กระบี่จงมา 888.1 ชุนซาน

ตอนที่ 888.1 ชุนซาน

ฮ่องเต้​ซ่งเห​อ​พูด​เข้า​ประเด็น​ทันทีที่​พบ​หน้า​ แต่​ดูเหมือนว่า​เฉิน​ผิง​อัน​จะไม่มีท่าที​อยาก​พูดคุย​ด้วย​ รอ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ เห็นได้ชัด​ว่า​ซ่งเห​อ​ไม่มีความคิด​ว่า​จะกลับ​ไป​ทั้ง​อย่างนี้​ เหลือบตา​มอง​ตะเกียบ​และ​ชามบน​โต๊ะ​สุรา​จึงขยับ​เก้าอี้​ที่อยู่​ข้าง​มือ​มาตัว​หนึ่ง​ สับเปลี่ยน​ตำแหน่ง​เล็กน้อย​ เอนตัว​ไปหา​เฉิน​ผิง​อัน​ ถามว่า​ “อาจารย์​เฉิน​ พวกเรา​นั่งลง​คุย​กัน​ดี​ไหม​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ ขยับ​เก้าอี้​ตาม​ไป​ด้วย​ จากนั้น​ขยับ​ชุดก​ว้า​ให้​เข้าที่​ พอ​นั่งลง​แล้วก็​ยก​ขา​ไขว่ห้าง​

เผย​ให้​เห็น​รองเท้า​ผ้าพื้น​หนา​สีดำ​ขาว​ตัดกัน​คู่​หนึ่ง​

ซ่งเห​อ​เอ่ย​ “อาจารย์​เฉิน​ลอง​พิจารณา​ดูก่อน​ ข้า​สามารถ​รอ​ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​ถาม “เป็น​ความคิด​ของ​ไทเฮา​หรือ​?”

ซ่งเห​อ​ส่ายหน้า​ “เป็น​ความคิด​ของ​ข้า​เอง​”

ซ่งเห​อ​ไม่รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​เปิดปาก​ขอร้อง​แล้ว​อีก​ฝ่าย​จะต้อง​ตอบ​ตกลง​ยอม​เป็น​ราชครู​ต้า​หลี​ทันที​

คน​สามกลุ่ม​ โต๊ะ​กินเลี้ยง​สามตัว​ต่าง​ก็​ไม่ได้​อยู่​ใกล้​กัน​

ฮ่องเต้​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​นั่ง​ด้วยกัน​ลำพัง​โต๊ะ​หนึ่ง​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​คุย​ธุระ​เรื่องสำคัญ​ เวลานี้​ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ก็​นั่งลง​แล้ว​

คน​หนึ่ง​คือ​จักรพรรดิ​แห่ง​ล่าง​ภูเขา​ อีก​คน​หนึ่ง​คือ​เจ้าสำนัก​ของ​บน​ภูเขา​ เป็น​คน​วัย​เดียวกัน​

คน​ทั้งสอง​ไม่ได้​นั่ง​ตรงข้าม​กัน​ แล้วก็​ไม่ได้​เห็น​หน้า​เข้าหา​เศษซาก​อาหาร​บน​โต๊ะ​ด้วย​

ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​ยืน​อยู่​ข้าง​โต๊ะ​จัด​เลี้ยง​อีก​ตัว​หนึ่ง​

ออกมา​จาก​วัง​คราวนี้​ ฮ่องเต้​ซ่งเห​อ​ย่อม​สวม​ชุด​สามัญชน​ปลอม​กาย​ออกมา​ นอกจาก​ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​แล้ว​ ข้าง​กาย​ยังมี​ผู้ติดตาม​อีก​สามคน​ หนึ่ง​คือ​ขันที​เฒ่าฝ่าย​ซือห​ลี่​เจียน​ที่​แต่งกาย​เป็น​เศรษฐี​เฒ่า กับ​อีก​คน​หนึ่ง​เป็น​ผู้​ถวายงาน​สกุล​ซ่งที่อยู่​ใน​ราชสำนัก​ต้า​หลี​แต่​ไม่ค่อย​ชอบ​เปิดเผย​หน้าตา​เท่าใด​นัก​ เป็น​คน​เฝ้าสุสาน​ของ​สุสาน​หลวง​สกุล​ซ่ง ผู้ติดตาม​คน​สุดท้าย​ เวลานี้​อยู่​บน​ถนน​นอกบ้าน​ตระกูล​เปีย​น​ รับผิดชอบ​เฝ้ารถม้า​คัน​นั้น​

อวี๋เหมี่ยน​มีสถานะ​สูงศักดิ์​เป็น​ถึงฮองเฮา​ บวก​กับ​ที่​เกือบ​ร้อย​ปี​ที่ผ่านมา​นี้​สกุล​ซ่งต้า​หลี​มีราชครู​ชุย​ฉาน​อยู่​ จึงไม่เคย​ต้อง​กังวล​เรื่อง​ที่​วังหลัง​ พระญาติ​ฝ่าย​ภรรยา​หรือ​ขันที​เข้ามา​ยุ่ง​เกี่ยวกับ​เรื่อง​การปกครอง​ ดังนั้น​อวี๋เหมี่ยน​จึงถือว่า​เคย​ได้​เห็น​ผู้​บรรลุ​มรรคา​บน​ภูเขา​มาไม่น้อย​แล้ว​ หล่อเหลา​สง่างามเหมือน​เว่ย​ป้อ​ซาน​จวิน​แห่ง​ขุนเขา​เหนือ​ เซียน​ซือ​ที่​รูปโฉม​อ่อนเยาว์​เหมือน​เด็ก​ของ​ศาล​ลม​หิมะ​ เจ้าประมุข​ผู้เฒ่า​สกุล​เจีย​งอ​วิ๋น​หลิน​ที่​หนวดเครา​ยาว​สวย​ มอง​แล้ว​เหมือน​เทพ​เซียน​

นอกจากนี้​ยังมี​ข้อยกเว้น​ที่​นับ​นิ้ว​ได้​อีก​ไม่กี่​ข้อ​ที่​ทำให้​อวี๋เหมี่ยน​จด​จำได้​อย่าง​ลึกซึ้ง​ ยก​อย่างเช่น​ห​ร่วน​ฉงอริยะ​แห่ง​สำนัก​กระบี่​หลง​เซี่ยง​ ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ราชวงศ์​ต้า​หลี​ผู้​นี้​ พูด​ไม่ได้​ว่า​เขา​ไม่สนใจ​การแต่งเนื้อแต่งตัว​เสีย​เลย​ แต่​ก็​เป็น​พวก​ที่​เงียบขรึม​พูดน้อย​ ทุกครั้งที่​เข้า​วัง​มาเข้าเฝ้า​ ช่างห​ร่วน​แทบจะ​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ล้วน​เป็น​ฮ่องเต้​ที่​ถามคำถาม​ และ​ทุกครั้ง​คำตอบ​ของ​ช่างห​ร่วน​ก็​ ‘กระชับ​เรียบง่าย​’ อย่าง​มาก​ ราวกับ​…รีบ​กลับ​ไป​ตี​เหล็ก​หลอม​กระบี่​ที่​ภูเขา​อย่างไร​อย่างนั้น​ และ​ยังมี​ถงเห​วิน​ช่างซาน​จวิน​แห่ง​ขุนเขา​ตะวันตก​ที่​ลักษณะ​เหมือน​ชาวนา​ใน​ชนบท​ สวม​ชุด​ผ้าป่าน​เนื้อ​หยาบ​ แล้ว​ยัง​ชอบ​เปลือย​เท้า​ตลอด​ทั้งปี​ ไม่ต้อง​พูดถึง​ตอน​ยืน​อยู่​กับ​เว่ย​ป้อ​ ต่อให้​แค่​ยืน​เคียง​บ่า​อยู่​กับ​จิ้น​ชิงซาน​จวิน​แห่ง​ขุนเขา​กลาง​ บอก​ตามตรง​ว่า​ต่อให้​นา​งอวี๋เหมี่ยน​ไม่มอง​คน​ที่​หน้าตา​มาก​แค่​ไหน​ก็​ยัง​อด​รู้สึก​จาก​ใจจริง​ไม่ได้​ว่า​ถงซาน​จวิน​ผู้​นั้น​ดู​ยากจน​ข้นแค้น​อยู่​มาก​จริงๆ​

ตอนที่​ถงซาน​จวิน​นั่ง​อยู่​ตรงนั้น​ อวี๋เหมี่ยน​ยัง​อด​กังวล​ไม่ได้​ว่า​อีก​ฝ่าย​จะยก​เท้า​ขึ้น​มาแคะ​เมื่อไหร่​

ส่วน​เซียน​กระบี่​หนุ่ม​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ที่อยู่​ตรงหน้า​ผู้​นี้​ แน่นอน​ว่า​ก็​ทำให้​อวี๋เหมี่ยน​จด​จำได้​อย่าง​ชัดเจน​เหมือนกัน​

อวี๋เหมี่ยน​เป็น​สตรี​ที่​มีจิตใจ​ละเอียดอ่อน​อย่าง​มาก​ เมื่อ​ครู่​นาง​มอง​แวบเดียว​ก็​เห็น​รองเท้า​ผ้า​ที่​ฝีเย็บ​ประ​ณีติ​คู่​นั้น​ทันที​

โต๊ะ​สุดท้าย​แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​ของ​บ้าน​ดอง​สอง​บ้าน​ที่​ชาย​หญิง​ของ​สอง​ฝ่าย​เพิ่งจะ​แต่งงาน​กัน​ไป​นั่นเอง​ ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ก็​เป็น​ตระกูล​ขุนนาง​ของ​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ ตำแหน่ง​ไม่ใหญ่​ แต่​ก็​เป็น​ขุนนาง​น้ำ​ใสที่​มาจาก​เส้นทาง​ที่​ถูกต้อง​อย่าง​การ​สอบ​ ทว่า​ทุกวันนี้​คน​ที่​มีคุณสมบัติ​จะเข้าร่วม​ประชุม​เช้าใน​ท้องพระโรง​กลับ​มีแค่​เปีย​น​เห​วิน​เม่าคนเดียว​เท่านั้น​

ทุกคน​กลั้นหายใจ​ทำสมาธิ​ ไม่มีใคร​กล้า​กระซิบกระซาบ​กัน​

เจ้าบ่าว​เจ้าสาว​ตื่นเต้น​จน​หน้า​แดงก่ำ​ รู้สึก​ราวกับ​ฝัน​ไป​อย่างไร​อย่างนั้น​

ใน​ฐานะ​คนนอก​เพียง​คนเดียว​ หลิน​โส่ว​อี​นั่ง​อยู่​ข้าง​กาย​เพื่อนร่วมห้อง​อย่าง​สือ​เจีย​ชุน​

ก่อนหน้านี้​ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​หันมา​ยิ้ม​ให้​พวกเขา​ ยื่นมือ​มากด​ลง​บน​ความว่างเปล่า​สอง​ที​ บอกเป็นนัย​แก่​ทุกคน​ว่า​ให้​นั่งลง​ได้​

รอ​กระทั่ง​ทุกคน​นั่งลง​หมด​แล้ว​ เปีย​น​เห​วิน​เม่ากลับ​สังเกตเห็น​ว่า​ฮองเฮา​กลับ​ยัง​ยืน​อยู่​ เขา​จึงอยาก​จะลุกขึ้น​ยืน​เหมือนกัน​ เพียงแต่ว่า​เพิ่งจะ​ขยับ​ก้น​ยกขึ้น​ก็​รู้สึก​ว่า​ไม่ค่อย​เหมาะ​เท่าไร​ จึงได้​แต่​นั่ง​กลับ​ลง​ไป​เงียบๆ​ แต่​โดยดี​

ซ่งเห​อ​เปิดปาก​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​มีข้อสงสัย​มาโดยตลอด​ อยาก​จะขอ​ถามอาจารย์​เฉิน​สักหน่อย​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ “ถามมาได้​เลย​”

ซ่งเห​อ​ถาม “ดูเหมือนว่า​หลังจาก​อาจารย์​เฉิน​ประสบ​พบ​เจอ​เรื่อง​ต่างๆ​ ของ​ใน​ปี​นั้น​ ความรู้สึก​ที่​มีต่อ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​กลับ​ไม่แย่​?”

ยกตัวอย่างเช่น​จาก​รายงาน​ของ​สายลับ​ต้า​หลี​ ครั้ง​ที่สอง​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​เดินทางไกล​ ระหว่างทาง​ต้อง​ผ่าน​แคว้น​ซูสุ่ย​ที่อยู่​ภาค​กลาง​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ ได้​กลายเป็น​สหาย​ต่างวัย​กับ​ซ่งอวี่​เซาผู้ฝึก​ยุทธ​ใน​ยุทธ​ภพ​ ทั้งสองฝ่าย​เผชิญหน้า​กับ​กองทัพ​ใหญ่​ที่​มีทหารม้า​หมื่น​คน​ยกทัพ​มาประชิด​ชายแดน​ ใน​ขบวน​รบ​ยิ่งใหญ่​ เด็กหนุ่ม​ที่​ถือ​กระบี่​ไม้ไหว​อยู่​ใน​มือ​เคย​แนะนำ​ตัวเอง​อย่าง​เปิดเผย​ว่า​ ‘เฉิน​ผิง​อัน​แห่ง​ต้า​หลี​อยู่​ที่นี่​แล้ว​!’

เฉิน​ผิง​อัน​บิด​หมุน​ข้อมือ​ก็​มีน้ำเต้า​เลี้ยง​กระบี่​สีชาด​ใบ​หนึ่ง​โผล่​มา เขา​ดื่มเหล้า​หนึ่ง​อึก​ จากนั้น​วาง​น้ำเต้า​เลี้ยง​กระบี่​ไว้​บน​หัวเข่า​เบา​ๆ “ครั้งแรก​ที่​ข้า​ออก​เดินทางไกล​ก็​คือ​การ​เดินทาง​ไป​เยือน​สำนักศึกษา​ซาน​ห​ยา​ที่อยู่​ใน​อาณาเขต​ต้า​สุย​กับ​พวก​หลิน​โส่ว​อี​ ออกจาก​ชายแดน​ที่​ด่าน​เห​ย่​ฟู ตอนที่​เข้าไป​ใน​แคว้น​หวง​ถิงซึ่งตอนนั้น​ยัง​เป็น​แคว้น​ใต้​อาณัติ​ของ​สกุล​เกา​ต้า​สุย​ ระหว่าง​เส้นทาง​กลับ​บ้านเกิด​ก็​ยังคง​ผ่าน​แคว้น​หวง​ถิงเหมือนเดิม​ แต่​เดิน​ไป​บน​ทาง​สะพาน​เลียบ​หน้าผา​ ข้าม​ชายแดน​มาจาก​ด่าน​รั้ว​ล้อม​วัว​ ตอนนั้น​ลม​หิมะ​พัด​แรง​มาก​ ระหว่าง​ทางได้​เจอ​กับ​ทหาร​ลาดตระเวน​ของ​กองทัพ​ชายแดน​กอง​หนึ่ง​ มีทหารม้า​คน​หนึ่ง​ควบม้า​ออกมา​ เป็น​ทหารม้า​ที่​ยัง​หนุ่ม​มาก​ ตอนนั้น​อย่าง​มาก​สุด​ก็​น่าจะ​อายุ​แค่​ยี่สิบ​ต้น​ๆ กระมัง​ ปี​นั้น​ข้า​ยัง​ไม่เข้าใจ​ว่า​เหตุใด​ตอนที่​ทหารม้า​คน​นั้น​ควบม้า​มาถึง ถึงได้​มีสีหน้า​แววตา​เด็ดเดี่ยว​เหี้ยมหาญ​ถึงเพียงนั้น​ ภายหลัง​ข้า​ถึงเข้าใจ​ แรกเริ่ม​ทหารม้า​กอง​นี้​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​ข้า​เป็น​สายลับ​ของ​แคว้น​ศัตรู​ อีก​ทั้ง​ยัง​อาจจะ​เป็น​ผู้ฝึก​ลมปราณ​คน​หนึ่ง​ด้วย​ ดังนั้น​วิธี​ที่​ถูกต้อง​ที่สุด​ในเวลานั้น​ก็​คือ​รีบ​แจ้งให้​ผู้ฝึก​ตน​ติดตาม​กองทัพ​ม้าเหล็ก​ต้า​หลี​ที่อยู่​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​ได้​รับรู้​ อีก​ทั้ง​การ​พบ​เจอกัน​บน​ทางแคบ​ท่ามกลาง​ลม​หิมะ​ครั้งนี้​ มีความเป็นไปได้​อย่างยิ่ง​ว่า​ทั้งสองฝ่าย​อาจ​ต้อง​ตัดสิน​เป็น​ตาย​กัน​ใน​เสี้ยว​วินาที​ รอ​กระทั่ง​ข้า​บอก​สถานะ​ออก​ไป​ แล้ว​มอบ​เอกสาร​ผ่าน​ด่าน​ที่​ที่ว่าการอำเภอ​หลง​เฉวียน​มอบให้​ พิสูจน์​ได้​ว่า​สถานะ​ไม่ผิดพลาด​แล้ว​ ทหาร​ที่นั่ง​อยู่​บน​หลัง​ม้าคน​นั้น​ก็​ไม่ได้​โยน​เอกสาร​ผ่าน​ด่าน​กลับมา​ให้​ข้า​ แต่​พลิกตัว​ลง​จาก​หลัง​ม้า หลังจาก​ยื่น​เอกสาร​ผ่าน​ด่าน​ให้​แล้ว​ยัง​ยิ้ม​เอ่ย​กับ​ข้า​ประโยค​หนึ่ง​ ความหมาย​คร่าวๆ​ ก็​คือ​สภาพอากาศ​ย่ำแย่​ ลม​หิมะ​ขวางทาง​ หาก​กังวล​ว่า​จะเจอ​ปัญหา​ก็​สามารถ​ไป​พัก​ค้างแรม​ที่​ปล่องไฟ​ส่งสัญญาณของ​พวกเขา​ก่อน​ได้​ พวกเขา​มีอาหาร​ให้​กิน​ รอ​ให้​ลม​หิมะ​เบา​ลง​แล้ว​ค่อย​ออกเดินทาง​อีกครั้ง​”

นัก​เดินทางไกล​คน​หนึ่ง​ที่​เดิน​ทางข้าม​ผ่าน​หมื่น​ภูเขา​พัน​สายน้ำ​มานาน​แล้ว​เล่า​เหตุการณ์ในอดีต​ที่​เกิดขึ้น​เมื่อ​ยี่สิบ​ปีก่อน​ให้​ฟังยาวเหยียด​

ฮ่องเต้​ซ่งเห​อ​มีความอดทน​อย่าง​มาก​ ฟังเข้าหู​ไม่มีตกหล่น​แม้แต่​คำ​เดียว​ เพียงแต่ว่า​หลังจาก​ฟังจบ​แล้วก็​ยัง​อด​เกิด​ความกังขา​อยู่​หลาย​ส่วน​ไม่ได้​

แค่​เรื่องเล็ก​ๆ แค่นี้​เอง​หรือ​?

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “ฝ่าบาท​รู้สึก​ว่า​นี่​เป็นเรื่อง​เล็กน้อย​เกินไป​ เลย​รู้สึก​ไม่ค่อย​กล้า​เชื่อ​ใช่หรือไม่​?”

ซ่งเห​อ​พยักหน้า​ “เป็น​เช่นนี้​จริง​ ข้า​รู้สึก​ไม่ค่อย​กล้า​เชื่อ​สัก​เท่าไร​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “เป็น​เรื่องเล็ก​จริงๆ​ หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ ถามเอง​ตอบ​เอง​ “ข้า​ว่า​ไม่แน่​เสมอไป​หรอก​ ใน​ฐานะ​กองทัพ​ม้าเหล็ก​ต้า​หลี​ เผชิญหน้า​กับ​เซียน​ซือบน​ภูเขา​ยัง​เหี้ยมหาญ​ไม่กลัว​ตาย​ ทหาร​ลาดตระเวน​ชายแดน​ เผชิญหน้า​กับ​ชาวบ้าน​ต้า​หลี​ก็​มีความใส่ใจ​อย่าง​มาก​”

นี่​ทำให้​เด็กหนุ่ม​จาก​อำเภอ​ไหว​หวง​เขต​หลง​เฉวียน​ที่​ตอนนั้น​เพิ่งจะ​เรียน​วิชา​หมัด​ฝึก​วร​ยุทธ​ ลูกศิษย์​เตาเผา​มังกร​ตรอก​หนี​ผิง​ที่​ตอน​ไป​เยือน​ถนน​ฝูลวี่​และ​ตรอก​เถาเย่​ยัง​กังวล​ว่า​รองเท้าแตะ​ของ​ตน​จะเหยียบ​ให้​พื้น​หิน​เขียว​เปรอะเปื้อน​ มีความทรงจำ​ที่​แจ่มชัด​ต่อ​ ‘ราชวงศ์​ต้า​หลี​’ ที่​พร่า​เลือน​เป็นครั้งแรก​

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​น้ำเต้า​เลี้ยง​กระบี่​เคาะ​ลง​บน​หัวเข่า​เบา​ๆ “ใน​ความเห็น​ของ​ข้า​ สิ่งที่​ช่วย​ค้ำ​ประคอง​ผืน​ฟ้าที่​กำลังจะ​ถล่ม​ลงมา​ของ​ไพศาล​มีอยู่​สามอย่าง​ แสงกระบี่​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ จิตใจ​ของ​จอม​ยุทธ​ผู้​ผดุง​ความเป็นธรรม​ของ​อุตรกุรุทวีป​ กีบ​เท้า​ม้าของ​กองทัพ​ม้าเหล็ก​ต้า​หลี​”

คำพูด​ประเภท​นี้​ ต่อให้​เป็น​เรื่องจริง​ แต่​หาก​เปลี่ยน​มาเป็น​คนนอก​ที่​พูด​ก็​ยัง​เห็นได้ชัด​ว่า​…ไม่ถูก​กาลเทศะ​ อีก​ทั้ง​ยัง​อาจ​ตก​เป็นที่​ต้องสงสัย​ว่า​พูดจา​วางโต​ไม่รู้จัก​ละอาย​

แต่​เมื่อ​หลุด​ออก​มาจาก​ปาก​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​มีน้ำหนัก​อย่างยิ่ง​ ทั้ง​ยัง​เหมาะสม​อย่าง​ถึงที่สุด​

เมื่อก่อน​บางที​ไม่ว่า​ใคร​ก็​อาจ​รู้สึก​ว่า​ฉีจิ้งชุน​เลือก​เด็กหนุ่ม​จาก​ตรอก​หนี​ผิง​ที่​ไม่สะดุดตา​ รับ​ลูกศิษย์​แทน​อาจารย์​ เป็น​การกระทำ​ที่​เหมือน​เด็ก​เล่น​เกินไป​หรือไม่​ ย่อ​มอด​ถามไม่ได้​ว่า​เพราะอะไร​

แต่​ทุกวันนี้​ไม่ว่า​ใคร​ก็​รู้สึก​ว่า​ฉีจิ้งชุน​ที่อยู่​ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูได้​ช่วย​รับ​ลูกศิษย์​ปิด​สำนัก​ที่จะ​มาสืบทอด​ควัน​ธูป​ให้​สาย​เห​วิน​เซิ่งอย่าง​เฉิน​ผิง​อัน​ สายตา​ช่างดี​เหลือเกิน​

ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​เข้า​อก​เข้าใจ​ผู้อื่น​เป็น​อย่าง​ดี​ จึงนำ​เหล้า​หนึ่ง​กา​และ​จอก​เหล้า​หนึ่ง​จอก​มามอบให้​ฮ่องเต้​ซ่งเห​อ​ด้วยตัวเอง​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​พลาง​ผงกศีรษะ​ให้​นาง​

ฮองเฮา​จึงเบี่ยง​กาย​ยอบ​ตัว​คารวะ​

สตรี​ที่อยู่​ตรงหน้า​นี้​อ่อนโยน​มีเมตตา​

ลูกสะใภ้​สกุล​ซ่งที่​ไทเฮา​หนัน​จาน​ไม่ค่อย​ชื่นชอบ​ ต้อง​เป็น​ฮองเฮา​ที่​ไม่เลว​ของ​ต้า​หลี​แน่นอน​

อวี๋เหมี่ยน​กลับ​ไป​ที่​โต๊ะ​สุรา​ตัว​ก่อนหน้านี้​

ซ่งเห​อ​ยิ้ม​เอ่ย​ “อวี๋เหมี่ยน​รู้สึก​มาโดยตลอด​ว่า​อาจารย์​เฉิน​คือ​วิญญูชน​ผู้​เป็น​สุภาพบุรุษ​ที่​ฝึกอบรม​ตัวเอง​ได้ดี​ทั้ง​ภายใน​และ​ภายนอก​”

เฉิน​ผิง​อัน​เกือบ​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​ฮ่องเต้​ที่อยู่​ตรงหน้า​ถูก​เสี่ยว​โม่สิงร่าง​แล้ว​ เขา​ถามว่า​ “ทำไม​ถึงคิด​เช่นนี้​?”

ซ่งเห​อก​ล่า​ว​ “หน้า​ประตู​ภูเขา​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​มีโต๊ะ​อยู่ตัว​หนึ่ง​ตั้ง​น้ำ​และ​น้ำชา​เอาไว้​ให้​คน​ที่​ผ่าน​ทาง​มาได้​ดื่ม​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​รับ​ เมื่อ​ครู่​ข้า​พูดถึง​เรื่อง​เล็กน้อย​ไป​ ฮ่องเต้​อย่าง​เจ้าก็​เอาอย่าง​บ้าง​หรือ​? หาก​เป็น​เช่นนี้​จริง​ก็​คง​ไม่ได้ดี​ไป​กว่า​เคล็ดลับ​การหลอก​เอา​เงิน​ของ​เซียน​เว่ย​สัก​เท่าไร​หรอก​นะ​

“อีก​ทั้งพวก​พราน​ป่า​ใน​พื้นที่​ของ​อำเภอ​ไหว​หวง​ ช่างเตาเผา​ที่​เข้า​ป่า​เป็นประจำ​ต่าง​ก็​กล้า​นั่งลง​ดื่ม​ชา”

ซ่งเห​อ​เอ่ย​ต่อ​อี​กว่า​ “หาก​ใช้คำพูด​ของ​อ​วี๋เหมี่ยน​ก็​คือ​มองเห็น​ใหญ่​ใน​เล็ก​ สามารถ​เห็น​คำสั่งสอน​ประจำ​ตระกูล​ และ​ขนบธรรมเนียม​ประจำ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ของ​อาจารย์​เฉิน​จาก​เรื่อง​เล็กๆ น้อยๆ​ ครอบครัว​ร่ำรวย​มักจะ​มีญาติ​ยากจน​ไปมาหาสู่​เป็นประจำ​ หาก​ไม่เคย​ต้อง​กลับ​ไป​มือเปล่า​ ก็​คือ​ตระกูล​ที่​มีคุณธรรม​น้ำใจ​ เดินผ่าน​ตระกูล​ประตู​สูง ชาวบ้าน​ไม่เดิน​หนี​หรือ​จงใจเดินผ่าน​เร็ว​ๆ เหมือน​หลบเลี่ยง​เภทภัย​ ก็​คือ​ตระกูล​ที่​สั่งสมคุณความดี​”

เฉิน​ผิง​อัน​อึ้ง​ตะลึง​ ก่อน​จะพยักหน้า​ “ฝ่าบาท​มีภรรยา​ผู้​เพียบพร้อม​ฉลาดเฉลียว​คอย​ช่วยเหลือ​แล้ว​”

สือ​เจีย​ชุน​ยืด​คอ​ยาว​มาเหลือบตา​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​

เพียงแค่​ลุกขึ้น​ยืน​แล้ว​นั่งลง​อีกครั้ง​ก็​ราวกับว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ผู้​นั้น​เปลี่ยนไป​เป็น​คนละ​คน​อย่าง​สิ้นเชิง​

ปัก​ปิ่น​หยก​ขาว​บน​ศีรษะ​ สวม​ชุดก​ว้า​สีเขียว​ตัว​ยาว​ สวม​รองเท้า​ผ้า​หนึ่ง​คู่​

รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​สงบนิ่ง​อ่อน​จาง บุคลิก​ประหนึ่ง​ผู้​หลุดพ้น​จาก​โลกีย์​ คง​เป็น​เพราะ​ฝึก​บำเพ็ญตน​อยู่​ใน​ตระกูล​เซียน​บน​ภูเขา​มานาน​กระมัง​?

สรุป​ก็​คือ​ไม่ใช่เด็กหนุ่ม​รอง​เท้าสาน​ที่​ผิวดำ​เกรียม​ ดวงตา​สว่างไสว​ใน​อดีต​คน​นั้น​อีกแล้ว​

สือ​เจีย​ชุน​ถอน​สายตา​กลับมา​มอง​สามีของ​ตน​ แล้วจึง​มอง​ไป​ยัง​หลิน​โส่ว​อี​

เปีย​น​เห​วิน​เม่าสามีของ​นาง​คือ​บุรุษ​ที่​เส้น​ผม​ตรง​จอนหู​สอง​ข้าง​เริ่ม​เป็น​สีดอกเลา​แล้ว​

หลิน​โส่ว​อี​ที่​อายุ​พอๆ กัน​กลับ​ยังมี​รูปโฉม​เหมือน​ตอน​อายุ​ยี่สิบ​

ความเข้าใจ​ที่​เปีย​น​เห​วิน​เม่ามีต่อ​หลิน​โส่ว​อี​ ภรรยา​แค่​เล่า​ว่า​หลิน​ตอไม้​คือ​คน​หน้าตาย​แต่​ใจอ่อน​ เมื่อก่อน​บิดา​ของ​เขา​เป็น​ขุนนาง​เล็ก​ๆ อยู่​ใน​ที่ว่าการ​งาน​เตาเผา​ของ​บ้านเกิด​ ภายหลัง​ก็​เข้ามา​อยู่​ใน​เมืองหลวง​ ทำหน้าที่​เป็น​ขุนนาง​ตัวเล็ก​ๆ ใน​ที่ว่าการ​น้ำ​ใสบางแห่ง​ที่​หน้า​ประตู​กาง​ตาข่าย​ดักจับ​นก​ได้​ หาก​ไป​อยู่​ใน​ท้องถิ่น​อาจ​ถือว่า​มีหน้ามีตา​มาก​แล้ว​ แต่​เมื่อ​อยู่​ใน​ตรอก​หนันซ​วิน​ที่​มีขุนนาง​เดินสวน​กัน​ขวักไขว่​กลับ​ไม่พอ​จะเป็นหน้าเป็นตา​อะไร​ได้​เลย​

หลิน​โส่ว​อี​เอ่ย​สัพยอก​เสียง​เบา​ว่า​ “จำเก้าอี้​ตัว​ที่​ฮ่องเต้​ประทับ​ให้​ดี​ หลังจากนี้​ก็​เอา​ไป​เก็บรักษา​ไว้​ สามารถ​เอา​มาทำเป็น​สมบัติ​สืบทอด​ประจำ​ตระกูล​ได้​”

สือ​เจีย​ชุน​ถลึงตา​ใส่ เดิม​ยัง​อยาก​เถียง​สัก​สอง​สามคำ​ ผล​คือ​ถูก​เปีย​น​เห​วิน​เม่ายื่นมือ​มารั้ง​แขน​ของ​นาง​ไว้​แน่น​ด้วย​สีหน้า​ตื่นตระหนก​ สือ​เจีย​ชุน​ยื่น​นิ้ว​มาวาง​ไว้​บน​ปาก​ บอก​เตือน​หลิน​โส่ว​อี​ว่า​อย่า​ส่งเสียง​

หลิน​โส่ว​อี​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​ ส่งสายตา​ขออภัย​ไป​ให้​เปีย​น​เห​วิน​เม่าที่​เหงื่อ​แตก​ท่วม​ศีรษะ​ เปีย​น​เห​วิน​เม่าตอบกลับ​ด้วย​รอยยิ้ม​จืด​เจื่อน​ เขา​ตื่นเต้น​มาก​จริงๆ​

อวี๋เหมี่ยน​มอง​ไป​ยัง​หลิน​โส่ว​อี​ที่​เคย​รับหน้าที่​เป็น​คน​เฝ้าศาล​ลำน้ำ​ฉีตู้​ ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​คน​หนึ่ง​ที่​อายุ​สี่สิบ​กว่า​ปี​

ต้อง​รู้​ว่า​ผู้อาวุโส​ไท่​ซ่างของ​ตำหนัก​ฉางชุน​เพิ่งจะ​มีขอบเขต​เป็น​แค่​ก่อกำเนิด​เท่านั้น​

ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ราชวงศ์​ต้า​หลี​ ห​ร่วน​ฉงอริยะ​สำนัก​การทหาร​ก็​เพิ่งจะ​เป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​

ทางทิศใต้​มีแคว้น​เล็ก​ใต้​อาณัติ​อยู่​มากมาย​ เซียน​ดิน​โอสถ​ทอง​คน​หนึ่ง​ก็​สามารถ​รับหน้าที่​เป็น​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​หรือ​แม้กระทั่ง​ราชครู​ได้​แล้ว​

อันที่จริง​ฮ่องเต้​โปรดปราน​คน​ผู้​นี้​อย่าง​มาก​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ตั้งใจ​ให้​หลิน​โส่ว​อี​รับหน้าที่​ดูแล​กอง​ชิงลี่​ฝ่าย​บวงสรวง​ของ​กรม​พิธีการ​ด้วย​ ฝึก​ประสบการณ์​อยู่​ใน​วงการ​ขุนนาง​เมืองหลวง​สัก​เจ็ด​แปด​ปี​ก็​สามารถ​แหก​กฎ​เลื่อนขั้น​เป็นรอง​เจ้ากรม​พิธีการ​ได้​แล้ว​

บางที​อาจ​เป็น​เพราะ​คน​รุ่นเยาว์​ของ​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูประหนึ่ง​กลุ่ม​ดวงดาว​พร่างพราย​ที่​ส่อง​แสงสว่าง​โชติช่วง​มากเกินไป​

ถึงได้​ทำให้​หลิน​โส่ว​อี​ดู​ไม่สะดุดตา​เพียงนั้น​

เพราะ​มีเฉิน​ผิง​อัน​แห่ง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ มีหลิว​เสี้ยน​หยาง​เซียน​กระบี่​ที่​เคย​ไป​ศึกษา​ต่อ​กับ​สกุล​เฉิน​ผู้รอบรู้​แห่ง​ทัก​ษินา​ตย​ทวีป​สิบ​ปี​ และ​ยังมี​หม่า​ขู่​เสวียน​ที่​สร้าง​ความ​ตื่น​ตะลึง​ให้​ผู้​คนใน​ภูเขา​เจิน​อู่​ รวมไปถึง​จ้าว​เหยา​แห่ง​กรม​อาญา​ต้า​หลี​ที่​เคย​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​ห้า​สี และ​ยิ่ง​มีกู้​ช่าน​ ‘คน​วิกลจริต​’ ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​เจิ้งจวี​แห่ง​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​ด้วย​…

ดูเหมือนว่า​ได้​มองข้าม​หลิน​โส่ว​อี​ที่​วนเวียน​อยู่​ตาม​สถานที่​ต่างๆ​ ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ผู้​นี้​ไป​ ไม่มีอาจารย์​ผู้สืบทอด​บน​ภูเขา​ที่​สูงส่งเกิน​จะปีนป่าย​ ไม่มีการ​ประลอง​เวท​บน​ภูเขา​ที่​ทำให้​คน​ตะลึง​ลาน​ แค่​ตั้งใจ​ศึกษา​หา​ความรู้​ปีแล้วปีเล่า​ ฝึก​ตน​ของ​ตัวเอง​ไป​เงียบๆ​ เป็นเหตุให้​คำ​ว่า​ ‘ชื่อเสียง​เลื่องลือ​ไป​สอง​เมืองหลวง​’ ของ​หลิน​โส่ว​อี​ถูก​ประเมิน​ไว้​ต่ำ​มากกว่า​ที่​เป็น​ เนื่องจาก​บน​ภูเขา​และ​ล่าง​ภูเขา​ใน​ทุกวันนี้​เพียงแค่​มอง​หลิน​โส่ว​อี​เป็น​เซียน​ดิน​โอสถ​ทอง​คน​หนึ่ง​เท่านั้น​ นี่​เป็นการ​ถูก​คำทำนาย​ ‘ก่อกำเนิด​ร้อย​ปี​’ ของ​หยวน​เทียน​เฟิงแห่ง​กอง​โหราศาสตร์​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ทำให้​เข้าใจผิด​เสียแล้ว​

สือ​เจีย​ชุน​สงสัย​ใคร่รู้​จริงๆ​ นาง​จึงเอนตัว​มา เอา​มือ​ป้อง​ปาก​ กด​เสียงต่ำ​ถามหลิน​โส่ว​อี​เบา​ๆ “ฝ่าบาท​คุย​อะไร​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​อยู่​หรือ​?”

หลิน​โส่ว​อี​กล่าว​ “ข้า​ก็​ไม่ได้ยิน​เหมือนกัน​”

คน​เฝ้าสุสาน​ที่​สร้าง​กระท่อม​ฝึก​ตน​อยู่​ใน​สุสาน​หลวง​ของ​ต้า​หลี​ได้​ร่าย​ตรา​ผนึก​สกัดกั้น​ฟ้าดิน​เอาไว้​ชั้นหนึ่ง​

สือ​เจีย​ชุน​อ้า​ปาง​ค้าง​ “เฉิน​ผิง​อัน​ใจกล้า​จริงๆ​ อยู่​กับ​ฮ่องเต้​ก็​ยัง​ทำตัว​ผ่อนคลาย​เช่นนี้​ แบบนี้​เรียก​ว่า​สนทนา​กัน​อย่าง​ครื้นเครง​ได้​หรือไม่​?”

หลิน​โส่ว​อี​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​

หาก​ไม่ใจกล้า​ก็​เป็น​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ไม่ได้​

อีก​อย่าง​หาก​ปี​นั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ขี้ขลาด​ จะกล้า​ชอบ​หนิง​เหยา​อย่างนั้น​หรือ​?

สือ​เจีย​ชุน​รู้สึก​ลังเล​เล็กน้อย​

หลิน​โส่ว​อี​กลับ​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ว่า​ “วางใจ​เถอะ​ ไม่ว่า​จะเจรจา​กัน​สำเร็จ​หรือไม่​ สำหรับ​พวก​เจ้าแล้ว​ถือ​เป็นเรื่อง​ดี​ เฉิน​ผิง​อัน​ทำ​อะไร​มั่นคง​มาโดยตลอด​อยู่แล้ว​”

ด้วย​นิสัย​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ หาก​ซ่งเห​อก​ล้า​พาน​โกรธ​มายัง​ตระกูล​เปีย​น​ ผลลัพธ์​มีแต่​จะยิ่ง​หนักหนา​กว่า​การ​ฉีกหน้า​แตกหัก​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ต่อหน้า​ วันหน้า​วิ่ง​ไป​รื้อ​โต๊ะ​ใน​วังหลวง​ก็​ยังมี​ความเป็นไปได้​

แต่​เชื่อ​ว่าด้วย​ความใจกว้าง​ของ​โอรส​สวรรค์​องค์​ปัจจุบัน​ คง​ไม่ได้​ใจแคบ​เป็น​ไส้ไก่​ขนาด​นั้น​

ตอนนี้​หลิน​โส่ว​อี​ยัง​ไม่รู้​ว่า​ อันที่จริง​เฉิน​ผิง​อัน​ได้​คว่ำ​โต๊ะ​ใส่ไทเฮา​หนัน​จาน​ไป​เรียบร้อย​แล้ว​

สือ​เจีย​ชุน​พยักหน้า​ ไม่ว่า​จะเป็น​หลิน​โส่ว​อี​ที่​เป็น​สหาย​ร่วม​ห้องเรียน​ใน​โรงเรียน​ที่​บ้านเกิด​มานาน​หลาย​ปี​ตรงหน้า​นี้​ หรือ​จะเป็น​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​ภายหลัง​เป็น​อาจารย์​อา​น้อย​ของ​ห​ลี่​เป่า​ผิง​ นาง​ก็​รู้สึก​ว่า​คู่ควร​ให้​เชื่อใจ​ทั้งสิ้น​

นี่​เป็น​ลางสังหรณ์​อย่างหนึ่ง​ของ​ผู้หญิง​

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset