(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki 33

ตอนที่ 33

“มันก็ช่วยไม่ได้นะที่จริงจังเรื่องชิโฮะ แต่อย่าทำอะไรที่น่าอัปยศแบบนั้นดีกว่านะ? แค่ครั้งนี้เท่านั้นล่ะที่ชั้นจะทำเป็นไม่เห็นเรื่องที่เล่นสกปรก”

 

คงพูดสิ่งที่อยากจะพูดหมดแล้วมั้ง

ในที่ริวซากิก็ดูเหมือนจะปล่อยผมไปซักที

 

“ชั้นกับชิโฮะเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันควรจะอยู่ข้างกันแท้ๆน้า……ครั้งนี้ถูกเล่นซะแล้วสิ ที่ลงมือกันแบบนี้ได้ ทำได้ไม่เลวเลยนะ”

 

มองจากด้านบนลงมาแล้วก็จะพูดอะไรก็พูดได้แหละ

……ไม่สิ จริงๆแล้วก็อยู่เบื้องบนจริงๆนั่นแหละ เลยไม่ใช่ว่าผิดธรรมชาติอะไร

 

หมอนั่นเป็นพระเอก และผมก็เป็นตัวประกอบ มีการแบ่งชั้นกันอย่างชัดเจน

 

ถ้าจะให้พูดเหตุผลว่าทำไมผมถึงโมโห ง่ายๆเลยก็คือผมเกลียดริวซากิ

 

ผมน่ะเกลียดริวซากิจริงๆนั่นแหละ

มีความรู้สึกที่มีต่อริวซากิแบบเดียวกับชิโมสึกิ

 

“อะ โอ้ว ขอบคุณนะที่ครั้งนี้ทำเป็นไม่เห็น ถึงจะหวังได้ไม่มาก แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ”

 

อย่างไงก็เถอะ ถ้ายังโต้เถียงกับริวซากิอยู่ล่ะก็การสนทนามันก็จะดำเนินไปเรื่อยๆ

ก็เลยต้องตอบกลับไปแบบเซฟๆ เพื่อจบการสนทนา

 

เพราะแบบนั้น ดูเหมือนริวซากิจะพอใจแล้ว

 

“ถ้าอย่างงั้น กลับห้องดีกว่า”

 

พูดเสร็จก็หันหลังให้ผมและเข้าห้องไป

ตรงไปที่กลางห้องเรียนตรงที่เป็นที่นั่งใหม่ รอบข้างก็ถูกรายล้อมไปด้วยเหล่านางเอกนรองอย่างดี พลังของพระเอกช่างน่ากลัวจริงๆ

 

เหล่านางเอกเองก็ดูจะโล่งอกเมื่อได้อยู่ข้างริวซากิแบบไม่มีอะไรรบกวน

หมอนั่น เพิ่งจะกลับไปเมื่อกี้ก็เริ่มส่งเสียงกันเหมือนเช่นเคย แน่นอนว่าในนั้นมี อาสึสะ ยุซุกิและก็คิราริ

 

ถ้าไม่โดงใช้วิธีโกงล่ะก็ ชิโมสึกิต้องอยู่ในนั้นด้วยแน่นอน ดีจริงๆที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น……แต่ว่า จะว่าไปที่นั่งของเธออยู่ฝั่งระเบียงนี่นา

 

(หรือว่า เธออาจจะได้ยินที่พูดก็ได้……?)

 

ชิโมสึกิดูเหมือนจะหูดีซะด้วยสิ

หูเธอค่อนข้างจะอ่อนไหว เป็นไปได้สูงมากที่เธอจะได้ยินบทสนทนาของผมเมื่อกี้

 

(แย่แล้ว…..สะเพร่าไปหน่อย)

 

ถ้าหากว่าได้ยินที่พูดกันจริงๆจะทำไงดี?

ไม่รู้ได้เลยว่าชิโมสึกิจะรู้สึกอย่างไง จะตกใจ จะโกรธ จะเศร้า จะยินดี……ถ้าเป็นไปได้ ก็หวังว่าจะไม่ใช่ความรู้สึกที่ไปทางลบมากละกัน

 

“….ทำอะไรอยู่?”

“………..อูว”

 

เรียกไปโดยไม่รู้ตัว แต่ว่า ชิโมสึกิดูเหมือนจะไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่รู้สึกถึงตัวผมเลยด้วยซ้ำ

 

ต้องโบกมือให้เธออย่างช่วยไม่ได้เพื่อ ให้เธอรับรู้ถึงตัวผม

ทันใดนั้น สีหน้าเธอก็สดใสขึ้นมาทันที

 

“อะ นากายะมะคุง ช้าจังเลยนะ…..ปล่อยให้รอตั้งนาน นี่ไง เขียนไดอารี่กันเถอะ”

 

เหตุผลที่ทำให้เธอพูดน้อยและเสียงเบานั้นคงเพราะมีเพื่อนร่วมชั้นอยู่รอบๆ

ยังขี้อายไม่เปลี่ยนเลย เบาขนาดที่ถ้าไม่นั่งติดกันคงไม่ได้ยิน

 

“ก็ได้นะ…..ชิโมสึกิ ได้ยินที่พูดเมื่อกี้นี้หรือป่าว?”

 

อยากจะแลกเปลี่ยนไดอารี่ก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ขออนุญาตเลื่อนไปก่อนละกัน

 

ที่กังวลอยู่นั้นคือ ได้ยินบทสนทนาของผมกับริวซากิมั้ย

พอลองถามเรื่องนั้นแล้ว ชิโมสึกิก็ทำหน้ารังเกียจออกมาอย่างชัดเจน

 

“อูว……เมื่อกี้ รู้นะว่านากายะมะคุงกับคนนั้นคุยกันอยู่ แต่ว่า เพราะฉันไม่อยากได้ยินเสียงคนนั้น พอได้ยินแล้วก็เอามือปิดหูเลย เพราะอย่างนั้น ไม่ได้ยินหรอกนะ”

“……ถ้าไม่ได้ยินล่ะก็ ไม่เป็นไร”

 

อย่างไงเธอก็ไม่ถูกกับริวซากิ

 

จะว่าไปเมื่อกี้เธอก็เอามือปิดหูด้วยสิ…….บางทีคงไม่ได้โกหกจริงๆ ชิโมสึกิเวลาอยู่ต่อหน้าผมก็ปล่อยอารมณ์ออกมา อ่านง่ายด้วย ถ้าเธอโกหกล่ะก็ จะดูออก

 

“ช่างเรื่องนั้นเถอะ เขียนไดอารี่กันดีกว่า? นี่ไง ฉันอุตส่าห์ตั้งใจเขียนประโยคเลยนะ อ่านสิอ่านสิ”

 

ชิโมสึกิใข้กำลังดันสมุดโน๊ตมาให้ผม

อืーม จะว่าไงดีล่ะ……รู้สึกเหมือนเธอจะไม่สนใจเรื่องของริวซากิเลยซักนิดเดียว

 

“ไม่สนใจเลยหรอ ว่าคุยอะไรกับริวซากิ?”

 

ผมเองก็เกลียดหมอนั่น แต่เพราะเกลียดก็เลยกังวลเรื่องความเคลื่อนไหวของหมอนั่น ถ้าชิโมสึกิก็เกลียดเหมือนกันล่ะก็ การที่เธอไม่ได้ฟังบทสนทนาเลยนั้นมันแปลกๆ

 

เพราะสงสัย ก็เลยลองถามไปตรงๆ

จากนั้นเธอก็พูดมาพร้อมกับสีหน้างงๆ

 

“ไม่ได้สนใจซักนิดเลยนะ? ทะ ทำไมถึงต้องถามเรื่องแบบนั้นด้วยล่ะ……ถึงคนนั้นเขาจะพูดอะไรก็ ช่างเขาไปเถอะ”

 

เธอเหมือนจะไม่สนใจจากก้นบึ้งของหัวใจเลย

เธอทำสีหน้ามาเหมือนตอนเรียนคาบฟิสิกส์ ในที่สุดผมก็เข้าใจ

 

ชิโมสึกิกับผมนั้น ไม่ได้เกลียดริวซากิเหมือนกัน

 

ตั้งแต่แรก มีแค่ผมคนเดียวที่เกลียดริวซากิ

แต่ชิโมสึกินั้น กับหมอนั่นแล้ว’ไม่ได้สนใจ’เลย

 

ในแง่นั้น มันดูจะโหดร้ายมากกว่าการถูกเกลียดอีกด้วยซ้ำ

 

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ตรงข้ามกับคำว่าชอบคือไม่สนใจ

อีกอย่าง ก็มีเรื่องราวเลิฟคอมเมดี้ที่เริ่มต้นจากการเกลียดมากที่สุดอยู่เหมือนกัน สมมติว่าถ้าชิโมสึกิเกลียดริวซากิล่ะก็ อาจจะมีความคืบหน้าทำนองนั้นก็ได้

 

แต่ว่า ชิโมสึกิไม่ได้สนใจริวซากิเลย บางที คงไม่ได้ชอบหรือเกลียดอะไร ก็แค่เน้นไปทางความรู้สึกที่ว่า’ไม่ถูกด้วย’เฉยๆ

 

ถ้าหากริวซากิรู้เรื่องนี้เข้าจะคิดอย่างไงนะ?

คงจะไม่ใจแตกสลาย และยอมแพ้ไปใช่มั้ย……ไม่สิ เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก

 

ก็หมอนั่นมันเป็นพระเอกนี่นะ

เป็นตัวตนที่ไม่มีทางยอมแพ้ จนกว่าจะได้เชื่อมโยฃกับนางเอกหลักไงล่ะ…….

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

Score 10
Status: Completed

ผมนั้น ก่อนที่จะขึ้นชั้นมัธยมปลาย ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองเป็นตัวประกอบ ไม่สิ ผมคิดว่าตัวเองคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า'ตัวเอก'ด้วยซ้ำ

 

แต่ทว่า ตั้งแต่ที่ขึ้นชั้นมัธยมปลายและได้พบกับหมอนั่น ผมก็รู้ตัวทันทีว่าผมเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ

Options

not work with dark mode
Reset