ข้อห้าม 18 เหมือนมีความรักก่อนวัยอันควร!

ตอนที่ 18 เหมือนมีความรักก่อนวัยอันควร!

หลี่มู่หยางไปแล้ว

เขาไปหลังจากที่พิสูจน์ให้เพื่อนๆทั้งห้องเห็นว่าเขาไม่ได้ทุจริต และหลังจากที่คุณครูจ้าวหมิงจูพูดขอโทษเขาแล้ว

“ผมไม่ยอมรับ”

นี่คือการตอบโต้ของเขา และก็คือความโกรธที่เขาไม่ยอม

เขาต้องการคำขอโทษ เพราะการที่อีกฝ่ายขอโทษก็แสดงว่าอีกฝ่ายทำผิด

แต่เขาไม่มีทางยอมรับคำขอโทษนี้ได้……….ความหวังและความฝันที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของเขา เขาต้องการที่จะแสดงมันออกมาให้ดีที่สุดต่อหน้าคุณครูของเขาและต่อหน้าเพื่อนๆที่มักจะหัวเราะเยาะตัวเขา เขาต้องการจะบอกกับทุกคนว่า ไม่ใช่เขาไม่ขยัน และเขาก็ไม่ได้เป็นคนไร้ประโยชน์ เขาเองก็ต้องการจะตั้งใจเรียน และเขาก็สามารถเรียนให้ดีได้………..

สรุปว่าเขาได้รับอะไร?

ถูกกล่าวหาว่าทุจริต!

ก็เหมือนกับที่เขาพูดนั่นแหละ นี่ต้องการจะฆ่าเขาหรอ

มีวัยรุ่นไร้เดียงสากี่คนกัน ที่ถูกคุณครูพูดทำลายชีวิต?

หลี่มู่หยางเดินนานมาก ในห้องเรียนยังคงเงียบสงัด

ใบหน้าของจ้าวหมิงจูสามารถบีบเป็นน้ำออกมาได้ เธอจ้องหลี่มู่หยางค่อยๆเดินจากไปอยู่นานมากโดยไม่พูดอะไร

การกระทำของเด็กนักเรียนคนนี้เหมือนเขากำลังตบหน้าเธอแรงๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ให้บทเรียนที่สำคัญกับชีวิตของเธอ เป็นบทเรียนที่เธอจะไม่มีวันลืม

ตอนที่เธอมองออกไปนอกประตูนั้น ทักเรียนในห้องทุกคนต่างก็มองมาที่เธอ

พวกเขารู้สึกสับสน บางคนสงสารหลี่มู่หยาง และบางคนก็เข้าข้างจ้าวหมิงจู……คุณครูจ้าวพูดขอโทษแล้ว ทำไมหลี่มู่หยางถึงยังไม่ยอมหล่ะ?

พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่เมื่อมาตั้งใจครุ่นคิดดูแล้ว มันก็เหมือนปลาเจ้าเล่ห์ที่ว่ายดำดิ่งหายไปท่ามกลางทะเล ทำให้ยากที่จะหาร่องรอย

หลังจากผ่านไปหลายปีแล้ว ตอนที่พวกเขากลับมาคิดถึงเรื่องนี้ ภาพเหตุการณ์นี้ก็จะปรากฏขึ้นในสมองอีกครั้ง ถึงตอนนั้นพวกเขาจะจะรู้ว่าเรื่องราวธรรมดาๆที่เกิดขึ้นมันทำให้รู้อะไร

มันคือการเปลี่ยนแปลงที่งดงามและนิพพานของหัวใจ

ตอนที่จ้าวหมิงจูหันกลับมามองในห้องเรียน นักเรียนทุกคนต่างก็แกล้มก้มหน้าทำข้อสอบอย่างลุกลี้ลุกลน

แต่อารมณ์ที่ตื่นเต้นก็ยังไม่สามารถสงบได้

จ้าวหมิงจูอ้าป้าอยากจะพูดอะไร แต่เมื่อเธอจะพูดก็เหมือนมีอะไรมาอุดปากเอาไว้

“ทำข้อสอบดีดี” จ้าวหมิงจูพูดแบบนี้กับนักเรียน

ชุยเสี่ยวซินเอาปากกาใส่เข้าไปในกระเป๋าดินสอ หลังจากนั้นก็ถือข้อสอบเดินไปที่โพเดี้ยม

จ้าวหมิงจูมองชุยเสี่ยวซินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอยิ้มและพูดว่า ” ตรวจทานแล้วยัง? อย่าสะเพร่านะ”

“ตรวจทานแล้วค่ะ” ชุยเสี่ยวซินตอบ หลังจากนั้นเธอก็หันหลังเดินออกจากห้องเรียนไป

ร่างกายของเธอบอบบาง ตอนที่แสงแดดสาดส่องลงบนผิวขาวๆของเธอราวกับว่าเป็นสีใส

“ชุยเสี่ยวซิน…………” จ้าวหมิงจูรีบตะโกนเรียก “เธอลืมเขียนชื่อ”

ชุยเสี่ยวซินไม่หันกลับมา เธอพูดว่า “คุณครูจ้าวคิดว่าข้อสอบนั้นใครเป็นคนทำ”…………….”

…………….

มันเป็นเวลาที่เหมาะสมและดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง

หลี่มู่หยางและชุยเสี่ยวซินกำลังเดินอยู่ใต้ร่มไม้ในรั้วโรงเรียน เสียงของจั๊กจั่นดังขึ้น ราวกับว่าพวกมันกำลังบรรเลงให้กับพวกเขาสองคน

“เธอไม่ควรออกมา” หลี่มู่หยางพูด เขาทำลายความเงียบระว่างพวกเขาสองคน “การสอบเอ็นทรานซ์ใกล้เข้ามาแล้ว ทุกคนต่างก็เข้าสู่ระยะสุดท้ายของการวิ่ง…………”

“ฉันเคยบอกแล้วไง ฉันเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว ” ชุยเสี่ยวซินพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน

“เรียนรู้ให้มากขึ้นหน่อยก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ช่วงนี้คุณครูคงต้องบอกจุดสำคัญเกี่ยวกับการสอบ ถ้าเธอไม่อยู่หล่ะก็ เธอก็ต้องพลาดข้อสอบพวกนั้นไม่ใช่หรอ? ถ้าเรื่องของฉันทำให้เธอเสียเวลาในการสอบเอ็นทรานซ์…………”

“ไม่มีทาง” ชุยเสี่ยวซินรีบพูดตัดบทหลี่มู่หยาง เธอพูดว่า “ฉันต้องเข้ามหาวิทยาลัยซีเฟิงให้ได้”

หลี่มู่หยางฉีกยิ้ม เขามีความสุขแทนเพื่อนของเขา เขาพูดว่า “มั่นใจขนาดนั้นเลย ดูท่าแล้วเธอคงเตรียมพร้อมแล้วจริงๆ”

“ฉันไม่ชอบการกระทำที่ทำอะไรไม่เตรียมการล่วงหน้า เพราะมันจะมีความไม่แน่นอนสูงมาก มันจะทำให้ฉันรู้สึกไม่มีความปลอดภัย….” ชุยเสี่ยวซินพูด และก็เงียบไป เธอเอียงหน้าหันไปมองหลี่มู่หยางทียืนอยู่ข้างๆ ” แต่ นายเป็นข้อยกเว้น”

“หืม?”

“หลี่มู่หยาง นายรู้ดีว่าการพัฒนาของนายมันน่าตกใจขนาดไหน ตอนที่ฉันติวหนังสือให้นายฉันก็ตกใจ วันนี้การที่คุณครูเกิดความสงสัยแบบนั้น ก็เป็นเรื่องที่ฉันคิดไว้อยู่แล้ว………แต่ ฉันก็ยังไม่ชอบพฤติกรรมแบบนั้นของคุณครูอยู่ดี อีกทั้งคำพูดที่มันเกินไป”

หลี่มู่หยางสูดมหายใจเข้าเบาๆ และพูดว่า ” อาจจะเป็นเพราะว่ารูปลักษณ์ภายนอกของฉัน ฉันเป็นคนที่ไม่เคยมีใครชอบ เดิมทีคิดว่าต้องการจะแสดงออกมาให้ดีดี พอที่จะทำให้คุณครูจ้าวมองฉันใหม่ เธอตบไหล่ฉันต่อหน้าเพื่อนทั้งห้อง และพูดว่าหลี่มู่หยางเป็นแบบอย่างที่ดีมาก……พอที่จะให้เพื่อนๆในห้องยิ้มให้ฉัน และพวกเขาก็พูดว่า หลี่มู่หยาง คิดไม่ถึงจริงๆว่านายจะซ่อนความเก่งไว้ลึกขนาดนี้ ฉันก็แค่อยากจะบอกให้พวกเขารู้ว่า ฉันก็เป็นเหมือนกับพวกเขา ฉันไม่ได้เป็นคนสติไม่ดี ไม่ได้เป็นหมูที่เอาแต่นอนทั้งวัน………”

ชุยเสี่ยวซินเงียบไม่พูดอะไร

เธอเข้าใจความรู้สึกของหลี่มู่หยางในตอนนี้

เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง และก็เป็นเด็กที่ฐานะยากจนคนหนึ่ง เขาอิจฉาที่เพื่อนๆคนอื่นมีเสื้อผ้าสวยๆ มีของเล่นดีดี เขารอจนเขามีวันนันนั้น วันที่เขาถือของเล่นของเขาและต้องการจะเอาไปโชว์ต่อหน้าเพื่อนๆ และอยากจะบอกกับพวกเขาว่า ดูสิฉันก็มีของเล่นนะ สรุปว่าทุกคนต่างก็กล่าวโทษเขาว่าของเล่นของเขาเป็นของที่ขโมยมา เด็กคนนั้นจะไม่เสียใจหรอ?”

หลังจากเงียบอยู่นาน ชุยเสี่ยวซินก็ถามขึ้นมาว่า “ต่อจากนี้นายวางแผนจะเอาอย่างไร?”

“ฉันตั้งใจว่าฉันจะติวหนังสือเองที่บ้าน” หลี่มู่หยางพูดว่า ” ฉันเคยคิดว่า ต่อให้อยู่ในห้องเรียน ฉันก็คงไม่มีทางได้เรียนรู้อะไรที่มากขึ้น วันนี้คุณครูจ้าวสงสัยว่าฉันทุจริต ถ้าครั้งหน้าคุณครูเฉินและคุณครูเจียงต่างก็สงสัยฉันแบบนั้นเหมือนกันหล่ะ? ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันติวหนังสือเองที่บ้านดีกว่า ถึวันสอบแล้วค่อยไปที่โรงเรียนแล้วกัน”

“ดี ฉันจะอยู่เป็นเเพื่อนนาย” ชุยเสี่ยวซินพูด

“อะไร?”

“ฉันยอมรับ ความสามารถในการเรียนรู้ของนายน่าตกใจมาก แต่จะเรียนอย่างไร เรียนอะไร จำเป็นต้องมีคนคอยอยู่ข้างๆช่วยแนะนำนาย…….พื้นฐานของนายอ่อนเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความรู้พื้นฐานทั้งหมดกลับมา ฉันจึงต้องเป็นคนคอยบอกนายว่านายต้องเรียนรู้เนื้อหาอะไรบ้างในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ และเนื้อหาอะไรที่วางไว้ก่อนได้ แบบนั้นล่ะก็ นายก็จะสามารถใช้เวลาที่มีจำกัดมาเรียนรู้สิ่งที่สำคัญที่สุดได้”

“ชุยเสี่ยวซิน……….”

“ไม่ต้องซาบซึ้งใจ” ชุยเสี่ยวซินพูด เท้าทั้งสองข้างของเธอเหยียบบนลายแสงที่ลอดผ่านใบไม้ลงมา รองเท้าผ้าใบสีขาวบริสุทธิ์ถูกแสงส่องเป็นจุดๆเหมือนดวงดาวมากมาย ” ที่ฉันทำแบบนี้เพราะฉันมีเหตุผล”

“อะไร?”

“ก็แค่หวังว่า ครั้งหน้าตอนที่ฉันชวนนายไปดูหนัง หวังว่านายจะไม่ปฏิเสธอย่างโหดร้ายอีก” ชุยเสี่ยวซินยิ้มมุมปาก และพูดออกมาอย่างสวยงามและมีเสน่ห์

“……………………..”

หลี่เหยียนพ่อของหลี่มู่หยางไปทำเรื่องขอลาเรียนให้กับหลี่มู่หยางที่โรงเรียน ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ทางโรงเรียนอนุมัติเร็วมาก

หลี่มู่หยางติวหนังสืออยู่ที่บ้าน ทุกวันชุยเสี่ยวซินจะมาติวหนังสือตัวต่อตัวให้หลี่มู่หยางที่บ้านของเขา

หลี่ซือเหนียนดีใจมาก ทุกวันหลังเลิกเรียนเธอก็จะหาผลไม้ไม่ก็ขนมมันฝรั่งอบกรอบมานั่งกินอยู่ข้างๆ

เธอไม่พอใจกับการที่หลี่มู่หยางให้ความสำคัญกับผู้หญิงมากกว่าน้องสาวของตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้เธอพยายามจะช่วยติวหนังสือให้หลี่มู่หยาง ต้องการจะช่วยดึงให้คะแนนผลการเรียนของพี่ชายสูงขึ้น แต่ทุกครั้งที่เธอพูดจนคอแห้งก็จะได้ยินเสียงกรนของหลี่มู่หยาง

เรื่องที่เธอทำไม่ได้ แต่ชุยเสี่ยวซินกลับทำได้ นี่ทำให้เธอรู้สึกสงสัยในเสน่ห์ของตัวเอง ทำให้หลายๆครั้งเธอจะพยายามกวาดสายตามองใบหน้าและรูปร่างของตัวเองในกระจกห้องน้ำ………หน้าอกของเธอก็ไม่ได้เล็กนี่นา

ทุกครั้งที่หลัวฉีแม่ของหลี่มู่หยางกลับมาจากร้านขนมปัง เธอก็จะเอาเค้กต่างๆมาฝากชุยเสี่ยวซิน เมื่อเห็นว่าชุยเสี่ยวซินชอบกินแบบไหน ครั้งต่อไปเธอก็จะเอาแบบนั้นมาเยอะขึ้น

ตอนที่หลัวฉีกำลังทำอาหารอยู่ในครัว หลี่เหยียนผู้เป็นสามีก็เดินเข้ามา

“กลับมาแล้วหรอ?” หลัวฉีกล่าวทักทายสามี ในขณะเดียวกันก็มองออกไปนอกหน้าต่างดูเด็กทั้งสองคนที่กำลังติวหนังสือกันอยู่ สายตามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนอยู่

“ใช่” หลี่เหยียนหันไปมองข้างนอกและพูดว่า ” เด็กผู้หญิงคนนั้นมาอีกแล้ว? นี่คงไม่ได้มีความรักก่อนวัยอันควรกันใช่มั้ย?”

“ถ้ามีความรักกันจริงๆก็ดีสิ” หลัวฉีสูดลมหายใจและพูดว่า ” เป็นเด็กผู้หญิงที่ดีมากๆเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าหน้าตาสวยขนาดไหน ที่สำคัญคือบุคลิกดี เรียนดี นิสัยดี อีกทั้งได้รับการปลูกฝังที่ดี ทุกวันเธอจะมาช่วยมู่หยาง แต่เธอไม่เคยอยู่กินข้าวที่บ้านเราเลยซักครั้ง……….ผู้หญิงแบบนี้ถ้าไม่จองไว้ก่อนล่วงหน้า กลัวว่าต่อไปจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมู่หยางแล้วมั้ง?”

“แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะตัดสินใจกันเองได้ เพราะมู่หยางคือ……” หลี่เหยียนพูดออกมา

“หุบปาก” หลัวฉีจ้องสามีของตัวเองด้วยสายตาดุร้าย เหมือนหมาป่าที่หวงลูก ” ก่อนหน้านี้หลี่มู่หยางเป็นลูกชายของฉัน ต่อไปก็ยังเป็นลูกชายของฉัน ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เอา ต่อไปนี้ใครหน้าไหนก็อย่าคิดจะมาแย่งเขาไปจากฉันอีก”

Options

not work with dark mode
Reset