เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 132 ฉันอยากนั่งบนบัลลังก์ราชารอพวกเขา

บทที่ 132 ฉันอยากนั่งบนบัลลังก์ราชารอพวกเขา

บทที่ 132 ฉันอยากนั่งบนบัลลังก์ราชารอพวกเขา
หลังจากเลือกหุบเขาลึกลับเป็นฟาร์มเพาะปลูกพืชปราณกำเนิด และจัดการให้ครอบครัวหนูภูเขาเป็นเจ้าหน้าที่แนะนำทางเทคนิค ฟางหนิงก็ปล่อยเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชปราณกำเนิดให้พวกประธานจ้าวดูแล

ในเมื่อมันเป็นงานระยะยาว ยังมองไม่เห็นความคืบหน้าในสิบวันหรือครึ่งปี เขาไม่มีความอดทนที่จะเฝ้าดูมันทุกวันหรอก

เขากับระบบทำงานประจำวันโดยการเปิดแผนที่ต่อไป แน่นอนว่าระบบเป็นฝ่ายทำงาน ส่วนเขาแค่ออกมาดูเป็นครั้งคราว…

นี่เป็นงานระยะยาวเช่นกัน การจะเปิดแผนที่ทั่วประเทศนั้นพูดง่ายแต่ทำยาก ถ้าไม่ใช่เพราะระบบมีความอดทนอันไร้ขีดจำกัด ขืนให้ฟางหนิงทำเองล่ะก็ ทำได้ไม่เกินสามวันแน่นอน

ดูสิ หลังจากทำฟาร์มแผนที่เมืองเถามาตั้งหลายวัน ผ่านไปหลายสัปดาห์ก็มาถึงขั้น “ความไว้ใจ” กลายเป็นแผนที่ระบบที่เปิดอย่างเป็นทางการแห่งที่สาม ซึ่งรวมเข้ากับแผนที่เมืองฉี

ฟางหนิงกำลังคิดหาวิธีเร่งความเร็วขั้นตอนนี้ และอยู่ๆ วันหนึ่งเจิ้งต้าวก็ส่งอีเมลหัวข้อ “จดหมายเชิญแข่งขันรายการอันดับมืด” มาขัดจังหวะความคิดของเขา

ฟางหนิงเปิดอีเมลและอ่านข้อความต่อไปนี้

“ท่านเทพมังกรที่เคารพ

ผมดีใจที่ได้ทราบว่าท่านชนะราชาอันดับมืดปีที่แล้ว การแข่งขันจัดอันดับมืดปีนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ท่านได้รับการแนะนำจากบุคคลสำคัญและจะเข้าสู่ตำแหน่งผู้ท้าทายระดับอาวุโสโดยอัตโนมัติ จึงขอเชิญท่านให้เกียรติเข้าร่วม

หากท่านประสงค์จะเข้าร่วม กรุณาตอบกลับอีเมลนี้ด้วย แล้วเราจะส่งเวลาและสถานที่ของการแข่งขันในปีนี้ไปให้คุณ

หมายเหตุ: รางวัลในแต่ละปีของการแข่งขันราชาอันดับมืดคือ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งสิทธิ์ใช้เกาะสวรรค์หนึ่งปี รางวัลอื่นมีดังนี้… รางวัลอันดับสองถึงอันดับเก้าของอันดับมืดได้แก่…. รางวัลผู้ชนะแต่ละสนามมีดังนี้…”

ระบบ “รีบเข้าร่วมเลย”

ฟางหนิง “แกโง่จริงๆ สินะ นี่มันหลุมพรางชัดๆ ทำไมมันถึงมาเวลานี้ล่ะ มันมาหลังจากที่เราฆ่าแอนเดอร์สันแล้ว รอฉันสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ฟางหนิงเคยเห็นจากหลายกระดานสนทนามาก่อนแล้วว่าต่างประเทศมีการแข่งขันผู้วิเศษเชิงพาณิชย์มากมายแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เผยแพร่ อย่างน้อยการโฆษณา การเชิญคนดังมาโปรโมตย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะอิทธิพลของมันยังเทียบกับรายการแข่งขันกีฬาที่มีชื่อเสียงอย่างการชกมวยและฟุตบอลไม่ได้ อย่างไรก็ตาม พลังพิเศษ สามารถดึงดูดเศรษฐีและคนมีชื่อเสียงจำนวนมากให้ไปชมงานได้

แต่เสินโจวกลับเข้มงวดมากกับเรื่องพวกนี้ ยังไม่มีใครจัดการแข่งขันผู้วิเศษเชิงพาณิชย์เช่นนี้ได้

แต่แล้วคราวนี้จู่ๆ ก็มีคำเชิญเข้ามา บางทีอาจเป็นเพราะชื่อเสียงของอัศวิน A โด่งดังมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของพวกเขา หรือบางทีพวกอาจใช้โอกาสนี้เพื่อเปิดตลาดเศรษฐีเสินโจว แต่ฟางหนิงกลับรู้สึกว่าอาจมีใครบางคนกำลังวางแผนร้ายกับอัศวิน A เพราะมันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป

ในเมื่อเป็นการแข่งขันของต่างประเทศ อย่างนั้นแอนเดอร์สันที่อยู่ต่างประเทศตลอดคงพอทราบข่าวคราวบ้าง น่าจะไปลองถามอีกฝ่ายดู

ฟางหนิงมาถึงคุกของระบบ คราวนี้แน่นอนว่าเขาใช้ร่างมนุษย์ คราวที่แล้วมีเรื่อง ถ้าไม่มีเรื่องอะไรมันสบายกว่าที่จะใช้ร่างมนุษย์

เวลานี้คุกของระบบมีหน้าตาเปลี่ยนไปมาก เมื่อก่อนมีเพียงไม่กี่ห้องขัง แต่ตอนนี้มีรูปแบบของเรือนจำ และมีคุณสมบัติพอที่จะเรียกว่า “เรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์”…

กำแพงหินภูเขาไฟที่แข็งแกร่งหลายสีสันสูงตระหง่านล้อมรอบแยกสัดส่วนภายในกับภายนอก ปิดล้อมพื้นที่ขนาดใหญ่ในพื้นที่ของระบบ

ประตูไม้สีเหลืองเข้มบนกำแพงนั้น มีเพียงฟางหนิงที่มีสิทธิ์เข้าถึงประตูไม้บานนี้ได้ ดูเผินๆ เหมือนทำลายได้ด้วยฝ่ามือเดียว แต่ฟางหนิงเคยลองดูแล้วกลับไม่มีทางทำเช่นนั้นได้เลย

หลังประตูไม้มีถนนสายหลักที่สว่างสดใสมุ่งสู่ด้านใน ​​”เรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์”

สองข้างทางของถนนสายหลักในตอนนี้มีห้องขังเดี่ยวมืดสนิทฝั่งละเก้าห้อง รวมทั้งหมดเป็นสิบแปดห้อง

นอกจากติดถนนใหญ่แล้ว ยังมีทางเดินเล็กที่นำไปสู่ห้องอื่นๆ

ภายในพรั่งพร้อมไปด้วยห้องทำงานของนักโทษ ห้องสอบสวน ห้องลงโทษ ห้องเรียน โรงอาหาร… แต่โรงอาหารกลับว่างเปล่า เพราะไม่มีอะไรจะกินได้ ตอนนี้นักโทษพวกนี้จึงได้แต่อดทน…

ห้องสอบปากคำมีอุปกรณ์ครบครันที่สุดและยังมีห้องเรียนอีด้วย ทั้งสองห้องนี้ติดตั้งเครื่องมือทรมานวิญญาณ 18 ประเภทที่แอนเดอร์สันคิดค้นขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการทรมานวิญญาณ 18 ประเภท ตามที่ฟางหนิงกำชับ ทั้งหมดนั้นอัดแน่นด้วยความโกรธแค้น

ฟางหนิงอยากให้พวกคนชั่วเข้าใจความโกรธของญาติผู้ถูกทำร้ายเป็นอย่างดี จะได้รู้ว่าความผิดของตนเองหนักหนาสาหัสเพียงใด แอนเดอร์สันได้ยินแบบนั้นก็บอกว่าพัศดีฉลาดมาก…

ฟางหนิงมาถึงนอกห้องทำงานของพัศดีแต่ไม่เข้าไป

เพราะความสามารถในการทำงานของแอนเดอร์สัน เขาจึงถูกจัดให้อยู่ในห้องทำงานของพัศดีที่ใหญ่และกว้างกว่าซึ่งมีชั้นหนังสือหลายชั้น ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นแบบขยายใหญ่ของห้องขังเดี่ยว

แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อระบบ แต่ถึงอย่างไรฟางหนิงก็ไม่ไว้ใจอัจฉริยะที่ชั่วร้ายนี้เด็ดขาด จนกว่าฟางหนิงจะแข็งแกร่ง เขาไม่มีทางปล่อยให้นักโทษรายนี้ออกมาพบกับตัวเองตามลำพัง

อย่างไรก็ตาม ความคิดทางจิตของหมอนี่ไม่ได้ถูกระบบจำกัด มันยังคงใช้ความคิดทางจิตเพื่อทำงานจากระยะไกลได้ เหมือนกับความคิดทางจิตที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา

ส่วนห้องอื่นๆ ที่มีชื่อเรียกต่างกันไปนั้น ยังคงเป็นห้องขังเช่นเดิม เพียงแต่อุปกรณ์ที่ติดตั้งภายในแตกต่างกัน จึงมีหน้าที่แตกต่างกันไปและถูกเรียกด้วยชื่อต่างกัน

“หัวหน้าเรือนจำ” แอนเดอร์สันเรียก “อ้อ ที่แท้ท่านพัศดีนั่นเอง วันนี้อยากฟังรายงานไหม”

ฟางหนิง “เล่ามาสิ”

แอนเดอร์สัน “ขณะนี้มีนักโทษรวม 18 คนใน “เรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์” รวมถึงผู้แข็งแกร่งระดับสระน้ำหนึ่งคน ผู้เล่นระดับถังน้ำสองคน ผู้เล่นระดับช้อนส้อมแปดคน และผู้เล่นระดับถ้วยเจ็ดคน ปัจจุบันผู้ต้องขังทั้งหมดสภาพจิตอยู่ในเกณฑ์ดีและอารมณ์มั่นคง รายงานจบเท่านี้”

ฟางหนิงพยักหน้าหลังจากได้ฟังรายงาน หมอนี่ซื่อสัตย์มาก ไม่ใช่เพราะได้เลื่อนตำแหน่งจึงเลิกทำตัวเป็นนักโทษ ตอนนี้จำนวนคนเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย ต้องขอบคุณระบบที่ทำงานหนักทั้งวันทั้งคืน

ฟางหนิง “นายจัดการได้ดี อีกไม่นานพวกเขาจะมีประโยชน์มาก”

ใช่แล้ว ตอนนี้พวกคนบาปยังว่างอยู่ เพราะวัตถุดิบปราณกำเนิดราคาถูกยังไม่ปล่อยออกมา เพื่อให้พวกวิญญาณทำกิจกรรมที่มีความแข็งแกร่งสูงอย่างการเก็บเหรียญทองในเกม การสูญเสียนั้นเร็วเกินไป และการใช้ปราณกำเนิดก็เสียมากกว่า ฟางหนิงจึงไม่ย้ายคนพวกนี้ไปเก็บเหรียญทอง

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ว่างเสียทีเดียว เมื่อใดก็ตามที่ระบบทำแผนที่ความโกรธได้น้อย ฟางหนิงจะขอให้แอนเดอร์สันหาข้ออ้างที่จะให้เครื่องมือทรมานวิญญาณแก่พวกคนบาป จากนั้นความโกรธก็จะ “พลุ่งพล่าน” ทันที …

แอนเดอร์สัน “ขอบคุณที่ท่านชม”

ฟางหนิง “จริงสิ แอนเดอร์สัน ถามอะไรหน่อย นายรู้เรื่องการแข่งขันอันดับมืดไหม”

แอนเดอร์สันพูดสบายๆ “อ๋อ ผมรู้จักแน่นอน ปีที่แล้วขาดเงินทุนทดลองและยังสปอนเซอร์แย่อีก ของบประมาณเพิ่มเติมเท่าไหร่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติสักที ฉันพาคนไปที่นั่นเพื่อหาเงินก้อนหนึ่ง เงินรางวัลไม่น้อยแต่สิทธิ์ใช้เกาะพาราไดซ์ฉันให้คนประมูลไป สิทธิ์ใช้เกาะหนึ่งปีขายได้ 800 ล้านดอลลาร์ มากกว่าเงินรางวัลตั้งหลายเท่า”

ฟางหนิงได้ยินอย่างนั้นก็ตกตะลึง แอนเดอร์สันเป็นราชาแห่งอันดับมืดปีที่แล้วจริงๆ ดูเหมือนว่าทุกสาขาอาชีพขอแค่ไปถึงจุดสูงสุดได้ ความสามารถในการสูบเงินก็เกินกว่าจะจินตนาการได้

ฟางหนิง “ที่นั่นอันตรายไหม มันเป็นยังไงบ้าง”

แอนเดอร์สัน “ไม่มีอันตรายอะไร มันเป็นการแข่งขันผู้วิเศษโลกมืดที่องค์กรนานาชาติใหญ่หกแห่งร่วมกันจัดขึ้น จัดขึ้นปีละครั้งตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี ผู้เล่นมาจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงสถาบันทางการของแต่ละประเทศก็จะส่งคนเข้าร่วมอย่างลับๆ เพื่อออกไปดูโลกกว้าง

“พูดถึงในแง่ของความตื่นตาตื่นใจ มันเหนือกว่าการแข่งขันทั่วไปมาก แต่มันถูกจำกัดโดยสำนักงานสหพันธ์นานาชาติอย่างลับๆ จึงเปิดเผยไม่ได้ เฉพาะมหาเศรษฐีระดับสูงบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับเชิญให้ไปชมเกม อีกอย่างขนาดของเงินทุนยังไม่มากพอ

“โชคดีที่สำนักงานสหพันธ์นานาชาติกำลังค่อยๆ คลายข้อจำกัด และในอนาคตจะเชิญมหาเศรษฐีให้เข้ามาชมเกมมากขึ้น คิดว่ามันคงเป็นงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น”

ฟางหนิงครุ่นคิด “อย่างนี้นี่เอง งั้นปีที่แล้วนายชนะที่หนึ่งมาได้ยังไง”

แอนเดอร์สัน “ความสำเร็จเล็กน้อยไม่ควรค่าที่จะเอ่ยต่อหน้ามังกรแท้ ถึงตอนนี้คู่ต่อสู้จะเป็นเพียงเด็กกลุ่มหนึ่งเท่านั้น พวกเขาก็ไม่มีทางทำอะไรกับความคิดทางจิตของผมได้ ไม่มีใครทำได้เหมือนท่าน มีเพียงต้องสู้จนตัวตายเท่านั้น”

“ผมจำได้ว่าคนที่ต้านได้นานที่สุดทำได้ต่อเนื่อง 18 ครั้ง ถ้าพิธีกรไม่ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้เสียก่อน ดาบสุดท้ายของผมคงจะหั่นครึ่งมัน เดิมทีปีนี้ผมอยากจะไปโกยเงินมหาศาลที่นั่น แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันต้องมาอยู่ที่นี่”

ฟางหนิง “อ้อ นายอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ ฉันไปก่อนล่ะ”

แอนเดอร์สัน “ท่าน ท่าน ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัย ถ้าท่านสนใจการแข่งขันนั่น ผมสามารถออกไปช่วยท่านต่อสู้ในสังเวียนได้ เราแบ่งส่วนแบ่งเก้าต่อหนึ่งก็ได้ ท่านเก้า ผมหนึ่ง เดี๋ยวก่อน ท่านพัศดี ช้าก่อน ผมไม่เอาส่วนแบ่ง ขอแค่ให้ผมออกไปเดินเล่นก็ได้…”

ฟางหนิงสงวนท่าทีสง่างามเอาไว้ แล้วเดินจากไป

ทันทีที่ฟางหนิงเดินออกจากพื้นที่คุกของระบบ ระบบก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

“ไปเถอะ รีบไป แอนเดอร์สันคว้าที่หนึ่งได้มาง่ายๆ เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันแน่นอน จากนี้ไปฉันจะนั่งบนบัลลังก์ราชารอคอยพวกเขาทุกปี”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “อย่า อย่าโม้ให้มันมากนัก แน่ใจได้ไงว่าจะไม่พลาด แอนเดอร์สันเป็นที่หนึ่งได้เพราะวิธีตัดความคิดทางจิตของเขา ในสภาพการแข่งขันอย่างนั้น ควบคุมคู่ต่อสู้ส่วนใหญ่ได้ง่ายมาก

“แต่แกไม่มีความเร็วการโจมตีเท่าเขา ถ้าเจอคู่ต่อสู้เก่งๆ สู้ไม่ชนะหนีก็ไม่พ้น จะทำยังไง”

ระบบ “ฮ่าฮ่าฮ่า โฮสต์โง่จริงๆ… ตอนนี้ถ้าระบบเจอคู่ต่อสู้ที่สู้ไม่ได้ ก็หนีได้สบายๆ แน่นอน”

ฟางหนิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ “แกเป็นเทพแห่งการเรียนรู้ในการต่อสู้ มิน่าทำไมแกถึงให้คุณค่ากับทักษะในตำนาน “ช่วยเหลือพันลี้” มากขนาดนั้น และยังเน้นย้ำถึงประโยชน์ของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง

“ทักษะไพ่ตายระดับกลยุทธ์ “ช่วยเหลือพันลี้” ที่จริงแล้วเปลี่ยนเป็น “หลบหนีพันลี้” ได้ ตราบใดที่ก่อนต่อสู้ทุกครั้ง เตรียมหมาดำไป๋หลี่ให้อัญเชิญมังกรก่อนการต่อสู้ให้พร้อมทุกครั้ง …

ระบบ “เอ๊ะ โฮสต์การรับรู้ของคุณในด้านการต่อสู้กำลังจะตามระบบทันแล้ว…”

ฟางหนิง “ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องไหนที่ฉันต้องการเรียนรู้ ก็ไม่มีอะไรที่ฉันเรียนไม่ได้”

ระบบ “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นโฮสต์ก็เรียน “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล” เล่มนั้นละกัน เจ้าหมาเหลือเซวียปาเรียนรู้แล้วพอดี ส่วนเจิ้งต้าวก็กำลังจะเรียนพื้นฐาน มีแต่โฮสต์กับหมาดำไป๋หลี่ที่ผัดวันประกันพรุ่ง เริ่มเรียนรู้ด้วยกันตอนนี้เลย มี “ช่วยเหลือพันลี้” แล้ว แต่ระบบก็ยังต้องการสล็อตพลังปราณอีก”

ฟางหนิง “…เรียนก็เรียน ฉันเทียบกับหมาไม่ได้เลยรึไง”

…………

ณ เทียนฮุ่ยวิลล่าในเขตชานเมืองแห่งหนึ่งของเมืองจี้ วันสิ้นปีผ่านไปแล้วและปีใหม่มาถึง ในสถาบันฝึกอบรมพิเศษของสำนักสัจธรรมก็เช่นกัน นี่เป็นการสอบครั้งแรกของปีใหม่และเป็นบทสรุปของปีที่แล้ว

พี่น้องเฉียวจื่อซาน ผู้ฝึกสอนไห่หลาน และยังมีน้องชายของเธอไห่เฉิงต่างก็นั่งในที่นั่งผู้ชมเฝ้าดูการแข่งขันของเยาวชนรุ่นใหม่บนเวที

เหล่าเยาวชนรุ่นใหม่ล้วนกล้าหาญสง่างาม ทั้งหมดอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ มีกำลังวังชาแข็งแกร่งกำยำ

พวกเขาได้รับการศึกษาและทำงานร่วมมือกัน เคารพกฎระเบียบไม่มีใครหาเรื่องทะเลาะต่อยตีกัน

การแข่งขันมีทั้งน่าเบื่อและน่าตื่นเต้น แต่ไม่ว่าเรียกใครออกมาก็ตาม ในสายตาของผู้ชมพวกเขาจะสามารถบดขยี้ทหารไร้สังกัดมากมายที่อยู่ข้างนอกได้แน่ แต่แน่นอนว่าไม่รวมถึงยอดฝีมือบางคน

พวกเขาเป็นอนาคตของสำนักสัจธรรม เป็นแกนหลักอย่างแท้จริง ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบที่หนักหนาที่สุดในอนาคตด้วย

ไม่เพียงแต่กฎทหารเท่านั้นที่จำกัดพวกเขา แต่ยังเป็นการจำกัดทางจิตวิญญาณที่ทุกคนยอมรับโดยสมัครใจ แน่นอนว่าผู้ที่ไม่ยอมรับจะเก็บไว้ไม่ได้ ได้แต่ส่งไปเป็นสมาชิกกลุ่มพื้นฐานเท่านั้น

เฉียวจื่อซานดูอยู่พักหนึ่งก็พอใจมาก พวกเขามีความสามารถสูงและยังขยันขันแข็งมาก ยังมีวิธีการฝึกอบรมที่เป็นวิทยาศาสตร์มากที่สุด ความแข็งแกร่งของพวกเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในความเห็นของเขา มีหัวกะทิไม่กี่คนที่ความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าเขาแล้ว

เขาหันไปถามไห่เฉิง “อาเฉิง ในความคิดของอา พวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนเหรอ”

ไห่เฉิงกวาดตาดูแล้วพยักหน้า “คนพวกนี้เป็นอัจฉริยะที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วเสินโจว คุณสมบัติการฝึกฝนปราณชีวิตของพวกเขาอย่างน้อยก็ระดับ C คู่ ในเวลานี้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลายคนถึงระดับ C แล้ว มีสามคนน่าจะไม่ด้อยกว่าเธอแล้ว ถ้าไม่นับดวงตาศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ มีคนที่แข็งแกร่งกว่าอาอีกมาก”

“แค่พวกเขายังขาดประสบการณ์การต่อสู้จริงๆ เท่านั้น ถ้าพวกเขาออกไปต่อสู้ตอนนี้ ถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับคนอย่างแอนเดอร์สัน เกรงว่าคงจะพ่ายแพ้ยับเยิน ถ้าไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ของเรา เป็นไปได้มากที่พวกเขาจะพุ่งเข้าสนามรบทันที และนั่นจะเป็นการส่งคนไปตายอย่างไร้ค่า”

……………………………………………………………….

บทที่ 131 การเดินทางของฉันคือทะเลแห่งดวงดาว
หลังจากที่หวงรุ่ยกลับไปแล้ว พ่อบ้านเจิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ลังเลคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

ฟางหนิงต้องการสิทธิ์ควบคุมร่างกายของเขา ถามขึ้น “ว่าไง พ่อบ้านเจิ้ง คุณคิดว่าตาแก่นั่นพูดมีเหตุผลเหรอ”

พ่อบ้านเจิ้ง “ตามความรู้สึกของผม แม้ว่าคำพูดของเขาจะเกินจริงไปบ้าง ทั้งพฤติกรรมก็ยังดูแปลก แต่ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผล”

ฟางหนิงหัวเราะ “ฮ่าฮ่า” แล้วลุกขึ้นเงยหน้ามองไปนอกหน้าต่าง เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ “เขาพูดได้ดีทีเดียว แต่นั่นเป็นเพียงความเห็นของคนธรรมดาเท่านั้น เขามองเห็นแค่พื้นที่ใต้ฝ่าเท้าตัวเอง แต่ฉันมองเห็นทะเลดวงดาว…”

พ่อบ้านเจิ้งได้ยินก็รู้สึกงงงันในตอนแรก แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจ พยักหน้าแสดงความชื่นชม “นายท่านเป็นคนมองการณ์ไกล ผู้น้อยไม่อาจเทียบได้ จึงทำได้แค่ติดสอยห้อยตามเท่านั้น”

ฟางหนิงโบกมือให้เจิ้งต้าวไปทำงานแล้วคืนร่างกายให้ระบบ

ระบบสงสัย “โฮสต์ เมื่อกี้คุณแกล้งอีกแล้วเหรอ”

ฟางหนิง “ครั้งนี้ไม่ใช่ ไม่เห็นเหล่าเจิ้งตกใจเหรอ สายตาของฉันมองการณ์ไกลจริงๆ ระบบเล็กๆ อย่างแกไม่เข้าใจหรอก”

ระบบ “ระบบคิดเสมอว่าโฮสต์กำลังพล่ามเรื่องไร้สาระ…ช่างเถอะ ตอนนี้ระบบจะไปฝึกต่อแล้ว อย่าลืมล่ะ ครั้งหน้ามีคนมาให้เงินถึงประตูก็อย่าลืมรับไว้”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “เข้าใจแล้วน่า อัศวิน A ต้องการแค่เงิน เขาไร้ยางอาย โชคดีที่ฉันไม่ได้ใช้สถานะที่แท้จริงของฟางหนิง…”

…………

อัศวิน A ถูกระบบครองร่างเพื่อจับปีศาจและเปิดแผนที่ต่อไปตามปกติ ขณะที่ฟางหนิงไม่มีอะไรทำ เขาจึงเตรียมจะไปเล่นเกม “Beasts Fighting for Heroes” อีกสักสองสามตา เพราะเขาไม่ได้เล่นมาพักหนึ่งแล้ว

หลังจากจับบอสได้สำเร็จ ฟางหนิงก็ดูอนิเมชั่นตอนจบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาหวนคิดถึงวันนั้นที่เห็นสำนักงานสัจธรรมส่งต่อฉากของสัตว์ร้ายในนั้นแทบจะเหมือนกับของบอสเลย สำนักสัจธรรมทำอย่างนี้มีเป้าหมายอะไรกันแน่

เมื่อรวมกับคำตอบก่อนหน้าของแอนเดอร์สัน เขาพอจะมีคำตอบอยู่บ้าง ตอนนี้เพียงรอดูว่าเมื่อไหร่คำตอบนี้จะกลายเป็นความจริง

ขณะที่ฟางหนิงกำลังคิดเรื่องนี้ จู่ๆ QQ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้เป็นประธานจ้าวส่งข้อความ QQ ให้ตัวตนที่แท้จริงของฟางหนิง

ประธานจ้าว “หลานชายที่รัก ช่วงนี้ฉันกับตาอ้วนหลิวเพิ่งถูกใจที่ดินบนภูเขาสามแห่ง คิดว่าจะเลือกหนึ่งแห่งเพื่อลงทุนในฟาร์มพืชผลปราณชีวิต แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำธุรกิจนี้ รู้สึกไม่มั่นใจเลย ป้าของเธอตัดไปได้แค่หนึ่งที่ อีกสองที่ลังเลยังตัดสินใจไม่ได้”

ฟางหนิง “อ้อ คุณลุงอยากให้ผมเชิญอัศวิน A มาช่วยดูใช่ไหม”

ประธานจ้าว “อ่า…เสี่ยวฟาง เธอเป็นเถ้าแก่มาครึ่งปีแล้วสินะ ฉลาดมากทีเดียวๆ ลุงหมายความว่าใครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในการตัดสินระดับความเข้มข้นของปราณชีวิต นอกจากมังกรแท้ยังจะมีใครได้อีกเหรอ แน่นอน เราจะไม่เชิญเขาเปล่าๆ เราจะมอบหุ้นของเราให้ด้วย”

ฟางหนิงตอบกลับ “เรื่องนี้ไม่ยาก ผมจะติดต่ออัศวิน A ให้ ลองถามว่าเขาจะตกลงไหม”

ประธานจ้าว “อืม เสี่ยวฟางรบกวนด้วยนะ”

ฟางหนิงไม่ได้ “ลำบาก” เลยสักนิด เขาแค่ตะโกนเรียกระบบเท่านั้น

“อุตสาหกรรมพืชผลปราณชีวิตกำลังจะเปิดแล้ว ลองไปดูสถานที่หน่อยไหม พวกเขายังบอกด้วยว่าจะให้หุ้นฟรีๆ เรื่องนี้คงไม่รบกวนการฝึกบำเพ็ญใช่ไหม”

ระบบ “ไม่รบกวนเลยสักนิด อยู่ไหนล่ะ จะไปเมื่อไหร่”

ฟางหนิงคิดจะถามประธานจ้าว แต่เขาจะติดต่อกลับไปเร็วขนาดนี้ไม่ได้ มันดูปลอมเกินไป…

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขาจึงตอบประธานจ้าวกลับไป “อัศวิน A ตกลงแล้ว คุณลุงช่วยระบุที่อยู่โดยละเอียดและเวลานัดพบมาให้ผมหน่อยนะครับ”

ประธานจ้าวประหลาดใจมากเมื่อได้ยินแบบนั้น ตอนแรกเขาไม่มีความหวังมากนัก เพราะหากไม่สำเร็จ เขาจะขอให้ใครสักคนติดต่อหม่าเต้าฉางแห่งจื่อซานกวน

เพราะได้ยินมาว่าอีกฝ่ายดูฮวงจุ้ยเก่งมาก เร็วๆ นี้เขากำลังจะมาที่เมืองฉีเพื่อช่วยตระกูลฉีที่ประสบปัญหาการปลูกวัตถุดิบยา ประธานจ้าวจึงคิดว่าจะถือโอกาสนี้เชิญเขามาเสียเลย

หากแต่เขาก็คิดว่าอัศวิน A เป็นมังกรแท้ เพราะฉะนั้นความสามารถย่อมมากกว่า แต่ต้องอาศัยการขอร้องอย่างจริงใจและให้ค่าตอบแทนเพิ่ม เท่านี้ก็สามารถกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นได้ ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะลืมตัวเองและคนอื่นถ้าไม่ได้ติดต่อกันนาน

แต่ระบบนั้นจำได้แม่นยำเสมอว่าใครที่ให้เงินมันบ้าง เพราะฉะนั้นประธานจ้าวจึงไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะลืมตนเองเลย แต่แน่นอนว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้…

…………

สามวันต่อมา ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใสไร้เมฆลมเอื่อย

ประธานจ้าว ตาอ้วนหลิว คุณนายจ้าว อัศวิน A มนุษย์กลไกตัวแทนฟางหนิง และกลุ่มบอดี้การ์ดในชุดสีดำก็ยืนอยู่ที่เชิงเขาแห่งหนึ่งกำลังทอดมองสายตาไปยังภูเขาที่อยู่ไกลๆ

นี่เป็นแห่งที่สามแล้วที่พวกเขามาดู

ภูเขาลูกนี้ตั้งอยู่ค่อนข้างห่างไกลทางตอนใต้ของเมืองฉี ยังไม่ได้รับการพัฒนา ไม่มีแม้แต่หมู่บ้านในแถบนี้ ทางหลวงใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปสิบกว่ากิโลเมตร เรียกได้ว่าทุรกันดารมากทีเดียว

ทุกคนยืนห้อมล้อมอัศวิน A ท่าทางเคารพนับถือมาก

คุณนายจ้าวก็ไม่มีข้อยกเว้น แม้ว่าพลังของเธอจะเหนือกว่าคนธรรมดา แต่เธอกลับให้เกียรติเขายิ่ง เพราะอาศัยความสัมพันธ์สายเลือดปีศาจงู เธอยิ่งสัมผัสได้ถึงแรงกดดันตามธรรมชาติของอีกฝ่าย

ประธานจ้าวแนะนำ “ภูเขารกร้างแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่สองหมื่นไร่ หน่วยงานท้องถิ่นยินดีทำสัญญากับเราในราคาถูกมากแทบจะไม่คิดเงิน ขอเพียงรับประกันว่าจะใช้สำหรับการพัฒนาพืชผลที่มีปราณกำเนิด ไม่เพียงแต่ให้เช่าได้ห้าสิบปีเท่านั้น แต่ยังยินดีสนับสนุนเงินทุนพัฒนาก้อนหนึ่งอีกด้วย และยังอนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับโครงสร้างพื้นฐานอย่างถนน ประปาและไฟฟ้า”

ทันทีที่ฟางหนิงได้ยินก็รู้ว่าเงินทุนเริ่มถูกย้ายจากเบื้องบนอย่างเห็นได้ชัด เสินโจวมีข้อได้เปรียบอย่างนี้ เบื้องบนมีทรัพยากรมากที่สุดและค่อนข้างง่ายที่จะปรับให้เข้ากับอุตสาหกรรมเกิดใหม่บางประเภท

อัศวิน A ไม่พูดอะไร เขาเพียงสัมผัสลมปราณของภูเขาโดยละเอียด

ไม่นานอัศวิน A ก็เอ่ยขึ้น “ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะทำเลดีก็ตาม แต่ฉันกลับมีที่หนึ่งที่ดีกว่าทั้งสามที่ที่เราดูกันมาเป็นสิบเท่า แต่สถานที่นั้นห่างไกลและลึกลับมากกว่า ถึงอย่างนั้นก็ยังมีวิธีที่จะเดินทางได้ ไม่ทราบว่าพวกคุณเต็มใจใช้เงินก้อนใหญ่บุกเบิกไหม”

เพราะเป็นคำแนะนำจากมังกรแท้จะต้องเป็นสถานที่ดีเยี่ยมแน่ ทันทีที่ประธานจ้าวได้ยิน เขาจึงรีบตอบกลับไป “ในเมื่อท่านอัศวิน A เสนอแบบนั้น ผมก็เต็มใจแน่นอน”

ตาอ้วนหลิวไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ผมก็ยินดีร่วมด้วย”

อัศวิน A “งั้นตามผมมา”

ฟางหนิงได้ฟังก็จะพอจะรู้บางอย่าง เขานึกถึงสถานที่หนึ่งที่เข้ากับคำอธิบายของระบบมาก

หลังจากระบบนำทางไปช่วงหนึ่ง ฟางหนิงก็แน่ใจทันทีว่าตนเองคาดเดาถูก

ใช่แล้ว สถานที่ที่พวกเขาจะไปก็คือหุบเขาอันห่างไกลที่ระบบเคยบังคับให้สามีภรรยาตระกูลไป๋ฆ่าตัวตาย และยังเป็นสถานที่ที่ฆ่ากุ่ยชีอีกด้วย ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นที่ซ่อนของหนูยักษ์ แต่ตอนนี้มันถูกทิ้งร้างมานานแล้ว

ทั้งคณะขับรถเข้ามาก่อน แล้วทิ้งรถไว้ทางด้านนอก ก่อนจะบุกลุยภูเขาและแม่น้ำจนมาถึงด้านนอกหุบเขา สุดท้าย พวกเขามองดูภูเขาสูงชันแล้วเริ่มปีนป่ายขึ้นไป

มนุษย์กลไกตัวแทนฟางหนิงนั้นไม่มีปัญหา ด้านบอดี้การ์ดซึ่งฝึกฝนร่างกายทุกวัน และล่าสุดพวกเขาเพิ่งจะฝึก “หลักสูตรการฝึกจิตขั้นพื้นฐาน” ไป กำลังกายจึงไม่ย่ำแย่และปฏิกิริยาว่องไวไร้ปัญหา ด้านคุณนายจ้าวยิ่งไม่ต้องพูดถึง

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ปกติไม่ค่อยได้ออกกำลังกายมากนัก แต่ยังโชคดีที่ได้บอดี้การ์ดช่วยประคอง เพราะยังปีนขึ้นไปไม่ถึงครึ่งทาง พวกเขาก็ก้มตัวหอบหายใจ “แฮ่กๆ” อย่างหนักแล้ว…

เดิมทีคุณนายจ้าวอยากจะแบกประธานจ้าวขึ้นไปเอง แต่ประธานจ้าวอายที่จะปล่อยให้ภรรยาแบกเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมากขนาดนี้ สุดท้ายจึงยืนกรานจะปีนภูเขาสูงชันนี้เอง

ยังดีที่หลังจากปีนขึ้นไปถึงบนยอดเขาแล้วมองหุบเขาที่เต็มไปด้วยม่านหมอก ประธานจ้าวกับตาอ้วนหลิวก็รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่า

ในหุบเขามีหมอกล่องลอยคล้ายคลุมผ้าผืนบางเอาไว้ ที่แห่งนี้ไร้ซึ่งฝุ่นควันอย่างในเมืองใหญ่ แต่กลับเผยความบริสุทธิ์และเป็นอมตะ

แม้แต่คนอย่างประธานจ้าวและตาอ้วนหลิวที่ไม่ได้ฝึกฝนจริงจัง เมื่อหายใจเข้าไปก็รู้สึกผ่อนคลายและอิ่มเอมความสุข คนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“มันเป็นสถานที่ที่ราวกับแดนสวรรค์จริงๆ หากคุณอยากปลูกพืชปราณกำเนิดที่นี่ คุณจะได้ผลลัพธ์สองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว เพียงแต่ว่าน่าเสียดาย เพราะถ้าเราเลือกที่นี่จริงๆ มันอาจไม่บริสุทธิ์เท่าเดิม” ประธานจ้าวถอนหายใจ

อัศวิน A ตอบกลับ “ไม่เป็นไรหรอก หุบเขาแห่งนี้ถูกพวกหนูยักษ์ทำลายไปนานแล้ว มันถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน ปราณกำเนิดที่นี่มากมายเหลือล้นกว่าสามที่ก่อนหน้านี้มาก อ้อ ดูเหมือนว่าเราจะหาแรงงานฟรีได้ด้วย”

ขณะที่เขาพูดก็ขยับตัวเล็กน้อยราวกับเทพเซียน สองมือไพล่หลัง เท้าลอยสูงเหาะตรงไปที่หน้าผา

ทุกคนต่างตะลึงอ้าปากค้าง เมื่อเห็นวรยุทธ์ชั้นสูงของอีกฝ่ายกับตา ต่างก็คิดในใจว่าอีกฝ่ายควรเป็นเทพเซียนชั้นหนึ่งบนแผ่นดิน ตราบใดที่พวกเขาพึ่งพิงผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ยังจะต้องกังวลเรื่องอะไรอีก

หนูสีเทาตัวหนึ่งอยู่ในรอยแยกบนหน้าผามองออกไปยังกลุ่มคนที่ปรากฏตัวบนยอดเขา มันไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้มาทำอะไรที่นี่อีก

ที่นี่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลยสักนิด ซ้ำยังอยู่ห่างไกล แล้วทำไมมักมีคนมาอยู่เรื่อย

หลังจากกุ่ยชีตายไปเมื่อครั้งก่อน มันก็พาลูกหลานออกไปหลบภัยรอบหนึ่ง และบังเอิญหลบเลี่ยงเหตุการณ์ไป๋ซื่อซินแอบวางแผนทำร้ายอัศวิน A ได้พอดี

สุดท้ายมันก็พบว่าบ้านเกิดปลอดภัยที่สุด ป่าเป็นถิ่นของตระกูลหนูยักษ์มาช้านาน สัตว์ป่าจำนวนมากที่คนไม่เห็นคุณค่าถูกพวกมันล่า ทั้งหมูป่าและกระต่ายไม่ใช่ศัตรูของหนูยักษ์เลย

แขนขาเล็กๆ ของพวกมันยิ่งไม่ไหว ถ้ามันไม่ได้หลอกล่อหนูยักษ์ที่ไร้สมองว่าทุกคนเป็นตระกูลหนูด้วยกันควรจะสามัคคีต่อสู้กับศัตรู ไม่อย่างนั้นพวกมันคงตกเป็นอาหารของอีกฝ่ายแล้ว

สุดท้ายมันจึงล่าถอยกลับมาพร้อมกับลูกหลาน อย่างน้อยหนูยักษ์ในหุบเขานี้ก็จะไม่รุกเข้ามาอีก แต่มันนึกไม่ถึงว่าจะถูกมังกรเพลิงขวางทางอีกครั้ง

เมื่ออัศวิน A ปรากฏตัวต่อหน้ามัน มันกลับไม่หวาดกลัว แต่รีบก้มตัวลง “สวัสดีใต้เท้ามังกรเพลิง”

อัศวิน A “ฉันกับคนอื่นๆ ต้องการปลูกพืชปราณกำเนิดที่นี่ ฉันเคยสังเกตเห็นตระกูลของเจ้าปลูกผลไม้ป่าได้ คิดว่าน่าจะมีประสบการณ์ปลูกพืชปราณกำเนิด ถ้าเจ้าช่วยได้ พวกเขาจะจ่ายค่าตอบแทนให้มากทีเดียว”

หนูเทากลอกตา “ผู้น้อยรู้วิธีปลูกพืชปราณกำเนิดจริง เพียงแต่ผู้น้อยไม่ต้องการรางวัลอื่นใด เพียงปรารถนาอาหารดำรงชีพ และปกป้องครอบครัวผู้น้อยก็พอแล้ว”

ทันทีที่ระบบได้ฟัง ก็คิดในใจว่าสมแล้วที่เป็นกลุ่มช่างฝีมือ หนูพวกนี้คุณค่าสูงกว่านี้มาก และที่นี่ยังเป็นพื้นที่เปิดแผนที่ หากมีปีศาจคุกคามก็จะสามารถจัดการได้โดยง่าย

อัศวิน A จึงตอบรับ “ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ฉันทำได้แค่ปกป้องครอบครัวตอนนี้ของเจ้า ถ้ามีลูกหลานมากเกินไปกว่านี้ ฉันคงดูแลไม่ไหว”

หนูเทา “ผู้น้อยทราบดี ผู้น้อยจะควบคุมการขยายพันธุ์ของพวกมัน ถ้าเยอะมาก ผู้น้อยก็เลี้ยงไม่ไหวเหมือนกัน”

เมื่ออัศวิน A พาหนูเทาที่พูดภาษามนุษย์ได้ลงมา ทุกคนก็ไม่แปลกใจเลย พวกเขาไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา ด้วยรู้ดีว่าช่วงนี้สัตว์หลายชนิดพัฒนาสติปัญญาได้แล้วและมีเศรษฐีไม่น้อยทีซื้อสัตว์เลี้ยงมีสติปัญญาพวกนี้ในราคาสูง แต่น่าเสียดายที่สัตว์เลี้ยงมีสติปัญญาส่วนใหญ่ไม่อยากเป็นสัตว์เลี้ยงอีกต่อไป…

เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายรู้วิธีปลูกพืชปราณกำเนิดจริงๆ ประธานจ้าวก็ดีใจมาก บอกว่าเขาจะให้หุ้นเพิ่มเป็นชุดพนักงาน ในฐานะบอส เขาตระหนักดีถึงความแตกต่างระหว่างมือเก่ากับมือใหม่

ตระกูลฉีต้องต้องคลำทางหาหนทางเองตั้งแต่แรก โดยไม่มีคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ มันไม่ง่ายเลยที่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญจากสำนักสัจธรรมให้เข้ามาช่วยเหลือ พวกเขามีเพียงวัสดุปลูกพื้นฐานบางส่วนเท่านั้นที่ส่งต่ออยู่ข้างนอก

หนูเทาตัวนั้นยังบอกด้วยว่าเขาจะให้ชุดพนักงานกับใต้เท้ามังกรเพลิงเพื่อแลกกับการคุ้มครอง

ประธานจ้าวย่อมไม่ปฏิเสธคำขอที่สมเหตุสมผลนี้แน่นอน มีการสนับสนุนและเทคโนโลยีครบครัน ตลาดก็มีอยู่แล้ว เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าการลงทุนครั้งนี้จะล้มเหลวได้ยังไง

……………………………………………………

บทที่ 130 อัศวิน A ที่ไม่มีความทะเยอทะยาน
ในวันนี้ ขณะที่ฟางหนิงกำลังตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันอยู่นั้น เทพแห่งระบบก็ควบคุมร่างกายของอัศวิน A แล้วเปิดแผนที่ออกจัดการปีศาจ จากนั้นข้อความ QQ ของเจิ้งต้าวก็ดังขึ้นอีกครั้ง

เจิ้งต้าว “นายท่าน สำนักสัจธรรมกำลังดำเนินการสรุปสิ้นปี พวกเขาขอแสดงความเสียใจไปยังหน่วยสหกรณ์โดดเด่น โดยขอเข้าพบนายท่านทั้งสอง”

ฟางหนิงกำลังจะปฏิเสธ เพราะเทพแห่งระบบกำลังยุ่งมากในตอนนี้ เขาจะมีเวลาคุยกับพวกเขาได้อย่างไร?

แต่ฟางหนิงก็ตกลงหลังจากใคร่ครวญเรื่องนี้อีกที ไม่มีเหตุผลอื่นเลย เพราะนักโทษของ “เรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์” จะต้องเปลี่ยนสกินก่อน จึงจะสามารถเข้าร่วม “อสูร” เพื่อรับทองได้ เมื่อถึงตอนนั้นจะมีปัญหามากมายในสำนักสัจธรรมแน่นอน

สองวันต่อมาอัศวิน A ก็กลับไปที่วิลล่า ในห้องนั่งเล่นที่ไม่ได้ถูกตกแต่งอะไรเอาไว้นั้นได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากคนของสำนักสัจธรรม

ชายหญิงคู่หนึ่งมาที่นั่น ทั้งสองหน้าตาธรรมดาทั่วไป ไม่หล่อไม่สวย ผู้หญิงอายุราว 20 กว่าๆ ท่าทางยังสาวและมีเสน่ห์ ส่วนผู้ชายนั้นอายุราว 40 ปี ท่าทางสงบเงียบและซื่อสัตย์

หลังจากที่เจิ้งต้าวชงชาหลงจิ่งชั้นดีและยกไปเสิร์ฟให้พวกเขาแล้ว เขาก็ยืนรอคำสั่ง

ฟางหนิงเชิญพวกเขาทั้งสองดื่มชา แต่ทั้งสองกลับปฏิเสธ พวกเขาเพียงแค่จิบมันเล็กน้อยแล้วเริ่มเข้าประเด็นทันที

ชายวัยกลางคนเอ่ย “ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณ เรามาจากกลุ่มนอกสถานที่จากสำนักสัจธรรม ผมชื่อเซี่ยตง ส่วนเธอชื่อหลิวชิง ก่อนอื่นผมมาที่นี่เพื่อขอบคุณทั้งสองสำหรับความพยายามของพวกคุณในการทำให้โลกมั่นคงและเป็นระเบียบในในปีที่ผ่านมา สำหรับผลงานที่โดดเด่นนั้นนี่คือเงินรางวัล จำนวนเงินไม่เยอะมากนัก แต่สื่อถึงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ได้”

เซี่ยตงกล่าวพลางก็วางซองสีแดงซองหนึ่ง

เมื่อหลิวชิงเห็นภาพนี้ เธอก็จำได้ว่าเพื่อนร่วมงานเคยพูดเอาไว้ เมื่อพบท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณ ไม่ต้องนำของอะไรไปให้เขา เพียงแค่พกเงินไปก็จะพูดคุยได้ง่ายขึ้นแล้ว

ฟางหนิง “เกรงใจพวกคุณทั้งสองมาก ดื่มชาอีกหน่อยสิ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะขอตัวปิดจิตและฝึกซ้อมต่อ แล้วให้พ่อบ้านเจิ้งมาคุยกับพวกคุณทั้งสองแทน”

จากนั้น เซี่ยตงก็ขยิบตาให้หลิวชิง เธอรีบพูดว่า “นายท่านผู้นี้ขยันจริงๆ เราอยากจะถามว่า ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ คุณมีเป้าหมายใหม่อะไรไหม?”

ใจของฟางหนิงเต้นรัว สองคนนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?

เขาพูดกับระบบทันทีว่า “แกออกไปคุยหน่อยสิ พูดว่าเป้าหมายสำหรับปีหน้าคือการฝึกซ้อมตามปกติและปฏิบัติตนเป็นคนกล้าหาญ”

ระบบจัดการเคืนร่างอัศวิน A “ไม่มีเป้าหมายใหม่ มีเพียง ‘ปฏิบัติการเพื่อขจัดความชั่วร้าย’ เท่านั้น”

เซี่ยตงขยิบตาให้หลิวชิงอีกครั้ง อีกฝ่ายรีบพูดต่อ “ความทะเยอทะยานอันสูงส่งของท่านนั้นบริสุทธิ์ยิ่ง และเราชื่นชมมันมาก เราจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาในการฝึกซ้อม เป็นเรื่องดีที่พ่อบ้านเจิ้งจะอยู่พูดคุยกับเรา”

ปกติแล้วอัศวิน A ไม่ค่อยสนใจใครมากนัก เขาเดินออกจากห้องนั่งเล่น แล้วปล่อยให้พ่อบ้านเจิ้งพูดกับทั้งสองคน

หลังจากออกไปแล้ว ระบบก็ถามฟางหนิงว่า “โฮสตฺจะให้ระบบออกไปตอบเพื่ออะไร?”

ฟางหนิง “ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดว่าแกจริงใจและไว้ใจได้ นั่นจะทำให้คนพวกนี้รู้สึกสบายใจ”

ระบบ “ก็จริง ระบบไม่เหมือนโฮศต์ ระบบซื่อสัตย์มาโดยตลอด”

หลังจากนั่งพูดคุยกับพ่อบ้านเจิ้งได้สักพัก เซี่ยตงและหลิวชิงออกมาจากวิลล่าของอัศวิน A พวกเขาขึ้นรถสีดำ และหลังจากขับออกไปไกลได้สักระยะหนึ่งแล้ว ก็รายงานเรื่องทั้งหมดลับๆ ผ่านช่องทางออนไลน์

“ความทะเยอทะยานของอัศวิน A ยังไม่มีอะไรมาก และเป้าหมายสำหรับปีหน้ายังคงเป็นการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และปฏิบัติตนเป็นผู้กล้าหาญ หลังจากที่ฉันประเมินแล้ว สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด และยังเป็นภัยคุกคามไม่เปลี่ยนแปลง…”

…………

หนึ่งวันต่อมา ที่จื่อซานกวนทางภาคเหนือ ชายหญิงคู่หนึ่งเดินทางมาพบหม่าฟู่เทียน

ผู้ดูแลหม่า “ฮ่าฮ่า มาถึงปีที่จื่อซานกวนของฉันจะเปิดประตูเลือกสาวกที่โดดเด่นจากทั่วประเทศจีน และแสดงความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่แล้วสินะ แน่นอน ฉันยังต้องขอให้คุณช่วยเรื่องนี้…”

เซี่ยตงรายงาน “ความทะเยอทะยานของจื่อซานกวนเพิ่มขึ้น หลังจากระบุแล้ว บางอย่างก็เป็นความจริง และบางส่วนก็ถูกปกปิด ขอแนะนำให้เพิ่มระดับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นด้วย…”

จากนั้นทั้งสองก็รีบไปที่สมาคมราชาผีทางใต้ แต่พวกเขาไม่ได้เจอกับราชาผี แต่ได้เจอกับกุ่ยต้าที่เป็นลูกพี่ใหญ่ของที่นั่นแทน

กุ่ยต้า “สมาคมราชาผีของเราถือเอาความปลอดภัยของประเทศและถือประชาชนเป็นความรับผิดชอบของพวกเรามาโดยตลอด และจะไม่มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในปีหน้า”

เซี่ยตงรายงาน “สมาคมราชาผีจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่ไม่ทราบแน่ชัดในปีหน้า ขอแนะนำให้ตื่นตัวพร้อมรับมืออยู่ตลอดเวลา”

ทั้งสองทำงานร่วมกันมาโดยตลอด จึงถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา “เป้าหมายใหม่ในปีหน้าคืออะไร?”

เป็นธรรมดาที่คนที่มีประสบการณ์ชีวิตเหล่านั้นจะไม่ตอบ เขาเพียงแค่หัวเราะ “ฮ่าฮ่า” ออกมา เพื่อทำเป็นว่าตนเองคล้อยตาม

เซี่ยตงไม่ได้สนใจ เพียงแค่เจรจากับพวกเขาต่อไป แล้วพิจารณาเนื้อหาของรายงานตามความจริงหรือความเท็จของคำพูดของอีกฝ่าย

ผ่านไปกว่าสองสัปดาห์ คนทั้งสองก็ได้ค้นหาผู้ฝึกเป็นสิบคนในประเทศจีน แล้วจึงรายงานเนื้อหาของการค้นหา

เมื่อเริ่นรั่วเฟิงเห็นรายงาน ก็พูดเบาๆ ว่า “ดูเหมือนว่าในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของผู้คนจะเติบโตขึ้นอย่างมากทีเดียว จิตใจของพวกเขาไม่สงบ พวกเขาจำเป็นต้องได้รับสิ่งนั้นโดยเร็ว เพื่อจะได้มีแรงกายไม่ให้บุคคลอื่นมาเอาเปรียบ”

เมื่อเขาพูดจบ พายุก็ตามมาในไม่ช้า

…………

หลังจากที่ทั้งสองจากไปแล้ว อัศวิน A ไม่ได้เปิดแผนที่อีกต่อไป เขาฝึกฝนที่บ้าน โดยแปลงค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับให้เป็นพลังต่อสู้

ในวันนี้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาที่บ้านอีกครั้ง

ชายคนนี้เป็นชายชราหน้าตาหล่อเหลา แต่งกายด้วยชุดโบราณ แม้ว่าเขาจะแก่แล้ว แต่ดวงตาของเขาก็ยังเฉียบคม

หลังจากเห็นคนผู้นี้ ฟางหนิงก็เกือบจะคิดว่าเขามาจากสมัยโบราณ และเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยพูดกับตนแล้ว ฟางหนิงก็ยิ่งคิดว่าตนเองคิดถูก

“ข้าน้อยหวงรุ่ย ขออภัยยิ่ง ข้ามาที่นี่อย่างรีบเร่งและและมาโดยไม่ได้รับเชิญ ข้าหวังว่าท่านอัศวินจะอภัยให้” ชายชราเดินตรงไปแล้วคำนับขอโทษ

ฟางหนิงรู้ดีว่าใกล้จะสิ้นปีแล้ว และมีงานให้ทำเยอะมาก ดังนั้นเขาจึงต้อนรับแขกด้วยความใจเย็น ด้านพ่อบ้านเจิ้งก็เสิร์ฟชาให้แขกที่มาเยือนและคอยยืนอยู่ข้างๆ

ฟางหนิงยกมือขึ้นโบกไปมาเบาๆ “ไม่ทราบว่าที่ท่านมาที่นี่ มีอะไรจะชี้แนะหรือ?”

หวงรุ่ย “ท่านอัศวิน A ท่านเดินทางไปทั่วโลก ทำให้ทั่วทั้งโลกมีเสถียรภาพ และเป็นที่เคารพของผู้คน แต่ท่านเคยได้ยินชื่อหานซินและหลี่ซานมาก่อนหรือไม่?”

ฟางหนิงยกชาขึ้นจิบ และเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น เขาก็เกือบจะสำลักออกมา คนคนนี้มาจากสมัยโบราณแน่นอน แต่ฉันไม่รู้ว่าเขามาจากยุคสามก๊ก หรือยุคจ้านกว๋อ? เขาดูจะคุ้นเคยกับสองยุคประวัติศาสตร์นี้มากที่สุด และรู้ว่าในเวลานั้นมีความแตกต่างมากมาย

ดังนั้น ฟางหนิงจึงตอบกลับด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “ผมพอจะได้ยินมาบ้าง ไม่รู้ว่าที่ท่านเอ่ยถึงปราชญ์ทั้งสองนั้น หมายความว่าอะไร”

หวงรุ่ยท่าทีจริงจัง “คนของท่านตกอยู่ในอันตราย ท่านไม่รู้หรือ? แม้ว่าข้าจะเป็นคนขี้ขลาด แต่ข้าก็รู้จักความเมตตาและความชอบธรรม”

ฟางหนิงงุนงง “ในทุกๆ วัน ผมได้ช่วยชีวิตคนจำนวนมาก และผมยังไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดถึงใคร? ”

หวงรุ่ยตอบกลับ “ครอบครัวของข้าอยู่ในเมืองจี้ ทรัพย์สมบัติมากมาย และครั้งหนึ่งเคยเป็นคนละโมบโลภมาก แต่ต้องขอบคุณท่าน ท่านเป็นวีรบุรุษ ท่านได้กำจัดบุคคลนั้นตามความประสงค์แล้ว และสิ่งนี้ทำให้ทุกอย่างสงบสุข ไร้อันตราย ข้ามักจะคิดเกี่ยวกับการตอบแทนอยู่เสมอ แต่น่าเสียดายที่ทรัพย์สินทางโลกมีไม่มากแล้ว และข้าคิดว่าท่านคงจะไม่สนใจมัน และหลังจากคิดเรื่องนี้เป็นเวลานาน ข้าก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ”

ฟางหนิงคิด ‘ไม่ มีชายคนหนึ่งที่คอยจับตาดูอยู่ แต่โชคดีที่เขายุ่ง เลยไม่ต้องกังวลว่าจะออกมาทำลายการเรียนรู้ของฉันในตอนนี้’

หวงรุ่ยกล่าวต่อ “โชคดีที่ข้าน้อยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์อยู่เสมอ และถามตัวเองว่าเขามีความรู้มากแค่ไหน เมื่อเร็วๆ นี้ข้าน้อยได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการกระทำของท่าน ตอนนั้นเองที่ข้าได้ค้นพบอันตรายที่ซ่อนอยู่อย่างใหญ่หลวง หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ท่านจะประสบหายนะครั้งใหญ่ในอนาคต ข้าจึงมาเตือนท่าน”

ฟางหนิง “อันตรายอะไรกัน? ผมหวังว่าท่านจะพูดให้ผมเข้าใจมันมากกว่านี้”

หวงรุ่ยพูดเสียงเข้ม “นกย่อมหลบซ่อนคันธนู สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่ชัดเจนมากนัก และท่านก็ยิ่งต้องพยายาม ข้าเกรงว่าการต่อสู้เพื่อความชอบธรรมของท่าน คนเหล่านั้นที่ท่านได้สังหารเขาไปครั้งแล้วครั้งเล่าอาจสร้างปัญหาในอนาคตให้ท่านได้”

ทันทีที่ฟางหนิงได้ยิน เขาก็เรียกระบบอีกครั้งแล้วให้ระบบตอบกลับตามที่เขาพูดแบบในครั้งที่แล้ว

ระบบ “ฉันรู้แค่ว่า ฉัน ‘ปฏิบัติการเพื่อขจัดความชั่วร้าย’ เท่านั้น อุดมการณ์นี้ยังชัดเจนอยู่เสมอ ท่านไม่ต้องมายุ่งหรอก”

ใบหน้าของหวงรุ่ยผิดหวังอย่างมาก เขากล่าวทันที “ไอ้หยา ท่านไม่ฟังคำแนะนำของข้าเลย ข้าแค่หวังว่าท่านจะไม่เสียใจกับมันในอนาคต…”

เขาพูดจบก็หันหลังเดินออกไป

ระบบ “เดี๋ยวก่อน”

ใบหน้าของหวงรุ่ยพลันฉายแววยินดี หันกลับมาทันที “ท่านต้องการฟังคำอธิบายเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาเรื่องในภายภาคหน้าใช่ไหม?”

ระบบ “ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก เมื่อครู่ผมเพิ่งได้ยินคุณพูดว่า ‘ท่านไม่สบายใจมาตลอด ที่ไม่ได้ตอบแทนคุณ’ เพราะฉะนั้นถ้าอยากสบายใจ ง่ายมาก แค่บริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้ผมก็พอ”

หวงรุ่ยพูดไม่ออก เขาพยายามเค้นหาเสียงตนเอง “เช่นนั้น ข้าน้อยจะอุทิศทรัพย์สินของครอบครัวครึ่งหนึ่งให้กับท่าน เพื่อเป็นการชดใช้หนี้บุญคุณ”

ระบบ “ดีมาก หากมีสิ่งใดร้ายแรง สามารถติดต่อพ่อบ้านเจิ้งได้ทันที”

หวงรุ่ยท่าทางดีใจ “ขอบคุณสำหรับความกรุณา ข้าน้อยขอลา”

หลังจากพูดจบ เขาก็รีบออกไป

ฟางหนิงพูดแทบไม่ออก “ฉันขอแค่ให้แกพูดแค่ประโยคเดียว แล้วแกจะพูดต่ออีกทำไม?”

ระบบ “ระบบได้ยินมาว่าเขาอยากมอบเงินให้ แน่นอนว่าต้องพูดต่อสิ โฮสต์ไม่ต้องอายที่จะขอหรอก ระบบปล่อยให้เงินลอยไปเฉยๆ แบบนี้ไม่ได้… อีกอย่างอัศวิน A ไม่ใช่ตัวจริงของโฮสต์นะ” ถ้าเงินมาอยู่ตรงหน้าแล้วก็ต้องรับไว้ แผนการทั้งหมดของโฮสต์ยอดเยี่ยมตลอด แต่มีแผนไหนบ้างล่ะที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน?”

ฟางหนิงโต้กลับ “ฉันอยากจะเรียนรู้พฤติกรรมของคนโบราณ โอกาสมาถึงที่แล้ว แต่แกกลับทำลายมันจนไม่เหลือ”

ระบบ “คราวหน้าอย่าเล่นตัวเยอะสิ เกือบพลาดเงินไปแล้วเนี่ย…”

…………

หลังจากที่หวงรุ่ยออกจากวิลล่าของอัศวิน A เขาก็ขึ้นรถและขับรถออกไป

หลังจากขับรถมาได้ไกลแล้ว หวงรุ่ยก็ส่งโทรเลขทางไกลไปยังใครคนหนึ่งทันที “คุณทอม อัศวิน A ไม่มีความทะเยอทะยานเลย เขาเพียงแค่ต้องการฝึกฝนและขจัดความชั่วร้าย ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจากสำนักงานสัจธรรมนั่นยอมลงทุนไปกับเขามากมาย และอยากจะสนับสนุนให้เขากลายเป็นฮีโร่คนใหม่”

แมวดำทอบตอบกลับ “ถ้าเป็นกรณีนี้ เขาก็ไม่มีค่าทางยุทธศาสตร์น่ะสิ ฉันคิดหาวิธีที่จะฆ่าเขาและล้างแค้นให้แอนเดอร์สันและคนอื่นๆ ดีกว่า แม็กกี้กับแอนเดอร์สันมีความแค้นส่วนตัวและไม่อยากจัดการกับมัน แต่ฉันปล่อยให้พี่น้องในสมาคมอยู่อย่างหวาดกลัวไม่ได้หรอก”

หวงรุ่ย “นายท่านฉลาดที่สุด ผมจะคิดถึงวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ แต่ตอนนี้มีปัญหาเล็กน้อย”

ทอมถามกลับ “เกิดอะไรขึ้น?”

หวงรุ่ยรับปากว่าจะมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้กับอัศวิน A

และทรัพย์สินเป็นสมบัติของสโมสรทั้งหมด เขาไม่สามารถใช้มันได้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากทอม

ทอมแค่นเสียง “เจ้าโง่ แกพลาดจริงๆ แกไม่รู้หรือว่าอัศวิน A โลภมากแค่ไหน?”

หวงรุ่ยท่าทางหวาดกลัว “ขออภัยนายท่าน ผมคิดว่าเขาจะต้องตกใจกับคำพูดพวกนั้น แต่เขาเป็นคนโลภมากจริงๆ เหรอ? ไม่รู้ว่าสำนักสัจธรรมจะปล่อยให้เขาฝึกฝนไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนดไปทำไม”

ทอมตอบกลับ “หึ บางทีเขาอาจจะยังคิดว่าเขาสามารถฝึกฝนจนไม่มีใครทำให้เขาอับอายได้ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าทุกช่วงเวลาในโลกนี้ย่อมมีขีดจำกัดของการฝึกฝน มีแค่หยวนเท่านั้น.. . โอ้ เรื่องนี้แกไม่รู้สินะ ตัวตนของแกสำคัญมาก อย่าปล่อยให้อัศวิน A สงสัยเชียวล่ะ ตอนนี้ฉันอนุมัติให้แกใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งได้”

…………………………………………………..

บทที่ 129 อัจฉริยะสู่หัวหน้านักโทษคนใหม่
ฟางหนิงไม่ได้ถามแอนเดอร์สันตรงๆ เขาไม่ได้ตกใจเหมือนเทพแห่งระบบ เพราะเจ้าหมอนั่นเป็นคนชั่ว ถ้าหลอกถามเรื่องอื่นๆ คงไม่มีผลอะไรร้ายแรง แต่ในเมื่อมันเกี่ยวกับตัวตนของเขา จะถามออกไปง่ายๆ แบบนั้นได้เหรอ? ไม่กลัวความลับจะแตกรึไง?

ดังนั้นเขาจึงกลายร่างเป็นมังกรขาวแล้วยังบริเวณห้องขังของระบบ

แอนเดอร์สันงุนงง “เอ๋ คนที่ควรมาในครั้งนี้ ต้องเป็นพัศดีสิ? ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีมังกรมาคุม ไม่ นี่ไม่ถูกต้อง… คุณคืออัศวิน A สินะ ส่วนเมื่อครู่นั่นคงเป็นคนใช้ของคุณถึงจะถูก! ”

ฟางหนิงตกใจ เป็นไปได้ไหมที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาและร่างมนุษย์ก่อนหน้านี้เป็นคนเดียวกัน?

เขาได้ยินแอนเดอร์สันพูดออกมาเท่านั้น พร้อมกับน้ำเสียงหัวเราะถากถาง อีกฝ่ายหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ

“ไม่คิดเลย ไม่คิดเลย ด้วยชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ ไร้เทียมทาน แม้แต่ความรู้สึกทางดวงตาเทพเจ้าของฉันก็ไม่สามารถจัดการอัศวิน A ได้ ร่างกายที่แท้จริงและความรู้สึกทางจิตวิญญาณนั้นคือตัวอ่อนของมังกรสินะ!”

ซวยแล้วไง! ใบหน้าของฟางหนิงเปลี่ยนสีทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอัศวิน A ความน่ากลัวของดวงตาเทพเจ้าในการหยั่งรู้ของแอนเดอร์สันนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลยจริงๆ โชคดีหลังจากฟังต่อ เขาก็เริ่มจะสงบใจลงได้…

“มิน่าล่ะ เห็นๆ กันอยู่ว่านี่เป็นร่างมังกรจริง แต่มันมาเร็วขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่คุณต้องซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่พิเศษนี้ตลอดเวลา ใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาเทคโนโลยี AI ของมนุษย์ แล้วใช้ประสาทสัมผัสทางจิตวิญญาณของคุณเพื่อควบคุมชิปของ AI ภายนอก ผมเข้าใจหมดแล้ว! มังกรแห่งจิตวิญญาณ และมังกรขาวศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองล้วนเป็นกลอุบาย และเบื้องหลังพวกเขาก็คือคุณ ดวงตาเทพเจ้าของมังกรตัวจริงที่ควบคุมมัน!”

แอนเดอร์สันหัวเราะ “ฮ่าฮ่า” ราวกับว่าเขาได้ไขข้อสงสัยในใจของตนเอง และทุกคนก็ดูเหมือนจะผ่อนคลาย

“ฉันสงสัยมานานแล้วว่ามังกรตัวจริงนั้นแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง ระดับพลังของมันนั้นสูงมาก พัฒนามาเร็วขนาดนี้ได้ แน่นอนว่าความเข้มข้นของพลังชีวิตในช่วงปัจจุบันของโลกย่อมแข็งแกร่ง เหมาะกับมังกรตัวจริงที่จะทะลวงเข้ามา แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงรูปแบบของความคิดทางจิตวิญญาณเช่นคุณแล้ว ผมถึงได้เข้าใจ!

“ที่แท้ตระกูลมังกรตัวจริง ได้ส่งตัวอ่อนมังกรไปจัดการล่วงหน้าแล้ว และเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาก็เลยเตรียมอุปกรณ์อวกาศล้ำค่านี้ไว้ ซึ่งสามารถใช้ซ่อนจิตวิญญาณของตัวอ่อนได้

“ไม่น่าแปลกใจที่จะมีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่สามารถเข้ามาที่นี่ และคนที่มีชีวิตจะตายเมื่อพวกเขาเข้ามา เพราะมันไม่ได้มีเจตนาให้คนมีชีวิตเข้ามา ไม่อย่างนั้นจะเป็นการคุกคามจิตวิญญาณของตัวอ่อนมังกรตัวจริง

“ฮ่าฮ่า ฉันคือคนแรก คนเดียว และคนสุดท้ายที่รู้จักร่างที่แท้จริงของอัศวิน A ในโลกนี้!”

หม่าเต๋อชุน “ตอนนี้มีคนสามคนที่รู้เรื่องนี้ แอนเดอร์สัน ผู้เฒ่าเฟิง และฉัน”

ผู้เฒ่าเฟิง “ไม่ มีแค่แกสองคนเท่านั้น เมื่อครู่ฉันเล่นไพ่อยู่ แต่หลังจากนั้นก็หลับไปแล้วไม่ได้ยินอะไรเลย”

แอนเดอร์สัน “หม่าเต๋อชุน ไหนลองพูดอีกครั้งสิ เมื่อกี้นายได้ยินอะไรไหม? ผู้เฒ่าเฟิง คุณทรมานเขาในนามของผมในเขาวงกตแห่งจิต”

หม่าเต๋อชุน “อย่า อย่าทะเลาะกัน ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแหละ ทั้งตอนนี้ ในอนาคต และไม่ว่าเมื่อไหร่ แอนเดอร์สันเป็นคนเดียวที่รู้ร่างที่แท้จริงของอัศวิน A…”

ฟางหนิงพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเรื่องนี้ มันร้ายกาจจริงๆ ร้ายกาจแบบไม่มีอะไรมาวัดได้ แต่ละคนช่างชั่วร้ายมาก

แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะมองเห็นความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างเขากับร่างกายภายนอก ฟางหนิงก็ไม่แปลกใจที่ได้ยินเรื่องนี้อีกต่อไป แอนเดอร์สันเป็นคนฉลาด แต่เขาฉลาดเกินไป…

ด้วยท่าทีของอีกฝ่าย เขาไม่จำเป็นต้องถามคำถามเดิมอีกต่อไป มันพิสูจน์ได้อย่างสมบูรณ์แล้วว่าร่างมังกรและร่างมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตสองประเภท

“การแปลงร่างมังกร” เวอร์ชันที่สมบูรณ์แบบนี้ทรงพลังจริงๆ ฉลาดพอๆ กับ แอนเดอร์สัน เขาอาจจะคิดว่าร่างมังกรขาวของเขาเป็นร่างที่แท้จริงของอัศวิน A ส่วนร่างกายจริงๆ ของเขา สามารถเปลี่ยนเป็นอีกคน

ในเมื่ออีกฝ่ายเข้าใจผิดแบบนั้นไปแล้วก็ดี เพราะฟางหนิงเองก็ไม่อยากอธิบายอะไร

ฟางหนิง “สายตาแกเฉียบแหลมมาก แต่การรู้เรื่องพวกนี้จะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ฉันสามารถบดขยี้แกให้ตายได้เพียงแค่โบกมือ ทำให้วิญญาณของแกหายไป และกลายเป็นสามคนสุดท้ายที่รู้จักร่างที่แท้จริงของฉัน”

แอนเดอร์สันได้ยินคำขู่นี้ ก็ไม่เหลือเค้าความภูมิใจเหมือนตอนแรกแล้ว แต่กลับยอมจำนนทันที “โปรดอภัยให้ด้วย ท่านมังกรจริง”

“ตอนนี้ท่านสามารถเอาชนะผมได้ในฐานะตัวอ่อนมังกร เพราะศักยภาพของท่านนั้นยากจะหยั่งถึง ในอนาคตท่านจะเป็นคนที่อยู่ในระดับเทพเซียนแน่นอน ผมเต็มใจที่จะอุทิศสติปัญญาและความจงรักภักดีทั้งหมดของผมให้ท่าน”

ฟางหนิงตกตะลึง เจ้าหมอนี่ฉลาดมาก ถ้าความจงรักภักดีของเขาเป็นของจริง ระบบจะสามารถตัดสินได้ไหม? เป็นไปไม่ได้ ระบบเป็นระบบด้านศิลปะการต่อสู้ มันยังต้องโหลดเทมเพลตฮีโร่อีกมากมายและไม่สามารถตัดสินได้แน่ๆ

แน่นอนว่าการแจ้งเตือนของระบบเป็นการพิสูจน์การคาดเดาของฟางหนิง

‘ระบบปราบแอนเดอร์สันตัวละครที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งด้วยพลังอันทรงพลานุภาพ อีกฝ่ายตัดสินใจสาบานว่าจะจงรักภักดี คุณสมบัติของคู่ต่อสู้นั้นสูงกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำของระบบมาก แต่แนวโน้มความดีและความชั่วของคู่ต่อสู้ขัดแย้งกันอย่างร้ายแรงกับคุณลักษณะที่กล้าหาญของระบบ และระบบจะไม่ยอมรับคู่ต่อสู้เป็นผู้ติดตาม’

แบบนี้สิถึงจะถูก ฟางหนิงลอบพยักหน้าให้ หลังจากอ่านข้อความแจ้งเตือน ทันทีที่ข้อความแจ้งเตือนนี้ปรากฏขึ้น ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยโกหกมาก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถส่งข้อความแจ้งผู้ติดตามได้

จากนั้นเขาก็มั่นใจได้ว่าหากจำเป็น เขาจะใช้ร่างมนุษย์เพื่อลงทะเบียนสถานะเหนือมนุษย์ของ “ฟางหนิง” อย่างไรก็ตาม ก่อนเล่นเกมนี้ ฟางหนิงจะใช้ร่างมังกรขาวเพื่อรับรองความถูกต้อง

แน่นอนว่ามันไม่จำเป็น และเขาก็ไม่สนใจที่จะลงทะเบียนตัวตนที่แท้จริงของเขาในฐานะยอดมนุษย์ด้วย เพราะยังไงก็ตาม ตัวตนที่แท้จริงของเขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมสถาบันที่เป็นทางการสำหรับการฝึกอบรม …

เพียงแต่ระบบไม่สามารถรับอีกฝ่ายเป็นผู้ติดตามได้ แต่เขาสามารถยอมรับได้ด้วยวาจา เพื่อให้ค่าของคนนี้เล่นได้ดีขึ้น ฟางหนิงคิดแบบนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่เทพแห่งระบบ และไม่ถูกจำกัดด้วยคุณลักษณะที่กล้าหาญของเขา ตราบใดที่เขามั่นใจว่าเขาจะไม่ถูกยั่วยุโดยผู้ชายคนนี้ให้ทำสิ่งที่ไม่ดี

แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้…เพราะร่างกายของเขาได้รับความไว้วางใจจากเทพแห่งระบบแล้ว และสิ่งเลวร้ายที่ขัดกับคุณลักษณะที่กล้าหาญก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึง

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟางหนิงก็แสร้งทำเป็นพูดขึ้นมาอีกครั้ง “เพราะความฉลาดของแก ฉันจะให้แกมีโอกาสได้ติดตามและแต่งตั้งให้แกเป็นหัวหน้านักโทษของ ‘เรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์’ นี้อย่างเป็นทางการ”

ด้านผู้เฒ่าเฟิงได้ยินดังนั้นก็เสียใจ ตอนที่มีชีวิตอยู่แอนเดอร์สันก็อยู่เหนือกว่าเขา และตอนนี้หลังจากตายเป็นผีไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าแอนเดอร์สันจะอยู่เหนือเขาอีก ต้องโทษตัวเองที่สงวนท่าทีมากเกินไป พวกผีเหล่านี้จะยอมจำนนเพื่อแลกกับความเชื่อใจต่อเจ้านายใหม่สินะ…

แอนเดอร์สันพยักหน้า “ ‘เรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์’ คุกที่เหมือนนรกนี่ควรตั้งชื่อนี้แหละ ผมถามตัวเองถึงความแข็งแกร่งของความรู้สึกทางจิตวิญญาณซึ่งหาตัวจับยากในโลกนี้ แต่ไม่มีทางที่จะหลุดพ้นจากที่นี่ได้ มีเพียงทักษะการรับรู้ทางวิญญาณบางอย่างเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ผมจะช่วยท่านจัดการเรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างดี และป้องกันไม่ให้นักโทษแม้แต่คนเดียวหลบหนีไป”

ฟางหนิง “แกไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้หรอก ไม่มีใครสามารถหลบหนีจากที่นี่ได้แน่นอน เพราะแกยังมีทักษะด้านความรู้สึกทางจิตวิญญาณอยู่บ้าง ฉันจึงไม่จำกัดการใช้ความสามารถเหล่านี้ เพื่อให้แกสามารถจัดการวิญญาณชั่วร้ายใหม่ๆ ได้ง่ายๆ

“ฉันมีบางอย่างที่อยากให้แกทำแทนฉันหน่อย เพราะก่อนหน้านี้นายเชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณ และเรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์เพิ่งจะก่อตั้งขึ้น ระบบการลงโทษยังไม่เข้าที่เข้าทาง ดังนั้นแกควรนึกถึงความรู้สึกทางจิตวิญญาณการลงโทษทั้งสิบแปดประเภท จะได้สะดวกต่อการลงโทษวิญญาณชั่วร้ายพวกนั้นในอนาคต ประการแรกคือการลงโทษพวกเขาที่กระทำบาปในชีวิตที่ผ่านมา อีกประการคือแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของเรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กล้าทำผิดพลาดในอนาคตอีก”

แอนเดอร์สัน “อย่ากังวลไปเลยนายท่าน ผมจะจัดการกับการลงโทษทางจิตวิญญาณทั้งสิบแปดประเภทโดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยให้ท่านลงโทษคนบาปเหล่านั้นได้ดีขึ้น”

เมื่อผู้เฒ่าเฟิงและหม่าเต๋อชุนได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาก็ตัวสั่นคลอน ตอนนี้อำนาจทุกอย่างในคุกแห่งนี้อยู่ในมือของแอนเดอร์สันแล้ว

หากแต่ก่อนที่ทั้งสองจะตื่นจากความกลัว ฟางหนิงก็หันหลังแล้วจากไป เพราะมีแอนเดอร์สันหัวหน้าเรือนจำมาช่วยจัดการ เขาจึงรู้สึกโล่งใจมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงวิเคราะห์สถานการณ์ต่อไป

…………

ระบบ “โฮสต์ฉลาดมาก แอนเดอร์สันกลายเป็นเครื่องมือของเราจนได้”

ฟางหนิง “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย แกเองก็สามารถทำได้แบบนี้เหมือนกันแหละนา…”

‘ระบบกำลังพิจารณา…’

‘ระบบกำลังพิจารณา…’

‘ระบบตัดสินใจใช้ร่างอัศวิน A…’

ฟางหนิงพูดไม่ออกเมื่อเห็น “ฉันตกใจหมด นึกว่าแกจะหนีไปอีกแล้ว”

ระบบตอบกลับ “ระบบอยากจับอาชญากรให้มากกว่านี้ ระบบกลัวว่า ‘เรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์’ ที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะดูทรุดโทรมเกินไป…”

ฟางหนิง “เอาล่ะ ระบบ แกเป็นระบบที่ซื่อสัตย์มาก ทำงานได้ดี เพราะฉะนั้นผู้บัญชาการคนนี้จะคอยดูแลที่แห่งนี้ให้เอง วางใจได้”

…………

อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ณ ลานสนามหญ้าเขียวชอุ่ม ต้นเบิร์ชสองสามต้นกระจัดกระจายอยู่ในนั้น หญิงสาวผิวขาวเนียนในชุดเดรสยาวสีขาวกำลังเดินอยู่บนพื้นหญ้า เธออุ้มแมวอ้วนดำอยู่ในอ้อมแขน

“ทอม บอกฉันที แอนเดอร์ตายแล้วจริงๆ ใช่ไหม?” หญิงผิวขาวถามเสียงต่ำขณะลูบขนแมวดำเบาๆ

แมวดำนอนขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาวอย่างเกียจคร้าน มีเพียงหนวดสองสามเส้นของมันที่สั่นไหวไปมา

ผ่านไปสักพัก ริมฝีปากของแมวดำก็ขยับ “วิญญาณของแอนเดอร์สันได้หายไปจากโลกนี้แล้ว และจะไม่กลับมาอีก ด้วยความช่วยเหลือจากความสัมพันธ์ครั้งก่อนของฉันกับวิญญาณของเขา ฉันสัมผัสได้ถึงข้อมูลสุดท้ายบางส่วนจากจิตวิญญาณของแอนเดอร์สัน ในตอนนี้วิญญาณของเขาอยู่ในขุมนรกแห่งหนึ่ง และดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะกลายเป็นคนสำคัญในนรกแห่งนั้น แต่หลังจากนั้นฉันก็สัมผัสอะไรไม่ได้อีกเลย เป็นไปได้ว่าเขาได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับจิตวิญญาณของฉันแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หญิงสาวก็ผุดยิ้มเล็กๆ ออกมา ใบหน้าของเธอสดใส “เจ้าหมอนั่นสมควรอยู่หรอกถ้าต้องลงนรกน่ะ… เพราะตอนมีชีวิตอยู่ก็ทำแต่เรื่องร้ายกาจ ส่วนเรื่องเป็นคนสำคัญอะไรนั่น จากความสามารถของเขาแล้วก็ไม่ได้น่าแปลกใจ แต่น่าเสียดายที่เขามีหน้าที่รับผิดชอบในการวิจัยโครงการด้านเทคนิคของเราหลายโครงการ ในบรรดาพวกคนใหม่ๆ ที่มีความสามารถนั้น แกว่ามีใครที่สามารถแทนที่เขาได้ไหม?”

แมวดำตอบกลับ “มีชาวเอเชียคนหนึ่งชื่อเปิ่นซง ความสามารถอาจอ่อนด้อยกว่าเขาเล็กน้อย แต่บุคลิกของเขาตรงไปตรงมามากกว่าแอนเดอร์สัน เขาสามารถแทนที่แอนเดอร์สันได้ และมันก็สามารถฟื้นฟูภาพลักษณ์ของสมาคมดุลอำนาจของเราได้อีกมาก”

หญิงผิวขาวพูด “ใช่ ฝึกฝนเขาให้ดี ในอนาคตจะได้ให้เขาเข้ารับตำแหน่งแทนแอนเดอร์สัน แอนเดอร์สันเก่งเกินไป ฉันคิดเรื่องกำจัดเขามานานแล้ว แต่อัศวิน A กลับยื่นมือเข้ามาจัดการเรื่องนี้แทนแล้ว หากมีโอกาสก็ค่อยไปขอบคุณเขาสักครั้งเถอะ…”

แมวดำ “เหมียว…ถึงเวลาสนับสนุนเขาแล้ว… คนสวย หยุดก่อนสิ ฉันอยากคุยกับเธอสักหน่อย…”

ตอนนั้นเอง แมวสีขาวขนสะอาดสะอ้านตัวหนึ่งก็เดินข้ามกำแพงลานไปทีละก้าวด้วยท่าทางสง่างาม เจ้าแมวดำรีบกระโดดลงจากอ้อมแขนของผู้หญิงคนนั้นทันที มันบิดร่างอ้วนๆ แล้วไล่ตามแมวสีขาวไป

หญิงผิวขาวได้แต่มองภาพนั้นเงียบๆ…

…………………………………………………………………..

บทที่ 127 กู้ภัยกำลังจะมา นับถอยหลังภายในเวลา 24 ชั่วโมง
หลังจากอ่านข้อความจากระบบ ฟางหนิงก็ถามขึ้นว่า “ต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะฟื้นฟูได้สมบูรณ์”

ระบบ “สองวัน”

ฟางหนิงพยักหน้า “ตกลง ถ้าอย่างนั้นแกก็รักษาตัวเถอะ ฉันจะไปทำธุระเรื่องหนึ่งก่อน”

ระบบ “โฮสต์คงไม่ได้จะไปสู้กับปีศาจในเกมหรอกใช่ไหม”

ฟางหนิง “ฉันดูเป็นคนไม่เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังขนาดนั้นเลยหรือยังไง? คนอื่นมีไม้ตายคือไพ่ดอกจิกเรียงกันห้าใบเชียวนะ เพราะฉะนั้นเราต้องได้คิง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม…”

หลังจากพูดจบ ฟางหนิงก็ไปที่ QQ เพื่อติดต่อกับนกฮัมมิ่งเบิร์ด การติดต่อสำนักสัจธรรมเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับเจิ้งต้าว พวกเขาจะได้รู้ว่าตอนนี้ไม่มีปัญหา แต่เมื่อพูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าอาจไม่ดีนัก เพราะนั่นอาจเป็นอันตรายกับมังกรขาวได้

นกฮัมมิงเบิร์ด “นายท่าน คำสั่งของท่านคืออะไร?”

ฟางหนิง “ซื้อเครื่องจับเวลามาสักโหลหรือมากกว่านั้นมาติดตั้ง ฉันอยากให้หน้าตาของพวกมันดูเหมือนโทรศัพท์มือถือและไม่ได้มีพลังอะไรมากมาย ตราบใดที่พวกมันสามารถฆ่าสุนัขได้ก็เพียงพอแล้ว สามารถตั้งเวลานับถอยหลังได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง และสามารถเปิดปิดการควบคุมได้ด้วยตนเอง ที่สำคัญที่สุดคือ คุณภาพต้องดีพอ แต่หากพบว่าเป็นสินค้าปลอมแปลง ฉันจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน”

นกฮัมมิงเบิร์ด “วางใจได้นายท่าน มันจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน คุณภาพสูง และส่งถึงบ้านโดยเร็วแน่นอน”

ฟางหนิง “พวกคุณเก่งจริงๆ แม้ว่าจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้สังกัดของสำนักสัจธรรม แต่พวกคุณก็ทำมันได้”

นกฮัมมิงเบิร์ด “นายท่าน เมื่อก่อนก็เป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้พวกหนูยักษ์ได้เปิดบริการการจัดส่งแล้ว หนูยักษ์ส่งไปตามทางใต้ดินอย่างรวดเร็ว ถึงแม้มันจะไม่ได้ดีเท่าบริษัทขนส่งบนพื้นดิน แต่ก็ยังสามารถเดินทางได้หลายพันลี้ต่อวัน กุญแจสำคัญคือการปกปิด ไม่ให้ใครรู้”

ฟางหนิงสะดุ้ง ‘บ้าจริง มีคนฉลาดในกลุ่มหนูยักษ์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว พวกมันได้หน้าได้ตากันแบบนี้มากี่เดือนแล้ว? ฉันพยายามสร้างระบบเศรษฐกิจของตัวเอง การขนส่งด่วนดูเหมือนจะง่าย แต่สถานะของมันสำคัญมากทีเดียว มันเทียบเท่ากับหลอดเลือดในร่างกายมนุษย์’

ด้านหนึ่งมันทำเงินในพื้นที่สีเทาของมนุษย์และในทางกลับกันก็ปรับปรุงระบบเศรษฐกิจของตัวเองด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นี่เป็นแนวทางด้านทฤษฎีที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์แนะนำให้แก่หนูยักษ์

ฟางหนิงรู้สึกกดดันอีกครั้ง เมื่อกองกำลังอันยิ่งใหญ่เหล่านี้พัฒนาพลังขึ้น ในอนาคตพวกมันจะน่ากลัวอย่างยิ่ง

ฟางหนิงเอ่ยถาม “สำนักสัจธรรมจะไม่สนใจเรื่องนี้เหรอ?”

นกฮัมมิงเบิร์ดตอบกลับ “ตามข้อมูลลับ ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะบรรลุความเข้าใจโดยปริยายผ่านสมาคมราชาผีแล้ว หนูยักษ์ไม่สามารถขนส่งสิ่งของที่มีระดับต่ำได้ แต่อย่างอื่นสามารถผ่อนปรนได้ แน่นอนว่าสำหรับนายท่าน ข้อจำกัดนี้ไม่ควรกล่าวถึง”

ฟางหนิงนึกถึงไพ่ดอกจิกของสำนักสัจธรรม ดินแดนมรดกลึกลับนั่น และเข้าใจดีว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ทำการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่กับพวกกลุ่มหนูยักษ์

พวกเขารอจนกว่าการพัฒนาจะเสร็จสิ้น แล้วจากนั้นค่อยทำลายมันในคราวเดียวโดยไม่ทิ้งปัญหาเอาไว้ในอนาคต ส่วนสิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขาในตอนนี้ก็คือการควบคุมสถานการณ์โดยรวมให้ปราศจากความวุ่นวาย และยังคงส่งเลือดไปพัฒนาดินแดนมรดกของพวกเขาต่อไป

ฟางหนิง “ลำบากพวกคุณแล้ว ไว้ของถึง แล้วค่อยมาเก็บเงินนะ”

…………

สองวันต่อมา ที่วิลล่าของฟางหนิง

ในฤดูหนาว ฟาร์มรกร้างยิ่งกว่าปกติ ยกเว้นเรือนกระจกไม่กี่แห่งที่ยังคงปลูกผักสดเอาไว้ ไร่ส่วนใหญ่กลายเป็นผืนดินเปล่า ไม่มีใครปลูกข้าวสาลีในฤดูหนาว

ในทุ่งว่างแห่งนี้หมาดำไป๋หลี่ยื่นขาหน้าออกมาและจิ้มไปที่โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่อยู่บนพื้นตรงหน้า โทรศัพท์เครื่องนี้แย่ยิ่งกว่า iphone X ที่มันซื้อผ่านทางออนไลน์อีก

โทรศัพท์เครื่องนี้ภายนอกดูเหมือนโทรศัพท์ Nokia รุ่นเก่า โดยมีหน้าจอขนาดเล็กอยู่ด้านบนและแถวของปุ่มด้านล่างหน้าจอ ปุ่มหนึ่งมีเครื่องหมาย “โทร” ส่วนอีกปุ่มหนึ่งระบุว่า “ยกเลิก” ส่วนที่เหลือเป็นปุ่มตัวอักษรและตัวเลข

มังกรขาวตัวเล็กเอ่ยขึ้น “ไป๋หลี่ นี่เป็นรางวัลใหญ่สำหรับแก ‘ด้วยลูกศรเจาะเมฆา ทหารนับพันจะพบกัน’ ซึ่งเรียกว่าลูกศรเจาะเมฆ กดตัวเลข 139 ลงไป… จากนั้นกดปุ่มโทรออกเพื่อเรียกมังกร

“ไม่ว่าแกจะอยู่ที่ไหน ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณจะมาถึงทันเวลา แน่นอนว่าถ้าแกไม่มีเรื่องด่วน ก็อย่ากดเลย ถ้าปิดการโทรออก ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณจะไม่มา”

ได้ยินคำพูดนี้ เจ้าหมาดำไป๋หลี่เท่อก็ก้มศีรษะลงทันทีและกอดโทรศัพท์ที่เหมือนก้อนอิฐหนาปึกเครื่องนั้นไว้ในอ้อมแขน มันตอบกลับ “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ ไป๋หลี่จะเรียกหาเขาเพราะเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร มันต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนสิถึงจะเรียก”

มังกรขาวตัวเล็กพยักหน้าและพูดว่า “แกฉลาดมาก อย่าเผลอกดปุ่มผิดโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะ อาวุธเวทมนตร์นี้สร้างขึ้นใหม่โดยเราเอง ดังนั้นมันจะได้รับการทดสอบเป็นเวลานาน เมื่อถึงเวลานั้นแกจะติดตามพวกเราเพื่อทดสอบทีละเมือง”

ฟางหนิง ‘ไม่สำคัญหรอกว่าแกจะเผลอกดมันไหม เพราะอย่างมากที่สุด มันจะบินข้ามฟ้าและลากแกกลับไปทานอาหารสองมื้อเพื่อเพิ่มความจำของแก”

หมาดำเงยหัวขึ้นตอบรับ “ข้าเข้าใจแล้ว นายท่าน”

ตอนที่มันพูดออกไป สายตาก็มองไปรอบด้านราวกับกำลังมองหาสุนัขตัวอื่นเพื่ออวดสมบัติของมัน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หมาเหลืองไม่ได้อยู่ที่นี่ คาดว่าอีกฝ่ายคงกำลังฝึก “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล”

ฟางหนิงตอบ “ดีมาก แต่หนังสือ “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล” ฉันอนุญาตให้แกไปถามเซวียเฟิงเพื่อเรียนรู้ได้ แกต้องรีบเรียนรู้มัน”

เจ้าหมาดำดีใจมากอีกครั้ง “ขอบคุณสำหรับของขวัญจากนายท่าน”

ฟางหนิงพูด “เอาล่ะ อย่าลืมดูแลโทรศัพท์เครื่องนี้ให้ดี เป็นการดีที่สุดที่จะขอให้พ่อบ้านเจิ้ง ทำกระเป๋าหนังที่คล้องคอให้แกได้ จะได้พกพามันได้สะดวก”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เจ้าหมาดำก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปทันที

ฟางหนิงพยักหน้า ความคิดของเขาคล้ายกับเจ้าหมาดำ ดังนั้นเขาจึงสามารถรักษาจิตใจของมันไว้ได้ ส่วนอัจฉริยะและวายร้ายอย่าง แอนเดอร์สันควรเข้าคุกและปล่อยให้เน่าตายไปในนั้นซะ..

ระบบ “โฮสต์ ทำไมคุณใจร้ายจัง…”

ฟางหนิงถลึงตาใส่ “อะไรกัน? ทั้งหมดนี้ก็เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเปิดแผนที่ของแกไง ฉันพยายามที่จะหาช่องโหว่ได้ง่ายๆ แล้วนะ นอกจากนี้ยังมีการทดสอบที่จะดำเนินการโดยเริ่มจากเมืองเถาที่อยู่ใกล้เคียง

“เซวียยปากำลังฝึกซ้อม ส่วนเจิ้งต้าวกำลังหาข้อมูล มีเพียงไป๋หลี่เท่านั้นที่ไม่ได้ทำอะไร ผิวของมันหยาบและหนามาก มันออกกำลังกายทุกวัน ผู้ที่ใช้พลังของนกฮัมมิ่งเบิร์ดในโทรศัพท์ได้ทำวิดีโอสาธิตแล้ว มันไม่ได้ใหญ่มาก ถ้าหากเปลี่ยนเป็นมังกรพ่นน้ำไปก็จะช่วยชีวิตมันไว้ได้

“อีกอย่างจากกรณีของพ่อบ้านเจิ้ง ฉันพบว่าแม้ว่าพวกเขาจะไม่พบอันตรายร้ายแรงก็จริง แต่ก็คงจะลำบากมาก หากพวกเขาต้องถูกขังอยู่ในสถานที่บางแห่งเป็นเวลานานและไม่สามารถออกไปไหนได้ เมื่อทดสอบแล้ว ก็ส่งให้พวกเขาเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต”

ระบบ “โฮสต์รอบคอบมาก ระบบอยากชมโฮสต์ว่าเหมือนดั่งสายน้ำที่ไหล…”

ฟางหนิง “หยุด อย่าให้น้ำไหลเข้าออกเลย แกต้องมีท่าทีตอบโต้ทันทีเมื่อถึงเวลา ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบ และเป็นการยากที่จะรับประกันข้อผิดพลาดอะไรได้ เมื่อโหมดช่วยเหลือพันลี้ เปิดใช้งาน ก็ต้องรีบไปช่วยทันที ”

ระบบ “ไม่เป็นไร เพราะถ้ามีข้อผิดพลาดจริง ก็ปล่อยให้วิญญาณของเขาเข้าไปในห้องขังของระบบในฐานะสุนัขเฝ้ายาม หมาดำจะมีช่วงเวลาที่ดีในนั้น”

ฟางหนิง “หยุดนะ แกหยุดความคิดนี้ไปเลย นั่นเป็นสหายที่ซื่อสัตย์และมีประโยชน์ของฉันนะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดจริงๆ ค่อยขอให้ราชาผีช่วยเขา”

…………

“โอเค การทดสอบเริ่มต้น และไป๋หลี่เท่อเริ่มใช้ ‘ลูกศรเจาะเมฆา’ เพื่อเรียกมังกรทันที”

ฟางหนิงโทรหาไป๋หลี่ด้วยโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่ง

ในเวลานี้เซวียเฟิงซึ่งกำลัง “บินอยู่” บนฟ้า ได้พาไป๋หลี่ไปเมืองเฉิงแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าหมาดำก็วาง iPhone X ลงด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือ Nokia เครื่องเก่าขึ้นมา และแตะปุ่ม “โทร” ด้วยอุ้งเท้าหน้าของมัน

จากนั้นข้อความหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอของโทรศัพท์มือถือทันที

“หน่วยกู้ภัยกำลังจะมาถึง นับถอยหลัง 24 ชั่วโมง 23:59:59…”

ในชั่วพริบตาไป๋หลี่ก็เห็นอัศวิน A ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตามันด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“ดีมาก การทดสอบสำเร็จ สามารถหยุดการโทรได้”

ไป่หลี่รู้สึกปลาบปลื้มในทันที และกดปุ่ม “ยกเลิก” อย่างรวดเร็ว มันคิดกับตัวเองว่า นายท่านใจดีกับตนมาก อาวุธวิเศษนี้คงจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมันโดยเฉพาะ ด้วยเรื่องที่มันถูกลอบโจมตีครั้งล่าสุด

สิ่งนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมหาศาลแน่นอน และฉันต้องรักมันให้เหมือนที่ฉันรักพี่ชายของฉัน

อัศวิน A พูดอีกครั้ง “โอเค ถ้าแกทำการทดสอบได้สำเร็จ ก็ไปหาที่วิ่งเล่นเถอะ บอกให้พ่อบ้านเจิ้งตอบแทนแกด้วยเงินจำนวนเล็กน้อยด้วยล่ะ”

หมาดำยืนนิ่งและนั่งยองๆ ยกขาขึ้นแสดงความเคารพ “ครับ นายท่าน”

หลังจากพูดจบ เจ้าหมาดำก็ใส่โทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องไว้ในกระเป๋าที่ด้านหน้าคอของมัน จากนั้นสุนัขก็ออกวิ่งไปอย่างมีความสุข

ในเวลานี้ อัศวิน A มองไปรอบๆ ดวงตาของเขาเป็นประกาย และเขาก็วิ่งไปยังที่แห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว

…………

ในอาคารพักอาศัยที่ค่อนข้างเก่าในเมืองเถาง อาคารชั้น 12 ในห้องเช่าแห่งหนึ่ง มีชายชราใบหน้าหมองมัวคนหนึ่งเพิ่งลุกขึ้นจากเตียงในเวลา 11 โมงเช้า

เขาเดินไปที่หน้าต่างบ้านเช่าและมองออกไปยังทางหลวงที่อยู่ใกล้กับอาคารสูงซึ่งขณะนี้แออัดไปด้วยการจราจรและผู้คนมากมาย

เขาเห็นชายหนุ่มมีเสน่ห์มากความสามารถ ฉับพลันแววตาละโมบก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาเมื่อเห็นเหยื่อ

ในโลกนี้ ในอนาคตฉันจะเป็นเทพเจ้าแห่งความตาย แม้ตอนนี้ฉันจะทำได้แค่ตามล่าพวกคนธรรมดาไปก่อน แต่ในอนาคต ฉันจะตามล่าพวกคนมีอำนาจเหล่านั้นด้วย ชีวิตและความตายของทุกคนอยู่ในกำมือฉัน

หน่วยกิจการพิเศษจะมีประโยชน์อะไร พอโตมาในเมืองที่ห่างไกลพวกนี้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกแกก็หมดหนทาง…

ในเวลานี้ ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาที่ดูราวกับเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย กำลังขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันหนึ่งอยู่ริมถนนด้านขวา ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ บนใบหน้าของเขามีเหงื่อผุดพรายเล็กน้อย ด้านหลังสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีกล่องเขียนคำว่า take away ติดอยู่

ทันใดนั้น ลมกระโชกแรงสายหนึ่งก็พัดเข้ามา กองใบไม้ที่ถูกกวาดไว้กองเป็นปลิวระเบียบกระจัดกระจาย ก่อนจะบดบังทัศนวิสัยของเขา

นักศึกษาคนนั้นใช้มือขวาออกไปปัดเป่าใบไม้ ทำให้รถส่ายโดยไม่รู้ ก่อนจะตัวล้มลงบนถนนทางหลวงพิเศษ ตอนนั้นบนถนนก็มีมีรถโฟล์คสวาเกนขับผ่านมาพอดี…

ด้วยเสียงเบรกอันรุนแรงของรถ รถโฟล์คสวาเกนคันนั้นหยุดรถได้ทันเวลา หน้าต่างถูกลดระดับลง เผยให้เห็นชายหนุ่มใบหน้าซีดเผือด

คนขับหนุ่มตบหน้าอกตนเองด้วยความตื่นตระหนก ชะเง้อคอมองไปที่สกู๊ตเตอร์และคนที่อยู่ข้างหน้ารถของเขา ระยะห่างมีเพียงแค่สามสิบเซนติเมตรเท่านั้น

คนขับหนุ่มตกใจมากและคิดว่า แต่เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เพิ่งถูกแฟนลากไปเล่นเกม “Battle of the Beasts” และฝึกฝน “Basic Refinement Magic”

เหมือนกับที่ผู้เล่นคนอื่นๆ พูดกัน เกมนี้ทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองเพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียว เพราะเพียงชั่วครู่เท่านั้นที่เขาสามารถตอบสนองต่อการเหยียบเบรกได้ทันเวลา

ไม่อย่างนั้นด้วยสถานการณ์ที่กะทันหันขนาดนี้ คงไม่มีทางเหยียบเบรกทันแน่นอน เขาเพิ่งกู้เงินมาซื้อรถซะด้วยสิ ไม่งั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

นักศึกษาเหลือบมองคนขับอีกครั้ง ก่อนจะโค้งคำนับและพูดว่า “ขอโทษครับที่ทำให้คุณลำบาก” แล้วรีบออกไปเลื่อนสกูตเตอร์ไฟฟ้ามาไว้ด้านข้างถนน

คนขับหนุ่มโบกมือไม่สนใจอะไร ดูเหมือนนักศึกษาคนนั้นจะไม่ได้ตั้งใจ เขาสตาร์ทรถแล้วขับรถต่อไป

ถนนกลับสู่ความสงบดังเดิม ไม่มีใครรู้เลยว่ามีหน่วยกิจการพิเศษอยู่ที่นี่

“น่าเสียดาย พลาดอีกแล้ว มันยากจริงๆ ที่จะเลือกคนหนุ่มสาวเป็นเป้าหมายในการตามล่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้ประโยชน์สูงสุดก็ตาม” ชายชราอยู่ชั้นบน ส่ายหัว แล้วมองไปยังคนถัดไป “ครั้งต่อไปจะไม่เลือกพวกเขาอีกแล้ว ”

“ไปในคุกเพื่อหาโอกาสอีกครั้งเถอะ…” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นข้างหู ก่อนที่ชายชราจะหายตัวไปจากห้องเช่า

…………

ในพื้นที่ห้องขังของระบบ จู่ๆ ก็เกิดห้องขังหมายเลข 3 ขึ้นมา

แอนเดอร์สัน “ตอนนี้ผมสามารถต่อสู้กับเจ้าโฮสต์นั่นได้…”

ผู้เฒ่าเฟิง “ฉันยังอยากนอน ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”

แอนเดอร์สัน “น่าเสียดาย ที่จริงผมว่าจะบอกวิธีที่ทำให้คุณได้มีชีวิตอยู่ต่อสักหน่อย ”

ผู้เฒ่าเฟิงลุกขึ้นทันที “มีวิธีนั้นด้วยเหรอ?”

แอนเดอร์สัย “ร่วมมือกับผม เพื่อต่อสู้กับโฮสต์ก่อน”

ผู้เฒ่าเฟิง “ที่นี่ไม่มีอะไรเลย จะทำได้ยังไงกัน?”

แอนเดอร์สัน “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ…”

ผู้เฒ่าเฟิง “น่าทึ่งมาก แอนเดอร์สัน มันสมองของแกสุดยอดจริงๆ แกยังสามารถพบเขาวงกตจิตในสถานที่แบบนี้ได้”

ตอนนั้นเองชายชรานิรนามก็เอ่ยขึ้น “ที่นี่คือที่ไหน ฉันอยู่ที่ไหนกัน?”

แอนเดอร์สัน “ผู้เฒ่าเฟิง เรียกสติให้กับคนมาใหม่นั่นหน่อยสิ”

ผู้เฒ่าเฟิงแสยะยิ้ม “ได้สิ แอนเดอร์สัน”

………………………………………………………..

บทที่ 128 มีแค่คนที่มีประโยชน์เท่านั้นที่จะอยู่ได้นาน
การแจ้งเตือนจากระบบ ‘ความโกรธของหม่าเต๋อชุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเต็มแล้ว ปัจจุบันระดับความโกรธบางส่วนได้รับการเติมเต็มไป 20%’

ฟางหนิงไม่ได้อ่านนิยายหรือเล่นเกม เขากำลังอ่านข่าวบนอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์เว่ยป๋ออ่านหัวข้อข่าว และเรียนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ปัจจุบันเมื่อได้รับข้อความแจ้งเช่นนี้

เอ๋ ห้องขังทั้งหมดเป็นห้องเดี่ยว จะมีนักโทษโผล่เข้ามาอีกได้ไงกัน? ใครกันที่เก่งได้ถึงขนาดนี้?

แผนการอันชั่วร้ายวายผ่านเข้ามาในหัวทันที นอกจากแอนเดอร์สันแล้วยังมีใครอีกเหรอ?

ฟางหนิงรีบเดินไปที่ห้องขังซึ่หมายเลข 3 คนที่ถูกคุมขังอยู่ในนั้นต้องเป็นคนที่มาใหม่ “หม่าเต๋อชุน” แน่นอน

ฟางหนิงเปิดหนังสือเกม

“หม่าเต๋อชุน เพศชาย งานอดิเรกคือสนใจทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการพนัน อายุ 69 ปี สถานะ ว่างงาน”

“แนวโน้มความดีและความชั่ว ความชั่ว”

“การประเมินความแข็งแกร่ง ผู้เล่นระดับถ้วย ขนาดโดยละเอียด ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบาย มีความสามารถพิเศษที่ปลุกให้ตื่นได้ยาก และมีศักยภาพสูงมาก”

“อย่างน้อยอัจฉริยะชั่วร้ายก็ถูกกำจัดแล้ว ดีจริงๆ” ฟางหนิงปิดหนังสือเกมแล้วเดินไปดู เขาเป็นคนที่มีศักยภาพสูงคนหนึ่ง ฟางหนิงเห็นเขาครั้งแรกก็รู้เลยว่าชายคนนี้หากปล่อยเอาไว้ ในอนาคตจะต้องกลายเป็นปีศาจแน่นอน

หากฟางหนิงใช้ร่างมนุษย์ในพื้นที่ระบบ รูปลักษณ์ของเขาจะเบลอ และเขาจะไม่ปรากฏพร้อมกับ “ฟางหนิง” ตัวตนที่แท้แน่นอน แต่เขาก็กลัวว่าตนเองจะลืมตัวจนบังเอิญออกจากพื้นที่ระบบไปและก่อให้เกิดปัญหาใหญ่

ฟางหนิงระมัดระวังในการปกปิดตัวตนของเขามาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากค้นพบความจริงและไพ่ไม้ตายแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามันจำเป็นมากที่จะต้องเตรียมตัวสำหรับการเคลื่อนไหวนี้ล่วงหน้าหนึ่งวัน ถ้าวันใดวันหนึ่งอัศวิน A เข้ากับเขาไม่ได้ เขาก็จะได้ใช้ตัวตนที่แท้จริงของฟางหนิงต่อไปได้เพื่อพัฒนา

ฟางหนิงมาที่ห้องขัง เขามองเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่านักโทษทั้งสามกำลังหลับอยู่ แต่ดวงตาเทพเจ้ากลับกำลังพูด

ผู้เฒ่าเฟิง “ไม่กล้าเรียก”

แอนเดอร์สัน “สามคะแนน เรียกเจ้าโฮสต์นั่นซะ”

หม่าเต๋อชุน “ไม่กล้าเรียก”

…………

แอนเดอร์สัน “ฤดูใบไม้ผลิ”

ผู้เฒ่าเฟิง “แพ้อีกแล้ว”

หม่าเต๋อชุน “ทำไมถึงได้แพ้ตลอดนะ? เหลือไพ่อีกแค่ใบเดียวแท้ๆ แกต้องโกงฉันแน่ๆ……”

แอนเดอร์สัน “ผู้เฒ่าเฟิง สอนเขาหน่อยสิว่าแบบไหนถึงเรียกว่าโกง”

…………

การแจ้งเตือนจากระบบ ‘ความโกรธของหม่าเต๋อชุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเต็มแล้ว ปัจจุบันระดับความโกรธหนึ่งถูกเติมเต็มเข้าไป 10%’

ฟางหนิงพยักหน้า บุคคลนี้ถูกระบบจับกุมแล้ว เขาไม่รู้ว่าระบบเป็นใคร ในใจจึงทำได้แค่โทษคนที่อยู่ตรงหน้า

แต่เจ้าแอนเดอร์สันนักโทษที่อยู่ในคุกนั่น เห็นได้ชัดว่าไม่มีงานอดิเรกอะไรเลย แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังมีช่วงเวลาที่ดี หรือบางทีเขากำลังปิดบังความเหงาในใจกันนะ? แต่ช่างเถอะ อย่าไปให้ค่าอะไรเขามากเลยจะดีกว่า

“พวกแกกำลังทำอะไรอยู่? นี่กำลังเล่นไพ่กันอย่างนั้นเหรอ? เล่นต่อหน้าฉันที่เป็นผู้คุมเหรอ…” ฟางหนิงทำทีครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วในพริบตาก็ถ่มน้ำลายออกมา “ถุย พวกแกกล้ามาก! คราวหน้าฉันจะเรียกพัศดีมา ถึงตอนนั้นล่ะ พวกแกได้เจอของจริงแน่”

แอนเดอร์สันรีบกล่าว “ท่านครับ อภัยให้เราด้วย ผมแค่อยากช่วยดูแลเด็กที่มาใหม่ ตอนนี้เจ้านี่เอาแต่ถามว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ตัวเองเป็นใคร จะออกไปได้ยังไง เขาเอาแต่ถามแบบนี้ทั้งวัน”

ฟางหนิงแอบชื่นชมอยู่ในใจ แอนเดอร์สันฉลาดจริงๆ เขาเอาตัวรอดเก่ง แต่เขาก็ยังเป็นจอมร้ายกาจ หลังจากที่ตนได้ฟังเรื่องทั้งหมด ก็รู้สึกไม่อยากให้เทพแห่งระบบสร้างอุปกรณ์อีก คล้ายกับเสียดายความสามารถ…

ฟางหนิงพูด “นายทำได้ดีมาก ฉันคิดว่านายสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนพวกนักโทษได้ชั่วคราว”

ทันทีที่ผู้เฒ่าเฟิงได้ยิน เขาก็นึกถึงสิ่งที่แอนเดอร์สันพูดทันทีเมื่อตอนที่เล่นไพ่ ตราบใดที่อีกฝ่ายเห็นคุณค่าของตน ตนก็จะมีอายุยืนยาวขึ้น

ผู้เฒ่าเฟิงรีบพูดขึ้นบ้าง “ฉันขอสารภาพ ฉันจะอธิบาย ฉันสามารถบอกท่านพัศดีถึงวิธีการของ ‘มือปืนมรณะ’ ได้ สองคนนี้เข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะฉันเป็นคนสอนพวกเขาเอง และที่สำคัญที่สุดคือ ‘ดวงตาแห่งภูติผี’ ฉันไม่เคยสอนใครเลย”

ฟางหนิงเริ่มสนใจ ในบรรดารางวัลที่ได้รับจากสำนักสัจธรรมสำหรับภารกิจนี้รางวัลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่ารวมมูลค่า 500 ล้านหยวน แต่นั่นยังไม่รวม “มือปืนมรณะ” ที่อัศวิน A ขอไว้อย่างชัดเจน

เขาคิดว่ามันเป็นเพราะสำนักสัจธรรมลังเล แต่กลับกลายเป็นว่ายังมีวิธีนี้ให้เรียนรู้ได้

ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าเฟิงจึงค่อยๆ อธิบาย จากนั้นการแจ้งเตือนของระบบก็ปรากฏขึ้น

การแจ้งเตือนของระบบ ‘ระบบได้รับทักษะลับ “มือปืนมรณะ” ซึ่งขัดแย้งกับระบบศิลปะการต่อสู้ที่มีอยู่ ระบบเลือกที่จะไม่เรียนรู้ ระบบได้ใช้คะแนนประสบการณ์จำนวนมากเพื่อสรุปเวอร์ชันที่สมบูรณ์แบบ’

ฟางหนิงพูดกับระบบว่า “แกตัดสินใจให้ฉันเรียนรู้อย่างนั้นนั้นเหรอ?”

ระบบตอบ “ให้พวกสุนัขสองตัวเรียนรู้ไป แม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งมากในการค้นหาศัตรู แต่พวกมันไม่สามารถเป็นแนวหน้าในสนามรบได้นาน ในการต่อสู้ครั้งที่แล้ว ระบบเห็นว่าพวกมันซ่อนตัวได้เก่งมาก โดยเฉพาะเจ้าหมาเหลือง ระบบไม่เห็นมันในแผนที่เลย แทบจะหามันไม่เจอ”

ฟางหนิงชื่นชมอย่างจริงใจ “ระบบ แกนี่สุดยอดจริงๆ”

ระบบหัวเราะ “ฮ่าฮ่า ระบบจะยอมรับคำเยินยอจากโฮสต์เอาไว้”

ฟางหนิง “เฟิงเกินเซิงดูเหมือนจะสงบขึ้นบ้างแล้ว ถ้าอย่างนั้นให้เขาเริ่มทำงานเพื่อเราเถอะ แกบอกว่าแกสามารถปรับแต่งเม็ดยาที่เติมพลังเพื่อให้วิญญาณดูดซับและรักษารูปร่างของมันได้ แกจะทำยังไง?”

ระบบตอบกลับ “ก็แค่ให้ยาชูกำลังแก่เขา แต่สมุนไพรที่เราใช้ทั้งหมดมาจากสำนักสัจธรรม คุณภาพดี แต่ราคาสูงเกินไป ทางที่ดีใช้อันที่ถูกกว่าเถอะ ยังไงคุณภาพของมันก็ใกล้เคียง ชายคนนั้นไม่ต้องฝึกหรอก แค่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว…”

ฟางหนิงพูด “นี่คงเป็นนิสัยขี้เหนียวของแกสินะ ไม่ต้องกังวลหรอก ประธานจ้าวและคนอื่นๆ กำลังมองหาที่สำหรับเริ่มทำฟาร์ม และฉันเห็นในข่าวล่าสุดว่าเมืองใหญ่หลายเมืองกำลังเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้แล้ว เร็วๆ นี้ สมุนไพรยาคุณภาพต่ำและราคาถูกทุกชนิดจะถูกผลิตออกมา ถึงเวลานั้นใครก็ตามที่ยังมีชีวิตอยู่ คงจะได้ราคาถูกยิ่งกว่านี้อีก”

ระบบ “ไม่เป็นไร”

‘ระบบใช้เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุหลัก ใช้แต้มประสบการณ์นับพัน และใช้วัตถุดิบทางการแพทย์หลายอย่าง “ชะเอมเทศ” และ “โสมสิบปี” เพื่อสร้างยาเม็ดพลังชีวิตที่กลายพันธุ์ 10 เม็ด ซึ่งจิตวิญญาณสามารถใช้เพื่อดูดซับพลังชีวิตได้’

ฟางหนิงมองไปที่ข้อความแจ้งเตือน ก่อนจะเกิดความสงสัย “ลืมเรื่องชะเอมเทศไปได้เลย ‘โสม 10 ปี’ นี้ที่อยู่ในกล่องนั้นไม่ได้ถูกเรียกว่า ‘โสมว่านเจี๋ย’ หรอกเหรอ?”

ระบบ “ม้าเทพ? พวกเขาโกงเราจริงหรือ? โสมนี้ปรากฏไว้ในกฎเกณฑ์ ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณพลังชีวิตที่ถูกดูดซึมมาเป็นเวลาสิบปีตามปกติ ระบบคิดว่ามันถูกเรียกว่า ‘โสมว่านเจี๋ย’ มาโดยตลอดสำนักงานสัจธรรมเป็นคนตั้งชื่อ ที่แท้พวกเขาก็ใช้ของไม่ดีสินะ ไม่ได้การ ต้องให้พวกเขามอบโสมว่านเจี๋ยเป็นค่าตอบแทน”

ฟางหนิงตอบกลับ “พวกเขาจ่ายให้ไม่ได้หรอก ระยะเวลาของ ‘ว่านเจี๋ย’ นั้นเกินจริงเกินไป ให้เจิ้งต้าวไปหาพวกเขาเถอะ”

หลังจากที่ฟางหนิงและระบบคุยกันอย่างลับๆ แล้ว เขาก็โยนยาเม็ดหนึ่งเข้าไปในห้องขังของเฟิงเกินเซิง “เฟิงเกินเซิง ครั้งนี้แกทำได้ดี นี่เป็นรางวัลสำหรับแก จำไว้ว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปเป็นมนุษย์อีกครั้งแล้ว แต่ก็ยังพอจะเป็นผีที่ดีได้”

“ครับ ท่านพัศดี” ผู้เฒ่าเฟิงตอบรับทันที เขาเอื้อมมือออกไปสัมผัสก็รู้ว่ามันเป็นเม็ดยาคุณภาพสูง คราวนี้เกรงว่าจะไม่มีใครกลั่นกรองได้ มีเพียงมังกรตัวจริงเท่านั้นที่สามารถทำได้ ด้วยวิธีนี้ วิญญาณและร่างกายของเขาอาจจะมีเสถียรภาพอยู่อีกหนึ่งปี เขามีความหวังทันที “ขอบคุณท่านมังกร ผมจะเปลี่ยนตัวเองเป็นผีที่ดีแน่นอนครับ”

ฟางหนิงไม่สนใจพวกเขาอีก ตอนนี้ก็ปล่อยให้พวกเขาพักผ่อนสักสองสามวันก่อนดีกว่า เพราะอีกไม่นานก็จะถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องทำงานหนักแล้ว

ฟางหนิงออกจากพื้นที่ของระบบและกลับไปดูข่าว ครึ่งปีให้หลัง โลกเปลี่ยนไปมากโดยเฉพาะในเสินโจว พร้อมกับการส่งเสริมของ “เทคนิคการปรับแต่งขั้นพื้นฐาน” บางสิ่งที่น้อยคนจะรู้จัก ได้ทยอยเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบแล้ว

กิจกรรมพิเศษบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ระดับสูงและผู้ฝึกฝนสามารถเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตในลักษณะที่ยิ่งใหญ่ แทนที่จะลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันทีที่มีการเผยแพร่ครั้งแรก เมื่อเทียบกับประเทศเปิดบางประเทศ มันยังความอนุรักษ์นิยมมาก ได้ยินว่าบางแห่งมีผู้ปฏิบัติงานบางคนแอบจัดการแข่งขันต่างๆ ในช่วงต้นหลังจากเหตุการณ์อุกกาบาต ผู้ใช้ระดับสูงได้ตื่นรู้มากขึ้นเป็นวงกว้าง และตอนนี้ พวกเขาก็ได้รับการเปิดเสรีเพิ่มเติมแล้ว ผู้ใช้ที่มีอำนาจจากตะวันตกจำนวนมากได้เข้าร่วมในสาขาธุรกิจเพื่อแสดงความสามารถของตน

หากแต่กลับเสินโจวเป็นพวกหัวโบราณมากมาก ตอนนี้มีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเพียงไม่กี่แห่งที่เปิดสาขาเกี่ยวกับงานอดิเรก เพื่อเพิ่มหลักสูตรพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูก ตั้งแต่การจำแนกประเภท การระบุ และการเพาะปลูกพืชพลังชีวิต ไปจนถึงกลไกการออกฤทธิ์ของพลังชีวิต และวิธีการใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ การสอนกำลังดำเนินการ และการวิจัยต่างๆ ก็กำลังดำเนินการอยู่เช่นกัน

สิ่งนี้จะต้องดำเนินการด้วยการสนับสนุนทางเทคนิคเบื้องหลังของสำนักสัจธรรมและหน่วยกิจการพิเศษ

แน่นอนว่า ไม่มีวิธีการเพาะปลูกที่แท้จริง หากคุณต้องการเรียนรู้ คุณต้องเลือกเข้ารับการรักษาที่หน่วยงานกิจการพิเศษในท้องถิ่น จากนั้น คุณก็จะถูกเลือกทีละขั้น

แน่นอนว่าผู้ที่เข้าสอบจะไม่สามารถเทียบได้กับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าสู่สถาบันฝึกอบรมพิเศษที่ดำเนินโดยสำนักสัจธรรมตั้งแต่เด็กๆ ผู้ที่เป็นแกนหลักและชนชั้นสูงจะได้รับการศึกษาที่สมบูรณ์ที่สุด

สำหรับผู้ที่มีความสามารถตื่นตัว เช่นเดียวกับผู้ฝึกฝนพื้นบ้าน จะไม่จัดอยู่ในหมวดของคนธรรมดาอีกต่อไป ผู้ที่ก้าวเข้าสู่กลุ่มคนพิเศษ จะมีการจัดการที่เข้มงวดกว่า

“มาตรการชั่วคราวเพื่อการบริหารงานบุคคลวิสามัญ” ฉบับใหม่กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมการและจะดำเนินการในเร็วๆ นี้

เนื้อหาโดยรวมคือ ในอนาคต บุคคลพิเศษทุกคนจะต้องฝึกฝน “เทคนิคการฝึกพื้นฐานจากพระเจ้า” และลงทะเบียนเป็นบุคคลพิเศษกับเครือข่ายเทียนหลัวผ่านสัญญาณประสาทสัมผัสแห่งสวรรค์ ส่วนผู้ที่ไม่ลงทะเบียนจะไม่มีสิทธิเข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ ทั้งสิ้น และจะไม่สามารถเข้าสถาบันที่เป็นทางการเพื่อศึกษาต่อในอนาคตได้ พวกเขาจะสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับการฝึกไม่ได้ และไม่สามารถซื้อสมุนไพรการเพาะปลูกจากช่องทางที่เป็นทางการได้เช่นกัน พวกเขาจะมีส่วนร่วมอยู่ในงานของคนธรรมดาเพียงเท่านั้น

เช่นเดียวกับ DNA สัญญาณความรู้สึกทางวิญญาณนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับคนๆ เดียว และทุกคนก็ต่างกัน หลังจากการลงทะเบียนครั้งแรกก็จะสามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของยอดมนุษย์ทั้งหมดได้ โดยไม่มีวิธีใดที่จะปลอมแปลงและแทนที่ได้

ฟางหนิงคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ และเขาเข้าใจว่าในอนาคต สัญญาณดวงตาเทพเจ้าจะกลายเป็นเครื่องมือสำหรับพวกเหนือมนุษย์ที่จะใช้ระบุตัวตนของพวกเขาได้อย่างแน่นอน

หลังจากที่เขาอ่านมันแล้ว เขาก็นึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมาทันที ตัวแทนของเขาจะหลบซ่อนต่อไปได้ยังไง

ฟางหนิงรีบถามระบบทันทีด้วยความเป็นห่วง

ระบบ “ระบบเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่หน่วยงานสำรองมีฟังก์ชั่นการควบคุมระยะไกลที่สามารถช่วยให้โฮสต์ส่งต่อสัญญาณดวงตาเทพเจ้าได้ หรือโฮสต์สามารถจับนักโทษในคุกได้ โดยให้สัญญาณดวงตาเทพเจ้าแทนร่างกาย”

ฟางหนิงคิดพลางก็ส่ายหน้า “สิ่งนี้ได้รับการแก้ไขเพียงครั้งเดียวและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ถ้านักโทษตายขึ้นมา มันจะไม่ลำบากเหรอ?”

ระบบ “แล้วต้องทำยังไงล่ะ?”

ฟางหนิงมองไปที่ร่างวิญญาณของมนุษย์ในเวลานี้ ตอนนั้นเองก็มีความคิดว่า “แกบอกว่าร่างมังกรของฉันและร่างมนุษย์ของฉันควรจะส่งสัญญาณดวงตาเทพเจ้าที่แตกต่างกันใช่ไหม? เพราะสองสิ่งนี้ควรนับเป็นสิ่งมีชีวิตสองแบบ”

ระบบ “ระบบเองก็ไม่ค่อยแน่ใจมากนัก โฮสต์สามารถถามแอนเดอร์สันได้ เขาสามารถพัฒนาดวงตาเทพเจ้าได้ถึงขนาดนี้ เขาต้องให้คำตอบโฮสต์ได้อย่างแน่นอน”

ฟางหนิง “ฉันเองก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าตอนนี้แอนเดอร์สันจะยังมีประโยชน์อยู่มาก อย่าใช้เขาเป็นเครื่องมือก่อนเลย”

ระบบตอบกลับ “ก็ได้”

ต้องบอกว่าแอนเดอร์สันเป็นอัจฉริยะตัวจริงเลยทีเดียว ขาต้องได้เห็นทุกสิ่งมาแล้วแน่นอน

ภายในคุกของระบบ สำหรับคนชั่วเหล่านี้ ฟางหนิงไม่เคยพูดว่าเขาเป็นคนใจอ่อนเลย คนที่มีประโยชน์เท่านั้นที่จะมีชีวิตยืนยาวได้ วัสดุที่ไร้ประโยชน์ย่อมถูกนำมาใช้เป็นวัสดุตามธรรมชาติ เพื่อช่วยติดตามปีศาจให้ระบบ แม้ว่าตัวเขาจะอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ แต่ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว

…………………………………………………

บทที่ 127 กู้ภัยกำลังจะมา นับถอยหลังภายในเวลา 24 ชั่วโมง
หลังจากอ่านข้อความจากระบบ ฟางหนิงก็ถามขึ้นว่า “ต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะฟื้นฟูได้สมบูรณ์”

ระบบ “สองวัน”

ฟางหนิงพยักหน้า “ตกลง ถ้าอย่างนั้นแกก็รักษาตัวเถอะ ฉันจะไปทำธุระเรื่องหนึ่งก่อน”

ระบบ “โฮสต์คงไม่ได้จะไปสู้กับปีศาจในเกมหรอกใช่ไหม”

ฟางหนิง “ฉันดูเป็นคนไม่เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังขนาดนั้นเลยหรือยังไง? คนอื่นมีไม้ตายคือไพ่ดอกจิกเรียงกันห้าใบเชียวนะ เพราะฉะนั้นเราต้องได้คิง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม…”

หลังจากพูดจบ ฟางหนิงก็ไปที่ QQ เพื่อติดต่อกับนกฮัมมิ่งเบิร์ด การติดต่อสำนักสัจธรรมเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับเจิ้งต้าว พวกเขาจะได้รู้ว่าตอนนี้ไม่มีปัญหา แต่เมื่อพูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าอาจไม่ดีนัก เพราะนั่นอาจเป็นอันตรายกับมังกรขาวได้

นกฮัมมิงเบิร์ด “นายท่าน คำสั่งของท่านคืออะไร?”

ฟางหนิง “ซื้อเครื่องจับเวลามาสักโหลหรือมากกว่านั้นมาติดตั้ง ฉันอยากให้หน้าตาของพวกมันดูเหมือนโทรศัพท์มือถือและไม่ได้มีพลังอะไรมากมาย ตราบใดที่พวกมันสามารถฆ่าสุนัขได้ก็เพียงพอแล้ว สามารถตั้งเวลานับถอยหลังได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง และสามารถเปิดปิดการควบคุมได้ด้วยตนเอง ที่สำคัญที่สุดคือ คุณภาพต้องดีพอ แต่หากพบว่าเป็นสินค้าปลอมแปลง ฉันจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน”

นกฮัมมิงเบิร์ด “วางใจได้นายท่าน มันจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน คุณภาพสูง และส่งถึงบ้านโดยเร็วแน่นอน”

ฟางหนิง “พวกคุณเก่งจริงๆ แม้ว่าจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้สังกัดของสำนักสัจธรรม แต่พวกคุณก็ทำมันได้”

นกฮัมมิงเบิร์ด “นายท่าน เมื่อก่อนก็เป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้พวกหนูยักษ์ได้เปิดบริการการจัดส่งแล้ว หนูยักษ์ส่งไปตามทางใต้ดินอย่างรวดเร็ว ถึงแม้มันจะไม่ได้ดีเท่าบริษัทขนส่งบนพื้นดิน แต่ก็ยังสามารถเดินทางได้หลายพันลี้ต่อวัน กุญแจสำคัญคือการปกปิด ไม่ให้ใครรู้”

ฟางหนิงสะดุ้ง ‘บ้าจริง มีคนฉลาดในกลุ่มหนูยักษ์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว พวกมันได้หน้าได้ตากันแบบนี้มากี่เดือนแล้ว? ฉันพยายามสร้างระบบเศรษฐกิจของตัวเอง การขนส่งด่วนดูเหมือนจะง่าย แต่สถานะของมันสำคัญมากทีเดียว มันเทียบเท่ากับหลอดเลือดในร่างกายมนุษย์’

ด้านหนึ่งมันทำเงินในพื้นที่สีเทาของมนุษย์และในทางกลับกันก็ปรับปรุงระบบเศรษฐกิจของตัวเองด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นี่เป็นแนวทางด้านทฤษฎีที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์แนะนำให้แก่หนูยักษ์

ฟางหนิงรู้สึกกดดันอีกครั้ง เมื่อกองกำลังอันยิ่งใหญ่เหล่านี้พัฒนาพลังขึ้น ในอนาคตพวกมันจะน่ากลัวอย่างยิ่ง

ฟางหนิงเอ่ยถาม “สำนักสัจธรรมจะไม่สนใจเรื่องนี้เหรอ?”

นกฮัมมิงเบิร์ดตอบกลับ “ตามข้อมูลลับ ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะบรรลุความเข้าใจโดยปริยายผ่านสมาคมราชาผีแล้ว หนูยักษ์ไม่สามารถขนส่งสิ่งของที่มีระดับต่ำได้ แต่อย่างอื่นสามารถผ่อนปรนได้ แน่นอนว่าสำหรับนายท่าน ข้อจำกัดนี้ไม่ควรกล่าวถึง”

ฟางหนิงนึกถึงไพ่ดอกจิกของสำนักสัจธรรม ดินแดนมรดกลึกลับนั่น และเข้าใจดีว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ทำการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่กับพวกกลุ่มหนูยักษ์

พวกเขารอจนกว่าการพัฒนาจะเสร็จสิ้น แล้วจากนั้นค่อยทำลายมันในคราวเดียวโดยไม่ทิ้งปัญหาเอาไว้ในอนาคต ส่วนสิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขาในตอนนี้ก็คือการควบคุมสถานการณ์โดยรวมให้ปราศจากความวุ่นวาย และยังคงส่งเลือดไปพัฒนาดินแดนมรดกของพวกเขาต่อไป

ฟางหนิง “ลำบากพวกคุณแล้ว ไว้ของถึง แล้วค่อยมาเก็บเงินนะ”

…………

สองวันต่อมา ที่วิลล่าของฟางหนิง

ในฤดูหนาว ฟาร์มรกร้างยิ่งกว่าปกติ ยกเว้นเรือนกระจกไม่กี่แห่งที่ยังคงปลูกผักสดเอาไว้ ไร่ส่วนใหญ่กลายเป็นผืนดินเปล่า ไม่มีใครปลูกข้าวสาลีในฤดูหนาว

ในทุ่งว่างแห่งนี้หมาดำไป๋หลี่ยื่นขาหน้าออกมาและจิ้มไปที่โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่อยู่บนพื้นตรงหน้า โทรศัพท์เครื่องนี้แย่ยิ่งกว่า iphone X ที่มันซื้อผ่านทางออนไลน์อีก

โทรศัพท์เครื่องนี้ภายนอกดูเหมือนโทรศัพท์ Nokia รุ่นเก่า โดยมีหน้าจอขนาดเล็กอยู่ด้านบนและแถวของปุ่มด้านล่างหน้าจอ ปุ่มหนึ่งมีเครื่องหมาย “โทร” ส่วนอีกปุ่มหนึ่งระบุว่า “ยกเลิก” ส่วนที่เหลือเป็นปุ่มตัวอักษรและตัวเลข

มังกรขาวตัวเล็กเอ่ยขึ้น “ไป๋หลี่ นี่เป็นรางวัลใหญ่สำหรับแก ‘ด้วยลูกศรเจาะเมฆา ทหารนับพันจะพบกัน’ ซึ่งเรียกว่าลูกศรเจาะเมฆ กดตัวเลข 139 ลงไป… จากนั้นกดปุ่มโทรออกเพื่อเรียกมังกร

“ไม่ว่าแกจะอยู่ที่ไหน ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณจะมาถึงทันเวลา แน่นอนว่าถ้าแกไม่มีเรื่องด่วน ก็อย่ากดเลย ถ้าปิดการโทรออก ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณจะไม่มา”

ได้ยินคำพูดนี้ เจ้าหมาดำไป๋หลี่เท่อก็ก้มศีรษะลงทันทีและกอดโทรศัพท์ที่เหมือนก้อนอิฐหนาปึกเครื่องนั้นไว้ในอ้อมแขน มันตอบกลับ “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ ไป๋หลี่จะเรียกหาเขาเพราะเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร มันต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนสิถึงจะเรียก”

มังกรขาวตัวเล็กพยักหน้าและพูดว่า “แกฉลาดมาก อย่าเผลอกดปุ่มผิดโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะ อาวุธเวทมนตร์นี้สร้างขึ้นใหม่โดยเราเอง ดังนั้นมันจะได้รับการทดสอบเป็นเวลานาน เมื่อถึงเวลานั้นแกจะติดตามพวกเราเพื่อทดสอบทีละเมือง”

ฟางหนิง ‘ไม่สำคัญหรอกว่าแกจะเผลอกดมันไหม เพราะอย่างมากที่สุด มันจะบินข้ามฟ้าและลากแกกลับไปทานอาหารสองมื้อเพื่อเพิ่มความจำของแก”

หมาดำเงยหัวขึ้นตอบรับ “ข้าเข้าใจแล้ว นายท่าน”

ตอนที่มันพูดออกไป สายตาก็มองไปรอบด้านราวกับกำลังมองหาสุนัขตัวอื่นเพื่ออวดสมบัติของมัน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หมาเหลืองไม่ได้อยู่ที่นี่ คาดว่าอีกฝ่ายคงกำลังฝึก “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล”

ฟางหนิงตอบ “ดีมาก แต่หนังสือ “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล” ฉันอนุญาตให้แกไปถามเซวียเฟิงเพื่อเรียนรู้ได้ แกต้องรีบเรียนรู้มัน”

เจ้าหมาดำดีใจมากอีกครั้ง “ขอบคุณสำหรับของขวัญจากนายท่าน”

ฟางหนิงพูด “เอาล่ะ อย่าลืมดูแลโทรศัพท์เครื่องนี้ให้ดี เป็นการดีที่สุดที่จะขอให้พ่อบ้านเจิ้ง ทำกระเป๋าหนังที่คล้องคอให้แกได้ จะได้พกพามันได้สะดวก”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เจ้าหมาดำก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปทันที

ฟางหนิงพยักหน้า ความคิดของเขาคล้ายกับเจ้าหมาดำ ดังนั้นเขาจึงสามารถรักษาจิตใจของมันไว้ได้ ส่วนอัจฉริยะและวายร้ายอย่าง แอนเดอร์สันควรเข้าคุกและปล่อยให้เน่าตายไปในนั้นซะ..

ระบบ “โฮสต์ ทำไมคุณใจร้ายจัง…”

ฟางหนิงถลึงตาใส่ “อะไรกัน? ทั้งหมดนี้ก็เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเปิดแผนที่ของแกไง ฉันพยายามที่จะหาช่องโหว่ได้ง่ายๆ แล้วนะ นอกจากนี้ยังมีการทดสอบที่จะดำเนินการโดยเริ่มจากเมืองเถาที่อยู่ใกล้เคียง

“เซวียยปากำลังฝึกซ้อม ส่วนเจิ้งต้าวกำลังหาข้อมูล มีเพียงไป๋หลี่เท่านั้นที่ไม่ได้ทำอะไร ผิวของมันหยาบและหนามาก มันออกกำลังกายทุกวัน ผู้ที่ใช้พลังของนกฮัมมิ่งเบิร์ดในโทรศัพท์ได้ทำวิดีโอสาธิตแล้ว มันไม่ได้ใหญ่มาก ถ้าหากเปลี่ยนเป็นมังกรพ่นน้ำไปก็จะช่วยชีวิตมันไว้ได้

“อีกอย่างจากกรณีของพ่อบ้านเจิ้ง ฉันพบว่าแม้ว่าพวกเขาจะไม่พบอันตรายร้ายแรงก็จริง แต่ก็คงจะลำบากมาก หากพวกเขาต้องถูกขังอยู่ในสถานที่บางแห่งเป็นเวลานานและไม่สามารถออกไปไหนได้ เมื่อทดสอบแล้ว ก็ส่งให้พวกเขาเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต”

ระบบ “โฮสต์รอบคอบมาก ระบบอยากชมโฮสต์ว่าเหมือนดั่งสายน้ำที่ไหล…”

ฟางหนิง “หยุด อย่าให้น้ำไหลเข้าออกเลย แกต้องมีท่าทีตอบโต้ทันทีเมื่อถึงเวลา ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบ และเป็นการยากที่จะรับประกันข้อผิดพลาดอะไรได้ เมื่อโหมดช่วยเหลือพันลี้ เปิดใช้งาน ก็ต้องรีบไปช่วยทันที ”

ระบบ “ไม่เป็นไร เพราะถ้ามีข้อผิดพลาดจริง ก็ปล่อยให้วิญญาณของเขาเข้าไปในห้องขังของระบบในฐานะสุนัขเฝ้ายาม หมาดำจะมีช่วงเวลาที่ดีในนั้น”

ฟางหนิง “หยุดนะ แกหยุดความคิดนี้ไปเลย นั่นเป็นสหายที่ซื่อสัตย์และมีประโยชน์ของฉันนะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดจริงๆ ค่อยขอให้ราชาผีช่วยเขา”

…………

“โอเค การทดสอบเริ่มต้น และไป๋หลี่เท่อเริ่มใช้ ‘ลูกศรเจาะเมฆา’ เพื่อเรียกมังกรทันที”

ฟางหนิงโทรหาไป๋หลี่ด้วยโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่ง

ในเวลานี้เซวียเฟิงซึ่งกำลัง “บินอยู่” บนฟ้า ได้พาไป๋หลี่ไปเมืองเฉิงแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าหมาดำก็วาง iPhone X ลงด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือ Nokia เครื่องเก่าขึ้นมา และแตะปุ่ม “โทร” ด้วยอุ้งเท้าหน้าของมัน

จากนั้นข้อความหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอของโทรศัพท์มือถือทันที

“หน่วยกู้ภัยกำลังจะมาถึง นับถอยหลัง 24 ชั่วโมง 23:59:59…”

ในชั่วพริบตาไป๋หลี่ก็เห็นอัศวิน A ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตามันด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“ดีมาก การทดสอบสำเร็จ สามารถหยุดการโทรได้”

ไป่หลี่รู้สึกปลาบปลื้มในทันที และกดปุ่ม “ยกเลิก” อย่างรวดเร็ว มันคิดกับตัวเองว่า นายท่านใจดีกับตนมาก อาวุธวิเศษนี้คงจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมันโดยเฉพาะ ด้วยเรื่องที่มันถูกลอบโจมตีครั้งล่าสุด

สิ่งนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมหาศาลแน่นอน และฉันต้องรักมันให้เหมือนที่ฉันรักพี่ชายของฉัน

อัศวิน A พูดอีกครั้ง “โอเค ถ้าแกทำการทดสอบได้สำเร็จ ก็ไปหาที่วิ่งเล่นเถอะ บอกให้พ่อบ้านเจิ้งตอบแทนแกด้วยเงินจำนวนเล็กน้อยด้วยล่ะ”

หมาดำยืนนิ่งและนั่งยองๆ ยกขาขึ้นแสดงความเคารพ “ครับ นายท่าน”

หลังจากพูดจบ เจ้าหมาดำก็ใส่โทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องไว้ในกระเป๋าที่ด้านหน้าคอของมัน จากนั้นสุนัขก็ออกวิ่งไปอย่างมีความสุข

ในเวลานี้ อัศวิน A มองไปรอบๆ ดวงตาของเขาเป็นประกาย และเขาก็วิ่งไปยังที่แห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว

…………

ในอาคารพักอาศัยที่ค่อนข้างเก่าในเมืองเถาง อาคารชั้น 12 ในห้องเช่าแห่งหนึ่ง มีชายชราใบหน้าหมองมัวคนหนึ่งเพิ่งลุกขึ้นจากเตียงในเวลา 11 โมงเช้า

เขาเดินไปที่หน้าต่างบ้านเช่าและมองออกไปยังทางหลวงที่อยู่ใกล้กับอาคารสูงซึ่งขณะนี้แออัดไปด้วยการจราจรและผู้คนมากมาย

เขาเห็นชายหนุ่มมีเสน่ห์มากความสามารถ ฉับพลันแววตาละโมบก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาเมื่อเห็นเหยื่อ

ในโลกนี้ ในอนาคตฉันจะเป็นเทพเจ้าแห่งความตาย แม้ตอนนี้ฉันจะทำได้แค่ตามล่าพวกคนธรรมดาไปก่อน แต่ในอนาคต ฉันจะตามล่าพวกคนมีอำนาจเหล่านั้นด้วย ชีวิตและความตายของทุกคนอยู่ในกำมือฉัน

หน่วยกิจการพิเศษจะมีประโยชน์อะไร พอโตมาในเมืองที่ห่างไกลพวกนี้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกแกก็หมดหนทาง…

ในเวลานี้ ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาที่ดูราวกับเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย กำลังขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันหนึ่งอยู่ริมถนนด้านขวา ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ บนใบหน้าของเขามีเหงื่อผุดพรายเล็กน้อย ด้านหลังสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีกล่องเขียนคำว่า take away ติดอยู่

ทันใดนั้น ลมกระโชกแรงสายหนึ่งก็พัดเข้ามา กองใบไม้ที่ถูกกวาดไว้กองเป็นปลิวระเบียบกระจัดกระจาย ก่อนจะบดบังทัศนวิสัยของเขา

นักศึกษาคนนั้นใช้มือขวาออกไปปัดเป่าใบไม้ ทำให้รถส่ายโดยไม่รู้ ก่อนจะตัวล้มลงบนถนนทางหลวงพิเศษ ตอนนั้นบนถนนก็มีมีรถโฟล์คสวาเกนขับผ่านมาพอดี…

ด้วยเสียงเบรกอันรุนแรงของรถ รถโฟล์คสวาเกนคันนั้นหยุดรถได้ทันเวลา หน้าต่างถูกลดระดับลง เผยให้เห็นชายหนุ่มใบหน้าซีดเผือด

คนขับหนุ่มตบหน้าอกตนเองด้วยความตื่นตระหนก ชะเง้อคอมองไปที่สกู๊ตเตอร์และคนที่อยู่ข้างหน้ารถของเขา ระยะห่างมีเพียงแค่สามสิบเซนติเมตรเท่านั้น

คนขับหนุ่มตกใจมากและคิดว่า แต่เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เพิ่งถูกแฟนลากไปเล่นเกม “Battle of the Beasts” และฝึกฝน “Basic Refinement Magic”

เหมือนกับที่ผู้เล่นคนอื่นๆ พูดกัน เกมนี้ทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองเพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียว เพราะเพียงชั่วครู่เท่านั้นที่เขาสามารถตอบสนองต่อการเหยียบเบรกได้ทันเวลา

ไม่อย่างนั้นด้วยสถานการณ์ที่กะทันหันขนาดนี้ คงไม่มีทางเหยียบเบรกทันแน่นอน เขาเพิ่งกู้เงินมาซื้อรถซะด้วยสิ ไม่งั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

นักศึกษาเหลือบมองคนขับอีกครั้ง ก่อนจะโค้งคำนับและพูดว่า “ขอโทษครับที่ทำให้คุณลำบาก” แล้วรีบออกไปเลื่อนสกูตเตอร์ไฟฟ้ามาไว้ด้านข้างถนน

คนขับหนุ่มโบกมือไม่สนใจอะไร ดูเหมือนนักศึกษาคนนั้นจะไม่ได้ตั้งใจ เขาสตาร์ทรถแล้วขับรถต่อไป

ถนนกลับสู่ความสงบดังเดิม ไม่มีใครรู้เลยว่ามีหน่วยกิจการพิเศษอยู่ที่นี่

“น่าเสียดาย พลาดอีกแล้ว มันยากจริงๆ ที่จะเลือกคนหนุ่มสาวเป็นเป้าหมายในการตามล่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้ประโยชน์สูงสุดก็ตาม” ชายชราอยู่ชั้นบน ส่ายหัว แล้วมองไปยังคนถัดไป “ครั้งต่อไปจะไม่เลือกพวกเขาอีกแล้ว ”

“ไปในคุกเพื่อหาโอกาสอีกครั้งเถอะ…” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นข้างหู ก่อนที่ชายชราจะหายตัวไปจากห้องเช่า

…………

ในพื้นที่ห้องขังของระบบ จู่ๆ ก็เกิดห้องขังหมายเลข 3 ขึ้นมา

แอนเดอร์สัน “ตอนนี้ผมสามารถต่อสู้กับเจ้าโฮสต์นั่นได้…”

ผู้เฒ่าเฟิง “ฉันยังอยากนอน ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”

แอนเดอร์สัน “น่าเสียดาย ที่จริงผมว่าจะบอกวิธีที่ทำให้คุณได้มีชีวิตอยู่ต่อสักหน่อย ”

ผู้เฒ่าเฟิงลุกขึ้นทันที “มีวิธีนั้นด้วยเหรอ?”

แอนเดอร์สัย “ร่วมมือกับผม เพื่อต่อสู้กับโฮสต์ก่อน”

ผู้เฒ่าเฟิง “ที่นี่ไม่มีอะไรเลย จะทำได้ยังไงกัน?”

แอนเดอร์สัน “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ…”

ผู้เฒ่าเฟิง “น่าทึ่งมาก แอนเดอร์สัน มันสมองของแกสุดยอดจริงๆ แกยังสามารถพบเขาวงกตจิตในสถานที่แบบนี้ได้”

ตอนนั้นเองชายชรานิรนามก็เอ่ยขึ้น “ที่นี่คือที่ไหน ฉันอยู่ที่ไหนกัน?”

แอนเดอร์สัน “ผู้เฒ่าเฟิง เรียกสติให้กับคนมาใหม่นั่นหน่อยสิ”

ผู้เฒ่าเฟิงแสยะยิ้ม “ได้สิ แอนเดอร์สัน”

………………………………………………………..

บทที่ 126 ยังคงมั่นใจในตัวโฮสต์
ทันทีที่ฟางหนิงได้ยิน เขาก็ตอบกลับทันที “ยังจะมีปีศาจที่ทรงพลังแบบนี้อีกเหรอ? ถึงบาดแผลของแกจะหายดีแล้ว แต่ฉันก็จะไม่ปล่อยแกไปเสี่ยงหรอก พื้นที่ประหลาดนี้ต่างจากพื้นที่ของอสูรในฝันร้ายเมื่อครั้งที่แล้วมาก

“คราวก่อน…แกสัมผัสได้ว่ามิติอื่นไม่มีอันตราย แต่ที่นี่ แกต้องรอจนกว่าฉันจะแน่ใจก่อน”

ระบบ “งั้นก็รีบไปหารายละเอียดสิ”

ระบบไม่ได้โต้ตอบ นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นปีศาจจำนวนมาก และไม่ได้รีบบอกว่ามันจะออกไปทำลาย

ฟางหนิงไม่ได้ออกไปทันที เขาคิดแล้วคิดอีก

พื้นที่แห่งนี้ดูเหมือนจะมีมานานแล้ว และต้องเป็นความลับในความลับแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันจะไม่มีวันถูกเปิดเผยเลย ความจริงก็คือวัตถุดิบและยาที่เปี่ยมด้วยพลังชีวิตควรจะมาจากที่นี่ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เอฟเฟกต์นี้จะทรงพลังมาก จนสามารถนำไปเป็นอาหารบำรุงเลือดได้

เขาว่าหลงฟานอาจจะเข้าไปสำรวจพื้นที่นี้บ่อยๆ อีกฝ่ายเลยเสียชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่าในนั้น ไม่อย่างนั้นทุกอย่างคงไม่บังเอิญ ทันทีที่ฟางหนิงตั้งกองทัพพันธมิตรกับเขาขึ้นมา หลงฟานก็ตายไปทันทีไปอีกรอบ ทำให้เกิดผลกระทบของ ‘การช่วยเหลือพันลี้’

คงจะเป็นเฉียวจื่อเจียวและคนอื่นๆ ที่เพิ่งประสบความสำเร็จอย่างมากและได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการฝึกอบรมพิเศษที่นี่ เพราะท้ายที่สุด พื้นที่นี้ก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และไกลเกินกว่าโลกแห่งความเป็นจริง

นี่เป็นหนึ่งในไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสำนักสัจธรรม มันถูกซ่อนอยู่ตลอดเวลา และมันไม่เคยพลาดข่าวลือใดๆ

ฟางหนิงชื่นชมความสามารถในการเก็บความลับของอีกฝ่ายมาก ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าไป๋จะไม่รู้ด้วยซ้ำ เป็นไปได้ไหมว่ามีเพียงแกนหลักและคนที่น่าเชื่อถือที่สุดเท่านั้นที่สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ? หรือไม่ก็จะมีเฉพาะคนที่เข้าไป ไม่สามารถออกมาได้?

เพียงแต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า ตนจะมีความสามารถระดับตำนานของระบบอยู่ สามารถเปิดแผนที่ระบบและเห็นว่าไพ่ไม้ตายของพวกเขาเป็นไพ่ดอกจิกเรียงกันห้าใบ

หากแต่หลงฟานที่ดูแล้วไม่ได้แข็งแกร่งอะไร มีโอกาสเข้าไปในนั้นได้ยังไงกัน? พวกเขาไม่กลัวว่าหลงฟานจะทำความลับรั่วไหลเหรอ?

ฟางหนิงนึกถึงเรื่องนี้ ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะตอบคำถามของเขาได้ และไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะรู้ว่าเขาได้ค้นพบสถานที่ลึกลับแห่งนี้แล้ว

ฟางหนิงหันกลับมาและกลับไปยังพื้นที่ระบบอีกครั้ง

…………

ในเวลานี้ แอนเดอร์สันกำลังพลิกหนังสือเล่มหนึ่งไปมา แสดงท่าทีสนอกสนใจ

“ใช้ได้ เล่มสีเขียวนี้น่าสนใจมากทีเดียว”

“อืม หลุมนี้ก็ยากต่อการป้องกันมาก แต่ฉันเห็นทุกอย่างล่วงหน้าและหลบหนีได้สำเร็จ…”

“เอ๋ แต่ดูเหมือนว่าพระเอกเรื่องนี้จะตายนี่ เพราะฉะนั้นไม่อ่านดีกว่า”

ฟางหนิงกลอกตาเมื่อได้ยินเสียงเหล่านั้นจากนอกห้องขัง ‘ดูเหมือนว่าวิธีนี้อาจจะไม่ได้ผลมากนัด อาจจะใช้หลอกเพียงครั้งเดียวได้เพื่อปิดปากพวกงี่เง่าบางคนอย่างเช่น’

ฟางหนิงกระแอมออกมา

แอนเดอร์สัน “อ้าว ท่านผู้คนใจดีอีกแล้ว ขอบคุณสำหรับหนังสือมากเลย ปกติผมไม่มีเวลาอ่านเรื่องพวกนี้หรอก แวบแรกที่เห็นก็รู้สึกโมโหนิดหน่อย แต่พออ่านอีกที กลับรู้สึกว่าน่าสนใจมาก”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก ฉันมาถามนายในฐานะที่เป็นรองประธานสมาคมดุลอำนาจแห่งชาติ ตำแหน่งระดับสูงขนาดนี้ และเป็นนักวิจัยด้านเทคนิคที่สำคัญด้วย นายต้องรู้ความลับในสมาคมไม่มากก็น้อยใช่ไหม?”

แอนเดอร์สันตอบกลับ “แน่นอนสิ ตอนนี้มันอยู่ในมือของคุณแล้ว ฉันหวังว่าความลับพวกนี้จะช่วยซื้อชีวิตให้อยู่ต่อไปได้อีกสองสามวัน ”

ฟางหนิงพูด “แล้วนายรู้ไหมว่ามีมิติชนิดหนึ่ง ที่สามารถรองรับห่วงโซ่สิ่งมีชีวิตทั้งหมด รวมถึงสัตว์ป่า ป่าไม้ และแม่น้ำได้”

แอนเดอร์สันเอ่ยเสียงเรียบ “โอ้ นั่นคือสถานที่ที่เป็นดินแดนมรดก มันคือแกนหลักและรากฐานที่สำคัญที่สุดขององค์กรขนาดใหญ่ มังกรตัวจริงของคุณอยู่ตามลำพัง คาดว่าคุณไม่มีโอกาสค้นพบทางเข้าที่ซ่อนอยู่สู่ดินแดนมรดกในโลกแห่งความเป็นจริงได้ มีเพียงองค์กรที่มีจำนวนคนและเครื่องมือจำนวนมากเท่านั้นที่กระจายไปทั่ว จึงเป็นไปได้ที่จะสังเคราะห์ข้อมูลที่ผิดปกติจำนวนมากและวิเคราะห์ทางเข้าดินแดนมรดก เราพยายามหาทางเข้าดินแดนมรดกมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่เราหามันไม่เจอ”

ได้ยินเช่นนี้ ฟางหนิงก็นึกถึงปีศาจในฝันขึ้นมาทันที แอนเดอร์สันพูดถูกแล้ว

ถ้ามันไม่โดนปากกระบอกปืนของเทพแห่งระบบ ใครจะคิดว่ามันยังมีพื้นที่อิสระอยู่ล่ะ? ผู้คนสามารถอยู่ในนั้นได้ถึงครึ่งปีเหรอ? มันเป็นการพัฒนาที่ยังไม่สมบูรณ์ และสามารถใช้เป็นกับดักได้เท่านั้น และนั่นแตกต่างจากที่ฉันเห็นในครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง

ฟางหนิงถามต่อ “เพราะมันเป็นหัวใจสำคัญ ดังนั้นจึงต้องถูกเก็บเป็นความลับแน่นอน แต่ในองค์กรใหญ่มีคนเยอะและต้องมีคนระแคะระคายเรื่องนี้บ้าง ทำไมถึงไม่ได้ยินข่าวลือหลุดมาภายนอกเลย?”

แอนเดอร์สันยิ้ม “นั่นทำได้ไม่ยาก ฉันรู้ว่ามีอย่างน้อยสองเทคนิคที่สามารถทำได้ หนึ่งคือจิตต้องห้าม และอย่างที่สองคือเขาวงกตจิต แบบแรกคือ เมื่อมีคนคิดจะเปิดจิต ระบบจะถูกสั่งให้หยุดทันที ส่วนอย่างหลังนั้นมีพลังและลึกลับมากกว่า มันทำให้ผู้คนสูญเสียความทรงจำได้ และสามารถรักษาเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น หรือปฏิบัติต่อเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นเหมือนเคยเกิดขึ้นแล้วได้ด้วย

“โดยทั่วไปจะใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน สมาชิกองค์กรที่มีอำนาจระดับล่างใช้เขาวงกตจิต ในขณะที่ผู้มีอำนาจระดับสูงได้รับอนุญาตให้ใช้จิตต้องห้าม แน่นอนว่าสำหรับบางคนอาจใช้ทั้งสองวิธี”

ฟางหนิงรู้ทันทีว่าทำไมเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ ถึงไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับดินแดนมรดกเลย

องค์กรขนาดใหญ่เหล่านี้แต่ละแห่งล้วนมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งมาก แต่แล้วจู่ๆ อัศวิน A ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างกะทันหันภายในเวลาครึ่งปีก็อาศัยข้อได้เปรียบเฉพาะของระบบ เป็นผู้นำในแง่ของกำลังส่วนบุคคลมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีกำลังที่จะพิจารณาทิศทางอื่น เมื่อเทียบกับอีกฝ่ายโดยรวมแล้วก็ยังล้าหลังอยู่มาก

นอกจากนี้เขายังคิดถึงสถานการณ์ก่อนที่เจิ้งต้าวจะรู้ตัวว่าเขาไม่ได้สื่อสารกับเขาผ่าน QQ ใบหน้าที่สับสนและมั่นใจว่าเขาได้รับอนุญาตจากตนและท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณ ดังนั้นเขาจะถอยและฝึกฝนด้วยความสงบเงียบๆ มันเป็นผลหลังจากที่เขาเข้าไปในเขาวงกตจิต

ฟางหนิงพูด “นี่ นายจะเปิดโปงข่าวเรื่องดินแดนมรดกไหม? เป็นไปได้ไหมว่าตำแหน่งระดับสูงอย่างนายไม่มีข้อจำกัดใดๆ?”

แอนเดอร์สันยิ้มกริ่ม “คุณลืมไปแล้วว่าหรือว่าความรู้สึกทางจิตวิญญาณของฉันแข็งแกร่งแค่ไหน? ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยใช้ทั้งสองวิธีและไม่สามารถบอกใครเกี่ยวกับดินแดนมรดกได้ เพียงแต่ว่าฉันเข้าใจทั้งสองวิธีนั้นอย่างถ่องแท้ เพราะว่าไม่ว่าจิตต้องห้าม หรือจะเขาวงกตจิต ผมได้ศึกษามันจนเข้าใจแล้ว”

ฟางหนิงเพิกเฉยต่อคนตรงหน้าที่กำลังโอ้อวด เขาได้รับข้อมูลเพียงพอจากอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว

อีกฝ่ายไม่ควรรู้เรื่องของดินแดนมรดก และท้ายที่สุด พวกสมาคมดุลอำนาจแห่งชาติ ก็ไม่ได้มีดินแดนมรดกแม้แต่ที่เดียวเป็นของตัวเอง

ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนั้นจะผิดปกติมาก และฉันไม่สามารถจะสอบถามจากใครอื่นได้ เพราะที่นี่น่าจะเป็นจุดสำคัญที่สุดของสำนักสัจธรรมที่กำลังดำเนินการอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะประกาศเรื่องนี้ออกไป ใครก็ตามที่พบเจอคนในระดับล่างนี้ มีผลที่คาดเดาไม่ได้

ฟางหนิงเดินออกจากพื้นที่ของระบบและส่งต่อข่าวไปยังระบบ

เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “สถานที่แห่งนั้น แกสามารถไปที่นั่นได้หลังจากที่แกรู้สึกว่าแกมีพลังเหนือกว่าปีศาจพวกนั้นแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลงฟานตายที่นั่นแน่นอน แต่เขาไม่รู้ตัว คราวนี้แกอย่าวิ่งหนีเป็นอันขาด ถ้าแกจะตาย ฉันก็จะตายไปกับแก ตายคนเดียว แต่คร่าถึงสองชีวิต”

ระบบ “ถ้าโฮสต์ไม่ไป ระบบก็จะไม่ไป”

ฟางหนิงตอบกลับ “ไม่เป็นไร ตอนนั้นฉันได้รู้แล้วว่าทำไมแกถึงได้บอกว่า ‘ความช่วยเหลือพันลี้’ นั้นมีค่าไม่น้อยไปกว่าการเปิดใช้งานโมดูลความชอบธรรมในช่วงแรก และเป็นความจริงที่แกค้นพบสถานที่ลึกลับแห่งนี้ล่วงหน้าก่อนแล้ว”

ระบบ “แน่นอน โฮสต์สามารถดูว่ามันทรงพลังแค่ไหนได้ เพียงแค่ดูที่คำอธิบายทักษะ เพราะตราบใดที่โฮสต์ใช้ความชอบธรรมเพียงพอ โฮสต์ก็สามารถข้ามพื้นที่ได้เลย”

…………

ในเวลานี้ ณ สำนักสัจธรรมที่อยู่ในดินแดนมรดก พี่น้องเฉียวจื่อซานกำลังนั่งสมาธิและฝึกฝนอยู่ในจัตุรัสเล็กๆ แห่งหนึ่ง

เฉียวจื่อซานลืมตาขึ้นมาทันที มองไปที่พี่ชายที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน ก่อนจะลุกขึ้นเงียบๆ แล้วเดินออกไป

เธอหลับตาลงและครุ่นคิดถึงบางอย่าง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง

“ความจริงแล้วฉันไม่พบอะไรเลย ไม่มีทางแล้ว ทุกครั้งที่หลงฟานเข้ามา เขาจะคิดว่าเขาเข้ามาเป็นครั้งแรก เขาไม่สามารถสะสมประสบการณ์และบทเรียนได้ และเขาจะทำผิดพลาดอยู่เสมอ ประสิทธิภาพของการตรวจจับต่ำ แต่น่าเสียดาย เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ ไม่น่าไว้วางใจ และนั่นคือทั้งหมดที่สามารถทำได้ในตอนนี้ ”

หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว เฉียวจื่อซานก็กลับที่เดิมและนั่งสมาธิฝึกฝนอีกครั้ง

ในสถานที่ที่ความเข้มข้นของพลังนั้นเหนือกว่าโลกภายนอกมาก คาดว่าคงจะใช้เวลาสองสามปีกว่าจะตามให้ทันอัศวิน A ในปัจจุบัน อีกอย่างพวกผู้อาวุโสก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาสถานการณ์ภายนอกให้มั่นคง เพื่อซื้อเวลาฝึกอบรมให้กับพนักงานหลัก

เฉียวจื่อเจียงหลับตาและตั้งสมาธิ ขจัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวใจของเธอออกไป จากนั้นจึงดำดิ่งสู่การฝึกฝน

…………

ฟางหนิงพยายามควบคุมอย่างหนัก เพราะทุกอย่างเกี่ยวกับดินแดนมรดกของสำนักสัจธรรมนั้นถูกส่งต่อไปยังก้นบึ้งของหัวใจ มันไม่ใช่สถานที่ที่ระบบสามารถสัมผัสได้ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังเป็นการเปิดโลกใหม่ให้กับเขาด้วย ฟางหนิงมองเห็นพลังที่กว้างขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น มันไม่ใช่แค่นั่งบนพื้นและดูท้องฟ้าอีกต่อไปแล้ว

แต่เขาไม่กลัว เพราะตอนนี้เขาสามารถเอาชนะแอนเดอร์สันสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้

สำนักสัจธรรมมีดินแดนมรดกไว้เพื่อแอบปรับปรุงอำนาจทางทหารของตน องค์กรขนาดใหญ่อื่นๆ ก็มีสถานที่ที่คล้ายกัน แต่เทพแห่งระบบสามารถกำจัดสัตว์ประหลาดในโลกได้ เพราะฉะนั้นฟางหนิงมั่นใจว่าหัวหน้าระบบจะไม่อ่อนแอกว่าคนอื่นแน่นอน

ยังไงก็ตาม เทพแห่งระบบก็ยังทำงานหนัก ด้านฟางหนิงก็แบ่งพลังสมองไปให้บ้าง ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย แน่นอนว่าเขาเชื่อใจในตัวระบบ…

สามวันต่อมา เจิ้งต้าวอยู่ที่เมืองจี้ก็แจ้งว่าการซื้อสมุนไพรยาได้เสร็จสิ้นแล้ว และถูกจัดเก็บไว้ชั่วคราวในโกดังสำคัญของสำนักสัจธรรม ซึ่งมีมูลค่ารวม 230 ล้านหยวน

นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่าสำนักสัจธรรมได้มอบรางวัลภารกิจพร้อมโบนัส 500 ล้านหยวนให้ และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหน่วยสหกรณ์ระดับสาม ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงหน่วยสหกรณ์ยอดเยี่ยมประจำปีนี้ เพื่อเปิดตลาดภายในเพิ่มเติม และเพิ่มอำนาจการแบ่งปันข่าวกรอง

ฟางหนิงยกย่องเขาและตามตัวดาบไร้ปราณีเซวียเฟิง ให้พาตนบินตรงไปยังตำแหน่งปัจจุบันของอีกฝ่าย

อัศวิน A ตามเจิ้งต้าวไปที่โกดัง ตอนแรก เขาคิดว่าโกดังทั้งหมดจะมีแต่พวกวัตถุดิบยา แต่กลับกลายเป็นว่าโกดังนั้นว่างเปล่า

จนกระทั่งเจิ้งต้าวและผู้ดูแลโกดังนำพวกเขาไปดูสมุนไพรที่มุมหนึ่ง เมื่อพวกเขาเดินผ่าน กลิ่นของสมุนไพรก็ลอยมาแตะจมูก และมีกระเป๋าเดินทางใบเล็กวางอยู่ที่มุมห้อง

เงินจำนวน 230 ล้านหยวนอยู่ในกระเป๋าใบนี้

กลิ่นหอมของยาลอยออกมาจากด้านใน ด้านนอกกล่องมีรายชื่อยายาวๆ เช่น ‘เห็ดหลินจือพันปี’ และ ‘โสมว่านเจี๋ย’ ติดอยู่

ในเวลานี้ผู้รับผิดชอบคลังสินค้าก็แนะนำว่า “สมุนไพรยาพวกนี้ได้รับการปลูกอย่างพิถีพิถีนโดยสำนักสัจธรรมของเราเป็นเวลาหลายปี และเราได้เลือกสถานที่ที่มีความเข้มข้นสูงสุดสำหรับการเพาะปลูกและนอกภาครัฐทั่วไป องค์กรต่างๆ ไม่มีทางซื้อได้ในขณะนี้ เฉพาะผู้ทำงานร่วมกันที่มีคะแนนเพียงพอเท่านั้นจึงจะสามารถจำกัดการจัดหาได้ และแม้ว่าราคาจะแพง แต่ในแง่ของคุณภาพ ทั้งหมดนั้นก็ถือว่าดีที่สุดและคุ้มค่าเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน”

ฟางหนิงคิดเกี่ยวกับดินแดนมรดก ‘ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง พวกเขาผูกขาดด้านธุรกิจโดยตรง และเมื่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรยาเหล่านี้ได้รับการปลูกขึ้นมา ใครจะได้กำไรสูงสุด ไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่าใคร’

ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อส่งเสริมวิธีการปลูกสมุนไพรยาเหล่านี้ให้กับคนรวย ปรากฏว่าได้กลายเป็นการเพาะปลูกหลัก เพราะหลังจากการจัดหาสมุนไพรหลักสำหรับพลังชีวิตเพียงพอแล้วและมีราคาที่มั่นคง มีกลุ่มผู้บริโภคเพียงพอก็จะเปิดตัวสมุนไพรระดับพรีเมี่ยมเหล่านี้ได้ และหากมีผู้บริโภคไม่เพียงพอ ก็จะไม่มีการเปรียบเทียบ ส่วนทองคำก็ไม่สามารถขายได้ราคาดี มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยินดีที่จะใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อมัน

เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะเขารู้ความลับของดินแดนมรดกล่วงหน้า แต่เพราะเขาถูกขังอยู่ในความมืด

อัศวิน A มองไปรอบๆ และหลังจากยืนยันกับเจิ้งต้าวว่าไม่มีอะไรอื่นสำหรับเขาแล้ว เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางใบนั้นและกลับเข้าไปในพื้นที่ของระบบทันที ผู้คุมโกดังแอบรู้สึกอิจฉาอยู่ลึกๆ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ

วินาทีถัดมา ฟางหนิงก็ได้ยินข้อความแจ้งเตือนจากระบบ

ระบบแจ้งเตือน ‘ระบบใช้เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุหลัก ใช้คะแนนประสบการณ์ 1,000 แต้ม และใช้สมุนไพรยา ‘ตังกุยจิ่วจ่วน’ และ ‘ดอกคำฝอยหานถาน’ เพื่อสร้างยากระตุ้นเลือดกลายพันธุ์ ระบบใช้ยาเพิ่มเลือด และอาการบาดเจ็บของโฮสต์เริ่มฟื้นตัว’

………………………………………………

บทที่ 125 ดูเหมือนว่าจะต้องหาของสะสมพิเศษให้ตนเอง
ผู้เฒ่าเฟิงโกรธมาก โต้กลับไปว่า “ไอ้ผู้คุม แกอย่าเก่งแต่รังแกคนอื่น! พวกแกจับแอนเดอร์สันมาได้ก็ดีแล้วนี่ แต่ช่วงเวลาดีๆ มันอยู่ไม่นานหรอก!”

ฟางหนิงอึ้งไปเล็กน้อย ทำไมผู้เฒ่าคนนี้ถึงได้หยิ่งผยองนัก?

แอนเดอร์สันพึมพำ “เบาๆ หน่อยสิ ผู้เฒ่าเฟิง ดังคำสุภาษิตที่ว่า เมื่อตนด้อยค่าและด้อยโอกาสกว่าคนอื่น ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรม คุณมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่วัน ต้องหยาบคายถึงขนาดนี้เลยเหรอ ฉันจะไม่ตายในสามหรือห้าปีนี้แน่นอน เพราะฉะนั้นไม่ต้องโมโหขนาดนี้หรอก”

ฟางหนิงถามเสียงเรียบกลับไป “ผู้เฒ่าเฟิง ฟังจากที่แกพูดแล้ว นี่หมายความว่าจะมีคนมาช่วยแกอย่างนั้นเหรอ?”

ผู้เฒ่าเฟิงแค่นเสียงหัวเราะ “หึหึ แอนเดอร์สันเป็นรองประธานสมาคมดุลอำนาจแห่งชาติของเรา เขารับผิดชอบด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เขารับผิดชอบโครงการวิจัยทางเทคนิคมากมาย และโครงการนั้นต้องทำให้แกลำบากแน่ อัศวิน A!”

หัวใจของฟางหนิงเต้นผิดจังหวะ อะไรกัน เป็นไปได้ไหมว่าเพลงคลาสสิคนั่นที่บรรเลงเป็นจังหวะเบาๆ ได้กลายเป็นจังหวะแบบเพลงเก่าแล้ว?

จากนั้นเขาก็ได้ยินแอนเดอร์สันพูดต่อ

แอนเดอร์สัน “ผู้เฒ่าเฟิง คุณความจำเลอะเลือนเหรอ? ตอนนั้นที่ฉันทำการทดลอง วัตถุดิบเกิดไม่เพียงพอชั่วคราว ฉันก็เลยฆ่าเลขาคนสนิทที่ถูกส่งไปสังเกตการณ์ความคืบหน้า และหลังจากบอกทุกคนในการประชุมทางวิดีโอ ใครบางคนก็พูดขึ้นว่า หลังจากนี้เขาจะไม่สนเรื่องความเป็นความตายของฉันอีกต่อไป”

ผู้เฒ่าเฟิงเงยหน้าขึ้น ท่าทางแทบจะกระอักเลือด “แอนเดอร์สัน ไอ้โง่ ถ้าฉันพูดอะไร แกไม่ต้องเถียงฉันกลับทุกเรื่องก็ได้?”

แอนเดอร์สัน “ไม่ ผู้เฒ่าเฟิง ฉันแค่ต้องการบอกความจริงจากทัศนคติเชิงปฏิบัติของช่างเทคนิค”

ในตอนแรกฟางหนิงอยากจะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แต่เขาก็พิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง มันเป็นความจริงที่แอนเดอร์สันถูกตัดสินว่า ‘เป็นคนชั่วร้าย’ เรื่องนั้นไม่ผิดเลยสักนิด เพราะจากคำพูดของฝ่ายตรงข้าม การฆ่าคนเพราะการทดลองเป็นเรื่องธรรมชาติเหมือนกับการกินเมื่อเขาหิว

ฟางหนิงตระหนักได้ทันทีว่าหากต้องการจะให้แอนเดอร์สันพูดออกมาก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือใดมาช่วยเลย เพราะเพียงแค่ถามเขา เขาก็พร้อมที่จะคายทุกสิ่งที่คุณต้องการรู้

ดังนั้นเขาจึงถามต่อคร่าวๆ ว่า “แอนเดอร์สัน คุณกำลังพูดถึงใคร? เก่งแค่ไหนกัน?”

ผู้เฒ่าเฟิงรีบตอบกลับ “เขาคือหัวหน้าทีมของเรา ถ้าเขาใช้พลังทั้งหมดที่มี อาวุธของแกทั้งหมดก็ไม่สามารถสู้เขาได้ คราวนี้แกคงกลัวขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ? ถ้ากลัวก็ปล่อยฉันออกไปเถอะ ฉันเป็นคนสนิทของหัวหน้ากิลด์ ปล่อยให้แอนเดอร์สันตายคนเดียวที่นี่เถอะ”

ฟางหนิงตกใจ แต่ก็ได้ยินแอนเดอร์สันพูดขึ้นอีกครั้ง

แอนเดอร์สัน “ต่อหน้าฉัน เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นฉันจึงฆ่าเลขาส่วนตัวของเขาซะเพื่อเป็นสื่อในการทดลอง และเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับฉันได้เช่นกัน สำหรับผู้เฒ่าเฟิง ตอนนี้เขากลายเป็นผีไปแล้ว และคนๆ นั้นจะไม่ใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวเพื่อช่วยชีวิตคนอย่างแน่นอน เขาจะเป็นคนแรก และผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ เป็นประโยชน์และไร้ประโยชน์ ”

“แก แก…” ผู้เฒ่าเฟิงเค้นเสียงลอดไรฟัน พูดอะไรต่อไปไม่ออก

ฟางหนิง “ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ต้องการสะสมพลังงานและไม่เหมาะกับการต่อสู้เดี่ยวเลย”

แอนเดอร์สัน “ใช่ พูดตรงๆ แล้ว เขาเป็นคนอัญเชิญราชาปีศาจได้เพียงแค่กระดิกเพียงปลายนิ้วเท่านั้น…”

ฟางหนิงเริ่มรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ถ้าชายคนนั้นเป็นประเภทปรากฎตัวขึ้นในเงามืด ใครจะต้านทานเขาได้ล่ะ? โลกควรถูกตัดการเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ตไม่ใช่หรือ

ฟางหนิงถามอีกครั้ง “แอนเดอร์สัน นายต้องการเอาเทคโนโลยีอะไรจากสำนักสัจธรรมกัน ถึงทำให้พวกเขาวุ่นวายได้ขนาดนี้?”

น้ำเสียงของแอนเดอร์สันฟังดูแฝงความยินดีเอาไว้บางส่วน “ฮ่าฮ่า ในที่สุดก็มีคนอยากจะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับฉัน มา ฉันจะเล่าอะไรดีดีให้ฟัง”

ในเวลานี้ ผู้เฒ่าเฟิงที่อยู่ห้องขังถัดไป ก็ผล็อยหลับไปอีกครั้งแล้ว

คราวนี้ฟางหนิงไม่สนใจชายชราอีก ดังนั้นเขาจึงรีบเค้นข้อมูลออกจากปากหัวหน้าใหญ่ที่แท้จริงคนนี้

ฟางหนิง “ถ้านายบอกอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ฉัน ฉันจะช่วยให้นายอยู่ที่นี่อย่างสบายขึ้นอีกหน่อย”

แอนเดอร์สัน “ได้อยู่แล้ว ท่านผู้คุม ฉันแทรกซึมเข้าไปในเสินโจวโดยการใช้สัมผัสแห่งสวรรค์ เพื่อเข้าบุกรุกตาข่ายสวรรค์และโลก ขโมยเทคโนโลยีสัญญาณดวงตาเทพเจ้าและสัญญาณการแปลงร่วมอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักสัจธรรม พวกเขากำลังทดสอบเทคโนโลยีด้วยเกม กระบวนการทั้งหมดคือการที่ผู้ฝึกหัดเชื่อมต่อกับเว็บไซต์เทียนหลัวผ่านสัญญาณดวงตาเทพเจ้า จากนั้นเว็บไซต์เทียนหลัวก็จะใช้อุปกรณ์พิเศษในการแปลงสัญญาณดวงตาเทพเจ้าเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ แล้วเชื่อมต่อกับเกม

“ด้วยวิธีนี้ จุดประสงค์ของการควบคุมตัวละครในเกมด้วยดวงตาเทพเจ้านั้นจึงสำเร็จ และฉันมีความคิดที่แน่วแน่ว่า เทคโนโลยีนี้ต้องเป็นเพียงสิ่งตบตา พวกมันมีจุดประสงค์ที่ลึกซึ้งกว่านั้น”

ฟางหนิงตื่นตกใจมาก ทำให้เขานึกถึงหลุมสมองขึ้นมาทันที ถ้าหากเป็นเรื่องจริง แนวคิดของสำนักสัจธรรมคงจะยิ่งใหญ่มากแน่นอน

แอนเดอร์สันกล่าวอีกครั้ง “ในความคิดของฉัน ท่านมังกรจริง เทคโนโลยีควรจะได้รับการพัฒนาไปเรียบร้อยแล้ว ดวงตาเทพเจ้าของมังกรถูกซ่อนไว้ที่นี่ แต่มันสามารถสั่งให้ร่างกายภายนอกต่อสู้กับชิป AI ข้ามอวกาศและออกคำสั่งการต่อสู้ได้ ซึ่งการแปลงสัญญาณดวงตาเทพเจ้าและสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ห้ามขาดกัน ฉันเดาว่าสำนักสัจธรรมอาจต้องการสร้างร่างเลียนแบบมังกรจริง”

ฟางหนิง ‘ฉันขอโทษด้วย ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือเทพแห่งระบบต่างหาก ฉันใช้ความรู้สึกทางวิญญาณของฉันในการพูดเพื่อโน้มน้าวพฤติกรรมของเขา แต่นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่คุณพูดเลย’

ฟางหนิง “เอาล่ะ ในเมื่อนายพูดจริง ฉันจะให้ของขวัญนาย นายพูดภาษาจีนได้ดีกว่าฉันอีก เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

ฟางหนิงพูดออกไปอย่างนั้น ก่อนจะโยนหนังสือที่จับต้องได้ทั้งหมดที่เทพแห่งระบบเคยให้ไว้เข้าไปในห้องขังหมายเลข 1

แอนเดอร์สันประหลาดใจมาก “คนซื่อสัตย์ย่อมได้รับรางวัลจริงๆ ดูสิ ผู้เฒ่าเฟิง ท่านผู้คุมมอบอาหารหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณมาให้ฉันจริงๆ ด้วย…”

ฟางหนิง “อืม ถ้านายทำตัวดีๆ อนาคตอาจจะมีมากกว่านี้…”

แอนเดอร์สันรีบเปิดหนังสือเล่มหนึ่ง เขาพลิกมันไปมา ก่อนจะพยักหน้าตอบกลับ “ไม่ต้องกังวลเลยท่านผู้คุม ถ้าผมรู้ ผมจะไม่ปิดบังท่านเลย”

…………

สิบนาทีให้หลัง การแจ้งเตือนของระบบก็เด้งขึ้นมา ‘ความโกรธของแอนเดอร์สันที่มีต่อโฮสต์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงค่าเต็มแล้ว และสามารถดูดซับได้ ตอนนี้สล็อตความโกรธสองเต็มแล้ว’

ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้มีดวงตาเทพเจ้าที่ทรงพลังขนาดนี้เชียวหรือ หลังจากที่ค่าความโกรธถึงค่าเต็มแล้ว เพียงแค่ดูดซับก็เพียงพอสำหรับเครื่องวัดความโกรธทั้งสองอัน ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าการที่ตนโกรธโฮสต์เองมากนัก อีกอย่างก็เพิ่งให้หนังสือเล่มนี้ไปเท่านั้น หากตนเป็นผู้เขียนเองล่ะก็…

ฟางหนิงกลอกตาไปมา “”ระบบ ในอนาคตฉันจะใช้ชื่อ ท่านมังกรขาว แทนที่ชื่อหนังสือและผู้แต่งทั้งหมด”

ระบบ “โฮสต์ ฉลาดมาก”

ฟางหนิง “ไม่เลย ฉันเป็นคนโง่เง่า ฉันแค่คิดว่าฉันเสียหนังสือไปหลายเล่มแล้ว”

ระบบ “ระบบยังไม่ได้คิดถึงเคล็ดลับนี้เลย…”

หลังจากที่ฟางหนิงทำตามคำแนะนำของเขาเสร็จแล้ว ในใจก็คิดว่า ‘แค่สิบนาที แอนเดอร์สันก็จะสามารถมองเห็นแก่นแท้ของลู่เหวินได้ใช่ไหม?

ไม่น่าแปลกใจเลยที่งานอดิเรกของเขาจะไม่ถูกบันทึกเอาไว้ ฉันกลัวว่า ความบันเทิงของมนุษย์ เกมฟุตบอล นวนิยาย ดนตรี และสิ่งต่างๆ จะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขามองเห็นได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง’

การวิจัยทางเทคนิคเท่านั้นที่ทำให้เขาเรียนรู้ได้นาน แต่อย่างที่เขาพูด มันเป็นแค่งาน ไม่ใช่งานอดิเรก

อีกอย่าง เขาไม่พบสิ่งใดที่ถือว่าเป็นงานอดิเรกระยะยาวของเขาเลย

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาของสะสมพิเศษให้กับตนเอง!

…………

เมื่อออกจากพื้นที่ระบบ ฟางหนิงก็เดินไปรอบๆ ลานบ้านแถวๆ รูปปั้นของมังกรขาว เขาสูดอากาศบริสุทธิ์ระหว่างทาง แม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ต่อดวงตาเทพเจ้าของเขา แต่เขาก็รู้สึกว่า กายของมังกรค่อนข้างผ่อนคลายและมีความสุข

เมื่อแหงนมองขึ้นไป ท้องฟ้าเป็นสีคราม เมฆขาวเคลื่อนคล้อย และในนั้นยังมีจุดสีดำจุดหนึ่งปรากฎอยู่ด้วย

หลังจากลดขั้นไปถึงระดับหนึ่ง ฟางหนิงก็ตระหนักว่า

ให้ตายสิ ทำไมดาบไร้ปราณีถึงตกลงมาจากฟากฟ้ากันล่ะ?

ฟางหนิงรีบไปเรียกเทพแห่งระบบ

ทันใดนั้นมังกรเพลิงก็ปรากฏขึ้นและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

มังกรเพลิงจับเซวียเฟิงดาบไร้ปราณีวางลงบนพื้น อีกฝ่ายดูจะมีอาการมึนหัวเล็กน้อย

ฟางหนิงมองไปที่มัน อีกฝ่ายไม่ได้รับบาดเจ็บ พลขับของเขายังคงสบายดี

“เกิดอะไรขึ้น?”

เซวียเฟิงตอบกลับ “ไม่มีอะไรหรอก ฉันบินเร็วเกินไปก็เลยชนนกสองสามตัวเข้า ทำให้เวียนหัวน่ะ”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ดูเหมือนว่ารูปแบบการป้องกันบนดาบบินของนายควรจะอัพเกรดนะ”

เซวียเฟิงหยิบถุงกระดาษหนาๆ ออกมาจากแขนเสื้อของเขา “นี่เป็นยาที่ฉันเพิ่งแลกเปลี่ยนมา และอยากมอบมันให้กับท่านมังกรเพื่อใช้รักษา”

ฟางหนิงตื้นตันใจมาก เซวียเฟิงใจดีจริงๆ

เขาคงเคยได้ยินเฉียวจื่อเจียงและคนอื่นๆ พูดถึงอาการบาดเจ็บของอัศวิน A ดังนั้นจึงรีบมาส่งยาให้ ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลหลายพันลี้ก็ตาม

ฟางหนิงใช้กรงเล็บมังกรหยิบห่อกระดาษ แต่มันก็หายไปในพริบตา ไม่บอกก็รู้ว่านี่เป็นฝีมือของระบบแน่นอน

เซวียเฟิง “ท่านทั้งสอง ข้าน้อยจะขอลากลับแล้ว”

พูดจบอีกฝ่ายก็รีบออกไป

ระบบ “วัตถุดิบยาเหล่านี้ล้วนมีคุณภาพสูง ดูเหมือนว่าเซวียเฟิงจะหวังดีต่อเราจริงๆ แต่ทำไมเขาไม่เปลี่ยนเป็นสีเขียวบนแผนที่ของระบบล่ะ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเป็นกองทัพพันธมิตรอย่างนั้นเหรอ?”

ฟางหนิง “คนที่อยู่ในที่สาธารณะและพวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ดูอย่างหลงฟานสิ เป็นแค่คนงานชั่วคราวและเขาไม่มีเจตนาจะภักดีต่อสำนักสัจธรรม แต่กฎเกณฑ์ต่างๆ ก็กำหนดได้ว่าเขาเป็นพันธมิตรได้ ”

ระบบ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง… เมื่อกี้โฮสต์พูดถึงหลงฟาน มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาล่ะ”

ระบบแจ้ง ‘งูดำหลงฟานถูกคุกคามถึงความตาย แผนที่ระบบใกล้เคียงถูกเปิดชั่วคราวเป็นเวลา 24 ชั่วโมง และ “ความช่วยเหลือพันลี้” กำลังเปิดตัว ‘

ฟางหนิงเห็นข้อความแจ้งเตือนก็รีบกลับไปในพื้นที่ระบบเพื่อดูแผนที่ระบบ

เขาเห็นสถานที่แปลกประหลาด เต็มไปด้วยป่าไม้และหญ้าเขียวชอุ่ม มันเป็นสถานที่ที่ดี ที่ชายป่ามีที่ดินบางส่วนที่ขุดพบ เป็นระเบียบเรียบร้อย มีหุบเหวและทุ่งนาทีละแห่ง มีพืชแปลกๆ เติบโตในทุ่งนา ซึ่งบางต้นก็ผลิบานแล้วและแข่งขันกันเพื่อความสวยงาม

ในทุ่งนายังมีชายชุดดำสวมปลอกแขนรูปใบไม้อยู่ด้วย เขาคอยดูแล รดน้ำบ้าง กำจัดวัชพืชบ้าง เอาใจใส่มากกว่าชาวนาที่มีฝีมือบางคนด้วยซ้ำ

ฟางหนิงไม่รู้จักชื่อพืชเหล่านั้น แต่เขาจำชายเหล่านั้นได้ พวกเขาทั้งหมดเป็นสมาชิกระดับรากหญ้าของสำนักสัจธรรม

ฟางหนิงทอดสายตามองออกไปไกลๆ ก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าริมฝั่งแม่น้ำมีกองทัพขนาดใหญ่ที่มีชายชุดดำหลายหมื่นคนกำลังต่อสู้กับกลุ่มสัตว์ร้ายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ไม่รู้ว่ากลุ่มสัตว์ร้ายนั่นคืออะไร เพราะไม่มีสีใดแสดงบนแผนที่ระบบ

“การต่อสู้ของสัตว์เดรัจฉาน?!”

ฟางหนิงรู้ดีว่าทำไมเขาถึงจำชื่อนี้ได้ เพราะสัตว์ร้ายบางตัวมีความคล้ายคลึงกับบอสในเกมที่เขาเล่นมาก แทบจะถอดแบบออกมาเลยเลยทีเดียว

ฟางหนิงพลิกดูแผนที่ระบบด้วยพลังทั้งหมดของเขา แล้วลากมันมาเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะเห็นเส้นขอบ ก่อนจะพบว่ามีเมฆหมอกสีขาวขนาดใหญ่

ดูเหมือนว่าสถานที่นี้จะเป็นพื้นที่ที่แตกต่างกัน เหมือนกับพื้นที่ที่แตกต่างกันซึ่งก่อตั้งโดยอสูรฝันร้ายชั้นยอด

เห็นได้ชัดว่าพื้นที่ที่แตกต่างกันนี้มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์มากขึ้น สามารถรองรับห่วงโซ่ชีวภาพที่สมบูรณ์ต่อไปได้

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ระบบ “เกิดอะไรขึ้น?”

ฟางหนิง “แกอ่านความคิดของฉันอีกแล้วเหรอ?”

ระบบ “ความคิดของโฮสต์แข็งแกร่งเกินไป หากอ่านไม่เข้าใจก็ไม่อ่านหรอก รีบตอบสิ”

ฟางหนิง “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดที่ฉันรู้คือ ครั้งนี้อาวุธเวทมนตร์ของเราอาจถูกใช้เพื่อดึงดูดสัตว์ประหลาด ใช้เพื่อเป็นโอกาสให้แสดงความสามารถ…”

ระบบ “ระบบไม่ได้เตือนโฮสต์มาหลายเดือนแล้ว ระบบคิดว่าโฮสต์ลืมหลุมที่ตนเองขุดไว้…”

ฟางหนิง “ฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”

ระบบ “ระบบไม่สามารถไปไหนได้ในขณะนี้ ระบบต้องรักษาอาการบาดเจ็บ ระบบเห็นได้ว่าสัตว์ร้ายเหล่านั้นแข็งแกร่งกว่าแอนเดอร์สันมาก กองทัพก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ”

ฟางหนิงตกใจมาก “แกไม่ได้บอกว่าแอนเดอร์สันเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้เหรอ?”

ระบบ “ใช่ แต่สัตว์ร้ายเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในโลกของเราอย่างแน่นอน…”

………………………………………………………….

บทที่ 124 ต่อให้ตายไปแล้ว ก็ต้องคิดทบทวนให้ดี!
ฟางหนิงได้ยินคำพูดนั้น “โอ้ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เข้าใจความสามารถของแกเลย…”

ระบบตอบ “โฮสต์แค่ขี้เกียจ”

ฟางหนิงตอบกลับ “แค่มีชีวิตมันก็ยากอยู่แล้ว เรื่ืองบางเรื่องไม่มีความจำเป็นต้องรู้หรอก…การทดลองแบบนี้จะว่าดีก็ดี แต่จะมีปัญหาอยู่สองประการ”

ระบบพูด “โฮสต์ไม่จำเป็นต้องพูดแบบนี้ อย่างแรกเป็นประเภทระดับนี้ของเฟิงเกินเซิง ทั้งหมดซ่อนไว้อย่างแน่นหนาแล้ว

“อย่างที่สองคือนี่คือพื้นที่ของระบบ และไม่มีพลังภายนอกสำหรับเฟิงเกินเซิงที่จะดูดซับและฝึกฝนได้ เขาไม่ได้ดีไปกว่าแอนเดอร์สันเท่าไหร่หรอก อีกอย่างเขาก็อยู่ได้อีกไม่นาน”

ฟางหนิง”ฉันมีวิธีแก้ปัญหาสำหรับอย่างแรกแล้ว แกรู้วิธีจัดการกับอย่างที่สองไหม?”

ระบบ “โฮสต์สามารถป้อนยาให้พวกเขากินได้ ระบบสามารถปรับแต่งน้ำอมฤตเพื่อเติมพลังให้พวกเขาดูดซับได้ อย่างไรก็ตาม โฮสต์ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะว่าจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบยาที่เก่าแก่มาผลิต อุตสาหกรรมพืชผลพลังที่เก่าแก่ของเรายังไม่ได้ลงทุน จึงต้องซื้อจากตลาดภายในของสำนักสัจธรรม”

ฟางหนิง “โอ้ แกไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แน่นอนว่าพวกเขาต้องพึ่งพาตนเองเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เดิมและพัฒนาให้ดีขึ้น แกเองก็ลืมไปแล้วว่าตอนนี้ฉันเล่นเกมหาเงินได้? ดึงพวกเขาเข้าไปในกิลด์ที่ฉันอยากจะสร้าง และกดทองให้ฉันทุกวันก็พอ”

ระบบ “โฮสต์ คุณพิจารณายัง…ไม่ครอบคลุม หรือว่าครั้งที่แล้วหลังจากที่โฮสต์เลิกเล่นเกมนั้น โฮสต์ก็มีความคิดแบบนี้? แค่ไม่มีโอกาสได้ทำ”

ฟางหนิง “ฉันเป็นคนแบบไหน? ฉันกำลังคิดถึงคนเลวพวกนี้อยู่ เมื่อก่อนแกเพียงแค่ตบให้ตาย ราคาถูกเกินไปสำหรับคนร้ายพวกนี้ ตอนนี้หลังจากฆ่าพวกมันแล้ว ค่อยบังคับวิญญาณของพวกเขาให้ส่งความโกรธและทองมาให้เรา ขั้นแรก ลงโทษพวกเขาก่อน และขั้นที่สอง ให้พวกเขาช่วยเราสะสมทรัพยากร นี่ไม่ใช่การยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเหรอ?”

ระบบ “โฮสต์ ฉลาดมาก”

ฟางหนิง “ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องไร้สาระของแกที่มาจากอินเทอร์เน็ต การทดลองแผนการเติบโตของระบบครั้งแรกนั้นประสบความสำเร็จในขั้นต้น ตอนนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นแล้ว และฉันอยากอ่านนิยายเพื่อพักสมอง รีบรักษาบาดแผลของแกซะ แล้วหยุดอ้วกเสียที ฉันอยากพักแล้ว ดำเนินตามแผนขั้นที่สองได้”

การแจ้งเตือนของระบบ ‘โฮสต์ปลด ‘สถานะปราชญ์’ อารมณ์กำลังฟื้นตัว’

ระบบ “เอาล่ะ ตอนนี้ระบบแน่ใจได้แล้วว่าโฮสต์คนเดิมกลับมาแล้ว…”

…………

วันรุ่งขึ้น ฟางหนิงก็มอบโรเบิร์ตและเฉียงเวยให้กับสำนักสัจธรรม

ในช่วงเวลาของการส่งมอบ เขาถือโอกาสนี้ทำแผนส่วนที่สองให้สำเร็จ โดยช่วยหลงฟานที่เพิ่งฟื้นคืนชีพให้อ้างสิทธิ์ในตัวเอง…

หลังจากทำเสร็จแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่าหลงฟาน กลายเป็นกองทัพพันธมิตรสีเขียวบนแผนที่ระบบของเขา และความเป็นมิตรก็ดูเหมือนจะมาถึงระดับมาตรฐานแล้ว

ระบบ “ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับวิธีใช้เอฟเฟกต์ ‘ความช่วยเหลือพันลี้’ เพื่อฟื้นฟูสัตว์ประหลาดในเกม ตอนที่ฉันจัดการแอนเดอร์สัน ฉันโจมตีร่างกายของเขาโดยตรงได้”

ฟางหนิง “ฮ่าฮ่า ตราบใดที่ฉันอยากคิดเกี่ยวกับมัน แกก็คิดไม่ถึงหรอก…”

ระบบ “เพื่อให้โฮสต์ได้คิดมากขึ้น สงสัยต้องเข้าโหมด ‘สถานะนักปราชญ์’ อีกสักสองสามครั้งถึงจะดี”

ฟางหนิง “… มีหลงฟานเป็นพันธมิตร ไม่ต้องกังวลหรอก”

ระบบ “โฮสต์ ฉลาดมาก”

ฟางหนิง “หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ…”

ระบบ “ไม่ “

หลงฟานไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นที่จดจำของผู้อื่น สิ่งที่เข้าทำมีเพียงฝึกพลังเวทต่อไป

แน่นอนว่ามันไม่ใช่ระดับของ ‘การแปลงร่างมังกร’ หรอก มันเป็นแค่เทคนิคการแปลงร่างที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างของมันได้

ฉันได้ประโยชน์มหาศาลจากผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองอีกแล้ว แต่ไม่เคยตอบแทนท่านได้เลย รู้สึกผิดจริงๆ

ขณะฝึกฝน เขาคิดเช่นนี้

…………

หลังจากจบงานใหญ่ของหลงฟานแล้ว ฟางหนิงก็จำเหตุการณ์ที่เขาเกือบจะลืมไปแล้วได้ขึ้นมา

“เฮ้ เราต้องตามหาพ่อบ้านเจิ้งไม่ใช่เหรอ? เขาอยู่ที่ไหน?”

ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น QQ ก็มีข้อความให่เข้ามา

เป็นเจิ้งต้าวนั่นเอง “นายท่าน ผมประสบความสำเร็จอย่างมากในการปฏิการครั้งนี้และจะกลับมาในวันพรุ่งนี้”

ฟางหนิงรู้สึกเหมือนอีกาสามตัวบินมาเหนือหัวและส่งเสียงร้อง ‘กา กา กา’ เกิดอะไรขึ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเจิ้งต้าวเลยเหรอ ไม่มีเรื่องอะไรแม้แต่นิดเดียวเลยเหรอ?

ฟางหนิงพิมพ์ถามกลับไป “ช่วงนี้นายไปไหนมาบ้าง?”

เจิ้งต้าว “เอ๊ะ ทำไมนายท่านถึงถามคำถามนี้? หลังจากที่ผมขอลาก็ไปพบเพื่อนคนหนึ่ง และได้ตกลงเข้าไปในเขาวงกตทางจิต ได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ จากนั้นอาจารย์คนนั้นอยากจะสอนทักษะบางอย่างให้ เงื่อนไขคือต้องตัดขาดกับโลกภายนอก ผมถามผู้อาวุโสทั้งสองเพื่อขอคำแนะนำล่วงหน้าผ่าน QQ แล้ว ตอนนั้นผู้อาวุโสทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่าลูกน้องควรตามอาจารย์ไปปฏิบัติ”

ฟางหนิงแทบจะกระอักเลือด “ผู้อาวุโสเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? พวกนั้นหลอกลวงคุณด้วยภาพลวงตาอย่างแน่นอน เพราะฉันไม่เห็นข้อความจากคุณเลย ผม… ไม่ สำนักสัจธรรมก็ตรวจสอบประวัติการสนทนา QQ ของคุณแล้ว และบอกผมว่าคุณไม่ได้ส่งข้อมูลใดๆ ให้ผมเลย ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไปหาคุณทุกที่ทำไม?”

เจิ้งต้าวหน้าถอดสี “ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นสวมชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า บอกไม่ได้ว่าเป็นชายหรือหญิง นายท่านไม่ได้รับข่าว เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้ผมยังไม่ออกจากเขาวงกตจิต?”

ฟางหนิง “ถ้านายสามารถติดต่อกับฉันตอนนี้ ผู้อาวุโสท่านนั้นก็คงจะปล่อยนายออกมา”

เจิ้งต้าว “เป็นไปได้ไหมที่ผู้อาวุโสทั้งสองท่านนี้กำลังตามหาผมอยู่ข้างนอก? ผมละอายใจจริงๆ ท่านทั้งสองสบายดีไหม?”

ฟางหนิง “เราไม่มีเรื่องใหญ่อะไร แต่ฉันว่านายกำลังเจอกับปัญหาใหญ่เข้าแล้ว”

เจิ้งต้าว “…”

ภายใต้ท้องฟ้าสีครามและเมฆขาว เหนือหลังคาของวิลล่า มังกรขาวและสุนัขสองตัวเกาะอยู่บนรั้ว เฝ้าดูการต่อสู้เบื้องล่าง

“ไม่เลวเลยที่ฉันอยู่ตัวคนเดียวมาจนถึงสองร้อยห้าสิบปี” หมาเหลืองกล่าว

หมาดำตอบกลับ “จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าผลที่ตามมาจากการโดนกระสุนนั่นก็ไม่ได่น่ากลัวเท่าไหร่…”

ที่ลานชั้นล่าง เจิ้งต้าวต้องเผชิญหน้าผู้หญิงสองคนที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ เขาคิดหาวิธีไม่ได้

“ติงเซียง ท่านมังกรขาวที่เฝ้ามองจากเบื้องบน แบบนี้ก็ดีเลยสิ? นอกจากนี้ คนที่ปลอมตัวมานั้นเป็นคนของสำนักสัจธรรมสินะ?”

ติงเซียงทั้งสองคนไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ในเวลาเดียวกันก็พิมพ์ข้อความบนโทรศัพท์ หลังจากนั้นพวกเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นพร้อมกันโดยไม่แสดงอารมณ์ใดใดออกมา

โทรศัพท์หันไปทางหลังคาของอาคาร ฟางหนิงอยู่บนนั้น และด้วยสายตาของเขา เขาสามารถมองเห็นตัวอักษรตัวเล็กๆ บนนั้นได้อย่างชัดเจน

“หืม ใช้เทคโนโลยีที่ด้อยค่าขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะพูด เธอละทิ้งความมืดมิดและหันไปหาความสว่าง ยอมรับการจำกัดสายเลือดโดยสมัครใจ และเข้าร่วมสำนักสัจธรรมเพื่อชดใช้บาปของเธอ คุณไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้

“อย่างไรก็ตาม ท่านมังกรขาวกังวลมากว่าท่านไม่สามารถเห็นความจริงและความเท็จได้ ข้าทำสิ่งนี้โดยได้รับอนุญาตจากเขา เร็วเข้า ให้เวลาคุณยี่สิบนาที คุณแยกแยะไม่ออกหรอก ฉันจะทำให้คุณดูดีขึ้นเอง…”

เจิ้งต้าวทำอะไรไม่ถูก “ติงเซียง คุณบอกความจริงได้ไหม? ผมถูกจับกุมครั้งแรกและได้รับการช่วยเหลือ ผมไม่เคยทำให้คุณโกรธเลยนะ”

หลังจากนั้นไม่นาน ติงเซียงทั้งสองคนก็ยกโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้ง

“หืม ถ้าคุณไม่ได้เห็นการปลอมตัวของเธอ คุณก็คงไม่ถูกคนจับไปได้ง่ายๆ หรอก” เธอเพิ่งอธิบายว่าเธอได้รับมอบหมายจากผู้เฒ่าเฟิง และใช้รูปลักษณ์ของฉันเพื่อส่งข้อความวิดีโอถึงคุณ เพื่อที่เธอจะได้เชิญคุณไปยังสถานที่ซึ่งวางกับดักไว้ก่อนหน้านี้ และคุณจะถูกจับโดยผู้เฒ่าเฟิงและเหล่ยเจวี๋ยต้งโดยไร้ซึ่งการต่อต้านใดๆ ฉันควรช่วยฝึกฝนให้คุณไหม เพื่อให้คุณมีความสามารถในการแยกความแตกต่างระหว่างความจริงกับภาพที่สร้างขึ้นมา จะได้ไม่พลาดอีกในอนาคต”

เจิ้งต้าวพูดอะไรไม่ออก

…………

หลังจากที่เห็นฉากนี้แล้ว ฟางหนิงก็ไม่รู้ว่ามันจะจบลงเช่นไร เขารู้เพียงว่าเจิ้งต้าวออกไปพร้อมกับติงเซียงทั้งสอง และหลังจากที่เขากลับมา เขาก็อยู่ใน ‘สถานะปราชญ์’ เสมอ ไม่มีพลังงานใดใดเลย

“เจิ้งต้าว ขึ้นรถคันนี้ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วเหรอ?” ฟางหนิงบินไปที่เจิ้งต้าวและเอ่ยถาม

เจิ้งต้าวทำอะไรไม่ถูก “ท่านมังกรขาว ลูกน้องของท่านเป็นคนแบบนั้นเหรอ? ผมเพิ่งใช้พลังวิญญาณมากเกินไป และเพิ่งไปช่วยติงเซียงทำการรักษาจิตบำบัด”

ฟางหนิงเลิกกังวลเกี่ยวกับการวิ่งระยะไกลของเจิ้งต้าว ท้ายที่สุด พวกเขาจะประสบความสำเร็จในการฝึกฝนและอายุขัยของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น

เขาเปิดปากพูดสิ่งที่ร้ายแรงออกมา “คุณไปถามสำนักสัจธรรมดูสิว่าครั้งนี้จะให้รางวัลเป็นอะไร? นอกจากนี้ ตลาดภายในของพวกเขาไม่เปิดให้เราแล้วเหรอ ฉันจะบอกรายการยาและงบประมาณให้นาย นายสามารถซื้อคืนได้ ถึงต้องจ่ายเพิ่มก็ไม่เป็นไร”

เทพแห่งระบบยังคงอาเจียนเป็นเลือดเป็นระยะ และยาที่ใช้รักษาไม่สามารถซื้อจากภายนอกได้

กลุ่มเภสัชกรรมของเมืองเฉิงเริ่มทดลองกับการเพาะปลูกวัตถุดิบยา แต่เพิ่งเริ่มได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น ก็ยังเร็วเกินไปที่จะประสบความสำเร็จ ฉันได้ยินประธานจ้าวพูดใน QQ ก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาประสบปัญหามากมาย และประธานกลุ่มฉีเยว่ก็วิ่งเต้น มองหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ปัญหา

ทันทีที่เจิ้งต้าวได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ดูจริงจัง “ผมกำลังจะรายงานเรื่องนี้ต่อนายท่านพอดี สำนักงานสัจธรรมกล่าวว่าการสังหารแอนเดอร์สันและพรรคของเขาในครั้งนี้เป็นการป้องกันไม่ให้ข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญอย่างยิ่งรั่วไหลออกไป รางวัลยังคงอยู่ในการประเมินเบื้องต้น”

เมื่อฟางหนิงได้ยินก็หูผึ่ง ข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญมากคืออะไรกัน? มันจะมีประโยชน์สำหรับแผนการเติบโตของระบบด้วยไหม?

มันเกิดขึ้นตอนที่แอนเดอร์สันถูกขังอยู่ในห้องขัง และเขาไม่ได้ถามคำถามออกไป ถ้าไม่อยากพูด ก็แค่โมโหใส่เขา

ฟางหนิงยื่นใบสั่งยาที่ระบบพิมพ์ออกมาให้เจิ้งต้าวทันที และขอให้ระบบโอนเงินจำนวนหนึ่งให้เขาเพื่อดำเนินการ

จากนั้นเขาก็เข้าสู่พื้นที่ระบบ

…………

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิงถือหนังสือเกมและเดินช้าๆ ไปบนพื้นหินอ่อน

พื้นที่ของระบบเต็มไปด้วยแสงไฟสว่างจ้า แต่ห้องขังกลับมืดสนิท มีเพียงทางเดินเท่านั้นที่มีแสงสว่าง

เวลานี้ ห้องขังเดี่ยวสองห้องกำลังเผชิญหน้ากัน โดยมีป้ายบอกทางหมายเลข 1 และหมายเลข 2

แอนเดอร์สันอยู่ในห้องขังหมายเลข 1 ซึ่งครั้งสุดท้ายไว้ใช้ขังอสูรฝันร้ายที่ตอนนี้ได้กลายเป็นวัตถุดิบสำหรับอุปกรณ์อวกาศในตำนานไปเรียบร้อยแล้ว

แอนเดอร์สัน “มีคนอยู่ที่นี่ ผู้เฒ่าเฟิง อย่าเพิ่งหลับล่ะ”

ผู้เฒ่าเฟิง “ฉันคงทนต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว ขอฉันนอนพักสักหน่อยเถอะก่อนที่ร่างวิญญาณของฉันจะสลายไป ยังไงฉันก็ตายอยู่แล้ว”

ฟางหนิงเอื้อมมือออกไปแล้วโยนหนังสือเกมกระแทกเข้าไปในผนังห้องขังอย่างจัง คนข้างในสะดุ้งโหยง

หลังจากที่หนังสือเกมบินกลับโดยอัตโนมัติ เขาตะโกน “ตื่นได้แล้ว เฟิงเกินเซิง! ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้แกมาหลับนะ แกทำเรื่องแย่ๆ มากี่เรื่องแล้ว? บาปหนักหนาขนาดนี้ยังกล้ามานอนหลับสบายใจอยู่อีกเหรอ? ต่อให้ตายไปแล้วก็ช่วยคิดทบทวนให้ดี!”

ระบบแจ้งเตือน ‘ความโกรธของเฟิงเกินเซิงที่มีต่อโฮสต์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว’

ฟางหนิงพยักหน้า “ดี”

……………………………………………………………………..

บทที่ 123 ส่วนหนึ่งของแผนการได้เริ่มต้นขึ้น
หลังจากฟางหนิงพูดจบ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ จะจัดการผลที่ตามมา เขากำลังตรวจสอบผลการต่อสู้ครั้งนี้และคิดเกี่ยวกับแผนการเติบโตของระบบ

ในเวลานี้ อัศวิน A โบกมือให้ติงเซียงหยุด เพราะเธอต้องการเข้ามารักษาเขา

เขาเริ่มเดินไปรอบๆ ห้องโถงที่เต็มไปด้วยโลงแก้วราวกับว่ากำลังมองหาอะไรบางอย่าง

น่าเสียดายที่หลังจากค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วกลับไม่พบขุมทรัพย์หรือของมีค่าใดๆ เลย ยกเว้นคนตาย

แอนเดอร์สันนั้นเก่งมาก แต่นอกเหนือจากดวงตาเทพเจ้าของเขาแล้ว เขาก็ไม่ทิ้งอะไรไว้เลย

การต่อสู้กับบอสใหญ่แบบนี้ แต่กลับไม่มีของมีค่าในตำนานเลยสักอย่าง เรื่องนี้ทำให้เทพแห่งระบบผิดหวังมาก

แน่นอนว่าเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ ไม่สามารถแย่งชิงอาวุธระหว่างการต่อสู้จากอีกฝ่ายได้ และนั่นนับเป็นเรื่องที่ดีมาก

พวกเขารายงานทีละคนอย่างระมัดระวัง

ในเวลานี้ เฉียวจื่อเจียงก็มองลงมาที่โทรศัพท์และพูดต่อ “ข้อมูลล่าสุด มีคนสองคนที่ยังหลบหนีไปได้ ตำแหน่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก พิกัดน่าจะเป็น… เราต้องส่งคนไปไล่ล่า……”

เมื่ออัศวิน A ได้ยินเช่นนี้ เขาก็หมุนตัวและเดินจากไปในทันที

ทุกคนตกตะลึง นี่คือมังกรแห่งจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เขาอาเจียนเป็นเลือด แต่ถึงแม้จะบาดเจ็บสาหัส แล้วตอนนี้เขาจะไปอีกเหรอ?

ติงเซียงยังรักษาอัศวิน A ไปได้ไม่มากเลย “ถ้าหากรับรู้ถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ความชั่วร้ายจะต้องถูกกำจัดให้หมดไป เจิ้งต้าวพูดถูกแล้ว อัศวิน A เป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง”

เฉียวจื่อเจียงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินตามอัศวิน A ไป

เฉียวจื่อซานมองด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามทันที “จื่อเจียง คุณกำลังมองหาอะไร? ที่นี่ไม่น่าจะมีอะไรดีหรอก ใช่ไหม? ไม่อย่างนั้น ฉันก็น่าจะเจอมันแล้ว”

“เลือดมังกร! ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่ศัตรูปรากฏตัว และผู้ชายคนนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากขนาดนั้น แต่ก็ยังตามเขาไปอีก แม้เลือดมังกรไม่ได้มีความหมายกับเรามากนัก แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่ใช่สายพันธุ์สิ่งมีชีวิตบนโลกและไม่สามารถโคลนร่างได้ แต่ถ้าตกไปอยู่ในมือของคนชั่ว มันจะเป็นปัญหาใหญ่”

ทุกคนต่างพากันชื่นชม ผู้หญิงคนนี้ จู่เก๋อ ช่างทรงพลังเสียจริง…

ไห่เฉิงพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว “ใช่ ในบรรดาประเภทของพลังที่ฉันรู้จัก บางชนิดเป็นเวทมนตร์ซึ่งใช้เลือดของผู้อื่นหรือของใช้ในการร่ายคาถา และมันเลวร้ายมาก ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสของเขาในปัจจุบัน เขาอาจจะไม่สามารถทนได้”

นอกจากคนที่มีภารกิจที่ต้องทำแล้ว คนอื่นก็เริ่มก้มหน้ามองหาเช่นกัน ไห่เฉิงวิเคราะห์ชัดเจนขนาดนั้น พวกเขาจะไม่คิดว่ามันเป็นอันตรายเหรอ?

ในขั้นตอนนี้ พลังการต่อสู้อันทรงพลังและล้ำค่าเช่นนี้ไม่สามารถปล่อยให้มีอันตรายที่ซ่อนอยู่ได้

ไม่นานทุกคนก็เริ่มสงสัย

“น่าแปลก เขาเพิ่งจะอาเจียนเป็นเลือดออกมาเยอะมาก และทุกอย่างก็ตกลงสู่พื้น แต่ว่าทั้งหมดหายไปไหนแล้ว? เป็นไปได้ไหมว่าเลือดพวกนั้นจะถูกนำกลับเข้าไปในพื้นที่อุปกรณ์ที่เขาติดตัวมา?”

เฉียวจื่อเจียงค้นหาเป็นเวลานาน ไม่ต้องพูดถึงเลือดมังกรของ อัศวิน A บนพื้น แม้แต่น้ำลายเล็กๆ ของเขายังมองไม่เห็น

………………

ในป่าที่ห่างไกลออกไป อัศวิน A เอนตัวพิงต้นไม้และมองดูคนสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขา มุมปากของเขายังมีเลือดติดอยู่

หลังจากที่เฉียวจื่อเจียงเปิดเผยตำแหน่งของศัตรูแล้ว เขาก็เปิดใช้แผนที่ระบบบริเวณใกล้เคียง เพื่อสกัดกั้นผู้เฒ่าเฟิงและโรเบิร์ตในทันที

หลังจากค้นพบคนสองคนนี้ ฟางหนิงก็รีบพูดกับระบบว่า “อย่าเพิ่งฆ่าพวกเขา แผนการเติบโตของระบบที่ฉันจะทำเพื่อแก อาจจำเป็นต้องใช้งานพวกเขาอยู่ ตอนนี้ลองฟังสิ่งที่พวกเขาพูดก่อน”

ระบบ “ถึงโฮสต์ไม่พูด ระบบก็จะไว้ชีวิตอยู่แล้ว”

ฟางหนิงประหลาดใจ

“อัศวิน A แอนเดอร์สันไม่ได้ฆ่าคุณเหรอ? บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ยังจะไล่ตามมาอีก? ฉันเป็นเพียงคนแก่ธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีค่าอะไร แอนเดอร์สันเป็นรองประธานของกลุ่ม เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งกับเราเลย”

ผู้เฒ่าเฟิงมองไปที่อัศวิน A ซึ่งยังคงอาเจียนเป็นเลือดด้วยสีหน้าสยดสยอง

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของแอนเดอร์สัน แต่ทำไมเขาถึงยังไล่ตามมาอีก วิญญาณแบบไหนกันที่คอยสนับสนุนเขา?

ในทางกลับกัน สีหน้าของโรเบิร์ตเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ตกตะลึงอย่างก่อนหน้าอีกแล้ว

เขาโค้งคำนับอย่างเร่งรีบ “ท่านอัศวิน ผมเป็นเพียงคนธรรมดาที่ถูกพวกเขาจ้างมา

“แต่ผมเพิ่งจะมาเข้าร่วมกับพวกเขา และผมแค่ทำร้ายหมาเพียงหนึ่งตัวเท่านั้น ตอนนั้นผมตั้งใจเล็งไปที่อัณฑะของมัน แต่กระสุนที่ผมใช้นั้นเป็นกระสุนเจาะเกราะที่ผมตั้งใจหยิบออกมาใช้เป็นพิเศษ พลังของมันนั้นน้อยที่สุดเมื่อนำมาใช้ จะไม่ทำร้ายส่วนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมเป็นสัตวแพทย์มาสิบปี และผมแค่อยากจะทำหมันให้ฟรีๆ ไม่ใช่ฆ่ามัน ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ…”

ฟางหนิงพูดกับระบบ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไป๋หลี่รู้สึกแย่ขนาดนั้น ฉันเดาผิดไปนี่เอง ที่แท้มันรู้ตัวว่ามันเกือบจะกลายเป็นหมัน…คำพูดของผู้ชายคนนี้น่าเชื่อถือไหม?”

ระบบ “เป็นเรื่องจริง ระบบเห็นจุดโจมตี มันอยู่ใต้เป้าของไป๋หลี่เท่อ”

ในเวลานี้ ผู้เฒ่าเฟิงชี้ไปที่โรเบิร์ต “อะไรนะ? โรเบิร์ต ก่อนหน้านั้นแกโกหกพวกเราอย่างนั้นเหรอ! แกจงใจเลือกสุนัขตัวนั้นเป็นเป้าหมายของแก แกรู้ใช่ไหมว่า ‘ชีวิตของสุนัขตัวแรกของอัศวิน’ คืออะไร?”

โรเบิร์ตพูดอย่างช่วยไม่ได้ “คุณคิดว่าผลการสอบวัดระดับภาษาจีนของผมมันสูญเปล่าอย่างนั้นเหรอ? ผมรู้ด้วยว่า ‘อัศวิน A แพ้พวกเรา’ และ ‘อัศวิน A เอาชนะพวกเรา’ เป็นสิ่งเดียวกัน แต่ยังไงซะ เขาชนะ… คราวนี้คุณควรเชื่อเรื่องระดับภาษาจีนของผมนะ”

ผู้เฒ่าเฟิงพูดไม่ออก ใบหน้าของเขาแดงก่ำ

ฟางหนิงพูดกับระบบต่อ “ต้องมีบางอย่างผิดปกติกับภูมิหลังของคนที่ชื่อโรเบิร์ตแน่ๆ หนังสือเกมที่รัก แสดงโปรไฟล์ของเขาให้ฉันดูหน่อยสิ”

“เดวิด โรเบิร์ต เพศชาย ชอบเล่นฟุตบอล อายุสามสิบเก้าปี ข้อมูลประจำตัว ตัวแทนสายลับ SBI”

“แนวโน้มสู่ความดีและความชั่ว ความเป็นกลางเหนือความยุติธรรม”

“การประเมินความแข็งแกร่ง ผู้เล่นระดับถ้วย ขนาดโดยละเอียด ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบาย มันจะแตกเมื่อกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว หมายเหตุ : ความชอบธรรมในร่างกายมีศักยภาพสูงขึ้น”

ไม่น่าแปลกใจเมื่อเขาอ่านไปที่การแจ้งเตือนของระบบ เขาไม่ถูกโจมตีโดยความชอบธรรม

ฉันรู้จักแต่ FBI แล้ว SBI นี่เป็นหน่วยงานประเภทไหนกันนะ? กลุ่มคนโง่เหรอ?

ฟางหนิงคิดถึงเรื่องนี้และขอให้ระบบถาม

อัศวิน A “SBI คืออะไร?”

ผู้เฒ่าเฟิงตกใจและมองโรเบิร์ตทันที “ที่แท้แกก็เป็นสายลับจริงๆ แกเป็นคนของสำนักสืบสวนกิจการพิเศษ! เหล่ยเจวี๋ยต้งไม่ได้เดาผิด…”

โรเบิร์ตไม่แปลกใจเลย เขายักไหล่แล้วพูดด้วยความโล่งใจว่า “ใช่ ผมมาจาก SBI ดังนั้นผมจึงไม่ได้ทำร้ายคุณ สำนักสืบสวนกิจการพิเศษ ‘S’ หมายถึง ‘กิจกรรมพิเศษ’

“มันคล้ายกับคำย่อของสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ‘FBI’ มาก แต่เหนือกว่า FBI มาก มันเป็นหน่วยงานกิจการพิเศษของอเมริกา และบุคลากรหลักมาจากสหรัฐอเมริกา เอาล่ะ ผมพูดทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว คุณปล่อยผมได้แล้ว เราเป็นพันธมิตรกัน และเราทุกคนต่างก็เป็นสมาชิกขอสำนักงานสหพันธ์นานาชาติ”

อัศวิน A “เพื่อนร่วมรบ หรือไม่ใช่เพื่อนร่วมรบ”

ฟางหนิงพูด “แกดูในแผนที่ระบบสิ ตอนนี้ยังไม่มีสีเขียว มีแต่สีเหลืองกับสีขาวเท่านั้น แน่นอนว่าไม่ใช่กองกำลังพันธมิตร”

โรเบิร์ตยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้

ฟางหนิงพูดต่อ “คำถามคล้ายๆ กัน พาผู้เฒ่าเฟิงคนนี้ไปอยู่ในห้องขังก่อน และเปิดห้องเดี่ยวเพิ่มอีกสองสามห้อง ในอดีตมีเพียงร่างกายจิตใจฝ่ายวิญญาณเท่านั้นที่ถูกขังอยู่ในห้องขังนั้น อสูรฝันร้ายชั้นยอดถูกขังครั้งเดียว และมีดวงตาเทพเจ้าของแอนเดอร์สัน”

ใช่แล้ว คนเปลี่ยน สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน ระบบฉลาดมากขึ้นแล้ว ฟางหนิงเองก็ถูกปรับให้ไม่เห็นใจผู้อื่นมากขึ้นเช่นกัน

เขาเห็นว่าระบบนั้นกล้าหาญและชอบธรรมมากเกินไป และเขาได้ตั้งจิต ‘เมื่อเห็นคนชั่วร้าย ให้ปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนตาย’

ระบบ “ระบบไม่เคยคิดที่จะจับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ โฮสต์ต้องการทำอะไร”

ฟางหนิงตอบ “อีกสักครู่แกจะรู้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผน”

หลังจากที่ผู้เฒ่าเฟิงทราบเหตุการณ์ เขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง ใบหน้าของเขาก็ตกตะลึงทันที และเขาต้องการฆ่าตัวตายทันทีเช่นกัน

แต่ครู่ต่อมา เขาถูกจับโดยมือเหล็กที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น

…………

ฟางหนิง จ้องไปที่ผู้เฒ่าเฟิงซึ่งถูกส่งไปยังเซลล์ระบบ

ฟางหนิงถอนหายใจ “แน่นอนว่าแกไม่สามารถกักขังเขาตลอดได้ ดูเหมือนว่าแกจะสามารถกักขังจิตใจได้เท่านั้น”

หลังจากนั้นไม่นาน วิญญาณของผู้เฒ่าเฟิงค่อยๆ ลุกขึ้น

วิญญาณของผู้เฒ่าเฟิงดูสับสนมึนงง จากนั้นก็ได้สติและพยายามหาว่าตนเองอยู่ที่ไหน

ในเวลานี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากห้องขังเดี่ยวอีกห้องหนึ่ง

แอนเดอร์สัน “นี่ มีอีกห้องอยู่ข้างๆ และเป็นคนที่คุณรู้จักซะด้วย”

ผู้เฒ่าเฟิง “แอนเดอร์สัน? แกยังถูกจับมาที่นี่เหรอ เป็นไปได้อย่างไร? แกควรจะต่อสู้ด้วยดวงตาเทพเจ้าสิ หรือว่าใช้วิธีนั้นแล้วแกยังแพ้อีกเหรอ?”

แอนเดอร์สันพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ผมใช้วิชานั้นอยู่แล้ว แต่มังกรตัวจริงตัวนี้ค่อนข้างแปลก ดวงตาเทพเจ้าของเขาถูกซ่อนอยู่ในพื้นที่นี้ ส่วนวิธีที่มังกรตัวจริงควบคุมร่างกายในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ผมเข้าใจหลักการแล้ว ผมจะบอกคุณ……”

ผู้เฒ่าเฟิงขัดจังหวะเขา “อย่าพยายามคุยกับฉันเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้อีก ฉันไม่เข้าใจ แค่บอกฉันว่าเรายังมีชีวิตอยู่รึเปล่า”

แอนเดอร์สัน “คุณยังต้องการมีชีวิตอยู่อย่างนั้นเหรอ? คุณตายไปแล้วต่างหากล่ะ ด้านล่างนั่นไม่ใช่ศพของคุณเหรอ?”

ผู้เฒ่าเฟิงก้มหน้าลงมอง “อัศวิน A ไอ้เวรเอ้ย ตระกูลไป๋พูดถูก ถ้าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ก็เป็นการฆ่าตัวตายดีๆ นี่เอง ฉันควรจะฆ่าตัวตายเมื่อฉันเห็นเขา แน่นอนถึงฉันตาย เขาก็จะไม่ปล่อยจิตวิญญาณฉัน เขาร้ายกาจกว่าแกอีก แอนเดอร์สัน!”

แอนเดอร์สันตอบ “อ่า…เขาควรจะเมตตาผมมากกว่านี้ อย่างน้อยเขาก็จะไม่ใช้วิญญาณบริสุทธิ์ในการทดลองวิจัย ตอนนี้เขาแค่ขังคุณไว้ อย่ายั่วโมโหเขาอีกก็พอ”

ระบบแจ้ง ‘เฟิงเกินเซิงระเบิดความโกรธไปที่โฮสต์ ความโกรธของเฟิงเกินเซิงเต็มแล้ว เตรียมดูดซับ ความคืบหน้าของระดับความโกรธในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 30%’

ระบบ “ยังมีการปฏิบัติการแบบนี้อยู่อีกเหรอ? โฮสต์ คุณรู้วิธีเล่นจริงๆ ทำไมถึงไม่ใช้วิธีนี้ก่อนหน้านี้ล่ะ?”

…………………………………………………………………..

บทที่ 122 แผนการเติบโตของระบบได้เริ่มต้นขึ้น
ทันทีที่แอนเดอร์สันพูดจบ ไห่เฉิงซึ่งยังคงโจมตีด้วยดวงตาศักดิ์สิทธิ์ผ่านทางถ้ำต่อไปก็ราวกับถูกมีดคมเฉือน เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทันที ก่อนจะขมวดคิ้วและล้มลง

ตอนนั้นเองโม่ซิ่งผู้ซึ่งกำลังเติมพลังเวทของตนให้เขาอยู่ด้านหลัง สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นไม่อยากเชื่อ มือยกขึ้นจับศีรษะ เศษผมร่วงหลุดออก พร้อมกับรอยคราบเลือดที่มองเห็นได้ชัดเจนก็ปรากฏขึ้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถ่มน้ำลายออกมา “โชคดีที่ฉันเตี้ยกว่าพี่ไห่มาก…”

ใบหน้าของไห่หลานตกตะลึง “ฉันใช้การป้องกันถึงสี่ชั้นแล้ว แต่ยังไม่สามารถป้องกันได้อีกเหรอ?”

ตอนนั้นเอง ติงเซียงก็เข้ามาช่วยเหลือ

…………

ในสนามรบ แอนเดอร์สันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงผิดหวังอีกครั้ง

“ไม่มีการเชื่อมโยงตามที่คาดไว้จริงๆ หลังจากที่ดวงตาเทพเจ้าโจมตีเกินระยะทาง ความพินาศก็จะสลายตัวเร็วมากขึ้น”

“โอเค ดูเหมือนว่าครั้งนี้ฉันคงจะต้องยอมแพ้จริงๆ ดังคำพูดนี้ที่เคยกล่าวไว้ การพึ่งพาตนเองเป็นแนวทางของกษัตริย์ หากต้องการที่จะขโมยเทคโนโลยีขั้นสูงสุด คุณก็ไม่สามารถทำได้ แม้ว่าจะขโมยได้ไม่ครบ อย่างน้อยก็เข้าใจเรื่องนี้มากพอ แล้วนั่นก็เพียงพอแล้ว แต่คนที่จ้องจะทำลายแผนการของฉัน มันไม่มีวันรอดไปได้”

ฟางหนิงได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายในพื้นที่ระบบ ก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเข้ามา

เขาฝึกฝน ‘การแปลงร่างมังกร’ และฝึกฝน ‘คัมภีร์โพธิ์’ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นคู่มือลับที่สมบูรณ์แบบที่ได้รับจากระบบ ตอนนี้เขาไม่ใช่มือใหม่ในการต่อสู้อีกต่อไปแล้ว เพราะเขารับรู้ได้ถึงอันตรายที่แฝงอยู่

การแจ้งเตือนของระบบ ‘ระบบจะใช้ช่องพลังงานบวกที่เหลือทั้งหมด และระบบจะใช้พลังความโกรธทั้งหมดเพื่อเพิ่มพลังให้แก่วิชา ‘การแปลงร่างมังกร’ ก่อนหน้านั้น ‘การแปลงร่างมังกร’ อยู่ในระดับกลาง แต่ตอนนี้ได้ได้ก้าวไปสู่ ‘การรวมร่างมังกรคู่’ อีกครั้ง

ระบบเปิดใช้งานรูปแบบของมังกรลม และมังกรเพลิงเพื่อรวมร่าง นี่จะทำให้ความแข็งแกร่งของร่างกายของโฮสต์เพิ่มขึ้นอย่างมากฟางหนิงตกตะลึง

เพียงแค่เขาเห็นร่างมังกรเพลิงตัวนั้น ทันใดนั้นแสงสีฟ้าก็วาบผ่านบนตัวมังกรเพลิวแล้วปรากฏขึ้นตรงศีรษะมังกรอีกตัวหนึ่ง ไม่เพียงเท่านั้น ด้านบนเกล็ดสีแดงเพลิงบนร่างมังกร ก็ได้ปรากฎเกล็ดสีฟ้าชั้นใหม่ปกคลุมเกสรสีแดงไว้จนหมดสิ้น เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่ามาก

ในเวลาเดียวกันกับที่มังกรเพลิงเปลี่ยนร่าง บรรดาผู้คนที่นอนอยู่ในโลงแก้วต่างก็ลืมตาขึ้นทีละคน ทันใดนั้นรูทวารทั้งเจ็ดก็เปิดออก และหลังจากผ่านการโจมตีสองสามครั้งก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอีก

ใจของฟางหนิงที่เต้นระรัวอยู่ครู่หนึ่ง นี่แหละความน่ากลัวของยุคนี้ ดังเช่นมหาสมุทรที่ดูเหมือนจะสงบ วันหนึ่งอาจมีคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามา ก่อนคลื่นจะสงบตัว ใครที่ขึ้นเรือใหญ่ไม่ทัน ขึ้นได้แต่เรือลำเล็ก ก็ต้องว่ายน้ำเปลือยกายและถูกคลื่นดูดกลืนลงทะเลอย่างไร้ความปราณี…

ผู้โชคดีเท่านั้นที่จะได้นั่งบนเรือลำใหญ่ที่มีรากฐานที่ดีและอัพเกรดตัวเองได้

ในขณะที่ฟางหนิงกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นโล่สีดำทั้งหมดก็หายวับไปทันที

บนร่างของชายหนุ่มผิวขาวซีดที่เสียชีวิต วิญญาณก็ปรากฏขึ้น เทียบกับดวงตาเทพเจ้าของร่างมังกรขาวของฟางหนิง รูปแบบของดวงตาเทพเจ้านี้มีพลังมากกว่ามาก ฟางหนิงเพียงแค่มองผ่านระบบมุมมอง ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่เหนือกว่าเขาอย่างแท้จริง

แอนเดอร์สัน “มันอยู่ได้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น มาเลย มาเลย อัศวิน A มังกรตัวจริง คราวนี้ถึงคราวตายของแก!”

แต่ก่อนที่จะพูดจบ พริบตาต่อมาเขาก็พุ่งชนร่างของมังกรลมสองหัว!

ฟางหนิงตกตะลึงหลังจากที่มองผ่านมุมมองของระบบ เขาเคยเห็นเทพของระบบใช้มังกรเพลิงหรือมังกรพิโรธทำลายร่างกายคนมานับครั้งไม่ถ้วน จากนั้นเขาก็ทำลายอีกฝ่ายให้กลายเป็นฝุ่นผงที่กระจัดกระจายไป!

แต่โชคดีไม่ได้อยู่กับคุณตลอด หรือคราวนี้จะถึงคราวโชคร้ายแล้วว?

ฟางหนิงรู้สึกเสียใจที่เขาขี้เกียจขึ้นมาทันที ถ้าเพียงแต่เขาตั้งใจ ขยันฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง มีพัฒนาการในทุกวัน ตื่นนอนเวลาตีสี่ครึ่งทุกเช้า และเข้านอนเวลาห้าทุ่มทุกวัน คงจะดีกว่านี้…

แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว…

ศัตรูที่เทพแห่งระบบต้องเจอนั้น แม้แต่เฉียวจื่อซาน และคนอื่นๆ ก็รับมือไม่ได้ แม้ว่าเขาจะทำงานหนักเป็นเวลาห้าเดือน เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย พวกเขาจะถูกฆ่าทันทีเมื่อเขาออกไป…

แน่นอนว่าเขายังคงเริ่มต้นจากกลยุทธ์พื้นฐาน เพื่อช่วยให้เทพแห่งระบบเลื่อนระดับอย่างรวดเร็ว

ขอเพียงแค่เทพแห่งระบบสามารถต้านการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ เขาสัญญาว่าจะจัดทำแผนการเติบโตของระบบให้สมบูรณ์ และจะไม่ยอมให้เทพแห่งระบบประมาทอีก…

เวลาผ่านไปทีละนิด…

ฟางหนิงกำลังรอผลของการต่อสู้ที่เด็ดขาดภายในร่างกายอย่างใจจดใจจ่อ มุมมองของระบบไม่สามารถมองเห็นภายในร่างกายได้ และเขาไม่ได้ฝึกเพื่อที่จะมองเข้าไปข้างใน เขาจึงไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในขณะนี้

เขาไม่พูดอะไรออกมาอีก ด้วยกลัวว่าจะรบกวนจิตวิญญาณของเทพแห่งระบบที่ต่อสู้กับศัตรูและกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ตัดสินระหว่างชัยชนะและความพ่ายแพ้

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจับตาดูสิ่งรอบข้างจากมุมมองของระบบ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์อื่นขึ้น ไม่อาจพูดได้ว่ามีแค่ตัวเขาเอง มังกรขาวผู้ศักดิ์สิทธิ์นี้ปรากฏตัวเป็นผู้กอบกู้โลกอีกครั้งหนึ่ง

ประมาณห้านาทีต่อมา เฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ ก็เข้ามาในสนามรบอย่างระแวดระวัง ฟางหนิงจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย อย่างน้อยกลุ่มของพวกเขาก็ไม่มีใครคิดทรยศ

เฉียวจื่อซาน มองเห็นลมและไฟของมังกรสองหัว และเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะถูกแช่แข็งในอากาศ ไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหว

“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

หลังจากเฉียวจื่อซานพูดแล้ว เขาก็หันไปหาไห่เฉิง

ไห่เฉิงปิดหว่างคิ้วแล้วขา และหลังจากการรักษาฉุกเฉินจากรองหัวหน้าทีมอย่างติงเซียง อาการบาดเจ็บของเขาก็ทุเลาลง

เขาพูดว่า “ฉันจะลองดูอีกครั้ง”

เมื่อไห่หลาน พี่สาวของเขาได้ยินดังนี้ เธอก็พูดทันที “นายเพิ่งได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ยังไหวเหรอ?”

ใบหน้าของไห่เฉิงสงบมาก “ไม่เป็นไร ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

ขณะที่เขาตอบกลับ หว่างคิ้วก็เปิดออกอีกครั้ง

และหลังจากเปิดมันได้ น้ำตาก็พลัยไหลออกมาจากตาดวงนั้นทันที ลามไปที่จมูกของเขา ราวกับว่าใบหน้าทั้งหมดของเขาถูกผ่าครึ่ง

แสงสีฟ้าส่องผ่านดวงตาสีเลือดอีกครั้ง ฉายแสงไปที่มังกรสองหัว

ไห่เฉิงดูงุนงง “มังกรแห่งจิตวิญญาณมีดวงตาเทพเจ้าที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ไปทั่ว ราวกับว่าเขากำลังมองหาบางอย่างที่ใช้ในการต่อสู้ ดวงตาเทพเจ้านั้นชั่วร้ายและลึกลับ ไม่ใช่ดวงตาเทพเจ้าของมังกรแห่งจิตวิญญาณอย่างแน่นอน”

ทันทีที่เฉียวจื่อเจียงได้ยินประโยคนี้ เธอก็ถามทันทีว่า “มีอันตรายอะไรไหม? เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นนายของดวงตาเทพเจ้าก่อนหน้านี้?”

ไห่เฉิงส่ายหัว “ไม่มีอันตราย ดวงตาเทพเจ้าที่น่าสะพรึงกลัวถูกมังกรในร่างกายปิดกั้นและมันไม่สามารถออกมาทำร้ายผู้คนได้แล้ว แต่ดวงตาเทพเจ้าของมังกรแห่งจิตวิญญาณนั้นไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว นี่คือเหตุผลที่มังกรแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้”

ฟางหนิงรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของไห่เฉิงจากพื้นที่ของระบบ ขณะนี้เขาทำได้เพียงฟังผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และหวังว่าคำพูดเหล่านั้นจะเชื่อถือได้

เฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ เฝ้าระวังอยู่ทุกหนทุกแห่งเพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามฉวยโอกาสลอบโจมตี

…………

อีกห้องหนึ่ง ผู้เฒ่าไป๋กำลังรับชมฉากนี้บนหน้าจอขนาดใหญ่ รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของเขา

ผู้เฒ่าไป๋ “มันควรจะเป็นไม้ตายสุดท้ายของแอนเดอร์สันศึกชี้ชะตาของดวงตาเทพเจ้า อย่างที่คาดไว้ อัศวิน A จะชนะ แต่ดวงจาเทพเจ้าของเขากลับบาดเจ็บสาหัส และมันจะต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อยสองสามปี”

ไป๋ซื่อซิน “ท่านผู้เฒ่าก็ชมเกินไปแล้ว อันตรายของศึกชี้ชะตาดวงตาเทพเจ้านี้ พวกเราในฐานะมนุษย์นั้นเข้าใจมากที่สุด การแข่งขันระหว่างสองฝ่าย มีช่องว่างมาก ผู้ชนะก็จะถูกโจมตีอย่างหนักเช่นกัน

“ไม่ว่าดวงตาเทพเจ้าของอัศวิน A จะแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อเทียบกับผลรวมของดวงตาเทพเจ้าของพลังไซโอนิกของแอนเดอร์สัน ย่อมได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีวิธีรักษาอาการบาดเจ็บทางวิญญาณประเภทนี้ และกว่าเขาจะฟื้นตัวรากฐานของพวกเราก็มั่นคงแล้ว”

ผู้เฒ่าไป๋ตอบรับ “อืม ซื่อซิน แกใจเย็นกว่าที่ฉันคิด”

ภาพหน้าจอเปลี่ยนไป พวกเขาต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกันในทันที…

…………

ฟางหนิงไม่พูดอะไร เขารอถึงครึ่งชั่วโมงก่อนจะได้ยินระบบแจ้งเตือน

‘ดวงตาพระเจ้าของแอนเดอร์สันกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประลองกับดวงตาพระเจ้าของโฮสต์

แอนเดอร์สันไม่พบเป้าหมายการต่อสู้

แอนเดอร์สันกำลังมองหาเป้าหมาย…

แอนเดอร์สันกำลังมองหาเป้าหมาย…

แอนเดอร์สันสับสน…

แอนเดอร์สันเตรียมที่จะล่าถอย และระบบก็ปิดกั้น

การล่าถอยของแอนเดอร์สันล้มเหลว และแอนเดอร์สันล้มลง…

การปลดปล่อยดวงตาเทพเจ้าของแอนเดอร์สัน ทำลายทุกสิ่งอย่าง…

ร่างกายของโฮสต์ได้รับบาดเจ็บ และระบบกำลังรักษา…

โฮสต์ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

กระบวนการข้างต้นนั้นกำลังวนซ้ำเรื่อยๆ …

ดวงตาเทพเจ้าของแอนเดอร์สันประสบกับภาวะถดถอยอย่างรุนแรง…

ระบบจับจิตวิญญานของแอนเดอร์สันและใส่ไว้ในเซลล์ระบบ

โฮสต์ได้รับบาดเจ็บสาหัส…

ในเวลานี้ ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นว่ามังกรสองหัวตกลงมาจากกลางอากาศ และเปลี่ยนร่างเป็นอัศวิน A ก่อนจะอาเจียนเป็นเลือดออกมา!

ติงเซียงรีบรักษา แต่ก็พบว่าผลการรักษาของเธอมีประสิทธิภาพน้อยมาก

ฟางหนิงเห็นฉากนี้จากมุมมองของระบบเป็นครั้งแรก นี่เป็นครั้งแรกที่เทพแห่งระบบอาเจียนจนเป็นเลือดและได้รับบาดเจ็บ!

ในเวลานี้เขารู้สึกปวดใจไม่น้อย เขาหายใจติดขัด “มันเป็นความผิดของฉันเองที่ฉันขี้เกียจเกินไป และฉันลืมเตรียมแผนการเติบโตของระบบให้แกก่อนหน้านี้ ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ระบบ แกยังสบายดีใช่ไหม?”

ระบบ “ระบบไม่เป็นอะไร แต่ร่างกายของโฮสต์…”

ฟางหนิงพูดแทบไม่ออก “เอาล่ะ ฉันลืมไปว่าสิ่งที่ฉันควรกังวลมากที่สุดคือร่างกายของฉันเอง… ฉันจะรักษาอาการบาดเจ็บร้ายแรงนั้นได้อย่างไร?”

ระบบตอบกลับ “กินยา”

ฟางหนิงตอบ “เอาล่ะ คราวหน้าแกห้ามใจร้อนอีก”

ระบบ “โฮสต์สบายใจได้ ดวงตาเทพเจ้าของแอนเดอร์สันนี้ หากเขาไม่รีบเข้าไปในร่างโฮสต์ของตัวเอง ก็จะไม่สามารถจับเขาได้เลย ประโยชน์ของการจับเขาครั้งนี้ไม่มีที่สิ้นสุด และโฮสต์จะรู้ในภายหลัง ตอนนี้ระบบจะมอบหมายงานใหม่ให้โฮสต์”

ฟางหนิงตกใจมาก “เขาแข็งแกร่งมากเลยเหรอ?”

ระบบตอบกลับ “ถูกต้อง ทุกคนรู้ว่าการต่อสู้ทางจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด ถ้าเปลี่ยนเป็นพระโพธิสัตว์ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกเขาฆ่า ในตอนนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถต้านเขาได้”

ฟางหนิงรู้สึกโชคดีมากในตอนนี้ “โชคดีของระบบที่แกไม่ใช่สิ่งมีชีวิต โชคดีที่หลังจากที่ฉันได้รับมอบหมายจากแกฉันก็อยู่ในพื้นที่ของระบบมาตลอด”

ระบบ “ใช่ ถูกต้อง โฮสต์ครั้งนี้คุณทำได้ดีมาก ต้องขอบคุณความขี้ขลาดและกลัวตายที่ฝังในหัวของโฮสต์ โฮสต์ได้พัฒนานิสัยที่ดี ขอเพียงแค่โฮสต์ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของระบบในตอนนี้ เขาจะมาถึงในทันที และด้วยความคิดของมนุษย์ ไม่สามารถตอบโต้กลับได้เลย เขาสามารถจับโฮสต์ได้ในคราวเดียว และเราจะถูกแขวนไปด้วยกัน ครั้งนี้อยากได้รางวัลภารกิจเป็นอะไร?”

ฟางหนิงส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการรางวัลอะไรทั้งนั้น ฉันตระหนักได้ทันทีว่าในยุคของการฟื้นฟูพลังชีวิตนี้ คือการได้อยู่ในพื้นที่ของระบบด้วยความอุ่นใจเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว”

ระบบงุนงง “???”

หลังจากนั้นไม่นาน ระบบก็พูดว่า “โฮสต์ถูกดวงตาเทพเจ้าที่หลงเหลือของแอนเดอร์สันจู่โจมเหรอ? ไม่มีทาง นี่แปลกมากๆ ระบบต้องเช็กสักหน่อย…”

ก่อนที่ฟางหนิงจะได้ค้านอะไร เขาก็ได้ยินข้อความแจ้งเตือนจากระบบแล้ว

ระบบเริ่มตรวจสอบจิตใจของโฮสต์

ระบบตรวจสอบจิตใจของโฮสต์…

ระบบพบว่าวิญญาณของโฮสต์อยู่ใน ‘สถานะปราชญ์’ ชั่วคราว

ระบบจะถือว่าทุกอย่างเป็นปกติและสิ้นสุดการตรวจสอบ

ฟางหนิงกล่าวเบาๆ “ขอบคุณท่านเทพแห่งระบบที่เป็นห่วงฉันนะ”

……………………………………….

บทที่ 121 คำอธิบายการต่อสู้แบบผลัดกันเล่นและเพื่อนร่วมทีมของพระเจ้า
เมื่อโล่สีดำปรากฏขึ้นและขัดขวางไฟเหล่านั้น เสียงของแอนเดอร์สันก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“แกเห็นจุดอ่อนของฉันได้เร็วจริงๆ”

แต่เขาก็เผยให้เห็นความผิดหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากป้องกันจุดอ่อนแล้ว ก็กลับมาโจมตี!

ตอนนั้นเอง มังกรเพลิงก็วาบผ่านเข้ามา และคราบเลือดก็ปรากฏขึ้นจางๆ จากเกล็ดบนศีรษะของมัน

“ไวเสียจริง! นี่เป็นครั้งแรกที่สิ่งมีชีวิตสามารถหลบหนีจากดวงตาเทพเจ้าของฉันได้… คุณต้องติดตั้งชิพ AI ขั้นสูงที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับการต่อสู้ ด้วยความเร็วปฏิกิริยาที่จำกัดของสิ่งมีชีวิต มันสายเกินไปแล้วที่จะหลบ ในท้ายที่สุด มันคือร่างของมังกรตัวจริงที่มีสายเลือดที่แข็งแกร่งและสามารถเข้ากันได้กับทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้สืบทอดทั่วไปจะติดตั้งชิป AI เหล่านี้ในร่างกายของพวกมันได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงการที่ให้พวกมันควบคุมร่างกายของตัวเอง เพื่อตอบโต้การต่อสู้ที่รุนแรง”

ฟางหนิงตกใจเมื่อได้ยิน ผู้ชายคนนี้ที่จริงแล้วเป็นใครกันแน่? …

ระบบนั้นเดิมเป็นโปรแกรมเกมแบบเบ็ดเสร็จ และการต่อสู้ AIนั้นก็ถูกติดตั้งไว้ภายในแล้ว และหลังจากการเปลี่ยนแปลง ระบบก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้มนุษยธรรมโดยสิ้นเชิง

มังกรเพลิงวาบผ่าอีกครั้ง และระเบิดไฟอีกลูกก็พุ่งเข้าใส่โล่สีดำ

ในเวลาเดียวกัน พายุก็พลันปรากฏขึ้น กวาดพัดเปลวเพลิงนับไม่ถ้วนและเผาโล่สีดำทั้งอัน

ภาพที่ปรากฎทั้งหมดนี้ ดูเหมือนเป็นเผาเตาขนาดใหญ่ที่กำลังคว่ำลง

หลังจากมันพ่นไฟ ร่างของมังกรเพลิงก็แตกสลายและฟื้นคืนขึ้นใหม่ทันที

เสียงของแอนเดอร์สันดังขึ้นอีกครั้ง

“นี่คือวิชาอะไรกัน? เห็นได้ชัดว่าร่างได้แตกสลายไปแล้ว แต่ยังสามารถกลับมารวมร่างได้ในทันที? ฉันจำได้แค่ว่าเคยเห็นความสามารถประเภทนี้ จากในเรื่อง ‘วันพีซ’ เท่านั้น แกสามารถเรียนรู้การเคลื่อนไหวจากตัวการ์ตูนในแอนิเมชั่นเหรอ! มังกรตัวจริงของแกมีข้อได้เปรียบมากมายขนาดนี้เชียวหรือ?”

ฟางหนิงซึ่งอยู่ในพื้นที่ของระบบได้มีประสบการณ์กับการต่อสู้ต่างๆ มากมาย เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงตอบกลับ

“เขากำลังถ่วงเวลา”

ระบบพูด “เพิ่มความโกรธ…”

ฟางหนิงตอบกลับ “เข้าใจแล้ว”

ฟางหนิงจะไม่มีวันเมินเฉยต่อเรื่องสำคัญ ไม่ว่าเทพเจ้าในสงครามจะพูดอะไร เขาก็จะทำตาม

คำแนะนำของระบบ โฮสต์เข้าสู่สถานะ ‘โกรธสุดขีด’ และมาตรวัดความโกรธทั้งหมดจะถูกเติมโดยอัตโนมัติหลังจากการบริโภค

เมื่อเข้าสู่สงครามที่ยืดเยื้อแล้ว ก็ไม่มีทางจบลงได้ภายในเวลาอันสั้น

ด้วยประสบการณ์หลายปีของฟางหนิงจากนวนิยายและเกม เขาสามารถเข้าใจกระบวนการต่อสู้ได้ดี

เมื่อรวมกับภูมิหลังของเขาในฐานะโปรแกรมเมอร์แล้ว ก็สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าการต่อสู้ได้เข้าสู่ระบบผลัดกันเล่น สรุปโดยย่อมีดังนี้

ระบบ ‘โจมตี’

แอนเดอร์สัน ‘ต่อต้าน ฆ่า’

ระบบ ‘สะท้อนกลับ’

แอนเดอร์สัน ‘ฉันจะอธิบาย…’

ระบบ ‘ไม่ฟัง ถือโอกาสโจมตีเพิ่ม’

…………

กระบวนการต่อสู้นั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่ฟางหนิงเข้าใจถึงอันตรายที่เกี่ยวข้อง ท่าโจมตีไร้เสียงของแอนเดอร์สันนั้นโหดเหี้ยมและรวดเร็วมาก

เขาไม่กลัวที่จะโจมตีไปที่อื่นๆ มีการป้องกันแบบสัมบูรณ์ระดับต่ำ เขาสามารถถอดชิ้นส่วนของร่างกายเพื่อโจมตีและเข้าสู่พื้นที่รักษาความสดใหม่ของพื้นที่ระบบได้ ส่งผลให้การโจมตีเป็นโมฆะ

แต่หลายครั้งที่มังกรเพลิงถูกโจมตี ระบบก็ได้รับอันตรายไปด้วย

หากมันถูกแทนที่ด้วยสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งทุกประเภทแล้ว และหากไม่มีระบบ ความเร็วในการตอบสนองการต่อสู้ของคอมพิวเตอร์ AI ก็จะเร็วกว่ามาก ยกเว้นแรงต้าน เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะหลบมันได้

หลังจากพยายามอีกหลายครั้ง การโจมตีทั้งหมดของแอนเดอร์สันก็โดนหัวมังกรเพลิงอย่างจัง

แต่ด้วยการทำงานสุดแม่นยำของเทพแห่งระบบ มันสามารถสะท้อนกลับได้หนึ่งครั้ง และตราบใดที่อีกฝ่ายไม่มีความสามารถพิเศษ มันก็สามารถสะท้อนกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หัวของมังกรนั้นเล็กกว่าตัวของมังกรมาก การหลบหลีกรวดเร็วกว่า และการยิงที่หัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน แต่น่าแปลกที่ทั้งสองไม่เลือกที่จะเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหวเพื่อค้นหาการเปลี่ยนแปลง พวกเขายังคงต่อสู้แบบผลัดกันเล่นเช่นเดิม

ฟางหนิงมองการต่อสู้อยู่ ก็รู้สึกว่าหากต่อสู้ไปอย่างนี้ ตนจะมีโอกาสชนะ เพราะพวกเขาต่างไม่คิดที่จะทำลายสมดุลในการต่อสู้เลย

ฟางหนิงเริ่มกังวล ไม่มีใครรู้เลยว่าแอนเดอร์สันจะมาไม้ไหน

…………

ในห้องที่ผู้เฒ่าไป๋อยู่ ผู้ชมอีกสองคนกำลังแสดงความเห็นเกี่ยวกับการต่อสู้ที่หาดูได้ยาก

ไป๋ซื่อซินดูการต่อสู้อย่างจริงจัง ราวกับว่าจะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแม้แต้ภาพเดียว

ปรมาจารย์แห่งตระกูลไป๋ “ซื่อซิน เมื่อก่อนตอนที่เจ้ายังแข็งแกร่ง เจ้าคิดว่าการที่จะต้านทานแอนเดอร์สันได้นั้น ต้องใช้ความพยายามกี่ครั้ง?”

ไป๋ซื่อซินตอบโดยไม่ลังเล “ผมไม่สามารถต้านทานได้สักครั้งเลย ดวงตาเทพเจ้าของเขาแข็งแกร่งมาก มันเป็นการโจมตีที่เร็วและโหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ความเร็วของขีปนาวุธและจรวดที่ปะทะต่อหน้าเขา ต่างกลายเป็นเหมือนเด็กชั้นประถม มีท่าไม้ตายเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาได้เป็นถึงรองประธานสมาคมดุลอำนาจแห่งชาติ นี่น่ากลัวจริงๆ”

ผู้เฒ่าตระกูลไป๋ตอบรับ “อืม มองขาดมาก หากต้องการต่อสู้กับดวงตาเทพเจ้า ต้องต่อสู้อย่างหนักด้วยเนื้อหนังและเลือดบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามความคิดที่ว่าแอนเดอร์สันต่อสู้เพื่อถ่วงเวลา เป็นการยืนยันการคาดเดาก่อนหน้าของเจ้าเกี่ยวกับอัศวิน A ได้”

ไป๋ซื่อซิน “อืม แอนเดอร์สันมาจากอเมริกา เป็นประเทศที่ซึ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้รับการพัฒนาอย่างมาก เขาไม่คุ้นเคยกับ AI การต่อสู้แน่นอน และเขาต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับมันก่อน ดังนั้นผมเลยมั่นใจ”

ผู้เฒ่าไป๋ถอนหายใจ “น่าเสียดายที่ความสามารถระดับสูงในสายคอมพิวเตอร์มีน้อยและหายากเกินไป คนที่เรากำลังจับตามองทั้งหมดจะถูกดึงเข้าไปในระบบของพวกเขาโดยสำนักสัจธรรม ตอนนี้พวกเขาอาจจะยุ่งอยู่กับโครงการใหญ่ลึกลับมากมาย และพวกเขายังต้องศึกษาเทคโนโลยีขั้นสูงของการรวม AI การต่อสู้เข้ากับผู้ปฏิบัติงาน เราไม่มีพื้นฐานในการทำวิจัยประเภทนี้เลย”

ไป๋ซื่อซิน “ท่านอาจารย์กังวลอะไร เทคโนโลยีนี้จะว่าดีก็ดี แต่ก็มีข้อเสียไม่ใช่เหรอ?”

ผู้เฒ่าไป๋ยิ้มเล็กน้อย “ย่อมมีข้อเสีย ทุกสิ่งบนโลกจะมีแต่ข้อดีได้อย่างไร? หลังจากติดตั้งวัตถุแปลกปลอมทางเทคโนโลยีเหล่านี้แล้ว หากต้องการฝึกฝนและก้าวหน้าในอนาคต ก็เทียบเท่ากับการปีนภูเขาอีกลูกบนหลังของตน”

ไป่ซื่อซินพยักหน้าเห็นด้วย เขาชี้ไปที่หน้าจออีกหน้าจอหนึ่งพลางกล่าว “ในที่สุดคนของสำนักสัจธรรมก็มาถึงแล้ว”

เห็นดังนั้น ผู้เฒ่าไป๋ก็ยิ้มเหยียดออกมา “การเข้าไปในการประลอง ก็ถือเป็นจุดจบของพวกเขาเท่านั้น”

…………

หมาดำนำทางฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ ไปที่ทางเดิน มันได้กลิ่นเปลวไฟมาแต่ไกลแล้ว แต่เพราะนายท่านได้กำชับไว้ มันจึงไม่เข้ามา

“นายท่านอยู่ข้างในนั้น ศัตรูที่อยู่ข้างในก็แข็งแกร่งมาก นายท่านบอกให้ฉันไปซ่อนให้ไกลที่สุด จากที่นี่ไปยังห้องโถงมีระยะทางเพียงสามเมตร แต่ฉันเข้าไปใกล้กว่านี้ไม่ได้ และถ้าพวกคุณเข้าไปใกล้กว่านี้ อาจเป้นอันตราย”

“ต้องทำยังไงดี? ฉันต้องเตือนพวกคุณว่า ฉันเข้าใจถึงความรุนแรงของสนามรบข้างหน้า ฉันกลัวว่าหลังจากที่พวกคุณเข้าไปแล้ว คุณจะไม่สามารถรับมือไหว อย่าคิดว่าฉันอ่อนแอเลย แต่ฉันได้ข้อมูลมาแบบนี้จริงๆ”

เฉียวจื่อซานตอบกลับ “ฉันเพิ่งส่งข่าวกรองไปใหม่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะฝ่าฟันขั้นตอนที่สำคัญที่สุดไปได้แล้ว อาจต้องใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมง การต่อสู้ครั้งนี้อันตรายมาก เริ่มการเตรียมการการจู่โจมทันที”

ได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของไห่หลานก็ฉายแสงประกายสีฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกคนพลันเพิ่มชั้นน้ำแข็งให้เป็นเกราะหนากว่าเดิม

ติงเซียงประสานมือของเธอเข้าด้วยกัน จากนั้นแสงสีเขียวหลายชั้นก็ส่องมาที่ทุกคน

เฉียวจื่อเจียงพูด “จากภาพตอนที่หลงฟานทิ้งไว้ก่อนสิ้นใจนั้น ศัตรูนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และเขาเก่งวิธีการโจมตีด้วยประสาทสัมผัสทางวิญญาณแบบฆ่าเราในฉับพลัน เรามีบันทึกที่เกี่ยวข้อง โดยทั่วไปควรใช้โหมดโจมตีระยะไกล”

เฉียวจื่อซานพยักหน้า “เอาล่ะโม่ซิ่ง คุณจัดหาพลังเวทให้ไห่เฉิงก่อน จากนั้นไห่เฉิงจะใช้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของคุณโจมตีในครั้งนี้ มีเพียงดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของคุณเท่านั้นที่สามารถโจมตีได้ไกลพอและมีกำลังเพียงพอที่จะสนับสนุนของผู้อื่น ส่วนคนอื่นๆ รอคอยที่จะเติมพลังเวทให้ไห่เฉิงแทน”

หมาเหลืองสงสัยว่าทางเดินใต้ดินที่นี่คดเคี้ยวมากและไม่สามารถมองเห็นสนามรบในห้องโถงจากที่นี่ได้ มนุษย์เหล่านี้จะใช้วิธีการโจมตีระยะไกลแบบใด?

แต่แล้วไม่นานมันก็เข้าใจ

มันเห็นเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ ยังคงประจำการอยู่ที่เดิม พวกเขาไม่ได้เข้าไปในห้องโถงเลย

เฉียวจื่อเจียงเรียกตัวลิ่นซึ่งกำลังเดินตามทิศทางไปที่ห้องโถงพอดีให้เข้ามา…

แม้ว่าถ้ำที่นี่จะทำจากหินที่ลึกลงไปในพื้นดิน แต่เมื่อมีตัวลิ่นเหล่านี้ ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

ตัวลิ่นพวกนี้มีประสิทธิภาพมาก เพราะผ่านไปเพียงสิบนาที โพรงหินที่แคบตรงก็เริ่มปรากฏขึ้นแล้ว

เฉียวจื่อเจียงพูด “พวกตัวลิ่นขุดเข้าไปในห้องโถงของสนามรบแล้ว”

เฉียวจื่อซานโบกมือกลับ หลังจากได้ยินเรื่องนี้ไห่เฉิงก็ก้าวไปข้างหน้าทันที

เขายืนอยู่หน้ารูแคบๆ นั้น

ไม่นาน เนตรสีแดงก็ปรากฏขึ้นตรงหว่างคิ้วของเขา คราวนี้ มันไม่ใช่แสงสีฟ้าอีกต่อไป แต่เป็นแสงสีแดง มันปรากฏขึ้นในแวบแรกและโจมตีโล่สีดำในห้องโถงทันที

โม่ซิ่งยืนอยู่ข้างหลังเขา วางมือบนแผ่นหลังของกันและกัน

…………

หลังจากที่เห็นภาพล่าสุดบนหน้าจอ ผู้เฒ่าตระกูลไป๋ก็หน้าซีดเผือด ด้านไป๋ซื่อซินพูดอะไรไม่ออกสักคำ

ภายในห้องโถงของสนามรบ เมื่อเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ เข้ามาแล้วชัยชนะจึงเริ่มเอนเอียงไปทางเทพแห่งระบบ

เวลานี้ฟางหนิงกำลังเอาใจช่วยอยู่ในพื้นที่ระบบ “เร็วเข้าๆ พลังงานเริ่ไม่เสถียรแล้ว!”

ผ่านไปสักพัก “เอาล่ะ ไฟสีแดงนี้กลับมาแรงขึ้นแล้ว งานนี้มีลุ้น!”

“หึ ผู้เฒ่าเฟิงไม่น่ายอมให้พวกมันเลย ไม่งั้นคนของสำนักสัจธรรมคงเข้ามาไม่ได้”

มังกรเพลิงพ่นไฟครั้งสุดท้ายออกมา

“นี่เราแล้วสินะ? ครั้งหน้าคงไม่มีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกแล้ว”

น้ำเสียงของแอนเดอร์สันแปลกมาก เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะล้มเหลว น้ำเสียงของเขากลับมีความผิดหวังเพียงน้อยนิดเท่านั้น เขาไม่เหมือนศัตรูคนก่อนๆ ที่เอาแต่พูดว่า “เป็นไปไม่ได้” หรือ “ฉันจะตายได้ยังไง”

“อืม…ที่หลบซ่อนอยู่นอกระยะการโจมตีของฉัน ตามที่สำนักสัจธรรมเสินโจวคาดไว้”

“แต่ฉันกำลังจะระเบิด…”

………………………………………………………….

บทที่ 120 ตามความเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างฉัน อัศวิน A จะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปอีกหลายปี
ภายใต้การนำของหมาเหลือง อัศวิน A กำลังไล่ตามกลุ่มคนที่เหลืออยู่นั้น เวลานี้ชายชราเพิ่งหนีออกมาจากยอดเขาและโรเบิร์ตก็อยู่ในห้องใต้ดินแล้ว

ห้องนี้ไม่มีแม้แต่โต๊ะและเก้าอี้ กล่าวให้ถูกก็คือมันเป็นถ้ำใต้ดินสี่เหลี่ยมนั่นเอง

เขาโค้งคำนับให้กับอีกสองคนในห้องและกล่าวด้วยความเคารพ “ยินดีที่ได้พบท่านผู้อาวุโส ดีใจที่ได้พบพี่ซื่อซิน”

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ “ผู้เฒ่าเฟิง พวกเราจัดหาคนหนุนหลังที่ดีให้กับคุณแล้ว แต่คุณกลับปั้นเขาให้คนอื่นมาฆ่าตัวเอง ตอนนี้ยังมีหน้ามาขอร้องฉันอีก ฉันลำบากใจมากนะ”

ผู้เฒ่าเฟิง “ไม่ว่ายังไงท่านอาวุโสได้โปรดช่วยเหลืออีกสักครั้งเถอะ เหลืออีกสามชั่วโมงเท่านั้น”

ผู้อาวุโสไป๋โบกมือ “เรื่องนี้คุณต้องโน้มน้าวซื่อซินแล้วล่ะ เขาเป็นกองทหารกลุ่มแรกในตระกูลของเรา ถ้าเขาให้คำแนะนำในได้ ฉันจะตกลงช่วยเหลือ”

พูดเสร็จก็หันหลังเดินออกจากห้องไป

โรเบิร์ตยืนอยู่ที่นั่นเงียบๆ โดยไม่ปริปาก

เขาค้นพบสิ่งหนึ่ง ตั้งแต่เวลาที่เขาเห็นตัวละครลึกลับสองคนนี้ ชายชุดดำที่ ‘ไอ’ ออกมาเป็นบางครั้งได้มองมาที่เขา ราวกับว่าเขามีบางอย่างในตัวที่เป็นที่สนใจของอีกฝ่าย

ทันทีที่ผู้อาวุโสตระกูลไป๋จากไป ผู้เฒ่าเฟิงก็วิงวอนกับไป๋ซื่อซินทันที “พี่ซื่อซิน ได้โปรดเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตด้วยเถอะ ขอให้ท่านผู้อาวุโสลงมือช่วยเหลืออีกสักครั้ง”

จากนั้นไป๋ซื่อซินก็หันความสนใจไปที่ชายชราที่มีถุงยาสูบและส่ายหัว “ผู้เฒ่าเฟิงดูเหมือนจะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่สำคัญและทุกอย่างอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ท่านไม่ได้ยินหรือว่าผู้อาวุโสปฏิเสธอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้แล้ว ในกลุ่มของฉัน ไม่มีใครสามารถช่วยผู้อาวุโสตัดสินใจได้ หากท่านผู้อาวุโสต้องการจะช่วย เขาคงตอบรับโดยทันทีไปแล้ว ตอนนี้คงอยากจะไว้หน้าท่าน”

ใบหน้าของผู้อาวุโสเฟิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “บัดซบ ยังจะต้องไว้หน้าอะไรอีก! สัตว์ประหลาดกลุ่มหนึ่งข้ามแม่น้ำและรื้อสะพานโดยไม่สนใจผิดชอบชั่วดี ไม่ใช่ว่าพวกท่านกลัวอัศวิน A นั่นหรอกใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ไป๋ซื่อซินก็หัวเราะ ‘หึหึ’ “ฉันเพิ่งทราบรายละเอียดของอัศวิน A เมื่อเร็วๆ นี้เอง ดังนั้นฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นต้องกลัวเขาเลยในอนาคต เพราะมีใครบางคนต้องการกำจัดเขาในไม่ช้า เป็นการดีที่จะกำจัดเขา เพียงแต่ยังไม่สามารถกำจัดเขาได้ตอนนี้ จนถึงตอนนั้นเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปอีกหลายปีแน่นอน เพราะงั้นฉันไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร”

เมื่อผู้อาวุโสเฟิงได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด “เพราะงั้นพวกท่านเลยไม่อยากอยู่จนถึงวาระสุดท้าย เพราะเกรงว่าจะถูกตรวจพบไพ่ตายของพวกเราสินะ! ที่อยากให้เราพินาศไปพร้อมกับอัศวิน A ก็เพราะต้องการกำจัดสองสิ่งอันตรายที่ซ่อนอยู่ น่าเกลียดจริงๆ แถมยังคิดจะจะใช้แผนยืมดาบฆ่าคนอีก”

ไป๋ซื่อซินยิ้มเล็กน้อยและส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ผิดแล้ว นี่ไม่ใช่การยืมดาบฆ่าคน ตั้งแต่ต้นจนจบฉันเป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น ไม่เคยคิดเริ่มเลย อย่างมากที่สุดเรียกได้ว่าเป็นการตามน้ำไปเท่านั้น”

ผู้เฒ่าเฟิงกัดฟัน “ได้ พวกคุณมันไร้ความปรานี แต่ในโลกนี้มีบางสิ่งที่เกินความคาดหมายเสมอ!”

“อย่างงั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พึ่งตัวเองก็แล้วกัน” ไป๋ซื่อซินหยุดพูดและเมื่อพูดจบ เขาก็หันหลังออกจากห้องไป

มองอีกฝ่ายออกจากห้องไปเช่นนั้น แม้ว่าผู้เฒ่าเฟิงจะรู้สึกว่าเขาสามารถฆ่าคนเลวพวกนั้นด้วยฝ่ามือเดียวได้แต่เขากลับไม่กล้าทำ เขาแค่พูดอย่างขมขื่นว่า “รอก่อนเถอะ รอให้คนๆ นั้นระเบิด พวกแกจะต้องตายไปพร้อมกัน!”

“โรเบิร์ต” ผู้เฒ่าเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยต่อชายผิวขาววัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ เขา “พวกเราไปเถอะ หนีตายจากที่นี่กัน”

โรเบิร์ตไม่ขยับ แต่พูดอย่างตะลึง “คุณกำลังเรียกผมเหรอ? ผมไม่ใช่โรเบิร์ตยักษ์แล้วเหรอ?”

ผู้เฒ่าเฟิงโกรธมาก เขาหยิบถุงบุหรี่ขึ้นมาตีเบาๆ “อะไรกันฮะ นายคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเหรอว่าชื่อคนผิวขาวอย่างพวกนายออกเสียงยังไง? ตอนนั้นถ้านายกล้าดื้อดึงสักนิด ตอนนั้นฉันอาจจะยืนมองนายถูกเหล่ยเจวี๋ยต้งโยนลงจากยอดเขาเฉยๆ ก็ได้! ทีหลังไม่ต้องพูดถึงมันอีก ใช้พลังเวทพาออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!”

โรเบิร์ต “ครับ ครับ ขอบคุณครับเจ้านาย”

หลังจากพูดจบทั้งสองก็ออกไปทันที

ในอีกห้องหนึ่งไป๋ซื่อซินและผู้อาวุโสตระกูลไป๋กำลังดูหน้าจอขนาดใหญ่ มีฉากห้องโถงฉายอยู่ในนั้นโลงศพแก้วมากมายตั้งเรียงราย พร้อมศพข้างใน

ไป๋ซื่อซิน “สองคนนั้นน่าจะไปแล้ว”

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ “ปล่อยให้พวกเขาออกไปไม่ได้”

ไป๋ซื่อซิน “ทราบแล้วครับ กระผมได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ในไม่ช้าพวกเขาจะตายด้วยน้ำมือของสำนักงานสัจธรรม”

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ “แบบนั้นก็ดี ให้พวกเขาต่อสู้ไป มาดูโชว์ใหญ่กันก่อนดีกว่า เดี๋ยวก็รู้ว่าพี่เฟิงพูดจริงหรือเท็จ ไม่รู้ว่าจะเป็นแอนเดอร์สันหรืออัศวิน A ที่มีอำนาจเหนือกว่ากัน ตอนนี้ฉันก็ไม่สามารถคาดเดาได้ นายล่ะคิดยังไง?”

ไป๋ซื่อซิน “ผู้อาวุโสก็ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ตามความเข้าใจของกระผม ท้ายที่สุดผู้ชนะคงจะเป็นอัศวิน A อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นเวลาหลายปี พลาดโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาตนและจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเราอีก กระผมเคยผ่านมาก่อนแล้ว ครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด”

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋พยักหน้า “เอาล่ะซื่อซิน นายก้าวหน้าไปมากแล้ว ต่อไปก็เน้นหนักขึ้นในการเสริมสร้างรากฐานเถอะ”

ไป๋ซื่อซิน “เข้าใจแล้วครับ”

…………

ในเวลานี้หมาเหลืองเซวียปากำลังเข้าใกล้ห้องโถงใต้ดินกับเจ้านายของมัน พร้อมกับงูดำหลงฟาน

โลงศพแก้วตั้งเรียงรายและศพก็นอนอยู่ในนั้น หน้าอกของพวกเขากระเพื่อมเล็กน้อย ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะยังมีชีวิตอยู่และเพียงแค่หลับตา บางคนยิ้มอย่างมีความสุข บางคนเศร้า และบางคนถึงกับร้องไห้

ฟางหนิงดูงุนงง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

คนเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่รู้ถึงการมาถึงของพวกเขา ทุกคนยังคงหลับตาอยู่

ฟางหนิงขอให้ระบบส่งสัญญาณไปยังหมาเหลือง “ได้กลิ่นของเจิ้งต้าวที่นี่ไหม?”

หมาเหลืองส่ายหัว “ไม่มี จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้พ่อบ้านเจิ้งเลยแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นเซวียปาคงร้องเตือนนายท่านไปนานแล้ว แต่ทั้งห้าคนที่เจ้านายต้องการฆ่าอยู่ในหมู่พวกเขา ท่านต้องการให้มุ่งเป้าเลยไหม?”

ฟางหนิงตรวจสอบแผนที่ระบบก่อนจะพบว่ามันเป็นสีดำสนิท

แต่ตอนอยู่บนพื้นดินมีโหมดช่วยเหลือพันลี้ แผนที่ระบบจึงเปิดชั่วคราวเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง

ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปได้ไหมว่าถ้าเข้าไปยังใต้ดินลึกในระดับหนึ่ง พวกเราจะเข้าสู่พื้นที่อื่น?

ฟางหนิงครุ่นคิด ตอนนั้นเองระบบก็มีการเคลื่อนไหว

อัศวิน A “หลงฟาน นายลองไปสำรวจดูทีสิ”

งูดำหลงฟานแอบเข้าไปในห้องโถงเงียบๆ เลื้อยตัวไปมา

หลงฟาน “ท่านผู้อาวุโส ไม่พบการซุ่มโจมตีและไม่พบมาตรการป้องกันใดๆ พวกเขาน่าจะนอนกันหมดแล้ว ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย”

ฟางหนิงสงสัย ‘ครั้งนี้จะต้องฆ่าศัตรูในสภาพนี้เหรอ ในที่ที่มีโลงศพขนาดนี้เนี่ยนะ แปลกจริงๆ’

“เซวียป้า หลงฟาน อพยพเดี๋ยวนี้ยิ่งไกลยิ่งดี”

หมาเหลืองเซวป้าเมื่อได้ยินเพียงคำว่า ‘อพยพ’ ก็ทรุดตัวลงกับพื้นและหายตัวไปทันที ปฏิกิริยาตอบสนองนี้ทำให้หลงฟานพูดไม่ออก

หลงฟานตกตะลึงอย่างมากก่อนจะหันกลับหลังและบินไปอย่างรวดเร็ว

แต่มันบินไปได้เพียงระยะทางสั้นๆ ทันใดนั้นร่างของมันก็หยุดกลางอากาศ แล้วร่างของงูสีดำทั้งร่างก็ถูกผ่าเป็นเจ็ดแปดส่วนกลางอากาศ

มันพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค “ให้ตายสิ ตายอีกแล้ว!”

ชิ้นส่วนของร่างกายทั้งหมดระเบิดออกพร้อมๆ กัน กลายเป็นควันสีขาวจำนวนมากและค่อยๆ สลายไปในอากาศทันที

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิงที่กำลังดูการต่อสู้พูดไม่ออกเมื่อเห็นฉากนี้ ห

ถ้างูดำหลงฟานไม่เป็นอมตะ วันนี้มันคงตายที่นี่

ระบบรู้เรื่องนี้ดี บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้เอง เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูอีกฝ่ายเลยไม่ต้องเสียสล็อตพลังปราณและสล็อตความโกรธเพื่อช่วยหลงฟาน

ขณะนั้นเองเสียงสุภาพเสียงหนึ่งก็ลอยออกมาจากโลงแก้ว

“อนิจจา อัศวิน A ในที่สุดพวกคุณก็มา อนิจจา พวกคุณเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติเท่านั้น เราไม่มีความแค้น ไม่มีความเกลียดชัง ขอเพียงไม่รบกวนกัน ก็ไม่มีใครห้ามพวกคุณ ทว่าฉันปล่อยให้งูดำกลับไปรายงานความจริงไม่ได้ ดังนั้นเลยต้องฆ่ามัน ขอโทษจริงๆ แต่ตามข้อมูลงูดำเป็นของสำนักสัจธรรม ไม่ใช่ของคุณเองใช่ไหม?”

“ไร้สาระจริงๆ แกมันเป็นคนบาป ฉันจะประหารชีวิตในนามของสวรรค์ในวันนี้และฆ่าแกที่นี่!”

อัศวิน A ไร้ความรู้สึก เขากำลังจะเริ่มลงมือแล้ว

“เดี๋ยวก่อน พ่อบ้านของคุณไม่ได้อยู่ที่นี่กับฉัน หลังจากที่ผู้เฒ่าเฟิงและคนอื่นๆ จับเขาไปแล้ว ก่อนที่จะขนย้ายก็ได้ถูกใครบางคนสกัดกั้นไว้ ฉันไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะตามฉันมา ดูเหมือนว่าพวกคุณจะถูกสำนักสัจธรรมหลอกใช้นะ หรือควรจะถอยไปตามหาพ่อบ้านของพวกคุณดี ถ้าชักช้ากว่านี้ก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีอันตรายอะไรหรือเปล่านี่สิ?”

ฟางหนิงได้ยินคนผู้นี้พูดสุภาพมากจึงไม่อยากขัดแย้ง

คิดว่าเขาไม่รู้เหรอว่าพ่อบ้านเจิ้งไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใดๆ เลย ผลของการช่วยเหลือพันลี้ได้พิสูจน์แล้ว

แค่มองไปที่ท่าทางไม่ยินดียินร้ายของระบบ ก็ต้องพบว่าบาปของอีกฝ่ายนั้นร้ายแรงจริงๆ แต่แผนผังระบบเป็นสีดำ ทั้งมองไม่เห็นเครื่องหมายสีของอีกฝ่ายบนแผนที่ด้วย

เดี๋ยวนะ ฉันมีหนังสือเกมที่สามารถบันทึกข้อมูลทางชีววิทยาที่ระบบได้เห็นและน่าจะสามารถแบ่งปันข้อมูลได้นี่นา

ฟางหนิงยื่นมือออกมา ก่อนที่หนังสือเกมจะลอยไปอยู่ในมือของเขาทันที

“เปิดหน้ารวบรวมประวัติ สถิติล่าสุด”

หนังสือเกมพลิกหน้าทันที

ใบหน้าของฟางหนิงตกตะลึง

“แอนเดอร์สัน: ไม่มีเพศ ไม่มีงานอดิเรก ไม่ทราบอายุ ตำแหน่ง: รองประธานสำนักงานร่วมกิจการพิเศษสากล”

“แนวโน้มความดีและชั่ว: ชั่วร้ายอย่างยิ่ง”

“การประเมินความแข็งแกร่ง: ความแข็งแกร่งระดับบ่อ รายละเอียดขนาด: สระว่ายน้ำที่ไม่ทราบความลึก อันตรายอย่างยิ่ง”

ฟางหนิงต้องการทราบว่าระบบอยู่ในระดับไหน แต่ตอนนี้อยู่ในระหว่างการต่อสู้และมีแนวโน้มว่าจะเป็นการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย เขาเลยไม่คิดจะส่งเสียงขัดจังหวะ

แต่เขาเข้าใจดีอยู่แล้วว่าระบบไม่สามารถปล่อยชายผู้นี้ไปได้

ความแข็งแกร่งระดับบ่อควรอยู่ที่ระดับของผู้นำทั้งหกของสำนักสัจธรรม ซึ่งเป็นระดับ A ในการประเมินของพวกเขา

เทียบได้กับระดับอ่างอาบน้ำ ระดับถัง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าลึกกว่ามาก

ฟางหนิงหดตัวกลับไปในพื้นที่ระบบเพื่อใช้ความคิด ตอนนั้นเองอัศวิน A ก็ได้เริ่มลงมือแล้ว

‘โฮร่ก’ เสียงมังกรคำรามกึกก้อง ภายในในห้องโถงใต้ดิน ในตอนนี้มังกรเพลิงขนาดเท่างูดำกำลังปรากฏตัวขึ้น

ฟางหนิงพยักหน้า ‘เทพแห่งการเรียนรู้คือเทพแห่งการเรียนรู้ ดูจากภูมิประเทศที่นี่แล้วถ้าให้แปลงเป็นร่างมังกรไฟขนาดใหญ่เหมือนตอนแรกคงจะไม่ได้สินะ’

ทันทีที่มังกรเพลิงขนาดเล็กปรากฏขึ้น มันก็พ่นไฟออกมาทันที แต่เปลวไฟกลับไม่เล็กตามขนาดร่างกาย มันพุ่งเป้าไปที่โลงศพทั้งหมด

“หยุดนะ!”

ขณะที่เสียงของแอนเดอร์สันดังขึ้น ตอนนั้นเองโล่สีดำก็ปรากฏขึ้นเข้าปกคลุมโลงศพทั้งหมด

………………………………………………………

บทที่ 119 พี่ชาย ถ้าไม่ลงทะเบียนก่อน ผมจะช่วยพี่ลำบากนะ
ทันทีที่ได้ยินไห่เฉิงอธิบายรายละเอียดของ ‘สไนเปอร์ซุ่มยิง’ เฉียวจื่อเจียงก็คิดหาวิธีตอบโต้ทันที

รายงานกล่าวว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงสมุนของกลุ่มที่มีระดับความแข็งแกร่งไม่เกินระดับ C เท่านั้น แต่พวกเขาที่อยู่ที่นี่มีขุมพลังระดับ B และต่ำสุดคือแกนหลักระดับ D ซึ่งสามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์

การใช้อาวุธเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทรงพลังนั้นค่อนข้างง่ายต่อการควบคุม รวมถึงการฝึกฝนทั่วไปและพัฒนาทักษะลับที่มีพลังระเบิดสูง เรียกได้ว่ามีประโยชน์มากและถือเป็นแนวทางการวิจัยของสำนักสัจธรรม

ดังนั้นเฉียวจื่อเจียงจึงคิดว่าพวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับการเผชิญหน้าครั้งนี้

หลังจากฟัง เธอก็พูดขึ้นทันที “ฉันจะปล่อยเจ้างูดำหลงฟานให้มันออกสำรวจยอดเขาโดยรอบภายในยี่สิบกิโลเมตร นี่คือภูมิประเทศในหุบเขา ถ้าพวกเขาต้องการเปิดฉากโจมตีทางไกลอีกครั้ง เป็นไปได้ว่าอาจจะย้ายไปยังจุดสูงอื่นเพื่อตั้งค่าจุดลอบยิงใหม่ก็ได้ หลงฟานบินได้ไวมาก ทั้งยังไหวพริบดี สามารถซ่อนตัวได้แนบเนียน มีประสบการณ์การสืบสวนมากมาย ประสิทธิภาพสูงและแข็งแกร่งกว่าเครื่องมือสืบสวนทั่วไปร้อยเท่า รอให้เขายืนยันว่ามือปืนอยู่ที่ไหน เราจะแบ่งกองทหารของเราออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มนึงคอยทำลายมือปืน ส่วนอีกกลุ่มคอยโจมตีเป้าหมาย”

ขณะที่พูด งูดำก็เลื้อยออกมาภายใต้แขนเสื้อของเธอ

เฉียวจื่อซานครุ่นคิด พยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ดี ‘สไนเปอร์ซุ่มยิง’ หนีไม่รอดแน่ แต่หลงฟานคือศัตรู แม้จะหาพบก็ไม่วายถูกฆ่า เธอมีรอยประทับของจิตวิญญาณของเขาและสามารถใช้พลังเพื่อชุบชีวิตได้ใช่ไหม”

งูดำตื่นขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ฉันไม่กลัวตายหรอกนะ จะให้ทำงานที่เสี่ยงอันตรายใช่ไหม? สไนเปอร์ซุ่มยิงน่ากลัวมากสินะ ไหนๆ ตอนนี้ฉันเป็นลูกจ้างของคุณแล้ว ไม่ใช่ทาส เพราะฉะนั้นฉันต้องการให้ขึ้นเงินเดือน และเพิ่มโบนัสด้วย…”

เฉียวจื่อเจียงพยักหน้าทันที “รีบไปเถอะ ทุกความต้องการของนายฉันจะสนองให้”

งูดำหลงฟานได้ยินก็รู้สึกทันทีว่ามีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากเธอ เป็นเรื่องยากผู้หญิงคนนี้จะยอมให้ เป็นไปได้ไหมที่เฉียวจื่อซานไม่สามารถต้านทานกับ ‘สไนเปอร์ซุ่มยิง’ ได้หากไม่มีมาตรการป้องกันเป้าหมาย?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ มันก็ต่อรองราคาให้เพิ่มสูงขึ้นทันที “เอาล่ะ ตอนนี้ฉันได้อ่านแค่นิยายเท่านั้น ไม่เคยไดด้เล่นเกมเลย คุณต้องหาวิธีการฟาร์มขั้นสูงมาให้ฉันด้วย…”

เฉียวจื่อเจียงกัดฟัน แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง “เอาล่ะ ถ้านายพบจุดลอบโจมตีและยอมสละตัวเอง ฉันจะแลกเปลี่ยนมันให้นาย แต่ถ้าท่านมังกรเป็นคนไล่ตามศัตรูจนสำเร็จ โดยที่นายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย นั่นอาจจะทำให้นายต้องชดใช้หนักสักหน่อย”

งูดำหลงฟานรู้ว่าเขามาถึงจุดต่ำสุดแล้ว เอาแต่ตามเฉียวจื่อเจียงต้อยๆ เมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมด เขาก็รู้วิธีหาจุดลอบโจมตีโดยสัญชาตญาณ เขาพยักหน้าตอบตกลง ก่อนจะบินออกจากภูเขาเพื่อออกไปสำรวจ

เมื่อโม่ซิ่งได้ยินเฉียวจื่อเจียงพูดก็ส่งสัญญาณให้กับอัศวิน A ที่ไม่อยู่ที่นี่ ‘ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณ เกรงว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายแล้วล่ะ ภารกิจของงูดำในครั้งนี้น่าจะง่ายมากทีเดียว’

แน่นอนว่าเขาเห็น หลังจากที่เฉียวจื่อเจียงสั่งให้งูดำออกไปตรวจสอบ เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีและพิมพ์อย่างรวดเร็ว คงจะติดต่อท่านทั้งสองเพื่อยืนยันเรื่องนี้เช่นกันสินะ

…………

ไม่นานหลังจากที่งูดำหลงฟานบินออกไป หมาเหลืองเซวียปาซึ่งซ่อนอยู่ข้างๆ ก็ทำจมูกฟุดฟิดสองสามครั้งแล้ววิ่งออกไปจากที่กำบัง มันวิ่งออกไปข้างนอกเงียบๆ

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หมาดำก็เดินตามไปทันที ไม่ถึงครึ่งก้าว

งูดำหลงฟานที่กำลังบินวนอยู่ในอากาศพลันบินขึ้นไปบนยอดเขา เมื่อเขาเห็นการเคลื่อนไหวของหมาสองตัว ดวงตาก็เป็นประกายลอบตามไปกลางอากาศ ท่านทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่น่ะ? คนอื่นคิดหาวิธีได้แล้วนะ เขายังคิดไม่ออกอีกเหรอ?

เขาและทั้งสองท่านเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว…

ไม่นานหมาสองตัวที่อยู่ในป่าก็พบเข้ากับอัศวิน A

เสียง ‘ตู้ม’ ดังต่อหน้าหมาเหลือง เป็นเสียงของร่างหญิงวัยกลางคนที่ถูกอัศวิน A จัดการ

อัศวิน A “เซวียปา ช่วยดมกลิ่นของผู้หญิงคนนี้แล้วตามหาสหายของเธอหน่อยได้ไหม?”

หมาเหลืองเซวียปาก้มศีรษะลงทันทีและดมกลิ่นของผู้หญิงคนนั้น เอ่ย “ได้เลย ก่อนหน้านี้เธอติดต่อกับคนทั้งหมดแปดคนและมีคนสามคนที่เธอเพิ่งเจอมา ดูเหมือนว่าคนสามคนที่เธอเพิ่งเจอน่าจะเป็นกลุ่มคนเดียวกับที่โจมตีไป๋หลี่ ส่วนอีกห้าคน ติดต่อมาเมื่อวันก่อนและอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ขอเวลาสิบนาทีในการติดตามว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน”

อัศวิน A “นำทางไปเลย”

เมื่อหมาเหลืองเซวียปาได้ยินคำพูดนี้ มันก็วิ่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่งทันที

เมื่อเห็นอย่างนั้นอัศวิน A ก็ไม่สนใจหญิงสาวที่อยู่บนพื้นดินอีก คิดเพียงแค่ต้องตามให้ทันและต้องเป็นคนแรกที่จะสังหารปีศาจ

ภายในพื้นที่ของระบบ เมื่อฟางหนิงเห็นฉากนี้เข้าจากมุมมองของระบบก็รีบเอ่ยเตือน ‘อย่างน้อยก็ส่งผู้หญิงคนนี้ไปให้เฉียวจื่อซานสิ ถึงยังไงเธอก็เป็นอาชญากรที่สำคัญ ขืนปล่อยไว้ในป่ารอให้เธอฟื้นขึ้น เธอได้หนีรอดไปแน่ไม่ใช่หรือไง?’

ขณะนั้นหมาดำก็รีบส่งเสียง “นายท่าน ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะมีค่าตัวถึงร้อยล้านเหรียญสหรัฐ…”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น อัศวิน A ก็ชะงักกึก ดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้นทันที

เมื่อหมาเหลืองได้ยินคำพูดนั้น เขาก็ตบหัวตัวเองด้วยขาหน้าของมัน ‘คนฉลาดมีความคิดนับพันย่อมต้องมีการสูญเสีย ทำไมฉันถึงคิดแค่ไล่ตามศัตรูแล้วลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้นะ ปล่อยให้ผู้รับใช้ตัวดำนี่ขโมยเครดิตของฉันไปโดยเปล่าประโยชน์ได้ยังไง!’

หมาดำกระหยิ่มยิ้มย่อง แล้วเมินเฉยต่อสายตาของหมาเหลืองที่มองมา ‘ฉันภูมิใจที่บอกเจ้านายเกี่ยวกับข้อมูลที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับ ‘สไนเปอร์ซุ่มยิง’ เมื่อสักครู่นี้’

หลังจากได้ยินเรื่องนี้แล้ว อัศวิน A ก็ก้มลงลูบหัวหมาดำเบาๆ “ทำได้ดีมาก เมื่อฉันกลับแล้วฉันจะให้รางวัลใหญ่กับแก!”

เมื่อโดนลูบหัวแบบนั้นมันก็กระปรี้กระเปร่าทันที มันภูมิใจมากกว่าเดิม ‘เจ้านั่นอวดเสมอว่าไอคิวของมันดีกว่า แต่กลับพลาดไปได้’

อัศวิน A “เอาล่ะ ไป๋หลี่ นำผู้หญิงคนนี้กลับไปส่งให้เฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ อย่าลืมขอเงินรางวัลจากพวกเขาด้วยล่ะ ถ้าในอนาคตพวกเขาสามารถหาวิธีจัดการดับ ‘สไนเปอร์ซุ่มยิง’ ได้ก็ขอให้พวกเขาทำสำเนาให้เราด้วย”

หมาดำหมอบลงและเหยียดขาหน้าออก “ตามบัญชาเจ้านาย!”

อัศวิน A พยักหน้า ดีจริงๆ ที่มีผู้ติดตามระดับสูง เขาหันไปมองหมาเหลือง “เอาล่ะเซวียปาไปกันต่อเถอะ”

ขณะที่คนและหมาทั้งสองกำลังจะแยกจากกัน ทันใดนั้นงูสีดำก็โฉบลงมาจากด้านบน

อัศวิน A ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่หมาสีดำและหมาเหลืองกลับตกใจ มันเงยหน้าและส่งเสียงเห่า

“อย่าเห่า อย่าเห่า พวกท่านทั้งสองนี่เป็นคนรู้จัก เป็นคนรู้จัก” งูดำหลงฟานพ่นคำพูดของมนุษย์ออกมาและรีบอธิบาย

อัศวิน A โบกมือเพื่อหยุดเสียงเห่า “ฉันจำแกได้ แกชื่อหลงฟานเป็นหน่วยสอดแนมของเฉียวจื่อเจียง”

หลงฟานพยักหน้า “ใช่แล้วๆ ท่านมีความจำที่ดีจริงๆ ไม่ทราบว่าท่านมังกรขาวอยู่ที่ไหนหรือ? ครั้งสุดท้ายที่บอกลาก็ไม่เจอกันอีกเลย มัวแต่ตามคนอื่นต้อยๆ เพิ่งจะได้ออกมาพบและขอบคุณเอาป่านนี้ น่าละอายจริงๆ”

ภายในพื้นที่ของระบบ

ระบบ “โฮสต์คู่หูหนอนหนังสือของนายหลงฟานอยู่ที่นี่ อย่าแสร้งนั่งเฉยอยู่สิ อยากออกไปเจอไหม?”

ในเวลานี้ฟางหนิงนั่งอยู่บนเก้าอี้คอมพิวเตอร์ในร่างมนุษย์ วางคางไว้บนมือข้างหนึ่ง ขมวดคิ้วไม่พูดอะไรคล้ายกำลังคิดบางอย่าง

เมื่อครู่นี้เขาเกือบจะถูกบังคับให้หยุดทำท่าทางแข็งกร้าวเพราะพฤติกรรมโง่ๆ แล้ว แต่โชคดีที่เจ้าหมาดำตัวน้อยนี้ช่วยเตือนสติเขา

ตอนนี้เขาจึงเพิ่งคิดได้เกี่ยวกับประโยคที่ระบบแจ้งเตือน

“ระบบใช้สล็อตพลังปราณห้าช่องและสล็อตความโกรธห้าช่องเพื่อเปิดใช้งานการเคลื่อนไหวป้องกัน ‘ลมปราณคุ้มร่าง’“

บ้าเอ๊ย ตอนนี้มีสล็อตพลังปราณทั้งหมด 18 ช่องและสล็อตความโกรธแค่ 12 ช่อง แม้ว่าคนด้านหลังจะสามารถเสริมด้วยความโกรธของเขาเองได้ แต่สิ่งสำคัญคือเขาจะโกรธขนาดนั้นได้ยังไง

เขาเลยกังวลใจมาก เขารู้ว่ามันเป็นการลอบยิง เป็นไปได้ไหมว่าอนาคตจะมีการโจมตีแบบนี้อีก?

ระบบไม่เคยคิดเรื่องนี้จึงคอยสร้างกระแสอยู่ตลอดเวลา เมื่อเจอบอสใหญ่มันจึงสะท้อนสิ่งนี้ได้อย่างเต็มที่

เขาต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นถ้าเขาเล่น ระบบก็จะไม่รอด…

เมื่อได้ยินการมาเยือนของหลงฟาน เขาพลันนึกถึงสิ่งที่เฉียวจื่อเจียงได้พูดไว้ตอนนั้น สายฟ้าวาบผ่านในจิตใจของเขา ฉับพลันความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามา

ฟางหนิงกล่าวตอบทันที “มาได้ทันเวลาพอดี ฉันมีแผนการใหญ่ที่จะมอบหมายให้”

น้ำเสียงของระบบดูถูกเหยียดหยาม “ออกไปเล่นละครอีกแล้วสินะ…”

ฟางหนิงไม่สนใจระบบ รอให้ความคิดของเขาสำเร็จก่อนเถอะ ระบบห่วยนี่จะต้องคุกเข่าลงให้เขา

เขาเปลี่ยนกลับเป็นร่างของมังกรขาวในทันที ก่อนจะบินออกจากพื้นที่ระบบ ทันใดนั้นก็ปรากฏตัวต่อหน้างูดำหลงฟาน

“ฮ่าฮ่า พี่มังกร ไม่เจอกันนาน สบายดีไหม?”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชา งูดำหลงฟานก็รู้สึกยินดีกว่าเก่า “ท่านไป๋หลง ข้ามีตาแต่หามีแววไม่ ต้องขอบคุณท่านที่เลิกจดจำอดีตและปล่อยวาง ท่านเทพมังกรเคยบอกกับข้าว่าตอนนี้ข้าสามารถมีชีวิตที่ดีได้แล้ว การมาที่นี่ครั้งนี้ก็เพื่อขอบคุณโดยเฉพาะ”

ฟางหนิงยิ้ม “ฮ่าฮ่า เราเป็นคู่หูหนอนหนังสือกัน ดังนั้นไม่ต้องสุภาพหรอก ขอบคงขอบคุณอะไรไม่จำเป็น ฉันเป็นคนกล้าหาญอยู่แล้วและความดีนั้นมาจากใจไม่หวังสิ่งใดตอบแทน”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีความกระตือรือร้นขนาดนั้น งูดำหลงฟานจึงคิดว่านั่นอาจเป็นการเเสดงละคร

มันกัดฟันพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผู้หญิงด้านล่างเป็นวายร้ายที่อยากจะสังหารท่านเทพสี่ขาเมื่อครู่ใช่ไหม?”

ฟางหนิง “ใช่แล้วล่ะ พี่ชายของฉันเทพมังกรก็เพิ่งฆ่ากลุ่มนักยิงปืนไป ส่วนนี่คือคนที่ถูกจับทั้งเป็น เขาเพิ่งสั่งให้หมาดำพาเธอกลับไป”

งูดำหลงฟานคิดว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ และเขาก็เดาไม่ผิดเลย เฉียวจื่อเจียงวางแผนมาอย่างดีแล้ว ส่งตัวเขามาและให้เขาติดต่อกับผู้อาวุโสทั้งสอง เพื่อยืนยันว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูผู้ยิ่งใหญ่

แต่เขากลับไม่รู้ว่าในเวลานี้ฟางหนิงกำลังเป็นกังวล…

งูดำหลงฟาน “ท่านทั้งสองมีพลังมาก ข้าชื่นชมพวกท่านจริงๆ”

ฟางหนิงเหนื่อยมากกับการพูดวกวนไปมา ดังนั้นเขาจึงพูดต่อทันทีว่า “เอาล่ะ เราเคยพบกันก่อนหน้านี้และเราได้ต่อสู้กันมาหลายร้อยครั้งแล้ว เราทุกคนต่างก็รู้รายละเอียดของกันและกัน นายไม่จำเป็นต้องวกวนไปมาหรอก ฉันรู้จุดประสงค์ของนายดี นายทำงานให้เฉียวจื่อเจียง ที่มาที่นี่ก็เพื่อมาเอาเครดิตใช่ไหม?”

งูดำหลงฟานหัวเราะแล้วพยักหน้าตอบรับ “นั่นก็เพราะว่าฉันไม่รู้จักร่างที่แท้จริงของท่านผู้อาวุโส อาจจะดูหยาบคายไปหน่อย ตอนนี้ฉันไม่กล้าแล้ว ท่านสายตาเฉียบแหลมมาก คราวเดียวก็มองความคิดความอ่านภายในใจออก ฉันละอายใจจริงๆ บุญคุณที่มอบให้ครั้งก่อนยังไม่ตอบแทน คราวนี้ต้องมารบกวนท่านอีก”

ฟางหนิงตอบกลับอย่างลึกซึ้ง “ยากที่จะพูดว่าลำบากใจ เพราะมันก็แค่คำพูด แต่ถ้าจะให้ช่วยอีกครั้งก็คงยากมาก…”

งูดำหลงฟานงุนงงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หมายความว่ายังไงกัน? มันไม่เข้าใจเลย ทำไมท่านมังกรขาวถึงไม่รู้ล่ะ

ฟางหนิงยังเล่นละครตบตาไม่ทันจบ ระบบก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน

“หยุดเสแสร้งได้แล้ส ถ้าพูดอีกสักคำสองคำแล้วพวกเขาทั้งหมดหนีไปได้ ระบบจะชำระบัญชีกับโฮสต์”

ฟางหนิงควบคุมตัวเองและรีบสั่งการทั้งหมาสองตัว ปล่อยให้งูดำหลงฟานตามเทพมังกรต้อยๆ แน่นอนว่าตัวเขาเองเลือกที่จะหดตัวกลับเข้าไปในพื้นที่ระบบ ถึงงูดำหลงฟานจะไม่กลัวตาย แต่เขากลัวตาย…

หมาสองตัวดำเนินการตามคำสั่งของฟางหนิง หมาดำพาหญิงวัยกลางคนกลับไป ด้านหมาเหลืองก็วิ่งตามหาศัตรู

ตอนนี้ระบบพอใจมาก ก่อนจะคุมร่างของอัศวิน A ให้ตามหมาเหลืองไปติดๆ ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ป่าทึบ หากจะใช้วิธีบินหาคงไม่เหมาะนัก

…………………………………………

บทที่ 118 ว่ากันว่ามีคนต้องการฆ่าอัศวิน A
เมื่อเห็นโรเบิร์ตพยักหน้าแบบนั้นแล้ว เหล่ยเจวี๋ยต้งก็เอื้อมมือไปหาเขาแล้วเอ่ย “เอาล่ะ เอากระสุนที่นายจะใช้หลังจากนี้มา ฉันจะร่ายเวทมนต์ให้”

โรเบิร์ตเปิดกล่อง จากนั้นก็หยิบกระสุนแถวยาวสั่งทำพิเศษขึ้นมายื่นให้

เมื่อเห็นเช่นนี้เหล่ยเจวี๋ยต้งก็ขมวดคิ้ว “นายมีโอกาสยิงนัดเดียวเท่านั้น ขอกระสุนที่นายจะใช้ทันที”

โรเบิร์ตหยิบกระสุนหนึ่งนัดแล้วยื่นให้อีกฝ่าย ร่างของชายชราสั่นอีกครั้ง ก่อนจะหดลงอย่างรวดเร็วและกลายเป็นชายร่างกำยำ

ไม่นานไอหมอกหนาทึบก็พรั่งพรูออกมาจากร่างของชายกำยำเมื่อครู่ จากนั้นไอหมอกทั้งหมดก็พุ่งเข้าหากระสุน

หลังจากเหล่ยเจวี๋ยต้งร่ายคาถาเสร็จสิ้น เขาไม่ได้ส่งกระสุนคืนให้โรเบิร์ต แต่กลับส่งสัญญาณให้หญิงวัยกลางคนอย่างเฉียงเวยเดินเข้ามาแทน

เฉียงเวยดูลังเลเล็กน้อยไม่ได้หยิบกระสุนขึ้นมา กายของเธอกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะมีหมอกสีดำบางๆ ปรากฏ แล้วไหลเข้าไปในกระสุนเดียวกัน ร่างของเธอน้ำหนักลดฮวบอย่างรวดเร็ว ทั้งผิวก็หย่อนยานไม่น้อย

หลังจากเสร็จสิ้นเหล่ยเจวี๋ยต้งก็ส่งกระสุนให้โรเบิร์ต ก่อนจะชี้นิ้วไปทางอัศวิน A เอ่ยกระแหนะกระแหน “เอาล่ะ! ‘สไนเปอร์ซุ่มยิง’ เตรียมพร้อมแล้ว โรเบิร์ตยักษ์ไปเอาชีวิตสุนัขของอัศวิน A มาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”

โรเบิร์ตหยิบกระสุนขึ้นมา ยืนขึ้นอีกครั้งและพูดเสียงขรึม “ตามบัญชาการครับ!”

โรเบิร์ตเป็นมืออาชีพ เขาพบตำแหน่งซุ่มยิงที่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงบรรจุกระสุนปืน

เขานอนราบเล็งไกปืนไปที่เป้าหมาย โดยมีเฉียงเวยยืนมองอยู่ข้างสนาม

เหล่ยเจวี๋ยต้งยืนอยู่ข้างโรเบิร์ตทำหน้าที่เป็นยาม สายตาจดจ้องไปทางอัศวิน A อีกครั้ง รอยยิ้มอันโหดร้ายปรากฏขึ้นตรงมุมปาก ในดวงตาฉายแววความคาดหวังทุกครั้งที่เห็นเหยื่อในภาพที่อยู่ห่างไกล ไม่มีกำลังที่จะหลบหนีกระสุนนี้ไปได้

เฉียวจื่อซานและพรรคพวกหารือเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการ ส่วนโม่ซิ่งถูกส่งออกไปเพื่อแจ้งข่าวแก่อัศวิน A

แต่เมื่อเขาเดินไปที่หินที่อัศวิน A นั่งขัดสมาธิ ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไร จู่ๆ ก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว

โม่ซิ่งตกตะลึง ก่อนที่เสียง ‘ปัง’ จะดังขึ้ย เขาหันขวับไปมองทันที

ห่างออกไปสองสามร้อยเมตร กลุ่มควันขนาดใหญ่ก่อตั้วขึ้นอยู่ตรงนั้น ไม่นานเศษหญ้าและสิ่งสกปรกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับพายุทราย

จากนั้นร่างของอัศวิน A ก็เดินออกจากพายุทรายพร้อมกับหมาดำ หมาตัวนั้นท่าทางเคร่งขรึม แต่ใบหน้ากลับดูย่ำแย่ ดวงตาของมันหวาดหวั่นอย่างยิ่ง

ก่อนที่โม่ซิ่งจะได้ตอบโต้เสียง ‘ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว’ ก็ดังตามมา

ขณะนั้นน้ำแข็งสีน้ำเงินหนาก็ปรากฏขึ้นบนศีรษะทุกคน รวมถึงอัศวิน A ที่กำลังเดินกลับมาที่นี่

ทุกคนถูกแยกออกจากกัน ยกเว้นหมาเหลืองเพียงตัวเดียวที่หลบซ่อนตัวอยู่ ดูเหมือนว่าเขายังไม่พบเป้าหมายของเจ้าหมานั่นเลยไม่สามารถเสกคาถาและปัดเป่าบัฟการป้องกันได้

อัศวิน A ลอยกลับไปที่ที่ทุกคนอยู่พร้อมกับหมาดำอย่างรวดเร็ว

“ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณ ท่านรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?” เฉียวจื่อเจียงรีบถาม

ในเวลาเดียวกันกับที่เฉียวจื่อซานเอ่ยถาม ฟางหนิงซึ่งกำลังหดตัวอยู่ในพื้นที่ของระบบ กำลังตรวจสอบข้อความแจ้งเตือนของระบบอยู่เช่นกัย

ทุกครั้งที่เขาเข้าไปในสนามรบ ร่างโอตาคุจะเวียนหัว ถ้าเขาควบคุมร่างกายของเขาตัวเองโดยไม่มีระบบคอยช่วยเหลือเขาคงจะโดนยิงจนพรุนไปตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว

การที่เขาต้องตรวจสอบการแจ้งเตือนของระบบทุกครั้งก็เพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างการต่อสู้ดุเดือดเหล่านั้นบ้าง คราวนี้ก็เหมือนกัน

ระบบแจ้ง มือปืนต้าเว่ยโรเบิร์ตโจมตีหมาดำไป๋หลี่ด้วย ‘สไนเปอร์ซุ่มยิง’!

โรเบิร์ตได้รับการสนับสนุนมากมาย

เปิดโหมด ‘เนตรอเวจี’ เพื่อเพิ่มการมองเห็นเป็นสิบเท่า

‘กระสุนเดียว’ การโจมตีประเภทกระสุน ครั้งต่อไปจะโจมตีเป้าหมายที่ล็อคไว้ในปัจจุบันของผู้โจมตีได้อย่างแม่นยำ

‘ไร้เสียงไร้เงา’ หนึ่งวินาทีก่อนจะโจมตีเป้าหมาย คนที่ถูกล็อคเอาไว้อาจรับรู้ถึงอันตรายถึงชีวิตและมีโอกาสป้องกัน

‘สัมผัสมัจจุราช’ หลังจากโจมตีเป้าหมายแล้ว หากเป้าหมายไม่มีการป้องกันพิเศษจะถูกสังหารในทันที

‘จู่โจมทำลายเกราะ’ หลังจากการสังหารในทันทีล้มเหลว จะสามารถละเกราะป้องกันของคู่ต่อสู้ได้

‘ระเบิดรุนแรง’ สร้างความเสียหายสองเท่าให้กับเป้าหมาย

หมาดำไป๋หลี่กลายเป็นเป้าหมาย แผนที่ระบบใกล้เคียงถูกเปิดชั่วคราวและเปิดโหมด ‘ช่วยเหลือพันลี้’

ระบบใช้ศีลธรรมอันน้อยนิดที่มีเข้าช่วยหมาดำไป๋หลี่ให้ทันเวลา

ระบบใช้พลังปราณห้าช่องและสล็อตความโกรธห้าช่องเพื่อเปิดการใช้งานการป้องกัน ‘การป้องกันร่างธรรม’

‘ลมปราณคุ้มร่าง’ พัฒนาชั่วคราวเป็น ‘ปราณแท้คุ้มร่าง’ ตอบโต้การโจมตี!

โรเบิร์ตถูกโจมตีด้วยพลังปราณ!

โรเบิร์ตต่อต้านพลังปราณ!

โรเบิร์ตไม่ได้รับบาดเจ็บ

ฟางหนิงอ่านข้อความทั้งหมด ก่อนจะพบว่าครั้งนี้มีข้อสงสัยมากมาย เขารู้สึกอึดอัดมาก ในการต่อสู้เขากลายเป็นคนขี้ขลาดงั้นเหรอ?

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตั้งคำถามกับระบบ เขาต้องรอให้ระบบรับมือกับเฉียวจื่อซานละคนอื่นๆ ก่อน

หลังจากที่เฉียวจื่อซานถามคำถาม สายตาของทุกคนก็เพ่งไปที่อัศวิน A เพื่อรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

อัศวิน A “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่มีคนแอบซุ่มดูเราจากที่ไกลๆ”

เมื่อเฉียวจื่อเจียงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เธอรีบตะโกนว่า “ป้าไห่ เพิ่มการป้องกันเป็นสามชั้นให้แต่ละคน”

ทันใดนั้น ‘ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว’ ชั้นน้ำแข็งสีน้ำเงินบนร่างของทุกคนก็หนาขึ้น

จากนั้นเฉียวจื่อเจียงก็สั่งไห่เฉิงที่อยู่ข้างๆ “ลุงเฉิง ตรวจสอบสถานการณ์ตอนนี้โดยด่วน”

ไห่เฉิงไม่ลังเล เปิดโหมด ‘เนตรสีชาด’ ทันที ดวงตาสีเลือดตรงหว่างคิ้วพลันปรากฏขึ้น แสงสีน้ำเงินกวาดไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร

มีเพียงแสงสีน้ำเงินเท่านั้นที่กวาดออกไป ใบหน้าของไห่เฉิงตื่นตกใจ น้ำเสียงของเขาร้อนรน “เกิดปัญหาใหญ่แล้ว นั่นมัน ‘สไนเปอร์ซุ่มยิง’! รีบซ่อนเร็ว!”

พูดจบเขาก็รีบหลบ คว้าโม่ซิ่งที่อยู่ไม่ไกล แล้ววิ่งไปทางด้านหลังของหิน

ทุกคนอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ทุกคนซ่อนตัวเดี๋ยวนี้!” เป็นเฉียวจื่อเจียงที่พูดขึ้น

แม้ว่าเฉียวจื่อซานจะเป็นหัวหน้าทีมและติงเซียงจะเป็นรองหัวหน้าทีม แต่ในฐานะผู้บัญชาการสนามรบเธอก็มักได้รับฉายา ‘หญิงฉลาดเฉลียว’ อยู่เสมอ

ทันทีที่ได้ยิน ทุกคนก็ไม่ลังเลอีกต่อไป รีบลดตัวลงต่ำมองไปรอบๆ เพื่อหาที่หลบ

อัศวิน A ไม่สนใจเรื่องนี้ แต่หลังจากเขาวางหมาดำลงแล้ว ก็หายตัวไปทันที…

…………

“แกอยากตายหรือไง?!” เหล่ยเจวี๋ยต้งเตะโรเบิร์ตที่กำลังนอนคว่ำอยู่ อีกฝ่ายกระเด็นออกไปสองสามเมตร ก่อนจะอัดกระแทกเข้ากับก้อนหินจนอาเจียนออกมาเป็นเลือด

“ท่านครับ อย่าฆ่าผมเลย” โรเบิร์ตอ้อนวอน “พวกมันแข็งแกร่งมาก ฆ่าไม่ตาย ผมเป็นแค่คนธรรมดา ได้โปรดอย่าโทษผมเลย ผมก็ทำตามความต้องการของคุณแล้วไง ลอบโจมตีเป้าหมายน่ะ”

“ทำตามที่ฉันต้องการบ้านแกสิ!” เหล่ยเจวี๋ยต้งโกรธมากเดินไปยกคอเสื้อเขาขึ้น แล้วตะคอก “ฉันให้แกไปเอาชีวิตหมาของอัศวิน A! แกลอบยิงหมาสีดำของเขาทำไม? บอกมานะ แกเป็นสายลับที่แฝงตัวมาจากสหพันธ์นานาชาติใช่ไหม?”

ดวงตาของโรเบิร์ตเต็มไปด้วยหวาดกลัว “ผมไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร ผมทำตามคำสั่งคุณแล้ว คุณไม่ได้เน้นย้ำว่าหมาดำตัวนั้นเป็นหมาของอัศวิน A นี่? ผมก็เลยปลิดชีพหมาของอัศวิน A”

เหล่ยเจวี๋ยต้งหายใจฮึดฮัด สีแปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึง “สอบผ่านภาษาจีนสากลระดับห้างั้นเหรอ! แอนเดอร์สัน ไอ้โง่เอ้ย! แกไอ้โรเบิร์ต ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้แหละ!”

“เดี๋ยว!” ขณะที่เหล่ยเจวี๋ยต้งกำลังจะโยนโรเบิร์ตชายหนุ่มผิวขาวลงจากยอดเขา จู่ๆ ชายชราอีกคนก็เอ่ยขึ้น “วางโรเบิร์ตลง ฉันเพิ่งดูผลกระทบของการลอบยิงมา อัศวิน A ช่างน่ากลัว เขาปกป้องหมาดำสุดฤทธิ์ ไม่ได้หลีกเลี่ยงการถูกลอบสังหารแต่กลับต่อต้านตรงๆ เลยช่วยชีวิตได้หวุดหวิด ฉันประเมินเขาต่ำไปจริงๆ โรเบิร์ต ไม่อยากจะเชื่อว่านายเก่งขนาดนี้ ทำได้ดีมาก! ถ้านายกำหนดเป้าหมายโดยตรงและโจมตีอัศวิน A มันก็จะไร้ประโยชน์ แต่การจู่โจมสุนัขปีศาจของเขาซึ่งกำลังลดลงอย่างมากนั้นได้ผลดีกว่ามาก อย่างน้อยตอนนี้มันก็บังคับให้เขาใช้พลังงานมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มากกว่าการชะลอเวลา”

เหล่ยเจวี๋ยต้งไม่คิดว่าโรเบิร์ตจะประสบความสำเร็จ เขาอับอายมากแต่แทนที่จะขอโทษ เขากลับโยนร่างโรเบิร์ตลงบนก้อนหินอย่างรุนแรง

โรเบิร์ตอดทนต่อความเจ็บปวด ไม่พูดอะไร เพียงเช็ดเลือดแล้วลุกขึ้นทันที ก่อนจะวิ่งไปยังตำแหน่งซุ่มยิงและเตรียมที่จะแยกชิ้นส่วนปืนสไนเปอร์เพื่อบรรจุลงในกล่อง ไอรีนโนเวล

ด้วยรู้ว่ามีโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะยิงได้ เขาจะเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจะไม่เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว

“มาแล้ว เขามาเร็วอะไรอย่างนี้!” ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เมื่อสิ้นเสียงของชายชราที่สีหน้าย่ำแย่ก็คว้าตัวโรเบิร์ต ทั้งสองคนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ ก่อนที่พวกเขาก็หายตัวไปในทันที

ยังไม่ทันที่เหล่ยเจวี๋ยต้งและเฉียงเวยจะตอบสนอง หลังจากมึนงงเล็กน้อย พวกเขาก็เห็นมังกรพิโรธสองตัวโพยพุ่งออกมาจากด้านบนของภูเขาและชนเข้ากับพวกเขาทันที

การแสดงออกของเหล่ยเจวี๋ยต้งเปลี่ยนไปฉับพลัน จากนั้นเขาก็พูดอย่างไม่เชื่อ “นี่มันเป็นไปไม่ได้! ฉันฆ่าคนที่แข็งแกร่งมานักต่อนัก ล้วนมีเวลาเหลือเฟือที่จะหลบหนี ฉันจะตายที่นี่ได้ยังไง?”

ไม่นานหลังจากพูดจบ ร่างกายของเขาก็ระเบิด ‘ตู้ม’ เลือดเนื้อกระจัดกระจาย

เฉียงเวยตื่นตกใจ มือทาบอก ในใจพลางรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคร้ายนัก

เธอรู้ว่าทักษะทั้งหมดของเธอคือการอำพรางและตอนนี้ความแข็งแกร่งของเธอก็ลดลงอย่างมาก ซึ่งแย่กว่าเหล่ยเจวี๋ยต้งหลายเท่า อีกฝ่ายตายอย่างอนาจขนาดนี้ เธอจะสามารถต้านทานได้กี่วินาทีกัน?

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอครุ่นคิดเสร็จก็พบว่าตัวเองเริ่ม ‘อาเจียน’ ออกมาเป็นเลือด ขณะที่กำลังงุนงงอยู่นั้น ร่างของเฉียงเวยก็ล้มลงบนพื้นไม่ขยับเขยื้อนแล้ว

ในตอนนั้นอัศวิน A ก็ปรากฏตัวขึ้นบนยอดเขา เขามองไปรอบๆ แล้วเอนตัวไปยกสองสิ่งขึ้นมาก่อนจะลอยออกไป

…………

เส้นทางผ่านภูเขาเวลานี้ลึกลับมาก หมาเหลืองเซวียปากำลังนั่งหมอบอยู่ท่ามกลางก้อนหินหลายก้อน ทั้งหมาดำไป๋หลี่เองก็นั่งหมอบอยู่ข้างๆ

หมาสองตัวกำลังฟังไห่เฉิงพูดคุยกับเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ อย่างพินิจพิเคราะห์ว่าอะไรคือ ‘สไนเปอร์ซุ่มยิง’

“สไนเปอร์ซุ่มยิง’ ที่ฉันพูดถึงนั้น จากที่หน่วยข่าวกรองแบ่งปันร่วมกับเรานั้น มันเป็นคำเตือนระดับสีแดงและเป็นความลับสุดยอด ตามข้อมูลมันถูกสร้างขึ้นโดยชายชั่วร้ายสามคนที่เชี่ยวชาญด้านกลิ่นอายแห่งความตายจากเหม่ยโจว สามารถใช้เอฟเฟกต์เวทมนตร์ที่น่าสะพรึงกลัวกับพลซุ่มยิง โดยสามารถเปิดการโจมตีระยะไกลพิเศษ ซึ่งระยะการโจมตีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคืออย่างน้อยยี่สิบกิโลเมตร วิธีการลอบโจมตีแบบนี้ทรงพลังมากและออกแบบมาเพื่อฆ่ายอดฝีมือโดยเฉพาะ แต่ต่างจากขีปนาวุธอะไรพวกนั้น มันเงียบและไม่สามารถตรวจจับได้ คนที่ถูกล็อคเป้าไว้จะไม่สามารถรับรู้ถึงการคุกคามของความตายล่วงหน้าและทุกการยิงจะแแม่นยำเสมอ เนื่องจากมันถูกปล่อยออกไปในระยะทางที่ไกลมาก ก่อนที่คู่ต่อสู้จะพยายามค้นหาว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน จนถึงตอนนั้นพวกเขาก็จากไปไกลแล้ว หลักการเฉพาะของ ‘ปืนสไนเปอร์ไรเฟิล’ ยังไม่ได้รับการสำรวจอย่างแน่ชัด ทั้งนี้สำนักงานสหพันธ์นานาชาติให้รางวัลสูงถึงร้อยล้านเหรียญสหรัฐสำหรับข้อมูลของมัน แน่นอนว่ามูลค่าที่แท้จริงของมันสูงกว่านี้มาก แต่ถึงจะมีคนรู้ พวกเขาก็คงจะไม่มอบมันให้เพื่อรางวัลหรอก…”

ทุกครั้งที่เขาพูดใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป ที่แท้การที่มังกรแห่งจิตวิญญาณผู้นั้นบอกไม่ใช่เรื่องใหญ่ นั่นเป็นเพราะศัตรูพวกนั้นเป็นเนื้อหนังและเลือดของมนุษย์นี่เอง

……………………………………..

บทที่ 117 สไนเปอร์ซุ่มยิงกำลังเตรียมการ
ขณะที่เฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ กำลังคุยกันเรื่องแผนปฏิบัติการ ด้านอัศวิน A กลับนั่งขัดสมาธิบนหินที่อยู่ไม่ไกล เขานั่งสมาธิและฝึกฝนต่อไป โดยไม่ปล่อยให้เวลาในการฝึกฝนเสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย

หมาดำและหมาเหลือง แม้ไม่ได้รับคำสั่งก็รับผิดชอบในการปกป้องเจ้านายและความปลอดภัยรอบด้านทันที

หมาเหลืองเซวียปาซ่อนตัวอยู่กลางหินก้อนใหญ่สองสามก้อนไม่ไกลนัก มันซ่อนตัวได้แนบเนียนมาก หูของมันตั้งสูง จมูกฟุดฟิดเป็นบางครั้ง ให้ความสนใจกับกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย

ด้านหมาดำไป๋หลี่ก็ซ่อนอยู่ในพงหญ้าพร้อมโจมตีทุกเวลา ในฤดูหนาวหญ้าเบาบางจึงไม่สามารถซ่อนร่างสีดำที่แข็งแรงได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ คุยกันถึงแผนการนี้ พวกเขาไม่ได้ห่างจากอัศวิน A มากนัก เสียงของพวกเขาจึงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของฟางหนิง

เฉียวจื่อเจียงอธิบายอยู่นาน เป้าหมายของการโจมตีถูกกำหนดไว้แล้ว แต่จะค้นหาศัตรูอย่างไร จะตอบโต้อย่างไร ศัตรูจะมีความสามารถทำลายล้างอะไรบ้างและวิธีจัดการกับมันล้วนต้องวางแผนล่วงหน้าทีละอย่าง

เพราะพวกเขาเพิ่งได้ข้อมูลของศัตรูมา

ฟางหนิงฟังแล้วก็รู้สึกรำคาญใจนิดๆ คิดในใจว่า ‘แย่จริงๆ แผนที่ของตอนกลางเสินโจวยังไม่ถูกเปิดออกเลย ไม่อย่างนั้นคงจะสามารถเห็นความแปลกประหลาดได้อย่างรวดเร็ว การกำจัดแบบไร้สมอง แผนการต่างๆ ความร่วมมือ อาจเป็นไปได้ยาก…

ดูเหมือนว่าต่อไปอีกระยะหนึ่ง คงต้องใช้ ‘เที่ยวบินฟรี’ มากกว่านี้แล้วปล่อยให้ระบบได้ใช้ชีวิตประจำวันในเสินโจวตามปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจบางตัวแทรกซึมเข้ามาที่นี่หรือสร้างปัญหาที่จะส่งผลต่อแผนการใหญ่ของเขาในอนาคต

หากเขาไม่เอ่ยเตือน ระบบห่วยนั่นที่ผู้ไม่มีมุมมองเชิงกลยุทธ์ก็คงไม่คิดถึงเรื่องนี้ การเปิดแผนที่ให้เต็มที่ก่อน ในตอนแรกมันอาจจะเสียประสิทธิภาพในการฟาร์มปีศาจแต่ในภายหลังมันจะมีประโยชน์มากทีเดียว อย่างน้อยความละอายในปัจจุบันก็จะไม่ปรากฏ’

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงขอให้ระบบส่งสัญญาณหาหมาเหลืองที่เฝ้ายามแล้วถามว่า “เซวียปา แกหาตำแหน่งของศัตรูเหมือนครั้งล่าสุดที่ฆ่าปีศาจแมลงได้ไหม?”

หมาเหลืองเซวียปายกขาหน้าขึ้นเกาหัว “นายท่าน ทำไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้ฉันได้กลิ่นบางอย่าง เป็นกลิ่นปราณแห่งความตายจางๆ ผสมกับลมหายใจของสิ่งมีชีวิตมากมายในบริเวณใกล้เคียง มันน่าจะเป็นการตายของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากและพลังงานที่ตายแล้วจำนวนมากก็ถูกทิ้งไว้หลังจากถูกสะกดด้วยเวทมนตร์บางอย่าง”

หัวใจของฟางหนิงนิ่งค้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไม่แปลกใจเลยที่ละแวกนี้เงียบมาก เขาขอให้หมาเหลืองเตือนเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ แล้วกลับไปซ่อนตัวต่อ

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟางหนิงก็รีบสั่งการระบบให้เฝ้าระวัง ไม่แปลกใจที่เฉียวจื่อเจียงต้องวางแผนรับมืออย่างระมัดระวังขนาดนั้น

ระบบ “ถ้าต้องให้โฮสต์มาเตือนทุกครั้งที่ต่อสู้ คงน่าอายมาก…”

ฟางหนิงรู้ถึงความจริงจัง ดังนั้นเขาจะไม่ทะเลาะกับระบบในเวลานี้ แต่พูดอย่างตรงไปตรงมาแทน “โอเคๆ พวกขี้โกงทุกคนคงไม่เคยกังวลอะไรเลยสินะ…”

…………

ในขณะเดียวกันอันตรายก็คืบคลานเข้ามาทีละขั้น

ยอดเขาสูงตระหง่านห่างไกลออกไปจากฟางหนิงและที่อื่นๆ กว่าสิบกิโลเมตร บนนั้นมีหิน วัชพืชเหี่ยวแห้งที่เป็นสีเหลือง พร้อมทั้งลมหนาวที่หวีดหวิว

เวลานี้คนสามคนบนยอดเขาหันมองไปทางแม่น้ำที่ฟางหนิงและคนอื่นๆ อยู่

ท่ามกลางกลุ่มคนมีชายผิวเหลืองตัวสูงโปร่ง เขาเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสาปแช่งด้วยความโกรธ

“น่าขยะแขยง ทั้งหมดเป็นเพราะแกไม่ปลอมตัวให้ดีเฉียงเวย ท้ายที่สุดแกก็หลอกไอ้อัศวิน A นั่นไม่ได้! ถ้ารู้ก่อนว่าไม่ควรแตะต้องผู้รับใช้ของเขา พวกเราที่นี่ใครจะกล้านำตัวเขามา! เหลือเวลาอีกเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น เราสูญเสียพลังงานและหลายชีวิตก็ถูกสังเวยไปมาก ดูสิว่าแอนเดอร์สันกับคนอื่นๆ กำลังจะบุกเข้ามาและกำลังจะรับข้อมูลทางเทคนิคไปได้สำเร็จหรือยัง อยากดูความสำเร็จและความล้มเหลวจนถึงตอนจบหรือไง?!”

หญิงวัยกลางคนที่มีผิวหย่อนหยาน หน้าตาธรรมดา อายุมากกว่าสี่สิบปี เมื่อได้ยินก็พูดขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว “เหล่ยเจวี๋ยต้ง แกจะโกรธใครได้! การที่อัศวิน A รีบเร่ง หนึ่งคือเพราะแกจับเจิ้งต้าวมากะทันหันแบบนี้และสองก็เป็นเพราะแอนเดอร์สันกับคนอื่นๆ ทั้งสองคนนั่นไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันแค่แกล้งปกปิดทุกทางเพื่อหลีกเลี่ยงการค้นพบจิตวิญญาณคนแปลกหน้าที่หายไปก่อนเวลาอันควร ชนะไปแล้วเจ็ดวันเจ็ดคืนยังจะต้องการอะไรอีก?!”

“อย่าทะเลาะกันเลย ฉันไม่เชื่อว่าอัศวิน A จะอยู่ยงคงกระพันหรอก ต้องมีวิธีสิ” เวลานี้ชายชราร่างเตี้ยตัวผอมบางเอ่ยขึ้นห้ามปราม

เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ “เรามีกันสามคน อีกเดี๋ยวแอนเดอร์สันกับคนอื่นๆ จะส่งคนผิวขาวที่ชื่อว่าโรเบิร์ตอะไรสักอย่างมาสนับสนุนเรา ว่ากันว่านี่เป็นมือปืนที่พวกเขาจ้างมาเป็นพิเศษสำหรับปฏิบัติการนี้ เขามาจากประเทศมิอิด้วยประสบการณ์ในสนามรบสิบปีและสถิติการซุ่มยิงที่สองพันสองร้อยเมตร แม้จะยังมีช่องว่างเล็กน้อยจากสถิติโลกนั้น แต่ก็เก่งมากทีเดียว พวกเราต้องใช้เลือดมากขึ้นเพื่อเป็นกำลังแก่เขา เทคโนโลยีของมนุษย์ในโลกนี้และพลังแห่งเวทมนตร์ของเรา เราได้ทำการทดลองในหนานเหม่ยแล้ว เราสามารถยิงสไนเปอร์ซุ่มยิงได้ภายในยี่สิบกิโลเมตร อัศวินคือมังกรจริง ไม่สามารถต้านทานได้หรอก”

เหล่ยเจวี๋ยต้งพยักหน้าก่อนแล้วขมวดคิ้ว “คนผิวขาวนั่นจะฟังพวกเรารู้เรื่องไหม? พวกเราพูดภาษานั้นได้ที่ไหนล่ะ เจอกันครั้งแรกคงไม่ง่ายขนาดนั้น แอนเดอร์สันและพวกเขาทั้งหมดพูดภาษาจีน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องมีการแปลห้แต่ ตอนนี้พวกเขายุ่งมากจนไม่สามารถมาได้ด้วยตัวเอง หากพวกเขาหาล่ามได้ก็ดี”

ชายอีกคนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก แอนเดอร์สันบอกว่าเจ้ายักษ์โรเบิร์ตนั่นมีใบรับรองกาสอบวัดระดับภาษาจีนสากลอยู่ ถึงจะต่ำกว่าระดับมาตรฐานเล็กนอ้อยแต่ไม่น่าจะมีปัญหา”

จากนั้นเหล่ยเจวี๋ยต้งก็ขมวดคิ้ว “งั้นก็โอเค ก็คอยดูว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง”

เฉียงเวยถาม “เราไม่เคยร่วมมือกับคนผิวขาวมาก่อน การต่อสู้ครั้งล่าสุดก็เกิดขึ้นตั้งเมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเพื่อปฏิบัติการนี้เลยคอยแต่สะสมความแข็งแกร่ง ไม่เคยได้ใช้ความสามารถนี้อีกเลย แม้ว่าจะมีเอฟเฟกต์คาถาบางอย่าง แต่อัตราความสำเร็จของการทำลายการป้องกันจะสูงแค่ไหนกันเชียว? อีกอย่างฝ่ายตรงข้ามเป็นมังกรตัวจริง”

ชายชราวางกระเป๋ายาสูบของตน “ถึงแม้จะไม่ได้ผล ตราบใดที่นายโจมตีเกราะของอัศวิน A และแสดงพลังโจมตีระยะไกล พลังอันยิ่งใหญ่ของสไนเปอร์ซุ่มยิงของเราย่อมทำให้พวกเขาตกใจได้! พวกเขาสามารถดำเนินการอย่างระมัดระวัง ซึ่งจะทำให้เราย่นระยะเวลาออกไปได้สามชั่วโมง จนถึงตอนนั้นก็คงหนีได้สำเร็จแล้ว”

ทั้งสามคนกำลังคุยกันอยู่บนยอดเขา ในระยะต่ำกว่าลงมามีชายผิวขาววัยกลางคนกับกล่องหนักกำลังดิ้นรนเพื่อปีนขึ้นไปบนภูเขาสูงชันพร้อมกับหนูยักษ์ที่กำลังนำทางอยู่ข้างหน้าเขา

สามคนที่อยู่บนยอดเขากำลังคุยกันอยู่ จู่ๆ ก็หยุดพูดทันที

“ใครบางคนน่าจะมาถึงแล้ว ฉันจะไปเขาขึ้นมา” หลังจากที่ชายชราพูดจบ เขาก็หายตัวและออกจากยอดเขาไป

ไม่นานชายชราก็ปรากฏตัวขึ้นที่ถนนบนภูเขา หยิบกล่องนั้นขึ้นมา ยกมันขึ้นโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ แล้วพูดกับหนูยักษ์ว่า “กลับไปบอกเจ้านายของพวกเจ้าว่าหากเรื่องในครั้งนี้จบลงก็ถือว่าพวกเขาได้ตอบแทนแล้วต่อจากนี้หนี้ของเราหายกัน”

หนูยักษ์ดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของมนุษย์ มันพยักหน้าและวิ่งลงจากภูเขา

ชายชราหายตัวอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาอยู่บนยอดเขาอีกครั้ง

เขาวางชายผิวขาววัยกลางคนและกล่องหนักลง ชี้นิ้วไปที่หน้าอีกฝ่าย “นายคือโรเบิร์ตยักษ์คนนั้นน่ะเหรอ?”

ดวงตาของชายวัยกลางคนผิวขาวเกิดความสงสัยขึ้น นิ้วโป้งมือขวาชี้มาที่ตัวเองและพูดเป็นภาษาจีนที่ทื่อเล็กน้อยว่า

“ไร้สาระ” เหล่ยเจวี๋ยต้งเข้ามาและตบไหล่เขา “มีใครที่นี่จะถามอีกไหม?”

ชายผิวขาววัยกลางคนพยักหน้า “ถ้าคุณไม่เติมคำว่า ‘ยักษ์’ นั่นมาด้วย ก็คงจะใช่ฉันแหละ ชื่อเต็มของฉันคือต้าเว่ยโรเบิร์ต พอดีฉันชอบใช้นามสกุลเป็นภาษาจีนน่ะ ทุกท่านสามารถเรียกฉันว่าโรเบิร์ตต้าเว่ยหรือเรียกง่ายๆ ว่าโรเบิร์ตหรือต้าเว่ยก็ได้”

“สามชื่อมากเกินไป ต่อจากนี้ไปนายจะถูกเรียกว่า โรเบิร์ตยักษ์เข้าใจไหม?” ชายชราพูดอย่างหงุดหงิด “แอนเดอร์สันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าต้องทำอะไร?”

โรเบิร์ตยักไหล่และพูดอย่างเฉยเมย “อ่าห้ะ เอาที่คุณสบายใจเถอะ แอนเดอร์สันบอกว่าตราบใดที่ฉันเชื่อฟังคำสั่งของคุณไม่ว่าจะให้ฆ่าคนหรือปีศาจ เขาจะขอให้ใครสักคนช่วยรักษาลูกสาวของฉันที่ป่วยระยะสุดท้ายและให้เงินก้อนโตแก่พวกเรา”

ชายชราพอใจ “ก็นะ โรเบิร์ตยักษ์ แกเป็นคนว่าง่าย ลูกสาวของแกจะอยู่รอดได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของแกตอนนี้แล้วล่ะ ควรรู้ไว้นะว่าเราไม่ใช่คนธรรมดา ถ้ากล้าหือกับพวกเราอย่าหวังว่าจะหนีรอดไปได้”

โรเบิร์ตยืนนิ่ง ท่าทางเคร่งขรึม “ผมจะทำตามที่คุณสั่งทุกอย่าง”

เมื่อเห็นพลังงานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีของอีกฝ่าย ชายชราก็พยักหน้า ในขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณไปยังอีกสองคนอย่างลับๆ

ชายชรา “เขาดูใช้ได้เลย หากเขาสามารถจับคู่ความแข็งแกร่งของวิชาทดสอบก่อนหน้าของเราได้ ก็ควรเก็บเขาไว้และใช้เขาในครั้งต่อไป”

เหล่ยเจวี๋ยต้ง “ได้เลย พลังแห่งสไนเปอร์ซุ่มยิงไม่มีวันถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว”

เฉียงเวย “ฉันไม่ขอออกความเห็น ขอดูฝีมือก่อน”

หลังจากที่ทั้งสามพูดคุยกันแล้ว พวกเขาก็ออกคำสั่งกับโรเบิร์ตทันที “อืม โรเบิร์ตยักษ์ยืนนิ่งๆ แบบนี้แหละ อย่าตกใจเมื่อเห็นอะไร อย่าพูด แค่ทำตามคำสั่งของเราก็พอ”

โรเบิร์ตยังคงนิ่งและพูดว่า “ตามที่ท่านต้องการครับ!”

เขาทำในสิ่งที่พูด ขณะที่มองชายชราร่างเตี้ยสั่นกาย ก่อนจะแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆ

จากนั้น หมอกสีดำก็พุ่งออกมาจากร่างของชายชรา สิ่งนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก หลังจากหมอกสีดำลอยออกมา ทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่ดวงตาของโรเบิร์ต ความเร็วของมันไม่มากนัก แต่โรเบิร์ตไม่แม้แต่จะกระพริบตาเพื่อหลบซ่อนได้

ชายชราดูเหมือนจะอ่อนแรงลงมากในทันใด เขายังคงไออยู่ จากนั้นจึงก้าวออกไปนั่งขัดสมาธิบนก้อนหิน เขาไม่พูดอะไรอีกเพียงกวักมือไวๆ ให้เหล่ยเจวี๋ยต้งออกมาข้างหน้า

“เอาล่ะ ตอนนี้ลองมองใต้ยอดเขาไปทางนั้นสิ” เหล่ยเจวี๋ยต้งโบกมือให้อีกฝ่ายเดินมาแล้วชี้ไปทางอัศวิน A “ฝั่งแม่น้ำทางนั้น เห็นชัดไหม?”

โรเบิร์ตเดินเข้ามาและมองไปในทิศทางที่อีกฝ่ายชี้ สีหน้าของเขาประหลาดใจและตื่นเต้นมาก “คาถาเวทมนตร์สินะ ด้วยกล้องส่องทางไกลจากปืนสไนเปอร์ไม่สามารถเห็นได้ขนาดนี้ แต่ตอนนี้มองเห็นชัดเจนด้วยตาเปล่า! แอนเดอร์สันไม่ได้โกหกฉัน พวกคุณมีความสามารถในการรักษาลูกสาวของฉันได้แน่นอน”

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” เหล่ยเจวี๋ยต้งมองอย่างเหลืออด “บอกผมมา แกเห็นอะไรบ้าง”

โรเบิร์ต “มีหมาดำตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า ยังมีอีกเจ็ดคน หนึ่งในนั้นมีชายผู้หล่อเหลากำลังนั่งอยู่บนก้อนหินเพียงลำพัง”

เหล่ยเจวี๋ยต้งมีความสุขเมื่อได้ยินดังนั้น “ถึงแม้จะพลาดไปหนึ่งอัน แต่นั่นก็ไม่สำคัญ นายเป็นมือปืนระดับพระกาฬจริงๆ สามารถมองเห็นว่าเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ใดได้ในพริบตา ชายหนุ่มรูปงามคนนั้นชื่ออัศวิน A หมาดำตัวนั่นเป็นสุนัขปีศาจ นายไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของมันหรอก แค่รู้ว่ามันคือสุนัขของอัศวิน A ก็พอ”

โรเบิร์ตพยักหน้า

………………………………………………..

บทที่ 116 วิธีทำให้โกรธที่ดีที่สุด!!
ฟางหนิงจำตัวตนทั้งหมดของอีกฝ่ายได้ และอีกฝ่ายก็จำตัวตนทั้งหมดของฝ่ายฟางหนิงได้เช่นกัน ถึงแม้ทั้งสี่จะรู้กันแล้ว แต่ก็มีสองคนที่ไม่ใช่ตัวจริง…

เฉียวจื่อเจียงและคนอื่นๆ เห็นฟางหนิงปรากฏขึ้นด้านข้างอัศวิน A จากระยะไกลแต่กลับไม่มีใครแปลกใจเลย เพราะมีรายงานแจ้งมาก่อนหน้านี้แล้วว่าอัศวิน A คือมังกรแห่งจิตวิญญาณ เขามาพร้อมกับอุปกรณ์ทางอากาศ และนี่ก็คือหนึ่งในปัญหาที่สำนักสัจธรรมได้รวบรวมกำลังคนที่จะเอาชนะเขา…

“ท่านมังกรขาว ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณและสุนัขผู้ยิ่งใหญ่สองตัวของเผ่าพันธุ์สุนัข ขอบคุณที่เดินทางมาจากแดนไกล จื่อซานกำลังรอพวกท่านอยู่เลย” หลังจากที่เฉียวจื่อซานนำผู้มาใหม่ขึ้นไปบนเขาก็แนะนำพวกเขาให้ทุกคนรู้จัก ทุกคนต่างโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทักทายผู้อาวุโสทั้งสอง

แม้แต่ไห่เฉิงผู้หยิ่งผยองก็ยังอ่อนน้อมถ่อมตน นอกจากนี้เขายังโค้งคำนับและกล่าวทักทายผู้อาวุโสทั้งสองรวมถึงสุนัทั้งสองตัวโดยไร้ความเย่อหยิ่งและไร้การเสแสร้ง

จนปัญญา พวกเขาเพิ่งเริ่มคิดเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ครั้งแรกระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ มันอาจจะง่ายกว่าหากจับมือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ก็จริง แต่เฉียวจื่อเจียงกลับให้การปฏิเสธทันที ฝั่งตรงข้ามมีสี่คน แต่อีกสามคนไม่สะดวกที่จะจับมือ ฝั่งพวกเขาไม่กลัวความเขินอายหรอก แต่กลัวว่ารุ่นพี่สามคนนี้มากกว่าที่จะเขินอาย…

ฟางหนิงไม่ชอบการสื่อสารกับคนแปลกหน้า เขาพูดได้ไม่กี่คำ ก็บินกลับไปที่พื้นที่ของระบบและใช้ชีวิตต่อโดยใช้ข้ออ้างที่เขาเคยใช้มาก่อน อันที่จริงเป็นเพราะเขากังวลว่าระบบจะเล่นอะไรแผลงๆ โดยไม่มีเขามากกว่า และท้ายที่สุดแล้วไอคิวก็จะไม่เพิ่มขึ้น…

ทุกคนไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากกลับมาที่พื้นที่ระบบ ฟางหนิงกลับไม่มีอารมณ์จะเล่นเลยสักนิด เขาขลุกอยู่กับการทำงาน

ฟางหนิง “คนเยอะจนฉันตาลายเลยล่ะ ฉันต้องตรวจสอบแผนที่ระบบสักหน่อย ดูว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน และวิเคราะห์ว่าคนอื่นๆ พัฒนาไปถึงระดับไหนแล้ว?”

ในขณะที่พูดฟางหนิงก็เปิดแผนที่ระบบ แล้วไตร่ตรองดูอย่างระมัดระวัง ไร้หนทาง ระบบรู้แค่ว่าเขาชอบการฟาร์มดังนั้นจึงไม่กังวลกับเรื่องนี้

แผนที่ระบบของพื้นที่ปัจจุบันยังไม่ได้เปิดใช้งานและยังคงเป็นสีดำสนิท ด้านข้างของเขามีจุดสีน้ำเงินจำนวนหนึ่งและอีกด้านมีจุดสีขาว โดยธรรมชาติแล้วมันคือเฉียวจื่อซาน

อีกห้าจุดนั้นมีสีเหลืองปนกับสีขาวจำนวนมากต่างกันแค่ระดับ ของติงเซียงส่วนใหญ่เป็นสีขาว ถัดไปคือเฉียวจื่อเจียงตามด้วยไห่หลาน โม่ซิ่ง และไห่เฉิง

หลังจากที่มองมันอยู่พักหนึ่ง วงกลมหนาทึบที่มีขนาดและสีต่างกันก็ทำให้ฟางหนิงรำคาญใจ

เขาบ่นกระปอดกระแปด “ระบบแผนที่ของแกยอดเยี่ยมก็จริงนะ แต่มันไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว วงกลมขนาดใหญ่วงกลมเล็กและสีเหลืองสีขาวอะไรนี่ ฉันดูแล้วไม่สะดวกเอาซะเลย แกดูสิว่าคนของสำนักสัจธรรมรู้ระดับพลังที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้โดยการระบุตำแหน่งหน้าที่การงาน ซึ่งมันง่ายกว่ามากเลยนะ”

ระบบ “ไร้สาระน่า แผนที่นั่นแต่เดิมทำขึ้นมาเพื่อให้ระบบดู ไม่ใช่ให้คนอื่นดู ใครสนใจกัน…”

ฟางหนิงไม่ตอบโต้ แล้วหันไปสนใจหนังสือเกมอันล้ำค่าบนโต๊ะ

ฟางหนิงโอบกอดรอบหนังสือเกมของเขา “เฮ้ หนังสือเกมที่รัก แกเห็นว่าพ่อของแกมักจะครอบงำและรังแกฉันอยู่เสมอเลย ต่อไปแกต้องช่วยฉันด้วยนะ ถ้าให้ฉันชี้ไปที่ใครสักคน แกจะถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด ช่วยฉันทำภารกิจที่สอง ‘ไม่อ่อนแอกว่าคน’ ให้สำเร็จทีได้ไหม? นั่นถือเป็นภารกิจหลักที่ยาวนานมาก ไตรมาสละครั้งเชียวล่ะ”

หนังสือเกมสั่นตอบราวกับจะบอกว่า ‘ไม่มีปัญหา’

ระบบ “พวกนายสองคนร้ายกาจมาก รีบโยนหนังสือทิ้งได้แล้ว! ระบบจะเพิ่มโมดูลสะสมสิ่งมีชีวิตเข้าไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ระบบเห็นในอนาคต มีค่าและแข็งแกร่งเพียงพอที่จะถูกรวบรวมให้โฮสต์โดยอัตโนมัติ

“เปลี่ยนแผนที่ระบบโดยแบ่งระดับให้เหมือนกับสำนักสัจธรรม โดยแบ่งออกเป็นความดีและความชั่วตามระดับของสี สิ่งนี้ควรทำอย่างนั้นเหรอ? จะมาโกงแบบนี้ไม่ได้…”

ฟางหนิง “มันก็เหมือนกันนั้นแหละ”

ฟางหนิงวางหนังสือเกมลงบนโต๊ะในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบทันที

ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงคำสั่ง

ระบบแจ้งเตือน ระบบใช้คะแนนประสบการณ์ 5,000 คะแนน เพื่อเพิ่มโมดูลการทำงานใหม่ให้กับหนังสือเกมหลักได้รวบรวมสิ่งมีชีวิต

จากนั้นหนังสือเกมก็ร่วงหล่นมาจากท้องฟ้า

ฟางหนิงบินขึ้นไปโอบกอดมันไว้ ราวกับกลัวว่ามันจะโปรยลงกับพื้น

หลังจากกอดมันแน่นๆ แล้ว ฟางหนิงก็เอ่ยว่า “หนังสือเกมที่รัก ไปที่หน้าของการรวบรวมสิ่งมีชีวิตให้ฉันทีสิ”

ฟางหนิงพบว่าหนังสือเกมค่อนข้างฉลาดทีเดียว มันทำให้เขาคิดหาวิธีต่างๆ มากมายในการแก้ปัญหาได้โดยเร็ว…

เห็นได้ชัดว่าหนังสือเกมนี้ยินดีอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือเขา เพราะหลังจากนั้นไม่นาน หนังสือก้เปิดออกทีละหน้า จนสุดท้ายก็เปิดหน้าที่ชื่อ ‘ม้วนสิ่งมีชีวิต’ ให้ปรากฏขึ้น

ก่อนที่ฟางหนิงจะเปิดดู ทันใดนั้นมันก็กลายเป็น ‘สี่เหลี่ยม’ !

เขาเห็นอะไรน่ะ?

คำใบ้ที่จุดเริ่มต้นของหน้าแรก ตามด้วยข้อมูลตัวละครของ ‘เฉียวจื่อซาน’

“หมายเหตุสำคัญ โปรดเข้าใจผู้เล่นทุกคนตามสถานการณ์ปกติทั่วไป สิทธิ์การตีความขั้นสุดท้ายเป็นของระบบ”

“เฉียวจื่อซาน เพศชาย งานอดิเรกไม่ทราบ อายุยี่สิบห้าปี ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษสำนักงานสัจธรรม”

สิ่งเหล่านี้ยังคงปกติ

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการประเมินโดยละเอียดต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงความชั่วร้ายของระบบ

“แนวโน้มความดีและความชั่วเท่ากับ ยุติธรรม”

“ระดับความแข็งแกร่ง: เท่าอ่างน้ำสูง ขนาดโดยละเอียด: อ่างอาบน้ำ หมายเหตุ: อ่างมีความลึกมากและสามารถเติมได้เองอย่างช้าๆ”

หลังจากที่ฟางหนิงอ่านบรรทัด ‘การประเมินความแข็งแกร่ง’ แล้ว เขาก็ใช้เวลาทบทวนครู่ใหญ่

เขาครุ่นคิด ‘เฉียวจื่อซานคงไม่ได้ไปแหย่อะไรให้ระบบไม่พอใจใช่ไหม? ทำไมการประเมินพลังถึงออกมาอย่างนั้นล่ะ?

แม้ว่าจะมีการระบุบนแผนที่ระบบ กล่าวล้อเลียนว่าระยะจุดของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นมีขนาดเกือบจะเท่ากับอ่างอาบน้ำ แต่ระบบไม่ได้ให้ข้อมูลเท็จแน่นอน

เมื่อสติหวนกลับคืนมาหลังจากปล่อยให้ตัวเองดำดิ่งไปครู่หนึ่ง สมองก็ประมวลผลความแข็งแกร่งของเฉียวจื่อซานบนแผนที่ระบบได้ทันที

ถ้าเฉียวจื่อซานได้รับสมญานามระดับ B มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหนในตอนแรก

แต่เมื่อฟางหนิงพลิกไปที่หน้าสอง เขาก็เข้าใจทันที ระบบห่วยนั่นใส่ใจมากว่าเขาอยู่ที่ไหน เห็นได้ชัดว่ามันมีความหมายลึกซึ้งอีกอย่างหนึ่ง ไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นเทพแห่งการเรียนรู้ด้านการต่อสู้ด้วย…

เฉียวจื่อเจียง เพศหญิง งานอดิเรก สังหรณ์ไม่ดี อายุสิบแปดปี ตำแหน่งสมาชิกหน่วยสืบสวนพิเศษสำนักงานสัจธรรม

“แนวโน้มความดีและความชั่วเท่ากับ ความเป็นกลางเหนือความยุติธรรม”

“ระดับความแข็งแกร่ง: ระดับถัง ขนาดโดยละเอียด: หนึ่งถัง หมายเหตุ: ถังลึก แต่อาจรั่วได้”

พรึ่บ! ฟางหนิงได้ยืนยันความตั้งใจที่แท้จริงของระบบอีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

…………

ฟางหนิงยังคงพลิกหน้ากระดาษต่อไป ลองดูว่ามีการแบ่งแยกที่แปลกประหลาดกว่านี้อีกไหม ซึ่งตอนนี้เขาได้หมดความหวังในบรรทัดฐานของระบบไปแล้ว…

แน่นอนว่ามีส่วนที่น่าเศร้ากว่านั้น

“โม่ซิ่ง เพศชาย งานอดิเรก ไม่มี อายุสามสิบห้าปี ตำแหน่งสมาชิกหน่วยสืบสวนกิจการพิเศษ”

“แนวโน้มความดีและความชั่วเท่ากับ ความเป็นกลางเหนือความยุติธรรม”

“ระดับความแข็งแกร่ง: ผู้เล่นระดับมีด ขนาดโดยละเอียด: ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้เปลืองคำ มีโอกาสสูงที่จะวางสายก่อน”

…………

“ไห่เฉิง เพศชาย งานอดิเรก ไม่มี อายุยี่สิบเจ็ดปี ตำแหน่งสมาชิกของสำนักงานสัจธรรม”

…………

หลังจากที่ฟางหนิงเข้าใจเจตนาของระบบอย่างเต็มที่แล้ว เขาก็ไม่ได้ใจร้อนหรือรีบเร่งอีก แต่แสร้งพูดบีบคั้นแทน “เฮ้ ระบบฉันเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในแง่ของการต่อสู้และปรับปรุงความแข็งแกร่งของแกนะ! แต่การที่แกแบ่งแบบนี้ ไม่ใช่ว่าอยากให้ฉันออกไปเหรอ ในอนาคตสถานการณ์แบบนี้จะปรากฏทุกที่ – ‘แม้แต่ความแข็งแกร่งระดับถังยังกล้าท้าทายปรมาจารย์ระดับอ่างอาบน้ำ?’ เป็นใครจะไม่โกรธบ้างล่ะ? ฉันรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนต้นคิด แต่นั่นมันเกิดขึ้นเพราะความโกรธที่มีต่อแกในทุกๆ วัน แต่แกก็ดันทำจริงๆ”

น้ำเสียงของระบบไม่ค่อยพอใจ “โฮสต์นี่ชอบป้ายสีตีไข่คนอื่นจังนะ! ระบบไม่ได้วางแผนให้มันแบบนั้น และไม่ได้สร้างขึ้นโดยไร้เหตุผลหรือแบ่งสุ่มสี่สุ่มห้า มันถูกกำหนดโดยแผนที่ระบบและขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ก่อนหน้านี้ที่โฮสต์ดูแผนที่ระบบ ไม่ใช่เพราะโฮสต์เห็นชายร่างใหญ่บนแผนที่ระบบหรอกเหรอ หรือแค่คิดว่ามันอาจใหญ่พอๆ กับอ่างไม่กี่อ่าง ดูเหมือนว่าจะมีขนาดประมาณอ่างล้างหน้าล่ะสิ? ความคิดของโฮสต์เยี่ยมยอดมาก ระบบรู้สึกถึงมันได้อย่างแจ่มแจ้ง! และทั้งหมดนี้ก็เพื่อความสะดวกของโฮสต์ แบบนี้มันไม่สมจริงไปกว่าระดับ ABCD ที่พวกเขาคิดขึ้นเลยหรือไง? ถ้าระบบอธิบายแบบนี้ โฮสต์ก็จะสามารถเห็นขนาดของตำแหน่งได้ทันที และพวกมันยังเป็นขุมพลังระดับ A ทั้งความลึกก็แตกต่างกันด้วย คนระดับล่างจำนวนมากสามารถฆ่าคนได้แบบก้าวกระโดด เป็นเพราะภายนอกอาจดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งด้อยกว่าคนระดับสูง แต่จริงๆ แล้วมันหยั่งลึกลงไปกว่านั้นมาก ระบบใช้วิธีนี้เพื่อคัดแยกคนพิเศษเหล่านั้นออกมา เพราะกลัวว่าโฮสต์จะไม่ระวังจนอาจตกหลุมพรางได้ พูดมาสิว่าสำหรับโฮสต์แล้วระบบมีมนุษยธรรมมากแค่ไหน! ทั้งหมดนี้ที่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ แต่ไม่นึกเลยว่าโฮสต์จะเข้าใจผิด กว่าระบบจะทำออกมาได้ มันยากมากจริงๆ นะ…”

ระบบรัวออกมาราวกับยิงลูกกระสุนปืนกลขนาดใหญ่ ฟางหนิงที่แสร้งทำเป็นพูดไม่ออกทำได้เพียงถือหนังสือเกมอย่างเงียบๆ…

ฟางหนิงรู้ดีว่าเหตุผลที่ได้รับมานั้นก็คืออย่าปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ใช้คะแนนประสบการณ์เพื่อเปลี่ยนแปลงมัน

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ในที่สุดเขาก็ยอมรับชะตากรรมของตัวเอง “เอาเถอะ ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนเดียวที่ใช้มัน ฉันจะไม่บอกใครหรอก แกก็อย่าพูดไปล่ะ…”

ระบบ “ในที่โฮสต์ก็เข้าใจสักที ระบบค้นหาระดับพลังทั้งหมดในนิยายมนุษย์ของโฮสต์แล้วเลือกชื่อที่คิดว่าเก่งที่สุดและเข้ากันได้มากที่สุด แต่โฮสต์เพิ่งเตือนระบบเมื่อกี้ ระบบเลยไม่รู้จริงๆ ว่ามนุษย์อย่างโฮสต์จะยังคงสนใจเรื่องฉายาอยู่ ยังดีที่มันมีประโยชน์ต่อการเพิ่มความโกรธ เพราะฉะนั้นจะเป็นการดีกว่าที่จะช่วยระบบโปรโมตมัน โฮสต์จะได้ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือพวกนั้นแล้ว…”

ฟางหนิงแทบจะกระอักเลือด เขาส่ายหัวไปมา แสดงว่าไม่มีที่ว่างให้ต่อรอง “อย่างที่คาดไว้เลย ฉันไม่มีความหน้าด้านเหมือนแก ถ้าฉันใช้มันเป็นการส่วนตัวคงไม่กล้าพูดออกไปแบบนี้…”

ระบบ “อย่าเพิ่งตัดสินสิ ระบบจ้างก็ได้…”

ฟางหนิง “ฉันดูเป็นคนหิวเงินมากขนาดนั้นหรือไง! แต่มาคิดๆ ดูแล้ว ฉันก็คิดดีแล้วแหละที่ได้พูด ตกลงก็ตกลงแต่อย่าไปสร้างปัญหาใหญ่โตแล้วกัน”

ระบบ “ระบบเชื่อในโฮสต์ โฮสต์ทำได้!”

…………

ขณะเดียวกันเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ ยังไม่รู้ว่าพวกเขาแต่ละคนได้รับการเปลี่ยนโปรไฟล์โดยระบบเรียบร้อยแล้ว พวกเขาถูกทำเครื่องหมายว่าความแข็งแกร่งเป็นระดับอ่างอาบน้ำและระดับถังต่างๆ สารพัด

พวกเขานั่งคุยกันและพูดคุยถึงแนวทางปฏิบัติในครั้งต่อไป

………………………………………………….

บทที่ 115 ระบบยื่นหัวออกมา ฉันจะเป่าหัวนาย
“ทุกท่าน วันนี้เป็นเวลาที่พวกเราจะได้ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยพ่อบ้านเจิ้ง! ทุกคนต้องรวบรวมความกล้าในการจู่โจมเข้าเร่งช่วยเหลือพ่อบ้านเจิ้งที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนักโดยเร็วที่สุด ด้วยมิตรภาพของพี่น้องทุกคนและความรักของเพื่อนร่วมงาน ขั้นแรกพวกคุณต้องตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนว่าสมบูรณ์ไหม ไป๋หลี่ตรวจดูว่ากล้ามเนื้อของนายยืดหยุ่นดีไหม? เซวียปาสวมหมวกกันน็อคให้ถูกต้องด้วย…”

มังกรขาวตัวเล็กลอยอยู่กลางอากาศด้วยท่าทางเคร่งขรึม มันออกคำสั่งจากที่สูงบัญชาการคนที่อยู่บนพื้นดิน

น้ำเสียงของมันหนักแน่นและเปี่ยมด้วยพลัง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครชื่นชม…

จะมีก็แต่สุนัขสีเหลืองและสีดำสองตัวเท่านั้น

หมาเหลืองส่ายหัว เหยียดขาหน้าสองข้างออกและยืดหมวกให้ตรง จัดท่าทางอกผายไหล่ผึ่ง “นายท่าน ข้าตรวจสอบเสร็จแล้ว พร้อมออกปฏิบัติการในทันที”

สุนัขสีดำวิดพื้นสองครั้ง จากนั้นก็เขย่ากล้ามเนื้อและตะโกนว่า “นายท่าน ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบแล้ว พร้อมออกปฏิบัติการในทันที”

ฟางหนิงพอใจมาก น้องเล็กทั้งสองมีประสิทธิภาพสูง เมื่อหมาสองตัวนี้ฟื้นฟูพลังเต็มที่ พวกมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสตระกูลไป๋เมื่อก่อนเลย

แน่นอนว่าเมื่อความแข็งแกร่งของพวกมันได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่แล้ว ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ก็อาจจะมีความก้าวหน้าอย่างมากเช่นเดียวกัน

หลังจากที่ฟางหนิงได้เพิ่มขวัญกำลังใจเรียบร้อย เขาก็กลับไปยังพื้นที่ของระบบ

ระบบ “ผู้ติดตามพร้อมแล้ว โฮสต์พร้อมหรือยัง?”

ฟางหนิงตอบกลับ “ฉันต้องเตรียมตัวด้วยเหรอ? ฉันเป็นผู้บัญชาการนะ ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องเตรียมตัว รายงานบอกว่าถึงแม้จะมีศัตรูจำนวนมาก แต่ก็เป็นเพียงกลุ่มลูกสมุนตัวเล็กๆ ไม่มีบอสใหญ่ ระบบแกไม่ต้องแปลงร่างเป็นมังกรด้วยซ้ำก็สามารถจัดการได้ ฉันแค่ปรบมือให้กำลังใจอยู่ห่างๆ แทบไม่ต้องเตรียมอะไรเลย”

ระบบ “ไม่ เรื่องการต่อสู้โฮสต์ต้องฟังระบบ มีชัยชนะที่แน่นอนที่ไหนกันล่ะ? อย่าลืมเตรียมตัวให้ดีเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุด้วย มาๆ ไม่ต้องเกรงใจ ระบบเตรียมไว้ให้โฮสต์เรียบร้อยแล้ว งบประมาณการรบทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับโฮสต์หรอก……”

ขณะที่ระบบกำลังพูด จู่ๆ เสียง ‘ผึ่บผั่บ’ ก็ดังขึ้นในพื้นที่ระบบ กระทั่งกองหนังสือกองหนึ่งก็ตกลงมาจากฟากฟ้า

ฟางหนิงเหลือบมอง ก่อนจะเห็นชื่ออันคุ้นตาบนหน้าปกของหนังสือคู่มือราวกับมันกำลังกวักมือเรียกเขา

“XX” “XXX” “XXXX” “XXXXX”…

ไม่จำเป็นต้องอ่านเนื้อหาด้วยซ้ำ เพราะแค่มองปราดเดียวฟางหนิงก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณที่ซึมซาบเข้ามาในอกแล้ว…

“ผลของการอ่านนิยาย ระบบเคยอ่านหนังสือของเพื่อนๆ ทางอินเทอร์เน็ต พวกเขาว่ากันว่าหนังสือบางประเภทต้องดูของจริงถึงจะรู้สึกมากกว่า” ระบบพูดอย่างภาคภูมิใจ “แถมยังบอกอีกว่าเพราะมันมีอิทธิพลและเป็นสิ่งแท้จริงมากกว่า ผู้คนเลยมักจะเชื่อถือหนังสือกระดาษมากกว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์…”

ระบบแจ้งเตือน โฮสต์เข้าสู่สถานะ ‘ร้อนรุ่มในอก’ ขีดสล็อตความโกรธเต็มสามขีด

ระบบ “แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ มันประสิทธิภาพสูงกว่าเวอร์ชันอิเล็กทรอนิกส์ที่โฮสต์อ่านมาก…”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “จำไว้เลยนะ แล้วแกเตรียมอะไรสำหรับกองกำลังหลักของการต่อสู้แนวหน้าบ้าง?”

ระบบ “อ่านการแจ้งเตือนก็จะรู้เอง มีเรื่องเซอร์ไพรส์อีกหนึ่งอย่าง เนื่องจากในการต่อสู้ครั้งนี้โฮสต์ไม่จำเป็นต้องจัดการกับบอสใหญ่ แต่ควรลงสนามและทำความคุ้นเคยกับบรรยากาศการต่อสู้ ระบบเตรียมอาวุธพิเศษไว้ให้โฮสต์เล่นโดยเฉพาะเลย…”

ทันทีที่ฟางหนิงได้ยินสิทธิประโยชน์มากมายแบบนั้น เขาก็สงบลงจากความโกรธทันที ดวงตาเป็นประกายเอ่ย “รีบเอามาให้ดูสักทีสิ ฉันไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้แกทำอะไรอยู่ ฉันไม่เห็นระบบแจ้งเตือนเลย…”

ระบบแจ้งเตือน ระบบใช้คะแนนประสบการณ์บางส่วนเพื่ออัพเกรดระดับเป็น 15 ค่าเลือดเพิ่มขึ้น ค่าปราณแท้เพิ่มขึ้น ค่าสถานะอิสระเพิ่มขึ้น 4 และค่าความตระหนักรู้ทั้งหมดได้รับเพิ่ม

สล็อตความโกรธพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1 ช่อง สล็อตความโกรธพื้นฐานที่มีอยู่คือ 4 ช่อง เอฟเฟกต์กำไลความโกรธ กักเก็บความโกรธ จำนวนสำรองสูงสุดเท่ากับจำนวนสล็อตความโกรธในระบบปัจจุบันคูณด้วยสอง ตอนนี้สามารถสำรองสล็อตความโกรธเพิ่มได้อีก 8 ช่อง สล็อตความโกรธทั้งหมดในปัจจุบันคือ 12

ระบบได้ใช้คะแนนประสบการณ์จำนวนมากเพื่ออัพเกรด ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เวอร์ชันสมบูรณ์เป็นระดับกลาง ระบบได้รับการอัพเกรดใหม่

หนึ่ง: เสริมร่างปราณแท้ ระดับปัจจุบันสามารถเก็บค่าพลังปราณได้ถึงสองเท่าของสล็อตพลังปราณในปัจจุบัน เพิ่มจำนวนสล็อตพลังปราณในปัจจุบันขึ้นเป็น 18 ช่อง

สอง: เพิ่มโบนัสพลังของวิทยายุทธ์ทั้งหมดหลังจากบริโภคพลังปราณ ซึ่งปัจจุบันเพิ่มขึ้น 100%

สาม: เพิ่มฟังก์ชันใหม่ของโมดูลพลังปราณ ทักษะที่มีอยู่ ‘เกราะป้องกันปราณแท้’ ระดับทักษะปัจจุบันเพิ่มความสามารถ: ‘ดูดซับพลังปราณ’ เมื่อระบบได้รับชื่อเสียงถึงขั้น ‘บูชา’ แล้ว สล็อตพลังปราณจะถูกเติม

ระบบได้ใช้คะแนนประสบการณ์ 100 คะแนน เพื่อเปลี่ยนชื่อหนังสือเกมหลัก ‘ชีวิตออนไลน์’ เป็น ‘ถ้าให้ข้าตัดสินแบบส่งเดชก็คือเผาแกซะ!’

ระบบได้ใช้คะแนนประสบการณ์ 5,000 คะแนน เพื่อเพิ่มโมดูลฟังก์ชันใหม่ให้กับหนังสือเกมหลักคือ โมดูลแผงคุณสมบัติของตัวละคร

ระบบได้ใช้คะแนนประสบการณ์ 500,000 คะแนน เพื่อเพิ่มโมดูลใหม่คือ ‘ทำลายไม่ได้’

ระบบได้ใช้คะแนนประสบการณ์ 500,000 คะแนน เพื่อเพิ่มโมดูล ‘การชุบชีวิตอัตโนมัติ’

ระบบได้ใช้คะแนนประสบการณ์ 500,000 คะแนน เพื่อเพิ่มคุณลักษณะใหม่ ‘การโจมตีไอคิว’

ผลกระทบหลัก: หากกระทบหัวศัตรูหลังจากการขว้าง จะมีโอกาสลดไอคิวของศัตรูลงยี่สิบสี่ชั่วโมง เอฟเฟกต์เพิ่มเติมจะถูกเพิ่มหลังจากการอัพเกรด

ฟางหนิงพูดไม่ออก นี่เป็น ‘เรื่องเซอร์ไพรส์’ จริงๆ ด้วย

หลังจากอ่านแล้ว เขาก็มองไปรอบๆ หลังจากนั้นไม่นานก็พบหนังสือเกมที่อัพเดตแล้วอยู่ตรงมุมหนึ่งของพื้นที่ระบบ

แม้หนังสือเกมเล่มนี้จะหยาบกร้านแต่อย่างน้อยก็อยู่ในรูปแบบของหนังสือ แต่ตอนนี้มันกลับอยู่ในสภาพที่จำเกือบไม่ได้

หน้าปกเสียหายหลายส่วน บนนั้นมีชุดอักษรจีนจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นชื่อหนังสือ

“หนังสือเกมที่น่าสงสารของฉัน ตกไปอยู่ในมือของไอ้คนร้ายกาจจนกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?” ฟางหนิงถือหนังสือเกมด้วยความทุกข์ใจพร้อมกับลูบเบาๆ “อย่ากลัวเลย เจ้าโง่นั่นต้องสร้างบั๊กขึ้นอีกแน่นอน หลังจากที่มันเพิ่มโมดูล ‘ทำลายไม่ได้’ แล้ว แกก็จะไม่เป็นอะไร”

ทันทีที่ฟางหนิงพูดจบ หนังสือเกมก็สั่นหลายครั้งราวกับว่ามันเข้าใจ

ระบบ “โฮสต์อย่ายั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูกของเราได้ไหม เด็กนั่นคือสิ่งที่ระบบสร้างขึ้นมาเองกับมือ ระบบเป็นพ่อของมัน จะทำร้ายมันได้ยังไง..”

หนังสือเกมไม่ได้พูดอะไร มันแค่หลุดออกจากมือของฟางหนิงแล้วลอยขึ้นไปในอากาศพลางกางหน้าหนังสืออก ‘ถ้าให้ข้าตัดสินแบบส่งเดชก็คือเผาแกซะ!’ ตัวหนังสือใหญ่พวกนี้เด่นชัดมาก…

ระบบพูดไม่ออก

ฟางหนิงไม่แปลกใจกับการกระทำของหนังสือเลย ในทางกลับกันเขาจึงถือโอกาสนี้ใส่ไฟเพิ่มเข้าไปอีก!

“เมื่ออาวุธพิเศษถูกปล่อยออกมาสิ่งแรกที่ต้องทำคือค้นหาดาบสังเวยซะก่อน พื้นที่ระบบนี้มีแค่เรา ฉะนั้นคงต้องยกให้แกเล่นบทบาทนี้แล้ว ประจวบเหมาะกับฉันที่ไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาแกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน แต่ตอนนี้แกก็โผล่มาแล้ว เพราะฉะนั้นให้ฉันได้ลองใช้เอฟเฟคสกิลของอาวุธพิเศษนี้หน่อยสิ…”

ระบบกลับกลายเป็นคนหูหนวกในทันที ก่อนจะควบคุมอัศวิน A ให้วิ่งด้วยความเร็วสูงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง…

หมาสองตัวเดินตามหลังอย่างใกล้ชิด ท่าทางของพวกมันแข็งแรงราวกับกำลังบินอยู่ ติดตามด้านหลังเจ้านายไม่ห่าง

ฟางหนิงเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน “จะออกแรงไปทำไม่ล่ะ เรียก ‘เที่ยวบินฟรี’ ของเราสิ…”

ระบบหยุดกึก “ทำไมโฮสต์ไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ…”

…………

สถานที่นัดพบกับเฉียวจื่อเจียงอยู่ในเทือกเขาแห่งหนึ่งในภาคกลางของเสินโจว

อีกฝ่ายหนึ่งได้ส่งพิกัดละติจูดและลองจิจูดที่สอดคล้องกันของแผนที่มาแล้ว

“บิน!” เซวียเฟิงมาถึงทันทีที่เขาเรียก ก่อนจะนำส่งพวกเขาไปยังจุดหมายปลายทางในชั่วพริบตา เมื่อถึงจุดหมายก็ทำความเคารพนอบน้อม ก่อนจะจากไป ไอลีนโนเวล

หลังจากลงจอด ฟางหนิงก็บินออกจากพื้นที่ระบบกลายเป็นมังกรขาว

สถานที่นัดพบเป็นเพียงหุบเขาแคบยาว มีภูเขาสูงสองข้างทาง ต้นไม้เจริญงอกงาม ใบไม้ส่วนใหญ่ร่วงหล่นลงมาจากต้นแล้ว ลำต้นของมันเหี่ยวเฉาและมีสีเหลือง มีเพียงต้นไม้บางต้นเท่านั้นที่ยังคงเขียวขจี ที่นี่ช่างเป็นป่าที่เงียบสงบมาก นกไม่ตื่นตระหนก แมลงไม่ส่งเสียงหรีดหริ่ง

ตรงกลางมีแม่น้ำคดเคี้ยวไหลทอดยาวออกไปไกล พวกเขาลงจอดบนหาดหินกรวดที่ด้านหนึ่งของแม่น้ำ นี่เป็นหนึ่งในพื้นที่เปิดโล่งไม่กี่แห่งที่อยู่ใกล้เคียง

ฟางหนิงมองสำรวจภูมิประเทศก็พลันรู้สึกตะคริวกินเล็กน้อย เขามองไปรอบๆ ก็ตระหนักได้ถึงปัญหาบางอย่าง ที่นี่เงียบเกินไปหน่อย

ไม่นานเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากที่ไกลๆ

หลังจากฟางหนิงเห็นกลุ่มคนเหล่านั้นชัดเจนแล้ว เขาก็หันมองไปรอบๆ ก่อนจะพยักหน้า

กลุ่มคนที่เห็นคือเฉียวจื่อเจียงและพรรคพวก

คนที่เดินข้างหน้าคือเฉียวจื่อซานในมาดผู้ใหญ่ และข้างๆ เขาคือเฉียวจื่อเจียงที่มีใบหน้าสีเขียว

จากนั้นผู้หญิงในชุดสีเขียวร่วมสมัยก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งก็คือ ‘ความรักและความหวังอันเลือนลาง’ หรือติงเซียงที่อยู่ในวิดีโอ

เฉียวจื่อเจียงแนะนำ QQ และติงเซียงคนรักของเจิ้งต้าวให้รู้จัก

ถัดจากนั้นก็เป็นหญิงสาวที่สวมชุดสีเขียวผู้มีใบหน้าเย็นชา

ฟางหนิงไม่คุ้นหน้าพวกเธอเลยสักนิด หลังจากครุ่นคิดเขาก็จำได้จากไฟล์โปรไฟล์ที่เจิ้งต้าวเคยส่งให้ทุกสัปดาห์ว่าผู้หญิงคนนี้หลายคนเรียกเธอว่า ‘ไห่หลาน’

อันที่จริงอีกฝ่ายเคยปรากฏตัวที่งานเลี้ยงอาหารค่ำของสถาบันฝึกอบรมพิเศษแล้ว แต่ฟางหนิงเกียจคร้านเกินกว่าจะสนใจ ในตอนนั้นที่ระบบกำลังกินดื่ม เขามัวแต่เล่นเกมทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลาสองวันติดเลยไม่ได้ออกมาพบอีกฝ่าย

เขาสามารถรับรู้ได้เนื่องจากไฟล์ข้อมูลตัวละครที่จัดโดยเจิ้งต้าว ซึ่งอีกฝ่ายรายงานและอัพเดตให้เป็นประจำ

ตัดภาพกลับมาตอนนี้ ฟางหนิงเอานิ้วขยี้ตาเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าคนคุ้นเคยเก่าแก่จะมาด้วย

เขาคนนั้นคือโม่ซิ่ง อดีตผู้อำนวยการหน่วยงานกิจการพิเศษของ ‘เมืองฉี’

อีกฝ่ายอายุสามสิบแล้ว ทว่าร่างกายยังผอมเช่นเดิม แม้ว่าเขาจะสวมแว่นแต่บุคลิกของเขากลับไม่สง่างามเท่าเจิ้งต้าว กลับกันราวกับมีคมดาบแฝงอยู่ในความสงบ

ข้างๆ เขาคือชายหนุ่มท่าทางเย่อหยิ่ง แม้จะเดินรั้งท้ายก็ยังคงนิ่งนอนใจ

ฟางหนิงไม่เคยพบคนคนนี้มาก่อน แต่เขาก็รู้ชื่อและความสัมพันธ์ทางสังคมจากไฟล์ที่เจิ้งต้าวให้ไว้

ไห่เฉิงน้องชายแท้ๆ ของไห่หลาน อายุยี่สิบเจ็ดปี อัจฉริยะร่วมสมัยของตระกูลไห่ เจ้าของฉายา ‘ดวงเนตรสีชาด’ คุณสมบัติการฝึกพลังระดับ A สองเท่า ทั้งการจับ ตัดสินประเภทของพลังและความเข้มข้นของพลังลมปราณ

ตอนนี้มีเพียงหกคนเท่านั้น ฟางหนิงเหยียดยิ้มมุมปากแสดงออกว่าไร้แรงกดดัน ที่นี่มีคนของเขาแล้วสี่คนและแน่นอนว่าตราบใดที่มีระบบก็สามารจัดการพวกเขาได้ทั้งหมด

………………………………………………………

บทที่ 114 ห้ามอัพเลเวล ฉันจะดูแลร่างกายนายเอง อย่าแม้แต่จะคิดใช้การฝึกฝนหลังจากที่นายเรียนรู้มันเชียว
ฟางหนิงโล่งใจ ในความคิดของเขาระบบก็คือระบบผู้มีสายตาและความทรงจำที่ไม่มีใครเทียบได้

หลังจากรู้กลโกง ฟางหนิงก็เริ่มแสร้งเล่นละคร “ฮ่าฮ่า ไอ้ตัวปลอม! นายคิดว่าแค่แกเลียนแบบพ่อบ้านเจิ้งได้ก็พอแล้วสินะ? แต่แกคงไม่รู้หรอกว่าท่านมังกรขาวของฉันอ่านโคนันมาแล้วกว่าเก้าร้อยตอน และนิยายนักสืบกว่าเจ็ดร้อยเรื่องตั้งแต่เขามายังโลก ตอนนี้เขาพัฒนาเป็นนักสืบมังกรขาวชื่อดังไปแล้ว ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว!”

‘เจิ้งต้าว’ ยิ้มบาง “ท่านมังกรขาว พูดเล่นอีกแล้วสินะ ผมคือเจิ้งต้าวตัวจริง ท่านยังคิดว่าอะไรไม่จริงอีก?”

“ระยะเดินเท้า ช่วงการวาดมือ การสั่นของไหล่ และการกระเพื่อมของหน้าอก” ฟางหนิงกล่าวเสียงเรียบทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป “ในจุดนี้ชี้ให้เห็นความต่างอย่างชัดเจนระหว่างพ่อบ้านเจิ้งตัวจริง แกอยากให้ฉันเล่นวิดีโอการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ของพ่อบ้านเจิ้งเปรียบเทียบกับแกดูไหม?”

ระบบไม่พอใจเล็กน้อย “โฮสต์ไม่รู้สึกละอายใจที่ลอกคำพูดของระบบไปหน้าด้านๆ บ้างหรือไง?”

ฟางหนิงไม่รู้สึกละอายเลนสักนิด “ถ้าฉันไม่ลอกเลียนแบบนี้ จะรู้ได้ยังไงว่าฉันพบจุดบกพร่อง จะยอมแพ้ไหมล่ะ? แกไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้และทำได้แค่เป็นฮีโร่ที่อยู่เบื้องหลังฉัน ฉันเป็นคนเดียวที่รู้เครดิตของแก ตอนนี้งานของฉันเสร็จสิ้นแล้ว ถึงคิวของอัศวิน A ที่จะปรากฎตัว เชิญนายแสดงพลังได้ตามต้องการเลย”

เหตุผลนี้ทรงพลังมากจนระบบเลือกที่จะถอยกลับ

หลังจากอ่านคำที่ฟางหนิงพิมพ์ ในตอนนี้ ‘เจิ้งต้าว’ ในวิดีโอก็ระเบิดออก ท่ามกลางควันขโมง ปรากฏหญิงสาวในชุดสีเขียวงดงามทันสมัยค่อยๆ ปรากฏขึ้น…

“อย่างที่คาดไว้เลย” ฟางหนิงตอบกลับ “ต่อให้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์แค่ไหน ก็ไม่สามารถหลบสายตานักล่าที่ดีของฉันได้หรอก!”

“ขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ฉันมีชื่อว่าติงเซียง ชื่อออนไลน์คือ ‘ความรักและความหวังอันเลือนราง’ และเป็นเพื่อนใน QQ ของ ‘เรียนรู้รายทาง’“ ผู้หญิงในชุดเขียวพูดเสียงเบาในวิดีโอ

ฟางหนิงคิดในใจ ‘เรียนรู้รายทาง’ เป็นชื่อเล่น QQ ของเจิ้งต้าวไม่ใช่เหรอ? ไม่เพียงแต่พูดชื่อเขาแล้วทุกอย่างจะจบ ทันทีที่ได้ยินชื่อของสองคนนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นคู่หูศิลปิน เหล่าเจิ้งจะตั้งชื่อตัวเองว่าเจิ้งต้าวหรือ ‘เรียนรู้รายทาง’ ซึ่งคล้องจองกัน ฮิปสเตอร์เกินไปแล้ว ไม่เห็นเย่อหยิ่งเหมือนชื่อ ‘มังกรบินแห่งใต้หล้า’ ของเขาเลย

ฟางหนิง “ฉันตั้งตารอมานานแล้ว ไม่ทราบว่าติงเซียงเอาเจิ้งต้าวของเราไปซ่อนไว้ที่ไหน?”

หญิงชุดเขียวตอบกลับ “ฉันได้ยินเขาพูดหลายครั้งว่าท่านทั้งสองเป็นนักรบผู้กล้าหาญที่ยืนอยู่เหนือฟ้า ต้องเป็นบุคคลที่น่านับถือแน่นอน ฉันกับเขาอยู่ในความรักอันขมขื่นมานานกว่าสิบปีแล้ว ตอนนี้พวกเราตัดสินใจกลับไปที่ป่าเขา ขอให้ท่านได้โปรดเห็นใจเราด้วย”

ฟางหนิงครุ่นคิด ‘เป็นอย่างนั้นจริงๆ น่ะเหรอ?’ เป็นไปได้ไหมที่ตัวเขาจะคิดผิด?

ฟางหนิง “พี่สาวมีอะไรก็คุยกันดีๆ เถอะ ถ้าอยากจะแต่งงานกับเขา ฉันก็ไม่มีข้อโต้แย้ง ฉันสามารถให้บ้านเป็นของขวัญแต่งงานได้ เพียงแต่ปล่อยให้เขาทำงานกับฉันต่อไปก็พอ ฐานะทางบ้านของฉันมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน เรียกได้ว่าเป็นมังกรเศรษฐี นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษมอบให้ ทั้งหนึ่งในสี่ปรมาจารย์หลักในเสินโจวก็คอยควบคุมดูแลอยู่ ไม่มีอะไรต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเลย ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนจะสวัสดิการดีไปกว่าที่นี่อีกแล้ว…”

หญิงชุดเขียว “ท่านมังกรขาว พวกเราไม่สนใจสิ่งนอกกายพวกนี้หรอก เราแค่อยากอยู่กันท่ามกลางป่าเขา โปรดยกโทษให้ด้วย ขอตัวก่อน”

ฟางหนิงส่งข้อความกลับไปทันที “ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันพูดความจริง ฉันเป็นเจ้านายที่ดีแห่งศตวรรษ…เฮ้ อย่าเพิ่งออฟไลน์สิ กลับมา กลับมาก่อน…”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ไม่ทันไรบัญชี QQ ของเจิ้งเต้าก็ดับหายไป ไม่ว่าจะปิดกั้นหรือออฟไลน์ อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายไม่มีการตอบสนองใดอีกแล้ว

ฟางหนิงหันไปพูดกับระบบ “ฟังเข้าใจหรือเปล่า?”

ระบบตอบอย่างตรงไปตรงมา “ไม่เข้าใจ มันดูเหมือนบทรักๆ ใคร่ๆ ใช่ไหม?”

ฟางหนิงเข้าใจอย่างถ่องแท้ ดังนั้นเขาจึงโชคร้ายยิ่งกว่าเดิม เขายังโสดและตอนนี้เขาก็กำลังคิดถึงกิจวัตรที่เคร่งเครียดของผู้หญิงที่ไล่ตามผู้ชายสุดฤทธิ์สุดเดช…

ฟางหนิงกุมศรีษะ “อ่า ฉันรู้สึกอยากจะระเบิดพลังโจมตีสักหมื่นครั้ง! ทำไมเรื่องดีๆ แบบนี้ถึงไม่เกิดขึ้นกับฉันบ้าง…”

ระบบ “พวกมนุษย์ช่างเปราะบางเหลือเกิน…โฮสต์ยังมีความคิดที่จะจีบผู้หญิงอยู่อีกเหรอ?”

“แต่ฉันยังกลัวงูอยู่นิดหน่อย…” เมื่อฟางหนิงเห็นว่าหัวข้อกำลังจะเปลี่ยนมาที่ตัวเอง เขาจึงรีบพยายามเปลี่ยนเรื่องพัลวัน “เดี๋ยวก่อน อย่าพูดไร้สาระ ถ้าฉันขอให้แกทำเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้หนักหนามาก แกจะช่วยทำให้ไหม?”

ระบบ “ไม่ทำ”

ฟังหนิงยังคงจับศีรษะและขอร้อง “โอ้ มันเป็นเรื่องใหญ่นะ ช่วยหน่อยเถอะ! แกไปช่วยฉันตามหาเจิ้งต้าว ไม่สิ ทั้งหมดนี้เป็นบันทึกการสนทนา QQ ของ ‘เรียนรู้รายทาง’ และ ‘ความรักและความหวังอันเลือนราง’ นักสืบคนนี้ต้องการข้อมูลจำนวนมากเพื่อไขคดีการหายตัวไปของพ่อบ้านเจิ้ง ก่อนหน้านี้แกเคยพูดไว้ว่าสามารถเข้าสู่สถานที่ทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตสาธารณะได้ แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ไม่สามารถอ่านหรือเรียนรู้ได้เลย แต่แกสามารถคัดลอกกลับมาให้ฉันได้นี่ นี่แกพูดเองนะ หรืออย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาโกหก จริงๆ แล้วแกทำไม่ได้ใช่ไหม?”

ระบบ “ทำไม่จะไม่ได้? ภายในสิบนาทีระบบจะหามาให้”

ฟางหนิง “รีบไปรีบมาล่ะ”

หลังจากนั้นไม่นาน ไฟล์ข้อความที่มีขนาดมากกว่าสิบเมกะไบต์ก็ปรากฏขึ้นบนเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ของฟางหนิง

“ระบบนายสุดยอดมาก!” หลังจากที่ฟางหนิงถอนหายใจและเปิดมัน บันทึกการสนทนาทั้งหมดของชื่อไอดี ‘เรียนรู้รายทาง’ และ ‘ความรักและความหวังอันเลือนราง’ ก็ปรากฏขึ้น

จากที่ดูระยะเวลายาวนานมากทีเดียว ด้วยช่วงวัยสิบแปดปีเรียกได้ว่าเป็นบททดสอบความรักทางไกลอย่างดี

ยิ่งดูฟางหนิงยิ่งซาบซึ้ง ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกายสดใส เสียงหัวเราะ ‘ฮิฮิ’ ดังออกมาจากปากของเขาเป็นครั้งคราว

ระบบ “โฮสต์เจอเบาะแสอะไรบ้างหรือยัง?”

ฟางหนิงซาบซึ้งในเรื่องนี้มากจนไอคิวของเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง เขาพูดอย่างเป็นกันเองว่า “ฉันเจอเยอะเลยแหละ บันทึกการสนทนาของ QQ ของคู่รักนี้ดีกว่านิยายรักออนไลน์ซะอีก…”

ระบบ “โฮสต์อยากให้ระบบตัดไฟไหม?”

ฟางหนิง “อย่าเชียวนะ ฉันกำลังไขคดีอยู่…”

ระบบ “ระบบรู้ว่าโฮสต์โกหก โฮสต์กำลังอ่านนิยายอยู่ชัดๆ…”

ฟางหนิง “ตั้งใจแล้ว ตั้งใจแล้วจ้าโอเคไหม? ระหว่างคนและระบบเรายังไว้วางใจกันได้เนอะ? อย่ารีบสิ ฉันกำลังอ่านอยู่ เดี๋ยวก็ได้รู้ความจริงแล้ว แม้ว่าจะผิดจรรยาบรรณไปบ้าง แต่เรามาถึงจุดนี้ก็เพื่อช่วยเขา! ปกติฉันไม่เคยให้แกทำแบบนี้มาก่อนซะหน่อย จากการวิเคราะห์ของนักสืบคนนี้ ในตอนนี้เหล่าเจิ้งน่าจะปลอดภัย ไม่แน่เขาอาจจะยังเพลิดเพลินกับความสุขสมอยู่ก็ได้! ปล่อยให้เขาสนุกกับการพบปะกันก่อน หากมีอันตรายร้ายแรง เพียงแค่เปิดใช้ทักษะในตำนานของเราอย่าง ‘ช่วยเหลือพันลี้’ เราก็สามารถบินข้ามไปได้ทันทีโดยไม่เสียเวลาแล้ว นายดูสิฉันพิจารณาทุกอย่างไว้แล้ว เพราะงั้นตอนนี้แกก็ปล่อยให้ฉันวิเคราะห์ข้อมูลรูปคดีด้วยความสบายใจเถอะ แล้วตามหาสถานที่ที่เหล่าเจิ้งอาจจะมีนัดออฟไลน์กับอีกฝ่าย…”

ระบบ “โอ้ ดูเหมือนว่าโฮสต์ยังคงคิดมากเหมือนเคยเลยนะ งั้นระบบจะไม่รบกวนแล้ว ระบบต้องเร่งปรับปรุงวิธีการเพิ่มพลัง โฮสต์ค่อยๆ อ่านไปนะ”

ฟางหนิงไม่เงยหน้า “ไปดีมาดี…”

………………

ฐานสำนักงานสัจธรรม ในสำนักงานแห่งหนึ่งท่ามกลางคอมพิวเตอร์ที่เรียงหลายเครื่อง หญิงสาวสองคนกำลังนั่งดูบางอย่างอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

เฉียวจื่อเจียง “ฉันเพิ่งรายงานข้อมูลไปข้างต้น เราควรจะอนุมัติการดำเนินการของเราโดยเร็ว ป้าติงเห็นบันทึกการสนทนาเมื่อครู่นี้ไหม?”

คนที่นั่งถัดจากเธอเป็นหญิงสาวที่สวมชุดสีเขียวร่วมสมัยซึ่งมีรูปลักษณ์ที่สง่างามไม่แพ้กัน เธอคือติงเซียงเป็นคนรักเจิ้งต้าว

ติงเซียงได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับ “อืม ลำบากเธอแล้วจื่อเจียง ไม่นึกเลยว่าจะมีคนกล้าปลอมตัวเป็นฉัน น่าขยะแขยงจริงๆ ทั้งเหล่าเจิ้งคนนั้นก็งี่เง่ามาก คบกันมาหลายปีขนาดนี้เขายังแยกตัวจริงตัวปลอมของฉันไม่ออกเลย ไม่เหมือนท่านมังกรขาว ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเป็นได้แค่พ่อบ้านใหญ่เท่านั้น…”

เฉียวจื่อเจียง “ฮ่าฮ่า ป้าติง จากการสนทนาเมื่อครู่ท่านมังกรขาวนับว่าไม่เลวเลยนะ ก่อนหน้านี้ท่านได้ทำผิดต่อเขาใหญ่หลวงแล้วล่ะ”

ติงเซียงหน้าแดง “มันเป็นความผิดของฉันเองที่เจิ้งต้าวคนงี่เง่าไม่ได้อธิบายชัดเจน ฉันจึงคิดผิดว่าท่านมังกรขาวและมังกรแห่งจิตวิญญาณเป็นคนหน้าซื่อใจคดที่คอยแต่จะปิดปากผู้คน คนพวกนั้นชอบพูดกันว่า ‘การใหญ่ยังไม่ทันสำเร็จ จะรีบคิดถึงครอบครัวไปทำไม’ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงอย่างเราอยู่แล้วนี่นา”

เฉียวจื่อเจียงพยักหน้ารับถี่รัว “ก็จริงๆ มีคนจำนวนมากวิ่งพล่านเพื่ออำนาจ ท้ายที่สุดแล้วก็เลยต้องการตัดทอนเชื้อสาย? หรือไม่แต่งงาน? มีเหตุผลแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ จูเก่อเลี่ยงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อหลิวเป้ยในการฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น มันก็เหมือนกับการแต่งงานกับภรรยาและมีลูกไม่ใช่เหรอ?”

แม้ปากเฉียวจื่อเจียงจะเอ่ยสนับสนุนแต่ในใจกลับคิดว่า ‘หึหึ เธอมองไม่ได้เห็นความจริงอะไรหรอก ป้าติงเซียงคนนี้มีประวัติความรักอันขมขื่น เพราะเจิ้งต้าวกลายเป็นพ่อบ้านของท่านมังกรขาวและมังกรแห่งจิตวิญญาณ จึงถูกดึงเข้ามาอยู่ในความดูแล อีกอย่างฉันก็ได้ดึงบันทึกการสนทนาออนไลน์ทั้งหมดของเขามาแล้ว ตอนนั้นเองที่ฉันพบว่าเจิ้งต้าวกับป้าติงอยู่ในช่วงความรักที่ยาวนานมาก

ใบหน้าของติงเซียงสงบลง รู้สึกกระดากอายที่จะพูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับรุ่นน้องต่อ ดังนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว “เอาละ จื่อเจียง อย่าพูดถึงเรื่องนี้ต่อเลย พยายามให้ดีที่สุดเพื่อจับคนคนนั้นเถอะ ดูว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร”

“ได้ค่ะ ป้าติง” เฉียวจื่อเจียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ป้าติงอยากให้เชิญสองท่านนี้อีกครั้งไหม หากมีพวกเขารับรองได้เลยว่าภารกิจนี้จะไม่มีอันตราย! นอกจากนี้เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับพวกเขาและพวกเขาต้องไปช่วยพ่อบ้านเจิ้งแน่นอน ประหยัดงบทีมสืบสวนพิเศษของเรา ทั้งยังมีพวกเขาเป็นผู้ประสานงานร่วมกัน ขอแค่พวกเขาได้รับการอนุมัติจากต้นสังกัดก็พอ”

ติงเซียง “ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็จะดีมาก ท่านผู้นำทั้งหกมีภาระที่ต้องรับผิดชอบล้นมือ พวกเขาอาจต้องรับมือกับเหตุฉุกเฉินบ่อยครั้ง คงโทรตามอำเภอใจไม่ได้หรอก คราวที่แล้วเรื่องแมลงปีศาจ ลุงของเธอและคนอื่นๆ ก็ถูกย้ายไปจัดการกับเหตุการณ์อื่นๆ ทันที โชคดีที่ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณอยู่ เขาถึงได้กำจัดพวกมันได้กวาดล้างจนเรียบร้อยไม่ให้ได้เล็ดลอดออกไปแม้แต่ตัวเดียว น่าเสียดายที่ท่านมังกรขาวไม่ยอมปรากฏตัว ฉันเดาว่าเขาคงประสานงานอยู่เบื้องหลังแหละเนอะ?”

เฉียวจื่อเจียงตอบกลับ “คงจะใช่ แต่เดี๋ยวหนูจะติดต่อเขาให้ทันที ช่วงนี้เขาหมกมุ่นอยู่กับเกมที่ชื่อว่า ‘Beasts Fighting for Heroes’ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราให้การสนับสนุนด้านเทคนิคอยู่เบื้องหลัง เมื่อไม่นานมานี้เขาใช้เวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนอย่างบ้าคลั่งในการเล่นมัน และมังกรบินแห่งใต้หล้าก็คือชื่อบัญชีของเขา ซึ่งขึ้นอันดับแรกในทุกหมวด แต่ดูจากบันทึกการสนทนา แสดงว่าท่านผู้นั้นยังคงห่วงใยพ่อบ้านเจิ้งอย่างลึกซึ้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งเขาไว้หรอก”

ติงเซียงยิ้มแล้วมองเฉียวจื่อเจียงเข้าสู่ระบบ QQ พร้อมกล่าวต่อ “ฮ่าฮ่า ท่านสองคนนี้ช่างโลภและขี้เล่นจริงๆ น่าสนใจมาก พวกเขาแตกต่างจากคนที่แข็งแกร่งอื่นๆ อย่างสิ้นเชิงเลย”

เฉียวจื่อเจียงได้ติดต่อกับผู้อาวุโสมังกรขาวแล้วบอกอีกฝ่ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนจะนัดพบกันและออกเดินทาง หลังจากได้ยินดังนั้นอีกฝ่ายก็เอ่ยตอบรับอย่างเห็นด้วยทันที

ไม่รู้ทำไมเมื่อมองข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาก็ไม่แปลกใจเลย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นผิด เพียงแต่ในน้ำเสียงที่เอ่ยคล้ายจะมีความเสียใจปะปนอยู่

หรือว่าเธอติดต่อมาช้าเกินไป? ควรให้เขารู้สึกว่าพ่อบ้านเจิ้งอาจต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่านี้อีกหน่อยดีไหม แต่นั่นคงไร้หนทาง ในการบริการสาธารณะจำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและการดำเนินการใดๆ ย่อมต้องรอการอนุมัติ

เฉียวจื่อเจียงเพิกเฉยต่อความผิดปกตินี้ เธอดีใจเนื้อเต้นที่เทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองจะมาปรากฏตัว เท่านี้ก็หมดห่วงแล้ว

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยและรอการอนุมัติ เธอก็เริ่มคุยกับติงเซียงอีกครั้ง เธอต้องการเก็บเกี่ยวจากอีกฝ่ายและหาประสบการณ์ไปด้วย ผู้หญิงส่วนน้อยเท่านั้นแหละที่ไม่สนใจเรื่องนี้

…………

ระบบ “โฮสต์จะไปเมื่อไหร่? โฮสต์วิเคราะห์ออกมาว่าผู้หญิงคนนั้นปลอมตัวมาซึ่งตรงกับผลวิเคราะห์ของสำนักสัจธรรม ดูเหมือนว่าโฮสต์นายจะเป็นนักสืบตัวจริงเลยนะ แล้วโฮสต์จะอ่านไปจนถึงเมื่อไหร่เหรอ คดียังไม่กระจ่างอีกหรือไง?”

ฟางหนิง “เวลาและสถานที่ถูกกำหนดไว้แล้ว แกอย่าเพิ่งเร่งสิ ตอนที่ฉันหมกมุ่นอยู่กับบันทึกนี่ เหมือนว่าฉันได้เข้าสู่เขตแดนแปลกประหลาดและได้ยินคนพูดถึงฉันบ่อยๆ…หรือว่าจะมีเงื่อนงำอะไรเกี่ยวกับบันทึกการสนทนาออนไลน์ของเหล่าเจิ้งหรือเปล่า? แปลกจริงๆ…ขอฉันดูหน่อย”

ระบบ “โฮสต์โกหกอีกแล้ว ระบบไม่มีทางโดนหลอกแน่! ดับเครื่อง…”

ระบบแจ้งเตือนคุณปิดการใช้งานแล้ว

ฟางหนิงมองไปที่หน้าจอสีดำสนิทของคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทีไม่แยแส “หึหึ ปิดก็ปิดไป ฉันรอให้แกลงมือทำอยู่นานแล้ว ตอนนี้ฉันได้เรียนรู้ประสบการณ์ทั้งหมดของเหล่าเจิ้งในเขตแดนประหลาดนั่นมาแล้ว…”

ระบบ “ต่อให้โฮสต์เรียนรู้ประสบการณ์มากแค่ไหน ระบบก็อัพเลเวลให้ไม่ได้หรอก ระบบจะดูแลร่างกายโฮสต์เอง อย่าแม้แต่จะคิดใช้การฝึกฝนหลังจากที่โฮสต์เรียนรู้มันเชียว…”

ฟางหนิงแทบจะกระอักเลือดออกมาสักสามลิตรเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาล้มลงกับพื้นท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ก่อนที่จะจำนนกับความพ่ายแพ้นี้

…………………………………………………………

บทที่ 113 ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!
ฟางหนิงคิดว่าถ้าเจิ้งต้าวยังคงใช้ QQ ได้อยู่ เพราะฉะนั้นอีกฝ่ายจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่ยังมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จึงน่าจะอยู่ใกล้ๆ แถวนี้

สิ่งที่แน่นอนคือเขาอาจจะอยู่ในพื้นที่ที่ไม่รู้จักเพราะแผนที่ระบบยังไม่ได้เปิดใช้งาน ดังนั้นบริเวณรอบตัวเขาจึงแสดงเป็นภาพสีดำ หากเป็นกรณีนี้อย่างน้อยก็ไม่ใช่ ‘เมืองเฉิง’ และ ‘เมืองจี้’

ขณะที่ฟางหนิงกำลังขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจิ้งต้าวก็ส่งข้อความจาก QQ เข้ามาอีกข้อความหนึ่ง

เจิ้งต้าวกล่าวว่า “ขอบคุณท่านมังกรขาวที่เป็นห่วง ด้วยเหตุนี้หลังจากที่ผมได้กราบลานายท่านทั้งสองในวันนี้แล้วก็จะขอลาออกกลับบ้านเกิดเพื่อแต่งงาน ในอนาคตคงไม่มีโอกาสได้พบท่านทั้งสองแล้ว การไม่ได้อยู่รับใช้ช่างเป็นอะไรที่น่าละอายใจจริงๆ ผมได้แต่อวยพรให้นายท่านทั้งสองประความสำเร็จในชีวิตและมีความสงบสุขในโลก”

ฟางหนิงตกตะลึง อะไรกัน! ทีมห้าผู้พิทักษ์ปราบปรามปีศาจของอัศวิน A กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง แต่แล้วพ่อบ้านใหญ่อย่างเจิ้งต้าวผู้รับผิดชอบการจัดตารางเวลากำลังจะขอลาออกกลับไปแต่งงานที่บ้านเกิดเนี่ยนะ?

ฟางหนิงหดหู่ใจมาก แต่แล้วเขาก็คิดได้ว่า ‘ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะกลับไปแต่งงานที่บ้านเกิดจริงๆ เขาก็คงจะบังคับไม่ได้’ ท้ายที่สุดเมื่อทุกคนอายุย่างสี่สิบปี การจะอยู่คนเดียวโดยไม่ได้แต่งงานหรือมีลูกคงไม่สามารถทำได้จริงๆ

ตอนนี้ไม่ใช่ยุคโบราณแล้ว ทั้งสองฝ่ายไม่มีความสัมพันธ์ผูกพันส่วนตัว จากสามัญสำนึกพ่อบ้านเจิ้งต้าวจึงเป็นเพียงลูกจ้างที่ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านนอกเวลาในฐานะผู้จัดการทั่วไปของบริษัทโดยไม่ได้เซ็นสัญญาใดๆ ผูกมัด ทุกคนย่อมมีอิสระอย่างเต็มที่ที่จะลาออกและจากไป

ขณะที่ฟางหนิงกำลังจะพิมพ์ข้อความเพื่อแสดงความยินดีกับอีกฝ่าย จู่ๆ ระบบก็ขัดจังหวะ “โฮสต์ปล่อยให้พ่อบ้านเจิ้งกลับบ้านเกิดไม่ได้นะ ถ้าไม่มีเขาล่ะก็แย่แน่ โฮสต์ไม่ชอบสื่อสารกับผู้คนไม่ใช่เหรอ ฉันคงไม่สะดวกที่จะจัดการกับปีศาจตัวยักษ์ไปพร้อมกันหรอก ถ้าเขาอยากแต่งงานก็แต่งไป ส่วนเราก็แค่มอบของขวัญแสดงความยินดีแก่เขาล่วงหน้าด้วยบ้านในเมืองฉีก็ได้นี่ ทั้งภารกิจในปัจจุบันก็ตั้งใจจะจ่ายเงินรางวัลให้ล่วงหน้าอยู่แล้ว เขาสามารถช่วยเราทำงานต่อไปได้ ทำไมถึงต้องลาออกไปแต่งงานด้วยล่ะ? เขาต้องกลับไปบ้านเกิดเพื่อแต่งงานและมีลูกจริงๆ หรือว่าบ้านเกิดของเขาต้องการตัวเขากลับไปสืบราชบัลลังก์หรือไง?”

ฝางหนิงถูกระบบรบกวนจึงหยุดพิมพ์ทันที ภายในใจว่างเปล่า ตระหนักได้ถึงปัญหาบางอย่าง ‘จริงด้วย ทำไมเขาถึงยืนกรานที่จะกลับไปแต่งงานที่บ้านเกิดและต้องการตัดขาดจากเราโดยสิ้นเชิงล่ะ? มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่’

“เมื่อเจอบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการอัพเกรดปีศาจ ระบบยังคงฉลาดและน่าชื่นชมไม่เปลี่ยนเลยนะ”

“ที่ไหนกันเล่า? ระบบเท่แบบนี้ได้แค่บางโอกาสเท่านั้นแหละ” เมื่อระบบได้รับคำชมจากโฮสต์ก็พลันปลื้มใจ พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “แต่น่าเสียดาย ถ้าผู้ติดตามเป็นเหมือนโฮสต์ก็คงมีข้อบังคับว่า ‘ก่อนที่ระบบจะอัพเกรดเป็นเลเวล 100 ห้ามไม่ให้ผู้ติดตามแต่งงานและเบี่ยงเบนความสนใจ’ ถ้าโฮสต์ยังไม่อัพเกรดระดับเหมือนระบบ โฮสต์ก็จะพบกับปัญหาเหมือนในวันนี้อีก…”

“ระบบความคิดของนายร้ายกาจเกินไปแล้ว น่าผิดหวังที่ก่อนหน้านี้นายกล้าพูดว่าตัวเองเป็นระบบที่ชอบธรรม ใจดีและใจกว้าง” ฟางหนิงส่ายหน้าและดูถูกความคิดไร้ยางอายของระบบ แต่แล้วเขาก็ตกตะลึง “บัดซบ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง!”

ระบบดีใจใหญ่ “โฮสต์คิดได้แล้วเหรอว่าทำไมพ่อบ้านเจิ้งจะจากไป?”

ฟางหนิงอาเจียนเป็นเลือด “ไปไกลๆ เลย ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ จู่ๆ ฉันก็เข้าใจว่าทำไมแกถึงเอาแต่หมุนไปรอบๆ ตอนที่เลเวล 10! พูดมาสิว่า ‘เลเวลไม่ใช่กุญแจและต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังต่อสู้’ สิ่งเหล่านั้นควรจะมี แต่หลายอย่างแกกลับพยายามจะลดระดับของฉันลง การที่อยากให้ฉันอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตก็เพื่อที่ทุกๆ วันแกจะได้สามารถใช้ร่างกายของฉันตามฆ่าปีศาจอย่างนั้นสินะ?”

ระบบ “อะไรกัน ระบบไม่ได้พูดอะไรเลยนะ? ลดระดับลงอะไรนั่น เป็นเพราะโฮสต์เล่นเกมเจ็ดวันเจ็ดคืนติดกันต่างหาก ตอนนี้โฮสต์มีอาการประสาทหลอนทางการได้ยินใช่ไหม? ก่อนหน้าที่ระบบยังไม่อัพเลเวลว ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่ายังไม่มีประสบการณ์มากพอ แต่ตอนนี้มีประสบการณ์เกือบสิบล้านครั้งแล้ว อีกอย่างเพิ่งจะผ่านการเก็บตัวฝึกพลังมาอีกเจ็ดวันด้วย เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ก็จะถึงเวลาอัพเลเวล…”

ฟางหนิง “แกโกหกฉันอีกแล้ว ยังไงก็ตามแกรู้อยู่แล้วว่าตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ แกก็ยังถือไพ่เหนือฉันเสมอ…”

“โฮสต์กำลังใส่ร้าย…ระบบเป็นระบบที่ซื่อสัตย์มากทุกประการ” ระบบเปลี่ยนเรื่องทันที “การที่พ่อบ้านเจิ้งคนนี้ต้องการจะจากไป ระบบรู้สึกว่านี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ทีเดียว แม้เครดิตที่เขาสร้างขึ้นนั้นมีไม่น้อยก็จริง แต่ยังไม่เทียบเท่ากับสิ่งที่เราลงทุนไปหรอก โชคดีที่เขาไม่มีเวลาเรียนรู้ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’…”

หลังจากฟางหนิงถูกขัดจังหวะแบบนั้นเข้า จิตใจของเขาก็สงบลงมากทีเดียว เขาพยายามคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ฟางหนิงก็หัวเราะ “ฮ่าฮ่า ระบบ นิสัยขี้เหนียวของแกบางครั้งก็มีประโยชน์จริงๆ เตือนสติฉันได้ดีเลย ไม่ต้องห่วง ฉันรับประกันได้ว่าพ่อบ้านเจิ้งจะไม่สามารถไปไหนได้ทั้งนั้น”

ระบบตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้นอีก มนุษย์อย่างโฮสต์ชอบพูดวกไปวนมา ไม่มีความตรงไปตรงมาเหมือนอัศวิน A เลย…”

ฟางหนิงแทบกระอักเลือด “ก็ใช่ นี่แกตั้งฉายาให้ฉันว่า ‘ตรงไปตรงมา’ เหรอ? ฉันจะตอบแกอย่างตรงไปตรงมาให้ก็ได้ เหตุผลที่เจิ้งต้าวบอกว่าเขาจะลาออกไปแต่งงานและไม่ได้เจอเราอีกนั้น มีเพียงความจริงข้อเดียวนั่นคือสิ่งที่ ‘เจิ้งต้าว’ พูดมาทั้งหมดคือเรื่องหลอกลวง!”

ระบบตื่นตกใจ “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? ระบบไม่คิดว่าเป็นแบบนั้นเลยสักนิด? ไอคิวของโฮสต์สูงเทียบเท่าระบบไม่ได้หรอกนะ!”

ฟางหนิงแสร้งตีหน้าขรึม “หืม นายคงไม่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์สินะ? พ่อบ้านเจิ้งใส่ใจในความดีงามและความชอบธรรม เขาจะละทิ้งบุญคุณผู้ที่ช่วยชีวิตเอาไว้โดยไม่ตอบแทนและจากไปหลังจากพูดทิ้งทวนประโยคหนึ่งผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ยังไง? ฉันฟางหนิงในฐานะโอตาคุขนานแท้ ย่อมรู้ดีว่าคนเราต้องตอบแทนผู้มีพระคุณอย่างเต็มที่ ก่อนที่เราจะไม่ได้เจอคนๆ นั้นอีก เขาถูกระบบจดจำว่าเป็นชื่อสีน้ำเงิน ทั้งตัวละครของเขาก็เหมือนกับฟางหนิงซึ่งเป็นคนดีที่รู้จักตอบแทนความกตัญญู ในสายตาของฟางหนิงนักสืบชื่อดัง ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว ‘มีใครบางคนแอบสวมรอยเป็นเจิ้งต้าวและบอกว่าจะกลับไปแต่งงานที่บ้านเกิด เพื่อให้เราล้มเลิกความคิดที่จะตามหาเขา พวกมันคงจะกระวนกระวายมากแน่ๆ ! เพราะถ้าไม่พูดแบบนี้ เราก็จะออกตามหาเจิ้งต้าวไปทั่ว ซึ่งนั่นคงทำให้พวกมันไม่สบายใจ และผู้อาวุโสตระกูลไป๋ก็เป็นแบบอย่างของพวกเขา”

ระบบเอ่ยชมทันที “โฮสต์นี่น่าเชื่อถือได้เหมือนเคย…”

ฟางหนิงสนุกกับคำเยินยอของระบบมาก นานแค่ไหนแล้วที่ระบบห่วยไม่ได้เทิดทูนเขาแบบนี้?

ระบบยังพูดไม่จบ “ถ้าอย่างนั้นโฮสต์ก็รีบช่วยระบบตามตัวพ่อบ้านเจิ้งให้กลับมาเร็วๆ เถอะ ระบบต้องการเขา…”

ฟางหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง “ตามบัญชา…”

จากนั้นเขาก็พิมพ์หา ‘เจิ้งต้าว’ “หึหึ แกคิดว่าตัวเองกำลังเล่นอยู่กับใคร? กล้าดียังไงมาขโมยเบอร์ของเจิ้งต้าว? แกรู้ชื่อของฉันผู้นี้และท่านมังกรขาว ก็ควรจะรู้ด้วยว่าเราแข็งแกร่งแค่ไหน! พวกที่กล้าลอบกัดเราอย่างเจ็บแสบแบบนี้ มีหลายคนนักที่คิดว่าตัวเองฉลาด แต่สุดท้ายพวกมันก็ถูกพวกเราฆ่าทิ้งหมด พูดอีกอย่างก็คือพวกมันถูกเราไล่ล่า…”

คำพูดของฟางหนิงเต็มไปด้วยจิตสังหารและความโกรธแค้น เขาปวดใจเล็กน้อยคนคุ้นเคยมาเอ่ยลาทันทีแบบนั้น เป็นเรื่องน่าเศร้ามากทีเดียว…

เจิ้งต้าว “ท่านมังกรขาว ทำไมท่านพูดแบบนี้ล่ะ? ผมคือเจิ้งต้าวเอง ใช่คนอื่นที่ไหนกัน ทำไมเราไม่วิดีโอคอลกันดูสักหน่อย?”

ฟางหนิง “ได้สิ งั้นเรามาวิดีโอคอลกันเถอะ”

จากนั้นฟางหนิงก็พูดกับระบบว่า “เฮ้ ผลการใช้ ‘เนตรเทพตาภูต’ ของแก สามารถมองเห็นความจริงผ่านทางวิดีโอได้ไหม?”

ระบบ “โฮสต์คิดว่าฉันเป็นพระเจ้าหรือไง? มีผลแค่ในกรณีที่ศัตรูอยู่ใกล้เท่านั้นแหละถึงจะมองเห็นร่างจริงของพวกมันได้ ใช้อินเตอร์เน็ตแบบนี้ไม่รู้ห่างไกลกันตั้งกี่หมื่นลี้ เป็นแค่การประมวลภาพจำพวกหนึ่งจะมองเห็นร่างจริงได้ยังไง?”

ฟางหนิงยังคงแน่วแน่ สวมมาดนับสืบต่อไป เขากล่าวต่อ “ไม่เป็นไร ฉันมีทางออก แกคงจำท่าทางและนิสัยทั้งหมดของเจิ้งต้าวได้สินะ ท้ายที่สุดแกก็คือระบบ หน่วยความจำของแกก็เป็นเหมือนฮาร์ดดิสก์”

ระบบ “แน่นอน ระบบเข้าใจดีว่าโฮสต์หมายถึงอะไร โฮสต์คงอยากเช็คเขาผ่านทางวิดีโอสักครู่ว่ายัง ‘สบายดีเดินคล่องปร๋อ’ อยู่หรือเปล่าใช่ไหม?”

ฟางหนิง “ระบบช่วงนี้แกเรียนรู้อะไรจากอินเทอร์เน็ตได้เยอะแยะเลยนะ ถึงไอคิวจะเท่าเดิม แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีประสบการณ์มากขึ้นแล้ว น่าชื่นชมๆ”

ระบบ “อย่าคิดว่าระบบไม่ได้ยินว่าโฮสต์เรียกระบบว่าคนโง่เง่าที่มีประสบการณ์นะ…”

“อะไรกัน ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะ? แกพูดเอาเองต่างหาก” ฟางหนิงได้แต่นึกในใจ ระบบห่วยนี้มีประสบการณ์ห่วยสมชื่อจริงๆ เขารีบเปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว “ช่างเถอะ รีบไปสะสางธุระก่อน แกระบุด้วยล่ะว่าเป็นเจิ้งต้าวจริงๆไหม…”

ในเวลานี้ ‘เจิ้งต้าว’ ก็ได้ได้ส่งคำขอวิดีโอคอล QQ เข้ามาพอดี

ฟางหนิงไม่ยอมรับคำขอวิดีโอในทันที ก่อนจะสำรวจร่างของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าเขาอยู่ในร่างมังกรขาว จากนั้นจึงถอดปลั๊กไมโครโฟนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ออก เพื่อป้องกันไม่ให้การสนทนาระหว่างเขากับระบบแพร่ออกไป

หลังจากทำทั้งหมดนี้ ฟางหนิงจึงยอมรับคำขอวิดีโอคอลจากอีกฝ่าย

อีกฝ่ายกลัวว่าฟางหนิงจะไม่เชื่อ จึงตั้งกล้องเพื่อให้จับภาพได้ทั้งหมด

ฟางหนิงมองภาพรวมของ ‘เจิ้งต้าว’ ในวิดีโอ ชุดสูทรองเท้าหนัง แว่นตากรอบทอง ชายวัยกลางคนที่งามสง่าและมีเสน่ห์ รูปลักษณ์ของเขาเหมือนกับของเจิ้งต้าวไม่ผิดเพี้ยน

ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังนั่งอยู่ในห้องธรรมดา ตกแต่งแบบเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์สมัยก่อนและหน้าต่างทางด้านหลัง จากหน้าต่างสามารถมองเห็นภูเขาและป่าไม้ที่อยู่ห่างไกลออกไปได้เลือนราง ให้ความรู้สึกเหมือนกลับบ้านเกิดที่บนภูเขาจริงๆ

เป็นไปได้ไหมว่าความจริงคนๆ นี้ก็คือเจิ้งต้าว?

ฟางหนิงค่อยๆ ทำความเข้าใจสถานการณ์ “ในช่วงสองวันที่ผ่านมาคุณเป็นยังไงบ้าง?”

“ขอบคุณท่านที่เป็นห่วงเป็นใย ตอนนี้เจิ้งต้าวจิตใจแจ่มใส สบายกายสบายใจ สุขภาพแข็งแรงเยี่ยมยอดดีครับ”

เมื่อเห็นท่าทางตอบกลับแบบนั้น ฟางหนิงก็รู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องจับผิดอะไรอีกแล้ว

‘เจิ้งต้าว’ คนนี้ แน่นอนว่า…ไม่ ไม่สิ ฉันจะพูดคำสองพยางค์บ้าๆ ว่า ‘แน่นอน’ ไม่ได้ ควรจะบอกว่า ‘มีโอกาสเป็นตัวปลอมถึง 99%’!

เจิ้งต้าวพูดแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ?

เขาเป็นคนที่ใส่ใจมิตรภาพ มีความรอบคอบและมักจะรักษาหน้าคนอื่นอยู่เสมอ

ทั้งมังกรขาวมังกรแห่งจิตวิญญาณ หมาดำ หมาเหลือง ผู้บังคับบัญชาทั้งสี่ และเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนร่วมทุกข์ร่วมโศกกันมา การที่ตัวเขากลับบ้านเกิดไปแต่งงานว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ต่อหน้าเจ้านายเขาจะพูดจาอวดดีตรงๆ อย่าง ‘อารมณ์ดีมีความสุข’ แบบนี้ได้ยังไง?

คนอื่นอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่มีทางที่เจิ้งต้าวตัวจริงจะทำแบบนี้แน่นอน!

แต่ก็ไม่สามารถฟันธงได้เลย เพราะยังมีความไม่แน่นอนเหลืออยู่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ฟางหนิงยังคงพิมพ์ต่อไป “ในเมื่อนายไม่ป่วย งั้นก็ลองเดินให้ดูสักสองก้าวทีสิ ถ้านายปฏิเสธแสดงว่านายเป็นตัวปลอม เพราะเจินเจิ้งต้าวไม่มีทางปฏิเสธ”

‘เจิ้งต้าว’ ได้ยินคำขอนี้กลับไม่ตื่นตระหนก

ราวกับว่าเขารู้ดีว่าฟางหนิงกำลังจะทำอะไร เขาลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าเรียบเฉย เดินกลับไปกลับมาสองสามครั้งในวิดีโอ จงใจให้กล้องถ่ายภาพพฤติกรรมท่าทางของเขาอย่างชัดเจน

จากมุมมองของฟางหนิง ‘เจิ้งต้าว’ คนนี้เหมือนกับที่เจินเจิ้งต้าวพ่อบ้านที่เขาเคยเห็นมาก่อนทุกประการ ทั้งท่าเดิน การเคลื่อนไหวของมือและฝีเท้า นั่นทำให้เขากังวลเล็กน้อย มันจะเป็นโอกาสหนึ่งเปอร์เซ็นต์จริงเหรอ?

เขารีบถามระบบ

ระบบ “หมอนี่ไม่ใช่ตัวจริง มีจุดบกพร่องมากมาย เช่น ระยะเดินเท้า ช่วงการวาดมือ การสั่นของไหล่ และการกระเพื่อมของหน้าอก เหล่านี้ล้วนต่างจากพ่อบ้านเจิ้งตัวจริงอย่างเห็นได้ชัด”

ระบบไม่ได้ดำรงอยู่เหมือนมนุษย์ วิสัยทัศน์และความทรงจำนี้มนุษย์จะเทียบกับมันได้ยังไง? เพราเขามองไม่เห็นถึง ‘ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด’ อะไรเลย

ฟางหนิงโล่งใจขึ้นมาทันที

………………………………………………………

บทที่ 110 ระบบแกรู้จักย้อมแมวขายแล้วเหรอ…
ฟางหนิงเรียกระบบอยู่หลายครั้ง เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่เขาหลับไปกันแน่ แต่เทพแห่งระบบกลับทำเป็นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา และไม่ตอบกลับมาเลย

ฟางหนิงขี้เกียจยุ่งกับระบบงี่เง่านี้อีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น นิสัยที่อยากไปไหนก็ไปโดยไม่สนใจอะไรของระบบงี่เง่านั่น ไม่นานตนก็จะเจอช่องโหว่ของมันเอง

ตอนนี้มีข้อดีข้อหนึ่งก็คือ เขาสามารถเล่นได้อย่างสบายใจไปอีกพักใหญ่ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกมันรบกวน

ฟางหนิงกลับไปเล่นเกมต่อ หลังจากที่เขาฟาร์มบอสเสร็จหนึ่งตัวแล้ว ข้อความแจ้งเตือนที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในเกมทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีเล็กน้อย

“ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น ‘มีเงินทันที’ ที่ประสบความสำเร็จในการก่อตั้งสำนักอันดับหนึ่ง ชื่อสำนัก ‘ลัทธิย่อยออนไลน์อันดับหนึ่งของจื่อซานกวน’ ‘มีเงินทันที’ ได้รับชื่อเสียงหนึ่งหมื่นแต้ม กลายเป็นเจ้าลัทธิของสำนัก ‘ลัทธิย่อยออนไลน์อันดับหนึ่งของจื่อซานกวน’

ฟางหนิงมองประกาศที่เลื่อนไปมาด้วยความอิจฉาและหมั่นไส้ “ไอเท็มจำเป็นสำหรับก่อตั้งสำนัก ‘ตราประทับราชาหมาป่า’ ซึ่งตอนนี้ได้ระเบิดออกมาสามอัน ในตลาดซื้อขายผู้เล่นภายใน ราคาเริ่มต้นที่เงินสดสิบล้าน เรายังไม่กล้าซื้อ แต่แกกลับซื้อโดยไม่ต้องกะพริบตา จอมล้างผลาญจริงๆ! ไม่ควรชื่อ ‘มีเงินทันที’ ควรเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ล้มละลายทันที!’ ซะมากกว่า”

“เดี๋ยวก่อน ทำไมชื่อสำนักที่หมอนี่ตั้งถึงคุ้นหูจัง? นี่ไม่ใช่โรงฝึกก่อนหน้านี้ของหม่าเหล่าเต้าหรอกเหรอ? ตอนฟาร์มกลุ่มแมลง ตาแก่นี่ถูกลูกชายผลาญเงินจนต้องเดินออกไป ออกไปก็ออกไปสิ แต่ที่น่าแปลกคือไม่แสดงอะไรทั้งนั้น ซึ่งต่างจากยอดฝีมืออีกสองคนมาก จะว่าไปหมอนี่ก็ไม่ละอายใจเลย แต่กลับนำเอาป้ายชื่อโรงฝึกมาแขวนในเกมอย่างสง่าผ่าเผย?”

เมื่อรู้ว่ามีหม่าเหล่าเต้าอยู่เบื้องหลัง ฟางหนิงก็รู้เลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีเงินซื้อไอเท็มสำนัก ‘ถึงยังไงหมอนั่นก็เป็นยอดฝีมือที่ได้รับการยอมรับจากพระโพธิสัตว์ปีศาจและมหาปุโรหิต ฐานะร่ำรวยแน่นอน เทพแห่งระบบใช้เวลานานเท่าไรเอง และได้รับคะแนนจำนวนมาก เพียงไม่กี่ครั้ง ก็ได้รับมากว่าหนึ่งพันล้าน’

แต่น่าเสียดาย เพราะนี่ไม่เหมือนกัน เงินของเทพแห่งระบบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเขาเลย เขาใช้ได้เฉพาะเงินทุนในบัญชีที่มียอดทั้งหมด 15.5 ล้านเท่านั้น ซึ่งไม่มีความมั่นใจที่จะเอาไปเทียบกับคนอื่นเลย

เมื่อฟางหนิงผู้เล่นเกมใหม่เป็นชีวิตจิตใจเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า จึงแอบตัดสินใจว่าจะพึ่งพาทักษะการเล่นเกมที่ไม่ธรรมดาของเขา มาทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเกมนี้ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยเงิน

ในเวลานี้ ข้อความใหม่ก็ปรากฏขึ้น

‘ลัทธิย่อยออนไลน์อันดับหนึ่งของจื่อซานกวน’ รับสมัครวีรบุรุษทุกสาย และจำกัดให้ผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝนเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมได้ ค่าเข้าสำนักห้าแสน สวัสดิการของลัทธิคือ สอน ‘หลักสูตรการฝึกจิตขั้นพื้นฐาน’ ให้กับผู้ไม่เคยฝึกฝน สอนจนสามารถฝึกฝนได้ ถ้าไม่ได้คืนเงินเต็มจำนวน

ฟางหนิงตกใจอีกรอบ “ให้ตาย ติดตามตลาดจริงๆ เริ่มฝึกอบรมวิชาชีพแล้วหรือนี่”

ถึ

จะตกใจแต่ฟางหนิงก็ยังคงเล่นเกมต่อไป และไม่ได้ไปดูแจ้งเตือนที่เหล่าคนรวยคุกเข่าอ้อนวอนเพื่อสมัครเข้าลัทธิย่อยออนไลน์อันดับหนึ่งของจื่อซานกวนเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเห็นแล้วเจ็บใจมาก…

ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เจิ้งเต้าก็แจ้งเขาผ่าน QQ ว่า เงินรางวัลจากสำนักสัจธรรมเข้าบัญชีแล้ว

เมื่อเห็นรางวัล ฟางหนิงก็นึกถึงเรื่องที่คนอื่นใช้เงินตั้งสำนักเมื่อครู่ ซึ่งตนยังห่างไกลคำนั้นอีกมากโข ด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั่น แค่ซื้อตราประทับตั้งสำนักก็ไม่เหลือเงินทุนซื้ออย่างอื่นแล้ว

จู่ๆ แววตาของเขาก็เป็นประกาย พยายามเรียกหาเทพแห่งระบบอีกหลายครั้ง แต่อีกฝ่ายยังคงฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่ดี

แต่เขายังคงไม่สบายใจ เขาคิดอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้น ก็ผุดยิ้มเจ้าแผนการขึ้นมา แล้วยื่นศีรษะของอัศวิน A ไปกระแทกผนังข้างๆ…

‘ปัง!’ ศีรษะของอัศวิน A กระแทกเข้ากับผนังอย่างจัง

ฟางหนิงไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากนัก แต่ผนังก็ถูกเขากระแทกจนเป็นหลุมลึกแล้ว อัศวิน A นั้นแข็งแกร่งจริงๆ ดูท่ารอยบนผนังนี้คงต้องเสียเงินซ่อมอีกมากโข

แต่เมื่อฟางหนิงเห็นสิ่งนี้กลับดีใจ เขาเริ่มบทสนทนากับเจิ้งเต้าทันที

ฟางหนิง “พูดถึงรางวัลสักหน่อยสิ”

เจิ้งเต้า “เงินสดจำนวน 250 ล้านปลอดภาษีทั้งหมด ตอนนี้หน่วยงานร่วมได้รับการอัพเกรดเป็นระดับ 2A หน่วยงานข่าวกรองที่เกี่ยวข้องได้รับการขยาย เปิดตลาดภายในบางส่วน และอนุญาตให้เราเข้าไปทำรายการได้”

ฟางหนิงมองข้ามผลประโยชน์ข้างหลัง เขาพิมพ์ไปว่า “โอนเงินสิบล้านเข้าบัญชีนี้ก่อน…”

เมื่อเจิ้งเต้าเห็นเงื่อนไขการโอนก็เริ่มกังวลเล็กน้อย ‘หรือเพราะนายท่านมังกรเล่นเทคโนโลยีที่ทันสมัยไม่เป็นจึงถูกแฮ็คบัญชี?’

แต่หลังจากที่เขาดูชื่อบัญชีและหมายเลขบัญชีแล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่การหลอกลวงแน่นอน ‘เพราะมันคือบัญชีธนาคารของท่านมังกรขาวนั่นเอง’

ข้อมูลทางการเงินเหล่านี้ เขาในฐานะพ่อบ้าน ได้หาเวลาว่างถามท่านมังกรขาวใน QQ ก่อนหน้านี้แล้ว และจำได้อย่างดี

เจิ้งเต้าคิดในใจ ทั้งสองท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีจริงๆ ท่านมังกรขาวกำลังปิดประตูฝึกฝนอยู่คนเดียว ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณจึงโอนค่าใช้จ่ายไปให้อย่างเงียบๆ เพื่อช่วยอีกฝ่ายคลายความกังวลใจ

เจิ้งเต้าตอบกลับทันที “ครับ นายท่านมังกร ผมจะโอนเข้าบัญชีนี้ทันทีผ่านช่องทางการโอนพิเศษ”

หลังจากเจิ้งเต้าส่งข้อความมาแจ้งว่าการโอนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ฟางหนิงก็เข้าสู่ระบบธนาคารออนไลน์อย่างมีความสุขเพื่อตรวจ แต่คิดไม่ถึงว่าในบัญชีจะมีเงินมากขึ้นเป็นสิบล้าน

‘เอาล่ะ ฉันต้องรีบบ้างแล้ว จะล้าหลังคนอื่นมากกว่านี้ไม่ได้ เราเองก็ต้องตั้งสำนัก รับคนที่ไม่เคยฝึกฝน รสนิยมต่ำจริงๆ แต่ฉันจะรับแต่คนที่ฝึกฝน ชื่อว่ามังกรสู่ผู้สูงส่งแล้วกัน ฉันจำต้องเป็นผู้ครองเกมนี้!’

‘ฉันไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนาน นี่เป็นการวางแผนสำหรับอนาคตข้างหน้า ซึ่งสำคัญอย่างยิ่ง ใช้เงินเพียงเล็กน้อยในตอนนี้ จะต้องได้รับคืนเป็นร้อยเท่าในอนาคตแน่นอน จื่อซานกวนเปิดประเภทการศึกษา เช่นนั้นเราก็เปิดประเภทใช้กำลัง’

เมื่อมีเงิน ฟางหนิงเข้าสู่ตลาดการซื้อขายผู้เล่นทันที ขณะที่เขากำลังจะประมูลซื้อตราประทับนั่นเอง ข้อความแจ้งเตือนบางอย่างก็ปรากฏขึ้น

(บัญชีของคุณถูกระบบโอนออกไปสิบล้าน)

“ให้ตาย…” ฟางหนิงน้ำตาแทบไหล “ระบบแกยังคงเปิดระบบเฝ้าสังเกตอยู่อีกเหรอ! แล้วทำไมตอนฉันชนกำแพงไม่หยุดฉันล่ะ? ฉันควรจะคิดได้แต่แรก แกขี้งกขนาดนั้น จะปล่อยให้ฉันมีช่องโหว่ได้ยังไง! ฉันมันโง่เอง ที่ไปเอาหัวโขกกำแพงแบบนั้น…”

ในที่สุดเทพแห่งระบบก็ยอมเปิดปาก “อ่า…โฮสต์พูดเรื่องอะไรเหรอ? ระบบไม่เข้าใจเลย ระบบพบว่าเมื่อครู่เจิ้งเต้าโอนเงินผิดบัญชี ระบบก็เลยโอนเงินคืน”

“ระบบบอกไปแล้วนะว่าก่อนหน้านี้ ‘เปิดระบบเฝ้าสังเกตไว้ตลอด จะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับโฮสต์เด็ดขาด’ แต่การกระแทกผนังเมื่อครู่โฮสต์ก็ไม่เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ? ระบบเฝ้าสังเกตอยู่ตลอดก็เลยไม่ห้าม แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าผนังพังโฮสต์ก็ต้องจ่าย”

ฟางหนิง “หึ ถือว่าฉันโชคร้ายเอง แกรีบกลับฝึกเถอะ ฉันจะเล่นเกมต่อแล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไร ใช้เงินของฉันซื้อตราประทับตั้งสำนักเองก็ได้”

ระบบ “ระบบไม่สนใจเงินของโฮสต์หรอก เพราะยังไงใช้หมดก็แค่หมด…”

ฟางหนิงกันฟันกรอดคิดจะกัดฟันซื้อตราประทับราชาหมาป่า แต่ก็ได้ยินเทพแห่งระบบพูดขึ้นมาอีกว่า

ระบบ “ปกติโฮสต์ขี้เกียจจนผิดปกติ ลูกน้องทั้งสามก็ปล่อยเลยตามเลย แต่ทำไมในเกมกลับฮึกเหิมขนาดนี้? แถมยังจะเสียเงินสิบล้านเพื่อซื้อตราประทับตั้งสำนักอีก เกมนี้มันสนุกขนาดนั้นเลยเหรอ? ระบบไม่เห็นรู้สึกอะไร”

ฟางหนิง “แกไม่ใช่มนุษย์ สนุกแบบมนุษย์ไม่ได้หรอก แน่นอนว่าเกมนี้สนุก ทั้งอาชีพและสถานะต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทุกค่าประสบการณ์ในเกมสามารถเปลี่ยนสถานะได้ ภารกิจก็หลากหลายและมีสีสัน ทั้งแนวเรื่องหลักและแนวเรื่องย่อยก็แปลกใหม่และตื่นเต้นไม่หยุด ไม่เหมือนแกสักหน่อยที่ทำได้แต่ฟาร์มปีศาจกับชงชา”

ระบบทำท่าครุ่นคิด “อ้อ ที่แท้โฮสต์ก็ชอบทำภารกิจ ถ้าอย่างนั้นก็ง่ายเลย ระบบจะทำตามรูปแบบในเกมของโฮสต์ แล้วสร้างสักสองสามเกม ไม่ต้องเสียเงินและเวลาไปกับของพวกเขาเลย”

ฟางหนิงได้ยินก็ทั้งดีใจและประหลาดใจ “ตอนที่ฉันถูกแกครองร่างแรกๆ ก็ถามแกแล้วว่ามีระบบภารกิจหรือเปล่า แต่ตอนนั้นแกไม่ได้ตอบฉัน หรือว่าวันนี้เป็นจังหวะที่แกจะเปิดใช้งานโมดูลภารกิจ? เราก็สามารถเล่นในโลกออนไลน์ได้แล้วสิ?”

ระบบ “อะไรคือโลกออนไลน์ ไม่เข้าใจ แน่นอนว่าระบบไม่มีระบบภารกิจ และไม่มีการตั้งค่ากฎเกณฑ์ที่จะได้รับรางวัลภารกิจมือเปล่า ถ้ามีล่ะก็…ระบบไปนั่งฟาร์มเองทุกวันแล้ว จะถึงคราวโฮสต์เหรอ?”

“ฉันเห็นว่าแกกระตือรือร้นที่จะทำภารกิจในเกมขนาดนี้ และพวกมันก็ล้วนแต่เป็นของสมมติ เล่นแล้วนอกจากเสียเวลาและเงินตรา ก็ไม่มีอะไรดีอีก”

“ระบบเองก็สามารถสร้างภารกิจเกมให้โฮสต์ได้ แน่นอนว่าแปลกใหม่และตื่นเต้นกว่า ถ้าวันหยุดโฮศต์ไม่มีอะไรทำก็ไปเล่นเกมที่ระบบสร้างขึ้นมาสิ ดูสิว่าระบบดีกับโฮสต์แค่ไหน?”

ฟางหนิงฟังแล้วก็สงสัยว่า “ทำไมแกถึงใจดีแบบนี้ล่ะ ต้องมีบางอย่างผิดปกติ แกกำลังขุดหลุมอะไรสินะ?”

ระบบ “จะมีอะไรผิดปกติได้ล่ะ เราใช้ร่างกายเดียวกัน ถ้าโฮสต์ตายระบบก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เหมือนกัน ระบบจะขุดหลุมทำร้ายตัวเองทำไม และภารกิจเกมที่ระบบสร้างขึ้นมานั้น ไม่ได้สนุกอย่างเดียว แต่รางวัลจากภารกิจยังเป็นเงินสด…”

ได้ยินคำว่าเงิน ฟางหนิงก็หูผึ่งทันที เขาขี้เกียจเกินกว่าจะคิดถึงความแปลกที่แฝงอยู่ ‘รายได้ของเขาถูกเทพแห่งระบบควบคุมไว้ ต้องมีผลงานในการฟาร์มปีศาจอัพเลเวลจึงจะได้รับเงินรางวัล’

หากมีแหล่งที่มาประจำ เช่นนั้นตนก็สามารถฟื้นฟูตัวตนของนักรบเงินตรา กลับไปไร้เทียมทานได้อีกครั้ง และรวบรวมลูกศิษย์กลุ่มใหญ่ได้?

ฟางหนิงร้องขอ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบสร้างภารกิจแปลกใหม่ที่ท้าทายและเงินรางวัลสูงออกมาสิ? ให้ฉันได้เปิดหูเปิดตาสักหน่อย”

หลังจากที่ฟางหนิงเห็นระบบแจ้งเตือน เขาก็อึ้งไปเลย ‘ไม่ควรประเมินไอคิวของเทพแห่งระบบสูงเกินไป และอย่าประเมินความตระหนี่ของเขาต่ำเกินไป…’

ระบบแจ้งเตือน

ระบบใช้ทักษะการเขียนพู่กันจีนขั้นต้น ทักษะการวาดภาพขั้นต้น ทักษะช่างไม้ขั้นปรมาจารย์ ใช้ค่าประสบการณ์ 100,000 คะแนน ใช้วัสดุเช่นกระดาษขั้นสูง เชือก เป็นต้น สร้างหนังสือภาพเกม ‘ชีวิตออนไลน์’

ระบบใช้ค่าประสบการณ์ 5,000 คะแนน เพื่อสร้างโมดูลภารกิจ

โมดูลภารกิจเริ่มมอบหมายภารกิจเกมให้กับโฮสต์

ภารกิจที่ 1 ‘แผนที่สมบูรณ์แบบ’ คิดหาแผนที่สมบูรณ์แบบในการกำจัดท่านปรมาจารย์ตระกูลไป๋ภายในสามวัน รางวัลภารกิจ ‘เงินสด 500,000’ ระบบจะสร้างโมดูลสกินสถานะของโฮสต์

ภารกิจที่ 2 ‘ไม่อ่อนแอไปกว่าคนอื่น’ ภารกิจหลักที่ไม่กำจัดระยะเวลา ค้นหาสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ทุกๆ ไตรมาส เพื่อเป็นคู่เปรียบเทียบให้กับระบบ รางวัลภารกิจ ‘เงินสด 1,000,000’

หมายเหตุ ‘หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ รางวัลจะถูกโอนไปยังโฮสต์โดยอัตโนมัติ’

ภารกิจทั้งหมดถูกบันทึกในหน้าที่เกี่ยวข้องแล้ว โฮสต์สามารถตรวจสอบความคืบหน้าได้ตลอดเวลา

ฟางหนิงกอดหนังสือเล่มหนึ่งที่ผูกด้วยเชือกหนา ชื่อเรื่องของมันคือ ‘ชีวิตออนไลน์’ เขาสีหน้าเฉยเมยและเอ่ยว่า “ระบบ แกล้อเล่นสินะ เลย ฉันลืมไปแล้วว่าแกเคยเรียนรู้ทักษะการกู่ฉิน หมากล้อม การเขียนอักษรจีน และการวาดพู่กันจีน…”

ระบบ “แต่ระบบเฝ้ามองโฮสต์อยู่หลายเดือน ทักษะการเล่นกู่ฉิน หมากล้อม การเขียนอักษรจีนและการวาดพู่กันจีนที่ระบบได้เรียนรู้มานั้นก็เตรียมพร้อมมาเพื่อวันนี้ เป็นอย่างไรบ้าง ต่อไปโฮสต์ก็จะได้เล่นสนุก นี่สนุกกว่าเกมออนไลน์ของโฮสต์แน่นอน และโฮสต์ก็ไม่ต้องกลัวว่าระบบจะตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้ไม่สามารถเล่นเกมได้อีกต่อไป”

ฟางหนิงยังคงนั่งเหม่อ “นั่นน่ะสิ แกเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีอาจารย์คอยสอนชี้แนะแล้ว และสามารถเข้าใจแก่นแท้ของการย้อมแมวขายอีกด้วย… ฉันหมดคำพูดจริงๆ ภารกิจของแกก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ รางวัลก็เป็นค่าตายตัวด้วย ไม่ให้โอกาสฉันได้ต่อรองเลย!”

ระบบ “อ้อ ดูเหมือนโฮสต์จะดีใจจนพูดไม่ถูกสินะ ต่อไปก็เล่นหนังสือเกมภาพนี้ให้สนุกล่ะ ระบบจะมาอัพเดตให้บ่อยๆ ไม่มีบั๊กแน่นอน หลังจากภารกิจแรกเสร็จสิ้นแล้ว ระบบจะให้สกินสถานะกับโฮสต์ ซึ่งดีกว่าเกมที่โฮสต์กำลังเล่นอยู่ในตอนนี้มากแน่”

…………………………………………………………….

บทที่ 109 มีประโยคหนึ่งอยากมอบให้โฮสต์
อัศวิน A ออกมาจากบ้านของตระกูลจ้าว และกลับไปที่ฟาร์มวิลล่าของตัวเอง จากนั้นก็เริ่มนั่งสมาธิและฝึกฝนทันทีโดยไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าแม้นาทีเดียว

เพิ่งจะได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากมา ถ้าเทพแห่งระบบไม่รีบเร่งทำการทดลอง คงจะเริ่มฝึกฝนเพื่อแปลงเป็นความแข็งแกร่งนานแล้ว

การอัพเกรดวิชายุทธ์นั้น ไม่ว่าจะเป็น ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ หรือ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ล้วนทรงพลังมาก ทักษะและเอฟเฟกต์บัฟแรงกล้า และต้องใช้การประสานกับวิชายุทธ์ระบบศิลปะการต่อสู้ของระบบปัจจุบัน หลังจากอัพเกรดแล้วก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งได้มาก เพียงแต่ต้องใช้พลังงานมากกว่า และต้องใช้ค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาลในการอัพเกรดหนึ่งเลเวล

อีกอย่างต้องอัพเกรดระดับด้วย เพราะมีหลายทักษะที่บรรลุจุดสูงสุดจะไม่สามารถอัพเกรดได้อีก แต่เมื่อทำการอัพเกรดจะยังสามารถช่วยเพิ่มค่าสถานะได้

หลายชั่วโมงต่อมา อัศวิน A ผู้กำลังสงบนิ่งจากการนั่งสมาธินั้น ก็เอนร่างล้มลงบนเตียง เขาหยิบผ้าขึ้นมาห่มไว้อย่างดี ท่านอนไม่ต่างอะไรจากฟางหนิงที่ผล็อยหลับไปก่อนหน้านี้ สภาพของผ้าห่มยังคงเรียบสนิทเช่นเดิม…

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเบาๆ เจิ้งเต้ามาแจ้งว่างานเลี้ยงไล่ปีศาจได้ตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอัศวินไปเข้าร่วมได้

ทันทีที่ฟางหนิงได้ยินเสียงเคาะประตู เขาก็รู้สึกตัว

เขาลืมตาตื่น สัมผัสได้กำลังวังชาที่ฟื้นฟูแล้วเรียบร้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความสงสัยเล็กๆ ในใจว่า “น่าแปลกจริงๆ ทำไมรู้สึกว่าการนอนด้วยร่างของตัวเองบนเตียงนอนไม่ต่างจากการนอนในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบก่อนหน้านี้เลยล่ะ?

ช่วงแรกก็รู้สึกสบายตัวอยู่หรอก แต่ว่าช่วงหลังๆ กลับรู้สึกเหมือนเดิม เอาเถอะ อาจเป็นเพราะการฝึกฝน ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ของเรามีความก้าวหน้าขึ้นมาก เป็นไปได้ว่าตอนนี้จึงไม่มีความแตกต่างกันมากนักระหว่างการนอนด้วยพลังจิตและการนอนด้วยร่างกาย

หลังจากพอใจกับตัวเองแล้ว ฟางหนิงก็ใช้มือหยิบผ้าห่มกำลังจะลูกขึ้นจากที่นอน แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นความผิดปกติบางอย่างเข้าพอดี ‘ให้ตายเถอะหลับไปตื่นหนึ่ง สภาพของผ้าห่มกลับเหมือนเดิมไม่มีผิด เป็นไปได้ยังไง? หลังจากหลับเขาต้องกลิ้งไปกลิ้งมาหลายครั้งสิ ถึงจะรู้สึกสบายตัว ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่…’

อย่างไรก็ตาม มีลูกศิษย์รออยู่ข้างนอก ฟางหนิงขี้เกียจที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องประหลาดนี้แล้ว จึงสวมเสื้อผ้าและเปิดประตูออกไป

“นายท่าน ในร้านอาหารจัดเตรียมงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านไปกล่าวอะไรกับทุกคนสักหน่อยเถอะ” เจิ้งเต้าเอ่ยด้วยความนบนอบ

“ลำบากคุณแล้วล่ะ” ฟางหนิงว่าพลางก็ออกเดิน “เดี๋ยวคุณเองก็ทานเยอะๆ ล่ะ การฝึกฝนหลังจากนี้ จะใช้พลังงานค่อนข้างมาก”

“ขอบคุณนายท่านที่เป็นห่วง” เจิ้งเต้าตอบ

ในร้านอาหาร ด้านบนของโต๊ะกลมขนาดใหญ่เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศหลากหลายชนิด รูปร่างนั้นแปลกตาสวยงาม รสชาติก็ไม่ธรรมดา ทำให้ผู้คนมีความอยากอาหารมากขึ้น

งานเลี้ยงเป็นการกินจานแยก จะมีจานขนาดใหญ่วางไว้ด้านหน้าแต่ละคน ขณะตักอาหาร ใช้ชุดอุปกรณ์ทานอาหารร่วมกันชุดหนึ่ง แต่เมื่อตักทานก็จะใช้ชุดอุปกรณ์แยกอีกชุดหนึ่ง

เจิ้งเต้าอธิบายประเด็นนี้โดยละเอียด เขาเป็นคนรอบคอบและใส่ใจกับทุกสิ่ง

การจัดการรูปแบบนี้ไม่เพียงได้ดูแลเพื่อนสุนัขทั้งสองเท่านั้น แต่ทำให้ท่านอัศวินได้รู้สึกผ่อนคลานด้วย

จากการอยู่ด้วยกันหลายวันมานี้ มีหลายครั้งที่เขาเห็นว่า ‘เพื่อนร่วมงานทั้งสองใช้ปากแย่งกระดูกในชามกันโต้งๆ ซึ่งเขาทนกับภาพพวกนั้นไม่ได้จริงๆ’

หากเป็นที่ส่วนตัวก็ไม่ต้องถือสาอะไรหรอก แต่ในเมื่อท่านอัศวินก็อยู่ด้วยแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

สำหรับชุดอุปกรณ์ทานอาหารของมนุษย์นั้น เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเพื่อนร่วมงานทั้งสองจะใช้ไม่เป็น พวกมันไม่ใช่สุนัขธรรมดา พวกมันสามารถยืดอุ้งเท้าสุนัขของตัวเองให้ยาวขึ้นได้ ให้เหมือนกับมือมนุษย์

เขาเคยเห็นหลายครั้งแล้ว ‘ขณะสุนัขดำกำลังดูวิดีโอหรือรายการทีวีที่บ้าน มันมักจะใช้อุ้งเท้าสุนัขของมันควบคุมเมาส์หรือรีโมทคอนโทรลได้คล่องกว่าเขาเสียอีก ส่วนสุนัขเหลือง เขาเคยเห็นเพียงท่าทางของมันที่ใช้อุ้งเท้าสุนัขค่อยๆ พลิกหนังสืออย่างระมัดระวัง แต่คิดว่าไม่ต่างกันมากหรอก…’

ฟางหนิงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย เขาคิดเพียงว่า นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ใช้ร่างกายของตัวเองกินข้าว?

หลังจากเทพแห่งระบบอัพเกรด ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ เป็นระดับกลาง เขากินอาหารเพียงเดือนละหนึ่งมื้อใหญ่เท่านั้น และใช้เวลาในการกินหนึ่งวันเต็ม ตัวเขาเองก็ขี้เกียจที่จะต้องเสียเวลากับเรื่องนั้น จึงไม่ได้ให้ระบบคืนเวลากินข้าวให้กับตน

ข้อดีก็คือมีเวลาเล่นเกมเพิ่มขึ้นหนึ่งวัน ข้อเสียก็คือตนไม่ได้เพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสเลย แต่วันนี้สามารถชดเชยได้เล็กน้อยแล้ว

ฟางหนิงนั่งลงสุนัขสองตัวกับอีกหนึ่งคนนั่งลงฝั่งตรงข้าม ไม่มีบ่าวใช้สำหรับเสิร์ฟอาหาร…

ฟางหนิงเอ่ย “ขอเริ่มงานเลี้ยงไล่ปีศาจตั้งแต่บัดนี้ นี่คือรางวัลสำหรับทุกคน ตามสบายได้เลย อยากกินอะไรก็หยิบเอา ไม่จำเป็นต้องยับยั้งชั่งใจใดๆ”

เจิ้งเต้าพยักหน้าและนั่งลง หลังจากที่ฟางหนิงใช้ตะเกียบชิมอาหารแล้ว พวกเขาก็เริ่มลงมือ

เจิ้งเต้ากินอย่างมีมารยาท แต่สุนัขทั้งสองกลับเริ่มแย่งกันอีกแล้ว

สุนัขเหลืองเซวียปาสู้สุนัขดำไป๋หลี่ที่กล้ามเป็นมัดๆ ไม่ได้ เมื่อกินต่อหน้าเจ้านาย มันจึงไม่สามารถใช้ปากแย่งได้ ทำได้เพียงใช้ชุดอุปกรณ์อย่างว่าง่าย ในด้านนี้อุ้งเท้าสุนัขของมันมีความว่องไวน้อยกว่าสุนัขดำมาก ซึ่งความเคยชินคือบ่อเกิดของความชำนาญ…

มันสงสัยอยู่ในใจ ‘เมื่อครู่ฉันเหนือกว่าแกไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมอยู่บนโต๊ะอาหารเจ้าสุนัขดำนี่จึงไม่รู้จักมารยาทแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่ากระดูกชิ้นใหญ่ต้องเสียสละให้ลูกพี่กิน?’

ดังนั้น มันจึงต้องใช้วิชาทางสายตา จ้องไปที่สุนัขดำ “วางกระดูกใหญ่ในจานของลูกพี่สิ…”

สุนัขดำไป๋หลี่กำลังกัดแทะอย่างมีความสุขแล้วตอบกลับมา “เจ้านายบอกว่ากินได้ตามสบาย…”

สุนัขเหลืองเซวียปาหมดคำพูด “พอถึงเวลากิน สมองของแกก็ใช้งานได้ไม่ดีแล้ว?”

“ขอบคุณที่ชม” สุนัขดำพูดพลางใช้ตะเกียบคีบไก่ย่างอีกตัวไปอย่างคล่องแคล่ว “ถ้ากินน้อยไป ฉันจะมีแรงวิดพื้นทุกวันได้ยังไงล่ะ? วันๆ แกอ่านแต่หนังสือ ต้องกินอะไรที่บำรุงสมองให้มาก อย่าจ้องแต่กระดูกใหญ่สิ! ตอนนี้แกกำลังเรียนรู้ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ซึ่งต้องใช้พลังงานสมองมากที่สุด เอาล่ะ ฉันจะตักผักให้ลูกพี่นะ”

พูดจบสุนัขดำก็คีบเมล็ดวอลนัท พุทรา เห็ดหูหนูอะไรทำนองนั้นจากจานอย่างชำนาญ ทุกอย่างที่ได้ชื่อว่าเป็นการบำรุงสมอง จึงตกอยู่ในจานอาหารของเซวียปาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเซวียปาเห็นว่าจานใหญ่ตรงหน้าได้เต็มไปด้วยผักเหล่านี้จนไม่มีที่ว่างสำหรับอย่างอื่นแล้ว มันก็ถลึงตาใส่สุนัขดำอีกครั้ง “ฉันมีประโยคหนึ่งอยากมอบให้กับแก…”

ขณะเดียวกันที่ฟางหนิงกำลังตักอาหาร เขาก็เห็นฉากนี้พอดี จึงพยักหน้าแสดงความพอใจอย่างสุดซึ้ง ‘สุนัขโสดสองตัวนี้ดูเข้ากันได้ดีทีเดียว ดูเหมือนตนก็มีพรสวรรค์ในการจัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนกัน…’

เจิ้งเต้าที่รู้ความจริงไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่ก้มหน้ากินข้าวต่อไป

ฟางหนิงกินไปส่วนหนึ่ง ได้ลิ้มรสบ้าง ก็รู้สึกเพียงพอแล้ว ‘เทพแห่งระบบทำให้ความอยากอาหารของอัศวิน A มีมากเกินไป ถ้าให้เขากินจนอิ่ม คนอื่นๆ ก็ไม่ต้องกินอะไรแน่’

ดังนั้นเขาจึงลุกออกไป และบอกหนึ่งคนกับสุนัขสองตัวให้ตามสบาย

ไม่นานหลังจากนั้น เจิ้งเต้าเองก็ลุกออกไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน เขาไม่สามารถอยู่แย่งอาหารกับเพื่อนร่วมงานทั้งสองได้จริงๆ…

ฟางหนิงกลับไปที่ห้องนอนของเขา เขาเปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มเล่นเกม จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ใช้ร่างกายของตัวเองเล่นเกมมานานแล้วเหมือนกัน

เล่นไปถึงครึ่งทาง เทพแห่งระบบก็ตะโกนขึ้นมา

ระบบ “ระบบขอถามอะไรบางอย่าง?”

ฟางหนิงหยุดเกมและรีบตอบ “ไม่ต้องเกรงใจ มีอะไรก็ว่ามาสิ”

แม้จะเป็นเวลาอิสระ ก็ไม่อาจหยิ่งผยองเกินไปได้ อย่างไรก็มีเวลาแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น

ระบบ “อื้ม เมื่อกี้ระบบทำการทด… อ้อ ไม่มีอะไร ระบบก็แค่ถาม อาจารย์ปีศาจงูของโฮสต์ถือได้ว่าเป็นคนชี้ทางการเปิดใช้งานเส้นทางมิอาจเทียบเทียมของเรา ตอนนี้โฮสต์ต้องการที่จะตอบแทนพระคุณอาจารย์ปีศาจงูหรือยัง?

ฟางหนิงขมวดคิ้ว ‘เจ้านี่มันหมายความว่ายังไงกัน? หรือเกิดอะไรขึ้นกับว่าที่แม่ยายของตน?’

เขารีบถามกลับ “ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายหรือ?”

ระบบ “ไม่ ตอนนี้มีทักษะในตำนานอย่าง ‘ช่วยเหลือหมื่นลี้’ หากพวกเขาถูกคุกคามร้ายแรงล่ะก็ ระบบจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างแน่นอน ระบบจะรู้ทันทีโฮสต์ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก ระบบถามแค่ว่า ตอนนี้โฮสต์อยากตอบแทนเธออย่างไร?”

ฟางหนิงรู้สึกโล่งใจ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ที่คิดถึงตนและเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวตนที่แท้จริงของตนนั้นมีเพียงครอบครัวของประธานจ้าวเท่านั้น เขามองออกว่า พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขานานแล้ว

ฟางหนิงพูดต่อว่า “ตอบแทนเหรอ เมื่อก่อนฉันเคยคิดวิธีมาบ้าง แต่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะได้รับ ‘ช่วยเหลือหมื่นลี้’ ไม่ใช่หรอกเหรอ? ถ้าเกิดมีการแจ้งเตือนภัยคุกคาม ฉันจะรีบเรียกให้นายไปช่วยทันที นี่ไม่ใช่วิธีตอบแทนที่ดีที่สุดเหรอ?

“ส่วนวิธีตอบแทนอื่นๆ หลังจากได้รับทักษะนั้นแล้ว ฉันก็ไม่เคยคิดอีกเลย ฉันกลัวว่าถ้าเกิดหลังจากที่แกช่วยตอบแทนไปหนึ่งครั้ง ต่อไปถ้าเกิดพวกเขาต้องการความช่วยเหลืออีก หากแกกำลังฟาร์มบอสใหญ่อะไรหรืออะไรขึ้นมา และบอกว่า ‘ก่อนหน้านี้ได้ตอบแทนน้ำใจไมตรีของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้ไม่ต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขาหรอก ’ อะไรทำนองนั้น”

ระบบรีบโต้กลับทันที “จะเป็นไปได้ยังไง ระบบจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?”

ฟางหนิงกลอกตา “สิ่งเดียวที่สามารถบังคับแกได้จริงๆ ก็คือกฎ แกเชื่อมั่นในการกระทำของตัวเองมาโดยตลอด ถ้าได้ฟาร์มปีศาจก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น… ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดขึ้นแล้วนี่ ไม่ว่าฉันจะบอกเหตุผลอะไรไปแกก็ไม่ฟัง แกลืมไปหมดแล้วเหรอ?”

“ฉันไม่มีวิธีควบคุมแกหรอก ฉันต้องเก็บความคิดนี้ไว้ ให้กลายเป็นความโหยหาในยามฉุกเฉิน ความโหยหาของฉันนั้นแข็งแกร่งมากพอ มันสามารถกระตุ้นการตั้งค่าลับได้ ต้องทำให้แกยอมช่วยเหลือคนแน่ๆ และถึงยังไงก็ตามไม่ว่าจะกำลังฟาร์มปีศาจอะไรก็ไม่มีทางที่จะสู้ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการตั้งค่าลับได้หรอก ใช่ไหม?”

“แน่นอน ฉันมีนิสัยเหมือนคนธรรมดา มักจะไม่ทำอะไรจริงจัง และในอนาคตข้างหน้าก็คงไม่มีทางสำเร็จทักษะเทพขั้นสูงอะไร แต่ถ้ามีความคิดแปลกใหม่มากหน่อยก็อาจช่วยได้ เทพแห่งระบบท่านมีข้อได้เปรียบมากมายขนาดนั้น ต้องอัพเกรดและฝึกฝนให้ดีล่ะ อย่างน้อยๆ ก็ต้องเทียบเคียงกับเหล่าบอสใหญ่ในระดับใหม่แต่ละระดับได้ หรือสูงกว่าขั้นหนึ่งดีที่สุด เพื่อไม่ให้ ‘ช่วยเหลือหมื่นลี้’ ต้องกลายเป็น ‘ช่วยตายหมื่นลี้’…”

ระบบ “โฮสต์คุณรู้จักตระหนักในตัวเองจริงๆ แน่นอนว่าระบบต้องอัพเกรดและฝึกฝนให้ดีอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องให้โฮสต์พูดหรอก เล่นเกมของโฮสต์ต่อไปเถอะ แค่โฮสต์ไม่ลืมหาปีศาจให้ระบบเยอะๆ ระบบก็ไม่มีทางล้าหลังพวกเขาเด็ดขาด”

เมื่อฟางหนิงได้ยินก็รู้สึกซาบซึ้งใจ แต่ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา “ไม่คิดว่าวันนี้นายจะมีเหตุผลมากขนาดนี้ เมื่อได้ยินที่ฉันพูด ไม่คิดเลยว่าแกจะไม่ถือโอกาสบังคับฉันให้ฝึกฝนล่วงเวลาในอนาคต…”

ระบบ “โอ้ นั่นเป็นเพราะเพิ่งจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลไงล่ะ และตอนนี้ระบบขี้เกียจโต้เถียงกับโฮสต์แล้ว”

ฟางหนิง “อย่างนี้นี่เอง หมดธุระแล้วใช่ไหม ฉันจะกลับไปเล่นจริงๆ แล้วนะ…”

ระบบ “เดี๋ยวก่อน ระบบมีบางอย่างจะพูด”

ฟางหนิงจนปัญญา “ระบบวันนี้แกทำอะไรให้มันได้ใจหน่อยได้ไหม? มีเรื่องอะไรสินะ? หรือต้องการให้ทำความสะอาดขยะระบบ?”

ระบบ “ระบบคิดไม่ถึงว่าวิธีการตอบแทนครอบครัวปีศาจงูของโฮสต์จะเป็นแบบนี้ ไม่แปลกที่ระบบไม่สามารถกระตุ้น… ไม่ โฮสต์มองการณ์ไกลและรอบคอบเสียจริง ไม่คิดว่าจะพิจารณาครบทุกด้านแล้ว! ประมาทโฮสต์ไม่ได้เลยเด็ดขาด เกินคาดอีกแล้ว ตอนนี้ระบบมีประโยคหนึ่งที่อยากมอบให้โฮสต์เป็นอย่างมาก…”

เมื่อฟางหนิงได้ยินก็รู้สึกภูมิใจ ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนแค่พูดออกไปจะทำให้เทพแห่งระบบตกใจได้

สันนิษฐานว่าเจ้านี่จะต้องว่าง่ายไปอีกระยะหนึ่งแน่

เขาแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “พูดออกมาเลยสิ ตอนนี้นายอยากพูดว่า ‘โฮสต์เยี่ยมจริงๆ ต่อไประบบจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง จะไม่คลั่งอีกแล้ว’ อะไรทำนองนี้ใช่ไหม?”

ระบบ “ไม่ใช่ แต่เป็นอีกประโยคหนึ่ง ‘ทำไมโฮสต์ไม่พูดแต่แรก! ทำไมโฮสต์ไม่พูดแต่แรก! ทำไมโฮสต์ไม่พูดแต่แรก!…’

เทพแห่งระบบตะโกนอยู่ข้างหูฟางหนิงจนเขาเกือบจะล้มลงกับพื้น

เขาปิดหู แต่มันไร้ประโยชน์ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเทพแห่งระบบกันแน่ และหลังจากเล่นจบไปสามรอบ เสียงนั่นก็ยังเล่นซ้ำในหัวของเขา…”

ตอนนี้สมองของฟางหนิงตื่นเต็มตัวแล้ว ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงความผิดปกติที่เห็นตอนตื่นนอน เขาเข้าใจในทันทีแล้วโต้กลับ “เดี๋ยวก่อน หุบปาก! แกแอบขโมยเวลานอนของฉันไปทำเรื่องอะไรบ้าๆ ใช่ไหม? และตอนนี้ก็มาบ่นฉันว่าไม่พูดแต่แรก? ไม่แปลกที่แกจะพูดมากขนาดนี้!”

ระบบหยุดพูดทันที “ไม่มีอะไร ระบบไม่ได้ทำอะไร อ้อ เล่นให้สนุกล่ะ ระบบจะไปฝึกวิทยายุทธ์ต่อแล้ว!”

…………………………………………………………………

บทที่ 108 ปัญหายังคงต้องโยนให้โฮสต์
ประธานจ้าวได้ยินแบบนั้นก็ลุกจากโซฟาทันที แล้วพูดด้วยสีหน้าประหม่าและน้ำเสียงร้อนรนว่า “ที่รัก ไม่มีอะไรใช่ไหม?”

คุณนายจ้าวตรวจจับอย่างละเอียด ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็เปี่ยมยิ้ม เธอโบกมือและพูดว่า “อย่ากังวลไป จากสัญชาตญาณสายเลือดนารีมังกรของฉัน ฉันไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ดูเหมือนโอกาสครั้งใหญ่ในเส้นทางแห่งการฝึกฝนของฉันกำลังจะมาถึง!”

หลังจากประธานจ้าวได้ยิน สีหน้าของเขากลับยิ่งประหม่ามากขึ้น

เขาจับใบหน้าที่เริ่มมีกระขึ้น และมองไปที่พุงน้อยๆ ของตัวเอง แล้วมองไปที่โฉมหน้างดงามที่ดูเหมือนสาววัยสามสิบของภรรยา ทันใดนั้นก็รู้สึกกดดันอย่างมาก

เขาคิดในใจว่า ‘หมู่นี้ภรรยามีความเพียรในการฝึกฝนมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากยังไม่ลืมที่จะไปทานข้าวที่บ้านของลูกเขยในอนาคตอย่างสม่ำเสมอแล้ว นับวันเธอก็ยิ่งสนใจเรื่องในบ้านและเรื่องนอกบ้านน้อยลง’

คนรับใช้ในบ้านก็ไม่ได้เห็นหน้าเธอนานแล้ว

และนี่ ต้องรอให้ถึงสิ้นปี จึงจะได้เห็นนายหญิงของตัวเอง

แล้วตอนนี้จะได้รับโอกาสครั้งยิ่งใหญ่อีกเหรอ หากภรรยาหมกมุ่นกับการฝึกฝนมากเกินไป เธออาจจะทิ้งสามีและลูกสาวเพื่อไปฝึกตนเป็นเซียนก็ได้…

คุณนายจ้าวไม่รู้ว่าสามีของตนตกอยู่ในความคิดฟุ้งซ่าน ทันทีที่เธอพูดจบ จู่ๆ ก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างชนเข้า เธอชะงักและแสดงสีหน้าตกใจ

ในเวลานี้ ดูเหมือนเธอจะพบอะไรบางอย่างเข้าแล้ว จึงรีบหันไปมองทางหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน แต่กลับเห็นเพียงกระถางดอกไม้ไม่กี่กระถาง และไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ

“ตาแก่จ้าว เมื่อกี้คุณเห็น ‘แสงสีขาวกะพริบ’ อะไรทำนองนั้นไหม?”

“ไม่ได้สังเกต…” ประธานจ้าวตอบตามสัญชาตญาณ แต่ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป และรีบวิ่งไปหาคุณนายจ้าว กางแขนออก และขวางทิศทางหนึ่งเอาไว้ “ไม่ ตอนนี้มันปรากฏตัวแล้ว ที่รัก คุณรีบไปเร็ว…”

คุณนายจ้าวมองไปยังทิศทางที่ตาแก่จ้าวขวางอยู่ทันที ก็เห็นเส้นสีขาวเรียวยาวสายหนึ่งปรากฏขึ้นจากหน้าต่างอีกด้านหนึ่ง ซึ่งประธานจ้าวไม่สามารถขวางมันได้เลย มันอ้อมมาและพุ่งเข้าหาตนโดยตรง…

“ที่รักรีบไปเร็วเข้า ขึ้นไปเรียกเหยาเหยาแล้วออกไปด้วยกัน ฉันจะขวางมันไว้ก่อน!” ทันทีที่ประธานจ้าวพูดจบ ก็ถูกคุณนายจ้าวที่อยู่ข้างๆ ตบเข้าที่หัวทีหนึ่ง

“ขวางอะไรกัน! นี่ก็คือโอกาสที่มาถึงของฉัน! รีบหลีกไปซะ!” คุณนายจ้าวไม่เห็นค่าเลยสักนิด แต่กลับพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น และยื่นมือผลักสามีตัวเองออกไป

ประธานจ้าวรู้สึกได้ถึงพลังอันแรงกล้าที่มาจากมือของภรรยา จากนั้นก็หมุนตลบไปหลายรอบอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ และสุดท้ายก็ล้มลงบนโซฟาข้างๆ และทำได้เพียงมองภรรยาด้วยแววตาผู้ไร้เดียงสา

เห็นเพียงคุณนายจ้าวมุ่งตรงไปยังเส้นสีขาวสายนั้น ดวงตาเป็นประกาย แววตานั้นเหมือนกับตอนที่เธอเห็นแกะย่างทั้งตัวที่ฟางหนิงยกมาตอนไปงานเลี้ยงครั้งแรก

เส้นสีขาวสายนั้นไหลเข้าไปในร่างกายของคุณนายจ้าว หลังจากนั้น คุณนายเจ้าก็หลับตาลง สีหน้าเปลี่ยนจากความตื่นเต้นเป็นสงบ จากสงบเป็นเคร่งขรึม และสุดท้ายจากเคร่งขรึมก็กลายเป็นศักดิ์สิทธิ์

จังหวะการเปลี่ยนสีหน้านี้ ทำให้ประธานจ้าวรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเหลือเกิน

ประธานจ้าวถามขึ้นด้วยความประหม่า “ที่รัก โอกาสอะไรกันแน่? ทำไมเมื่อกี้รู้สึกว่าคุณตื่นเต้นกว่ากินอาหารมื้อใหญ่ที่ฟางหนิงทำสักอีก?”

“อยู่เงียบๆ ไม่ต้องพูด อย่าเพิ่งรบกวนก่อน ฉันกำลังตระหนักในสัจธรรม…”

คุณนายจ้าวไม่แม้แต่จะลืมตา และไม่ให้คำอธิบายใดๆ

ประธานจ้าวไม่พูดอะไรอีก เพื่อไม่ให้รบกวนภรรยา จึงทำได้เพียงแอบสงสัยในใจ

มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ซ่อนตัวอยู่นอกหน้าต่าง ซึ่งก็เกิดความสงสัยเช่นกันเดียวกัน

ไม่สิ โฮสต์ขี้เกียจสามารถกระตุ้นการตั้งค่าลับได้สองครั้ง และได้รับสองความสำเร็จกล้าหาญพิเศษที่มีเพียงหนึ่งเดียว แม้แต่ในคำชี้แจงเองก็แจ้งว่า “โฮสต์สำเร็จความโหยหา ‘XX’ อะไรทำนองนั้น”

แต่ความโหยหาทั้งสองของโฮสต์นั้นดูลึกลับ แต่จะว่าไปแล้ว ทั้งหมดก็เป็นเรื่องเดียวกัน ก็แค่การต้องทดแทนบุญคุณ ใครดีกับฉัน ฉันก็จะดีกับคนนั้น

จะว่าไปการที่ปีศาจงูตัวนี้ถ่ายทอดทักษะวิชา ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ เบื้องต้นให้กับโฮสต์ก่อนนี้ ระบบจึงสามารถสรุป ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ฉบับสมบูรณ์ออกมาได้ และหลังจากนั้นถึงจะสามารถชนะศัตรูได้อย่างรวดเร็ว

แม้จะเคยได้ยินโฮสต์บอกว่า ณ ตอนนั้นเธอน่าจะไม่มีจุดประสงค์อื่น แต่ก็ถือได้ว่ามีบุญคุณใหญ่หลวงกับโฮสต์

ตอนนี้เธอเป็นพันธมิตรด้วย ซึ่งได้รับการตัดสินโดยกฎเกณฑ์ความเป็นมิตร ระบบมอบพลังลึกลับโพธิสัตว์ปีศาจแก่เธอ ซึ่งจำต้องเป็นการช่วยโฮสต์ตอบแทนบุญคุณ

แล้วทำไมตอนนี้ยังกระตุ้นตั้งค่าลับไม่ได้ล่ะ? ต้องสำเร็จความโหยหาของโฮสต์อีกหนึ่งสิ่ง และเปิดใช้งานความสำเร็จกล้าหาญอีกหนึ่งความสำเร็จหรือ?

เป็นไปได้ว่าโฮสต์จะปากไม่ตรงกับใจ และไม่มีจิตสำนึกที่จะตอบแทนพระคุณของอาจารย์ปีศาจงูเลย?

ไม่สิ ดูออกว่าแม้โฮสต์จะขี้เกียจ แต่ก็ยังคงรู้สึกขอบคุณครอบครัวอาจารย์ปีศาจงูของเขา ตอนที่ฆ่าปีศาจฝันร้ายครั้งที่แล้ว เขาเป็นคนพูดด้วยว่าจะปล่อยให้ประธานจ้าวหิวไม่ได้

หรือเป็นว่ากฎเกณฑ์คิดว่าความปรารถนาที่คิดจะตอบแทนบุญคุณของระบบไม่แรงกล้าพอ เช่นนั้นจะลองเติมพลังให้เธอมากขึ้นอีกสักหน่อย…

หลังจากเทพแห่งระบบวิเคราะห์อยู่นาน ก็ควบคุมอัศวิน A ให้รวบรวมกำลัง และส่งไอสีขาวที่หนากว่าเดิมไปยังปีศาจงู

ส่วนประธานจ้าวนั้นตะลึงอยู่ข้างๆ เส้นสีขาวนั้นกลับยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหนาเท่าปากถ้วย! ซึ่งมันน่ากลัวไปหน่อย ภรรยาของเขาจะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ?

แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าศักดิ์สิทธิ์ของเธอก็ไม่กล้าพูดเตือนเหมือนกัน

ถูกต้อง เทพแห่งระบบผู้ตระหนี่แต่ฉลาดแอบขโมยเวลานอนของฟางหนิง มันไม่แม้แต่จะหารือด้วยซ้ำ แต่กลับวิ่งออกมาทำการทดลองอย่างรีบเร่งแล้ว ‘เพียงแค่มาทดสอบสักหน่อยว่าช่วยโฮสต์ตอบแทนบุญคุณจะสามารถกระตุ้นความสำเร็จกล้าหาญอีกหนึ่งประการหรือไม่’

ซึ่งมันเป็นเพราะว่าทักษะในตำนานที่เพิ่งได้รับมานั้นมีค่ามากจริงๆ มันไม่ธรรมดาสำหรับเทพแห่งระบบเลย ไม่ว่าจะฟาร์มบอสใหญ่กี่ตัวก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้

ตอนนั้นฟางหนิงคิดเพียงแค่เรื่องจะช่วยเพื่อนร่วมทีมอะไรทำนองนั้น แต่มันกลับคิดถึงด้านการต่อสู้ อาศัยทักษะนี้ สามารถแสดงลูกไม้ใหม่ๆ ได้จำนวนมาก

นี่ไม่ใช่เพราะไอคิวของฟางหนิงสู้เทพแห่งระบบไม่ได้ เพียงแต่ทั้งสองมีนิสัยการคิดที่แตกต่างกัน ในมุมมองของเทพแห่งระบบ การฝึกวิทยายุทธ์และการอัพเลเวลถึงจะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะทำอะไรต่างก็ทำเพื่อสิ่งนี้ แน่นอนว่าเมื่อมีอะไรดีๆ ปรากฏ ก็ต้องคิดก่อนว่าจะสามารถใช้ในการฝึกวิทยายุทธ์หรืออัพเลเวลปีศาจได้หรือไม่

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าพลังของสารีริกธาตุถูกใช้ไปเกือบครึ่ง ก็ยังไม่มีแจ้งเตือนใดๆ จากระบบปรากฏ ในที่สุดเทพแห่งระบบก็ต้องผิดหวัง ‘หากต้องการเพิ่มแรงปรารถนาในการตอบแทนพระคุณอีก เว้นแต่จะมอบสมบัติชิ้นนี้ให้ไปเลย หรือมอบของดีอื่นๆ…’

มันจะเป็นไปได้ยังไง… ใช้พลังที่ยังไม่ได้ใช้ชั่วคราวมาทำการทดลอง ลงทุนกับความเสี่ยงครึ่งเดียวยังพอว่า แต่ถ้าต้องมอบของดีที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างมากนี้ออกไปนั้นไม่ได้เด็ดขาด

สำหรับสิ่งที่เป็นทักษะวิชานั้น ไม่อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเทพแห่งระบบเลย ถ้าไม่จำเป็นมันจะไม่เปิดเผยเบื้องลึกของตัวเอง เพื่อไปถ่ายทอดทักษะวิชาให้คนอื่น

จนถึงตอนนี้ มันเคยถ่ายทอดทักษะวิชาที่ไม่มีนัยสำคัญให้กับฉีเยียน ที่เหลือนั้น ก็เป็นเพียงผู้ติดตามที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้มันได้

สุดท้ายเทพแห่งระบบก็ตัดสินใจยอมแพ้ เดี๋ยวรอโฮสต์ตื่น ค่อยโดยเรื่องยุ่งยากนี้ให้เขาดีกว่า…

อัศวิน A บินออกจากหลังคาบ้านตระกูลจ้าวอย่างเงียบๆ เหลือเพียงคุณนายจ้าวที่ตื่นเต้นจนคุมตัวเองไม่อยู่ และตาแก่จ้าวที่เต็มไปด้วยความสงสัย

คุณนายจ้าวที่ดูดซึมพลังจากสวรรค์ แสดงสีหน้าเคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์ มีท่าทีว่ากำลังจะกลายเป็นพระโพธิสัตว์ ทำให้ตาแก่จ้าวรู้สึกไม่สบายใจ

“ฮ่าๆๆๆๆ! ไม่คิดว่าฉันนั่งอยู่ที่บ้านจะได้เจอสมบัติจากสวรรค์!” ทันใดนั้นคุณนายจ้าวก็เอามือเท้าเอว และแหงนหน้าหัวเราะลั่น ไม่มีความสุขุมของสตรีผู้สูงศักดิ์เลยสักนิด “เดิมทีพวกนิยายที่เสี่ยวฟางอ่าน เนื้อหาในนั้นก็เป็นเรื่องโกหก แต่ก็มีพื้นฐานมาจากความเป็นจริงเหมือนกันนะ!”

น้ำเสียงที่คุ้นเคย! ท่าทางที่คุ้นเคย! เมื่อประธานจ้าวเห็นดังนี้ จึงไม่รู้สึกกังวลอีกต่อไปแล้ว จากท่าทางดีใจจนลืมตัวของภรรยา ไม่สามารถไปเป็นพระโพธิสัตว์ได้หรอก…

หลังจากพูดจบ เมื่อคุณนายจ้าวเห็นว่าสามีกำลังมองตัวเอง จึงตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองค่อนข้างยั้งสติไม่อยู่

เธอส่งเสียงไอ ‘แค่กๆ ’ “คุณจ้าว เมื่อครู่คุณเห็นอะไรไหม?”

ประธานจ้าวพูดตรงๆ ว่า “ไม่เพียงแต่ไม่เห็นอะไร แต่ยังไม่ได้ยินอะไรด้วย”

คุณนายจ้าวแสดงทีท่าพอใจ “แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”

ประธานจ้าวคิดในใจ ‘ผมจะไปรู้หรือว่าเกิดอะไรขึ้น? ผมรู้เพียงแค่ว่าคุณจะหมกมุ่นมากเกินไปแล้ว’

แต่แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดแบบนี้ จึงพลั้งปากว่า “คุณทำบุญสร้างกุศลมาโดยตลอด ถือศีลกินเจมาก็ไม่น้อย เมื่อครู่ขณะแสงสีขาวดวงนั้นสัมผัสกับคุณโดยตรง ก็เห็นคุณมีท่าทางเคร่งขรึมขึ้น หรือเป็นความเมตตาจากพระโพธิสัตว์ ที่มาช่วยคุณในการฝึกฝน?”

เมื่อคุณนายจ้าวได้ยินก็ตะลึงในคำพูดทันที และกวาดมองสามีของตนตั้งแต่หัวจรวดเท้า แน่ใจแล้วว่ายังเป็นสามีคนเดิมจึงพูดขึ้นว่า “ไม่เลวนี่ ตาแก่จ้าว ในการฝึกฝนคุณเปิดได้เพียงหกทวารจากทวารทั้งเจ็ด แต่ประสบการณ์ความรู้ของคุณกลับไม่เลวเลย ไม่เสียเงินเปล่าไปกับการซื้อข้อมูลมากมายเช่นนั้นจริงๆ เหตุบังเอิญที่เกิดขึ้นในวันนี้เกี่ยวข้องกับพระโพธิสัตว์จริงๆ หลิ่วหรูอย่างฉันก็จะสามารถฝึกตนให้กลายเป็นไป๋ซู่ได้… ไม่ ไม่ หมายถึงมีความเป็นไปได้ที่จะบำเพ็ญตบะสำเร็จน่ะ”

ประธานจ้าว “ดูเหมือนผมจะได้ยินชื่นที่ค่อนข้างคุ้นเคย…”

“นั่นเป็นเพราะคุณได้ยินผิด รีบลืมมันไปซะ” คุณนายจ้าวโบกมือ และไม่มีทีท่าปฏิเสธ “เดี๋ยวฉันจะไปดูลูกสาวสักหน่อย และแบ่งปันความเมตตาของพระโพธิสัตว์ให้เธอฟัง คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการฝึกฝนเลย รอให้ฉันฝึกจนก้าวหน้าสักนิดค่อยว่ากันอีกที”

ประธานจ้าว “เรื่องนี้ผมรู้ แต่คุณอย่าหักโหมเกินไป ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับความปลอดภัยของครอบครัวไว้ที่ตัวเอง เสี่ยวฟางเจ้าเด็กนั่นแข็งแกร่งมาก แม้แต่มังกรตัวจริงก็กินเพียงอาหารของเขา เท่ากับว่าเรามีคนที่สามารถพึ่งพาได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ที่ผมได้รับการช่วยเหลือครั้งที่แล้วนั้น ล้วนแต่เป็นเพราะเสี่ยวฟาง เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่ได้พูดแบบนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงคนของสำนักสัจธรรมไปตรวจสอบเขาอีก เพราะเจ้าเด็กนั่นกลัวความยุ่งยากมากที่สุด”

คุณนายจ้าว “เฮ้อ ตอนนั้นฉันตกใจมากจริงๆ! คุณพูดถูก โชคดีที่มีเสี่ยวฟางอยู่ เราจึงมีคนที่พึ่งพาได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน เขาเก่งมากจริงๆ เมื่อก่อนฉันยังเข้าใจผิดว่าเขาจะเป็นมังกรตัวจริงเสียอีก แต่ไม่คิดว่าข้อมูลที่ซื้อมาได้เร็วๆ นี้นั้น บอกว่าเขาเป็นมังกรตัวจริง น่าเสียดายแม้ว่าเขาจะเป็นเผ่าเดียวกับฉัน แต่เขาอยู่อีกโลกหนึ่ง ความเป็นญาติจึงค่อนข้างไกล ไม่เช่นนั้นสามารถไปทำความรู้จักกันถึงที่โดยตรง…” ไอรีนโนเวล

“แต่ตอนนี้สถานการณ์คาดเดาได้ยาก ตัวเองต้องแข็งแกร่งจึงจะเป็นผลดี อย่างไรก็ตาม เมื่อมีอันตรายใกล้เข้ามา มังกรตัวจริงก็ไม่สามารถมาถึงในทันที ดังนั้น ฉันจึงจำเป็นต้องรีบฝึกฝน อย่างน้อยเมื่อเกิดอันตราย จะสามารถยื้อจนรอให้เขามาถึง”

เมื่อประธานจ้าวได้ยินก็รู้สึกตื้นตันใจ จึงเดินมาโอบไหล่ภรรยา “ลำบากคุณแล้วจริงๆ คุณอยากทานอะไรอร่อยๆ ไหม เดี๋ยวให้คนเตรียมวัตถุดิบ ผมจะทำให้คุณทานเอง”

คุณนายจ้าวกลอกตา และพูดอย่างไม่แยแสว่า “เอาเถอะ คุณอย่าทำลายของดีเลย รอพรุ่งนี้เมื่อเสี่ยวฟางมาถึง ให้เขาทำเถอะ”

ประธานจ้าวรู้สึกจนปัญญา “เชิญเสี่ยวฟางมาที่บ้าน เพื่อเป็นแขกรับเชิญ ปีนี้จะผ่านไปแล้ว เขาอยู่บ้านคนเดียวรู้สึกโดดเดี่ยวเกินไป มีที่ไหนบนโลกที่ให้แขกรับเชิญทำอาหารบ้าง?”

คุณนายจ้าวถลึงตาใส่ตาแก่จ้าว “ทำไม? ฉันเป็นทั้งอาจารย์และว่าที่แม่ยายของเขาเชียวนะ พรุ่งนี้ฉันเองก็จะแบ่งปันรางวัลจากพระโพธิสัตว์นี้ให้เขาด้วย ฉันมองเขาเป็นคนในครอบครัวนานแล้ว ให้เขาเข้าครัวสักหน่อยจะเป็นอะไรไป?”

ประธานจ้าว “เฮ้อ เสี่ยวฟางเป็นคนว่าง่าย ทุกครั้งที่คุณไปทานข้าว พวกเราก็รบกวนเขาไม่น้อยอยู่ไม่น้อย ครั้งนี้ให้เขาพักสักหน่อยเถอะ”

คุณนายจ้าวจนปัญญา “ตกลง คุณพูดแบบนี้แล้ว พรุ่งนี้คุณก็ทำอาหารเองเถอะ ดูสิว่าลูกสาวสุดที่รักของคุณจะกินลงไหม?”

ประธานจ้าวส่ายหน้าไปมา “เป็นไปไม่ได้ที่จะกินไม่ลง เหยาเหยาชอบกินอาหารที่ฉันทำมากที่สุด”

…………………………………………………………………

บทที่ 107 ระบบตัดสินใจทำการทดลอง
ฟางหนิงหยิบ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เล่มใหญ่ออกมาและยื่นให้หมาเหลืองเซวียปา

หมาเหลืองเซวียปารีบยืนสองขา และยื่นขาหน้าทั้งสองข้างออกไปรับ

ฟางหนิงไม่ได้สนใจ และวางลงบนขาของมันโดยตรง

เสียง ‘บู้ม’ ดังขึ้น หมาเหลืองเซวียปาทรงตัวไม่อยู่ มันล้มลงกับพื้น แต่ในชั่วพริบตา มันก็พลิกตัว และรับหนังสือเล่มหนาด้วยท้องอันอ่อนนุ่มเอาไว้ โดยไม่ปล่อยให้หนังสือเปื้อนฝุ่นแม้แต่น้อย

สมแล้วที่เป็นสุนัขเด็กเรียนชอบอ่านหนังสือ หวงแหนหนังสือทีเดียว ฟางหนิงจึงตระหนักได้ว่าตัวเองคิดไม่รอบคอบเอาซะเลย สุนัขเด็กเรียนฉลาดเกินไป จึงมองมันเป็นมนุษย์โดยไม่รู้ตัว มันเพิ่งฟื้นตัวเล็กน้อย การวิ่งเร็วเพราะใช้สี่ขา ตอนนี้ใช้สองขาหน้าถือหนังสือเล่มหนาเล่มนี้ไว้ และต้องยืนด้วยอีกสองขา จึงยากที่จะทรงตัวให้อยู่

ฟางหนิงจึงต้องก้มลงหยิบหนังสือเล่มหนาขึ้น เขาไม่มีทางเลือก เพราะไม่มีวิทยายุทธ์แบบเทพแห่งระบบ พลังจิตวิญญาณแห่งเทพที่ได้ฝึกฝนมาก็ไม่แข็งแกร่งมากพอ ไม่อย่างนั้นก็ควรจะให้หนังสือลอยขึ้นมาเอง จึงจะน่าเชื่อถือมากกว่า

เมื่อหมาดำไป๋หลี่เท่อได้ยินเสียงนั้น มันก็ยกศีรษะขึ้นจากขาหน้าอย่างเงียบๆ มันเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาดูหมิ่นให้เพื่อนของมัน “ดูสิ วันๆ แกเอาแต่อ่านหนังสือ ขาดการออกกำลังกาย แม้แต่หนังสือเล่มเดียวก็ถือไม่ไหว ไร้ประโยชน์จริงๆ ระวังตอนแก่จะป่วยและพิการล่ะ…”

หมาเหลืองมองกลับ “เรื่องของฉัน…”

ฟางหนิง “เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะเอาไปไว้ในห้องหนังสือ พวกแกอย่าลืมจับตาดูหนังสือให้ดี อย่าให้คนนอกเข้าใกล้ นอกจากเจิ้งเต้า ฉันจะบอกเขาเองในตอนหลัง เซวียปาตอนนี้แกเรียนรู้เองก่อน แล้วค่อยสอนเขา ยังไงแกก็มีความรู้ด้านการฝึกฝนมากมาย น่าจะเรียนรู้ได้ไวกว่า”

หมาเหลืองลุกขึ้นนั่งยองๆ “เจ้านายวางใจได้ แม้เซวียปาจะจะไม่กินไม่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็จะทำความเข้าใจกับหนังสือเล่มนี้ให้เร็วที่สุด และถ่ายทอดให้กับเจิ้งเต้า”

ฟางหนิง “อืม ถ้าอย่างนั้นก็ดี ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มยังพอมีเวลาเหลือ ฉันทำงานหนักมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวจะพักสักหน่อย เซวียปาตอนนี้แกไปห้องหนังสือกับฉันก่อน และเฝ้าหนังสือให้ดี ไป๋หลี่แกกำยำล่ำสัน ตามมาเฝ้ายามให้กับห้องหนังสือแล้วกัน อย่าปล่อยให้ใครรบกวนเซวียปา งานเลี้ยงไล่ปีศาจยังต้องใช้เวลาเตรียมการอีกสักพัก อย่าให้เสียเวลาเปล่า”

พูดจบ ฟางหนิงก็หยิบหนังสือขึ้นและเดินไปยังห้องหนังสือ

หลังจากฟังคำสั่งของเจ้านายแล้ว เจ้าหมาเหลืองก็กระดิกหางเดินตามไปอย่างภาคภูมิใจ ส่วนเจ้าหมาดำก็ทำได้เพียงเดินตามอีกฝ่ายอย่างหมดอาลัยตายอยากด้วยท่าทางราวกับกำลังโค้งคำนับให้กับลูกพี่คนใหม่

หลังจากฟางหนิงไปถึงห้องหนังสือและวาง ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ บนโต๊ะ แล้วสั่งการเพียงไม่กี่คำ เขาก็บอกว่าตัวเองจะไปพักผ่อนและให้มันตั้งใจศึกษา

หมาเหลืองเซวียปาพยักหน้า ทันทีที่ฟางหนิงออกไป มันก็รีบไปที่โต๊ะ นั่งยองๆ บนเก้าอี้แล้วตั้งตัวตรง และใช้ขาหน้าข้างหนึ่งเปิดหนังสือเล่มหนาเล่มนั้นอย่างระมัดระวัง

ในเวลานี้ เจ้าหมาดำไป๋หลี่เท่อกำลังหมอบอยู่หน้าประตูห้องอ่านหนังสือ โดยทำตามคำสั่งของเจ้านาย ทำหน้าที่ผู้รักษาความปลอดภัยอย่างว่าง่าย

หลังจากที่หมาเหลืองเซวียปาเปิดอ่านคร่าวๆ แล้ว มันก็พูดอย่างตื้นตันใจว่า “ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ไม่ธรรมดาจริงๆ คิดไม่ถึงว่าภายในหนังสือจะสมบูรณ์และประณีตทั้งข้อความและภาพประกอบ และอธิบายได้ละเอียดมาก ถ้าฉันทำไม่ได้อีก ก็ไม่ต่างจากเจ้าหมาบ้ากล้ามบางตัว! เจ้านายช่างดีกับเราเสียจริง ฮือๆ ตื้นตันใจจริงๆ…”

เมื่อเจ้าหมาดำไป๋หลี่เท่อได้ยิน ก็คิดว่าสุนัขเด็กเรียนจงใจอวดอีกแล้ว

มันรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย จึงหันไปมอง แต่เห็นว่าเจ้าหมาเหลืองกำลังน้ำตาคลอเบ้าจริงๆ พลันพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “โอ้ว เจ้าสุนัขเด็กเรียน ไม่คิดว่าแกจะเอาจริง น้ำตาจะไหลออกมาอยู่แล้ว ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง? แกเพิ่งร้องไห้ครั้งล่าสุดตอนจะโดนหนูยักษ์ต้มไม่ใช่หรือ?”

“หมาบ้ากล้ามอย่างแกไม่เข้าใจหรอก” หมาเหลืองเซวียปาใช้ขาหน้าเช็ดน้ำตา และส่งสายตา ‘ดูหมิ่น’ จากนั้นก็ตกไปในความทรงจำอันยาวนาน “คิดๆ แล้วเซวียปาก็ติดตามเจ้านายมาทั้งหมดสองคน และทำตัวสุขุมรอบคอบและมีความระมัดระวังมาโดยตลอด เจ้านายเองต่างก็ดีกับฉัน อนุญาตให้ฉันเปิดอ่านหนังสือได้ตามต้องการ แต่ทักษะวิชาระดับสูงเหล่านั้นจะถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด ไม่แม้แต่จะให้ฉันได้เห็นแม้แต่ตัวอักษรเดียว ซึ่งมันก็คือธรรมชาติของมนุษย์ ฉันไม่เคยปรารถนาสักนิด แต่ทักษะวิชาที่ฉันกำลังฝึกฝนอยู่ตอนนี้ ฉันต้องแลกด้วยครึ่งชีวิตของตัวเองถึงจะได้มา”

“หลังจากติดตามเจ้านายคนใหม่ ฉันทำงานเพียงเล็กน้อย เจ้านายใหม่ก็ปฏิบัติกับฉันดีเช่นนี้ ฮือๆ แกรู้ไหมว่าทักษะวิชาในหนังสือเล่มนี้อยู่ในระดับที่สูงมาก ถือเป็นสมบัติล้ำค่าในโลกของเราเลยล่ะ”

“ไม่เพียงเท่านี้ แต่ในหนังสือเล่มนี้ยังบันทึกเคล็ดลับการฝึกฝนทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งได้อธิบายอย่างชัดเจนด้วยภาพและข้อความ แกเองก็รู้ว่าไม่ว่าที่ใดก็ตาม เคล็ดลับการฝึกฝนทักษะวิชาระดับสูงเช่นนี้จะถ่ายทอดผ่านคำพูดจากปากต่อปากเท่านั้น จะไม่มีการบันทึกเป็นข้อความ คิดไม่ถึงว่าเจ้านายกลับเขียนลงบนหนังสือทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าเขาไว้ใจสุนัขอย่างฉันมากแค่ไหน ฉันจะตั้งใจศึกษา รีบฝึกให้สำเร็จโดยเร็ว และช่วยเหลือเจ้านายให้มากกว่าเดิมในอนาคต…

หมาดำไป๋หลี่เท่อเป็นสุนัขนักกล้าม ไม่เคยสนใจที่จะอ่านหนังสือเลย แต่การฝึกฝนไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมันแน่นอน มันเป็นสุนัขนักกล้ามที่เสพติดการฝึกฝน และเข้าใจในความทรงพลังของการฝึกฝนมากที่สุด

มันไม่ได้ตอบโต้ในทันที แต่กลับพยักหน้า “แกพูดถูก เคล็ดลับการฝึกฝนคือสิ่งล้ำค่าที่สุด ทักษะวิชาที่ฉันได้ฝึกฝนนั้น ก็ได้รับหลังจากที่ได้สร้างผลงานที่ต้องเสี่ยงตายเลยทีเดียว เจ้านายคนใหม่มีความจริงใจกับเราจริงๆ เอาล่ะ ไป๋หลี่เท่อจะไม่ลืมที่จะออกกำลังกาย รีบฟื้นฟูความแข็งแกร่ง รีบสร้างผลงาน และให้เจ้านายสอนให้ฉันด้วย”

หมาเหลืองเซวียปาตอบกลับ “อืม จิตสำนึกของแกไม่เลว แค่สร้างผลงานสักหน่อย เจ้านายจะต้องสอนแกด้วยแน่ ดังนั้นตอนนี้ต้องเชื่อฟังเจ้านาย เฝ้าประตูให้ฉันดีๆ อย่าปล่อยคนนอกเข้ามาแม้แต่คนเดียว หลังจากฉันอ่านจบและท่องได้แล้วก็จะคืนให้เจ้านายโดยเร็ว จะปล่อยให้เคล็ดลับการฝึกฝนเหล่านี้รั่วไหลออกไปไม่ได้”

หมาดำไป๋หลี่เท่อพยักหน้าเห็นด้วยและนั่งเฝ้าประตูอย่างว่าง่าย

หลังจากนั่งเฝ้าประตูอยู่พักหนึ่ง มันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่ามันได้ลืมสิ่งที่สำคัญอย่างมากไป

มันคิดไม่ออกอยู่พักใหญ่ และเมื่อเห็นว่าสุนัขเด็กเรียนกำลังใจจดใจจ่อกับหนังสือ จึงไม่กล้าถาม

ตอนนี้มันคือสุนัขตัวโปรดของเจ้านาย กำลังโด่งดัง และเป็นลูกพี่คนใหม่ จะไปรบกวนลูกพี่อ่านหนังสือไม่ได้ เจ้านายเองก็พูดชัดเจนแล้ว

หมาดำครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่ามีอะไรผิดปกติ ‘บ้าจริง ที่แท้ตัวเองก็ลืมวิดพื้น!’

การเฝ้ายามจะไม่ทำให้ฉันเสียเวลาหรอกหรือ? อย่างไรก็ตาม ตนจมูกไวอยู่แล้ว ถ้ามีใครเข้าใกล้จำต้องได้กลิ่นแต่ไกล ไม่จำเป็นต้องนั่งนิ่งแบบนี้หรอก

ดังนั้น มันเริ่มวิดพื้นไป เฝ้ายามไป…

ช่างเป็นสุนัขที่โง่เขลาเสียจริง หมาเหลืองรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวนี้ เมื่อเห็นเจ้าหมาดำกำลังวิดพื้น ก็พลันกลอกตา แต่ขี้เกียจสนใจมัน จึงฟุบอ่าน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ …

ฟางหนิงง่วงนอนมาก แต่เขายังคงอดทนกับความง่วง และกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องต่างๆ ของงานเลี้ยงไล่ปีศาจ

“เจิ้งเต้า การไล่ปีศาจครั้งนี้ประสบความสำเร็จ แกก็มีความดีความชอบในการจัดการประสานอยู่มาก ฉันตัดสินใจจะถ่ายทอดทักษะวิชาระดับสูงให้แก ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าให้รั่วไหลออกไปเชียวล่ะ”

เมื่อได้ยินที่เทพมังกรศักดิ์สิทธิ์พูด เจิ้งเต้ารีบพูดขึ้นว่า “ทั้งหมดนี้อยู่ในขอบเขตของนายท่าน ไม่จำเป็นต้องให้รางวัล”

ฟางหนิงโบกมือ “ไม่ต้องพูดมาก แกสามารถไปเรียนรู้กับเซวียปาในภายหลัง เมื่อครู่ฉันสั่งมันไว้แล้ว ตอนนี้มันน่าจะกำลังเรียนรู้ทักษะวิชาเล่มนั้นอยู่ แกไปยุ่งเรื่องของตัวเองเถอะ ฉันทำงานหนักเกินไป ต้องการพักผ่อนสักหน่อย”

เจิ้งเต้ารู้สึกซาบซึ้งใจมาก เพิ่งผ่านมานานเท่าไรเองที่ท่านเทพมังกรศักดิ์สิทธิ์ถ่ายทอดทักษะตัวเบาขั้นสูงให้เราด้วยตัวท่านเอง นี่เป็นแค่หน้าที่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่คิดว่าท่านเทพมังกรศักดิ์สิทธิ์จะใช้โอกาสนี้ในการถ่ายทอดทักษะวิชาคงกระพันให้เราด้วยตัวเองอีก นั่นเป็นเพราะกลัวว่าเราเองจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้และจะถูกปีศาจมาทำร้ายอีก

เขารู้ได้จากน้ำเสียงของท่านเทพมังกรศักดิ์สิทธิ์ว่าง่วงนอนมาก ดูเหมือนการกำจัดปีศาจครั้งนี้เหนื่อยมากจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพียงแค่จดจำน้ำใจไมตรีนี้ไว้ในใจลึกๆ จากนั้นก็โค้งคำนับและจากไป

เมื่อเห็นอีกฝ่ายจากไป ฟางหนิงจึงเดินเข้าไปในห้องนอนเดี่ยวชั้นบนของอัศวิน A ในที่สุดก็สามารถนอนพักจริงๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง

การเป็นเจ้านายไม่ง่ายเลย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ต้องใช้เวลานานมาก นี่มีลูกมือแค่สามคนเท่านั้น ถ้ารับลูกมือเพิ่มอีกสองสามคนล่ะก็ จะเอาเวลาที่ไหนมาเล่นเกมอยู่ที่บ้านอีก?

ฟางหนิงนอนอยู่บนเตียงและถอนหายใจ

เขาพบว่าดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใช้ร่างของตัวเองนอนเป็นเวลานานแล้ว นี่อาจแปลกเล็กน้อย แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก นอนก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที แต่การใช้ร่างกายของตัวเองนอนมันหลับสบายมากกว่า…

หลังจากฝึกฝน ความคิดฟุ้งซ่านก็หายไปอย่างรวดเร็ว อยากนอนหลับก็หลับ ฟางหนิงหลับตาลงไม่นานก็ผล็อยหลับไป

หลังจากฟางหนิงหลับไปไม่นาน แจ้งเตือนของระบบก็ปรากฏขึ้น

ระบบกำลังคิด…

ระบบกำลังคิด…

ระบบตัดสินใจทำการทดลอง…

แม้ว่าระบบแจ้งเตือนจะชัดเจนมาก แต่ในเวลานี้ฟางหนิงกลับหลับลึก จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าเจ้าไอคิวที่มักจะค้างชำระเงินกำลังจะเริ่มเดินทางเพียงลำพังอีกครั้ง…

หลังจากผ่านไปประมาณห้านาที ร่างกายของอัศวิน A ก็ลุกขึ้นจากเตียงจริงๆ

คงไม่ต้องบอกนี่เป็นเพราะเทพแห่งระบบรู้สึกว่าโฮสต์หลับไปแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงได้แอบกลับไปครองร่างอีกครั้ง ปากบอกว่าให้อิสระโฮสต์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ แต่ในเมื่อโฮสต์หลับไปแล้ว อย่างไรก็ตามการรีทรีทจะสามารถใช้เวลาตื่นตัวของโฮสต์ได้ มันไม่มีทางปล่อยร่างกายให้เสียเปล่าแน่นอน

ฟางหนิงไม่รู้เลยว่าระบบแอบใช้เวลานอนของเขา ซึ่งก็แค่ห้านาที…

อัศวิน A เปิดหน้าต่างและลอยออกไป

ไม่มีใครในฟาร์มสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขาเลย นอกจากเจ้าหมาดำและเจ้าหมาเหลืองในห้องหนังสือ ที่ได้กลิ่นเจ้านายของตัวเองกำลังออกจากฟาร์มวิลล่าอย่างรวดเร็ว

สุนัขทั้งสองรู้สึกตื้นตันใจ ‘เจ้านายบอกว่าไปพักผ่อน ซึ่งน่าจะยังพักไม่ถึงห้านาทีหรือเปล่า? จะออกไปผดุงคุณธรรมอีกแล้ว ความขยันหมั่นเพียรนี้ มีใครบนโลกสามารถทำได้อีกไหม? พวกฉันจะต้องขยันให้มากกว่านี้’

ทันใดนั้น เจ้าหมาดำก็ได้เร่งความถี่ในการวิดพื้น ส่วนเจ้าหมาเหลืองเองก็เร่งความเร็วในการพลิกหนังสือด้วย…

อัศวิน A ตรงไปตลอดทางประหนึ่งมีจุดหมายที่ชัดเจน

ในที่สุดเขาก็ลงจอดอย่างเงียบๆ ในฟาร์มวิลล่าชานเมืองอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงกับของเขามาก

ในเวลานี้คุณนายจ้าวนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงใหญ่ มีคนกลุ่มใหญ่อยู่ที่นั่นด้วย พ่อบ้าน คนสวน รปภ. หมอส่วนตัว ครูสอนพิเศษ ฯลฯ ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีคนกว่าสิบคน

กองกำลังนี้ใหญ่กว่าของฟางหนิงมาก แต่เขาก็สามารถจัดการให้เป็นระเบียบโดยไม่รู้สึกยุ่งยากอะไรเลย ในทางกลับกัน ฟางหนิงซึ่งต้องดูแลผู้ติดตามเพียงสามคนก็ยังดูแลไม่ทั่วถึงนั้นไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้านายเลยจริงๆ

คุณนายจ้าวใบหน้าเปี่ยมเมตตา และพูดกับพวกเขาว่า “เพียงพริบตาเดียวก็ย่างเข้าสู่เดือนธันวาคมแล้ว อีกไม่นานก็ถึงวันขึ้นปีใหม่แล้ว ลำบากทุกคนแล้วนะ ไม่ง่ายเลยที่ต่างก็ผ่านปีนี้มาได้อย่างปลอดภัย หลังจากนี้พวกคุณไปรับอั่งเปาที่พ่อบ้าน ถือว่าเป็นรางวัลปีใหม่ล่วงหน้าแล้วกัน ส่วนคนที่ต้องการกลับบ้านในช่วงปีใหม่ ต้องระมัดระวังความปลอดภัยให้มาก อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว ให้ไปในที่ที่มีคนมาก”

“ขอบคุณคุณนาย” ทุกคนต่างแสดงสีหน้าซาบซึ้ง ทุกครั้งที่มีวันสำคัญเจ้านายก็มักจะให้เงินฉลองเทศกาล ให้ในวันปีใหม่ และตรุษจีนจะได้มากกว่า ตราบใดที่พวกเขาไม่ทำความผิดใหญ่หลวง ทุกคนจะได้รับเงินก้อนโต

“เอาล่ะ พวกคุณไปได้แล้ว”

ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานต่อ

คุณนายจ้าวมาที่ห้องโถงด้านข้างเพื่อหาประธานจ้าว

“ใกล้ถึงวันปีใหม่แล้ว พรุ่งนี้คุณเชิญเสี่ยวฟางมาที่บ้านหน่อยสิ”

เมื่อประธานจ้าวได้ยินก็เงยหน้าขึ้น และวางหนังสือพิมพ์ในมือลง บนหนังสือพิมพ์มีพาดหัวข่าวสีดำอันเขย่าขวัญ ‘พบศพลอยน้ำปริศนาในพื้นที่ขนาดใหญ่ของน่านน้ำทางเหนือ สงสัยว่ามาจากทางตะวันออก’

“นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว” ประธานจ้าวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ฉันจะส่งข้อความวีแชทให้เจ้าเด็กคนนี้เดี๋ยวนี้เลย”

คุณนายจ้าว “อื้ม เหยาเหยายังฝึกกู่ฉินอยู่ที่ชั้นบนไหม?”

ประธานจ้าว “ใช่ โรงเรียนของเธอกำลังจะจัดงานราตรีวันปีใหม่ เธอเองก็ได้สมัครเข้าร่วมรายการโชว์ด้วย กำลังฝึกเพลงโบราณเพลงหนึ่งที่ชื่อ ‘กว่างหลิงส่าน’ และยังบอกอีกด้วยว่าเป็นเวอร์ชันจีคังหรืออะไรทำนองนั้น ผมไม่เข้าใจ”

“เด็กผู้หญิงควรเรียนรู้กู่ฉิน หมากล้อม การเขียนอักษรจีน และการวาดพู่กันจีนให้มากเข้าไว้” คุณนายจ้าวไม่ได้ใส่ใจอะไร เพียงแค่พยักหน้าแสดงความพอใจเท่านั้น ดูเหมือนเธอจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้ จึงพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจว่า “เอ๊ะ ดูเหมือนฉันจะเห็นอะไรบางอย่างแวบผ่านไป ตาแก่จ้าวคุณอย่าเพิ่งขยับนะ ฉันจะไปดูรอบๆ สักหน่อย”

……………………………………………………………

บทที่ 106 ความสำเร็จที่กล้าหาญ ‘น้ำใจไมตรีที่มิอาจเทียบเทียม’!
ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ฟางหนิงเป็นคนใจอ่อน

ภายในเวลาไม่ถึงนาที หมาดำก็กลับมารายงานด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ‘หลังจากมันแจ้งเจิ้งเต้าเสร็จ อีกฝ่ายก็ได้เริ่มโทรศัพท์หาพ่อครัวฟาง ทีมพ่อครัวของร้านอาหารตระกูลฟางกำลังมุ่งหน้ามายังที่นี่อย่างรีบเร่ง…’

เดิมทีเขาอยากจะตำหนิหมาดำกับท่าทางเอ้อระเหยที่ไม่ฟังคำพูดของเจ้านายให้จบ แต่เมื่อเห็นสีหน้า ‘รีบมาชมผมเถอะ’ ของอีกฝ่าย ฟางหนิงจึงตัดสินใจให้อภัยสุนัขโง่เขลาตัวนี้

อย่างไรก็ตาม มันเองก็ได้ทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างตน เพียงแต่ลงมือเร็วไปหน่อย ก็เพราะมันชื่อ ‘ไป๋หลี่เท่อ’ น่ะสิ

ช่วยไม่ได้ สุนัขของใคร ใครก็รัก ถึงจะโง่ไปหน่อย แต่ก็ถือว่าฉลาดแล้ว ทว่าความกดดันคงมาตกอยู่ที่เขาแทนแล้วนี่สิ เพราะสุนัขฉลาดมักหลอกยาก

ฟางหนิงส่งเสียงไอ ‘แค่กๆ’ และพูดต่อว่า “เอาล่ะ ไป๋หลี่เท่อความกระฉับกระเฉงในการปฏิบัติตามหน้าที่ของแกดีเยี่ยม เรื่องนี้ขอชมเชย แต่ว่า ครั้งต่อไปอย่าลืมฟังฉันพูดให้จบก่อนล่ะ แล้วค่อยไปปฏิบัติตามหน้าที่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมาเหลืองเซวียปาก็ส่งสายตา ‘ดูถูก’ ให้กับเพื่อนที่เพิ่งทำภารกิจที่ต้องใช้ความเร็วเสร็จ ‘เจ้าไป๋หลี่ ดูแกสิ ไม่รอบคอบเอาซะเลย โดนตำหนิแล้วล่ะสิ? แกเรียนรู้ที่จะสุขุมแบบฉันไม่ได้เหรอ?’

จากการแย่งอาหารกันของสุนัขสองตัวนี้ในหลายวันที่ผ่านมา แม้ว่าพวกมันจะเป็นเพื่อนยาก แต่หมาเหลืองเซวียปาก็ต้องการตั้งตัวเองให้เป็นลูกพี่ที่แท้จริง อย่างน้อยกระดูกชิ้นใหญ่ก็ต้องเป็นของมัน…

ดังนั้น มันจึงกดหมาดำให้ต่ำอยู่เป็นระยะๆ เพื่อให้อีกฝ่ายยอมรับโดยดี…

หมาดำไป๋หลี่เท่อส่งสายตาเฉยเมยกลับ ‘เจ้านายกำลังชมเชยฉันชัดๆ เมื่อครู่เจ้านายบอกด้วยว่าความกระฉับกระเฉงในการปฏิบัติหน้าที่ของฉันดีเยี่ยม ครั้งต่อไปฉันจะวิ่งให้เร็วกว่านี้อีก’

หมาเหลืองเซวียปาหมดคำพูด ‘ดูแกสิ ไม่มีความรู้ความสามารถอะไรเลย มีแต่กล้ามเนื้อเน้นๆ ถึงไม่รู้ว่าคำพูดของมนุษย์นั้น ประเด็นมักอยู่หลังคำว่า ‘แต่ว่า’ เหรอ?’

หมาดำไป๋หลี่เท่อกลอกตา และโจมตีกลับอย่างรุนแรง ‘สุนัขเด็กเรียนอย่างแกรู้เยอะก็จริง แต่ก็ยังโสดไม่ต่างไปจากฉันไม่ใช่เหรอ?’

หมาเหลืองเซวียปา ‘ความคิดเราไม่ตรงกัน ตั้งใจฟังเจ้านายพูดเถอะ อย่าเบนความสนใจ’

หมาดำไป๋หลี่เท่อ ‘เห็นได้ชัดว่าแกทนความเหงาไม่ได้ แล้วมาเล่นหูเล่นตาใส่ฉันก่อน…’

หมาเหลืองเซวียปากระอักเลือด ‘แกไม่เคยอ่านหนังสือ แล้วไปเรียนสำนวนนี้มาจากไหน? เห็นจากในทีวีของมนุษย์น่ะสิ ใช้ผิดที่ผิดทางแล้ว อย่าไปบอกคนอื่นนะว่าเรารู้จักกัน’

ฟางหนิงไม่เข้าใจภาษาสุนัข ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสื่อสารผ่านสายตาอย่างลึกซึ้งระหว่างสุนัขสองตัวแบบนี้

เขาไม่รู้ตัว และยังคงพูดต่ออย่างไม่สนใจใคร “เจ้าหมาเหลืองเซวีบปา ครั้งนี้แกทำได้ดีมาก ช่วยฉันหาตำแหน่งของแมลงปีศาจและพญาแมลงเจอได้อย่างราบรื่น จึงได้เจอกับพระโพธิสัตว์ปีศาจ และในที่สุดก็ได้รวมพลังกับท่านในการฆ่าแมลงปีศาจ เพื่อกำจัดมารผจญตัวนี้ให้กับโลก ครั้งนี้ฉันได้คิดไตร่ตรองแล้วว่าจะมอบรางวัลใหญ่ให้แก”

เมื่อได้ยินคำชมที่ชัดเจนของเจ้านาย และยังมีรางวัลใหญ่ที่จะมอบให้กับตนด้วย เจ้าเซวียปาก็ดีใจจนยิ้มหน้าบาน และอดไม่ได้ที่จะกระดิกหาง

หมาดำไป๋หลี่เท่อตอบกลับด้วยสายตา ‘ดูหมิ่น’ ‘เก็บอาการหน่อยได้ไหม? คิดไม่ถึงว่าจะกระดิกหางเหมือนหมาธรรมดาด้วย! ตอนนี้ฉันเองก็ไม่อยากรู้จักกับแกเหมือนกัน แกมาจากชนบทไหนเหรอ? แน่นอนว่าไม่ใช่หมาภาคพื้นชั้นสูงอย่างฉันแน่นอน’

หมาเหลืองเซวียปาไม่แม้แต่จะหันไปตอบโต้ เพียงเชิดหน้าขึ้นสูง และยังคงกระดิกหางต่อไป โดยไม่สนใจหมาดำแม้แต่น้อย มันแสดงท่าทาง ‘ถึงแกจะอิจฉาก็ไร้ประโยชน์’ ทำให้หมาดำได้แต่กัดฟัน

อย่างไรก็ตาม ฟางหนิงไม่ใช่เทพแห่งระบบ จึงขาดความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนไปของสิ่งแวดล้อม เขาสนใจแต่ตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าสายตาของสุนัขทั้งสองปะทะกันจนถึงจุดที่เกือบจะกัดกันแล้ว

เขาพูดต่อว่า “รางวัลใหญ่นี้ก็คือ ฉันจะสอนวิธีฝึกบำเพ็ญให้แกด้วยตัวเอง มันล้ำค่ามาก ซึ่งเป็นวิชาเดียวในโลก เพียงแต่ถ้าต้องการเริ่ม ต้องดูว่าสุขภาพจิตของแกมีคุณสมบัติหรือไม่ หลังจากสำเร็จ มันจะช่วยปกป้องร่างกายของแกได้เป็นอย่างดี ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหมด และยังสามารถพัฒนาบุคลิกภาพส่วนตัวได้อย่างมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกไว้วางใจแกตั้งแต่แวบแรก

ฟางหนิงใช้วิธีการมอบรางวัลทั่วไปของเหล่าเจ้านาย โดยแนะนำผลงานที่ผ่านมาของผู้ได้รับรางวัลอย่างละเอียด แล้วอธิบายถึงมูลค่าของรางวัล เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานอย่างเต็มที่

รางวัลที่สุนัขโสดสองตัวนี้อยากได้มากที่สุด ไม่ใช่พลัง แต่เป็นสุนัขสาว เขามองออกนานแล้ว ดังนั้น จึงได้พูดประโยคหลังเสริม ซึ่งต้องยอมรับว่าเขาเองก็เจ้าเล่ห์ไม่น้อย…

เมื่อเจ้าหมาเหลืองได้ยินก็น้ำลายไหลไม่หยุด และส่งสายตา ‘หยิ่งลำพอง’ ให้กับเจ้าหมาดำไป๋หลี่เท่อทันที แล้วตอบโดยไม่ลังเลว่า “เจ้านาย ข้าน้อยชอบช่วยเหลือผู้อื่นตั้งแต่ชาติปางก่อน ไม่เคยรังแกผู้บริสุทธิ์แม้แต่คนเดียว ยิ่งกว่านั้น ข้าน้อยมีจิตใจซื่อตรง เมื่อเห็นสุนัขสาวๆ ก็ไม่เคยมีความคิดชั่วร้ายใดๆ ซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งกายและใจแน่นอน”

เมื่อเจ้าหมาดำไป๋หลี่เท่อได้ยินก็น้ำลายไหลไม่หยุดเช่นกัน และอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ‘ถ้าเจ้านายก็ให้รางวัลตนด้วย หลังจากบรรลุ ก็หมายความว่าตนจะสามารถทำให้สุนัขสาวรู้สึกปลอดภัยและน่าพึ่งพามากขึ้น แล้วยังต้องกังวลกับการต้องเป็นสุนัขโสดอีกหรือ? ครั้งต่อไปจะต้องพยายามมากกว่านี้ จะไม่ปล่อยให้เจ้าหมาเหลืองนั่นแย่งความดีความชอบไปอีก’

ฟางหนิงมองสีหน้าของสุนัขทั้งสอง และรู้สึกว่าถึงเวลาสำหรับมอบรางวัลแล้ว

ดังนั้นเขาจึงเข้าไปในพื้นที่ของระบบ และเริ่มเรียกหาเทพแห่งระบบ “นำ ‘การฝึกพลังปราณแท้จักรวาล’ ฉบับสมบูรณ์และประณีตทั้งข้อความและภาพประกอบปัจจุบันมาพิมพ์ชุดหนังสือจริงหนึ่งชุด เพียงแค่แกมีค่าประสบการณ์เพียงพอ การสรุปสิ่งนั้นน่าจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว”

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ

ระบบใช้ค่าประสบการณ์จำนวนมากในการสรุป ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ฉบับสมบูรณ์

ระบบใช้ค่าประสบการณ์จำนวนมากในการสรุป ‘คัมภีร์โพธิ’ ฉบับสมบูรณ์

ฟางหนิงหมดคำพูด “ฉันต้องการแค่ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เท่านั้น แกช่างใจกว้างเสียจริง สรุปสองเล่มพร้อมกันเลย ดูเหมือนว่ารอฉันอยู่ที่นี่นานแล้วสินะ! แต่ถึงแม้ว่าแกจะให้ ‘คัมภีร์โพธิ’ ฉันด้วย สัปดาห์นี้ฉันก็ไม่มีทางเรียนรู้มันหรอก ค่อยว่ากันอีกทีหลังจากฉันหยุดแล้วกัน”

ระบบไม่ได้ตอบโต้ ผ่านไปพักใหญ่ บนโต๊ะของร้านอินเทอร์เน็ตของระบบถึงส่งเสียง ‘ตูม’ ‘ตูม’ สองครั้ง และมีหนังสือขนาดใหญ่และหนาปึกสองเล่มตกลงมาจากฟ้า

ฟางหนิงหยิบแค่หนังสือเล่มหนาที่มีชื่อว่า ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ขึ้นมา มันหนักมากจริงๆ แถมยังหนาขนาดนี้ ใช้ ‘ก้อนอิฐ’ มาพรรณนาไม่ได้ ดูเหมือนว่าจะต้องใช้ความหนาของ ‘แผ่นซีเมนต์’ จึงจะเหมาะสม

หลังจากระบบส่งหนังสือหนาปึกทั้งสองเล่มนี้ออกมาจึงพูดขึ้นว่า “ฟังจากที่โฮสต์พูดเมื่อครู่ ต้องการถ่ายทอด ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เล่มนี้ให้ผู้ติดตามสินะ”

ฟางหนิง “ใช่ มีปัญหาอะไรไหม?”

ระบบ “ระบบใช้กฎของระบบ และค่าประสบการณ์มากมายในการสรุปทักษะวิชาฉบับสมบูรณ์ ล้วนแต่เป็นฉบับที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ใช้คำพูดของสุนัขเด็กเรียนก็คือ มีกฎเกณฑ์ในนั้น”

“ความภักดีของผู้ติดตามได้รับการตรวจสอบตามกฎแล้ว หากไม่ได้รับอนุญาตจากโฮสต์ จะไม่มีทางเปิดเผยแม้แต่ตัวอักษรเดียว แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันในตอนนี้ต่ำมาก ยากที่จะรับประกันว่าพวกมันจะไม่ถูกคนอื่นจับตัวไป แล้วใช้วิธีบางอย่างให้ได้ทักษะวิชาต้นฉบับ และสุดท้ายก็จะรั่วไหลออกไป ทำให้เกิดภัยพิบัติ โฮสต์ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เหรอ?”

ฟางหนิงสีหน้านิ่งเฉย “ไอคิวระดับแกยังคิดได้ ทำไมฉันจะคิดไม่ถึงล่ะ? จะว่าไป เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนและการอัพเกรด ไอคิวของแกก็ยังสามารถกลับสู่ระดับปกติได้นะ”

ระบบสงสัย “ไร้สาระ ระบบขอถามคุณ แล้วทำไมคุณถึงถ่ายทอดให้พวกมันได้โดยไม่ลังเลสักนิด?”

ฟางหนิงถอนหายใจยาวและแสดงสีหน้าลึกล้ำ “ช่วยไม่ได้ เพราะฉันไม่อยากเห็นคนที่หวังดีกับฉันจริงๆ ต้องตายเปล่าในยุคใหม่ที่คาดเดาอะไรไม่ได้นี้ เมื่อก่อนฉันเป็นคนธรรมดา จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงเรื่องปกป้อง หลังจากนั้นแกก็ปรากฏตัวขึ้น แต่ตอนที่แกยังเป็นแค่ระบบเล็กๆ ฉันเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย”

“แต่ตอนนี้แกกลายเป็นเทพแห่งระบบแล้ว และยังสามารถเทียบเคียงกับเหล่าบอสใหญ่ได้ ฉันได้สร้างทักษะคุ้มกันปราณแท้ให้แกด้วย เพียงแค่สำรองพลังปราณแท้เพียงพอ ทักษะ ‘ปราณแท้คุ้มร่าง’ ก็จะสามารถปกป้องผู้ติดตามและพันธมิตรของเราได้ สำหรับแกแล้ว พวกเขาก็เป็นแค่คนที่มีความภักดีและเป็นมิตรที่ได้รับการรับรองตามกฎ”

“แต่สำหรับฉัน พวกเขาก็คือคนที่หวังดีกับฉันจริงๆ เพียงแค่พวกเขาสามารถสำเร็จ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ พลังปราณแท้จำนวนมากที่เราได้รับในยามทั่วไปก็จะสามารถสะสมได้มากขึ้น และพวกเขาก็จะปลอดภัยมากขึ้น ส่วนภัยแฝงเร้นที่แกพูดถึงนั้น ก็เป็นแค่ภัยแฝงเร้นเท่านั้น ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องทั้งหมดก็ง่ายแบบนี้ล่ะ”

ระบบ “ไม่คิดว่าโฮสต์จะวิเคราะห์แบบนี้ ระ… ระบบคิดว่า…”

ฟางหนิงจนปัญญา “แกไม่ใช่มนุษย์ ทำไมถึงรู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออกล่ะ?”

ระบบ “ไร้สาระ ระบบไม่รู้สึกตื้นตันหรอก ระบบหมายความว่า ความรู้สึกที่แท้จริงของโฮสต์ถูกเปิดเผยกะทันหัน ระบบคิดว่าอาจไปกระตุ้นการตั้งค่าลับอีกแล้ว…”

ตอนนี้ต่อมความรู้สึกของเทพแห่งระบบเฉียบขาดจริงๆ ทันทีที่มันพูดจบ ระบบแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้น

โฮสต์ทำตามความโหยหาสำเร็จ ‘ปกป้องสิ่งที่ต้องการปกป้อง…’ กระตุ้นความสำเร็จที่กล้าหาญหนึ่งเดียวในการตั้งค่าเฉพาะ ‘น้ำใจไมตรีที่มิอาจเทียบเทียม’ ได้รับทักษะในตำนาน ‘ช่วยเหลือหมื่นลี้’ ประสิทธิภาพของทักษะ ‘เมื่อพันธมิตรหรือผู้ติดตามตกอยู่ในภัยคุกคามร้ายแรง แผนที่ใกล้เคียงจะถูกบังคับให้เปิดชั่วคราวเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง ระบบสามารถเลือกใช้ค่าพลังปราณจำนวนมากเพื่อส่งไปยังจุดที่กำหนดที่ใกล้กับอีกฝ่าย เพื่อทำการช่วยเหลือ ซึ่งค่าพลังปราณที่ใช้สัมพันธ์กับระยะทางและอุปสรรค

ฟางหนิงชะงัก “ประสิทธิภาพของทักษะนี้เป็นอย่างไร? ฉันคิดว่าอย่างน้อยในอนาคตเราก็ไม่ต้องกังวลว่าเพื่อนร่วมทีมของเราจะบุกเข้าไปในกลุ่มปีศาจ และถูกทำลายอย่างงงๆ…”

ระบบ “ประโยชน์ไม่ได้มีแค่นี้ ตามคาด เพียงแค่กระตุ้นตั้งค่าลับ สิ่งที่ได้รับก็จะไม่แย่หรอก โมดูลปราณแท้ที่ถูกเปิดใช้งานก่อนเวลาครั้งที่แล้ว โฮสต์ก็ได้เห็นมูลค่าทั้งหมดของมันแล้วนี่”

ฟางหนิงพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าไม่มีมัน ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ของเราก็ไร้ประโยชน์ เพราะยังคงเปลี่ยนเป็นร่างมังกรไม่ได้ และยังคงไม่สามารถเอาชนะบอสใหญ่พวกนั้นได้ ไม่แม้แต่จะทำลายการป้องกันได้ด้วยซ้ำ”

ระบบ “มูลค่าที่แท้จริงของทักษะนี้ คล้ายกับโมดูลปราณแท้นั้น ซึ่งโฮสต์จะรู้ในภายหลัง เอาล่ะ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เป็นเพียงการฝึกฝนพลังปราณแท้ คนของตระกูลเฉียวก็ทำได้ ไม่ใช่ทักษะวิชาเฉพาะของเรา ถ่ายทอดให้ผู้ติดตามเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง แล้วได้รับทักษะในตำนานที่มีศักยภาพไม่มีที่สิ้นสุด ครั้งนี้ระบบเห็นด้วย แต่ครั้งต่อไปโฮสต์อย่าคิดเองเออเองอีก เพราะระบบไม่มีทางถ่ายทอดทักษะวิชาหลักของระบบให้ใครเด็ดขาด ขืนรายละเอียดเบื้องลึกรั่วไหลออกไป กลายเป็นเป้าหมายของใครเข้า จะอันตรายเกินไป”

ฟางหนิง “เรื่องนี้ต้องรอให้แกสอนอีกเหรอ? แกดูสิฉันไม่เคยพูดถึง ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ สักคำ”

ระบบ “ถึงโฮศต์จะพูดถึงระบบก็ไม่มีทางเห็นด้วยเด็ดขาด… จริงด้วย เดี๋ยวตอนโฮสต์ออกไปสอนอย่าลืมเปลี่ยนสีหน้าลึกล้ำของโฮสต์กลับล่ะ มันไม่เข้ากับตัวตนของอัศวิน A เลย อย่าทำให้สุนัขสองตัวที่อยู่ข้างนอกกลัวล่ะ พวกมันคุ้นชินกับอัศวิน A หน้านิ่งไปแล้ว”

ฟางหนิง “ให้ตายสิ ถ้าพวกมันเห็นสีหน้าลึกล้ำที่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของพวกมันของฉันแล้ว มีแต่จะภักดีต่อฉันมากขึ้น จะกลัวได้อย่างไร?”

ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่หลังจากเทพแห่งระบบพูดเตือน ฟางหนิงก็กลับไปแสดงสีหน้าปกติ จากนั้นจึงหยิบ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เล่มนั้นออกมาจากพื้นที่ของระบบ แล้วกลับไปควบคุมร่างกายของอัศวิน A อีกครั้ง

เมื่อเห็นเจ้านายหยิบหนังสือเล่มใหญ่และหนาปึกออกมา สุนัขเด็กเรียนก็ตาลุกวาว กระดิกหางอย่างมีความสุขมากกว่าเดิม มันแสดงท่าทางดีอกดีใจกระโดดโลดเต้น ใบหน้าฉายชัดเป็นคำว่า ‘ผมอยากอ่าน’

ส่วนเจ้าหมาดำไป๋หลี่กลับถอยออกไปเงียบๆ ก่อนจะมุดหัวเข้าไประหว่างขาหน้าด้วยท่าทางราวกับต้องการบอกว่า ‘ฉันไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น’

…………………………………………………………..

บทที่ 105 หลังจากนี้จะได้บินฟรีแล้ว
ฟางหนิงมองไปที่ข้อความแจ้งเตือนของระบบพลางดูเวลา เขาอยากนอนต่อ ตอนนี้เขายังนอนไม่เต็มอิ่มเลย

ฟางหนิง “นอนได้อย่างสบายใจสักที เหนื่อยจะตายแล้ว จริงสิ นายสลับร่างคืนก่อน ส่วนเรื่องจะแปลงร่างเป็นมังกรบินกลับบ้านนั้นค่อยว่ากันอีกที”

ระบบ “ระบบไม่สลับร่างกับโฮสต์หรอก ตกลงกันว่านับจากนี้หนึ่งสัปดาห์จะยกให้เป็นเวลาของโฮสต์ระบบไม่สนใจว่าโฮสต์จะสลับร่างคืนยังไง ตอนนี้ระบบอยากผ่อนคลายตัวเองสักหนึ่งสัปดาห์ หลังจากได้รับค่าประสบการณ์มากมาย ในที่สุดระบบก็จะได้เพิ่มเลเวลและฝึกปราณได้”

ฟางหนิงตกตะลึง “ว่าแต่ แกไม่อยากเถียงอะไรหน่อยเหรอ?”

ระบบ “ไม่ล่ะ ระบบไม่ได้เป็นมนุษย์เหมือนโฮสต์ เพราะฉะนั้นก็ไม่โกรธหรอก สำหรับระบบมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย”

ฟางหนิง “แกพูดแบบนี้ ไม่มีผีตัวไหนเชื่อแกหรอก เมื่อก่อนแค่สบตากับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ก็โกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟแล้วไม่ใช่หรือไง?”

ระบบ “ถ้าอย่างนั้นบอกระบบหน่อยสิว่าคำพูดเมื่อกี้ของโฮสต์หมายความว่าอะไร? ระบบจะช่วยสลับร่างกับโฮสต์ก่อนกลับบ้านก็ได้”

ฟางหนิง “ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากแกหรอก แกก็แค่คิดหาวิธีกลับบ้านที่เร็วกว่าเดิม ถ้าแกให้เงินฉันอีกสักสิบล้าน ฉันจะยอมบอกว่าคำพูดพวกนั้นหมายถึงอะไร”

ระบบ “ห้าแสน”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “จะบอกอะไรให้นะ มนุษย์เราไม่มีกลอุบายลดราคาแบบระบบอย่างแกหรอก เอาเถอะ ห้าแสนก็ห้าแสน แต่ฉันจะบอกแกว่าพระโพธิสัตว์ปีศาจต้องมีความคิดเดียวกันกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋แน่นอน ทั้งคู่ล้วนต้องการอาศัยอยู่บนโลกของเราเพื่อการชำระบริสุทธิ์ แกยังจำได้ไหม? เรื่องที่เราได้ยินกุ้ยเอ่อร์และคนอื่นๆ พูดก่อนหน้านี้น่ะ”

ระบบ “จำได้สิ ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ต้องการฆ่าเราหลังจากที่เขาได้รับการชำระบริสุทธิ์ ในช่วงที่ระบบฝึกปราณ โฮสต์ก็ลองคิดหากลยุทธ์มาให้หน่อยสิ เมื่อถึงเวลานั้นค่อยเรียกพระโพธิสัตว์ปีศาจก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องชิงฆ่ามันก่อน”

ฟางหนิง “นั่นอธิบายได้ดีเลย แกมักจะพูดถึง ‘การลงทัณฑ์ในนามสวรรค์’ และ ‘อาณัติแห่งสวรรค์’ อยู่เสมอ เขาคงเข้าใจผิดว่าเราต้องการที่จะชำระบริสุทธิ์เพื่อขึ้นเป็นเทพเจ้าและแสวงหาตำแหน่งอมตะอันสูงส่งมั้ง เขาออกตัวสนับสนุนเรา สำหรับเขาแล้วค่าตอบแทนนี้มีค่าพอให้เป็นคำมั่นในศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของเขามากกว่าสิ่งของอื่นเช่นเงินหรืออาวุธวิเศษ”

ระบบ “เขาจะยังคงมอบเงินและอาวุธวิเศษให้…ตราบใดที่เราอัพเกรดและฝึกฝนปราณต่อไปก็จะสามารถมีชีวิตอยู่เป็นอมตะได้อย่างสบายใจ คราวหน้าโฮสต์ก็อธิบายเขาให้เข้าใจชัดเจนว่า เราไม่ต้องการให้เขาสนับสนุนเพื่อให้ได้บรรลุเป็นเทพเจ้า ในอนาคตเราเพียงต้องการอาวุธวิเศษและเคล็ดวิชาเป็นรางวัลสำหรับภารกิจกำจัดปีศาจ หรือหากไม่มีจริงๆ ก็จ่ายเป็นเงินเพิ่มให้ได้…”

ฟางหนิง “แกนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ…”

ระบบ “แล้วอะไรที่เรียกว่าได้เรื่องกันล่ะ ด้วยสิ่งเหล่านี้โฮสต์จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของคุณได้ทันที มีของดีมากมายอยู่ในตัวเขา ทุกครั้งที่ระบบพบเขาก็ล้วนได้มันมาสักหนึ่งอย่าง”

ฟางหนิง “เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว ฉันจะทำให้เขาเข้าใจว่ารสนิยมของแกนั้นแตกต่างจากคนอื่น แน่นอนว่ามันจะไม่มีทางกระทบกับสถานะของอัศวิน A หรอก”

ระบบ “โฮสต์ ความสามารถในการหลอกล่อคนอื่นของโฮสต์ยังคงทำให้ระบบวางใจได้เสมอเลย ดีล่ะ ระบบต้องขอตัวไปผ่อนคลายฝึกฝนปราณและใช้ร่างกายตัวเองก่อนแล้วกัน”

ฟางหนิง “เดี๋ยวก่อน ร่างอัศวิน A ของแกนี่มีร่างกายที่แข็งแรงก็จริง แต่ฉันจะใช้มันตลอดทั้งสัปดาห์ คงไม่ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ใช่ไหม? เช่น ควบคุมพลังไม่ได้ ทำลายดอกไม้ใบหญ้าเสียหายอะไรพวกนั้น?”

ระบบ “โฮสต์ไม่ต้องกังวลหรอก ระบบเปิดเธรดการตรวจสอบอยู่ ไม่ยอมให้โฮสต์เกิดอุบัติเหตุหรอก”

ฟางหนิง “ว้าว ถ้าอย่างนั้นฉันขอลองใช้วิทยายุทธ์กังฟูของอัศวิน A เล่นสักสองสามวันได้ไหม? รับรองว่าจะไม่เปิดเผยตัวตน”

ระบบ “ไม่ได้ โฮสต์ไม่รู้จักวิทยายุทธ์ของระบบด้วยซ้ำแล้วจะเล่นได้ยังไง? สัปดาห์นี้โฮสต์ห้ามเล่น ระบบจะช่วยสรุป ‘คัมภีร์โพธิ์’ ให้โฮสต์ทีหลัง”

ฟางหนิง “ไม่เอา ฉันทำงานล่วงเวลามาแปดเก้าวันติดต่อกันแล้ว ให้ฉันได้พักผ่อนเต็มอิ่มสักหนึ่งอาทิตย์เถอะ ฉันจะ ‘บิน’ กลับบ้านไปนอน”

ระบบ “’บิน’ เหรอ หมายความว่าไง…”

…………

หลังจากนั้น เซวียเฟิงดาบไร้ปรานีก็ ‘บิน’ ลงจอดต่อหน้าอีกฝ่าย

อัศวิน A “ข้ากำจัดปีศาจอย่างต่อเนื่องและบริโภคมากเกินไป ดังนั้นจะขอรบกวนเจ้าแค่อีกครั้งเท่านั้น”

เซวียเฟิงพยักหน้ารับ “โปรดขึ้นมายืนบนดาบ”

ฟางหนิงควบคุมร่างของอัศวิน A เดินขึ้นไปยืนอย่างมั่นคง

ฟางหนิงไม่กลัว ระบบบอกว่ามีเธรดคอยเฝ้าดูอยู่ แม้ว่าจะร่วงจากฟ้าก็แค่เปลี่ยนเป็นร่างมังกรสักครู่หนึ่ง ด้วยความมั่นใจนี้ เขาจึงไม่มีอะไรให้ต้องตื่นตระหนก

ชั่วพริบตาทั้งสองก็มาถึงฟาร์มวิลล่าในเขตชานเมืองฉี เที่ยว ‘บิน’ ช่างรวดเร็วจริงๆ

เมื่ออัศวิน A มาถึงที่หมาย เขาไม่ได้บอกลาในทันทีแต่ยังยืนนิ่งด้วยความงุนงง

เซวียเฟิงไม่ได้เร่งรีบและยังยืนเงียบโดยไม่พูดอะไร ชายร่างใหญ่สองคนตกอยู่ในความงุนงง

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิง “ระบบ แกดูสิว่าความคล่องตัวนี้แข็งแกร่งมากกว่าร่างมังกรของแกเยอะเลย อย่าคิดว่าแกจะตีเด็กคนนี้ได้ด้วยฝ่ามือเดียวเชียว แกลองเรียนรู้วิชาดาบไม่ได้เหรอ? ถ้าไม่มีเคล็ดวิชา ฉันจะขอให้เซวียเฟิงช่วยแกเอง”

ระบบ “โลภเพื่อการเรียนรู้ไม่เสียหาย แต่ตอนนี้ระบบมีค่าประสบการณ์ไม่เพียงพอสำหรับอัปเกรด ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ และ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ นอกจากนี้ระบบไม่สามารถเรียนรู้ได้ตามอำเภอใจ สิ่งนั้นต้องเหมาะกับระบบวิทยายุทธ์ของระบบด้วย รอระบบกลับมาก่อนแล้วค่อยพูดเรื่องนี้กัน”

ฟางหนิง “ได้ จริงสิ ฉันค่อยให้ค่าตอบแทนแก่เด็กน้อยทุกคนทีหลังแล้วกัน”

เทพแห่งระบบตระหนี่มาก “ทำไมยังต้องให้ค่าตอบแทนด้วย? ครั้งนี้เราไม่ได้ช่วยพวกเขาปราบปีศาจหรอกเหรอ? ไม่ใช่พวกเขาที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้เราหรือไง?”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ช่วยพวกเขาด้วยความจริงใจแน่นอนว่าไม่คิดอยากได้อะไร แต่เราจะไม่จัดการเรื่องส่วนตัวในอนาคตเหรอ? ตอนนี้ก็ให้ทิปเล็กๆ น้อยๆ ก่อน ในอนาคตฉันอาจเรียกให้เขาไปเป็นสารถีอีก”

เทพแห่งระบบ “อ่า โฮสต์ต้องการเรียกใช้เด็กคนนี้ในอนาคตอีกสินะ เรื่องง่ายแบบนี้ โฮสต์สัมผัสได้ถึงพลังปราณอันแข็งแกร่งของเขา ทั้งยังเป็นพลังปราณแท้เข้าออกที่มาจากการฝึกฝนพลังเวทอีกด้วย คราวที่แล้วพระโพธิสัตว์ปีศาจได้ทิ้งอัฐิฮุ่ยหยวนไว้เป็นครั้งสุดท้าย…”

ฟางหนิงรีบขัดจังหวะ “ระบบ ฉันบอกจะให้ทิปนิดๆ หน่อยๆ ไง ไม่ต้องใจกว้างขนาดนั้นก็ได้ไหม? ฟังแล้วรู้สึกหดหู่ชะมัด งั้นเอาเป็นอาวุธวิเศษแล้วกัน เรามีกันแค่ไม่กี่อย่าง แจกคนละอันเลยเป็นไง?”

ระบบไม่ทำให้ฟางหนิงผิดหวังจริงๆ “ได้ที่ไหนกัน ระบบยังพูดไม่จบ! มีพลังเวทจำนวนมากที่เก็บไว้ เรายังไม่สามารถใช้มันได้ อีกอย่างวิธีการแปลงพลังเวทให้กลายเป็นปราณแท้ก็ยังไม่ได้เรียนรู้ ตอนนี้ให้ทิปเขาสักนิดหน่อยก็น่าจะดี”

ฟางหนิง “อย่างที่คาดไว้เลย ฉันถึงบอกว่าแกใจกว้างขนาดนี้ได้ยังไงกัน…”

หลังจากที่ทั้งสองคนคุยกันเรื่องนี้ อัศวิน A ก็หลุดออกจากภวังค์แห่งความงุนงง

อัศวิน A “ลำบากหัวหน้าเซวียแล้ว ดูท่าคุณคงใช้พลังเวทไปไม่น้อยเลยใช่ไหม?”

เซวียเฟิง “สบายมาก ตราบใดที่มันไม่ได้อยู่ระหว่างการต่อสู้ ในยามปกติการบินของดาบนั้นไม่ได้ใช้พลังเวทของข้ามากนัก ดาบเล่มนี้มีรูปแบบของตัวเอง ส่วนมากแล้วมันบินได้โดยดูดซับพลังปราณกำเนิดฟ้าดิน ข้ามีหน้าที่เพียงใช้พลังเวทเพื่อควบคุมทิศทางเท่านั้น”

ฟางหนิงพูดไม่ออก ‘ช่างเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์จริงๆ เมื่อเจ้าพูดแบบนั้น เทพแห่งระบบคงจะมอบส่วนลด 10% แก่เจ้าทันทีสำหรับทิปที่เขากำลังจะมอบให้’

ฟางหนิงพูดถูก นั่นคือสิ่งที่ระบบกำลังจะทำ

อัศวิน A “ข้าไม่เคยดูแคลนใคร ดังนั้นฉันจะให้สิ่งเล็กน้อยนี้”

การแสดงออกของเซวียเฟิงไม่ได้เปลี่ยนแปลง เขาเพียงแค่พยักหน้าขอบคุณ

เขาไม่สนใจรางวัลอะไรทั้งนั้น แต่เนื่องจากอีกฝ่ายต้องการจะให้ เขาก็จะไม่ปฏิเสธเพราะถ้าเขาปฏิเสธ ทั้งสองฝ่ายก็จะเกรงใจกันไปมาซึ่งนั่นคงลำบากใจเกินไป

ในความคิดของเขา อีกฝ่ายคงไม่ได้ให้อะไรมากไปกว่าเงิน ถึงอย่างไรคราวนี้เขาก็เป็นเพียงสารถี ไม่มีเรื่องอื่นอีก

เขาเห็นอีกฝ่ายยื่นนิ้วออกมา จากนั้นก็รู้สึกว่ามีไอสีขาวซึมเข้าไปในร่างกายของตัวเอง

ในตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก นั่นคือพลังเวทขั้นสูงสุด!

ไม่มีร่องรอยของตราพลังจิตประทับอยู่กลางไอสีขาวเล็กๆ นั้น มันเรียบนิ่งและสงบ

จากที่ดูคงเป็นพลังเวทในจำนวนน้อยนิด และหลังจากที่เข้าไปในตัวเขาแล้ว ไอสีขาวเล็กๆ ก็ตกลงมารวมตัวกันเป็นฝุ่นผงราวกับเมล็ดพืช ซึ่งไม่ได้รวมเข้ากับพลังเวทที่อยู่รายรอบ

เมล็ดพันธุ์พลังเวทนี้เปรียบเหมือนหลวงจีนที่ละทางโลก ปราศจากการโต้เถียง บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทำให้เขาได้สัมผัสความหมายบางอย่างว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามาก

เขากำลังครุ่นคิด ‘อาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาคงกลัวว่าแก่นแท้ของพลังเวทย์ระดับนี้อาจต่างกันกับของเขา

เซวียเฟิงโค้งคำนับนอบน้อมพลางกล่าวด้วยความเคารพว่า “เซวียเฟิงขอขอบคุณท่านสำหรับของขวัญแห่งการรู้แจ้ง ในอนาคตหากท่านต้องการสิ่งใด ตราบใดที่เซวียเฟิงไม่มีงานราชการรัดตัว จะขอทำหน้าที่เป็นศิษย์ท่านอีกคน”

เขาคิดว่าที่อีกฝ่ายมอบแก่นแท้ของพลังเวทนี้แก่ตน หมายความว่าเขากำลังแสดงให้เห็นถึงวิธีการฝึกฝนพลังเวท

เพื่อให้ได้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ เขาจึงต้องเข้าเป็นศิษย์และรับใช้อีกคนโดยปริยาย

หากพูดถึงการมีส่วนร่วมและการแบ่งปัน เมล็ดพันธุ์พลังเวทนั้นมีค่าอ้างอิงที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฝึกฝนในอนาคต

อัศวิน A “พูดได้ดี ตามใจเจ้าเถอะ”

เมื่อเห็นเซวียเฟิงออกไปพร้อมกับดาบแล้ว เทพแห่งระบบก็ไม่สบายใจอีกครั้ง “ทำไมระบบถึงรู้สึกว่าเขาได้รับผลประโยชน์ยิ่งใหญ่นัก นี่ระบบให้มากเกินไปไหม?”

ฟางหนิง “สิ่งที่แกให้ไปนั้นน้อยมาก…แต่ถ้าหากแกเพิ่มระดับการฟาร์มปีศาจได้ ปราณมังกรโกรธเกรี้ยวก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น ฉันไม่สนใจพลังเวทปราณกำเนิดอะไรนั่นหรอก ฉันรู้ว่ามันมาจากพระโพธิสัตว์ปีศาจ เขาเป็นพระโพธิสัตว์ที่ลงมาจุติ เขาที่มีพลังเวทย์มาก สำหรับผู้ฝึกฝนปุถุชนธรรมดาแล้วต้องเป็นสมบัติจากสวรรค์อย่างแน่นอน”

ระบบ “ตอนนี้ระบบยังไม่เข้าใจการฝึกพลังปราณกำเนิดของพวกเขา เพราะงั้นระบบจะให้ค่าตอบแทนที่สูงหน่อย คราวหน้าคงไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “แกทำดีแล้วล่ะ เซวียเฟิงเป็นตัวละครที่อยู่ข้างเรา มันจะดีสำหรับเราถ้าเขาได้รับประโยชน์ อย่างน้อยต่อไปก็จะได้บินฟรีๆ สิ่งนี้สามารถประหยัดทั้งความพยายามและเงินได้มาก แกจะได้ไม่เสียมันไปโดยเปล่าประโยชน์ ต่อไปฉันจะขอให้เจ้าสุนัขเด็กเรียนจดบันทึกหนังสือทั้งหมดที่มันอ่าน ถ้าแกกลัวว่ามันจะไม่เข้ากับระบบวิทยายุทธ์ของแกก็ไม่ต้องเรียนรู้ แค่จำมันไว้ก็พอ เมื่อถึงตอนนั้นไม่ใช่ว่าแกจะสามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมดแล้วเหรอ?”

ฟางหนิงพูดจบ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใต้ฝ่าเท้าและเมื่อมองลงไป ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เจ้าหมาดำเจ้าหมาเหลืองทั้งสองตัวมานอนอยู่บนพื้นแล้วจ้องมาที่เขาแล้ว

ดีอะไรอย่างนี้ ฉันเพิ่งคุยเรื่องเจ้าหมาเหลืองกับระบบไปหยกๆ เจ้าหมอนี่ก็มาได้เวลาแถมยังพาเจ้าหมาดำมาด้วย ช่างใจตรงกันจริงๆ หึหึ…

ช่างเถอะ ถ้าอย่างนั้นก็ใช้โอกาสนี้เลยแล้วกัน

ฟางหนิงกระแอมไอเล็กน้อย วางมาดของเจ้านายที่กำลังเอ่ยชมเชยพนักงานช่วงสิ้นปี

อัศวิน A “ถึงการปราบปีศาจครั้งนี้จะยากลำบาก แต่ในที่สุดก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หมาดำไป๋หลี่แกไปบอกให้เจิ้งเต้าโทรหาร้านรสชาติของฟางซื่อแล้วเชิญพ่อครัวมา วันนี้เราจะมีงานเลี้ยงฉลองหลังปราบปีศาจกัน! ส่วนเซวียปา…”

ทันทีเจ้าหมาดำได้ยิน มันก็แสดงพลังออกมาทันทีรีบหมุนตัว ‘ฟิ้ว’ หายไป…

ฟางหนิง ‘เจ้าบ้า ฉันยังพูดไม่จบเลย…’

เจ้าหมาเหลืองเซวียปาหันมองไปทางเจ้าหมาดำที่เพิ่งจะจากไป ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “เจ้านั่นไม่ได้ทำอะไรเลย แต่พอได้ยินว่าจะได้กินอาหารมื้อใหญ่ กลับวิ่งไปเร็วขนาดนั้น เราในตอนนี้ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะต้องมาแย่งความโปรดปรานกับมัน…”

………………………………………………………………..

บทที่ 104 คนคํานวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต…ให้สิบล้านก่อนแล้วจะบอกว่าหมายถึงอะไร
ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ความรู้สึกไวมาก เมื่อสังเกตเห็นต้นตอของความโลภที่จ้องมองมาก็ตกใจทันทีเขาเคยมีความแค้นกับอัศวิน A มาก่อน จึงเตรียมการหลบหนีไว้อย่างดี เพราะหากเกิดการต่อสู้ขึ้น ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าพระโพธิสัตว์ปีศาจจะคิดช่วยใคร หากเขามีความมั่นใจในการสู้มากกว่านี้ เมื่อครู่คงจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายกำจัดปีศาจแมลงไปเด็ดขาด

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิงที่ไม่มีเวลาอีกแล้ว ตอนนั้นเองก็ได้ยินเทพแห่งระบบพูดขึ้นด้วยความกังวล

ระบบ “โอกาสมีครั้งเดียวเท่านั้น! โฮสต์ให้ระบบออกโรงเถอะ พระโพธิสัตว์ปีศาจได้ขัดขวางผู้เฒ่าไป๋นั่นไว้แล้ว ระบบต้องกำจัดเขาเดี๋ยวนี้!”

น้ำเสียงนั้นแข็งกร้าวและร้อนรนมากจนฟางหนิงสามารถสัมผัสได้ ระบบได้คิดเรื่องบอสระดับสูงตัวนี้มานานกว่าหนึ่งหรือสองวันแล้ว ตอนนั้นเขาบีบบังคับตัวเองจนเกินกำลัง พลิกแผ่นดินแผ่นฟ้าทั่วทุกมุมโลก ขอให้คนค้นหาตำแหน่งของผู้เฒ่าไป๋จอมเจ้าเล่ห์แต่ท้ายที่สุดก็หาไม่พบ วันนี้จึงไม่แปลกที่เขาจะร้อนรน…

แต่ฟางหนิงยังคงเมินเฉยมันอย่างไร้ความร้ปราณี

ฟางหนิง “โทษทีนะ แต่พระโพธิสัตว์ปีศาจไม่มีทางช่วยเรากำจัดมันหรอก”

ระบบตกตะลึงทันที “ทำไมล่ะ? เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เขายังอยากช่วยเราจัดการกับผู้เฒ่าตระกูลไป๋อยู่เลย! แถมยังบอกอีกว่า ‘ข้าคนนี้ไม่ต้องการยืดเยื้อไปมากกว่านี้อีกแล้ว’“

ฟางหนิง “แกจำแม่นจริงๆ แต่ยังไม่เข้าใจเรื่องผลประโยชน์สินะ ผู้คนต่างบอกว่าอย่าเพิ่งฆ่ามันก่อนด้วยยังมีอีกหนึ่งข้อสันนิษฐานคือ ถ้าหากผู้อาวุโสตระกูลไป๋ไม่ส่งร่างอวตารร่างสุดท้ายของปีศาจแมลงให้ ตอนนี้ผู้เฒ่านั่นยินดีจะมอบมันให้ทั้งยังพูดเข้าตัวเองโดยบอกว่าเขาเป็นผู้ฆ่าปีศาจ แล้วทำไมเมื่อครู่ถึงจัดงานเลี้ยงฉลองปีศาจล่ะ”

ระบบ “ชั่วช้าจริงๆ ยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? มันอยู่ตรงหน้าเราแล้ว พระโพธิสัตว์ปีศาจรูปนี้เป็นสีขาว เขาเป็นคนดีโดยสมบูรณ์แบบจะไม่ช่วยเรากำจัดมันได้ยังไง? โฮสต์คงขี้เกียจอีกแล้วแน่ๆ ไม่อยากช่วยระบบเพิ่มค่าความโกรธแต่อยากกลับไปเล่นเกมงั้นสิ?”

ในครั้งนี้ฟางหนิงถูกใส่ร้ายเต็มๆ เขาแทบจะกระอักเลือดออกมา “เอาเถอะ แกคงยังไม่เชื่อฉันสินะ ถึงได้ใส่ร้ายกันแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ความขี้เกียจของฉันไปวิเคราะห์รายละเอียดให้แกแล้วกัน ลองถามเขาสิว่าเขาเห็นด้วยไหม?”

เทพแห่งระบบไม่เชื่อคำพูดของฟางหนิงจริงๆ เขาจึงเอ่ยถามกับพระโพธิสัตว์ปีศาจ

อัศวิน A “พระโพธิสัตว์ผู้ทำหน้าที่ปัดเป่าความชั่วร้าย ร่วมมือกับข้าเพื่อฆ่าผู้เฒ่าตระกูลไป๋เถอะ!”

หลังจากพระโพธิสัตว์ปีศาจได้ยินข้อความเสียงนั้นของอัศวิน A เขาก็ประหลาดใจอย่างมาก ‘ดูเหมือนพี่ใหญ่มังกรจะเกลียดผู้เฒ่าตระกูลไป๋เข้ากระดูกดำเลยทีเดียว’

จากนั้นเขาก็คิดใคร่ครวญ ฉับพลันก็คล้ายกับนึกบางอย่างได้ ‘จริงสิ เพื่อการหยั่งรากได้รวดเร็วขึ้น ผู้เฒ่าตระกูลไป๋เลยจงใจยุยงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขากินมนุษย์เพื่อเพิ่มพลังเวท ด้วยอารมณ์ความโกรธเแค้นของพี่ใหญ่มังกร จึงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะเสแสร้งใส่อีกฝ่าย การแสดงออกนี้เป็นเรื่องปกติมาก

เขามีความจริงใจ ยืนกรานในหลักการของตนเสมอ ไม่อาจถูกข่มโดยพลังอันยิ่งใหญ่ของอีกฝ่าย

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอบกลับด้วยเสียงอ่อนโยนและหนักแน่น “พี่ใหญ่มังกร ข้าเข้าใจในความตั้งใจที่จะกำจัดความชั่วร้ายและชื่นชมความชอบธรรมของท่าน ด้วยความแข็งแกร่งร่วมกันของท่านและข้า พวกเราไม่ต้องใช้ความพยายามในการฆ่าผู้เฒ่าตระกูลไป๋ด้วยซ้ำ แต่ผู้เฒ่าตระกูลไป๋ในฐานะผู้นำกลุ่มหนูยักษ์ ตอนนี้สามารถยับยั้งหนูยักษ์ได้หลายตัวและป้องกันไม่ให้พวกมันทำร้ายผู้คนได้แล้ว จำนวนหนูยักษ์ในตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยหลายสิบล้านหรือหลายร้อยล้าน ถ้าวันนี้ท่านและข้าสังหารเขา หนูยักษ์เหล่านี้จะสูญเสียการควบคุมในทันทีและพวกมันทั้งหมดอาจจะรีบขึ้นไปบนพื้นดินเพื่อสร้างปัญหา เมื่อถึงตอนนั้นจำนวนประชาชนที่เดือดร้อนนั้นคงจะมีนับไม่ถ้วน หากต้องการฆ่าปีศาจตนนี้ จำเป็นต้องมีกลยุทธ์เข้าต่อกร”

ระบบได้ยินสิ่งนี้ ก็ห่อเหี่ยวไปในทันตา ‘อีกฝ่ายไม่เห็นด้วยจริงๆ และโฮสต์ก็มีไอคิวสูงกว่าเขาจริงๆ นั่นแหละ…’

อัศวิน A “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าก็จะเชื่อฟังสิ่งที่ท่านบอก จะไว้ชีวิตเขาก่อนแล้วกัน”

หลังจากได้ยินพระโพธิสัตว์ปีศาจพลันโล่งใจ เป็นเรื่องยากที่พี่ใหญ่มังกรจะเข้าใจสถานการณ์โดยรวม เมื่อนึกถึงคำพูดของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ เขาก็ครุ่นคิดอีกครั้ง

อันที่จริงนี่เป็นเพราะว่าตอนนี้เทพแห่งระบบเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ ทั้งรู้ดีว่าหากปราศจากความร่วมมือของพระโพธิสัตว์ปีศาจแล้ว ผู้อาวุโสตระกูลไป๋อาจหลบหนีไปซ่อนได้อีก มันจึงไม่มีทางเลือกเลย คราวที่แล้วไป๋ซื่อซินสามารถหลบหนีจากอาการบาดเจ็บสาหัสได้ แต่ผู้อาวุโสไป๋ผู้นี้แข็งแกร่งกว่าไป่ซื่อซินมาก

หลังจากที่ทั้งสองเสร็จสิ้นการสนทนา ผู้อาวุโสไป๋ก็พบว่าอัศวิน A ได้ละสายตาไปจากตนแล้ว เขารู้สึกโล่งใจไม่น้อย แต่ก็ยังต้องระวังตัว

ขณะนั้นเองพระโพธิสัตว์ปีศาจก็พูดกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง “หายากที่ผู้อาวุโสจะระมัดระวังตัวอยู่เสมอ คราวนี้ข้าสามารถเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้ากับพี่ใหญ่มังกรจะยอมล่าถอยไป สุดท้ายนี้ข้าอยากจะแนะนำว่าก่อนจะทำทุกอย่างจงคิดให้รอบคอบ อย่าได้เข่นฆ่าผู้คนไปมากกว่านี้ ระวังบาปจะได้รับการชดใช้ในที่สุด…”

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ปรบมือแล้วกล่าว “คำชี้แนะของพระโพธิสัตว์จะตราตรึงอยู่ในใจข้าไปอีกช้านาน แม้ว่าหนูยักษ์จะมีจำนวนมากแต่ก็ยังไม่มีเหตุการณ์บาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการควบคุมของข้า”

เขารู้แล้วว่าพระโพธิสัตว์ปีศาจไม่พร้อมจะลงมือ คงกลัวว่าเมื่อหนูยักษ์สูญเสียผู้นำของพวกมัน จะบ้าคลั่งไก้การควบคุมจนออกไปทำร้ายผู้คน

ประโยชน์ของฝูงสัตว์ที่ชุบเลี้ยงได้ปรากฏขึ้นแล้ว หากเขาอยู่คนเดียวคงไม่รอดแล้วแน่นอน พระโพธิสัตว์ปีศาจและอัศวิน A กำลังไล่ตามเขามาที่นี่ ในวันนี้สถานที่แห่งนี้อาจได้กลายเป็นหลุมฝังศพของตน

ตราบใดที่ไม่เกิดเรื่องร้ายแรงใด อีกฝ่ายก็จะยอมทนกับมันชั่วคราว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาจึงลอบตัดสินใจบางอย่าง

ได้ยินดังนั้นพระโพธิสัตว์ปีศาจและอัศวิน A ก็พลันหายวับไปกลางอากาศอีกครั้ง

หลังจากทั้งสองมาถึงพื้นดิน พระอาทิตย์ก็ทอแสงอบอุ่นอีกครั้ง เนื่องจากที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้จึงยังคงมีความเขียวขจีให้เห็นอยู่อีกมากมาย และห่างไกลออกไปก็มีคนเดินถนนที่กำลังเดินเตร็ดเตร่เที่ยวชมทิวทัศน์อันเงียบสงบ

พระโพธิสัตว์ปีศาจยิ้มกว้าง

เขาเอ่ยปาก “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่มังกรในครั้งนี้ เราถึงสามารถสังหารปีศาจแมลงที่เป็นปัญหามาหลายร้อยปีลงได้ ความสำเร็จของพี่ใหญ่มังกรนั้นไม่อาจอธิบายได้ด้วยถ้อยคำ”

อัศวิน A “ทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของข้า ถ้ามีเรื่องที่เกี่ยวกับการปราบปีศาจหรือกำจัดมันในอนาคต พระโพธิสัตว์มาหาข้าคนนี้ได้เสมอ”

พระโพธิสัตว์ปีศาจผงกศีรษะและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าควรจะให้ค่าตอบแทนแก่พี่ใหญ่มังกร แต่ว่านั่นเป็นเพียงสิ่งจอมปลอม ข้าคิดว่าพี่ใหญ่มังกรคงไม่ชอบใจนัก”

ฟางหนิง ‘คุณคิดผิดแล้วล่ะ ระบบไม่เคยปฏิเสธมันสักครั้งเดียว ยิ่งมากก็ยิ่งดี เพราะงั้นรีบไปเอาสิ่งจอมปลอมนั่นมาเถอะ’

พระโพธิสัตว์ปีศาจกล่าวต่อ “หากข้าจำไม่ผิด จำได้ว่าพี่ใหญ่มังกรเคยกล่าวไว้ ทุกครั้งที่ฆ่าปีศาจชั่วร้าย ล้วนพูดว่าเป็นอาณัติของสวรรค์และต้องการลงทัณฑ์แทนสวรรค์ เป็นไปได้ไหมว่าในอนาคตพี่มังกรจะสนใจตำแหน่งนั้น?”

อัศวิน A พูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง

ภายในพื้นที่ของระบบ

ระบบ “เขาหมายความว่ายังไง? ระบบไม่เข้าใจเลย แค่มอบอาวุธวิเศษกับระบบสักอันหรือไม่ก็เคล็ดวิชาดีๆ ก็พอแล้ว วกไปวนมาแบบนี้เพื่ออะไรกัน? โฮสต์คุณไปหลอกล่อเขาให้อธิบายให้ชัดเจนทีสิ”

ฟางหนิง “เมื่อกี้แกยังหัวชนฝาไม่เชื่อฉันอยู่เลย ตอนนี้ดันจะมาขอความช่วยเหลือจากฉันเหรอ ให้ฉันถามแกก่อนเถอะ คำพูดเสแสร้งที่แกพูดก่อนหน้านี้ว่าจะฆ่าปีศาจตนนั้น ยังมีนัยสำคัญอะไรหรือเปล่า? แกคงไม่เคยกล้าถาม หากกลัวว่าจะแตะต้องภารกิจหลักบางอย่าง”

ระบบ “มันไม่สำคัญหรอก ทุกข้อความคือคำพูดที่ระบบดึงมาจากนวนิยายบนอินเทอร์เน็ต ระบบแค่คิดว่าหลังจากที่พูดออกไป ชื่อเสียงของระบบก็จะพุ่งสูงเร็วขึ้นหรืออาจเรียกกฎที่ซ่อนอยู่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ผล รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป…”

ฟางหนิง “ให้ตายสิ แกทำร้ายคนอื่นมากจริงๆ ”

ฟางหนิงออกไปยึดร่างและเริ่มหลอกล่อ

อัศวิน A “คนคํานวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิตได้เล่า”

พระโพธิสัตว์ปีศาจพยักหน้า “พี่ใหญ่มังกรมีดวงใจอันเปิดกว้างสุดจะหาได้ ในอนาคตข้าจะลงคะแนนให้ท่านอย่างแน่นอน ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรมของท่าน เหมาะสมยิ่งนักที่จะได้รับตำแหน่งนั้น”

อัศวิน A “ขอบคุณในความกรุณาของพระโพธิสัตว์”

พระโพธิสัตว์ปีศาจพยักหน้า “อย่างนั้นข้าคงต้องขอตัวลา หวังว่าพี่ใหญ่มังกรจะรักษาตนอย่างดี หากประสบปัญหาใดๆ ให้ใครสักคนแจ้งข้ามาได้โดยตรง”

อัศวิน A “โปรดยกโทษให้ข้าที่ไม่สามารถไปส่งท่านด้วยตัวเอง”

ฟางหนิง ‘ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ เจ้านี่เข้าใจยากชะมัด ที่ไม่ไปส่งก็เพราะไม่มีที่ไหนให้ไปส่งต่างหาก’

จากนั้น พระโพธิสัตว์ปีศาจก็ยิ้มให้เล็กน้อยและหายตัวไปอีกครั้ง

ระบบ “คุณสองคนเพิ่งตกลงกันว่าจะโหวตให้ได้ตำแหน่ง แล้วไอ้ ‘คนคํานวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต’ นั่นหมายถึงอะไร โฮสต์หมายความว่ายังไงกัน”

ฟางหนิง “ไม่มีอะไรที่น่าสนใจหรอกน่า เพราะฉันรู้ฉันก็เลยไม่บอกแก ใครบอกให้แกไม่เชื่อใจฉันก่อนล่ะ ฉันต้องเช็คแจ้งเตือนในระบบอย่ามารบกวนฉันนะ”

ระบบ “…”

การแจ้งเตือนของระบบ ระบบใช้ความหมายที่ลึกซึ้ง: ระเบิดมังกรยักษ์

ระบบฆ่าร่างอวตารสุดท้ายของปีศาจแมลง

ระบบทำลายวิญญาณของปีศาจแมลง

ระบบฆ่าปีศาจแมลงโดยสมบูรณ์

ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 3 ล้านคะแนน

ระบบกำจัดภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อโลกอย่างสมบูรณ์ โฮสต์จะได้รับคะแนนความชอบห้าคะแนนสำหรับคุณลักษณะทั้งหมดของเทพมังกรตัวจริง

ระบบได้รับชื่อเสียงว่าเป็นคนกล้าหาญ

ระบบได้รับค่าพลังปราณส่วนเกิน สล็อตพลังปราณเต็มแล้วและกระแสน้ำก็ล้นเกิน คำเตือนเพิ่มเติม: คุณสามารถให้ผู้ติดตามที่มีคุณสมบัติการฝึกฝน ‘พลังปราณฟ้าดิน’ สำรองพลังปราณเพิ่มเติมได้ ระดับจำนวนสล็อตพลังปราณสูงสุดของผู้ติดตามเป็นครึ่งหนึ่งของระบบ

ฟางหนิง “นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แกเห็นไหมว่าการตั้งค่าอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ได้ถูกเปิดการใช้งานแล้ว จริงๆ แล้วเป็นความคิดริเริ่มที่จะบอกเราถึงวิธีเก็บพลังปราณที่เกินออกมา แกรีบกรอกเวอร์ชันที่ไม่สมบูรณ์เร็ว”

ระบบ “ความสามารถในการเปลี่ยนเรื่องของโฮสต์แย่มาก…”

ฟางหนิง “เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? ฉันลืมไปแล้วล่ะ ครั้งนี้เหล่าเด็กๆ ออกแรงไปเยอะมากยกเว้นหมาดำไป๋หลี่ ส่วนอีกสองคนนั้นทุ่มสุดตัว รางวัลการทำงานของพวกเขาแกส่งมาให้ฉันก่อนล่ะ และรางวัลภารกิจที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ด้วยว่าอีกหนึ่งสัปดาห์หน้าจะเป็นเวลาว่างของฉัน อย่าคิดจะถอดสายอินเทอร์เน็ตเด็ดขาด ตอนนี้พวกเราไม่กลัวนายแล้ว”

ระบบเอือมระอาเหลือเกิน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือโฮสต์คนนี้ได้…

…………………………………………………..

บทที่ 103 คู่หูที่สมบูรณ์แบบควรใช้งานแบบนี้สิถึงจะถูก
ฟางหนิงคุมร่างของอัศวิน A หลังจากสอบถามพระโพธิสัตว์ปีศาจ ก็ได้ความว่าที่อีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อฆ่าปีศาจแมลงนั้น เป็นเพราะเขาได้รับจดหมายจากใครบางคน

ระบบ “ทำไม โฮสต์เดาได้ไหมว่าใครซ่อนร่างอวตารร่างสุดท้ายของปีศาจแมลงเอาไว้?”

ฟางหนิง “ถ้าให้ฉันเดา มีเพียงคนเดียวก็คือผู้อาวุโสตระกูลไป๋”

ระบบ “จริงสิ เป็นมันแน่ ดูเหมือนว่าเราต้องตามหาผู้อาวุโสตระกูลไป๋ มันซ่อนดีมาก ระบบควรทำยังไงดี?”

ฟางหนิง “หาคนช่วยสิ”

ระบบ “ปีศาจแมลงอยู่กับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ อีกฝ่ายเป็นบอสใหญ่ แม้ว่าจะพบเขา แต่รูปแบบค่ายกลกระบี่สี่สภาพย่อมสร้างปัญหาและไม่สามารถควบคุมได้แน่นอนด้ จะทำยังไงถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปกับปีศาจแมลงได้อีกครั้ง?”

ฟางหนิง “แกไม่เห็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบของเราข้างๆ เหรอ? เขามีความชำนาญในคาถาและมีวิธีการต่างๆ มากมาย มันต้องมีวิธีที่แตกต่างจากการใช้พละกำลังกล้ามเนื้ออย่างแกแน่”

ระบบ “โฮสต์พูดถูกแล้ว…”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ทั้งสองจึงมองไปที่พระโพธิสัตว์ปีศาจอีกรอบ

…………

สำนักสัจธรรมกำลังจัดประชุมอย่างเร่งด่วนทางวิดีโอ โดยมีเพียงผู้นำที่เหลืออีกหกคนเท่านั้นที่เข้าร่วม

ผู้เฒ่าสวี่ “จำเป็นต้องการใช้สายลับหมายเลขหนึ่งจริงๆ เหรอ?”

เฉียวอันผิง “ฉันไม่มีความเห็น ปีศาจแมลงบ้าระห่ำมาก หากมันฟื้นคืนชีพก็เหมือนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุเมื่อไหร่ก็ได้”

ผู้เฒ่าเฟิงลังเล “เราใช้ความพยายามอย่างมากในการเตรียมการหมายเลขหนึ่ง มันเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ขั้นสูงของโลกอนาคต ในตอนนี้ความเสี่ยงมีไม่น้อยเลย”

ผู้เฒ่าไห่ “ในการเปิดใช้หมายเลขหนึ่ง จำเป็นต้องใช้เครือข่ายเทียนลั่วด้วย แต่หน้าที่ของเครือข่ายเทียนลั่วยังไม่เสถียรพอ”

หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ปีศาจแมลงร้ายกาจเกินมาก มันมีศักยภาพที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมของเรา ต้องรีบกำจัดมัน! วิสัยทัศน์ของอัศวิน A ไม่ได้เลวร้าย เพราะเขาคือมังกรตัวจริงที่มายังโลก”

เด็กชายอีกคนที่หน้าตาดูแล้วยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่บนหัวกลับเต็มไปด้วยผมขาวจำนวนมาก ยกมือข้างหนึ่งลูบใต้คางพลางมองบนหน้าจออย่างเฉยเมย “ใช้ก็ใช้ ไม่มีทางอื่นแล้ว ตาเฒ่าตระกูลไป๋ที่คิดว่าตัวเองฉลาดนั้น ไม่ต่างจากตุ๊กตาเชือกในมือ แผนสำหรับการเตรียมการหมายเลขหนึ่งนั้น มันคงคิดไม่ถึงหรอก”

เมื่อชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองพูดจบ หัวหน้าใหญ่ทั้งสี่ก็ดูทำอะไรไม่ถูก เขาขมวดคิ้ว

เมื่อหญิงสาวได้ยินสิ่งนี้ เธอก็โบกมือด้วยความหงุดหงิด “มันแข็งแกร่งมากก็จริง เพื่อนร่วมชั้น SB คนที่ไม่รู้คงคิดว่านายช่างเป็นคนวางแผนได้แม่นยำ แต่ผู้หญิงอย่างฉันรู้จักตัวตนของนายดี หมายเลขหนึ่งเป็นแค่ผ้าปิดแผลที่นายใช้แปะข้ามคืนใช่ไหมล่ะ? หลังจากที่ตาเฒ่าตระกูลไป๋ได้รับการยืนยันจากพี่น้องตระกูลเฉียวว่ามีความตั้งใจที่ต่างกันแล้ว ตอนนั้นผมของแกก็จะขาวโพลนไปไม่น้อยแล้วเลยทีเดียว”

ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะถูกเสียดสีเข้าให้แล้ว เขาลุกขึ้นยืน “เธอกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร? ยายเฒ่าหง อย่าแสร้งอวดเก่งไปหน่อยเลย! ฉันคือความเฉลียวฉลาดที่หาตัวได้จับยาก ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ในกลุ่มนักวิเคราะห์หรอก ในขณะที่เธอเป็นได้แค่รองหัวหน้าชั่วคราวเท่านั้น! ฉันได้ดูรายละเอียดของตระกูลไป๋ล่วงหน้าแล้ว ฉันมีแผนในใจแต่แค่ยังไม่ได้จัดการกับมันก่อนเวลาอันควร ถ้าไม่ใช่คำสั่งของฉัน พี่น้องตระกูลเฉียวจะหาแหล่งข้อมูลมากมายที่ตรวจสอบมาได้ไหม?”

ผู้เฒ่าสวี่โบกมือห้าม “เอาล่ะ คุณสองคนอายุมากแล้ว อย่ามาทะเลาะกันเหมือนเด็กเลย แม้ว่าคุณจะโต้เถียงต่อหน้าคนของตัวเอง คุณก็ต้องจดจำตัวตนของคุณต่อหน้าคนนอกด้วย ตอนนี้ให้รีบตัดสินใจขั้นสุดท้าย อย่าถ่วงเวลาโจมตีของอัศวิน A ฉันยินยอมให้ใช้หมายเลขหนึ่ง”

เห็นได้ชัดว่าบารมีของผู้เฒ่าสวี่นั้นสูงพอ ทำให้ทั้งสองที่ทำนิสัยเหมือนคนวัยหนุ่มสาวหยุดเถียงกันในทันที

อีกห้าคนมองหน้ากันและยกมือเห็นด้วย

…………

ณ ที่ไหนสักแห่งในห้องโถงใต้ดินลึก มีงานเลี้ยงเล็กๆ งานหนึ่งเกิดขึ้น

“มา มา มาฉลองให้กับซื่อซินกันเถอะ ครั้งนี้เป็นการกวาดล้างครั้งยิ่งใหญ่ แต่ต้องขอบคุณซื่อซินที่เฉลียวฉลาดไม่มีใครเทียบเทียม ใช้มีดที่ยืมมาฆ่าผู้คนอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็ทำให้แผนของปีศาจแมลงสำเร็จลุล่วง ซึ่งทำให้พวกเราผู้อยู่เบื้องหลัง ใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างสูงสุด” ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ยกแก้วขึ้นพลางกล่าวอย่างมีความสุข

ปีศาจหนูยักษ์นั่งห้อมล้อมรอบโต๊ะกลมต่างชมเชยซึ่งกันและกัน

ไป๋ซื่อซินทาบหน้าอกด้วยมือข้างหนึ่งพลางถือแก้วไวน์ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง กล่าว “ผู้อาวุโส กลยุทธ์ของซื่อซินสามารถประสบความสำเร็จได้ ทั้งหมดนี้ก็ได้ความอุตสาหะของท่านในการจัดเตรียมและสร้างกองหนุนจำนวนมาก ทั้งฐานใต้ดินตามสถานที่ต่างๆ ทั้งหมดเป็นเพราะฐานใต้ดินที่พี่น้องของเราลาดตระเวนทั้งวันทั้งคืนก่อนที่จะมีการค้นพบถ้ำที่พญาแมลงตั้งอยู่และมีโอกาสค้นพบที่ซ่อนของหนึ่งในร่างอวตารของปีศาจแมลง หากปราศจากรากฐานเหล่านี้ ไม่ว่ากลยุทธ์ของซื่อซินจะแยบยลเพียงใด มันก็เป็นเพียงวิมานในอากาศ”

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋รู้สึกพึงพอใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สั่งให้ปีศาจหนูยักษ์ผลัดกันดื่มอวยพรให้กับไป๋ซือซิน เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณูปการอันใหญ่หลวงของเขา

ปีศาจหนูยักษ์ทุกตัวต่างอิจฉา อีกฝ่ายก็มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมาก ปีศาจแมลงนั้นทรงพลัง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นพวกมัน แต่ก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพวกมันมาบ้าง อาวุธแผนที่เชิงกลยุทธ์แบบสัมบูรณ์นั้นคล้ายกับอาวุธเห็ดในโลกมนุษย์ พลังยับยั้งเท่าเดิมแต่แพ้ทั้งสองกลยุทธ์ของคู่ต่อสู้ ต้องบอกว่าถึงแม้พละกำลังของคู่ต่อสู้จะสูญเสียไป แต่สมองนั้นก็ยังทรงพลังกว่า

“ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโส ขอแสดงความยินดีกับพี่ใหญ่ซื่อซิน สำหรับผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขา ขอแสดงความยินดีกับกลุ่มหนูยักษ์ของเราสำหรับอาวุธเชิงกลยุทธ์อีกชิ้นหนึ่ง โลกใบนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว” ปีศาจหนูยักษ์ทั้งหมดขยิบตา ในเวลานี้พวกมันทั้งหมดก็เริ่มแสดงความยินดี

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋มีความสุขมากขึ้น “ฮ่าฮ่า วันนี้ข้ามีความสุขมาก ปีศาจแมลงมันบ้า ต่อให้มีกลยุทธ์ของซื่อซิน เขาก็สามารถบรรลุผลที่ยิ่งใหญ่ได้ เรามีผู้คนมากมายที่ทำงานหนักเพื่อสะสมรากฐานนี้ เขาสามารถบรรลุมันได้โดยลำพังและมีความสามารถในการแข่งขันกับเราเพื่อโลกนี้ได้แน่ แต่น่าเสียดายที่เขาหวาดระแวงและคลั่งไคล้การเข่นฆ่ามากเกินไป ถือว่าการฆ่าเป็นความหมายของชีวิต จนในที่สุดแม้แต่สหายของเขาก็ยังทรยศเขา นี่เป็นเหตุผลที่เขาต้องจบชีวิตลงในวันนี้ สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงเครื่องมือในการพัฒนาและเติบโตของเราเท่านั้น จงจำไว้ว่ามันเป็นบทเรียนที่มีชีวิต”

ปีศาจหนูยักษ์คำราม

ในเวลานี้ปีศาจหนูยักษ์รูปงามได้กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ข้าไม่รู้ว่าร่างอวตารร่างสุดท้ายของปีศาจแมลงหน้าตาเป็นยังไง ขอให้ท่านทำให้พวกน้องๆ ประจักษ์แก่สายตาและเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้หรือเปล่า?”

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นแววตาที่เปี่ยมความหวังของทุกคน เขาก็ยิ้ม

ดังนั้นในที่สุดเขาก็พูดว่า “เอาล่ะ ปล่อยให้เจ้ามีประสบการณ์อันยาวนานแล้ว ท้ายที่สุดพวกเจ้าทุกคนก็จะต้องรับมือกับมันในอนาคต ดังนั้นเป็นการดีที่จะทราบรายละเอียดของมันล่วงหน้า ในสายตาของผู้อื่น มันเป็นเพียงอาวุธที่ทรงพลัง แต่ในสายตาของข้าผู้นี้ มันเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาอันทรงพลังที่สามารถทำให้เราพัฒนาได้เร็วขึ้นสิบเท่า”

ขณะที่เขาพูด เขาก็กางฝ่ามือออกเพื่อเปิดเผยบางอย่าง แต่ในขณะนี้เขาได้ยินเสียง ‘ไอ’ ของไป๋ซื่อซินก็ดังขึ้นหลายครั้ง เขาจึงมองดูด้วยความกังวล

ไป๋ซื่อซิน “ผู้อาวุโส ได้โปรดยกโทษให้ร่างกายของซื่อซินที่ไม่สามารถสนับสนุนการบรรยายของท่านได้ ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ไม่ได้ตำหนิเขา พร้อมกับสั่งให้ใครสักคนพาไป๋ซื่อซินกลับไปยังห้องของเขาในทันทีเพื่อพักผ่อน

จากนั้นความสนใจของเขาก็ดำเนินต่อไป สิ่งที่อธิบายไม่ได้ในฝ่ามือของเขาพลันลอยขึ้นมาต่อหน้าทุกคน

กลายเป็นผลึกอำพัน

เมื่อทุกคนเห็นก็ประหลาดใจในทันที: ภายในมีผีเสื้อเสมือนจริงซ่อนอยู่ในอำพันด้วย

ปีศาจแมลงนี้ซ่อนได้ดีจริงๆ ด้วยทักษะของมัน เห็นได้ชัดว่าผีเสื้อยังมีชีวิตอยู่ในชั่วพริบตา แต่ในสายตาคนทั่วไปกลับมองว่ามันต้องตายแล้วแน่ๆ หลังจากค้นพบแล้วจึงเป็นเพียงของสะสมชั้นดีเท่านั้น ไม่มีใครจงใจตามล่ามันอีก

หลังจากสังเกตการอย่างระมัดระวัง พวกเขาก็ตกตะลึงมาก ผลึกอำพันดูเหมือนจะลอยอยู่ในอากาศ แต่ทุกคนพบว่ามันถูกล้อมรอบด้วยช่องว่างอากาศอันทรงพลัง ใครก็ตามที่ต้องการสัมผัสมันอย่างไม่เต็มใจจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่น่าแปลกใจที่ผู้อาวุโสเอามันออกมาด้วยความมั่นใจแบบนี้

“พวกเจ้าจงฟัง ผีเสื้อในอำพันถูกผนึกโดยเลือดของข้า หลังจากที่ปีศาจแมลงฟื้นคืนชีพ มีเพียงข้าผู้อาวุโสเท่านั้นที่ควบคุมมันได้ ภายใต้ชั้นช่องว่างอากาศนี้เป็นเอฟเฟกต์พิเศษของอาวุธวิเศษแห่งพื้นที่ที่อยู่บนร่างกายของข้า ซึ่งถูกใช้เป็นพิเศษเพื่อแยกใยโลหิตของแม่แมลง หากปราศจากวิธีของข้าแล้ว ไม่มีใครสามารถกำจัดมันได้”

หลังจากที่ให้ทุกคนได้ดูและได้รู้จักแล้ว ในตอนที่ผู้อาวุโสตระกูลไปกำลังจะเก็บมัน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในพริบตา

ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ผลึกอำพันได้ถูกตรึงไว้อย่างแน่นหนา จนเขาไม่สามารถเอามันกลับคืนมาได้ แม้ว่าเขาจะใช้พื้นที่อาวุธวิเศษในพื้นที่ของตัวเองก็ตาม!

คนที่มีวิธีการดังกล่าวได้ สามารถนับได้ด้วยมือเดียว

ใบหน้าของเขาเย็นชา รีบลุกขึ้นยืน “เป็นสหายคนไหนที่ไม่ได้รับเชิญกัน? เล่นตลกกับข้าแบบนี้ คนที่คิดขโมยของของข้าไม่มีทางรอดหรอก!”

“หึหึ ไป๋อวิ๋นเซิง เจ้าโลภมากเกินไปแล้ว นั่นถือเป็นข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่” จากนั้นเสียงที่อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้น

ชายหนุ่มคนหนึ่งค่อยๆ โผล่ออกมาจากอากาศและที่ข้างๆ เขาเป็นชายผู้แข็งแกร่ง

“พระโพธิสัตว์ปีศาจ อัศวิน A !” ผู้อาวุโสตระกูลไป๋แผดเสียงร้อง ทว่าน้ำเสียงกลับสั่นเทา

ในเวลานี้ปีศาจหนูยักษ์พลันลุกขึ้นทันที เฝ้าระวังพวกมันและตั้งท่าต่อสู้

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋โบกมือ “พวกเจ้าทุกคนถอยออกไป!”

ปีศาจหนูยักษ์ไม่ลังเล ถอยร่นกลับทุกทิศทางทันที

พระโพธิสัตว์ปีศาจไม่แม้แต่จะมองพวกเขา มีเพียงความสงสารที่ฉายอยู่ในแววตาของอัศวิน A แต่ท้ายที่สุดสายตาก็ยังคงเพ่งไปทีผลึกอำพันอย่างแน่วแน่

“ไป๋อวิ๋นเซิง ส่งร่างอวตารร่างสุดท้ายของแมลงปีศาจมาให้พวกเรา แล้วพวกเราจะจากไปทันที ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ต้องคิด ว่าเจ้ามีความสามารถในการเอาชนะข้าและพี่ใหญ่มังกรพร้อมๆ กันหรือเปล่า? ภารกิจยิ่งใหญ่ของการกำจัดปีศาจอยู่ตรงหน้าแล้ว ข้าคนนี้ไม่ต้องการยืดเยื้อไปมากกว่านี้อีก…”

พระโพธิสัตว์ปีศาจเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เจตจำนงนั้นเปิดเผยหนักแน่นยิ่งนัก

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋กัดฟันกรอดแสดงชัดถึงความไม่พอใจ นั่นคือร่างอวตารของปีศาจแมลงเชียวนะ! ในอนาคตการดำรงอยู่อันน่าสะพรึงกลัวของพญาแมลงที่ควบคุมแมลงได้นับร้อยล้านตัวย่อมสามารถถูกขัดเกลาได้ ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน

เจ้าจะส่งมันมาตอนนี้?

หรือจะสู้กับข้าสองคนจนตัวตาย? สมบัติชิ้นนี้ถูกตรึงด้วยวิธีการที่ไม่รู้จักของพระโพธิสัตว์ปีศาจ ถ้าจะเอาคืนก็หนีไม่พ้น คงทำได้เพียงต้องเอาชนะทั้งสองคนแบบตัวต่อตัวเท่านั้น

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋เปลี่ยนความคิดนับพันในทันใด แต่สุดท้ายใบหน้าก็คลายกังวลพลางหัวเราะ ‘ฮ่าฮ่า’ “พระโพธิสัตว์ปีศาจช่างจริงจัง แต่ที่จริงข้าคนนี้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่และใช้หนูยักษ์นับไม่ถ้วนเพื่อจับร่างอวตารสุดท้ายของปีศาจแมลง งานเลี้ยงปีศาจได้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการตายของปีศาจแมลงที่ใกล้จะสูญพันธุ์ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเมื่อพระโพธิสัตว์มาขอแล้ว ก็เท่ากับว่าท่านเป็นผู้ฆ่าปีศาจร่วมด้วย ข้าจะยกให้พระโพธิสัตว์ก็ได้”

ฟางหนิงอาเจียนออกมาเป็นเลือดในพื้นที่ระบบ ‘ผิวหนังของตาเฒ่านี่หนาเกินกว่ากำแพงเมืองอย่างแน่นอน พวกมันเพิ่งจัดงานเลี้ยงฉลองขับไล่นกต่อไปหยกๆ มันคิดว่าพวกเราทุกคนตาบอดหรือไง?’

พระโพธิสัตว์ปีศาจยังคงสงบ เขาเพียงจับจ้องไปที่การกระทำของผู้อาวุโสตระกูลไป๋

เมื่อเห็นว่าหลังจากที่ผู้อาวุโสตระกูลไป๋พูดจบ ก็ถอดช่องว่างอากาศบนผลึกอำพันออก

พระโพธิสัตว์ปีศาจพลันยื่นมือออกไป จากนั้นผลึกอำพันก็ตกลงสู่มือของเขา

เขาพยักหน้าให้อัศวิน A ทันใดนั้นเปลวเพลิงมังกรก็พุ่งออกมาจากมือของอีกฝ่าย เข้าแผดเผาผลึกอำพันในทันที

ครั้นผู้อาวุโสตระกูลไป๋กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง กลับรู้สึกได้ถึงสายตาอันโลภมากที่กำลังมองมาทางเขา

…………………………………………

บทที่ 112 ห้ามพูดคำว่า ‘แน่นอน’
ระบบ “ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ระบบทำไปเพราะต้นกำเนิดของวัตถุดิบสำคัญ ระบบต้องทำยาเพิ่มเลือดซึ่งมันเกี่ยวข้องกับชีวิตของระบบด้วย เพราะฉะนั้นระบบไม่ช่วงชิงสิ่งเล็กน้อยไปจากโฮสต์หรอก…”

เมื่อฟางหนิงได้สิทธิ์ในการใช้ร่างกายของเขากลับคืน จึงรีบเอ่ยแย้ง “โอ้ เรื่องคราวที่แล้วทำให้ผมกลัวสุดๆ เมื่อเร็วๆ นี้ผมจึงระดมทุนเพื่อเอามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังนี้ และได้สอบถามกับสถาบันทางการเงินสองสามแห่งด้วย พวกเขาสามารถให้เงินสดแก่ผมหนึ่งพันล้านได้ แต่พวกเขาอยากให้ผมขายหุ้นของร้านอาหารบางส่วน…”

ประธานจ้าวโบกมือปัด “อย่าไปมองหาผีดูดเลือดพวกนั้นเลย ร้านอาหารของนายเป็นแหล่งบ่อเงินบ่อทอง ในอนาคตจะต้องรุ่งเรืองใหญ่โตมากแน่ ถ้าต้องการเงินมากขนาดนั้นจริงๆ ลองไปกู้ยืมบนแพลตฟอร์มของหอการค้าฉีเฉิงดูสิ ฉันจะเป็นคนค้ำประกันให้ นายจะได้มีเงินจากการโครงการกู้ยืมโดยที่ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นร้านอาหาร และตราบใดที่เงินต้นมีการค้ำประกันและจ่ายดอกเบี้ย ดอกเบี้ยก็จะไม่สูง”

ด้วยจำนวนเงินหนึ่งพันล้านเมื่อเทียบกับฐานะทางการเงินของประธานจ้าวแล้วจึงเป็นเรื่องยากที่จะระดมเงินสดจำนวนมากขนาดนี้ได้ เขาจึงไม่สามารถพูดได้ว่าจะให้ยืมเงินของตน

ฟางหนิงเป็นคนมีเหตุผล พ่อตาเชื่อมั่นในตัวเขาจริงๆ จะมีใครกล้าเปิดใจและค้ำประกันโครงการกู้เงินหนึ่งพันล้านได้ง่ายๆ กัน? ยิ่งถ้ากับลูกสะใภ้ของเขาล่ะก็…อย่าหวังเลย

ในตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยากปฏิเสธคำชักชวนโดยไม่จำเป็น มีระบบแล้วจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?

ฟางหนิง “ก่อนหน้านี้ผมไม่อยากรบกวนคุณลุง แต่เพราะคุณลุงพูดอย่างนั้น หลานชายตัวน้อยอย่างผมต้องขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณลุงมากแล้ว ต่อไปหากมีปัญหาเรื่องการเงินผมจะบอกให้จ้าวอิ๋งไปที่หอการค้านั่นก่อน”

ประธานจ้าว “อืม อย่างนั้นก็ดีแล้ว แต่ช่วงนี้ไม่จำไม่เป็นต้องลงทุนอะไรมากหรอก เจ้าอ้วนหลิวบอกว่าจะหาคนเพิ่มอีกสักสองสามคน เมื่อทุกคนนำเงินมาลองลงทุนก่อนเป็นจำนวนหลายสิบล้าน สุดท้ายความสำเร็จในการปลูกจะเป็นที่แน่นอนหรือไม่นั้น ที่แห่งนี้คงจะมีหลุมบ่อมากมายและความเสี่ยงในระยะเริ่มต้นก็น่าจะยังคงมีความสมดุลไว้ มีแววว่าถ้าพวกเราลงทุนมากขึ้น หุ้นก็จะมากขึ้นด้วย”

ฟางหนิง “อืม ผมจะเชื่อฟังคุณลุงครับ ช่วยรับเงินยี่สิบล้านนี้ไปก่อนเถอะ”

หลังจากพูดถึงเรื่องสำคัญของการปลูกพืชผลที่ช่วยเพิ่มพลังชนิดนี้ คุณนายจ้าวก็เรียกฟางหนิงออกไปเพื่อแบ่งปันสิ่งที่เรียกว่าทานของพระโพธิสัตว์

หลังจากฟางหนิงได้รับมาแล้ว เขาก็เข้าใจในทันที

ก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นเซวียเฟิง ‘ลอย’ ขึ้นเมื่อได้รับพลังเวทย์ของพระโพธิสัตว์ปีศาจระบบ เขายังคิดไม่ออกว่าระบบกำลังทำอะไร?

เซวียเฟิงได้รับมันไปเล็กน้อยเท่านั้น ตามคำอธิบายของคุณนายจ้าวคาดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีอนุภาคซึ่งหาที่เปรียบมิได้

ระบบเป็นคนที่หากไม่เห็นประโยชน์ก็จะไม่มีทางยอมแพ้ ครั้งนี้มันขโมยเวลานอนของเขา ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ เท่านั้นแต่ยังสูญเสียเงินอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะโกรธหลังจากถูกปิดกั้นตัวเอง และไม่แปลกใจเลยที่ระบบแสร้งทำเป็นปลีกวิเวกมานาน…

…………

หลังจากเปลี่ยนร่างก็สลัดร่างเดิมทิ้งไป พร้อมกับกลับมายังบ้านพักย่านชานเมืองวิลล่า ฟางหนิงที่รู้ความจริงจึงไม่อยากล้ำเส้นของระบบ…

อีกอย่างวันหยุดจะถูกยกเลิกถ้าทำตัวไม่ดี…

แต่ค่อยยังชั่วที่เขาเพิ่งจะเริ่มเล่นอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น

และวันนี้ก็เพิ่งจะเป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์อย่างเป็นทางการ…

ทันทีที่ได้เล่นเขาก็เล่นตั้งแต่บ่ายจนถึงเช้าของวันรุ่งขึ้น เรียกได้ว่าเล่นตลอดทั้งคืน…

ระบบ “เหลือวันหยุดอีกหกวัน”

ฟางหนิงไม่สนใจวันเวลาที่ยังเหลืออยู่

เขาเล่นผ่านไปวันแล้ววันเล่า…

ระบบ “เหลือวันหยุดอีกห้าวัน”

แต่ฟางหนิงก็ยังไม่สนใจ

…………

หลังจากวันหยุดผ่านพ้นไป และเข้าสู่เช้าวันที่เจ็ด

ฟางหนิงก็ยังคงไม่สนใจและเล่นเกมอย่างบ้าคลั่งอยู่ดี ตอนนี้ชื่อ ‘มังกรแห่งใต้หล้า’ ได้แพร่กระจายไปทั่วเกมแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นชายคนหนึ่งฟาร์มบอสเป็นเวลาหกวันหกคืนติดต่อกัน

แม้อาจจะมีคนที่พลังจิตแข็งแกร่งกว่าฟางหนิง อีกทั้งการปฏิบัติก็ยืดหยุ่นมากกว่า แต่พวกเขาคงไม่ได้คลั่งไคล้เกมเท่านี้อย่างแน่นอน…

ในตอนนี้ฟางหนิงอาศัยการปฏิบัติการพิเศษเพื่อฟาร์มบอสจำลอง เขามีอุปกรณ์ขั้นสูงจำนวนมากและทั้งหมดนี้ก็ไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดซื้อขายผู้เล่น เพราะหากต้องการซื้อ จะต้องเสนอซื้อในราคาที่สูงลิ่ว แม้แต่เศรษฐีก็ไม่สามารถเทียบกับเขาในตอนนี้ได้!

ในด่านปัจจุบันของเกมชายผู้มีชื่อเสียงคนนี้ติดตั้งอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้ ฝีไม้ลายมือแพรวพราวและเปี่ยมด้วยวิทยายุทธ์

ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีแต่คนห้อมล้อมเรียกว่า ‘พี่ใหญ่หรือท่านเทพ’ อีกอย่างยังมีคนเรียกว่า ‘สามี‘ เยอะมากด้วย แต่ในจำนวนนั้นกลับไม่มีผู้หญิงเลยสักคนเดียว นั่นหมายความว่าไงกัน?

‘พันธมิตรราชามังกร’ ตำแหน่งนี้ไม่ได้แต่งตั้งขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว หากไม่ได้เป็นผู้นำของพันธมิตรก็จะไม่สามารถรับสมัครพรรคพวกได้ และหากไม่มีพรรคพวกก็จะไม่มีใครคอยเคลียร์สนามให้!

จะว่าไปแล้ว ‘ขี้เถ้าเติมเต็มต้าไห่’ ที่เคยเป็นน้องชายคนเล็กในกิลด์ผู้คอยออกมาเคลียร์สนามให้เสมอ…

น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่สามารถไปชวนเขาได้แล้ว

เมื่อก่อนเกมนี้เล่นภายใต้ตัวตนของฟางหนิง เพราะฉะนั้นหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ฟางหนิงทิ้งไว้ให้ต้าไห่จึงเป็นของเขา

แต่ภายหลังหากมีการรวมตัวกัน ฟางหนิงก็ได้คิดถึงอันตรายและปัญหาทั้งหมดที่จะตามมาอีก เขามีแผนใหญ่แต่ไม่มีเงิน

ด้วยอุปกรณ์ที่เพียบพร้อม ฟางหนิงจึงรีบไปเข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือกต่างๆ จนเขาได้ขึ้นไปสู่แรงค์สูง ทำให้มีพ่อค้าสมบัติรายหนึ่งติดต่อมาเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ให้ แม้จะไม่มากนักแต่ขอแค่ได้เงินก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้มี ‘ผู้บุกเบิกการฝึกฝน’ ไม่กี่คนที่มุ่งเป้าไปที่ ‘มังกรแห่งใต้หล้า’ เพียงแต่ฟางหนิงได้ละทิ้งอันตรายที่ซ่อนอยู่ในอุปกรณ์

หมาตัวนี้สนุกมากกว่าเกมด้วยโมดูลการฝึกที่มาก แต่เศรษฐีที่เข้ามาก็มีมากเช่นกัน ว่ากันว่าอุปกรณ์นั้นขึ้นอยู่กับการเล่นเท่านั้นและตลาดการซื้อขายผู้เล่นภายในก็จะอนุญาตให้ทำธุรกรรมการโอนเงินสด ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับรายการและเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการฟาร์ม เศรษฐีก็สามารถซื้อทรัพยากรจากผู้เล่นในราคาสูงได้

นักพัฒนาเกมเต็มไปด้วยความมั่นใจมาก ผู้เล่นเดี่ยวภายในเกมพวกเขาจะใช้ธุรกรรมราคาต่ำพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการจัดการแพลตฟอร์ม ส่วนในความเป็นจริงพวกเขากลับขายในราคาที่สูง

ฟางหนิงใช้ทองคำเติมเกมเป็นจำนวนมหาศาล แม้ว่าจะมีช่องโหว่มากมายจากการค้นหาหนังสือสมบัติ แต่รางวัลก็ไม่น้อยเลย ตอนนี้เขาสามารถสร้างทองคำได้จากเกมเท่านั้น เขาต้องการใช้จ่ายเพื่อเปิดสำนัก

ด้วยทักษะอันไร้มนุษยธรรม และรอยหยักสมองมากมาย สั่งสมกับประสบการณ์การเล่นเกมหลายปี เขาไม่ได้กังวลว่าจะไม่ได้รับทองจากเกม

ตอนนี้ข้อกังวลอย่างเดียวของเขาคือไอ้คนที่สามารถโอนเงินจากบัญชีอิสระของเขาได้อย่างเปิดเผย…

ฟางหนิงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเสแสร้งในรอบคัดเลือก และคนที่สามารถโอนเงินจากบัญชีอิสระของเขาได้ก็พูดขึ้นอีกครั้ง

ระบบ “เฮ้ ระบบว่าอุปกรณ์ของโฮสต์มีค่ามากนะ พอดูข้อมูลการซื้อในประกาศเกมวันนี้ ระบบคำนวณดูเองแล้วว่าสามารถขายได้หลายล้าน…”

ฟางหนิงออกจากโหมดการเสแสร้งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไม่นะ เขาถอนตัวจากรอบคัดเลือกแล้ว

ใบหน้าเขาดูระแวดระวัง “แกต้องการอะไร?! นี่เป็นรางวัลจากการทำงานหนักของฉันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ในช่วงต้นเกมมันแพงมากจนซื้อไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าแอบเอาไปขายทิ้งเด็ดขาด!”

ระบบ “ระบบไม่แอบขายอุปกรณ์ของโฮสต์หรอก ระบบหมายถึง โฮสต์สามารถขายอุปกรณ์ของตัวเองเพื่อแลกเป็นเงินได้นะ”

ฟางหนิง “ถ้าแกให้ฉันขายด้วยตัวเอง แกจะโอนเงินในบัญชีของฉันอีกน่ะสิ”

ระบบไม่พอใจ “โฮสต์มาป้ายสีตีไข่ผู้บริสุทธิ์ได้ยังไง เล่นเกมเองแท้ๆ และแน่นอนว่าเงินที่โฮสต์ได้รับจากเกมก็เป็นของโฮสต์ ในฐานะวีรบุรุษระบบไม่มีทางทำได้หรอก! ต่างจากร้านอาหารและอัศวิน A พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาความสามารถของระบบ เงินนั่นจึงเป็นของระบบโดยปริยาย”

ฟางหนิงนึกสงสัย “แกใจดีและใจกว้างขนาดนี้จริงๆ เหรอ? ร้านอาหารของฟางนั่นเป็นความคิดของฉัน แต่แกยังขี้เหนียวขนาดนั้น ทั้งเงินเดือนก็ให้ฉันแค่สามหมื่นหยวน เงินปันผลก็ไม่มี ฉันไม่ดีเท่าผู้บริหารร้านอาหารด้วยซ้ำ…”

ระบบเมินเฉยต่อสิ่งที่ฟางหนิงพูด แต่กลับปฏิเสธออกมา “ระบบเป็นระบบที่ชอบธรรม ใจดีและใจกว้างเสมอมา! โฮสต์ไม่เห็นหรือว่าระบบทำหน้าที่อัศวิน A ทุกวัน? แล้วโฮสต์ไม่เห็นเหรอที่ประธานจ้าวพูดเมื่อกี้ว่าเขาจะลงทุนในพืชผลเพิ่มพลัง ระบบก็ต้องทุ่มลงทุนหนึ่งพันล้านในคราวเดียวสิจริงไหม?”

ฟางหนิงส่ายหัวอย่างไม่อยากเชื่อ “แกก็ต้องเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดอยู่แล้ว เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับแก พูดตามตรง จุดประสงค์ของแกคืออะไรกันแน่?”

ระบบ “เฮ้ย โฮสต์ฉลาดอะไรขนาดนี้ ระบบกดดันมากนะ ประสิทธิภาพการกำจัดปีศาจแทบลดลงแหนะ…”

ฟางหนิง “แกไม่ใช่มนุษย์ เพราะฉะนั้นไม่มีแรงกดดันอะไรทั้งนั้นแหละ อย่าคิดว่าเลียนแบบน้ำเสียงของฉันแล้ว ฉันจะปฏิบัติต่อแกเหมือนมนุษย์นะ ถ้าไม่พูดความจริง ฉันก็จะเล่นต่อไป”

ระบบ “ระบบบอกแล้วไงว่าในเมื่อโฮสต์มีแหล่งเงินอยู่แล้ว ก็เลิกทำเงินผ่านช่องโหว่ในหนังสือโทรมๆ นั่นได้ ระบบต้องปรับการอัพเดตบั๊กตลอดทั้งคืน ต่อไปมันจะทำให้ระบบเสียเวลาฟาร์มปีศาจอีก ถึงตอนนั้นความแข็งแกร่งของระบบก็จะค่อยๆ พัฒนา เพราะหากอ่อนแอกว่าบอสใหญ่ตัวอื่นๆ โฮสต์ก็จะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเล่น ‘Beasts Fighting for Heroes’…”

ฟางหนิงหัวเราะ ‘ฮ่าฮ่า’ ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แม้เนื้อหาจะไม่มีอะไรมาก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าระบบห่วยนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ!

ดูเหมือนว่าหลังจากคิดไตร่ตรองสองสามวันมานี้ ในที่สุดมันก็ต้องการที่จะให้เขาเข้าใจว่าระบบปัญญาอ่อนของมันสร้างแต่เกมปัญญาอ่อนที่ปัญญาอ่อนกว่ามันซะอีก…

ช่างเถอะ ‘ยังไงเราก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวและยังต้องพึ่งพาระบบเพื่อให้ผ่านพ้นยุคอันตรายนี้ไปได้อย่างสบายใจ’

ฟางหนิงพยักหน้า “อืม ฉันเป็นคนใจดีจริงๆ ในเมื่อแกพูดแบบนี้ ฉันก็คงจะต้องเห็นด้วยกับแกแล้วล่ะ ฉันจะไม่จงใจใช้ช่องโหว่ในหนังสือเกมสมบัติ แต่ถ้ามีรางวัลภารกิจอื่นที่จะส่งไปที่ประตูโดยอัตโนมัติ หวังว่าฉันคงจะไม่ต้องปล่อยมันไปหรอกใช่ไหม?”

ระบบ “แน่นอนว่าจะไม่มีรางวัลภารกิจใดๆ ที่ถูกส่งไปยังประตูของโฮสต์โดยอัตโนมัติอีกต่อไป ภารกิจที่ระบบจะเผยแพร่ในอนาคตจะใช้ความพยายามอย่างมาก…”

ฟางหนิง “ฉันขอเตือนแกหน่อย อย่าใช้คำว่า ‘แน่นอน’ เมื่อแกพูดถึงเรื่องอะไรในอนาคต ในนิยายมันถือเป็นคำพูดสิ้นคิด…”

ระบบ “จากนี้ไปฉันจะไม่ใช้คำสองคำนี้อีกแน่นอน…”

ฟางหนิงพยักหน้าพอใจมากหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “ได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้ว ฉันก็ไม่ต้องกังวลว่าไอคิวของแกจะมีมากกว่าของฉันแล้วล่ะ…”

ระบบ “…”

…………

ฟางหนิงได้ยินคำรับปากที่ชัดเจนจากระบบแล้ว แรงจูงใจในการเล่นเกมของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าระบบจะขายอุปกรณ์ของเขาและที่สำคัญกว่านั้นคือเงินที่ได้มานั้นมันจะโอนออกไป…

เขาเล่นต่อจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น การแข่งขันรอบคัดเลือกทั้งหมดตรงกับนัดแรก ตำนานคนบ้าเกมเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงถือกำเนิดขึ้นในชื่อ ‘แย่งชิงการเป็นวีรบุรุษ’…

พ่อค้าสมบัติรายใหญ่ทั้งหมดได้เริ่มติดต่อกับคนบ้าคนนี้ โดยหวังว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะใช้ชื่อร้านของตนเองในการก่อตั้งสำนัก

เมื่อพวกเขาพบว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ก่อตั้งสำนักที่เรียกว่า ‘พันธมิตรราชามังกร’ พวกเขาทั้งหมดจึงคิดว่าจะเพิ่มชื่อเสียงให้ร้านของตัวเองได้อย่างไรและจะเพิ่มเข้าไปอย่างไรให้ดูดีขึ้น…

ได้ยินมาว่าภูเขาทางตอนเหนือชื่อจื่อซานกวน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีผู้คนเข้าไปสักการะมากมาย จนสำนักข่าวแพร่ข่าวออกมาทั่ววีแชทและเว่ยป๋อ…

ระบบ “วันลาพักร้อนหมดแล้ว กลับไปทำงานที่พื้นที่ระบบซะ…”

ฟางหนิงกดออกจากเกมท่าทางอิดออด แล้วเปลี่ยนร่างกลับสู่ระบบอินเทอร์เน็ตคาเฟ่

เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เฮ้อ…ถ้าเวลาผ่านไปได้ช้าเหมือนตอนที่ทำงานหรือเรียนหนังสือก็คงจะดี…

ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟางหนิงก็เริ่มฝึก ‘คัมภีร์โพธิ์’ ฉบับสมบูรณ์ซึ่งมีภาพประกอบที่ทันสมัยอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน ข้อความจากเจิ้งต้าวก็ปรากฏขึ้นบน QQ

ฟางหนิงรีบวางหนังสือลง เอนหลังพิงเก้าอี้แล้วเปิดข้อความ QQ ขึ้นอีกครั้ง เขาใช้โอกาสนี้แอบอู้เล็กน้อย เพราะตอนนี้เขาง่วงมากเหลือเกิน…

เจิ้งต้าว “ท่านมังกรขาว ข้ามีเรื่องอยากจะขอให้ท่านบอกท่านเทพมังกร”

ฟางหนิงเอียงศีรษะเอนหลังพิงเก้าอี้คอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอน พลางพิมพ์อย่างเกียจคร้านว่า “โอ้ ค่อยๆ พูดมาเถอะ อย่าได้เกรงใจ”

เจิ้งต้าว “ข้าละอายใจจริงๆ ข้าอาจจะไม่สามารถรับใช้ท่านทั้งสองต่อไปได้แล้ว…”

ฟางหนิงยืดร่างกายของเขาทันที วิญญาณพลันสั่นรัวพร้อมกับนิ้วที่รีบพิมพ์ “มีอะไรหรือเปล่า? นายมีปัญหาอะไร? พูดตรงไปตรงมาได้เลย ฉันคนนี้พร้อมรับฟังเสมอ”

หลังจากฟางหนิงพิมพ์เสร็จ เขาก็รีบดูแผนที่ระบบและพบว่าอีกฝ่ายยังเป็นสีฟ้า แสดงว่าเขายังคงเป็นผู้ติดตามของตัวเอง

มีเพียงสถานที่ที่เจิ้งเต้าอยู่เท่านั้นที่มืดสนิท เห็นได้ชัดว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่รู้จัก

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

……………………………………………

บทที่ 112 ห้ามพูดคำว่า ‘แน่นอน’
ระบบ “ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ระบบทำไปเพราะต้นกำเนิดของวัตถุดิบสำคัญ ระบบต้องทำยาเพิ่มเลือดซึ่งมันเกี่ยวข้องกับชีวิตของระบบด้วย เพราะฉะนั้นระบบไม่ช่วงชิงสิ่งเล็กน้อยไปจากโฮสต์หรอก…”

เมื่อฟางหนิงได้สิทธิ์ในการใช้ร่างกายของเขากลับคืน จึงรีบเอ่ยแย้ง “โอ้ เรื่องคราวที่แล้วทำให้ผมกลัวสุดๆ เมื่อเร็วๆ นี้ผมจึงระดมทุนเพื่อเอามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังนี้ และได้สอบถามกับสถาบันทางการเงินสองสามแห่งด้วย พวกเขาสามารถให้เงินสดแก่ผมหนึ่งพันล้านได้ แต่พวกเขาอยากให้ผมขายหุ้นของร้านอาหารบางส่วน…”

ประธานจ้าวโบกมือปัด “อย่าไปมองหาผีดูดเลือดพวกนั้นเลย ร้านอาหารของนายเป็นแหล่งบ่อเงินบ่อทอง ในอนาคตจะต้องรุ่งเรืองใหญ่โตมากแน่ ถ้าต้องการเงินมากขนาดนั้นจริงๆ ลองไปกู้ยืมบนแพลตฟอร์มของหอการค้าฉีเฉิงดูสิ ฉันจะเป็นคนค้ำประกันให้ นายจะได้มีเงินจากการโครงการกู้ยืมโดยที่ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นร้านอาหาร และตราบใดที่เงินต้นมีการค้ำประกันและจ่ายดอกเบี้ย ดอกเบี้ยก็จะไม่สูง”

ด้วยจำนวนเงินหนึ่งพันล้านเมื่อเทียบกับฐานะทางการเงินของประธานจ้าวแล้วจึงเป็นเรื่องยากที่จะระดมเงินสดจำนวนมากขนาดนี้ได้ เขาจึงไม่สามารถพูดได้ว่าจะให้ยืมเงินของตน

ฟางหนิงเป็นคนมีเหตุผล พ่อตาเชื่อมั่นในตัวเขาจริงๆ จะมีใครกล้าเปิดใจและค้ำประกันโครงการกู้เงินหนึ่งพันล้านได้ง่ายๆ กัน? ยิ่งถ้ากับลูกสะใภ้ของเขาล่ะก็…อย่าหวังเลย

ในตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยากปฏิเสธคำชักชวนโดยไม่จำเป็น มีระบบแล้วจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?

ฟางหนิง “ก่อนหน้านี้ผมไม่อยากรบกวนคุณลุง แต่เพราะคุณลุงพูดอย่างนั้น หลานชายตัวน้อยอย่างผมต้องขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณลุงมากแล้ว ต่อไปหากมีปัญหาเรื่องการเงินผมจะบอกให้จ้าวอิ๋งไปที่หอการค้านั่นก่อน”

ประธานจ้าว “อืม อย่างนั้นก็ดีแล้ว แต่ช่วงนี้ไม่จำไม่เป็นต้องลงทุนอะไรมากหรอก เจ้าอ้วนหลิวบอกว่าจะหาคนเพิ่มอีกสักสองสามคน เมื่อทุกคนนำเงินมาลองลงทุนก่อนเป็นจำนวนหลายสิบล้าน สุดท้ายความสำเร็จในการปลูกจะเป็นที่แน่นอนหรือไม่นั้น ที่แห่งนี้คงจะมีหลุมบ่อมากมายและความเสี่ยงในระยะเริ่มต้นก็น่าจะยังคงมีความสมดุลไว้ มีแววว่าถ้าพวกเราลงทุนมากขึ้น หุ้นก็จะมากขึ้นด้วย”

ฟางหนิง “อืม ผมจะเชื่อฟังคุณลุงครับ ช่วยรับเงินยี่สิบล้านนี้ไปก่อนเถอะ”

หลังจากพูดถึงเรื่องสำคัญของการปลูกพืชผลที่ช่วยเพิ่มพลังชนิดนี้ คุณนายจ้าวก็เรียกฟางหนิงออกไปเพื่อแบ่งปันสิ่งที่เรียกว่าทานของพระโพธิสัตว์

หลังจากฟางหนิงได้รับมาแล้ว เขาก็เข้าใจในทันที

ก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นเซวียเฟิง ‘ลอย’ ขึ้นเมื่อได้รับพลังเวทย์ของพระโพธิสัตว์ปีศาจระบบ เขายังคิดไม่ออกว่าระบบกำลังทำอะไร?

เซวียเฟิงได้รับมันไปเล็กน้อยเท่านั้น ตามคำอธิบายของคุณนายจ้าวคาดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีอนุภาคซึ่งหาที่เปรียบมิได้

ระบบเป็นคนที่หากไม่เห็นประโยชน์ก็จะไม่มีทางยอมแพ้ ครั้งนี้มันขโมยเวลานอนของเขา ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ เท่านั้นแต่ยังสูญเสียเงินอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะโกรธหลังจากถูกปิดกั้นตัวเอง และไม่แปลกใจเลยที่ระบบแสร้งทำเป็นปลีกวิเวกมานาน…

…………

หลังจากเปลี่ยนร่างก็สลัดร่างเดิมทิ้งไป พร้อมกับกลับมายังบ้านพักย่านชานเมืองวิลล่า ฟางหนิงที่รู้ความจริงจึงไม่อยากล้ำเส้นของระบบ…

อีกอย่างวันหยุดจะถูกยกเลิกถ้าทำตัวไม่ดี…

แต่ค่อยยังชั่วที่เขาเพิ่งจะเริ่มเล่นอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น

และวันนี้ก็เพิ่งจะเป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์อย่างเป็นทางการ…

ทันทีที่ได้เล่นเขาก็เล่นตั้งแต่บ่ายจนถึงเช้าของวันรุ่งขึ้น เรียกได้ว่าเล่นตลอดทั้งคืน…

ระบบ “เหลือวันหยุดอีกหกวัน”

ฟางหนิงไม่สนใจวันเวลาที่ยังเหลืออยู่

เขาเล่นผ่านไปวันแล้ววันเล่า…

ระบบ “เหลือวันหยุดอีกห้าวัน”

แต่ฟางหนิงก็ยังไม่สนใจ

…………

หลังจากวันหยุดผ่านพ้นไป และเข้าสู่เช้าวันที่เจ็ด

ฟางหนิงก็ยังคงไม่สนใจและเล่นเกมอย่างบ้าคลั่งอยู่ดี ตอนนี้ชื่อ ‘มังกรแห่งใต้หล้า’ ได้แพร่กระจายไปทั่วเกมแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นชายคนหนึ่งฟาร์มบอสเป็นเวลาหกวันหกคืนติดต่อกัน

แม้อาจจะมีคนที่พลังจิตแข็งแกร่งกว่าฟางหนิง อีกทั้งการปฏิบัติก็ยืดหยุ่นมากกว่า แต่พวกเขาคงไม่ได้คลั่งไคล้เกมเท่านี้อย่างแน่นอน…

ในตอนนี้ฟางหนิงอาศัยการปฏิบัติการพิเศษเพื่อฟาร์มบอสจำลอง เขามีอุปกรณ์ขั้นสูงจำนวนมากและทั้งหมดนี้ก็ไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดซื้อขายผู้เล่น เพราะหากต้องการซื้อ จะต้องเสนอซื้อในราคาที่สูงลิ่ว แม้แต่เศรษฐีก็ไม่สามารถเทียบกับเขาในตอนนี้ได้!

ในด่านปัจจุบันของเกมชายผู้มีชื่อเสียงคนนี้ติดตั้งอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้ ฝีไม้ลายมือแพรวพราวและเปี่ยมด้วยวิทยายุทธ์

ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีแต่คนห้อมล้อมเรียกว่า ‘พี่ใหญ่หรือท่านเทพ’ อีกอย่างยังมีคนเรียกว่า ‘สามี‘ เยอะมากด้วย แต่ในจำนวนนั้นกลับไม่มีผู้หญิงเลยสักคนเดียว นั่นหมายความว่าไงกัน?

‘พันธมิตรราชามังกร’ ตำแหน่งนี้ไม่ได้แต่งตั้งขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว หากไม่ได้เป็นผู้นำของพันธมิตรก็จะไม่สามารถรับสมัครพรรคพวกได้ และหากไม่มีพรรคพวกก็จะไม่มีใครคอยเคลียร์สนามให้!

จะว่าไปแล้ว ‘ขี้เถ้าเติมเต็มต้าไห่’ ที่เคยเป็นน้องชายคนเล็กในกิลด์ผู้คอยออกมาเคลียร์สนามให้เสมอ…

น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่สามารถไปชวนเขาได้แล้ว

เมื่อก่อนเกมนี้เล่นภายใต้ตัวตนของฟางหนิง เพราะฉะนั้นหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ฟางหนิงทิ้งไว้ให้ต้าไห่จึงเป็นของเขา

แต่ภายหลังหากมีการรวมตัวกัน ฟางหนิงก็ได้คิดถึงอันตรายและปัญหาทั้งหมดที่จะตามมาอีก เขามีแผนใหญ่แต่ไม่มีเงิน

ด้วยอุปกรณ์ที่เพียบพร้อม ฟางหนิงจึงรีบไปเข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือกต่างๆ จนเขาได้ขึ้นไปสู่แรงค์สูง ทำให้มีพ่อค้าสมบัติรายหนึ่งติดต่อมาเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ให้ แม้จะไม่มากนักแต่ขอแค่ได้เงินก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้มี ‘ผู้บุกเบิกการฝึกฝน’ ไม่กี่คนที่มุ่งเป้าไปที่ ‘มังกรแห่งใต้หล้า’ เพียงแต่ฟางหนิงได้ละทิ้งอันตรายที่ซ่อนอยู่ในอุปกรณ์

หมาตัวนี้สนุกมากกว่าเกมด้วยโมดูลการฝึกที่มาก แต่เศรษฐีที่เข้ามาก็มีมากเช่นกัน ว่ากันว่าอุปกรณ์นั้นขึ้นอยู่กับการเล่นเท่านั้นและตลาดการซื้อขายผู้เล่นภายในก็จะอนุญาตให้ทำธุรกรรมการโอนเงินสด ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับรายการและเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการฟาร์ม เศรษฐีก็สามารถซื้อทรัพยากรจากผู้เล่นในราคาสูงได้

นักพัฒนาเกมเต็มไปด้วยความมั่นใจมาก ผู้เล่นเดี่ยวภายในเกมพวกเขาจะใช้ธุรกรรมราคาต่ำพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการจัดการแพลตฟอร์ม ส่วนในความเป็นจริงพวกเขากลับขายในราคาที่สูง

ฟางหนิงใช้ทองคำเติมเกมเป็นจำนวนมหาศาล แม้ว่าจะมีช่องโหว่มากมายจากการค้นหาหนังสือสมบัติ แต่รางวัลก็ไม่น้อยเลย ตอนนี้เขาสามารถสร้างทองคำได้จากเกมเท่านั้น เขาต้องการใช้จ่ายเพื่อเปิดสำนัก

ด้วยทักษะอันไร้มนุษยธรรม และรอยหยักสมองมากมาย สั่งสมกับประสบการณ์การเล่นเกมหลายปี เขาไม่ได้กังวลว่าจะไม่ได้รับทองจากเกม

ตอนนี้ข้อกังวลอย่างเดียวของเขาคือไอ้คนที่สามารถโอนเงินจากบัญชีอิสระของเขาได้อย่างเปิดเผย…

ฟางหนิงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเสแสร้งในรอบคัดเลือก และคนที่สามารถโอนเงินจากบัญชีอิสระของเขาได้ก็พูดขึ้นอีกครั้ง

ระบบ “เฮ้ ระบบว่าอุปกรณ์ของโฮสต์มีค่ามากนะ พอดูข้อมูลการซื้อในประกาศเกมวันนี้ ระบบคำนวณดูเองแล้วว่าสามารถขายได้หลายล้าน…”

ฟางหนิงออกจากโหมดการเสแสร้งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไม่นะ เขาถอนตัวจากรอบคัดเลือกแล้ว

ใบหน้าเขาดูระแวดระวัง “แกต้องการอะไร?! นี่เป็นรางวัลจากการทำงานหนักของฉันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ในช่วงต้นเกมมันแพงมากจนซื้อไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าแอบเอาไปขายทิ้งเด็ดขาด!”

ระบบ “ระบบไม่แอบขายอุปกรณ์ของโฮสต์หรอก ระบบหมายถึง โฮสต์สามารถขายอุปกรณ์ของตัวเองเพื่อแลกเป็นเงินได้นะ”

ฟางหนิง “ถ้าแกให้ฉันขายด้วยตัวเอง แกจะโอนเงินในบัญชีของฉันอีกน่ะสิ”

ระบบไม่พอใจ “โฮสต์มาป้ายสีตีไข่ผู้บริสุทธิ์ได้ยังไง เล่นเกมเองแท้ๆ และแน่นอนว่าเงินที่โฮสต์ได้รับจากเกมก็เป็นของโฮสต์ ในฐานะวีรบุรุษระบบไม่มีทางทำได้หรอก! ต่างจากร้านอาหารและอัศวิน A พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาความสามารถของระบบ เงินนั่นจึงเป็นของระบบโดยปริยาย”

ฟางหนิงนึกสงสัย “แกใจดีและใจกว้างขนาดนี้จริงๆ เหรอ? ร้านอาหารของฟางนั่นเป็นความคิดของฉัน แต่แกยังขี้เหนียวขนาดนั้น ทั้งเงินเดือนก็ให้ฉันแค่สามหมื่นหยวน เงินปันผลก็ไม่มี ฉันไม่ดีเท่าผู้บริหารร้านอาหารด้วยซ้ำ…”

ระบบเมินเฉยต่อสิ่งที่ฟางหนิงพูด แต่กลับปฏิเสธออกมา “ระบบเป็นระบบที่ชอบธรรม ใจดีและใจกว้างเสมอมา! โฮสต์ไม่เห็นหรือว่าระบบทำหน้าที่อัศวิน A ทุกวัน? แล้วโฮสต์ไม่เห็นเหรอที่ประธานจ้าวพูดเมื่อกี้ว่าเขาจะลงทุนในพืชผลเพิ่มพลัง ระบบก็ต้องทุ่มลงทุนหนึ่งพันล้านในคราวเดียวสิจริงไหม?”

ฟางหนิงส่ายหัวอย่างไม่อยากเชื่อ “แกก็ต้องเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดอยู่แล้ว เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับแก พูดตามตรง จุดประสงค์ของแกคืออะไรกันแน่?”

ระบบ “เฮ้ย โฮสต์ฉลาดอะไรขนาดนี้ ระบบกดดันมากนะ ประสิทธิภาพการกำจัดปีศาจแทบลดลงแหนะ…”

ฟางหนิง “แกไม่ใช่มนุษย์ เพราะฉะนั้นไม่มีแรงกดดันอะไรทั้งนั้นแหละ อย่าคิดว่าเลียนแบบน้ำเสียงของฉันแล้ว ฉันจะปฏิบัติต่อแกเหมือนมนุษย์นะ ถ้าไม่พูดความจริง ฉันก็จะเล่นต่อไป”

ระบบ “ระบบบอกแล้วไงว่าในเมื่อโฮสต์มีแหล่งเงินอยู่แล้ว ก็เลิกทำเงินผ่านช่องโหว่ในหนังสือโทรมๆ นั่นได้ ระบบต้องปรับการอัพเดตบั๊กตลอดทั้งคืน ต่อไปมันจะทำให้ระบบเสียเวลาฟาร์มปีศาจอีก ถึงตอนนั้นความแข็งแกร่งของระบบก็จะค่อยๆ พัฒนา เพราะหากอ่อนแอกว่าบอสใหญ่ตัวอื่นๆ โฮสต์ก็จะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเล่น ‘Beasts Fighting for Heroes’…”

ฟางหนิงหัวเราะ ‘ฮ่าฮ่า’ ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แม้เนื้อหาจะไม่มีอะไรมาก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าระบบห่วยนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ!

ดูเหมือนว่าหลังจากคิดไตร่ตรองสองสามวันมานี้ ในที่สุดมันก็ต้องการที่จะให้เขาเข้าใจว่าระบบปัญญาอ่อนของมันสร้างแต่เกมปัญญาอ่อนที่ปัญญาอ่อนกว่ามันซะอีก…

ช่างเถอะ ‘ยังไงเราก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวและยังต้องพึ่งพาระบบเพื่อให้ผ่านพ้นยุคอันตรายนี้ไปได้อย่างสบายใจ’

ฟางหนิงพยักหน้า “อืม ฉันเป็นคนใจดีจริงๆ ในเมื่อแกพูดแบบนี้ ฉันก็คงจะต้องเห็นด้วยกับแกแล้วล่ะ ฉันจะไม่จงใจใช้ช่องโหว่ในหนังสือเกมสมบัติ แต่ถ้ามีรางวัลภารกิจอื่นที่จะส่งไปที่ประตูโดยอัตโนมัติ หวังว่าฉันคงจะไม่ต้องปล่อยมันไปหรอกใช่ไหม?”

ระบบ “แน่นอนว่าจะไม่มีรางวัลภารกิจใดๆ ที่ถูกส่งไปยังประตูของโฮสต์โดยอัตโนมัติอีกต่อไป ภารกิจที่ระบบจะเผยแพร่ในอนาคตจะใช้ความพยายามอย่างมาก…”

ฟางหนิง “ฉันขอเตือนแกหน่อย อย่าใช้คำว่า ‘แน่นอน’ เมื่อแกพูดถึงเรื่องอะไรในอนาคต ในนิยายมันถือเป็นคำพูดสิ้นคิด…”

ระบบ “จากนี้ไปฉันจะไม่ใช้คำสองคำนี้อีกแน่นอน…”

ฟางหนิงพยักหน้าพอใจมากหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “ได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้ว ฉันก็ไม่ต้องกังวลว่าไอคิวของแกจะมีมากกว่าของฉันแล้วล่ะ…”

ระบบ “…”

…………

ฟางหนิงได้ยินคำรับปากที่ชัดเจนจากระบบแล้ว แรงจูงใจในการเล่นเกมของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าระบบจะขายอุปกรณ์ของเขาและที่สำคัญกว่านั้นคือเงินที่ได้มานั้นมันจะโอนออกไป…

เขาเล่นต่อจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น การแข่งขันรอบคัดเลือกทั้งหมดตรงกับนัดแรก ตำนานคนบ้าเกมเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงถือกำเนิดขึ้นในชื่อ ‘แย่งชิงการเป็นวีรบุรุษ’…

พ่อค้าสมบัติรายใหญ่ทั้งหมดได้เริ่มติดต่อกับคนบ้าคนนี้ โดยหวังว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะใช้ชื่อร้านของตนเองในการก่อตั้งสำนัก

เมื่อพวกเขาพบว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ก่อตั้งสำนักที่เรียกว่า ‘พันธมิตรราชามังกร’ พวกเขาทั้งหมดจึงคิดว่าจะเพิ่มชื่อเสียงให้ร้านของตัวเองได้อย่างไรและจะเพิ่มเข้าไปอย่างไรให้ดูดีขึ้น…

ได้ยินมาว่าภูเขาทางตอนเหนือชื่อจื่อซานกวน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีผู้คนเข้าไปสักการะมากมาย จนสำนักข่าวแพร่ข่าวออกมาทั่ววีแชทและเว่ยป๋อ…

ระบบ “วันลาพักร้อนหมดแล้ว กลับไปทำงานที่พื้นที่ระบบซะ…”

ฟางหนิงกดออกจากเกมท่าทางอิดออด แล้วเปลี่ยนร่างกลับสู่ระบบอินเทอร์เน็ตคาเฟ่

เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เฮ้อ…ถ้าเวลาผ่านไปได้ช้าเหมือนตอนที่ทำงานหรือเรียนหนังสือก็คงจะดี…

ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟางหนิงก็เริ่มฝึก ‘คัมภีร์โพธิ์’ ฉบับสมบูรณ์ซึ่งมีภาพประกอบที่ทันสมัยอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน ข้อความจากเจิ้งต้าวก็ปรากฏขึ้นบน QQ

ฟางหนิงรีบวางหนังสือลง เอนหลังพิงเก้าอี้แล้วเปิดข้อความ QQ ขึ้นอีกครั้ง เขาใช้โอกาสนี้แอบอู้เล็กน้อย เพราะตอนนี้เขาง่วงมากเหลือเกิน…

เจิ้งต้าว “ท่านมังกรขาว ข้ามีเรื่องอยากจะขอให้ท่านบอกท่านเทพมังกร”

ฟางหนิงเอียงศีรษะเอนหลังพิงเก้าอี้คอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอน พลางพิมพ์อย่างเกียจคร้านว่า “โอ้ ค่อยๆ พูดมาเถอะ อย่าได้เกรงใจ”

เจิ้งต้าว “ข้าละอายใจจริงๆ ข้าอาจจะไม่สามารถรับใช้ท่านทั้งสองต่อไปได้แล้ว…”

ฟางหนิงยืดร่างกายของเขาทันที วิญญาณพลันสั่นรัวพร้อมกับนิ้วที่รีบพิมพ์ “มีอะไรหรือเปล่า? นายมีปัญหาอะไร? พูดตรงไปตรงมาได้เลย ฉันคนนี้พร้อมรับฟังเสมอ”

หลังจากฟางหนิงพิมพ์เสร็จ เขาก็รีบดูแผนที่ระบบและพบว่าอีกฝ่ายยังเป็นสีฟ้า แสดงว่าเขายังคงเป็นผู้ติดตามของตัวเอง

มีเพียงสถานที่ที่เจิ้งเต้าอยู่เท่านั้นที่มืดสนิท เห็นได้ชัดว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่รู้จัก

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

……………………………………………

บทที่ 102 สิ่งแรกที่ต้องไล่ล่าให้ถึงที่สุดจนกว่าจะตาย
แม้จะได้ยินคำพูดนั้น ปีศาจแมลงก็ยังมีสีหน้าปกติ ไม่หลบเลี่ยง และปล่อยให้ผีโปร่งใสจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมรอบตัวมัน

ปีศาจแมลงเมินเฉยต่อความเจ็บปวดแก่ผีนับหมื่นตนที่กัดกินจิตวิญญาณของตนเอง มันยิ้มเหยียด “พระโพธิสัตว์ปีศาจ ข้าไม่ได้ล่วงล้ำน้ำในแม่น้ำและไม่ได้ตั้งใจจะทำลายรากฐานของท่านจริงๆ ก่อนหน้านี้เพียงทำให้ตกใจกลัว ทำไมต้องมายุ่งกับมนุษย์แบบนี้ด้วยล่ะ? ท่านไม่กลัวว่าข้าจะไม่กลับไปแก้แค้นหลังจากเหตุการณ์นั้นจริงๆ เหรอ?”

ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวในถ้ำลึกแห่งนั้นและผู้ที่มาใหม่คือพระโพธิสัตว์ปีศาจ

พระโพธิสัตว์ปีศาจส่ายหัวและกล่าวว่า “ปีศาจแมลง เจ้ายังคิดว่าโลกนี้เหมือนโลกก่อนหน้าที่ยอมให้เจ้ามาวุ่นวายได้ตามอำเภอใจงั้นเหรอ? เจ้าเข่นฆ่าโดยประมาท นำความโกรธมาให้คนที่นี่โดยไม่รู้ตัว หากเจ้าปล่อยให้พลังหวนคืนสู่อดีต โลกที่ยังไม่ก่อตัวใบนี้จะต้องถูกเจ้าทำลาย ซึ่งไม่มีใครยินยอมเจ้าแน่ แม้แต่ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้ข้าทำได้เพียงมาโปรดเพื่อให้เจ้าไปยังดินแดนสุขาวดีล่วงหน้า…”

ปีศาจแมลงหัวเราะ “โลกที่แล้วก็มีคนบ่นแบบนี้เยอะ แต่ข้ายังสบายดี ข้ามีร่างอวตารนับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าพระโพธิสัตว์ปีศาจมีวิธีอะไรที่จะโปรดให้ข้าละทางโลกได้?”

พระโพธิสัตว์ปีศาจยิ้มเล็กน้อย หันศีรษะแล้วกล่าวว่า “พญาแมลง เจ้าเต็มใจจะยึดถือข้าเป็นที่พึ่งหรือเปล่า?”

เมื่อปีศาจแมลงได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของมันพลันเต้นระรัว แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง “ฮึ่ม วิธีการหว่านล้อมของท่านยังต่ำเกินไปนัก ตราบใดที่ข้าไม่ตาย พญาแมลงก็ยังสามารถฟื้นคืนชีพได้ไม่รู้จบ มันจะทิ้งข้าไปได้ยังไง?”

ใครจะรู้ว่าพญาแมลงกลับก้มศีรษะพลางกระซิบ “พระโพธิสัตว์ปีศาจเต็มใจที่จะชะล้างบาปของแมลงตัวน้อยอย่างข้า ข้าก็รู้สึกทราบซึ้งใจเหลือเกินจะปฏิเสธได้ยังไง? ข้าเต็มใจที่จะยืดถือท่านเป็นที่พึ่ง”

ปีศาจแมลงถอยหลังไปสองสามก้าว ความเจ็บปวดของผีนับหมื่นตนที่กัดกินวิญญาณของเขาในตอนนี้ ไม่ได้ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป แต่เป็นคำพูดของพญาแมลงต่างหากที่ทำให้เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้

เขาชี้ไปที่อีกฝ่าย “เจ้ากับข้าอยู่ด้วยกันมาหลายร้อยปีแล้ว เป็นที่พึ่งพาชีวิตและความตายมาโดยตลอด ครั้งนี้ไม่ได้สิ้นหวังน้อยไปกว่าที่ผ่านมา ทำไมเจ้าถึงผิดสัญญา?”

พญาแมลงเพียงส่ายหัวแต่ไม่พูดอะไร

พระโพธิสัตว์ปีศาจเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้รับความช่วยเหลือจากเต๋ามากมาย แต่กลับไม่เชื่อฟังและไม่เคยเข้าใจ ข้าจะบอกความจริงอะไรให้ การกำจัดคำสาปนี้ของเจ้า ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของพระผู้เป็นเจ้า ในภายภาคหน้าข้ากับเจ้าจะได้ไม่ต้องตระหนกอีกต่อไป ทุกวันข้าต้องคอยซ่อนตัวอยู่ในถ้ำใต้ดิน ไม่เห็นแม้ตะวันและหยาดฝน โลกใบนี้น่าตื่นเต้นกว่าโลกก่อนร้อยเท่า มันโหยหามานานแล้ว แต่เจ้ากลับเมินเฉย ไม่เปลี่ยนนิสัยชอบเข่นฆ่า คอยแต่จะคุกคามมรดกของผู้อื่นด้วยการฆ่าล้าง แม้ว่าข้าจะมีใจเมตตา แต่ครั้งนี้เห็นทีคงต้องใช้วิธีปราบปีศาจ”

ปีศาจแมลงโกรธมาก “เจ้าทรยศข้าด้วยผลประโยชน์เล็กน้อย ยังมีมโนธรรมอยู่ไหม?”

พระโพธิสัตว์ปีศาจส่ายหน้าไปมา “ปีศาจเช่นเจ้าคู่ควรกับมโนธรรมด้วยเหรอ เจ้าเข่นฆ่าดวงวิญญาณไปกี่ตนแล้ว? กี่ครั้งแล้วที่เจ้าทรยศคนที่ให้โอกาสเจ้า? วันนี้เป็นเพียงจุดจบของบาป พญาแมลงใช้ใยโลหิตกักขังร่างอวตารทั้งหมดของเจ้าปีศาจตนนี้”

พญาแมลงก้มศีรษะพลางพยักหน้า “รับทราบเจ้าค่ะ”

ทันทีที่มันพูดจบร่างกายก็สั่นเทิ้ม

คลื่นที่มองไม่เห็นโผล่พ้นออกมาจากถ้ำ

ไม่นานแมลงประหลาดทุกชนิดก็ปรากฏขึ้นทีละตัวและกระจายไปทั่วพื้นถ้ำ โดยเฉพาะแมงป่องตัวใหญ่ที่น่ากลัวที่สุด

“แน่นอนว่ามีร่างอวตารมากมายหลายพันตัว เพื่อหลีกเลี่ยงความฝันอันยาวนานยามค่ำคืน ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าพระโพธิสัตว์ปีศาจคงต้องเลือดเปื้อนมือเพื่อชะล้างตราบาปซะแล้ว”

พระโพธิสัตว์ปีศาจรูปนี้กล่าวในขณะที่กำลังจะลงมือ ปีศาจแมลงหวาดกลัวจนพูดไม่ออก ไม่มีความบ้าคลั่งอย่างที่เคยควบคุมฝูงแมลงให้เข่นฆ่าอีกต่อไป

ทันใดนั้นพระโพธิสัตว์ปีศาจก็หยุดชะงัก ปีศาจแมลงคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้แสดงความเมตตาอีกครั้งจึงรีบกล่าวว่า “พระโพธิสัตว์ปีศาจช่วยยกโทษให้ข้าอีกสักครั้งเถอะ คราวนี้ข้าจะกลับใจและกลายเป็นคนใหม่อย่างแน่นอน”

พระโพธิสัตว์ปีศาจส่ายหัว “คำพูดนี้ เจ้าควรนำไปบอกพี่ใหญ่มังกร”

ขณะที่ปีศาจแมลงกำลังงุนงง ไม่นานหลังจากนั้น สุนัขตัวหนึ่งก็ส่งเสียงเห่า จากนั้นชายผู้แข็งแกร่งก็ปรากฏตัว

“อัศวิน A!” ปีศาจแมลงอยากจะล่าถอย แต่ในเวลานี้เขาพบว่าผีหมื่นตนได้ล้อมเขาไว้แล้ว จึงไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้อีก

“นายท่าน พญาแมลงอยู่นี่เอง เอ๊ะ ทำไมพระโพธิสัตว์ถึงอยู่ด้วยล่ะ? ข้าขอนมัสการท่านพระโพธิสัตว์”

หมาเหลืองเซวียปาตกใจเมื่อเห็นพระโพธิสัตว์ปีศาจ มันรีบโค้งคำนับทันที

พระโพธิสัตว์ปีศาจโบกมือ เป็นเชิงบอกใบ้ว่าไม่ต้องก้มแล้ว เขาเอ่ยปาก “ไม่ต้องมากพิธีหรอก พี่ใหญ่มังกรและปราชญ์แห่งตระกูลสุนัข ท่านมาได้เวลาพอดี ร่างอวตารทั้งหมดของปีศาจตนนี้อยู่ที่นี่ ถูกกำจัดสิ้นซากหมดแล้ว”

ภายในพื้นที่ของระบบ

ระบบ “พระโพธิสัตว์ปีศาจรูปนี้หมายความว่ายังไงกัน? เห็นได้ชัดว่าเรามาที่นี่เพื่อแย่งเขากำจัด เขาไม่โกรธเหรอ?”

ฟางหนิง “ไอคิวของแกก็มีแค่นี้แหละ ฉันเคยพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่พวกนักพรตจะมามือเป้นเลือด แกคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนแกเหรอที่สามารถเพิ่มประสบการณ์และความแข็งแกร่งของตัวเองได้ด้วยการกำจัดปีศาจ สำหรับพระโพธิสัตว์ปีศาจเกรงว่ามันจะตรงกันข้ามน่ะสิ”

ระบบ “ถ้าโฮสต์พูดแบบนี้ งั้นเราลองทำข้อตกลงกับสหายคนนี้กันเถอะ”

ฟางหนิง “ฉลาดมาก ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบของเราได้แน่นอน หากมีปีศาจสุดอันตรายอีกก็ให้เรียกเขามา ปล่อยให้เขาทุบตีจนตายแล้วเราค่อยมาเก็บกวาดกันหัว…”

…………

อัศวิน A กล่าว “พระโพธิสัตว์มีเป้าหมาย เขาคนนี้ซื่อตรง ผู้กระทำชั่วต้องถูกจัดการให้สิ้นซาก”

หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่รีรอ ครู่หนึ่งเปลวเพลิงมังกรก็ปะทุขึ้น แผดเผาแมลงทั้งหมดที่รวมตัวกันในถ้ำ มีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นเปลวเพลิงก็ห่อหุ้มตัวปีศาจแมลงไว้

ในเวลานี้ ภูติผีนับไม่ถ้วนได้ถอนตัวและหายไปในอากาศอย่างเงียบๆ แล้ว

“ปล่อยข้าไปนะ ท่านมังกรตัวจริง ข้าเต็มใจจะพึ่งพาท่านอย่างสุดหัวใจ นับจากนี้จะขอทำตามคำสั่งของท่านในทุกสิ่ง ท่านและข้าจะร่วมแรงกันเพื่ออยู่ยงคงกระพัน ข้ายังมีชุดวิธีการใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ในโลกนี้ด้วย พวกเราต่างเหมือนกัน อย่าฆ่าข้าเลย!” ปีศาจแมลงดิ้นพล่านอยู่ในกองเพลิงพลางขอความเมตตา

ฟางหนิงดูแผนที่ระบบและพูดไม่ออก ‘แกโกหกเก่งกว่าพี่ชายของฉันอีก บอกว่าจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ยังไงก็ตามต้องเปลี่ยนชื่อของแกเป็นสีเขียวบนแผนที่ระบบซะก่อนสิ ตอนนี้มันยังคงเป็นสีแดงคล้ำอยู่เลย’

‘ดูอย่างเจ้าหมาสองตัวสีเหลืองและสีดำนั่นสิ พวกมันกลายเป็นสีเขียวโดยไม่ต้องบอกกล่าวอะไรเลย มันจริงใจและซื่อสัตย์ ทำให้เราวางใจได้’

ปีศาจแมลงไม่รู้เรื่องนี้เลย เขามองไปทางอัศวิน A ที่ใบหน้าไร้อารมณ์ เท่านั้นก็รับรู้ได้ว่าหัวใจของอีกฝ่ายแข็งแกร่งราวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บนท้องฟ้า ร่างอวตารทั้งหมดถูกเรียกกลับมาโดยอาศัยใยโลหิตของพญาแมลง เขารู้ว่าคราวนี้ชีวิตของเขาคงจะต้องจบสิ้นจริงๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงอดโมโหไม่ได้“ให้ตายเถอะ ฉันน่าจะปล่อยให้แมลงทุกตัวออกไปฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกมนุษย์ของแก ขอให้แผนการของพวกแกสูญเปล่า!”

ขณะที่เขาพูด มันก็หันไปมองพญาแมลงอีกครั้ง “น่ารังเกียจจริงๆ พญาแมลงเจ้ามันคนหน้าไหว้หลังหลอก! เจ้าทรยศข้าไปนานแล้วและข้าก็เคยถูกเจ้าหลอกมาก่อน ถ้าเจ้าไม่พูดซ้ำๆ อดทนต่อคำยั่วเย้าของศัตรูที่แข็งแกร่ง ข้าคงทำลายโลกนี้ไปได้นานแล้ว คงไม่ต้องพินาศแบบนี้!”

ฟางหนิงมองไปที่เขา สีของหมอนี่บนแผนที่ระบบเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ไม่เห็นแม้แต่สีแดง ทันใดนั้นเขาก็ตกใจ

ฟางหนิง “ระบบ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน”

ระบบ “โฮสต์มีไอคิวสูงนักนี่มาถามระบบทำไมล่ะ? หมอนี่เพิ่งแปลงร่างเป็นนักฆ่าโดยสมบูรณ์น่ะสิ”

ฟางหนิง “ไม่ได้การ เขาต้องถูกกำจัด! จากที่เราเจอมาเขาคือวายร้ายคนแรกที่ต้องการทำลายโลกให้สิ้นซาก ถ้าปล่อยให้เขามีชีวิตและเติบโตต่อไป ฉันจะยังมีเกมและนิยายให้เล่นได้ยังไง? สมควรตายอย่างถึงที่สุด!”

ในพริบตาทั่วทั้งร่างของปีศาจแมลงก็กลายเป็นเถ้าถ่าน มีเพียงควันสีฟ้าจางๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามันได้หายไปจากโลกนี้แล้ว

คำแนะนำของระบบ ระบบจะใช้สล็อตความโกรธ ใช้สล็อตพลังปราณและใช้ทักษะหยั่งลึก ‘ระเบิดมังกรยักษ์’

ปีศาจแมลงถูกพลังมังกรปราบปราม โจมตีทำลายเกราะป้องกันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการจู่โจมของพลังปราณเจียนตาย ‘การป้องปราม’ คงเหลือระดับกลาง

ปีศาจแผลงได้รับความเสียหายจากไฟไหม้อย่างต่อเนื่อง…

ระบบได้กำจัดร่างอวตารของปีศาจแมลงไปแล้ว 9,998 ตัว ยังคงเหลือหนึ่งตัว

ระบบได้ทำลายจิตวิญญาณของปีศาจแมลงอย่างรุนแรง

ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 300,000 คะแนน

ระบบหยุดการคุกคามที่ร้ายแรงต่อโลกชั่วคราว โฮสต์ได้รับคะแนนความชื่นชอบ 3 คะแนนสำหรับคุณลักษณะทั้งหมดของเทพเจ้ามังกรตัวจริง

ระบบได้รับชื่อเสียงของอัศวินผู้กล้าหาญ ระดับของความกล้าหาญถูกยกระดับเป็น ‘โด่งดังระดับโลก’ และสล็อตพลังปราณเพิ่มขึ้นหนึ่งช่อง เนื่องจากผลของสกิล ‘พลังปราณฟ้าดินเวอร์ชั่นไม่สมบูรณ์’ และ’เสริมร่างปราณแท้’ สล็อตพลังปราณทั้งหมดในปัจจุบันจึงเพิ่มขึ้นเป็น 12 ช่อง

ระบบได้รับค่าพลังปราณส่วนเกิน สล็อตพลังปราณเต็ม 12 ช่องแล้ว

พระโพธิสัตว์ปีศาจยิ้มเล็กน้อย กำลังจะพูดบางอย่างเกี่ยวกับพญาแมลง แต่อัศวิน A กลับพูดขัดขึ้นก่อน

อัศวิน A “มันยังมีร่างอวตารที่ไม่ถูกทำลายอีก”

ใบหน้าของพระโพธิสัตว์ปีศาจซีดเผือดลงเป็นครั้งแรก เขาขมวดคิ้ว “ให้ตายสิ เป็นไปได้ยังไงกัน? ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าข้ากำลังพยายามกระตุ้นจิตใจของเขา ข้าสัมผัสได้ถึงอารมณ์แปรปรวนที่รุนแรงของมัน ถึงแม้จะคิดว่ามันถึงวาระแล้วก็ตาม พญาแมลงรู้สึกถึงมันไหม ปีศาจแมลงยังมีร่างอวตารซ่อนอยู่ข้างนอกอีกไหม?”

พญาแมลงก็หวาดกลัวเช่นกัน ถ้าปีศาจแมลงไม่ตาย หากรอให้เขาฟื้นและหลอมพญาแมลงขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง มันก็จะอยู่ได้อีกไม่นาน

ทันทีที่สัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงของเลือด ร่างกายก็หดเล็กลงถึงระดับตาเปล่า และในไม่ช้ามันก็เปลี่ยนขนาดจากระดับตัวแรดกลายเป็นหมูป่า

พญาแมลงส่ายหัวไปมา “เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่สัมผัสถึงร่างอวตารอื่นๆ ของปีศาจแมลงบนโลกนี้อีกแล้ว พวกมันถูกจับหมดแล้วอย่างแน่นอน”

คิ้วของพระโพธิสัตว์ปีศาจยังคงขมวดมุ่น “พี่ใหญ่มังกรมันอาจฟังดูไม่ประหลาด แต่เป็นไปได้ไหมว่าเขายังมีร่างอวตารหลงเหลืออยู่ในโลกก่อน?”

ภายในพื้นที่ของระบบ

ระบบ “จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี? ถ้าหากปีศาจตนนี้ยังทิ้งร่างอวตารเอาไว้ มันจะเป็นหายนะครั้งใหญ่ในอนาคต”

ฟางหนิงกังวลใจมากกว่าที่เห็น “ฉันกำลังคิดอยู่ เพราะความโหดเหี้ยมของมัน ตราบใดที่มันรอดชีวิตและฟื้นคืนพลังได้ ผลที่ตามมาก็จะคาดเดาไม่ได้แน่นอน เรื่องนี้ต่างจากผู้อาวุโสตระกูลไป๋มาก มันโดดเดี่ยวและไร้ความปราณี ต้องถูกไล่ล่าจนกว่าจะตายเท่านั้น! ตอนนี้ฉันเดาว่าแกคงต้องให้ร่างกายของแกกับฉันแล้วล่ะ”

หนังสือตีพิมพ์ใหม่

หนังสือเล่มใหม่ออกวางจำหน่าย ‘เมื่อผมโดนระบบครองร่าง’ ออกวางจำหน่ายแล้ว ลองค้นดูนะครับ ทุกคนทำงานกันหนักมากเลย

เล่มที่สอง

………………………………………………..

บทที่ 101 ภาระหน้าที่จะถูกส่งต่อไปยังเทพแห่งระบบ ต้องตะโกนกับตัวเองต่อไปว่านายโคตรเจ๋งเลย
ฟางหนิงบิดเอวของเขาอย่างแรงพลางหาวเสียงดัง เขาง่วงจะตายอยู่แล้ว

ระบบ “ขนาดนั้นเลยเหรอ? ระบบฟาร์มมาแปดวันแปดคืนติดต่อกัน แต่ไม่ยักกะเหนื่อยเท่าโฮสต์ที่ได้นอนเต็มอิ่มทุกวัน”

ฟางหนิง “แกคิดว่าฉันเป็นอมนุษย์เหมือนแกเหรอ ความโกรธของฉันกำลังจะระเบิดแล้ว ลองดูหน่อยไหม? หลักจากผ่านสนามรบมาแล้ว ให้ฉันพักสักหน่อยเถอะ แกอย่าห้ามฉันนักเลย”

คำแนะนำของระบบ ระบบเปิดใช้งานร่างมังกรตัวจริง

ระบบใช้ความหมายที่ลึกซึ้ง ‘มังกรเพลิงกลืนนภา’

ระบบกลืนบอสต่อยักษ์กลายพันธุ์ซึ่งสามารถใช้เป็นยาหลักของสูตรยาต่างๆ ได้

ระบบใช้ความหมายที่ลึกซึ้ง ‘มังกรกลืนวายุ’

ระบบสังหารต่อยักษ์กลายพันธุ์ชนชั้นสูง…

ระบบสังหารร่างวิวัฒนาการของต่อยักษ์กลายพันธุ์…

ระบบกลืนศพต่อยักษ์กลายพันธุ์ทั้งหมดและเก็บไว้ในห้องกลั่นยา

…………

ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 4 ล้านคะแนน

ระบบยุติการทำอันตรายครั้งใหญ่ต่อผู้คนในเสินโจวชั่วคราว โฮสต์ได้รับความชื่นชอบ 1 คะแนนสำหรับคุณลักษณะทั้งหมดของเทพมังกรตัวจริง

ระบบได้รับชื่อเสียงที่กล้าหาญจำนวนมาก ระดับของอัศวิน A ได้รับการยกระดับเป็น ‘โด่งดังไปทั่วโลก’ และมาตรวัดความชอบธรรมได้เพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ เนื่องจากผลของสกิล ‘เวอร์ชันไม่สมบูรณ์ของคัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ และ ‘ปราณแท้เสริมร่าง’ จำนวนช่องปราณแท้ทั้งหมดในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 10 ช่อง

ระบบได้รับพลังงานบวกจำนวนมาก ช่องพลังงานบวก 10 ช่องในปัจจุบันได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่

ระบบได้รับอาวุธวิเศษ ‘โบราณวัตถุฮุ่ยหยวน’ ซึ่งกักเก็บพลังเวทไว้เป็นจำนวนมาก หลังบริโภคสามารถใช้เป็นอุปกรณ์สำรองพลังเวทหรือพลังงานความโกรธได้

ระบบได้รับค่ายกล ‘ค่ายกักกันสี่สภาพ’ และสามารถเปิดใช้งาน ‘ค่ายกักกันสี่สภาพ’

ฟางหนิงพอใจและรู้สึกง่วงน้อยลงชั่วขณะหนึ่ง กล่าวอย่างมีชัยว่า “นอกเหนือจากครั้งก่อน แกได้รับประสบการณ์ 7 ล้านครั้ง ทั้งได้รับวัตถุดิบทางการแพทย์จำนวนมากและสมบัติอีกสองชิ้นจากคนอื่น แต่ฉันยังคงกังวล ขอให้คนของสำนักสัจธรรมโทรหาเซวียปาหน่อยดีกว่า จมูกของมันดีมาก แม้แต่การมีอยู่ของแกก็ยังได้กลิ่น เมื่อเวลาผ่านไปมันจะต้องช่วยเราจับปีศาจแมลงนั้นได้แน่ และเมื่อเวลานั้นมาถึงก็คงมากด้วยประสบการณ์แล้ว หากไม่ได้ผลเราก็ยังมีรายได้อื่นอีก ประสบการณ์ครั้งนี้จะทำให้พลังในการสังหารของแกเหนือกว่าอาชญากรทั่วไปกว่าครึ่งปีเลยนะ”

ระบบ “โฮสต์อย่าพิรี้พิไรเลยเลย ต้องการรางวัลภารกิจก็แค่พูดออกมา…”

ฟางหนิง “ดูแกสิ คราวนี้ต้องยกความดีความชอบให้ฉันมากๆ นะ ฉันเหนื่อยจนเป็นลมไปสองสามรอบแล้ว แต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคย…”

ระบบ “หลังจากจับแมลงปีศาจได้แล้ว ระบบจะให้เวลาโฮสต์ได้เล่นตามใจหนึ่งสัปดาห์ โฮสต์สามารถใช้ร่างนี้ได้ตามต้องการแค่ไม่ทำเรื่องเลวร้ายก็พอ”

ฟางหนิง “ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ใช่ร่างของฉันมานานแค่ไหนแล้วนะ? ว่าแต่ไม่มีโบนัสให้สักหน่อยเหรอ?”

ระบบ “ระบบจะให้เงินไปลงทุนสำหรับเกมใหม่อีก 2.5 ล้านแล้วกัน”

ฟางหนิง “คิดจะให้ 2.5 ล้านตลอดเลยหรือไง?”

ระบบ “งั้นลบเลขทศนิยมข้างหน้าออกเหลือห้าแสนก็พอ”

ฟางหนิง “ไหนแกบอกว่าจะแบ่งคนละหกเปอร์เซ็นต์ยังไงล่ะ แกคิดว่าฉันจะโง่เหรอ สิบล้านถ้วนห้ามต่อรอง”

ระบบ “อีกเดี๋ยวจะโอนให้”

ฟางหนิงกลับไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบด้วยความพึงพอใจ เขาไม่ได้เล่นเกมต่อแต่กลับผล็อยหลับ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกเทพแห่งระบบโกงรางวัลตอบแทน เขาจึงพยายามอดทนต่อความง่วงงุนในขณะที่กำลังเจรจา…

ขณะที่เขานอนอยู่บนพื้นจวนจะหลับเต็มทีนั้น ฟางหนิงพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเช้านี้เขาควรจะได้เตียงของร้านอินเทอร์เน็ตมาแล้ว แต่กลับล่าช้ามาจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าการวินิจฉัยของระบบเบื้องต้นจะไม่ผิดเพี้ยน มะเร็งกระดูกสันหลังของเขาคงจะอยู่ในระยะสุดท้ายแล้วแน่นอน…

ฟางหนิง “ท่านเทพระบบขอรับ ดูพื้นที่สำรองของแกให้ทีสิว่ามีหมอนอิงหรือหมอนหนุนบ้างไหม อย่างน้อยก็ช่วยอนุเคราะห์หาที่นอนให้ยอดวีรบุรุษของเราด้วย”

ทันทีที่เสียงลดลง ระบบก็ปรากฏ

ระบบใช้คะแนนประสบการณ์ 100,000 คะแนน เพื่อสร้างห้องรับรองหลัก เอฟเฟ็กต์: เร่งการฟื้นฟูพลังของโฮสต์เล็กน้อย

ฟางหนิงเห็นบ้านที่รายล้อมไปด้วยหญ้าเขียวขจีปรากฏขึ้นข้างร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เมื่อจะผลักประตูเข้าไป ก็พบว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ครบครัน รวมทั้งโซฟาและเตียง

ฟางหนิง “เอาล่ะ ท่านเทพคุณนี่มันขี้เหนียวเกินไปแล้ว แกคงไม่สร้างมันขึ้นมาให้ฉันด้วยค่าประสบการณ์อันน้อยนิดหรอกนะ สิ่งนี้คงจะช่วยให้ฉันนอนหลับได้มากกว่าเมื่อก่อนด้วยใช่ไหม”

ระบบหยุดนิ่งหลังจากได้ยินประโยคหนึ่ง “หนึ่งแสนคะแนนประสบการณ์น่ะเหรอที่เรียกว่าน้อย? เวลาโฮสต์เล่นเกมมากกว่าเวลาที่โฮสต์นอนซะอีก โฮศต์สามารถนอนหลับให้เพียงพอได้อยู่แล้วถ้าคุณเล่นให้น้อยลง การปรับปรุงประสิทธิภาพการฟื้นฟูพลังงานอะไรนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิด”

ฟางหนิง “แต่ฉันก็หลับไปหลายครั้งเพื่อฟื้นฟูพลังงานตอนที่กำจัดต่อยักษ์แล้วนี่ ทำไมแกถึงไม่สร้างมันขึ้นมาให้ฉันสักอันเพื่อประหยัดเวลาล่ะ”

ระบบ “โฮสต์คงไม่ได้หมายถึง…”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “เพราะแกคิดว่ามีเสถียรภาพ เลยไม่จำเป็นต้องสร้างมันให้ฉันสินะ แกถึงต้องการผลักภาระมาที่ฉัน ว่าแต่ทำไมแกถึงสร้างบ้านของฉันเป็นสีเขียวล่ะ? ตอนที่ฉันเห็นสีเขียว ฉันกลัวจนอยากจะรีบเปลี่ยนสีทันทีเลย”

ระบบตอบกลับ “สีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูไม่ใช่เหรอ? ถ้าโฮสต์อยากเปลี่ยนสีก็รอการอัปเกรดครั้งต่อไปแล้วกัน”

ฟางหนิงไม่มีอะไรจะพูด คราวนี้เขาล้มลงบนเตียงและผล็อยหลับไป

…………

หมาเหลืองเซวียปานั่งอยู่บนดาบบินบินไปยังที่ที่อัศวิน A อยู่ เมื่อรับน้ำหนักเพิ่มมาอีกหนึ่ง ความเร็วจึงลดลงมาก ถึงอย่างนั้นไม่ถึงพันลี้พวกเขาก็มาถึงในพริบตา แน่นอนว่าเซวียเฟิงไม่ได้เร่งความเร็วสูงสุดเพื่อรักษาความปลอดภัย

สิ่งนี้ทำให้สุนัขเด็กเรียนแสดงความคิดเห็นสองสามอย่าง “ความเร็วโอเค แต่คุณไม่มีทักษะเพียงพอที่จะเป็นคนขับเอาซะเลย ในการต่อสู้จริง การเคลื่อนไหวสองหรือสามครั้งสามารถทำให้คุณชนกำแพงได้นะ”

เซวียเฟิงไม่คุ้นเคยกับการพูดคุยกับคนแปลกหน้า นับประสาอะไรกับสุนัข

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าสุนัขพูดได้ตัวนี้มีต้นกำเนิดที่ไม่ธรรมดาและเป็นโอกาสที่ดีที่จะขอคำแนะนำ ทว่าเขากลับไม่พูดอะไรสักคำ เพียงส่งสุนัขเด็กเรียนไปยังจุดหมายปลายทาง และเมื่อพบอัศวิน A ก็เพียงพยักหน้ารับแล้วจากไป

เทพแห่งระบบไม่ได้พูดอะไรเรื่อยเปื่อย ในเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดอะไรเขาก็จำเป็นไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วบิน…

เป็นเรื่องตลกที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถขอค่าตั๋วบินจากอัศวิน A ได้เลย และงานสำคัญอย่างหนึ่งในสำนักสัจธรรมคือการคำนวณว่าควรให้รางวัลภารกิจแก่อัศวิน A เท่าไรดี…

ฟางหนิงงีบหลับเพียงสิบกว่านาทีก่อนจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น

ฟางหนิงกลายเป็นมังกรขาว พลางถือศพต่อยักษ์อยู่ในมือ “มาเร็วมากเซวียปา มานี่แล้วดมกลิ่นนี้ทีสิ นายรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลังพวกมัน”

หมาเหลืองเซวียปาเพียงกระตุกจมูกของมันเบาๆ เอ่ย “ต่อยักษ์กลายพันธุ์ตัวนี้เห็นได้ชัดว่ามีร่องรอยของปีศาจสองตนคือปีศาจแมลงและพญาแมลง พวกมันทั้งสองเคยอยู่ในโลกที่แล้ว หลังจากการปิดกั้นและปราบปรามหลายครั้งมันดิ้นรนอยู่พักหนึ่งแล้วเล็ดลอดผ่านตาข่ายออกมาได้”

ฟางหนิงพอใจมากที่อีกฝ่ายพูดความจริงทันที ดูเหมือนว่าความหวังในการไล่ตามบอสที่อยู่เบื้องหลังจะอยู่อีกไม่ไกล อย่างน้อยได้รู้ว่ายังมีเหลืออีกสองตัว ก็ดีมากแล้ว

ฟางหนิง “นายหาที่อยู่ของมันเจอไหม?”

หมาเหลืองเซวียปาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “หากตามหาพญาแมลง กระผมค่อนข้างมั่นใจ ทว่าปีศาจแมลงมีร่างโคลนจำนวนมากและซ่อนตัวได้ดี ยากต่อการติดตาม ตราบใดที่มันไม่ตายก็สามารถฟื้นคืนชีพพญาแมลงและเริ่มต้นกระบวนการใหม่ทั้งหมดได้ ในโลกเบื้องบนมีมหาอำนาจมากมาย การปิดกั้นและการปราบปรามซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้ทำให้มันหมดไปเลย”

ฟางหนิงรู้สึกผิดหวัง เวลานี้ดูเหมือนเทพแห่งระบบจะเป็นอมตะก็จริง แต่ข้อเสียใหญ่อย่างหนึ่งคือไม่มีหนทางที่ดีสำหรับบรรดาผู้หลบซ่อน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในทันที

ในอดีตพวกเขาทั้งหมดอยู่ตัวคนเดียว แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะสามารถแบ่งปันเครือข่ายข่าวกรองของสำนักสัจธรรมได้ในระดับหนึ่ง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่องค์กรระดับเล็ก ทะเลใต้ดินเป็นพื้นที่หวงห้ามของหน่วยสืบราชการลับ ทำได้เพียงหวังว่าแผนที่ระบบจะถูกปลดล็อกมากขึ้นในอนาคต

ฟางหนิง “ลืมมันไปเถอะ ถ้านายฆ่าพญาแมลงได้อีกสักตัว นายก็จะได้เงินดังนั้นรีบไปหามันเร็ว”

หมาเหลืองเซวียปาพยักหน้า “โปรดตามข้ามานายท่าน”

หลังจากพูดจบ มันก็วิ่งไปในทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว ความเร็วนั้นไม่น้อยไปกว่าความเร็วของต่อยักษ์ตัวที่อัศวิน A ใช้ติดตามฝูงแมลงไปก่อนหน้านี้

สิ่งนี้ทำให้ฟางหนิงแอบตะลึง เจ้าหมาเหลืองได้พักผ่อนเพียงสิบวันเท่านั้น แต่ความเร็วของมันกลับสามารถฟื้นฟูได้ในระดับนี้แล้ว

ดูเหมือนว่าแรงกดดันของเทพแห่งระบบจะยังคงสูงมาก เหล่าชายร่างใหญ่ยังไม่บังเกิดลงมา ดังนั้นคงต้องเพิ่มเวลาในการฝึกฝนอีก แน่นอนว่าภาระหน้าที่นี้คงต้องส่งต่อให้เทพแห่งระบบต่อไปและตะโกนกับตัวเองต่อไปว่านายมันโคตรเจ๋งเพื่อควบคุมสถานการณ์โดยรวม…

…………

ณ ที่ไหนสักแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในถ้ำ

ปีศาจแมลงกำลังเดินไปมา ใบหน้าฉายชัดถึงความหวังเต็มเปี่ยม“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เป็นอย่างนี้เอง เป็นอย่างนี้นี่เอง! แม้ว่าฉันจะล้มเหลว แต่ฉันก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน!”

พญาแมลงไม่พูดอะไร เพียงมองเขาที่ยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ท้ายที่สุดเมื่อมังกรเผชิญหน้ากับวงล้อมของฝูงต่อจากทุกทิศทุกทาง มันสามารถหลบได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ เป็นเพราะใช้พลังของเทคโนโลยีบางอย่างในโลกนี้ ซึ่งมังกรตัวจริงในอดีตไม่มีความสามารถ และนี่คือแนวทางหนึ่งที่ฉันค้นคว้าได้อย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้ฉันต้องการดูว่าภายใต้พลังทางเทคโนโลยี อาวุธเห็ดของพวกมันสามารถกลายพันธุ์ฝูงแมลงได้อีกไหม แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่กล้าพอที่จะทำตามความปรารถนาของฉัน แน่นอนว่าทุกคนไม่ได้โง่เขลาและสามารถเห็นความได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์บนโลกนี้ มังกรตัวนี้ประสบความสำเร็จล่วงหน้าด้วยการช่วยเหลือของพลังทางเทคโนโลยี มันเอาชนะพลังรูปแบบเดิมของเราไปได้โดยปริยาย การแสดงออกนี้ยืนยันความคิดของฉันแล้ว ตราบใดที่ฉันให้เวลาตัวเองอีกสักหน่อย ฉันต้องสามารถสร้างฝูงแมลงที่ทรงพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนได้แน่ เมื่อถึงตอนนั้นมังกรตัวนี้จะไม่มีทางอาละวาดได้อีกต่อไป ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ขณะนั้นพญาแมลงก็พลันถอนหายใจแรง มันไม่อยากฟังการการวิเคราะห์หลังสงครามที่น่าภาคภูมิใจของปีศาจแมลงอีก

ร่างกายของมันได้เปลี่ยนจากขนาดของวาฬสีน้ำเงินเหลือเพียงขนาดของแรดธรรมดาแล้ว ในช่วงแปดวันมานี้ของการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง มันสูญเสียพลังมหาศาล

พญาแมลงหอบหายใจเล็กน้อย ท่าทางคล้ายกำลังลังเล ท้ายที่สุดก็พูดขึ้น “อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย เราสูญเสียพลังไปเกือบจะเท่าๆ กัน ถึงเวลาที่เราต้องหนีแล้ว และเนื่องจากสถานที่นี้ถูกค้นพบโดยผู้อาวุโสตระกูลไป๋แล้ว มันจึงไม่เป็นสถานที่ลับอีกต่อไป”

ปีศาจแมลงพูดอย่างเฉยชา “คุณกลัวอะไร ตาแก่คนนั้นคิดอยู่เสมอและกังวลมากเกินไป เราจะไม่เปิดเผยที่อยู่ของเราโดยเสี่ยงที่จะถูกตอบโต้ในภายหลังหรอกนะ ฉันแค่คิดว่าพลังทางเทคโนโลยีที่มังกรใช้คืออะไรกันแน่ อีกสองสามวันค่อยคุยเรื่องการถ่ายโอนนี้ก็แล้วกัน”

ดวงตาหลายสิบคู่สบมองใบหน้าที่ซับซ้อนของพญาแมลง และในที่สุดก็ตัดสินใจ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อปีศาจแมลงคิดถึงกระบวนการต่อสู้ทั้งหมดและพิจารณามันอย่างเงียบๆ ก็มีเสียงราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้นในถ้ำ

“หมื่นผีกินวิญญาณ…”

………………………………………………………………

บทที่ 99 หลังจากนี้ข้าจะตั้งใจฝึกฝนวิถีแห่งเซียน
ฟางหนิงมั่นใจว่าเทพแห่งระบบจะกินพลังของอีกฝ่ายเข้าไปแน่นอน แต่เมื่อเขาเปิดคอมพิวเตอร์และพบโฟลเดอร์ที่มีชื่อว่า ‘เครื่องกำเนิดความโกรธ’ เขียนอยู่เขาก็รู้สึกว่าเขาอาจไม่ได้กินพลังงานของอีกฝ่าย

นี่ก็เป็นเวลาสามเดือนแล้วหลังจากอ่านข้อความสีเขียว คาดว่าต่อจากนี้ไปรสนิยมในการอ่านนิยายของเขาอาจจะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันสินะ…

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหนิงก็เหลือบมองฝูงแมลงด้านล่างจากมุมมองของระบบ มันหนาแน่นจนมองไม่เห็นสิ่งอื่น พลุ่งพล่านไปทุกหนทุกแห่ง แต่ไม่กล้าจะก้าวเข้าใกล้ลูกกรงที่สร้างด้วยพลังแห่งความโกรธของปราณมังกร

จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ “ระบบ ขอถามอะไรหน่อยสิ แมลงพวกนี้กลัวไฟไหม?”

ระบบ “ไร้สาระ โฮสต์กำลังอ่านนิยายอยู่ก็จริง แต่ไม่ได้สังเกตเหรอว่ามีซากต่อจำนวนมากที่ถูกเผาตายระหว่างทางมาที่นี่น่ะ? นั่นน่าจะเป็นฝีมือของหน่วยกิจการพิเศษท้องถิ่น”

ฟางหนิง “ถ้าอย่างนั้นฉันมีวิธีฆ่าปีศาจที่ทั้งประหยัดแรงและมีประสิทธิภาพแล้ว แกอยากจะฟังไหม”?”

ระบบ “ไม่ฟัง เดี๋ยวเสียเวลา ระบบจะเริ่มกำจัดปีศาจแล้ว”

ฟางหนิงได้ยินแบบนั้นก็สวนกลับทันที “เดี๋ยวสิ แกน่าจะสามารถควบคุมค่ายกลนี้ให้เล็กลงได้นี่ ลองคิดดู ถ้าค่อยๆ ปิดค่ายกล ต่อพวกนั้นก็จะไม่กล้าโจมตีลูกกรงของมังกร และเมื่อมันมารวมตัวกันในพื้นที่เล็กๆ ท้ายที่สุดเราก็จะเทน้ำมันลงไปแล้วเผาซะ แบบนี้ไม่ดีเหรอ…”

ระบบ “ไม่ได้ ซากต่อเหล่านี้เป็นวัสดุทางการแพทย์ชั้นดี ถ้าพวกมันถูกเผาทั้งหมดจะเป็นยังไงล่ะ? นอกจากนี้เมื่อย่อขนาดค่ายกลแล้ว โฮสต์คิดว่ามันไม่ต้องใช้พลังเหรอ? อย่าพูดเหลวไหล รีบๆ อ่านนิยายแล้วเพิ่มระดับความโกรธเถอะ คราวนี้อยากฟังเพลงแนวไหน? ระบบจะตามใจโฮสต์”

ฟางหนิงกุมหัว เขาอยากจะบ้าตาย “ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นแหละ…ปีศาจสังหารผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ฉันต้องรื้อฟื้นความทรงจำอันเจ็บปวดเหล่านั้นอีก พวกเขาต้องตายก็เพื่อฉัน!”

ระบบแจ้งเตือน โฮสต์เข้าสู่สถานะ ‘ความโกรธทะยานสูง’ แล้ว มาตรวัดความโกรธทั้งหมดจะเต็มทันทีหลังจากบริโภคความโกรธ

ระบบ “ดี รักษาสถานะนี้ไว้ ระบบเลือกเพลงที่เหมาะกับฉากนี้ได้แล้ว และจะเปิดให้โฮสต์ฟัง…”

เพลงขึ้น “XXXXXXXXX…”

ฟางหนิง “ให้ตายเถอะ นี่แกไปขุดเพลงนี้มาจากบ่อไหนเนี่ย? เชยสะบัดเลย!”

ระบบแจ้งเตือน สถานะความโกรธของโฮสต์เปลี่ยนเป็น ‘ความโกรธบ้าระห่ำ’ เอฟเฟกต์เพิ่มเติม จำนวนช่องความโกรธชั่วคราวทั้งหมดคูณสอง เพิ่มจำนวนช่องความโกรธชั่วคราวเป็น 18 ช่อง

…………

ณ ศูนย์บัญชาการลับ

จู่ๆ ก็มีเพลงแบ็คกราวด์ออกมาจากลำโพงข้างๆ หน้าจอใหญ่ เสียงนั้นดังจนทุกคนสะดุ้ง

บางคนมองหน้ากันแล้วก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เคยเห็นฉากการต่อสู้ของอัศวิน A

ตอนนั้นใครบางคนก็พูดขึ้นมาเบาๆ “ลืมเตือนทุกคนไปเลยว่าอัศวิน A เป็นผู้ชายที่ชอบนำ BGM ของตัวเองมาเปิด…”

“แต่วันนี้เพลงดูแปลกๆ นะ…”

เซวียเฟิงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา เขาเพียงแค่อุดหูตนเองไว้แล้วโบกมือไปมา

ทันใดนั้นเสียงก็เงียบลงและทุกคนก็กลับไปทำงานตามปกติ

จากนั้นฉากแห่งนรกก็ฉายขึ้นบนหน้าจอใหญ่:

เปลวเพลิงไม่มีที่สิ้นสุดลุกโชนขึ้นทุกหนแห่งในพื้นที่ค่ายกล จากนั้นลมก็หวีดหวิว พัดเปลวไฟและพุ่งเข้าหาฝูงต่อยักษ์ ต่อยักษ์ถูกย่างจนมีเสียงดัง ‘เปาะแปะ’ แล้วร่วงหล่นจากอากาศเข้าไปในกองเพลิง

ต่อยักษ์บินไปรอบๆ ด้วยความตระหนก จากนั้นอีกฝ่ายก็พบกับจุดจบของนรก ไม่มีความดุร้ายที่ทำลายล้างกลืนกินผู้คนอีกต่อไปแล้ว…

ไร้เสียงพูดคุยที่ศูนย์บัญชาการ มีแต่ท่าทางตกใจกับพลังของอัศวิน A การดูรีเพลย์จากวิดีโอนั้นแตกต่างจากการรับชมการถ่ายทอดสดมาก

เปลวเพลิงเหล่านั้น ทั้งลมกระโชกล้วนแสดงให้เห็นถึงโลกใหม่ที่สามารถบรรลุได้ด้วยกำลังส่วนบุคคล…

ใช้เวลาไม่นานนักในการรับมือกับต่อยักษ์

พวกมันรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ทีละแถวๆ เหมือนทหารที่เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างที่สุดแล้วพ่นพิษอย่างสิ้นหวังผ่านเข็มพิษทางหาง

ต่อขนาดเท่านกกระจอกสามารถพ่นพิษได้ในปริมาณที่จำกัด แต่การที่ต่อนับพันตัวพ่นรวมกันนั้นช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก ชั่วขณะหนึ่งในพื้นที่ของค่ายกลราวกับฝนตกลงมาและเปลวเพลิงที่ไร้รากฐานเหล่านั้นก็มอดลง

ในใจของทุกคนรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาในทันที หากอัศวิน A ทนไม่ไหว สถานการณ์อาจจะเข้าสู่สถานการณ์ที่ซับซ้อน ปีศาจแมลงจะรักษาคำพูดได้จริงเหรอ? ใครจะเชื่อมันได้กันล่ะ?

ผ่านไปครู่หนึ่ง ไฟแห่งนรกก็ลุกโชนขึ้นอีกครั้งทั้งยังโหมแรงยิ่งขึ้น หลังจากเห็นฉากนี้ทุกคนก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย

…………

ระบบแจ้งเตือน ระบบใช้ช่องความโกรธทั้งหมด 18 ช่องเพื่อร่ายสกิลลับ ‘นรกปราณมังกร’ คุณสมบัติกระบวนท่าปัจจุบันคือลมและไฟ โฮสต์อยู่ในสถานะ ‘ความโกรธบ้าระห่ำ’ และช่องความโกรธทั้งหมดก็เต็มแล้ว

ต่อยักษ์กลายพันธุ์ถูกโจมตีโดยลมและไฟซ้อนทับกัน เสริมด้วยพลังมังกรกดทับและบดขยี้! ละเว้นการโจมตีป้องกัน!

ฝูงต่อยักษ์กลายพันธุ์ได้รับความเสียหาย 150,000 หน่วย

ต่อยักษ์กลายพันธุ์ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้อย่างต่อเนื่อง…

ต่อยักษ์กลายพันธุ์ตายแล้ว…

ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 10 คะแนน

ต่อยักษ์กลายพันธุ์ชนชั้นสูงตายแล้ว…

ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 50 คะแนน

ตัวอ่อนต่อกลายพันธุ์ตายแล้ว…

ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 2 คะแนน…

…………

ต่อยักษ์กลายพันธุ์ใช้ ‘วิถีพ่นพิษ’ ความเสียหายจากการไหม้ของไฟหายไป

ระบบใช้ ‘นรกปราณมังกร’ อีกครั้ง…

ฟางหนิงไม่แม้แต่จะดูที่ระบบแจ้งเตือน เพราะการปัดหน้าจอทำให้เขาเวียนหัว…

ไม่รู้ว่าใช้เวลานานไปแค่ไหน แต่เขายังคงเวียนหัวอยู่เพราะความโกรธ

ระบบแจ้งเตือน โฮสต์มีการสูญเสียทางจิตมากเกินไปและต้องการพักผ่อน

ฟางหนิงรู้สึกโล่งใจและรีบนอนลงบนพื้นอย่างรวดเร็วราว “ดูสิ คำเตือนขึ้นแล้ว รีบปล่อยให้ฉันพักผ่อนสักที”

ระบบ “มันเป็นความผิดของโฮศต์ที่ไม่รู้จักฝึกฝน! สัมผัสทางวิญญาณเลยยังอ่อนแออยู่และมันก็ใช้เวลานานมากในการรักษาจิตวิญญาณด้วย! ระบบเพิ่งเก็บค่าประสบการณ์ได้ 200,000 แต้ม ไปจัดการบอสตัวเล็กๆ เพิ่มดีกว่า”

ฟางหนิงโบกมือปัด “หลังจากนี้ฉันจะตั้งใจฝึกวิถีแห่งเซียนนะ อ่า…มันเป็นการฝึกฝนนี่นา เหนื่อยจนพูดไม่ชัดแล้ว ขอนอนพักแป๊บหนึ่งนะ”

หลังจากที่เขาพูดจบ ก็ผล็อยหลับไปทั้งๆ ที่ยังนอนอยู่บนพื้นของระบบร้านอินเทอร์เน็ต

เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ เขาเป็นคนแรกที่หยุดใช้พลัง…

ภายในศูนย์บัญชาการลับ หลังจากที่เปลวเพลิงในค่ายกลหายไป อัศวิน A ก็ไม่ได้เปิดการโจมตีแผงลูกกรงขนาดใหญ่ แต่พลังปราณมังกรสองตัวกลับปรากฏขึ้น พุ่งเข้าใส่ฝูงแมลงยักษ์ที่ยังเหลืออยู่

เมื่อต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของพลังปราณมังกรสองตัว ฝูงแมลงกลับไม่ได้นิ่งเฉย พวกมันบินมารวมกัน ก่อตัวเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ทีละลูก

ต่อยักษ์รวมกันเป็นทรงกลมขนาดต่างๆ ปราณที่สร้างจากความโกรธเกรี้ยวของมังกรก็ลดประสิทธิภาพการฆ่าลงอย่างมาก ต้องออกแรงสองสามครั้งก่อนที่จะวิ่งผ่านโล่เข้าไปในลูกบอลทรงกลมเพื่อไล่ฆ่าได้

ในเวลานี้ทุกคนเริ่มวิตกอีกครั้ง หากเป็นเช่นนี้อัศวิน A จะต้องดื่มกินปราณแท้เข้าไปมากแค่ไหนกัน? จนถึงตอนนี้หลังจากการฆ่าแมลงเหล่านั้นแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงเลย…

ภายในพื้นที่ของระบบ

ระบบ “ไม่มีความโกรธและก็ไม่สามารถใช้ปราณแท้ได้อีก แม้ว่าตอนนี้โฮสต์จะสามารถฆ่ามันได้ แต่ประสิทธิภาพนั้นต่ำเกินไป…โฮสต์บอกว่าจะพักผ่อนแค่สองชั่วโมงไม่ใช่เหรอ โฮสต์คุณตื่นขึ้นได้แล้ว”

ฟางหนิงทำหูทวนลม ไม่ยอมพลิกร่างกายกลับมา เพียงอ้าปากกว้างทำเสียงพึมพำ

ระบบ “ดูเหมือนว่าโฮสต์จะเล่นเกมมากเกินไปจนหมดแรงสินะ…”

ฟางหนิง “งือ…งือ…”

ระบบ “เพื่อป้องกันไม่ให้โฮสต์ขาดพลังงานในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้อีกในอนาคต ระบบจะขายอุปกรณ์เกมของโฮสต์และลบหมายเลขบัญชี”

ฟางหนิงผุดลุกขึ้นทันที “ฉันเผลอหลับไปเหรอ! ไอ้ปีศาจแมลงสมควรตาย ทำชั่วไว้มากนัก อยู่ดีๆ ไม่ชอบแต่กลับโผล่ออกมาสร้างความเดือดร้อน! เพราะพวกแก อุปกรณ์เกมอันล้ำค่าของฉันถึงตกอยู่ในอันตราย เพราะฉะนั้นพวกแกก็สมควรตายแล้ว!”

ระบบแจ้งเตือน โฮสต์เข้าสู่สถานะ ‘ความโกรธทะยานสูง’ และมาตรวัดความโกรธทั้งหมดจะเต็มทันทีหลังจากการบริโภคความโกรธ

ระบบ “จัดการได้เจ๋งมาก…ฉากนี้เอาไปเลยสามล้านคะแนน นี่เป็นแค่ฝูงต่อที่ปีศาจแมลงอัญเชิญมา ถ้าเป็นร่างจริงของมันเอง ไม่รู้ต้องใช้ค่าประสบการณ์เท่าไหร่ ระบบเคยกำจัดอย่างมากที่สุดก็คือสามพี่น้องตระกูลไป๋ ซึ่งทั้งสามคนให้ 1.1 ล้านคะแนน ช่องว่างระหว่างบอสใหญ่กับบอสเล็กนั้นมีมากเกินไปจริงๆ”

ฟางหนิงทำอะไรไม่ถูก “ก็ดีแล้วถ้ามันทำให้แกสบายใจได้…แล้วก็อย่ายุ่งกับอุปกรณ์เกมของฉันล่ะ มันไม่คุ้มเงินหรอก”

ระบบ “ไม่จริงหรอก? ครั้งที่แล้วระบบจำได้ว่ามีคนจะจ่ายหนึ่งแสนหยวนสำหรับหนังสือที่โฮสต์ตีพิมพ์ ถ้าโฮสต์ตีพิมพ์หนังสือหลายร้อยเล่มจริงล่ะก็…คงจะทำเงินได้ไม่