่ได้​เด็ดขาด​

ผู้ฝึก​วิชา​ยิ่ง​มีระดับ​พลัง​สูงเท่าไหร่​ ก็​ยิ่ง​มีบุตร​ยาก​มากขึ้น​เท่านั้น​

จังหยวน​จื่อ​ถ่ายทอดวิชา​ความรู้​ให้​แก่​จังเฟิงห​ลิง​และ​เลี้ยงดู​ฟูมฟัก​บุตรชาย​ยิ่งกว่า​ไข่ในหิน​

ไม่นาน​ต่อมา​ จังเฟิงห​ลิง​ก็​ฟื้น​คืนสติ​ขึ้น​มาแล้ว​

“ท่าน​พ่อ​ครับ​ ช่วย​ผม​ด้วย​…ช่วย​ผม​ด้วย​…” จังเฟิงห​ลิง​เมื่อ​ลืมตา​ขึ้น​มาเห็น​จังหยวน​จื่อ​ ก็​ร่ำร้อง​ออกมา​ด้วย​ความหวาดกลัว​และ​สับสน​

จังหยวน​จื่อ​มีแววตา​เป็นประกาย​เย็นเยียบ​ จ้องมอง​สภาพ​เนื้อตัว​ของ​บุตรชาย​ด้วย​ความ​อาฆาตแค้น​

“ไม่ต้อง​กลัว​ลูก​พ่อ​ พ่อ​อยู่​ที่นี่​แล้ว​ ไม่มีใคร​ทำ​อะไร​เจ้าได้​แล้ว​” จังหยวน​จื่อ​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​หนักแน่น​

ไม่นาน​ จังเฟิงห​ลิง​จึงได้​มีสีหน้า​ดีขึ้น​มาบ้าง​

“คุณชาย​จัง ตกลง​นี่​มัน​เกิดเหตุ​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​? ทำไม​ถึงมีแต่​คุณ​คนเดียว​ที่​รอด​มาได้​?” จิน​เว่ย​ถาม ความจริง​มัน​ไม่ได้​เป็นห่วง​คุณชาย​จังเลย​แม้แต่น้อย​ คน​ที่​มัน​เป็นห่วง​คือ​ผู้อาวุโส​ทั้ง​ห้า​ของ​สำนัก​วัชระ​ที่​ไม่ได้​กลับมา​ด้วย​ต่างหาก​

จังเฟิงห​ลิง​มีสีหน้า​เหม่อลอย​ เมื่อ​ได้ยิน​คำถาม​ของ​จิน​เว่ย​ มัน​ก็​ถึงกับ​เงียบ​ไป​ชั่ว​ครู่ใหญ่​ ก่อน​จะตะโกน​ออกมา​ว่า​ “ตาย​แล้ว​ พวก​มัน​ตาย​หมด​แล้ว​ อย่า​ฆ่าฉัน​เลย​นะ​…อย่า​ฆ่าฉัน​เลย​…”

จังเฟิงห​ลิง​เงยหน้า​มอง​ฝ่ายตรงข้าม​ด้วย​ความหวาดกลัว​สุด​ชีวิต​

ใน​ขณะนี้​ จังเฟิงห​ลิง​พูด​ออกมา​อย่าง​ชัดเจน​แล้ว​ว่า​คนอื่น​ ๆ ที่​ไป​พร้อมกับ​เขา​ล้วน​ตาย​ไป​หมด​แล้ว​

กลุ่มคน​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​อด​ตกตะลึง​ไม่ได้​ ตระกูล​จังส่งคน​ไป​ถึง 150 คน​ มีจอม​ยุทธ์​ระดับ​ผู้อาวุโส​ 20 คน​ แถมยังมี​ผู้อาวุโส​จาก​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​คิงคอง​ตาม​ไป​ด้วย​ ผีสาง​ที่ไหน​กัน​จะสามารถ​ฆ่าคน​เยอะแยะ​ขนาด​นี้​ได้​ใน​พริบตาเดียว​?

จิน​เว่ย​กับ​จิน​เฉิงหัน​มองหน้า​กัน​ ใบ​หน้าที่​เดิมที​ก็​อัปลักษณ์​อยู่แล้ว​ ยิ่ง​เพิ่ม​ความอัปลักษณ์​มากยิ่งขึ้น​ จิน​เฉิงเป็น​คนพูด​ออกมา​ว่า​ “คุณชาย​จัง ช่วย​เล่า​รายละเอียด​ให้​ฟังหน่อย​ได้​หรือไม่​?”

“ตาย​แล้ว​ ตาย​กัน​หมด​แล้ว​ พวก​มัน​โดน​ฆ่าตาย​หมด​ บน​พื้นดิน​มีแต่​เลือด​ไหล​นอง​ มีแต่​แขนขา​คน​เต็มไปหมด​” จังเฟิงห​ลิง​ตัว​สั่นเทา​ แต่​ดูเหมือน​จะกลับมา​ได้สติ​มากขึ้น​กว่า​เดิม​ เวลา​พูดจา​ก็​ไม่ได้​สับสน​เหมือน​ก่อนหน้านี้​อีกแล้ว​

“คุณชาย​จัง เล่า​ให้​พวก​ฉัน​ฟังหน่อย​สิว่า​แท้จริง​แล้ว​มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​?” จิน​เว่ย​ถามด้วย​ความร้อนรน​เมื่อ​เห็น​ว่า​จังเฟิงห​ลิง​ไม่ยอม​เล่า​เหตุการณ์​สักที​

จังหยวน​จื่อ​หน้าเข้ม​ พูด​ด้วย​ความไม่พอใจ​ “พี่​จิน​ ลูกชาย​ผม​กำลัง​ตกใจ​ ช่วย​รอ​ให้​มัน​ตั้งสติ​อีก​สักนิด​ แล้ว​ค่อย​ถามใหม่​ได้​หรือไม่​”

จิน​เว่ย​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ แต่​จิน​เฉิงก็​ส่ายหน้า​ห้าม​เอาไว้​

ไม่มีใคร​พูด​อะไร​ออกมา​อีก​ ทุกคน​ต่าง​รอคอย​ให้​คุณชาย​จังตั้งสติ​ให้​คงที่​ สำหรับ​การ​ตอบคำถาม​อีกครั้ง​

ดวงตา​สีแดงก่ำ​ของ​จิน​เว่ย​จ้องมอง​จังเฟิงห​ลิง​ไม่วางตา​ ก้นบึ้ง​ใน​แววตา​ของ​มัน​เต็มไปด้วย​ประกาย​แห่ง​ความ​เหยียดหยาม​ดูถูก​

จิน​เฉิงเอง​ก็​แอบ​ชำเลือง​มอง​หลายครั้ง​ แต่​ที่นี่​คือ​ตระกูล​จัง ทุกอย่าง​ล้วน​ขึ้นอยู่กับ​การตัดสินใจ​ของ​จังหยวน​จื่อ​ ใน​ครั้งนี้​พวก​มัน​เพียงแค่​มาช่วยเหลือ​ใน​การ​สู้รบ​เท่านั้น​ และ​ถึงแม้ว่า​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​คิงคอง​จะไม่ได้​หวาดกลัว​ตระกูล​จัง แต่​ก็​ไม่มีเหตุผล​ที่​ต้อง​เปลี่ยน​มิตร​ให้​กลายเป็น​ศัตรู​โดยไม่จำเป็น​

ผ่าน​ไป​ได้​อีก​ชั่ว​ครู่ใหญ่​ จังเฟิงห​ลิง​จึงได้​พูด​ออกมา​ว่า​

“ทุก​คนตาย​หมด​แล้ว​ยกเว้น​ผม​”

“พวก​มัน​ตาย​ได้​ยังไง​?” จิน​เว่ย​ถามทันที​ “หรือว่า​หอ​กระจก​นิรันดร์​มีบรรพบุรุษ​ที่​เก็บตัว​ออกมา​ช่วยเหลือ​?”

จังเฟิงห​ลิง​ยังคง​มีน้ำเสียง​สั่นเครือ​ในขณะที่​ตอบ​ว่า​ “คน​ผู้​นั้น​น่ากลัว​กว่า​บรรพบุรุษ​ประจำ​สำนัก​หลาย​ร้อย​เท่า​ ต่อให้​เป็น​บรรพบุรุษ​ประจำ​สำนัก​ ก็​ไม่มีทาง​ฆ่าคน​ผู้​นั้น​ได้​เด็ดขาด​”

“ลูก​รัก​ เจ้าไป​เจอ​อะไร​มากัน​แน่​?” จังหยวน​จื่อ​ อด​ถามออกมา​ไม่ได้​

“มัน​คือ​ จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น”​

จังเฟิงห​ลิง​ตอบ​กลับมา​เพียงแค่​ประโยค​เดียว​ ทุก​ผู้คน​ที่อยู่​ภายใน​ห้อง​ก็​ถึงกับ​ตะลึง​ลาน​

“คุณชาย​ไป​พบ​กับ​จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น​มาหรือ​ครับ​?” ผู้อาวุโส​สกุล​จังถามได้​เท่านั้น​ ก็​พูด​อะไร​ไม่ออก​อีกแล้ว​

จังเฟิงห​ลิง​พยักหน้า​ ตอบ​ว่า​ “ใช่ หอ​กระจก​นิรันดร์​เกือบจะ​ตกเป็นของ​เรา​อยู่แล้ว​ แต่​อยู่ดี ๆ​ จอม​มาร​ก็​ปรากฏตัว​ขึ้น​มา แล้ว​มัน​ก็​เริ่มต้น​ฆ่าคน​ไม่พูดไม่จา​สัก​คำ​”

“จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น​เก่งกาจ​ถึงขนาด​นั้น​เชียว​หรือ​?” จิน​เว่ย​ยังคง​ไม่อยาก​เชื่อ​ “แล้ว​จิน​จ้งล่ะ​? มัน​มีพลัง​ขั้น​จักรพรรดิ​ระดับ​ 9 เชียว​นะ​”

จังเฟิงห​ลิง​หันไป​มองหน้า​คน​ถาม แล้ว​ตัว​ก็​สั่นเทา​ “ผู้อาวุโส​จิน​ถูก​จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น​ต่อย​จน​แขน​หัก​ใช้งาน​ไม่ได้​ สุดท้าย​ก็​โดน​กระทืบ​ตายคาที่​ เช่นเดียวกับ​ผู้อาวุโส​คนอื่นๆ​ ของ​สำนัก​วัชระ​ ไม่มีใคร​สามารถ​ต้านทาน​หมัด​ของ​จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น​ได้​เลย​สัก​คนเดียว​”

จิน​เว่ย​กับ​จิน​เฉิงหัน​มองหน้า​กัน​โดยไม่รู้ตัว​ พวก​มัน​ต่าง​พบเห็น​ร่องรอย​ของ​ความ​ตกตะลึง​ใน​ดวงตา​ของ​กันและกัน​ ผู้อาวุโส​ของ​สำนัก​พวก​มัน​ ไม่มีใคร​สามารถ​ต่อกร​กับ​จอม​มาร​ฉู่ชวิ๋น​ได้​เลย​สัก​คน​ แม้แต่​จิน​จ้งก็​ถูก​ฆ่าตาย​ใน​พริบตา​

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

Score 10
Status: Completed

เรื่องย่อ จักรพรรดิ์เซียนหวนคืน

เมื่อความแค้นทำให้เขาต้องกลับมา.. ฉู่ชวิ๋น เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อถูกจับเข้าคุกในข้อหาที่เขาเองก็ยังสงสัยมามันคืออะไร อีกทั้งชีวิตในคุกของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จนกระทั้งเขาถูกกระทืบตาย หลังจากที่เขาตายแล้ววิญญาญได้ข้ามไปยังโลกแห่งผู้ฝึกตน คนอื่นใช้เวลาหมื่นปีเป็นจักรพรรดิ์เซียน แต่สำหรับเขานั้น ใช่เวลาเพียง 3000 ปีก็อยู่บนจุดสูงสุดของจักพรรดิ์เซียน แต่ในเวลานั้นจิตใจของเขายังคงสับสนเพราะต้องการรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในภพชาติก่อน เขาจึงใช้พลังเซียนทั้งหมดเพื่อเปิดประตูมิติ ส่งวิญญาณของเขากลับมาที่ร่างเก่าที่อยู่ในคุก ก่อนวันที่เขาจะตายเพียงหนึ่งวัน……….. นี้คือการกลับมาล้างแค้นและค้นหาความจริงแต่เขานั้นไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเขาคือ จักรพรรดิเซียน!

Options

not work with dark mode
Reset