Virtual World – Peerless White Emperor 442

ตอนที่ 442

เมื่อคุณยายริก้าได้คุยกับ ThornyRose เธอจึงรีบเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ใหม่ให้เป็นคนที่เธอไว้ใจมากที่สุดเข้ามาแทน เธอคิดว่าตัวเองไม่ควรเปิดเผยความลับเรื่องนี้แก่ผู้อื่น และนำพวกเขาไปที่เทือกเขาคาร์โรล

หลังจากนั้น ThornyRose ก็ไปหาครอสมาร์และบอกเรื่องแม่น้ำใต้ดินให้เขารู้ ครอสมาร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะที่จะร่าเริงขึ้นมาทันที เขามองไปที่ ThornyRose ตั้งแต่ที่เจ้าเด็กสารเลวได้ส่งมอบข้อความสำคัญดังกล่าวนี้มาให้ งั้นเขาคงต้องลองไว้ใจเธอคนนี้ดูสักหน่อย เขานำ ThornyRose, ผู้ฝึกสอนบางคน, เจ้าหน้าที่จากสมาคมเทพธิดา และกลุ่มของริก้ามากับเขาด้วย ThornyRose นำทุกคนไปยังพิกัดที่แสดงบนแผนที่เสมือนของเย่เทียน ในสถานที่ซึ่งแทบไม่มีร่องรอยของมนุษย์เคยเข้ามา และในตอนนี้พวกเขาได้เข้าสู่เทือกเขาคาร์โรลแล้ว

เมื่อครอสมาร์เห็นขนาดของแม่น้ำใต้ดิน ‘เยี่ยมมาก มันอาจจะเป็นไปได้ที่เราจะสามารถแล่นเรือรบมาที่นี่ น้ำในแม่น้ำสายนี้ไม่เร็วมากเกินไป’ เมื่อปีนขึ้นไปบนเรือของโจรที่เย่ฉางได้เหลือทิ้งเอาไว้ เขาเห็นสัญลักษณ์ของกลุ่มโจรโซแลม ‘ดังนั้นสถานที่แห่งนี้คือฐานของพวกโจร และพวกมันใช้แม่น้ำใต้ดินในการลักลอบเข้ามาในเมือง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเจ้าหน้าที่สืบสวนถึงไม่สามารถหาพวกมันเจอเลย เพราะทุกอย่างหลบซ่อนอยู่ใต้ดินนี่เอง!’

เมื่อล่องเรือไปบนแม่น้ำ พวกเขาผ่านจุดกึ่งกลางแม่น้ำและแล่นเรือต่อไปจนไปถึงเทือกเขาอลอนโซ่ เมื่อปีนขึ้นไปบนยอดเขา เมืองไวท์สโตนก็ตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ตรงนี้แล้ว ตำแหน่งตรงนี้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก! แน่นอนว่านี่เป็นเส้นทางการขนส่งเชิงกลยุทธ์! แต่ทำไมถึงไม่มีใครเคยค้นพบมันมาก่อน!? เขานึกถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อไม่กี่ปีก่อน มีหลายพื้นที่ได้ยุบตัวลง มันอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้ … ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะพบสถานที่แบบนี้ได้เลย พวกเขาสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 70% ในการเดินทางจากเมืองแบล็กร็อคไปยังเมืองไวท์สโตน! แน่นอนว่าการเดินเรือทวนกระแสน้ำแบบนี้ อาจจะต้องใช้เวลานานกว่านี้ แต่มันจะไม่มีปัญหาเลยถ้าใช้เรือที่ขับเคลื่อนพลังงานจากคริสตัลเวทมนตร์!

สำหรับเย่เทียน เธอวางแผนที่จะใช้พลังงานจากลมในตอนขากลับ เพราะในช่วงเวลากลางคืน สายลมจะพัดหนุนจากทิศทางของเมืองแบล็กร็อคไปยังเมืองไวท์สโตน แต่ในบางครั้ง สายลมจะเปลี่ยนทิศทางหนุนจากเมืองไวท์สโตนไปที่เมืองแบล็กร็อคแทน ถึงแม้ว่าเรือธรรมดาจะสามารถเดินทางได้ แต่ก็ต้องมีการวางแผนกันก่อน

ครอสมาร์เดินทางมาถึงเมืองไวท์สโตน และไปพบกับเย่ฉางทันที

“เกี่ยวกับอาณาเขตอื่นๆ นายได้จัดการมันไปแล้วรึยัง?” ครอสมาร์เปิดประตูเข้ามาและถามเย่ฉาง

“ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว” เย่ฉางพูดอย่างเฉยเมย

“นั่นดีมาก อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กับใครล่ะ ฉันจะไปปรึกษากับท่านมาควิสก่อน ถ้านายต้องการเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ นายต้องมีตำแหน่งอย่างน้อยเป็นเอิรล์ซะก่อน ไม่อย่างนั้นนายจะโดนค่าภาษีที่สูลิ่ว ถึงแม้ว่าจะมันเป็นไปด้วยความยากลำบากก็ตาม แต่ฉันและท่านมาควิสจะทำทุกอย่างในอำนาจของเราเพื่อช่วยให้นายประหยัดค่าภาษีให้มากที่สุด แต่ถ้ามีคนจำนวนมากได้รับรู้เรื่องนี้ ส่วนแบ่งผลกำไรของพวกเราจะลดลงเป็นอย่างมาก” ครอสมาร์พยักหน้าช้าๆ “การแต่งตั้งให้นายเป็นเอิรล์อาจจะใช้เวลาสักสองวัน แต่ฉันจะเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากที่นายได้เปิดเส้นทางการค้าที่เจริญรุ่งเรือง และจำกัดพวกโจรในแม่น้ำทางตอนเหนือให้หมดก่อน นายจะได้เป็นประธานของสมาคมใหม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นายจะได้รับการแต่งตั้ง นายไม่สามารถปล่อยให้ผู้มีอำนาจคนอื่นนอกจากฉันรับรู้เรื่องนี้ได้! ไม่อย่างนั้นมันจะต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน!”

“พ่อคะ ครอสมาร์พูดถูกแล้วค่ะ…” เย่เทียนเห็นด้วย

“ฉันรู้…” เย่ฉางไม่ค่อยใส่ใจ

“เอาล่ะตอนนี้นายก็รีบกลับไปที่เมืองแบล็กร็อคพร้อมกับฉันก่อนก็แล้วกัน…” ครอสมาร์ดึงเย่ฉางไปพร้อมกับเขา พวกเขารีบวิ่งกลับไปที่เนินเขาอลอนโซ่และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกค้นพบ

“ฉันยังไม่ได้รับรางวัลสำหรับการฆ่าหัวหน้าโจรทั้ฟสามคนเลย…” เย่ฉางมองไปทางเมืองไวท์สโตนด้วยความโศกเศร้า

“นายสามารถกลับไปรับที่เมืองแบล็กร็อคได้! นี่เป็นรางวัลที่นำเสนอร่วมกันของทั้งสองเมือง …” ครอสมาร์จ้องมองไปที่เย่ฉางอย่างกระวนกระวายใจ ในสถานการณ์เช่นนี้เขายังมาเป็นห่วงของรางวัลเล็กๆน้อยๆอยู่อีก

ที่พักของมาร์ควิสอัสชาร่า

ครอสมาร์พาเย่ฉางไปเยี่ยมเยือนกลางดึก อัสชาร่ายังคงอยู่ในชุดนอนด้วยความงงงวยเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เร่งด่วนนี้ ใครกันที่บังอาจมารบกวนเขาในตอนดึกเช่นนี้! เขากำลังจะถามออกมาว่าใคร แต่เมื่อเห็นว่าครอสมาร์ทำท่าทางบ่งชี้ให้เห็นว่ามันเป็นความลับสุดยอด เขาจึงรีบปิดบานประตูหน้าต่าง และตรวจสอบสภาพแวดล้อมว่ามีคนอื่นๆอยู่หรือไม่ เมื่อเขาแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว เขาก็ได้ยินเกี่ยวกับแผนท่าเทียบเรือของแม่น้ำใต้ดิน อาการง่วงนอนของเขาหายไปในทันที “เรื่องจริง!?”

“เรื่องจริงอย่างแน่นอน ฉันได้แล่นเรือไปที่เทือกเขาอลอนโซ่ที่อยู่ใกล้กับเมืองไวท์สโตนมาแล้ว มันประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างน้อยได้ถึง 70%! นอกจากนี้ ถ้ำในแม่น้ำใต้ดินยังมีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่มีปัญหาในการที่จะแล่นเรือรบเข้าไปได้อีกด้วย!” ครอสมาร์ยืนยันเรื่องนี้อย่างจริงจัง

“แล้วเจ้าของพื้นที่ตรงนั้นคือใคร?” อัสชาร่าถามออกมาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นส่วนที่น่ากังวลมากที่สุด

“เป็นเพื่อนที่ดีของฉันที่มาจากบ้านเกิดของเราเอง ไวเคานต์ PaleSnow นอกจากนี้บริเวณท่าเรือเคยได้รับการครอบครองโดยกลุ่มโจรโซแลมมาก่อน แต่พวกมันถูกกำจัดโดยไวเคานต์ PaleSnow และกองทหารของฉันอย่างนักบวช HeavenShakingMight และพาลาดิน NightSky…” ครอสมาร์ยิ้มออกมา

“ดีมาก! ดีมาก! อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เขามียศแค่ไวเคานต์ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะปกป้องอาณาเขตนี้ได้ มันคงจะดีถ้าเรื่องนี้รับรู้เพียงแค่เรา แต่ถ้าเกิดเคลย์ได้รับรู้เรื่องนี้ขึ้นมาแล้วล่ะก็ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากขึ้นมาโดยทันที เนื่องจากเรามีสิทธิ์เป็นเจ้าของอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ฉันจะส่งข้อความเวทมนตร์ไปยังผู้มีตำแหน่งระดับสูงที่เมืองเรดมูนพร้อมกับหนังสือรับรอง! เราน่าจะสามารถดำเนินการได้ในวันพรุ่งนี้” อัสชาร่าเริ่มเขียนหนังสือรับรองอย่างรวดเร็ว โดยการโอ้อวดการกระทำของเย่ฉางอย่างเช่น การฟื้นฟูเทพธิดาทั้งสามองค์, สร้างสมาคมขึ้นมาใหม่, การกวาดล้างเส้นทางหุบเขาแห่งความตาย และกำจัดกลุ่มโจรโซแลม

“น้องชาย PaleSnow การที่ครอสมาร์มีเพื่อนแบบนายนั้น มันก็เหมือนกับว่านายได้ติดปีกให้กับพยัคฆ์ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการก่อสร้างท่าเรือมากไปนัก ไม่ว่าจะดีหรือไม่ ฉันก็เคยอยู่ในกองทัพเรือมาก่อน ดังนั้นเรามายืนยันผลประโยชน์ของแต่ละคนกันก่อน จักรวรรดิจะต้องคิดภาษี 30% อย่างแน่นอน แต่นั่นคือสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และส่วนที่เหลือจะเป็นของพวกเรา สำหรับส่วนแบ่งของพวกเรา เราสามารถพูดคุยกันได้ …” อัสชาร่าเอื้อมมือออกไปตบไหล่ของเย่ฉาง ในขณะที่เย่ฉางได้แต่หลั่งเหงื่อที่เย็นเยียบออกมา เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ เมื่อคิดเกี่ยวกับการแบ่งสันปันส่วน การที่เขาอยู่ที่นี่พร้อมกับครอสมาร์ เขาจึงตกเป็นส่วนหนึ่งของครอสมาร์ไปโดยปริยาย แน่นอนว่าการแบ่งส่วนแบ่งกับเขาเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อเย่ฉางคิดไปถึงตาแก่มาร์ที่หลั่งน้ำตา และไม่หันกลับไปมองเมื่อตอนเขาเดินจากไป จากนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดของครอสมาร์ที่ประกาศว่าจะเป็นพระสันตะปาปาสำหรับฮาล์ฟเอลฟ์ เขาจึงอดที่จะพยักหน้าออกมาไม่ได้ “แล้วแต่มาร์ควิสอัสชาร่าจะจัดการเลยครับ …”

อัสชาร่าหรี่ตาลงมอง และเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเย่ฉางใหม่อีกครั้ง บุคลิคเขาไม่อ่อนน้อมถ่อมตนหรือเป็นคนเอาแต่ใจ! การแบ่งผลประโยชน์คือช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่ต้องปรึกษากันก่อน หรือไม่ผลประโยชน์ก็ทำให้จิตใจคนเปลี่ยนไปได้ ถ้าเย่ฉางไปหาเคลย์ เขาจะไม่สูญเสียผลประโยชน์มากเช่นนี้ แต่นี่เขากลับยอมรับมันด้วยดี ครอสมาร์ได้เห็นการยอมรับของเย่ฉาง ทำให้เขานึกถึงจดหมายจากพ่อของเขา นี่คือคนที่เขาสามารถไว้ใจได้ มันอาจจะเป็นแค่สำหรับเขาเท่านั้น … ไม่สิต้องสำหรับพ่อของเขา… เขาเป็นคนที่น่าสนใจอย่างแท้จริง

เย่ฉางโบกมือลา และล็อคออฟออกจากเกม

“เพื่อนของนายน่าสนใจมากจริงๆ ครั้งแรกที่ฉันเห็นเขา การแสดงออกของเขาก็ทำให้ฉันประทับใจเป็นอย่างมากแล้ว แต่มาในครั้งนี้ เขากลับทำให้ฉันประทับใจมากขึ้นไปอีก …” อัสชาร่ามองไปยังทิศทางที่เย่ฉางหายตัวไป

“ใช่แล้ว…” ครอสมาร์เปิดขวดไวน์ “ฉันเดาว่าคุณไม่สามารถนอนหลับได้อีกต่อไปแล้ว…”

อัสชาร่าหัวเราะเบาๆ และดื่มไวน์พร้อมกับขนมปังปิ้งกับลูกเขยของเขา ชุดนอนของเขาคลายตัวเล็กน้อยจนเผยให้เห็นหลังคอ มันมีตราประทับบางอย่างอยู่ที่หลังคอของเขา!? มันเป็นตราประทับของนักโทษฮาล์ฟเอลฟ์เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ครอสมาร์มองไปที่ตรานักโทษและยิ้มออกมา “นั่นคือสิ่งที่ทำให้คุณได้พบกับแม่ของฉัน…”

“อ่า ใช่แล้ว ในขณะนั้นเรามีเด็ก 7 คนกำลังวางแผนเพื่อที่จะหลบหนี แต่มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ส่วนคนที่เหลือทั้งหมดถูกพวกมนุษย์ฆ่า …” อัสชาร่าคิดย้อนกลับไป และเริ่มที่จะจับไปตรงตรานักโทษบนคอของเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะลูบมันอย่างช้าๆ เขาถอนหายใจออกมา “จริงๆแล้วถ้าไม่ใช่เพราะทั้ง 4 คนได้ดึงดูดความสนใจของพวกมนุษย์ไป พวกเราก็คงหนีไม่พ้น ฉันเดิมพันได้เลยว่า นายไม่เคยคาดเดาถึงสิ่งที่พวกเขาตะโกนก่อนตายเมื่อ 10 ปีที่แล้วได้หรอก เพราะตอนนั้นแม่ของนายอายุน้อยกว่าฉัน ดังนั้นเธออาจจะจำไม่ได้…”

“พวกเขาพูดว่าอะไร?” ครอสมาร์ถาม

“Alukas, roccas, alona, donenar…” อัสชาร่ามองออกไปนอกหน้าต่างและพึมพำ

“ฮาล์ฟเอลฟ์ทั้งหลาย ไฟในหัวใจของพวกเราจะไม่หยุดเผาไหม้ ความมืดได้ผ่านไป และแสงสว่างจะอยู่กับพวกเรา…” ครอสมาร์พึมพำขึ้นมา จากนั้นเขาก็ก้มหัวลงด้วยความความเคารพอย่างเงียบๆ

(ผู้แปลอิ้งไม่แน่ใจว่า คำว่า Alukas, roccas, alona, donenar เป็นชื่อฮาล์ฟเอลฟ์ หรือภาษาของฮาล์ฟเอลฟ์นะครับ)

Virtual World – Peerless White Emperor

Virtual World – Peerless White Emperor

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 629 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ในปี 24xx ด้วยการปรับปรุงและพัฒนามาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี ทำให้โลกเสมือนจริงได้มีความสมจริงมากยิ่งขึ้น มันค่อยๆกลายเป็นโลกใบที่2ของมนุษย์ชาติ สังคม, การทำงาน ,การเรียนรู้และทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวัน คุณสามารถทำมันได้ในขณะที่คุณหลับพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของระบบเสมือนจริงนี้ ทำให้เกมเสมือนจริงได้พัฒนาจนมีความสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างเป็นทางการของรัฐบาล ทำให้ทุกปีได้มีการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเย่ฉางผู้ยากไร้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปี2 เขาดูเหมือนจะได้รับการรักษาจากโรคผิวซีดจนหายเป็นปกติ เรื่องราวของเขายังคงเต็มไปด้วยความลึกลับและปริศนามากมาย ในเกมส์ ‘New Age – Conviction’ เขาได้เริ่มต้นเดินไปตามเส้นทางของนักเล่นเกมมืออาชีพ อัศวินที่กำลังปรุงอาหารในความมืดมนกับบรรยากาศอันน่ารังเกียจในพื้นที่แห่งนี้ ประตูสู่ตำนานได้เริ่มผลักเขาออกไปอย่างช้าๆ“ในความเป็นจริง … เมื่อเทียบกับการเล่นเกม ฉันยังคงชอบการทำอาหารและดูละครโอเปร่า” — The White Emperor —

Options

not work with dark mode
Reset