กระบี่จงมา 887.2 มีเรื่องขอให้ช่วย

ตอนที่ 887.2 มีเรื่องขอให้ช่วย

ตอนที่​เฉิน​ผิง​อัน​เดินผ่าน​ร้านเหล้า​ก็​พลัน​หยุด​เดิน​ หัน​ตัว​เดิน​ดิ่ง​เข้าไป​ใน​ร้าน​ เพราะ​ด้านใน​มีบุรุษ​ชุด​ขาว​คน​หนึ่ง​นั่ง​ยึดครอง​โต๊ะ​ตัว​หนึ่ง​เพียงลำพัง​ กำลัง​ดื่มเหล้า​

กลายเป็น​ว่า​ตรง​ตามที่​เซียน​เว่ย​พูด​

เจิ้งจวี​จงยก​ถ้วย​เหล้า​ขึ้น​ยิ้ม​เอ่ย​ “บังเอิญ​ขนาด​นี้​เชียว​”

เฉิน​ผิง​อัน​เดิน​ไป​หยุด​อยู่​ข้าง​โต๊ะ​เหล้า​ ประสานมือ​คารวะ​เจิ้งจวี​จง เอ่ย​เรียก​คำ​หนึ่ง​ว่า​อาจารย์​เจิ้ง แล้ว​นั่งลง​เงียบๆ​ บน​โต๊ะ​เหล้า​วาง​ถ้วย​เหล้า​ว่างเปล่า​ไว้​สามใบ​ เห็นได้ชัด​ว่า​เจิ้งจวี​จงกำลัง​รอคอย​ให้​กลุ่ม​ของ​ตน​เดินผ่าน​ร้านเหล้า​แห่ง​นี้​

เฉิน​ผิง​อัน​มั่นใจ​ว่า​เจิ้งจวี​จงใน​สายตา​ของ​ตน​กับ​บุรุษ​ชุด​ขาว​ใน​สายตา​ของ​นักดื่ม​มากมาย​ใน​ร้านเหล้า​ต้อง​เป็น​คนละ​คน​กัน​อย่าง​แน่นอน​

ไม่ต้อง​ให้​เจิ้งจวี​จงเอ่ย​อะไร​ ปริศนา​ใน​ใจของ​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เท่ากับ​ว่า​ได้​คลาย​ออก​ไป​แล้ว​ครึ่งหนึ่ง​

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​มีค่า​พอให้​เจิ้งจวี​จงมารอคอย​ นี่​ต้อง​เป็น​เพราะ​เซียน​เว่ย​ที่อยู่​ข้าง​กาย​แน่นอน​

เซียน​เว่ย​นั่งลง​อย่าง​ผึ่งผาย​ แต่​เสี่ยว​โม่หลังจาก​ช่วย​ริน​เหล้า​ให้​แล้ว​กลับ​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​เฉิน​ผิง​อัน​

เนื่องจาก​อีก​ฝ่าย​ไม่ได้​ร่าย​เวท​อำ​พรางตา​กับ​ตน​ เสี่ยว​โม่จึงรู้​ถึงตัวตน​ของ​บุรุษ​ที่อยู่​ตรงหน้า​ มอง​ปราด​เดียว​ก็​จำได้​

ติดตาม​เฉิน​ผิง​อัน​มายัง​ใต้​หล้า​ไพศาล​ แม้ว่า​เวลา​จะผ่าน​ไป​ไม่นาน​ แต่​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​เสี่ยว​โม่ตั้งใจ​อย่าง​มาก​ก็​คือ​การ​ค้นหา​ข่าวคราว​บน​ภูเขา​บางอย่าง​ จดจำ​คน​กลุ่ม​เล็ก​ที่​ต่อสู้​ได้​เก่ง​ที่สุด​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ไว้​ใน​ใจเงียบๆ​ แน่นอน​ว่า​ทุกคน​ต้อง​เป็น​บิน​ทะยาน​ขั้นสูงสุด​ทั้งหมด​

เจิ้งจวี​จงมอง​เซียน​เว่ย​ที่นั่ง​ร่วมโต๊ะ​แวบ​หนึ่ง​ เอ่ย​ว่า​ “ใช้ปิ่น​จุ่มสุรา​ เพียง​ครู่​ปิ่น​ก็​สลาย​สิ้น​ ประหนึ่ง​คน​ฝน​หมึก​ ทั้ง​กาย​และ​ชื่อเสียง​ล้วน​ดับสูญ​ แพร่หลาย​ยาวนาน​นับ​พัน​นับ​หมื่น​ปี​”

เซียน​เว่ย​อารมณ์ดี​ทันใด​ เจ้าตัวดี​ คิด​จะพูด​เรื่องเหลวไหล​ไร้​แก่นสาร​ ข้า​เอาชนะ​เฉาเซียน​ซือ​ไม่ได้​ แต่​จะยัง​กลัว​เจ้าด้วย​หรือ​?

สอง​นิ้ว​คีบ​ถ้วย​เหล้า​ ไม่ต้อง​ร่าง​ถ้อยคำ​อะไร​ไว้​ก่อน​ด้วยซ้ำ​ นักพรต​หนุ่ม​คน​นี้​ก็​เริ่ม​พูดจา​เลื่อนเปื้อน​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ แกว่ง​กา​เหล้า​เบา​ๆ สูดกลิ่น​สุรา​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ธรรมะ​สูงหนึ่ง​ฉื่อ​อธรรม​สูงหนึ่ง​จั้ง ชะตาชีวิต​ไม่ราบรื่น​สมดังใจ​ ได้​แต่​ตะโกน​อย่าง​ร้อนใจ​ว่า​จะทำ​อย่างไร​ดี​”

เฉิน​ผิง​อัน​ฟังแล้ว​หนังตา​กระตุก​ริกๆ​

เจิ้งจวี​จงยิ้ม​กล่าว​ “พูด​ดี​ทำดี​ดุจ​คน​ได้รับ​การศึกษา​ น่ายินดี​ด้วย​”

เซียน​เว่ย​พูด​อย่าง​แค้นใจ​ใน​ความผิดพลาด​ของ​ตัวเอง​ “เกิด​มาก็​มีชีวิต​เหมือน​ล่องเรือ​บน​พื้นดิน​แห้งแล้ง​ ข้า​ยัง​จะทำ​อย่างไร​ได้​อีก​ ข้า​จะฟืน​ลิขิต​สวรรค์​ได้​หรือ​?”

ถึงอย่างไร​ก็​มีจุดประสงค์​เพียง​อย่าง​เดียว​ ใช้คำพูด​แบบ​ไหน​ถึงจะสยบ​คน​ได้​ก็​จะพูด​แบบ​นั้น​

เจิ้งจวี​จงคลี่​ยิ้ม​ ลุกขึ้น​ยืน​ จากไป​ทั้ง​อย่างนี้​

บน​โต๊ะ​มีเงินร้อน​น้อย​เหรียญ​หนึ่ง​ถูก​ทิ้ง​เอาไว้​ ถือเป็น​ค่า​สุรา​

เจิ้งจวี​จงใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​กับ​เฉิน​ผิง​อันว่า​ “อย่า​คิด​เป็นจริงเป็นจัง​”

นี่​น่าจะ​เป็นการ​ถ่ายทอด​ความรู้​ให้​แก่​เฉิน​ผิง​อันว่า​ควรจะ​อยู่​ร่วมกับ​เซียน​เว่ย​อย่างไร​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​ใช้เสียง​ใน​ใจตอบรับ​ “ขอบคุณ​คำสั่งสอน​ของ​อาจารย์​เจิ้ง”

หลังจาก​เจิ้งจวี​จงออก​ไป​จาก​ร้านเหล้า​แล้ว​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เก็บ​เงินร้อน​น้อย​เหรียญ​นั้น​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ตะโกน​พูด​กับ​เถ้าแก่​ร้าน​ว่า​ “พวกเรา​จะคิดเงิน​ก่อน​”

เซียน​เว่ย​มึนงง​ ถามว่า​ “อาจารย์​เฉา นั่น​ใคร​กัน​? พูดจา​ไม่น่าเชื่อ​ถือเอา​เสีย​เลย​ ยัง​ดี​ที่​วางตัว​ใช้ได้​ รู้​ว่า​ควร​ต้อง​ทิ้ง​เงิน​ค่า​เหล้า​เอาไว้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยังคง​คร้าน​จะสนใจ​เจ้าหมอ​นี่​ แค่​จ่าย​เงิน​เกล็ด​หิมะ​เหรียญ​หนึ่ง​ให้​กับ​เถ้าแก่​ร้านเหล้า​ จากนั้น​ก็​ดื่มเหล้า​เซียน​ตำหนัก​ฉางชุน​ที่อยู่​บน​โต๊ะ​กา​นี้​

เฉิน​ผิง​อัน​บอก​ให้​เสี่ยว​โม่นั่งลง​ดื่มเหล้า​ด้วยกัน​ จากนั้น​ก็​ก้มหน้า​จิบ​เหล้า​หนึ่ง​อึก​ ใช้เสียง​ใน​ใจถามว่า​ “เสี่ยว​โม่ กระบี่​บิน​สี่เล่ม​นั้น​ของ​เจ้า?”

ก่อนหน้านี้​ครั้งแรก​ที่​เจอ​กับ​เซียน​เว่ย​ใน​โรงเตี๊ยม​ เสี่ยว​โม่ก็​เรียก​กระบี่​บิน​สี่เล่ม​ออกมา​แล้ว​

เสี่ยว​โม่ไม่ได้​ปิดบัง​อำพราง​ใดๆ​ บอก​ตามตรง​ว่า​ “กระบี่​บิน​สามเล่ม​ใน​นั้น​ หลัก​ๆ แล้ว​ใช้ใน​การ​โจมตี​ ยังมี​อีก​หนึ่ง​เล่ม​ที่​ช่วย​ใน​การ​ฝึก​ตน​ เพียงแต่ว่า​ทุกวันนี้​เหมือน​ซี่โครง​ไก่​มากเกินไป​ กระบี่​บิน​สี่เล่ม​ไม่เคย​มีชื่อ​เรียก​ วันหน้า​อาจ​ยัง​ต้อง​รบกวน​ขอให้​คุณชาย​ช่วย​ตั้งชื่อ​ให้​ สามเล่ม​แรก​ เล่ม​หนึ่ง​ใน​นั้น​เสี่ยว​โม่รัก​มาก​ที่สุด​ เพราะ​สามารถ​ชักนำ​ดวงดาว​จาก​นอก​ฟ้าดวง​หนึ่ง​ให้​หล่น​ลง​มายัง​พื้นดิน​ได้​ หาก​ถามกระบี่​กับ​คนอื่น​แล้ว​จำเป็นต้อง​ทุ่ม​ชีวิต​ต่อสู้​อย่าง​แท้จริง​ จะแพ้​หรือ​ชนะ​ก็​อยู่​ที่​การกระทำ​นี้​ ส่วน​อีก​สอง​เล่ม​กลับ​ค่อนข้างจะ​ธรรมดา​แล้ว​ เล่ม​หนึ่ง​สามารถ​เลียนแบบ​วิชา​อภินิหาร​แห่ง​ชะตาชีวิต​ของ​กระบี่​บิน​คนอื่น​ น่าเสียดาย​ที่​การกระทำ​นี้​มิอาจ​ประคับประคอง​ไว้​ได้​นาน​นัก​ แล้ว​ยัง​ถูกลด​ระดับ​ขั้น​ลง​ด้วย​ พลัง​พิฆาต​จะลดน้อยลง​ไป​ไม่น้อย​ แต่​มีก็​ดีกว่า​ไม่มี และ​ยังมี​กระบี่​บิน​อีก​เล่ม​ที่​สามารถ​สร้าง​คุก​แห่ง​หนึ่ง​ขึ้น​มาได้​ชั่วคราว​ ใช้กักขัง​ดวงวิญญาณ​ของ​นักพรต​ ยังคง​ถือว่า​เป็น​วิธี​เสี่ยงอันตราย​อยู่​เหมือนเดิม​ ไม่ใช่เส้นทาง​ที่​ถูกต้อง​ของ​เวท​กระบี่​ ดังนั้น​ใน​อดีต​ตอนที่​ข้า​ถามกระบี่​กับ​คนอื่น​จึงไม่ค่อย​ชอบ​เรียก​กระบี่​บิน​พวก​นี้​ออกมา​ ฉูดฉาด​มาก​สีสัน​ แต่​ใช้ประโยชน์​ไม่ได้​จริง​”

“กระบี่​บิน​เล่ม​สุดท้าย​ ช่วงแรก​เป็นประโยชน์​ต่อ​การ​ฝึก​ตน​อย่าง​มาก​ เคย​ทำให้​ข้า​เดิน​ขึ้น​สู่ที่สูง​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ แน่นอน​ว่า​เมื่อ​เทียบ​กับ​การรุดหน้า​เหมือน​ผ่า​ลำ​ไม้ไผ่​ของ​คุณชาย​แล้ว​ย่อม​ไม่มีค่า​พอให้​พูดถึง​ กระบี่​บิน​เล่ม​นี้​ไม่จำเป็นต้อง​ผ่าน​การหลอม​ใดๆ​ ก็​สามารถ​ทำให้​ข้า​ดูดดึง​เอา​ปราณ​วิญญาณ​จาก​ฟ้าดิน​มาได้​อย่าง​มหาศาล​ กระทั่ง​พื้นที่​ใน​รัศมี​พัน​ลี้​กลาย​มาเป็น​ ‘ดินแดน​ไร้​อาคม​’ ตาม​คำกล่าว​ของ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ใน​ทุกวันนี้​ ข้า​ก็​สามารถ​เก็บ​กระบี่​บิน​กลับมา​แล้ว​ย้าย​ไป​ฝึก​ตน​อยู่​ที่อื่น​ได้​แล้ว​ ใน​อดีต​เมื่อ​ข้า​เลื่อน​เป็น​เซียน​ดิน​…หรือ​ก็​คือ​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ใน​ทุกวันนี้​ ความหมาย​ของ​กระบี่​บิน​เล่ม​นี้​ก็​มีไม่ค่อย​มาก​แล้ว​ ดังนั้น​ถึงได้​บอ​กว่า​เหมือน​ซี่โครง​ไก่​”

“วันหน้า​ติดตาม​อยู่​ข้าง​กาย​คุณชาย​ หาก​เจอ​ตัวอ่อน​เซียน​กระบี่​ที่​ถูกชะตา​ เสี่ยว​โม่ก็​จะรับ​มาไว้​เป็น​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​สัก​สอง​สามคน​ แล้ว​ถ่ายทอด​เวท​กระบี่​ให้​พวกเขา​อย่าง​ตั้งใจ​ รอ​วันใด​ที่​เจอ​ตัวเลือก​ที่​เหมาะสม​สามารถ​เป็น​ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​ข้า​ได้​ ขอ​แค่​จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​อีก​ฝ่าย​แข็งแกร่ง​มาก​พอ​ ข้า​ก็​จะมอบ​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​เล่ม​นี้​ให้​กับ​ลูกศิษย์​ผู้​เป็นที่​ภาคภูมิใจ​คน​นี้​”

ใบหน้า​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​มีรอยยิ้ม​ประดับ​ “เสี่ยว​โม่อ่า​ อย่า​เอาแต่​พูด​สิ ดื่มเหล้า​ให้​มาก​ๆ”

เสี่ยว​โม่ถามด้วย​สีหน้า​วาด​ฝัน​อยู่​หลาย​ส่วน​ “คุณชาย​ ทุกวันนี้​ใน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ของ​พวกเรา​มีตัวเลือก​ที่​เหมาะสม​หรือไม่​? หาก​บน​ภูเขา​มีตัวอ่อน​เซียน​กระบี่​ที่​เป็น​เช่นนี้​อยู่​พอดี​ ข้า​ก็​ไม่ต้อง​วุ่นวาย​ขนาด​นั้น​แล้ว​ แค่​หา​ตัว​ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​มาโดยตรง​เลย​”

ไม่ใช่คำพูด​ล้อเล่น​อะไร​

เฉิน​ผิง​อัน​ดื่มเหล้า​ โบกมือ​ปฏิเสธ​อย่าง​ละมุนละม่อม​ “ไม่มีใคร​ทำเป็นเล่น​อย่าง​เจ้ากัน​หรอก​ ค่อยเป็นค่อยไป​เถอะ​”

เห็น​ว่า​เซียน​เว่ย​มีสีหน้า​เลื่อนลอย​ไป​เล็กน้อย​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ถามว่า​ “เป็น​อะไร​ไป​?”

เซียน​เว่ย​ตบ​หน้าท้อง​ตัวเอง​ เอ่ย​อย่าง​น้อยเนื้อต่ำใจ​ “ดื่มเหล้า​ดับ​กระหาย​ แต่​ไม่ช่วย​ให้​หาย​หิว​นะ​ ข้า​หิว​”

ก่อนหน้านี้​เขา​หรือ​จะรู้​ว่า​ร้านเหล้า​แห่ง​นี้​ขาย​แต่​เหล้า​ ไม่ขาย​ของกิน​ อีก​ทั้ง​เถ้าแก่​ร้าน​ก็​เป็น​ชายฉกรรจ์​คน​หนึ่ง​ ไม่เหมือนกับ​ใน​ตำรา​ที่​บอ​กว่า​ต้อง​มีสตรี​ริน​เหล้า​ดุจ​ไข่มุก​กลม​เกลี้ยง​ดุจ​หยก​แวววาว​ ประหนึ่ง​เดิน​ออก​มาจาก​ภาพวาด​อะไร​เลย​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “เดี๋ยว​พอ​ไป​ถึงเมืองหลวง​จะให้​เสี่ยว​โม่ช่วย​ไป​ซื้อ​อาหารเช้า​มาให้​เจ้ากิน​”

เซียน​เว่ย​ได้ยิน​แล้ว​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ทันใด​ “ยัง​ต้อง​เดิน​อีก​ตั้ง​สิบ​กว่า​ลี้​เชียว​นะ​ เฉาเซียน​ซือ​ ด้วย​ฝีเท้า​ของ​ข้า​ เดิน​กลับ​ไป​ถึงอย่าง​เชื่องช้า​ จะไม่ถ่วงเวลา​การ​ทำ​ธุระ​สำคัญ​ของ​ท่าน​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​แค่​ยิ้ม​รับ​ หันหน้า​ไป​มอง​นอ​กร้าน​ คน​เดินไปเดินมา​ แขก​ที่​ผ่าน​ทาง​มาเดินผ่าน​ฝีเท้า​เร่งร้อน​

สิ่งที่​ใช้แกล้ม​เหล้า​

แสงจันทร์​ สาวงาม​ คำพูด​สัปดน​

บ้านเกิด​ ความคิดถึง​ ความฝัน​

เฉิน​ผิง​อัน​รอ​ให้​เซียน​เว่ย​ดื่มเหล้า​หมด​อย่าง​เชื่องช้า​ คน​ทั้ง​สามก็​ออก​มาจาก​ร้านเหล้า​ด้วยกัน​ เซียน​เว่ย​อิดๆ ออดๆ​ พอ​คิด​ถึงว่า​ยัง​ต้อง​เดิน​อีก​ตั้ง​ไกล​ก็​ทำท่า​อ่อน​ระโหยโรยแรง​ ไม่มีชีวิตชีวา​ใดๆ​ โชคดี​ที่​เฉาเซียน​ซือ​นับว่า​ยัง​เข้า​อก​เข้าใจ​คนอื่น​เป็น​อย่าง​ดี​ ถึงได้​เดิน​ออก​ไป​จาก​ถนน​ทางหลวง​ พอ​ไป​ถึงริมน้ำ​ตื้น​ที่​มีต้น​กก​ต้น​อ้อ​ก็​ให้​เสี่ยว​โม่จับ​ไหล่​ของ​เซียน​เว่ย​ ส่วน​เฉิน​ผิง​อัน​ร่าย​ร่าง​วารี​เมฆากลับ​ไป​ที่​เมืองหลวง​ด้วยกัน​

คน​ทั้ง​สามมาถึงอาราม​เต๋า​ขนาดเล็ก​ที่​ประตู​อาราม​ไม่แสดงให้เห็น​ถึงฐานะ​อัน​สูงส่งเลย​แม้แต่น้อย​

เซียน​เว่ย​กิน​แผ่น​แป้ง​ย่าง​ที่​เสี่ยว​โม่ช่วย​ซื้อหา​มาให้​ เอา​แป้ง​สอง​แผ่น​มาม้วน​เข้าด้วยกัน​ ด้านใน​มีไส้เนื้อ​สับ​รวม​กับ​ใบ​เหมย​แห้ง​ อร่อย​ ทั้ง​ยัง​อยู่ท้อง​

เฉิน​ผิง​อัน​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แชน​เสื้อ​ ยืน​อยู่​บน​ถนน​นอก​ที่ว่าการ​ของ​เต้า​เจิ้งเมืองหลวง​แห่ง​นี้​ คล้าย​กับ​ไม่รีบร้อน​เข้าไป​เยี่ยมเยือน​ด้านใน​

เสี่ยว​โม่เห็น​ว่า​คุณชาย​ของ​ตน​ไม่ขยับ​เท้า​ก็​เดิน​ขึ้นหน้า​ไป​สอง​สามก้าว​ ค้อม​เอว​ก้มหน้า​มอง​ป้าย​ศิลา​ที่​ตั้งอยู่​ข้าง​ขั้นบันได​ คน​ที่ตั้ง​ป้าย​หิน​แผ่น​นี้​ก็​คือ​ผู้นำ​ลัทธิ​เต๋า​ของ​หน่วย​ฉงซวี​แห่ง​ราชวงศ์​ต้า​หลี​ใน​ทุกวันนี้​ อิง​ตาม​บันทึก​บน​ป้าย​ศิลา​ มียศ​ที่​ยาว​เป็น​พรวน​ อู๋ห​ลิง​จิ้งหัวหน้า​หน่วย​ฉงซวี​แห่ง​เขต​เซ่อ​จวิ้น​ ลูกศิษย์​ซาน​ต้ง​ผู้รับ​ยศ​ต้า​เต้า​ซื่อ​เจิ้งแห่ง​เมืองหลวง​

ก่อนหน้านี้​เดิน​ทางผ่าน​ที่​แห่ง​นี้​พร้อมกับ​หนิง​เหยา​ เฉิน​ผิง​อัน​ยัง​คลางแคลง​ว่า​อู๋ห​ลิง​จิ้งผู้​นี้​คือ​ใคร​ ทำไม​ถึงได้รับ​ยศ​ ‘ต้า​เต้า​ซื่อ​เจิ้ง’ ดูแล​เต้า​เจิ้งหลาย​สิบ​คน​ของ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ เท่ากับ​ว่า​ขีดเส้น​แบ่ง​ความสัมพันธ์​กับ​สำนัก​โองการ​เทพ​อย่าง​ชัดเจน​ ภายหลัง​ไป​เปิด​อ่าน​เอก​สารคดี​ที่​กอง​โหราศาสตร์​ของ​เมืองหลวง​ถึงได้​รู้​ว่า​ที่แท้​ก็​เป็น​นักพรต​วัยกลางคน​ที่​เขา​ได้​เจอ​ใน​อาราม​ป๋า​ยอ​วิ๋น​แคว้น​ชิงหลวน​ใน​อดีต​ ตาม​คำกล่าว​ใน​วงการ​ขุนนาง​ต้า​หลี​ของ​ทุกวันนี้​ การ​ที่​คน​ผู้​นี้​สามารถ​เดิน​ขึ้น​ฟ้ากลายเป็น​ผู้ดูแล​หลัก​ใน​หน่วย​ฉงซวี​ได้​ใน​ก้าว​เดียว​ ล้วน​เป็น​เพราะ​ได้รับ​การ​เสนอชื่อ​มาจาก​เจ้ากรม​ผู้เฒ่า​หลิ่ว​กรม​พิธีการ​ของ​เมืองหลวง​สำรอง​ ก็​มิตรภาพ​ของ​คนบ้านเดียวกัน​นี่​นะ​ คน​หนึ่ง​บรรลุ​เซียน​ หมา​ไก่​พลอย​ได้​ขึ้น​สวรรค์​ สมเหตุสมผล​ดีแล้ว​

ไม่เพียงแต่​หน่วย​ฉงซวี​เท่านั้น​ อันที่จริง​แม้แต่​ภิกษุ​ชุด​ขาว​ใน​หน่วย​แปล​คัมภีร์​ของ​ต้า​หลี​ มังกร​คชสาร​แห่ง​ลัทธิ​พุทธ​ที่​ได้รับ​ตำแหน่ง​ตรี​ปี​ฎกา​จารย์​ ก็​มาจาก​แคว้น​ชิงหลวน​เช่นเดียวกัน​ มาจาก​วัด​ป๋า​ยสุ่ย​

เซียน​เว่ย​พูด​เสียง​อู้อี้​ “เฉาเซียน​ซือ​ มาทำ​อะไร​ที่นี่​หรือ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​ “มาเดินเล่น​”

เซียน​เว่ย​ถามอีก​ “แล้ว​ทำไม​พวกเรา​ไม่เข้าไป​ข้างใน​ล่ะ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​จนใจ​ “ก็​ไม่ต้อง​รอ​ให้​เจ้ากิน​เสร็จ​ก่อน​หรอก​หรือ​?”

เซียน​เว่ย​ร้อง​อ้อ​หนึ่ง​ที​ เดิมที​ก็​ไม่รู้​อยู่แล้ว​ว่า​ ‘ที่ว่าการ​เต้า​เจิ้งแห่ง​เมืองหลวง​’ ที่​เขียน​ไว้​บน​กรอบ​ป้าย​หมายความว่า​อะไร​ รู้สึก​เพียง​ว่า​อาราม​เต๋า​ขนาดเล็ก​ที่​ไม่มีมาด​น่าเกรงขาม​แม้แต่น้อย​แห่ง​นี้​ เป็น​แค่​อาราม​เล็ก​ๆ แห่ง​หนึ่ง​ ข่มขู่​ให้​นักพรต​ตัว​ปลอม​อย่าง​ตน​กลัว​ยัง​ไม่ได้​ด้วยซ้ำ​

เซียน​เว่ย​กิน​เสร็จ​ก็​ปัด​มือ​ “ไป​ เข้า​ไปดู​กัน​”

คน​เฝ้าประตู​ของ​อาราม​เล็ก​คือ​นักพรต​น้อย​คน​หนึ่ง​ เฉิน​ผิง​อัน​บอ​กว่า​ตัวเอง​คือ​สหาย​ของ​เก๋​อห​ลิ่ง​เต้า​ลู่​ มาที่​อาราม​เพื่อ​มาขอ​น้ำชา​ดื่ม​สัก​ถ้วย​

พอ​ได้ยิน​ว่า​เป็นเพื่อน​ของ​เก๋​อ​เต้า​ลู่​ นักพรต​น้อย​ก็​ปล่อย​ให้​เข้าไป​ทันที​ ไม่อย่างนั้น​อาราม​บ้าน​ตน​ก็​ไม่มีทาง​รับรอง​คนธรรมดา​ทั่วไป​แน่นอน​

เพียง​ไม่นาน​เต้า​เจิ้งแห่ง​เมืองหลวง​ก็​ออกมา​ต้อนรับ​ด้วยตัวเอง​ คือ​ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าขอบเขต​โอสถ​ทอง​คน​หนึ่ง​ ใน​มือถือ​ประคอง​แส้ปัดฝุ่น​ ก้มหัว​คารวะ​ตาม​ขนบ​ลัทธิ​เต๋า​ พูด​ด้วย​สีหน้า​นอบน้อม​ว่า​ “คารวะ​เจ้าขุนเขา​เฉิน”​

เฉิน​ผิง​อัน​ประสานมือ​คารวะ​กลับคืน​ ยิ้ม​เอ่ย​ “รบกวน​แล้ว​”

เต้า​เจิ้งผู้เฒ่า​ยิ้ม​ตอบ​ “ที่ไหน​กัน​ ที่ไหน​กัน​ เจ้าขุนเขา​เฉิน​มาเยือน​ทั้งที​ ถือ​เป็นเกียรติ​ของ​หน่วย​เต้า​ลู่​แล้ว​”

พา​คน​ทั้ง​สามไป​นั่ง​ใน​ห้อง​แห่ง​หนึ่ง​ นักพรต​เฒ่าก็​ให้​นักพรต​ของ​ที่ว่าการ​ยก​น้ำชา​มาให้​กับ​แขก​สูงศักดิ์​ทั้ง​สามคน​

เต้า​เจิ้งผู้เฒ่า​ถามเสียง​เบา​ “ได้ยิน​ว่า​เจ้าขุนเขา​เฉิน​ฝึก​ตน​อยู่​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​นาน​หลาย​ปี​ ระหว่าง​นี้​เคย​เจอ​กับ​อริยะ​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงที่​เฝ้าพิทักษ์​ม่าน​ฟ้า เคย​ถกปัญหา​ธรรม​ เคย​ประลอง​วิชา​ความ​รู้กัน​บ้าง​หรือไม่​?”

พูดถึง​เจ้านคร​เสิน​เซียว​หนึ่ง​ใน​ห้า​นคร​สิบสอง​หอ​เรือน​ผู้​นั้น​นั่นเอง​

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “แค่​เคย​ทักทาย​กัน​ไกลๆ​ เท่านั้น​ ไม่เคย​ไปมาหาสู่​กับ​เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​ท่าน​นั้น​”

อันที่จริง​นี่​เป็นเรื่อง​ที่​น่าเสียดาย​อย่าง​มาก​

ภายหลัง​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​จะต้อง​ไป​เป็น​แขก​ที่​นคร​เสิน​เซียว​ให้ได้​ แน่นอน​ว่า​เป็นการ​ไป​เยี่ยมเยือน​ถึงบ้าน​ดั่ง​ความหมาย​ตาม​ตัวอักษร​เท่านั้น​

ส่วน​พวก​หอ​จื่อ​ชี่อะไร​นั่น​ ก็​ว่า​กัน​ไป​อีก​เรื่อง​

เต้า​เจิ้งผู้เฒ่า​พยักหน้า​ เห็น​ว่า​เซียน​กระบี่​เฉิน​ท่าน​นี้​ดื่ม​ชาเรียบร้อย​แล้วก็​ถามว่า​ตน​สามารถ​เดินเล่น​อยู่​ใน​อาราม​เต๋า​ได้​หรือไม่​ ผู้เฒ่า​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​มีอะไร​ไม่ได้กัน​ เจ้าขุนเขา​เฉิน​เชิญเดินเล่น​ เชิญเที่ยว​ชมได้​ตามสบาย​

เฉิน​ผิง​อัน​จึงพา​เสี่ยว​โม่และ​เซียน​เว่ย​ออก​ไปนอก​ห้อง​ นักพรต​ผู้เฒ่า​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ประตู​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​ก็​ไป​ทำ​ธุระ​ของ​ตัวเอง​ต่อ​

เฉิน​ผิง​อัน​มาถึงใต้​ต้น​ป่าย​โบราณ​ต้น​หนึ่ง​

เซียน​เว่ย​ถามอย่าง​ใคร่รู้​ “เสี่ยว​โม่ เต้า​เจิ้งของ​เมืองหลวง​คือ​ขุนนาง​ตำแหน่ง​อะไร​หรือ​?”

เสี่ยว​โม่ตอบ​ “คือ​นักพรต​ที่​ดูแล​นักพรต​ทั้งหมด​ใน​เมืองหลวง​ต้า​หลี​”

“ขุนนาง​ใหญ่​เลย​นะ​!”

เซียน​เว่ย​ตกใจ​สะดุ้งโหยง​ ความคิด​แล่น​เร็วจี๋​ ถามหยั่งเชิง​ว่า​ “เสี่ยว​โม่ ให้​เฉาโม่ช่วย​ขอ​ทำเนียบ​นักพรต​ให้​ข้า​สัก​ฉบับ​ได้​หรือไม่​”

เสี่ยว​โม่ส่ายหน้า​ “เจ้าไป​พูด​เรื่อง​นี้​กับ​คุณชาย​เอา​เอง​”

ทันใดนั้น​ก็​มีเสียงกังวาน​ของ​เครื่องดนตรี​เสนาะ​หู​ดัง​แว่ว​มา

เฉิน​ผิง​อัน​คืนสติ​ เก็บ​ความคิด​ทั้งหลาย​กลับคืน​ เอ่ย​ว่า​ “ไป​กัน​เถอะ​”

ก่อน​จะออก​ไป​จาก​อาราม​เต๋า​ เฉิน​ผิง​อัน​ไปหา​เต้า​เจิ้งแห่ง​เมืองหลวง​ผู้​นั้น​อี​กรอบ​ กลับ​พบ​ว่า​นอกจาก​เก๋​อห​ลิ่ง​แล้ว​ เต้า​ลู่​ของกอง​ต่างๆ​ ซึ่งมีกอง​คำ​อวยพร​ กอง​คำ​เขียว​และ​กอง​ตราประทับ​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​ต่าง​ก็​มาอยู่​ใน​ห้องทำงาน​ของ​ใต้เท้า​เต้า​เจิ้งผู้​นี้​ ราวกับ​กำลัง​รอคอย​ให้​เซียน​กระบี่​เฉิน​ปราก​ฎตัว​ เฉิน​ผิง​อัน​จึงได้​แต่​ทำเป็น​ไม่รับรู้​ถึงความคิด​ที่จะ​มาร่วมวง​ความ​ครึกครื้น​ของ​เต้า​ลู่​พวก​นี้​ เพียง​คลี่​ยิ้ม​แล้ว​เอ่ย​ขอตัว​ลา​กลับ​ไป​

ภายหลัง​ก็​พา​เสี่ยว​โม่และ​เซียน​เว่ย​มาที่​หน่วย​ฉงซวี​ เนื่องจาก​มีหน่วย​แปล​คัมภีร์​อยู่​ด้วย​ อีก​ทั้ง​ยัง​เป็น​ที่ว่าการ​ที่​ได้รับ​คำสั่ง​ให้​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​ของ​ต้า​หลี​ เป็นเหตุให้​เมื่อ​เทียบ​กับ​อาราม​เต๋า​ที่​มีอายุ​ยาวนาน​แห่ง​นั้น​แล้วจึง​ดู​มีบารมี​น่าเกรงขาม​มากกว่า​อย่าง​เห็นได้ชัด​ เซียน​เว่ย​เดิน​อย่าง​สำรวม​ระมัดระวัง​ ไม่กล้า​หายใจ​แรง​สักครั้ง​ เสี่ยว​โม่เอ่ย​สัพยอก​ไป​คำ​หนึ่ง​ว่า​ ต้องการ​ให้​ข้า​ช่วย​บอก​กับ​คุณชาย​แทน​เจ้าสัก​คำ​หรือไม่​? เซียน​เว่ย​ฟังความนัย​ของ​ประโยค​นี้​ออก​ จึงหัวเราะ​หึหึ​ตอบกลับ​ว่า​ เสี่ยว​โม่ บ้าน​เจ้ามีป่าไผ่​อยู่​ไม่ใช่หรือ​? เสี่ยว​โม่มึนงง​ พลัน​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​ตอบ​อย่างไร​ดี​

สุดท้าย​เฉิน​ผิง​อัน​ถอด​รองเท้า​นั่ง​อยู่​ใน​ระเบียง​ไม้นอก​ห้อง​ทำสมาธิ​ เสี่ยว​โม่ดึง​ตัว​เซียน​เว่ย​ให้​ไป​นั่ง​บน​ขั้นบันได​ด้วยกัน​

สอง​มือ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​วาง​ทับซ้อน​กัน​ไว้​ที่​หน้าท้อง​ เริ่ม​หลับตา​ทำสมาธิ​

วิชา​สงบใจ​ วิชา​บำเพ็ญ​ภาวนา​ ถือศีล​บำเพ็ญ​ตบะ​

บ้านเกิด​มีคำพูด​เก่าแก่​อยู่​ประโยค​หนึ่ง​ ทำนา​บน​หน้าผา​หิน​

เอา​มาใช้บรรยาย​สภาพ​อับจน​ยากแค้น​และ​ความ​ขยันหมั่นเพียร​ของ​คนจน​ว่า​น่า​เหลือเชื่อ​จน​ถึงขั้น​นี้​

ไม่รู้​ว่า​เหตุใด​ ครั้งแรก​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​ได้​สัมผัส​กับ​คดี​ลัทธิ​พุทธ​คดี​นั้น​ใน​ตำรา​ ได้​เห็น​คำ​ว่า​ฝน​อิฐ​ให้​กลายเป็น​กระจก​ ก็​อด​นึกถึง​คำพูด​ประโยค​นี้​ของ​บ้าน​เกิดขึ้น​มาไม่ได้​

คน​คน​หนึ่ง​ ใน​เมื่อ​มีบ้านเกิด​แห่ง​ความสบายใจ​เป็น​ของ​ตัวเอง​ แน่นอน​ว่า​ก็​ต้อง​มีสถานที่​แห่ง​ความ​กลุ้มใจ​ที่​ทำให้​คน​วน​ย่ำอยู่กับที่​เหมือน​ถูก​ผี​บังตา​อยู่​ด้วย​

ของ​ศิษย์​พี่​ชุย​ฉาน​ บางที​อาจ​เป็น​หอ​หนังสือ​ใน​บ้าน​ตัวเอง​ที่​ถูก​ยก​บันได​ออก​ ได้​แต่​มอง​ลอด​หน้าต่าง​บาน​เล็ก​ๆ ไป​เห็น​แสงดาว​รวมกลุ่ม​ทอ​ประกาย​ เห็น​ลม​ฝน​พัด​กระโชก​ เห็น​ธาร​ดวงดาว​สว่าง​พราง​พราว​ หิมะ​ใหญ่​ปลิว​ปราย​ ดวงจันทร์​เดียวดาย​

หรือ​บางที​ก็​อาจจะ​เป็น​หลัง​ออกจาก​บ้านเกิด​ นอก​หน้าต่าง​บ้าน​หนึ่ง​ใน​โรงเรียน​ต่างบ้านต่างเมือง​ มอง​ไป​ยัง​อาจารย์​สอนหนังสือ​ผู้​ยากจน​ข้นแค้น​ที่​ช่วย​ถ่ายทอดวิชา​ความรู้​ของ​อริยะ​ปราชญ์​ให้​กับ​พวก​เด็ก​ๆ ด้วย​คิ้ว​ตา​ที่​เบิกบาน​

ของ​อา​เหลียง​ บางที​อาจ​เป็น​สุสาน​ไร้​ญาติ​ที่​ชานเมือง​แห่ง​นั้น​

เว่ย​ป้อ​ อาจ​เป็น​สตรี​ที่​เมื่อ​หนึ่ง​พัน​ปีก่อน​ลง​น้ำ​ไป​งมเอา​เศษร่าง​ทอง​

ของ​ผี​สาว​สวม​ชุดแต่งงาน​ บางที​อาจ​เป็น​บัณฑิต​ที่​ท่อง​ตำรา​อริยะ​ปราชญ์​เพื่อ​ปลุก​ความกล้า​อยู่​บน​เส้นทาง​ภูเขา​ท่ามกลาง​ม่าน​ราตรี​

ย่ำ​วนเวียน​อยู่​ที่​เดิม​ไม่ไป​ไหน​

ยิ่ง​ใคร​คิด​อยาก​จะแบ่งแยก​ขาว​ดำ​ให้​ชัดเจน​เท่าไร​ ยิ่ง​คิด​อยาก​จะแบ่งแยก​ถูก​ผิด​ให้ได้​มาก​เท่าไร​ คน​ผู้​นั้น​ก็​ยิ่ง​เจ็บปวด​มาก​เท่านั้น​

โดย​ไม่ทัน​รู้ตัว​เสียง​ระฆัง​ยาม​เย็น​ก็​ดัง​ขึ้น​ เฉิน​ผิง​อัน​ยังคง​หลับตา​ เอ่ย​ว่า​ “เสี่ยว​โม่ เจ้ากับ​เซียน​เว่ย​สามารถ​กลับ​ไป​ที่​เรือน​หลัง​นั้น​ก่อน​ได้​”

เสี่ยว​โม่เอ่ย​เสียง​เบา​ “ไม่เป็นไร​ พวกเรา​รอ​คุณชาย​ได้​”

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset