คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้าอนที่ 343 โกรธอะไรแค้นอะไร

อนที่ 343 โกรธอะไรแค้นอะไร

ตอนที่ 343 โกรธอะไรแค้นอะไร

ฉินหลิวซีจะฝังเข็มให้ซ่งหลิ่ว ไม่ใช่เพียงเพราะจะทำให้นางรู้สึกตัวตื่น แต่เป็นการรักษาอาการระดูของนาง มิเช่นนั้นอาการเย็นพร่องก็ไม่อาจรักษาให้หายได้ เพียงดื่มยา ร่างกายไม่อาจหายได้เร็วเพียงนั้น

นางห้ามซ่งเยี่ยเอาไว้ “แม่ทัพซ่ง ข้าจะฝังเข็มให้น้องสาวของท่าน ต่อให้ท่านเป็นพี่ชาย ก็คงไม่สะดวกที่จะอยู่ด้วย”

ซ่งเยี่ยมองมาด้วยแววตาข่มขู่จ้องเขม็ง เพียงไม่ได้เอ่ยว่าเจ้าเองก็เป็นบุรุษเท่านั้นกระมัง

โชคดีที่เขาไม่เอ่ย มิเช่นนั้นประโยคของฉินหลิวซีว่าข้าเป็นหมอ ในสายตาไม่แบ่งแยกชายหญิงก็ไม่สามารถหยุดปากเขาเอาไว้ได้

เห็นเขาหยุดลง จึงเอ่ย “เพียงรอ ไว้ข้าจะมาช่วยฝังเข็มรักษาอาการเจ็บช้ำของท่าน”

ซ่งเยี่ยสีหน้าทะมึน “!”

ตั้งใจใช่หรือไม่ เอ่ยถึงการปักมีดลงบนบาดแผลในใจของคน ผู้ใดก็ไม่อาจเทียบท่านได้แล้ว

ฉินหลิวซีเดินเข้าไปในห้องที่เตรียมเอาไว้เพื่อการตรวจรักษาโดยเฉพาะ ให้เฉินผีจุดธูปสงบใจ ทั้งยังให้สาวใช้ใหญ่กับหมัวหมัวถอดเสื้อผ้าของซ่งหลิ่วให้เหลือเพียงชั้นใน

มองเห็นสายตาแปลกประหลาดของทั้งสอง ฉินหลิวซีไม่กะพริบตา “ปีนี้ข้าอายุสิบห้า เป็นหมอโดยชอบธรรม คนป่วยทุกคนในสายตาของข้า เป็นเพียงคนป่วยเท่านั้น”

ใช้หนึ่งประโยคอธิบาย พวกเจ้าคิดมากแล้ว

สาวใช้ใหญ่และหมัวหมัวละอายใจ รีบปลดชุดคลุมตามคำสั่ง อย่างไรพวกนางก็ไม่มีทางออกไปอย่างแน่นอน

ฉินหลิวซีหยิบห่อเข็มออกมา ใช้เหล้าแรงฆ่าเชื้ออย่างคล่องแคล่ว จากนั้นหาจุดชีพจร เอ่ยกับบ่าวรับใช้ทั้งสองที่อยู่ในสถานการณ์ “วิชาฝังเข็มที่ข้าฝังให้กับฮูหยินของพวกเจ้า คือเข็มไฟ สำคัญคือไหลเวียนลมปราณ กระตุ้นระดูปรับสมดุลหยิน เมื่อฝังเข็มแล้ว กินยาตามเวลา ร่างกายจะกลับมาเป็นปกติและผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นได้ชัดเจนสักหน่อย”

“รบกวนท่านอาจารย์แล้ว” สาวใช้ใหญ่เอ่ยด้วยท่าทางนอบน้อม

ฉินหลิวซีปลายตามองนางเล็กน้อย ถลกขากางเกงของซ่งหลิ่ว หาจุดลมปราณ เข็มในมือปักลงไปยังจุดซานอินเจียว[1]หมุนวนเบาๆ สุดท้ายยังดีดเบาๆ ปลายเข็มสั่นไหว ตำแหน่งอิ่นไป๋[2]บริเวณเท้าที่เหลือก็ทำเช่นเดียวกัน โนเวลพีดีเอฟ

เข็มสุดท้าย ปักลงบนจุดกวนหยวน[3] ฉินหลิวซีไม่ได้ลงมือด้วยตนเอง เพียงให้สาวใช้ใหญ่ม้วนเสื้อตัวในขึ้น หาจุดลมปราณ ปักเข็มลงสามส่วนแล้วดึงขึ้น ปักลงไปอีกครั้ง

ในขณะที่นางหมุนเข็ม มองซ่งหลิ่วที่ขมวดคิ้วมุ่นทั้งๆ ที่ยังสลบไสล ถอนหายใจอยู่ในใจ ปากพึมพำสวดคาถา ท่องคาถาราวกับขับร้องบทเพลง ราวกับลอยมาไกล เข้าสู่หูของซ่งหลิ่ว สงบสติลง

สาวใช้ใหญ่และหมัวหมัวมองไม่คลาดสายตา เห็นฉินหลิวซีฝังเข็มพร้อมสวดมนต์ และฮูหยินที่ดูเจ็บปวดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง พวกนางก็รู้สึกนับถือขึ้นมา

อายุเพียงสิบห้า กลับมีความสามารถ

ฉินหลิวซีสัมผัสได้ว่าจุดลมปราณค่อยๆ อุ่นขึ้น จึงได้วางมือฝังเข็มเอาไว้ หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือ เอ่ย “ท้องแรกของฮูหยินพวกเจ้า นางเสียเลือดมากหรือ”

พื้นฐานของซ่งหลิ่วไม่นับว่าดีนัก ดังนั้นอาการป่วยจึงรุนแรง ที่ถามถึงท้องแรก เพราะตอนนั้นเด็กอาจจะไม่อยู่แล้ว

สาวใช้ใหญ่มองไปยังหมัวหมัว นางติดตามฮูหยินไม่นาน ยังไม่รู้ว่าตอนฮูหยินให้กำเนิดคุณชายใหญ่เป็นอย่างไร

หมัวหมัวขมวดคิ้ว เอ่ย “ข้ามาอยู่ข้างกายฮูหยินใหญ่ตอนคุณชายใหญ่อายุได้สามขวบแล้ว แต่ได้ยินหมัวหมัวเฒ่าที่ดูแลสวนดอกไม้เล่าว่า ตอนที่ฮูหยินให้กำเนิดคุณชายใหญ่ พลังหยินได้รับบาดเจ็บมาก ใช้เวลากว่าสองวันสองคืนกว่าจะให้กำเนิดได้ เกือบจะทนไม่ไหว ท่านเขยโกรธมาก ไล่คนที่อยู่ในห้องของฮูหยินในตอนนั้นออกจนหมด”

ฉินหลิวซีขมวดคิ้วเบาๆ มองไปยังซ่งหลิ่วที่อยู่บนเตียง นั่นหมายความว่า คนกลุ่มนั้นที่อยู่ด้วยยามที่นางคลอด ถูกเปลี่ยนออกไปจนหมดแล้ว

หมัวหมัวเองก็ไม่โง่ วาจาที่ฉินหลิวซีเอ่ย พวกนางได้ยินมาตั้งแต่ต้นจนจบ ตื่นตระหนกอยู่ในใจ เมื่อคิดเช่นนี้ ทุกจุดล้วนน่าสงสัย เพียงปัญหาว่าคุณชายใหญ่ไม่เหมือนฮูหยินใหญ่แม้เพียงนิด เมื่อคุณชายใหญ่กลับบ้าน น้อยนักที่จะแสดงความสนิทสนมยินดีต่อหน้าฮูหยิน เหตุผลคือต้องร่ำเรียนวิชาการ

“ท่าน ท่านอาจารย์ คุณชายใหญ่ของเรา เขาไม่ใช่…”

“ใช่หรือไม่ใช่ ต้องดูเจ้านาย การเป็นบ่าว ทำหน้าที่ของตนให้ดีก็พอแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ

หมัวหมัวชะงัก

สาวใช้ใหญ่สีหน้าหวาดกลัว มองไปยังเจ้านายที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตามีความโกรธปรากฏขึ้น เอ่ย “น่าโกรธคือฮูหยินยังคงถูกปิดหูปิดตา ข้าก็ว่ามันแปลกๆ ท่านเขยมักเอ่ยถึงนายน้อยรองต่อหน้าฮูหยิน ไม่กลัวว่าฮูหยินจะเสียใจแม้เพียงนิด แม้แต่ยามที่กินข้าวกับฮูหยิน คีบอาหารหนึ่งอย่างก็ต้องเอ่ยหนึ่งประโยค รู้ทั้งรู้ว่าฮูหยินใหญ่กินยาก เอ่ยเช่นนี้ขึ้นมาก็ทิ้งตะเกียบแล้วร้องไห้ เขายังแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว บอกว่าตนเองผิดไปแล้ว”

ฉินหลิวซีคิดในใจ ดื่มชาเขียวเยอะไปแล้วกระมัง

“นายน้อยรองของพวกเจ้าตายไปอย่างไรหรือ”

สาวใช้ใหญ่กระบอกตาแดงก่ำ เอ่ย “เป็นไข้ฝีดาษเจ้าค่ะ ทนพิษไข้ไม่ไหว หากเจอท่านอาจารย์เร็วกว่านี้ คุณชายรองก็คงไม่ต้องตาย”

หมัวหมัวขาอ่อนยวบลงทันใด เกือบล้มลงกับพื้น ดึงสายตาทั้งสองให้มองไป ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“หมัวหมัว” สาวใช้ใหญ่ก้าวเข้าไปประคอง หมัวหมัวผลักมือสาวใช้ใหญ่ออก มองมาหาฉินหลิวซี เอ่ยด้วยใบหน้าซีดเซียว “ตอนที่นายน้อยรองเป็นไข้ฝีดาษ ท่านเขยเป็นคนดูแลเจ้าค่ะ บอกว่าเมื่อเขายังเด็กเขาเคยได้รับไข้ฝีดาษ ไม่กลัวติดเชื้อ แต่นายน้อยรองไข้ขึ้นสูงจนทนไม่ไหวตายจากไปเจ้าค่ะ”

สาวใช้ใหญ่ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ตัวแข็งทื่อ สองขาโงนเงน มองไปยังฉินหลิวซีโดยไม่อาจควบคุมได้

ฉินหลิวซีสีหน้าเย็นยะเยือก เด็กได้รับไข้ฝีดาษเป็นสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดแล้ว หากปล่อยปะละเลย ก็เป็นเรื่องถึงชีวิต หากเว่ยไฉโจวมีความคิดเช่นนั้น เขาก็ไม่ต้องทำอันใด เพียงปล่อยปะละเลยก็พอแล้ว

ชาเขียว โหดเหี้ยม ดื้อรั้น ภาพบุรุษเหี้ยมโหดเกิดขึ้นในหัว ฉินหลิวซีพลันประหลาดใจขึ้นมา ความโกรธความแค้นอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาทำได้ถึงเพียงนี้

ฉินหลิวซีเหลือบมองซ่งหลิ่วที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ส่ายศีรษะเบาๆ น่าสงสารเป็นที่สุดแล้ว

ปล่อยเข็มทิ้งเอาไว้พอสมควรแล้ว ฉินหลิวซีถอนเข็มออก เอ่ยกับสาวใช้ใหญ่ทั้งสอง “ธูปสงบใจนี้จุดเอาไว้ ให้นางหลับอีกสักหน่อย พวกเจ้าเฝ้าเอาไว้ก็พอแล้ว”

“เจ้าค่ะ”

ฉินหลิวซีเอ่ยกับสาวใช้ใหญ่ “ดาวปาริชาติ[4]ของเจ้าขยับไหวแล้ว เป็นคู่ที่ดี ตอบรับแล้วกระมัง”

สาวใช้ใหญ่ชะงัก มองนางอย่างงงงัน

ฉินหลิวซีกลับเดินออกไปแล้ว

สาวใช้ใหญ่ได้สติขึ้นมา สบเข้ากับสายตาของหมัวหมัวที่มองมา แก้มแดงระเรื่อขึ้น

ฉินหลิวซีเดินออกมาจากห้องตรวจ เห็นซ่งเยี่ยยืนนิ่งงันอยู่หน้าห้องตรวจ ใบหน้าตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ

คนฝึกการต่อสู้ ล้วนแล้วแต่มีประสาทการรับฟังที่ดี บทสนทนาด้านในของพวกนาง เขาได้ยินมันทั้งหมดแล้ว

ที่แท้ความตื่นตกใจไม่มีที่สิ้นสุด

เพียงมีใหม่เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า

ซ่งเยี่ยหมุนตัวเตรียมเดินออกไป

“กลับมา”

เท้าของซ่งเยี่ยชะงัก สองมือกำแน่นจนเกิดเสียง

“หากเป็นเขาจริงๆ ท่านไปถามโดยที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ก็เป็นเพียงการแหวกหญ้าให้งูตื่น ท่านอย่าลืมเสีย จวนของท่านอาจยังมีสิ่งที่ซุกซ่อนเอาไว้ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ สุสานบรรพบุรุษอาจถูกแตะต้อง” เสียงของฉินหลิวซีดังขึ้นด้านหลัง เอ่ย “และเรื่องแบบนี้ เขาทำไม่ได้ ต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือเขา”

ซ่งเยี่ยหมุนตัว จ้องมองนาง

ฉินหลิวซีสบตากับเขา เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านแม่ทัพซ่ง รบโดยไร้เป้าหมายที่มั่นคง มีแต่จะพ่ายแพ้ ยากจะเอาชนะคาถาได้เมื่อท่านไม่รู้ หากอีกฝ่ายมีวิชาที่แกร่งกล้า ท่านไม่อาจดึงสถานการณ์กลับคืนมาได้แล้ว”

“ข้าต้องดูอยู่เช่นนี้หรือ”

ฉินหลิวซีเงยหน้ามองฟ้า เอ่ย “ผลกรรมตามสนอง ขอเพียงมาถึงแล้วผู้ใดก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ โดยเฉพาะกรรมจากการฆ่า”

[1]ตำแหน่งซานอินเจียว อยู่ด้านในของขา เหนือตาตุ่มใน 4 นิ้ว มือทาบอยู่ตรงขอบด้านหลังของกระดูกหน้าแข้ง

[2] อิ่นไป๋ นิ้วหัวแม่เท้า

[3] กวนหยวน อยู่บริเวณท้องน้อย ต่ำกว่า สะดือ 3 ชุ่น 4 นิ้ว

[4] ดาวปาริชาติ ดาวมงคลบ่งบอกถึงการแต่งงาน

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset