จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 435 ทำไมไม่บอกแต่แรก

บทที่ 435 ทำไมไม่บอกแต่แรก

ผู้ฝึก​ตน​ชุด​ดำ​สี่คน​ที่​ถูกห​ลี่​มู่อัด​จน​น่วม​สงบเสงี่ยม​ในที่สุด​ สายตา​ที่​มอง​ห​ลี่​มู่เหมือน​เด็กประถม​บน​โลก​สอบ​ได้​อันดับ​สุดท้าย​มองหน้า​พ่อ​ที่​อารมณ์ไม่ดี​ ไม่กล้า​แม้แต่​จะผายลม​ด้วยซ้ำ​

ห​ลี่​มู่ถามอะไร​ พวกเขา​ก็​ตอบ​เรื่อง​นั้น​

“พวกเรา​เป็น​ลูกศิษย์​ของ​สำนัก​กำเนิด​ฟ้า มาถึงเมื่อ​สามวันก่อน​เพื่อ​ชิงโอกาส​วาสนา​ คิดไม่ถึง​ว่า​เพิ่งจะ​เข้ามา​ใน​สุสาน​เทพ​ก็ได้​พบ​กับ​ผู้​สูงส่งทั้งสอง​…” คน​จมูก​งุ้มทำ​หน้าตา​ประจบประแจง​ ใบหน้า​ฝืนยิ้ม​ เหมือน​ยิ้ม​ให้​หลาน​อย่างไร​อย่างนั้น​

สำนัก​กำเนิด​ฟ้า?

ไม่เคย​ได้ยิน​

มิน่าเล่า​เมื่อ​เห็น​ห​ลี่​มู่ก็​ยัง​กล้า​ตรง​มาวางท่า​ใส่ ที่แท้​ก็​ยัง​ไม่ทัน​รู้​สถานการณ์​ ไม่เคย​ได้ยิน​ชื่อเสียง​ของ​ห​ลี่​มู่นี่เอง​

แต่ว่า​ครั้งนี้​จับ​ผู้ฝึก​ตน​นอก​พิภพ​ที่​ยัง​เป็น​ๆ เอาไว้​ได้​ ห​ลี่​มู่มีคำถาม​มากมาย​ ในที่สุด​ก็​ถามได้​แล้ว​

“พวก​เจ้ารู้เรื่อง​สุสาน​เทพ​มาก​น้อย​แค่​ไหน​?” ห​ลี่​มู่ถาม “มีแผนที่​สุสาน​เทพ​หรือไม่​?”

เขา​เชื่อ​ว่า​ สำนัก​นอก​พิภพ​มาเยือน​โดย​ไม่เสียดาย​ว่า​จ่าย​สิ่งใด​เพื่อ​ชิงสมบัติ​ใน​สุสาน​เทพ​ก็​จะต้อง​รู้​อะไร​แน่นอน​ มิฉะนั้น​หาก​รู้​แค่​ผิวเผิน​ ก็​คง​ไม่แห่​กัน​มาแบบนี้​

จะต้อง​มีอะไร​ที่​ทำให้​พวกเขา​ตา​ร้อน​อยาก​ได้มา​

“นี่​…” คน​จมูก​เหยี่ยว​ลังเล​เล็กน้อย​

ห​ลี่​มู่ก้าว​ขึ้นไป​ทันที​ จากนั้น​ส่งไป​อีก​หมัด​จน​จมูก​ของ​คน​จมูก​งุ้มเบี้ยว​ ก่อน​เอ่ย​อย่าง​เหี้ยมโหด​ “มารดา​เจ้าสิ หาก​ยัง​ไม่ยอม​พูด​อีก​ เชื่อ​หรือไม่​ว่า​ข้า​เยวี่ยกั๋วเซียง​แห่ง​วัง​ประสาน​ฟ้าคน​นี้​จะอัด​เจ้าให้​ตาย​ใน​หมัด​เดียว​”

สีหน้า​ของ​คน​จมูก​งุ้มค่อนข้าง​กระอักกระอ่วน​ เอ่ย​ว่า​ “ผู้​สูงส่งท่าน​นี้​ ข้า​กับ​สหาย​เยวี่ย​แห่ง​วัง​ประสาน​ฟ้า พวกเรา​เคย​พบ​หน้า​กัน​มาก่อ​น.​..”

กัว​อวี่​ชิงที่อยู่​ข้างๆ​ เกือบ​หลุด​ขำ​ออกมา​

ห​ลี่​มู่หน้า​แดงก่ำ​ขึ้น​มาทันที​ จากนั้น​ก็​กด​คน​จมูก​งุ้มเอาไว้​แล้ว​อัด​ไม่ยั้ง​ “มารดา​เจ้าสิ แล้ว​ทำไม​ไม่บอก​แต่แรก​ หา​?”

“อย่า​ๆ พอแล้ว​ ข้า​พูด​ ข้า​พูด​แล้ว​…” คน​จมูก​งุ้มใกล้​จะบ้า​เต็มที​แล้ว​ เจอ​กับ​บรรพชน​ที่​ไม่เล่น​ตาม​บท​คน​นี้​ ซวย​ไป​เป็น​แปด​ชาติ​จริงๆ​ ตอนที่​ลงมา​เยือน​ครั้งนี้​ ทาง​สำนัก​ไม่ดู​ฤกษ์​ดู​ยาม​หรือ​ไร​ ทำไม​ถึงได้​อนาถ​ขนาด​นี้​

“แผน​ที่อยู่​ใน​หัว​ของ​พวกเรา​” ชาย​ผอม​สูงเอ่ย​อย่าง​ขลาดกลัว​

แล้วก็​เป็น​เช่นนั้น​จริงๆ​ พอ​เขา​พูด​จบ​ สายตา​ของ​ห​ลี่​มู่จ้องเขม็ง​ไป​ที่​ศีรษะ​ของ​เขา​ เหมือนว่า​จะแหวก​ออก​ดู​ให้​รู้​ เขา​จึงตกใจ​ฉี่แทบ​ราด​ในทันที​ ก่อน​จะเอ่ย​ขึ้น​อย่าง​ร้อนรน​ “หาก​ข้า​ตาย​ แผนที่​ก็​จะไม่มีแล้ว​ ข้า​นำทาง​ท่าน​เข้าไป​ใน​จุด​ลึก​ของ​สุสาน​เทพ​ได้​”

สุดท้าย​ ลูกศิษย์​หัวกะทิ​ของ​สำนัก​กำเนิด​ฟ้าที่​ดวง​ซวย​ทั้ง​สี่ก็​ถูกห​ลี่​มู่ลง​ยันต์​เต๋า​ไว้​ใน​กาย​ กลายเป็น​เชลย​ ใบหน้า​ประดับ​รอยยิ้ม​ประจบประแจง​พลาง​นำทาง​ไป​แต่​โดยดี​

“เดี๋ยวก่อน​ ไม่รีบ​ ค้น​ที่นี่​ก่อน​” ห​ลี่​มู่ชี้ไป​ยัง​ที่​รกร้าง​รอบ​ๆ “ไป​รวบรวม​ค้นหา​เกราะ​ อาวุธ​ และ​สมบัติ​มาให้​หมด​ ห้าม​แอบ​อู้​”

ไม่นาน​เขา​ก็​หา​วิธี​ที่จะ​ใช้ประโยชน์​ของ​เชลย​ทั้ง​สี่ได้​แล้ว​

สมบูรณ์แบบ​สุด​ๆ

เร็ว​กว่า​ค้นหา​ตัว​คนเดียว​เยอะ​นัก​

ห​ลี่​มู่มอง​รอบ​ๆ ใน​ใจเฝ้ารอ​ว่า​หาก​มีลูกศิษย์​สำนัก​นอก​พิภพ​ไม่ดูตาม้าตาเรือ​มาชิงสมบัติ​อีก​ เช่นนั้น​จะดี​เพียงใด​ จะจับ​เอา​มาใช้แรงงาน​ให้​หมด​

กัว​อวี่​ชิงหัวเราะ​อยู่​ข้างๆ​ ไม่หยุด​

น้อง​สามของ​ตน​คน​นี้​เป็น​ราชา​ปีศาจ​ระดับ​ตัวตลก​จริงๆ​

อันที่จริง​ ตัว​กัว​อวี่​ชิงเอง​ก็​ไม่ใช่คน​เงียบ​น่าอึดอัด​ไม่รู้จัก​การเปลี่ยนแปลง​

มิฉะนั้น​แล้ว​ตอนนั้น​เขา​จะเกี้ยว​พา​ธิดา​เทพ​แห่ง​สำนัก​บัณฑิต​ถามเต๋า​ที่​งดงาม​เป็นเลิศ​สำเร็จ​ได้​อย่างไร​? นั่น​เป็น​สาวงาม​ที่​ชื่อเสียง​โด่งดัง​ไป​ทั่วหล้า​เลย​เชียว​ รูปโฉม​ความสามารถ​ล้วน​ยอดเยี่ยม​ หน้าตา​ของ​กัว​อวี่​ชิงค่อน​ไป​ทาง​กลางๆ​ ล่าง​ๆ จะไป​ถูกใจ​สาวงาม​ได้​อย่างไร​

เขา​เป็น​คน​ตลก​หน้าตาย​เช่นกัน​

ดังนั้น​ เขา​กับ​ห​ลี่​มู่จึงจัดการ​เชลย​สามสี่คน​นี้​ด้วยกัน​

…… 

“น้องสาว​ พวกเรา​อยู่​ที่นี่​แบบนี้​ไม่เบื่อ​หรือ​?” หวา​งซืออวี่​นั่ง​เท้าคาง​อยู่​ข้างๆ​ หมิง​เยวี่ย​

“พี่สาว​ น่าเบื่อ​สุด​ๆ ไป​เลย​” หมิง​เยวี่ย​พูด​อย่าง​น่าสงสาร​

ตอนที่​พูด​ประโยค​นี้​ เด็กน้อย​มอง​ตา​ปริบๆ​ ไป​ทาง​เมือง​หลิน​อัน​ที่​มีแสงดำ​เดือด​พล่าน​ นาง​ชอบ​เรื่อง​ครึกครื้น​นัก​ ทั้งที่​รู้​ว่า​ใน​เมือง​มีละคร​ฉากใหญ่​ แต่กลับ​ทำได้​แค่​รอ​อยู่​ที่นี่​ วัน​เวลา​ดุจ​ผ่าน​พ้นไป​แรมปี​

“อยาก​เข้า​ไปดู​ใน​สุสาน​เทพ​หรือไม่​?” หวา​งซืออวี่​ถาม

หมิง​เยวี่ย​ตา​วาววับ​ “อยาก​สิๆ” แต่​ก็​ห่อเหี่ยว​ไป​ทันที​ “คุณชาย​ไม่อนุญาต​ให้​ข้า​ไป​ อีก​ทั้ง​ยัง​ต้อง​ดูแล​พี่​ชิงเฟิงด้วย​” นาง​ลั่นวาจา​ไว้​แล้ว​

หวา​งซืออวี่​ยิ้ม​พลาง​เอ่ย​ “ไม่เป็นไร​ เจ้าก็​ให้​ผู้​แข็งแกร่ง​พรรค​กระยาจก​คุ้ม​กันชิง​เฟิงกลับ​ไป​ พวกเรา​แอบ​เข้า​ไปดู​ หาก​มีอันตราย​แค่​ถอย​ออกมา​ก็ได้​แล้ว​”

ตา​ของ​หมิง​เยวี่ย​ลุ​กวาว​อีกครั้ง​

แต่​สุดท้าย​นาง​ก็​ส่ายหน้า​ “ไม่ได้​ ข้า​ต้อง​คุ้มครอง​พี่​ชิงเฟิงด้วยตัวเอง​” นาง​ไม่ไว้ใจ​คนอื่น​

“ข้า​จะไป​กับ​พวก​เจ้าด้วย​” เสียง​หนึ่ง​ดัง​มา เป็น​ชิงเฟิงที่มา​อยู่​ข้างหลัง​พวก​นาง​ตั้งแต่​เมื่อไร​ไม่รู้​ สีหน้า​ของ​เขา​ราบเรียบ​ นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​โดย​มีหยวน​โหว่​เป็น​คน​เข็น​

“พี่​ชิงเฟิง?” หมิง​เยวี่ย​อึ้ง​

ครั้งนี้​ทำไม​ชิงเฟิงจึงไม่ฟังคำ​คุณชาย​เสียแล้ว​?

……

“สหาย​น้อย​ พวกเรา​จะค้นหา​ของ​ใน​ซากปรักหักพัง​นี้​ไป​ตลอด​หรือ​ไร​?” คน​จมูก​งุ้มยิ้ม​ประจบ​พลาง​มอง​ห​ลี่​มู่ เขา​กลัว​จะถูก​อัด​จน​หลอน​แล้ว​

“ใคร​เป็น​สหาย​ของ​เจ้า เรียก​ข้า​ว่า​ยอด​ฝีมือ​” ห​ลี่​มู่ถลึงตา​

คน​จมูก​งุ้มนิ่ง​ไป​

ตอนนี้​บน​ตัว​ห​ลี่​มู่รวม​หมวก​และ​ชุด​เกราะ​ได้​ครบชุด​แล้ว​ ถึงแม้จะรวมกัน​อย่าง​จับฉ่าย​ สีไม่เหมือนกัน​ รูปแบบ​ต่างกัน​มาก​ แต่​อย่าง​น้อย​ก็​ครบถ้วน​

กัว​อวี่​ชิงก็​เช่นกัน​ เกราะ​หัว​มัว​กุ​ท้าย​มังกร​ ด้านหลัง​แบก​หอก​พู่​แดง​เล่ม​หนึ่ง​ เหมือน​คน​เล่น​งิ้ว​อย่างไร​อย่างนั้น​…เขา​หลงใหล​หอก​เป็นพิเศษ​

ข้าง​เอว​ของ​ห​ลี่​มู่มีดาบ​ยาว​ห้อย​อยู่​สอง​เล่ม​

ทั้งสอง​คน​ยืน​อยู่​ด้วยกัน​แล้ว​เหมือนกับ​นายทหาร​หนึ่ง​นายทหาร​สอง​ตัวประกอบ​ใน​ละคร​กำลังภายใน​โบราณ​ ไม่มีท่วงท่า​อย่าง​ยอด​ฝีมือ​แม้แต่น้อย​ แต่กลับ​ให้​คนอื่น​เรียก​ว่า​ยอด​ฝีมือ​อย่าง​หน้าไม่อาย​

“ท่าน​ยอด​ฝีมือ​ จาก​ที่​พวกเรา​รู้​มา ของ​วิเศษ​ที่​แท้จริง​ล้วน​อยู่​บริเวณ​ใจกลาง​ของ​สุสาน​ ที่นี่​เป็น​แค่​เมือง​รอบนอก​ เป็น​ของ​ที่​ทหาร​สวรรค์​รบ​ตัว​ตาย​ทิ้ง​เอาไว้​ ถึงแม้จะเป็น​ของ​ชั้นยอด​เหมือนกัน​ แต่​เทียบ​กับ​สุดยอด​ของ​วิเศษ​ของ​ขุน​พลเทพ​พวก​นั้น​ยัง​ห่าง​ชั้น​กัน​อีก​ไกล​นัก​…” ชาย​ร่าง​ผอม​สูงกล่าว​อย่าง​กังวล​ “หาก​พวกเรา​เสียเวลา​ต่อไป​ที่นี่​ คนอื่น​ก็​คง​ได้​ไป​แล้ว​”

ห​ลี่​มู่มอง​ไป​ยัง​คน​จมูก​งุ้ม แล้ว​เอ่ย​ด้วย​ใบหน้า​เหี้ยมเกรียม​ “ทำไม​ไม่บอก​แต่แรก​?”

ชาย​จมูก​งุ้มอยาก​จะร้องไห้​

ข้า​ก็​อยาก​จะพูด​ให้​เร็ว​กว่า​นี้​ แต่​เจ้าให้​ข้า​พูด​ไหม​เล่า​?

“พี่ชาย​ท่าน​นี้​ อันที่จริง​พวกเรา​ลอง​ไป​ยัง​เขต​ใจกลาง​ของ​สุสาน​ได้​” ลูกศิษย์​สำนัก​กำเนิด​ฟ้าอีก​คน​หนึ่ง​ที่​คิ้ว​ยาว​ติดกัน​จน​เกือบจะ​เป็น​เส้น​เดียว​รู้สึก​ว่า​กัว​อวี่​ชิงดู​แล้ว​น่าจะ​พูด​ง่าย​กว่า​ ดังนั้น​จึงลอง​เอ่ย​แนะนำ​

กัว​อวี่​ชิงตอบกลับ​ว่า​ “ใคร​เป็น​พี่ชาย​เจ้า? เรียก​ข้า​ว่า​ผู้​แข็งแกร่ง​”

ชาย​คิ้ว​ติดกัน​พูดไม่ออก​

น่ากลัว​ว่า​พวกเรา​จะเจอ​คนบ้า​สอง​คน​เข้า​แล้ว​

ลูกศิษย์​สำนัก​กำเนิด​ฟ้าสี่คน​เกิด​ความคิด​ว่า​อยาก​จะตาย​ขึ้น​มาแล้ว​ พูดจา​ด้วย​เหตุผล​ไม่ได้​เลย​

พวกเขา​ค้นหา​ของ​ใน​ที่​รกร้าง​แห่ง​นี้​เหมือน​สุนัข​เต็มๆ​ สอง​ชั่ว​ยาม​ ของ​ที่​หา​ได้​เป็น​อาวุธ​เต๋า​ชั้นยอด​ประมาณ​ร้อย​กว่า​ชิ้น​ได้​ แต่กลับ​ถูก​คนบ้า​สอง​คน​นี้​ยึด​เอา​ไป​หมด​ พวกเขา​ไม่ได้​ไว้​แม้แต่​ชิ้น​เดียว​ ใน​ใจมีเลือด​ไหล​ซิบๆ​ แล้ว​

ห​ลี่​มู่ยิ้ม​หน้าบาน​แฉ่งอยู่​ข้างๆ​

ได้​อยู่​นี่​ พี่ใหญ่​ตั้งชื่อ​ได้​ตาม​บท​ คน​หนึ่ง​ยอด​ฝีมือ​ คน​หนึ่ง​ผู้​แข็งแกร่ง​ ชื่อ​นี้​ไม่ใช่แค่​สุด​จะเท่ระเบิด​ แต่​ยัง​ถ่อมตน​หรูหรา​มีความหมายแฝง​อีกด้วย​

ทั้งสอง​ปรึกษา​กัน​ครู่หนึ่ง​แล้ว​ตัดสินใจ​ทำ​ตามที่​ลูกศิษย์​สำนัก​กำเนิด​ฟ้าว่า​ มุ่งหน้า​ไป​ยัง​ใจกลาง​สุสาน​ จะเสียเวลา​เก็บ​เม็ด​งาทิ้ง​แตงโม​อยู่​ข้างนอก​ไป​ตลอด​ไม่ได้​

ผ่าน​ซากปรักหักพัง​แต่ละ​ที่มา​ ข้างหน้า​ก็​มีกลุ่ม​ตำหนัก​ใหญ่​สีดำ​เรียงราย​ปรากฏ​ขึ้น​

“ยอด​ฝีมือ​ ผู้​แข็งแกร่ง​ ข้างหน้า​ก็​คือ​ใจกลาง​สุสาน​แล้ว​ เป็นที่​ที่​ขุนพล​สวรรค์​สู้รบ​จนตาย​ มีของล้ำค่า​ระดับ​อาวุธ​เต๋า​ไป​จนถึง​ของ​วิเศษ​เต๋า​…” ดวงตา​ของ​ลูกศิษย์​สำนัก​กำเนิด​ฟ้าทั้ง​สี่เปล่งประกาย​ร้อนแรง​

ห​ลี่​มู่และ​กัว​อวี่​ชิงมอง​ไป​อย่าง​ละเอียด​

เห็น​ตำหนัก​ใหญ่​สีดำ​พวก​นี้​ราวกับ​เมืองผี​ มีหมอก​สีดำ​ลอย​อวล​เป็น​กลุ่ม​เป็น​สาย​ เสียงคำราม​ของ​ผี​ร้าย​ค่อยๆ​ ชัดเจน​ขึ้น​ เงาผี​สีดำ​แต่ละ​ลูกลอย​โฉบ​ไปมา​ใน​หมู่​ตำหนัก​ใหญ่​ เหมือน​จะเลือก​คน​มากัด​กิน​อย่างไร​อย่างนั้น​

ครั้น​ก้าว​เข้าไป​ใน​บริเวณ​ใจกลาง​สุสาน​ สีหน้า​ของ​ห​ลี่​มู่เปลี่ยนไป​ทันควัน​

ใน​อากาศ​มีพลัง​ค่าย​กล​แปลกประหลาด​แผ่​กระจาย​ ปก​คุ​ลม​ทั่ว​ทั้ง​ผืนดิน​แห่ง​นี้​ และ​ควบคุม​ปราณ​แท้​ของ​จอม​ยุทธ์​เป็น​ที่สุด​ ห​ลี่​มู่สัมผัส​ได้​ว่า​พลัง​จักรพรรดิ​ไฟแดน​ใต้​ จักรพรรดิ​เขียว​แดน​ตะวันออก​ และ​จักรพรรดิ​เหลือง​แดน​กลาง​ใน​กาย​เขา​ล้วน​ถูก​สะกด​ไว้​ ไม่อาจ​กระตุ้น​ออกมา​นอกกาย​ได้​ ทำได้​แค่​ไหลเวียน​อยู่​ใน​เส้น​ลมปราณ​ข้างใน​กาย​

เขา​มอง​ไป​ยัง​กัว​อวี่​ชิง

กัว​อวี่​ชิงพยักหน้า​ เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​ก็​รู้สึก​ถึงพลัง​ค่าย​กล​ชนิด​นี้​เช่นกัน​

“ท่าน​ยอด​ฝีมือ​ ที่นี่​มี ‘ยอด​ค่าย​กล​สยบ​มาร​สูงสุด​’ ที่​ผู้​เยี่ยม​ยุทธ์​ใน​ยุค​บรรพกาล​วาง​ไว้​สยบ​และ​ทำลาย​วิญญาณ​ของ​ขุนพล​สวรรค์​ที่​ตาย​ไป​ เพื่อ​ไม่ให้​พวกเขา​ตาย​แล้ว​ฟื้นคืนชีพ​ขึ้น​มาก่อความวุ่นวาย​ ส่วน​ผู้​มีชีวิต​ หาก​ก้าว​เข้ามา​ใน​ค่าย​กล​ก็​จะถูก​สะกด​พลัง​ฝึก​ ไม่อาจ​ปล่อย​ปราณ​แท้​พลัง​เต๋า​ออกมา​ข้างนอก​ได้​ ทำได้​เพียง​กระตุ้น​อยู่​ภายใน​กาย​…” คน​จมูก​งุ้มอธิบาย​ให้​ห​ลี่​มู่ฟังอย่าง​พินอบพิเทา​

เขา​ถูก​ทุบตี​จน​กลัว​แล้ว​ กลัว​ว่า​หาก​พูด​ช้าไป​บรรพชน​น้อย​ผู้​นี้​จะพูด​ขึ้น​มาอี​กว่า​ ‘ทำไม​ไม่บอก​แต่แรก​’ จากนั้น​ก็​จะอัด​เขา​จน​น่วม​อีก​

เป็น​แบบนี้​นี่เอง​

เช่นนี้​ไม่ต้อง​กังวล​อะไร​ อย่างไร​เสีย​ค่าย​กล​นี้​ก็​ไม่เลือก​ปฏิบัติ​ ใคร​เข้ามา​ก็​โดน​สะกด​พลัง​ฝึก​ทั้งสิ้น​

เมื่อ​ก้าว​เข้ามา​ใน​เขต​ใจกลาง​สุสาน​ สิ่งที่อยู่​ใกล้​กับ​ทุกคน​ที่สุด​คือ​ตำหนัก​ใหญ่​สีดำ​ชื่อว่า​วัง​เมฆา

“พวก​เจ้าไป​เดิน​ข้างหน้า​” ห​ลี่​มู่ให้​ลูกศิษย์​สำนัก​กำเนิด​ฟ้าเป็น​หน่วย​กล้า​ตาย​โดย​ไม่ลังเล​

พวก​คน​จมูก​งุ้มกับ​ชาย​คิ้ว​ติดกัน​รวม​สี่คน​ต่าง​อยาก​จะร้องไห้​ แต่​ก็​ไม่กล้า​ขัดขืน​ นำทาง​ไป​อย่าง​ระมัดระวัง​

ดี​ที่​ไม่มีค่าย​กล​หรือ​กลไก​อะไร​

คน​ทั้งหลาย​เข้าไป​ข้างใน​ได้​อย่าง​ราบรื่น​ แต่​พอ​ก้าว​เข้าไป​ใน​ตำหนัก​ก็​ได้ยิน​เสียง​ต่อสู้​ดัง​ออกมา​

มีคน​กำลัง​ต่อสู้​กัน​

ห​ลี่​มู่กระปรี้กระเปร่า​ทันที​

“นัง​หนู​ ตะบอง​เทพ​เป็น​ของ​สำนัก​แสงเงาแล้ว​ ไสหัวไป​เดี๋ยวนี้​” เสียงแหบ​เหมือน​เป็ด​ดัง​มาก่อน​ น้ำเสียง​กำเริบเสิบสาน​ยิ่ง​

“ถุย​ แมลง​ไร้ค่า​สำนัก​แสงเงา เจ้ารู้​หรือว่า​ตะบอง​นี่​ชื่อว่า​อะไร​? รู้​ที่มา​ที่​ไป​ของ​มัน​หรือ​? ไม่รู้​อะไร​สัก​อย่าง​แล้ว​ยัง​จะกล้า​มาวิจารณ์​ปั้น​เรื่อง​ที่นี่​?” เสียง​ผู้หญิง​ที่​เต็มไปด้วย​จิต​สังหาร​ดัง​มา

ตูม​ ตูม​ ตูม​!

คลื่น​พลัง​เต๋า​ที่​แข็งแกร่ง​แผ่​ระลอก​ไป​ทั่ว​วัง​เมฆาดุจ​คลื่น​

พวก​ห​ลี่​มู่เข้า​ไปดู​ใกล้​ๆ ก็​เห็น​คน​ตัว​เตี้ย​สวม​เกราะ​ดำ​ทั่ว​ทั้งตัว​ ท่าทาง​ดู​น่าขบขัน​ กำลัง​ประจันหน้า​กับ​สตรี​ชุด​ผ้า​โปร่งบาง​สีดำ​ซึ่งควง​ดาบ​คู่​อยู่​คน​หนึ่ง​

และ​นอก​วง​ต่อสู้​ บน​ถาด​สมบัติ​ตรง​ส่วนลึก​ใน​วัง​มีตะบอง​หิน​ยาว​สิบห้า​ชุ่น​ตั้งอยู่​ ดูเหมือน​ทำ​มาจาก​หยก​ขาว​ โปร่งแสง​ทั้ง​อัน​ หัว​ท้าย​กลม​มน​ กำลัง​ส่อง​ประกาย​แสงเป็นชั้นๆ​ เห็นได้ชัด​ว่า​ไม่ใช่ของธรรมดา​

“ของ​วิเศษ​เต๋า​!”

ชาย​คิ้ว​ติดกัน​ร้อง​ตกใจ​อย่า​งอด​ไม่ได้​

ตะบอง​หิน​อันนั้น​ส่องแสง​แวววาว​ เป็น​ของ​วิเศษ​ระดับ​ของ​วิเศษ​เต๋า​อย่าง​แน่นอน​

ห​ลี่​มู่ก็​จ้องเขม็ง​ไป​ทันที​

ของดี​

ของ​ข้า​

ร่าง​ของ​เขา​แปลง​เป็น​ลำแสง​สาย​หนึ่ง​ พุ่ง​เข้าไป​คว้า​ตะบอง​หิน​มาทันที​

จอมศาสตราพลิกดารา

จอมศาสตราพลิกดารา

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 105 อ่านนิยาย

สำนักฝึกวิชายุทธ์ชั้นสูงบนกลุ่มดาวจื่อเวยได้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายมวลสารขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เพื่อให้สะดวกต่อการบุกเบิกดาราจักรทางใต้ของทางช้างเผือก

ชีพจรพลังเซียนของค่ายกลต้องตัดผ่านโลกมนุษย์พอดี หลังจากนี้อีกราว 20 ปี…โลกจะถูกทำลาย

หลี่มู่ เด็กหนุ่มกำพร้าผู้ปราดเปรื่อง

อาศัยอยู่กับซินแสเฒ่าสติไม่ดีที่วันๆ พร่ำเพ้อแต่การฝึกวิชา ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับโลกปัจจุบันนี้สักนิด

แต่แล้ววันหนึ่ง เขากลับถูกส่งไปยังโลกที่เต็มไปด้วยเคล็ดวิชาและยอดฝีมือ

กลายเป็นขุนนางเมืองบนดาวดวงนี้ ออกแรงแค่เล็กน้อยก็ส่งผลร้ายแรงมหาศาล

ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เขาจำต้องสวมบทบาทผู้นำ พร้อมหาวิถีทางกอบกู้โลกให้ทันกาล…

Options

not work with dark mode
Reset