Telesma 8

ตอนที่ 8

ถึงผู้อ่าน: จริงๆ แล้วตอนนี้ควรจะเป็น Final partแต่เราเห็นว่าเนื้อหามันออกจะแน่นเกินไปหน่อย แถมล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม 2อาทิตย์ ทำให้ต้องตัดตอนเพิ่มเป็น 5 part เราเขียนแล้วก็แก้บทสู้หลายรอบมากตอนนี้เหลือแก้บทครึ่งหลังใหม่ทั้งหมดเพื่อให้มมัน make senseแล้วก็นึกภาพตามได้ ต้องขออภัยคนที่ตั้งตารออ่านด้วย คิดว่าอีกไม่นานครึ่งหลังก็น่าจะแก้บทเสร็จแล้ว สุดท้ายนี้ก็ฝากติชมด้วยเพราะพึ่งเคยเขียนมุมมองบุคคลที่ 3 +ต่อสู้กันนทั้งตอนแบบนี้ ขอให้สนุก

หมายเหตุ:ตอนนี้จะเป็นบรรยายแบบบุคคลที่ 3 เพราะฉะนั้นประโยคที่เป็น •——• คือความคิดของนาคาซและโลล่า ส่วน Final partขอพิจารณาอีกที

___________________________

หลังจากที่เด็กสาวทั้ง 2คนได้เปิดประตูออกไปก็พบกับบรรยากาศของความกดดันและความเงียบงันที่แผ่ออกมาจากร่างของอสูรพิษสีนิลที่ยืนอยู่ ณ ใจกลางห้อง

  เสี้ยววินาทีแรกที่เด็กสาวได้สัมผัสกับบรรยากาศนั้นเธอก็แทบจะหยุดหายใจ แต่วีช่ายังคงรักษาสติของตนได้และส่งสัญญาณมือให้โลล่าอย่างลับๆ เป็นการบอกให้แยกและเข้าล้อมเด็กหนุ่มจากทั้งสองด้าน โลล่าพยักหน้าตอบรับเบาๆ และค่อยๆ เดินฉีกออกไปยังทางขวาของห้องอย่างระมัดระวัง

  •เท่าที่ดูก็ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะไม่มีอาวุธอย่างอื่นนอกจากธนูเลยนะ จะบุกเข้าไปเลยดีมั้ยนะ… ไม่ๆ อย่าลืมสิว่าหมอนั่นเป็นใคร อาจจะซุกอะไรไว้บ้างก็ไม่รู้• โลล่าคิดอย่างลังเลพร้อมกับกระชับหอกในมือของตนแน่นระหว่างที่มองไปยังร่างของนาคาซที่ยืนอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่คิดแม้แต่จะเหลียวแลมองพวกเธอเลยสักนิด

 

 

  •ยัยนั่นเลือกใช้หอกหรอกหรอ? ตอนนั้นไม่ทันสังเกตเลยแฮะ ส่วนเด็กอีกคนนึงเป็นลูกหลานฮัสซันงั้นหรอ? •

  •ดูเหมือนว่าจะไม่เอะใจเรื่องที่ฉันอยู่ตัวคนเดียวด้วย แถมน่าจะยังไม่รู้ว่าในมือเรามีดาบล่องหนอยู่สินะ เอาเถอะ ถ้าขนาดห้องประมาณนี้ก็ใช้ธนูได้ไม่ยากอะไร แถมตั้งการ์ดกันอย่างนี้ชาตินี้ก็คงไม่ได้ทำอะไรกันแน่•

  เด็กหนุ่มคิดพลางปลดธนูของตัวเองออกจากหัวไหล่และกำมันไว้แน่น พร้อมกับปักดาบล่องหนของตัวเองลงไปยังพื้นห้อง

  (สูด~~)

  “เฮ้อ~”

พอสิ้นเสียงลมหายใจสายลมกรรโชกก็โหมกระหน่ำไปทั่วทั้งห้องอาหาร มันรุนแรงซะจนเด็กสาวทั้งสองคนต้องยอมละสายตาออกจากนาคาซและยกมือของตนขึ้นมากำบัง

  •อึก… ลมมาจากไหนเนี่ย• โลล่าพยายามที่จะไม่ละสายตาไปจากเด็กหนุ่มแต่เมื่อสายลมได้จางลงเธอก็พบว่าเขาได้หายไป

  “หะ…หายไปไหนแล้ว” เด็กสาวทั้งสองคนพยายามหันไปมองทั่วห้องเพื่อหาร่างของนาคาซ

  “ชิ หนีไปแล้วงั้นหรอ” เด็กสาวผิวแทนพูดขึ้นระหว่างที่โลล่ายังคงมองหาร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้นอยู่

  “วีช่า! ระวัง!”

  •มูรูส!•

โลล่ากระแทกฝ่ามือของตนลงไปที่พื้นห้องปรากฎเป็นกำแพงน้ำแข็งแทงทะลุพื้นหินอ่อนขึ้นมาป้องกันร่างของฮัสซาซินฝึกหัดจากลูกธนูที่ถูกยิงมาด้วยความเร็วสูง

  “อ๊าאההה!” ความเจ็บปวดฉับพลันเข้ากลืนกินร่างกายของเด็กสาวในทันที

  “โลล่า! อั๊ก..”

  “ฉัน… ฉันไม่เป็นไร…” โลล่ากล่าวก่อนที่จะหยิบคทาขึ้นมาและกระหน่ำร่ายเวทโจมตีไปยังตำแหน่งที่ลูกธนูพุ่งออกมาพร้อมกับใช้หอกไม้พยุงร่างกายที่เดินอย่างทุลักทุเลไปหลบที่หลังกำแพงน้ำแข็ง

  “เป็นอะไรรึเปล่า” เด็กสาวผิวแทนรับร่างของโลล่าที่ใกล้ล้มเข้ามาพร้อมกับตรวจสอบสภาพร่างกายของคู่หูเธอแบบเร็วๆ

  “ไม่เท่าไหร่ค่ะ แล้วคุณล่ะคะ”

  “โดนยิงที่มือขวาน่ะ อึก… ระบมจนจับอะไรไม่ได้เลย” วีช่ากล่าวพร้อมกับพยายามมองหาร่างของเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างนอกกำแพงน้ำแข็ง

 

  •ไม่คิดเลยว่ายัยนั่นจะร่ายเวทได้เร็วขนาดนั้น แถมร่ายเวทกระหน่ำใส่แบบนั้นนี่กะเอาฉันตายเลยรึไงกัน ให้ตายเถอะ•

  อสรพิษสีนิลพิจารณาสถานการณ์ขณะที่หลบอยู่บนโคมไฟขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่กลางห้องอาหารพร้อมกับหันไปมองร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการร่ายเวทของโลล่า

  •อืม… คงต้องรีบจัดการอะไรก่อนที่ยัยนั่นจะเบิกเนตรมาเห็นเราสินะ•

  (นาคาซ)

  •! เลออนหรอ? ตรงไหน• เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาเพื่อหาต้นเสียงที่ตนได้ยิน

  (ทางนี้!) และพอหันไปนาคาซก็พบกับเลออนที่แอบอยู่บนระเบียงของห้องอาหาร

  (มีอะไร)

  (จะให้ฉันละลายน้ำแข็งนั่นให้มั้ย)

  (อืม….อย่าดีกว่า กำแพงน้ำแข็งนั้นค่อนข้างหนา ไม่ใช่อะไรที่แค่ใช้เวทระดับ 1หรือ 2จะละลายไ-) เด็กหนุ่มพูดยังไม่ทันจบประโยคอยู่ๆ ก็มีมีดบินเฉียดหน้าของเขาไป

  •ถูกเจอตัวแล้วงั้นหรอ• นาคาซหยิบลูกศรของตนออกมาพร้อมกับยิงสวนกลับไปในทันที และในระหว่างที่เขากำลังตั้งท่าจะกระโดดข้ามไปหลบหลังระเบียงก็มีแท่งน้ำแข็งลอยมาตัดหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง

  •ชิ ไม่ได้แค่ปามาสุ่มๆ สินะ•

 

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามแต่ดูเหมือนว่าเหล่าเด็กสาวจะพบตัวของพวกเขาเข้าแล้ว และเลออนก็สามารถรับรู้ได้ถึงสัมผัสของไอเย็นยะเยือกที่ค่อยๆ แผ่ขึ้นมาจากพื้นชั้นล่าง

  โลล่ากำลังมุ่งหน้าขึ้นมาหาของพวกเขาด้วยการวิ่งไต่กำแพงน้ำแข็งที่เธอร่ายขึ้นมาพร้อมกับโจมตีนาคาซด้วยการสบัดแท่งน้ำแข็งออกมาจากหอกไม้ที่ถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งสีฟ้าคราม แต่นาคาซก็สามารถหลบแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นได้อย่างเฉียดฉิว เมื่อเลออนเห็นดังนั้นจึงร่ายเวทสวนเด็กสาวกลับไปเพื่อสร้างโอกาสให้อสรพิษสีนิลสามารถกระโดดข้ามมายังระเบียงชั้นบนได้

  “โดดมาเร็ว!”

  เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนยื่นมือออกมาระหว่างที่กางโล่เพลิงต้านการโจมตีของโลล่าไว้อยู่ และในจังหวะที่นาคาซกระโดดออกมาจากโคมไฟก็ได้มีบางสิ่งลอยมากระแทกเข้ากับสีข้างของเขาอย่างแม่นยำ

  “อ๊าก!”

  “นาคาซซซ!”

อสรพิษน้อยพลาดท่าและร่วงลงมากระแทกเข้ากับโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ข้างล่างอย่างแรง

  “อั๊ก!”

  สำหรับเด็ก 6ขวบแล้วมันอาจจะเป็นความเจ็บปวดที่มากและสาหัสพอสมควร แม้แต่นาคาซที่ฝึกฝนร่างกายมาอย่างดีการที่ตกลงมาแบบนี้มันก็สร้างความเสียหายให้เขาพอสมควร

 

หลังจากที่ตั้งสติได้นาคาซก็ได้กวาดสายตาไปรอบๆ และพบว่ามีกลุ่มหมอกหนาเตอะกำลังล้อมรอบตัวเขาอยู่

  •หมอกหรอ มาไงเนี่ย•

  และภายในช่วงเวลาก่อนที่นาคาซจะลุกขึ้นมานั้นก็ได้มีมีดบินทะลุม่านหมอกมาหาเขาอีกครั้งหนึ่ง แต่ในครั้งนี้นาคาซสามารถหลบได้ด้วยการใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองขึ้นไปบนอากาศและตีลังกาลงมาอย่าสวยงาม

  •ก่อนอื่นต้องรีบไปชักดาบออกแล้วสลายหมอกนี่ทิ้งซะแล้วค่อยจัดการกับยัยพวกนั้น•

พอคิดแบบนั้นแล้วเด็กหนุ่มก็ไม่รีรอและพุ่งตัวออกไปยังตำแหน่งของดาบที่เขาปักไว้ก่อนหน้านี้ในทันที แต่เมื่อยื่นมือออกไปขว้าดาบล่องหนที่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่เขาสัมผัสได้นั้นมีเพียงแค่สายหมอกและความว่างเปล่าเพียงเท่านั้น

  “หายไปแล้ว!”

  •โดนเจอแล้วงั้นหรอ? งั้นต้องรีบถอนเวทออกก่อน•

  เด็กหนุ่มรีบหยิบคทาออกมาและทำการยกเลิกเวทมนตร์ในทันที

  •ยกเลิกเวทมนตร์•

  วงเวทยังคงหมุนวนอยู่รอบคทาและไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น

  •สลายสิ!•

  •สลาย!•

  •สลาย! สลาย! สลาย! สลาย! สลาย! สลาย!•

นาคาซพยายามที่จะสลายเวทมนตร์ของตนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่ว่าจะทำมันกี่ครั้งคทาเวทของเขาก็ยังคงไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ

  “บัดซบเอ้ย!”

  และระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังเลือดขึ้นหน้ากับคทาเวทของตนนั้นเองก็ได้มีมีดพุ่งผ่านกำแพงหมอกออกมาอีกครั้งจากทางด้านหลังของเขา แต่นาคาซก็ใช้มือขว้ามีดไม้เล่มนั้นอย่างง่ายดายและขว้างมันกลับเข้าไปด้วยแรงโทสะในทันที

  •ถ้ามีดีแค่ปามีดก็รีบๆ ตกรอบไปซะ!•

  …..

  •ชิ ไม่โดนงั้นหรอ•

 

ในขณะเดียวกันฮัสซาซินฝึกหัดที่แฝงตัวอยู่ในสายหมอกก็คอยจับตาดูนาคาซอยู่ตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นมันคืออะไรและดูท่าเขาจะหัวเสียกับมันมากพอสมควร พอเห็นแบบนั้นเด็กสาวก็กระชับมีดสั้นในมือไว้แน่นพร้อมกับพุ่งตัวออกไปโจมตีด้วยฝีเท้าที่เงียบงันจากทางด้านหลังของเด็กหนุ่ม แต่ก่อนที่เด็กสาวจะได้แทงมีดลงไปยังกลางหลังของนาคาซก็ได้มีบางสิ่งมาขวางการโจมตีของเธอเอาไว้

  มันเป็นกิ่งไม้เรียวยาวที่มีวงเวทหมุนวนอยู่รอบๆ ใช่แล้วมันคือคทาเวท นาคาซสามารถใช้คทาเวทสกัดกั้นการลอบสังหารของเธอได้อย่างง่ายดายพร้อมกับไข้มันหันไปกระหน่ำแทงร่างของเด็กสาวในทันที แต่วีช่าก็สามารถหลบการโจมตีเหล่านั้นได้อย่างเฉียดฉิวและหนีเข้าไปซ่อนตัวในหมอกอีกครั้งหนึ่ง แต่ก่อนที่เด็กสาวจะซ่อนตัวในสายหมอกได้อย่างสมบูรณ์ก็ได้มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น

  “เดร๊าะ”

  ทันใดนั้นก็มีลูกศรพุ่งตัดหน้าของเธอไปอย่างฉิวเฉียด

  “เดร๊าะ”

เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งศรไม้ก็พุ่งตรงมาหาเด็กสาวในทันที แต่วีช่าก็สามารถหลบมันได้และวิ่งกลับเข้าไปปะทะกับนาคาซอีกครั้งหนึ่ง

  เมื่อจับสัมผัสได้ว่าศัตรูกำลังพุ่งมาหาตน นาคาซก็สับเปลี่ยนอาวุธในมือของตัวเองอย่างความคล่องแคล่วและสกัดการโจมตีของวีช่าด้วยคทาเวทอีกครั้งหนึ่ง

  “บงชูร์”

  เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมแสยะรอยยิ้มและใช้คทาเวทรุกโจมตีวีช่าด้วยกระบวนดาบเรเปียร์ในทันที

  ทั้งนาคาซและวีช่าต่างผลัดกันรุกและรับอย่างต่อเนื่องดุจดั่งว่าเด็กทั้งสองคนนั้นกำลังเต้นรำกันท่ามกลางสายหมอกสีหม่นอยู่ และในทุกๆ ครั้งที่เด็กสาวพยายามหนีเข้าไปในกำแพงหมอกก็จะมีเสียงแบบเดิมดังออกมาจากทางอสรพิษสีนิลพร้อมกับศรไม้ที่ถูกยิงออกมาเสมอ จนกระทั่งเมื่อเด็กหนุ่มเอื้อมมือเข้าไปหยิบลูกธนูในฝักและพบว่าตัวเองเหลือโอกาสในการแผลงศรอีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

  •?! เหลือแค่ดอกเดียวแล้วงั้นหรอ? •

  •ชิ ใจร้อนจนได้เรื่องสินะ•

เด็กหนุ่มหยิบลูกธนูดอกนั้นขึ้นมาและค่อยๆ บรรจงเล็งคันศรของตนท่ามกลางสายหมอกและความเงียบงันพร้อมกับระงับอารมณ์ของตนเอง

  ชิน ความเที่ยงแท้

  เซน ความสงบ

  บิ ความสวยงาม

  วิถีแห่งธนูของชาวฮิคาชินั้นไม่ได้ใช้เพียงแค่ในการสู้รบหรือการล่าสัตว์เท่านั้น แต่มันคือศาสตร์และศิลป์ที่แฝงไปด้วยปรัชญา การหาคำตอบ การขัดเกลาจิตใจและการฝึกสมาธิ สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้มีเพียงแค่การรักษาจิตใจที่นิ่งสงบของตนเองไว้ให้ได้และแผลงศรเพื่อหาคำตอบอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น

  •ใจเย็นๆ ไว้ นาคาซ ใจเย็นๆ ไว้ แค่ทำเหมือนทุกๆ ครั้งก็พอ ทำเหมือนกับที่พ่อสอนเรามาตลอด•

  “ฟู้ว~~”

เด็กหนุ่มถอดลมหายใจออกพร้อมกับค่อยๆ หลับตาลงและอ้าปากของตนออกมาเล็กน้อย

  “เดร๊าะ”

  เสียงเดาะลิ้นดังขึ้นอีกครั้ง นาคาซสดับฟังเสียงสะท้อนที่ตกกระทบกับพื้นที่โดยรอบด้วยจิตใจที่นิ่งสงบ และเมื่อจับสัมผัสได้เขาก็ยิงลูกธนูออกไปในทิศทางที่เด็กสาวกำลังวิ่งมาในทันที

  •ตรงนั้น!•

ศรไม้พุ่งผ่านม่านหมอกออกไปด้วยความเร็วและปะทะเข้ากับหัวไหล่ข้างขวาของฮัสซาซินฝึกหัดอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดราวกับแขนถูกตัดพุ่งผ่านปลายประสาทของเด็กสาวส่งตรงไปถึงสมองจนเธอเสียหลักและกลิ้งไถลกับพื้นจนไปชนเข้ากับขาเก้าอี้ที่ตั้งอยู่อย่างแรง

  “อ๊าาาาาา!”

  เสียงร้องตะโกนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดังลั่นไปทั่วทั้งห้องอาหารจนแม้แต่โลล่าและเลออนที่กำลังปะทะกันอยู่ด้านบนต้องละสายตาลงไปมองด้วยความตกใจ

 

  •ฮิ ทำดีก็ทำได้นี่เรา•

แสงสีแดงโลหิตเปล่งประกายขึ้นมาท่ามกลางสายหมอกสีหม่น และหลังจากที่ดื่มด่ำกับผลงานของตัวเองมากพอแล้วเด็กหนุ่มก็ปลดอุปกรณ์ยิงธนูของตัวเองทิ้งทั้งหมดพร้อมกับพุ่งออกไปหาเหยื่อของตนในทันที

  “เดร๊าะ”

  เมื่อวีช่าได้ยินเสียงกระเดาะลิ้นของอสรพิษสีนิลก็พยายามพยุงร่างของตนขึ้นมาอย่างทุลักทุเลพร้อมหยิบคทาของตัวเองออกมาและเริ่มร่ายเวทอะไรบางอย่าง

  •โดนไปขนาดนั้นแล้วยังมีแรงร่ายเวทอีกงั้นหรอ เหลือเชื่อจริงๆ •

  “เดร๊าะ”

เมื่อเห็นดังนั้นนาคาซก็เร่งฝีเท้าของตัวเองเพิ่มขึ้นอีกจนกระทั่งเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างออกมาจากปากของเด็กสาวคนนั้น

  “ซับบา…”

  “นิย่า!”

เด็กสาวเปิดเผยไพ่ตายของตนออกมา และภายในระยะเวลาสั้นๆ สายหมอกที่กระจายอยู่ทั่วทั้งห้องก็เริ่มเกาะกลุ่มกันจนกลายเป็นก้อนหมอกสีเทาที่มีลักษณะคล้ายกับมือที่มีนิ้วเรียวยาวและดูแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปหานาคาซในทันที

  •ซวยแล้วไง•

เด็กหนุ่มที่ไม่สามารถร่ายเวทแก้ได้นั้นทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นมาตั้งเป็นท่าป้องกันและได้แต่หวังว่าตัวเขาจะสามารถวิ่งไปจัดการกับฮัสซาซินฝึกหัดได้ก่อนที่กลุ่มหมอกจะไล่ตามตัวเขาทัน

  แต่ดูเหมือนว่าความหวังของเขาจะต้องจบสิ้นลงเมื่อมีมือข้างหนึ่งสามารถรั้งขาของเขาไว้ได้ และทันใดนั้นพวกมันก็โถมเข้ามากลืนกินร่างของนาคาซอย่างรวดเร็ว ควันสีเทาไหลเข้าไปในปากและจมูกของเด็กหนุ่มจนเขาเริ่มสำลักมัน

  “แค๊กๆๆๆ”

  •โถ่เว้ย…•

  เด็กหนุ่มที่ไร้ซึ่งเวทมนตร์ในการต่อต้านทำได้เพียงแค่กระเสือกกระสนพยายามที่จะสลัดหมอกเหล่านั้นออกไปด้วยแรงกายทั้งหมดที่ตนมี

  “แค๊กๆๆๆ”

  •ถ้าดาบนั่นไม่ถูกเจอละก็….•

ควันสีเทายังคงไหลเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของนาคาซอย่างต่อเนื่องจนแรงกายของเขาเริ่มถดถอย สายตาเริ่มพร่ามัวไปพร้อมๆ กับสติที่กำลังจะจางลงไป สุดท้ายอสรพิษสีนิลก็สิ้นฤทธิ์และล้มลงไปแนบกับพื้นขณะที่สายหมอกเหล่านั้นยังคงไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง

  “แค๊กๆ”

  •น่าขำ…ชะมัด…..•

  …..

  ….

  …

  ..

  .

  .

  (ฮิๆ ~)

  เสียงเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวของนาคาซ และทันใดนั้นสายหมอกที่ปกคลุมทั่วร่างของเด็กหนุ่มก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว

  หมอกสีเทาที่อยู่ภายในตัวของนาคาซไหลออกมาจากทางจมูกและปากราวกับน้ำตก

  “เฮือก! แค๊กๆ”

  สติและเรี่ยวแรงของเด็กหนุ่มค่อยๆ ฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเองวีช่าที่กำลังตกตะลึงกับสิ่งที่ตนเห็นก็ตั้งสติได้และกระโจนเข้ามาโจมตีนาคาซด้วยอย่างสุดแรง แต่เด็กหนุ่มก็สามารถกลิ้งหลบการโจมตีนั้นได้อย่างฉิวเฉียดและลุกขึ้นยืนอีกครั้งอย่างยากลำบาก เด็กสาวทิ้งเศษไม้ในมือลงและหยิบมีดไม้สำรองของตนเองออกมาพร้อมกับแผ่รังสีแห่งความอาฆาต

  ถึงแม้ตอนนี้วีช่าจะสามารถใช้แขนได้เพียงแค่ข้างเดียว แต่การโจมตีเมื่อกี้ของเธอมันก็รุนแรงมากพอทำให้คทาเวทแหลกกลายเป็นแค่เศษไม้และทำให้พื้นหินอ่อนแตกกลายเป็นหลุมได้

  •พึ่งจะมาเอาจริงตอนนี้เนี่ยนะ ให้ตายเถอะ•

นาคาซเก็บคทาเวทของตัวเองขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับตั้งท่าพร้อมโจมตี

  “ขอถามหน่อย เธอชื่ออะไร”

  “….”

  •ไม่ตอบสินะ….•

เด็กทั้งสองคนพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้งหนึ่ง นาคาซยังคงใช้กระบวนดาบเรเปียร์ในการต่อสู้กับเด็กสาว และถึงแม้วีช่าจะใช้แขนได้เพียงข้างเดียวและไร้ซึ่งสายหมอกให้หลบหนีก็ยังคงสามารถต่อกรกับนาคาซได้อย่างสูสีด้วยทักษะหารหลบหลีกของฮัสซาซิน

  •นึกว่าจะมีดีแค่วิ่งไปวิ่งมากับปามีดซะอีก•

  นาคาซหลบลูกเตะของเด็กสาวและกวาดเท้ากลับไปแต่เธอก็สามารถกระโดดหลบมันได้และถอยทิ้งระยะห่างออกมา

  •กระโดดเป็นพวกเลปัสเลยนะยัยเด็กนี่•

  •แถมคทานี่ก็ไม่ได้ว่าจะยาวอะไรนักหนาให้แทงได้ไกลๆ ด้วย ใช้ของผิดประเภทก็งี้แหละนะ•

  ระหว่างที่นาคาซตั้งท่ากำลังจะบุกเข้าหาเด็กสาวเองนั้น อยู่ๆ วงเวทที่อยู่ที่รายล้อมคทาอยู่ก็สลายไปในทันที

  •?!•

  “ฮิ”

เด็กหนุ่มแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับเหลือบตามองไปยังธนูที่อยู่ข้างหลังของฮัสซาซินฝึกหัดและเริ่มร่ายเวทอะไรบางอย่างขึ้นอีกครั้ง

  เมื่อเด็กสาวเห็นว่านาคาซเริ่มร่ายเวทขึ้นมาเธอก็พุ่งเข้าไปโจมตีเขาในทันที แต่เด็กหนุ่มก็หลบการโจมตีนั้นของเธอและรีบกลิ้งไปขว้าธนูขึ้นมา วีช่าแสดงสีหน้าฉงนสงสัยออกมาก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหานาคาซอีกครั้งหนึ่ง

  •ตำราเวทธนูศักดิ์สิทธิ์ อาซูสะยูมิ•

  •คาถาที่ 3 โอโตะ โนะ เก็น!• (คันศรเสียง)

เพียงแค่ปล่อยสายธนูเบาๆ ก็เกิดเสียงบางอย่างขึ้นมา

  ตริ้ง

  เสียงนั้นค่อยๆ ดังและแหลมขึ้นเรื่อยๆ จนดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องอาหารทำให้แผ่นกระจกและเครื่องกระเบื้องทั้งหมดสั่นไหวจนเริ่มปริร้าวและแตกออก 

  “อ๊าาาาา!”

  “อั๊ก!”

  คลื่นเสียงที่ทั้งดังและแสบแก้วหูราวกับเสียงกรีดร้องของนายหญิงแห่งบาล็อคทำให้เด็กสาวสลบและล้มลงไปกองกับพื้นในทันที นาคาซที่เป็นผู้ยิงเองก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยจนล้มลงและเกือบที่จะหมดสติตามไป

  “อึ่ย…”

  ….

  ….

  “วิ้งเลยไอบ้าเอ้ย…. นี่ถูกจัดเป็นเวทระดับ 2จริงดิ? หูแทบแตก”

  …..

  …

  •เอาเถอะ ยังไงถ้ามัวแต่สู้แบบครึ่งๆ กลางๆ คงได้เปลืองแรงน่าดู•

  เด็กหนุ่มค่อยๆ ประคองตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆ และเดินไปตรวจสอบร่างของเด็กสาวที่นอนสลบอยู่ตรงหน้า

  •มีอะไรให้พอใช้ได้มั่งเนี่ย มีดสั้น? ไม่อ่ะ สู้ระยะกับหอกยัยนั่นไม่ได้แน่… แล้วสรุปดาบฉันหายไปไหนเนี่ย… เวทก็คลายแล้วอย่างน้อยๆ มันก็ต้องปรากฏรูปร่างให้เห็นแล้วสิ•

  นาคาซยกร่างของเด็กสาวไปไว้ในที่ปลอดภัยพร้อมกับกวาดสายตาหาดาบของตัวเอง และทันใดนั้นเองก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น

  ครื้นนนนน!

  โครมมมม!

เสียงอึกกระทึกดังมาจากระเบียงข้างบนของห้อง และทันใดนั้นก็มีบางสิ่งลอยมาตกกระทบกับพื้นข้างล่าง

  ตึ่งงง!

  เมื่อฝุ่นที่คละคลุ้งเริ่มจางลงก็ปรากฏร่างของเลออนที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมและใกล้หมดสภาพเต็มที เมื่อนาคาซเห็นดังนั้นก็ละความสนใจจากดาบของตนและวิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนในทันที

  “เลออน!”

___________________________

ถึงผู้อ่าน: จริงๆ แล้วตอนนี้ควรจะเป็น Final partแต่เราเห็นว่าเนื้อหามันออกจะแน่นเกินไปหน่อย แถมล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม 2อาทิตย์ ทำให้ต้องตัดตอนเพิ่มเป็น 5 part เราเขียนแล้วก็แก้บทสู้หลายรอบมากตอนนี้เหลือแก้บทครึ่งหลังใหม่ทั้งหมดเพื่อให้มมัน make senseแล้วก็นึกภาพตามได้ ต้องขออภัยคนที่ตั้งตารออ่านด้วย คิดว่าอีกไม่นานครึ่งหลังก็น่าจะแก้บทเสร็จแล้ว สุดท้ายนี้ก็ฝากติชมด้วยเพราะพึ่งเคยเขียนมุมมองบุคคลที่ 3 +ต่อสู้กันนทั้งตอนแบบนี้ ขอให้สนุก

หมายเหตุ:ตอนนี้จะเป็นบรรยายแบบบุคคลที่ 3 เพราะฉะนั้นประโยคที่เป็น •——• คือความคิดของนาคาซและโลล่า ส่วน Final partขอพิจารณาอีกที

___________________________

หลังจากที่เด็กสาวทั้ง 2คนได้เปิดประตูออกไปก็พบกับบรรยากาศของความกดดันและความเงียบงันที่แผ่ออกมาจากร่างของอสูรพิษสีนิลที่ยืนอยู่ ณ ใจกลางห้อง

  เสี้ยววินาทีแรกที่เด็กสาวได้สัมผัสกับบรรยากาศนั้นเธอก็แทบจะหยุดหายใจ แต่วีช่ายังคงรักษาสติของตนได้และส่งสัญญาณมือให้โลล่าอย่างลับๆ เป็นการบอกให้แยกและเข้าล้อมเด็กหนุ่มจากทั้งสองด้าน โลล่าพยักหน้าตอบรับเบาๆ และค่อยๆ เดินฉีกออกไปยังทางขวาของห้องอย่างระมัดระวัง

  •เท่าที่ดูก็ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะไม่มีอาวุธอย่างอื่นนอกจากธนูเลยนะ จะบุกเข้าไปเลยดีมั้ยนะ… ไม่ๆ อย่าลืมสิว่าหมอนั่นเป็นใคร อาจจะซุกอะไรไว้บ้างก็ไม่รู้• โลล่าคิดอย่างลังเลพร้อมกับกระชับหอกในมือของตนแน่นระหว่างที่มองไปยังร่างของนาคาซที่ยืนอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่คิดแม้แต่จะเหลียวแลมองพวกเธอเลยสักนิด

 

 

  •ยัยนั่นเลือกใช้หอกหรอกหรอ? ตอนนั้นไม่ทันสังเกตเลยแฮะ ส่วนเด็กอีกคนนึงเป็นลูกหลานฮัสซันงั้นหรอ? •

  •ดูเหมือนว่าจะไม่เอะใจเรื่องที่ฉันอยู่ตัวคนเดียวด้วย แถมน่าจะยังไม่รู้ว่าในมือเรามีดาบล่องหนอยู่สินะ เอาเถอะ ถ้าขนาดห้องประมาณนี้ก็ใช้ธนูได้ไม่ยากอะไร แถมตั้งการ์ดกันอย่างนี้ชาตินี้ก็คงไม่ได้ทำอะไรกันแน่•

  เด็กหนุ่มคิดพลางปลดธนูของตัวเองออกจากหัวไหล่และกำมันไว้แน่น พร้อมกับปักดาบล่องหนของตัวเองลงไปยังพื้นห้อง

  (สูด~~)

  “เฮ้อ~”

พอสิ้นเสียงลมหายใจสายลมกรรโชกก็โหมกระหน่ำไปทั่วทั้งห้องอาหาร มันรุนแรงซะจนเด็กสาวทั้งสองคนต้องยอมละสายตาออกจากนาคาซและยกมือของตนขึ้นมากำบัง

  •อึก… ลมมาจากไหนเนี่ย• โลล่าพยายามที่จะไม่ละสายตาไปจากเด็กหนุ่มแต่เมื่อสายลมได้จางลงเธอก็พบว่าเขาได้หายไป

  “หะ…หายไปไหนแล้ว” เด็กสาวทั้งสองคนพยายามหันไปมองทั่วห้องเพื่อหาร่างของนาคาซ

  “ชิ หนีไปแล้วงั้นหรอ” เด็กสาวผิวแทนพูดขึ้นระหว่างที่โลล่ายังคงมองหาร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้นอยู่

  “วีช่า! ระวัง!”

  •มูรูส!•

โลล่ากระแทกฝ่ามือของตนลงไปที่พื้นห้องปรากฎเป็นกำแพงน้ำแข็งแทงทะลุพื้นหินอ่อนขึ้นมาป้องกันร่างของฮัสซาซินฝึกหัดจากลูกธนูที่ถูกยิงมาด้วยความเร็วสูง

  “อ๊าאההה!” ความเจ็บปวดฉับพลันเข้ากลืนกินร่างกายของเด็กสาวในทันที

  “โลล่า! อั๊ก..”

  “ฉัน… ฉันไม่เป็นไร…” โลล่ากล่าวก่อนที่จะหยิบคทาขึ้นมาและกระหน่ำร่ายเวทโจมตีไปยังตำแหน่งที่ลูกธนูพุ่งออกมาพร้อมกับใช้หอกไม้พยุงร่างกายที่เดินอย่างทุลักทุเลไปหลบที่หลังกำแพงน้ำแข็ง

  “เป็นอะไรรึเปล่า” เด็กสาวผิวแทนรับร่างของโลล่าที่ใกล้ล้มเข้ามาพร้อมกับตรวจสอบสภาพร่างกายของคู่หูเธอแบบเร็วๆ

  “ไม่เท่าไหร่ค่ะ แล้วคุณล่ะคะ”

  “โดนยิงที่มือขวาน่ะ อึก… ระบมจนจับอะไรไม่ได้เลย” วีช่ากล่าวพร้อมกับพยายามมองหาร่างของเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างนอกกำแพงน้ำแข็ง

 

  •ไม่คิดเลยว่ายัยนั่นจะร่ายเวทได้เร็วขนาดนั้น แถมร่ายเวทกระหน่ำใส่แบบนั้นนี่กะเอาฉันตายเลยรึไงกัน ให้ตายเถอะ•

  อสรพิษสีนิลพิจารณาสถานการณ์ขณะที่หลบอยู่บนโคมไฟขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่กลางห้องอาหารพร้อมกับหันไปมองร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการร่ายเวทของโลล่า

  •อืม… คงต้องรีบจัดการอะไรก่อนที่ยัยนั่นจะเบิกเนตรมาเห็นเราสินะ•

  (นาคาซ)

  •! เลออนหรอ? ตรงไหน• เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาเพื่อหาต้นเสียงที่ตนได้ยิน

  (ทางนี้!) และพอหันไปนาคาซก็พบกับเลออนที่แอบอยู่บนระเบียงของห้องอาหาร

  (มีอะไร)

  (จะให้ฉันละลายน้ำแข็งนั่นให้มั้ย)

  (อืม….อย่าดีกว่า กำแพงน้ำแข็งนั้นค่อนข้างหนา ไม่ใช่อะไรที่แค่ใช้เวทระดับ 1หรือ 2จะละลายไ-) เด็กหนุ่มพูดยังไม่ทันจบประโยคอยู่ๆ ก็มีมีดบินเฉียดหน้าของเขาไป

  •ถูกเจอตัวแล้วงั้นหรอ• นาคาซหยิบลูกศรของตนออกมาพร้อมกับยิงสวนกลับไปในทันที และในระหว่างที่เขากำลังตั้งท่าจะกระโดดข้ามไปหลบหลังระเบียงก็มีแท่งน้ำแข็งลอยมาตัดหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง

  •ชิ ไม่ได้แค่ปามาสุ่มๆ สินะ•

 

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามแต่ดูเหมือนว่าเหล่าเด็กสาวจะพบตัวของพวกเขาเข้าแล้ว และเลออนก็สามารถรับรู้ได้ถึงสัมผัสของไอเย็นยะเยือกที่ค่อยๆ แผ่ขึ้นมาจากพื้นชั้นล่าง

  โลล่ากำลังมุ่งหน้าขึ้นมาหาของพวกเขาด้วยการวิ่งไต่กำแพงน้ำแข็งที่เธอร่ายขึ้นมาพร้อมกับโจมตีนาคาซด้วยการสบัดแท่งน้ำแข็งออกมาจากหอกไม้ที่ถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งสีฟ้าคราม แต่นาคาซก็สามารถหลบแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นได้อย่างเฉียดฉิว เมื่อเลออนเห็นดังนั้นจึงร่ายเวทสวนเด็กสาวกลับไปเพื่อสร้างโอกาสให้อสรพิษสีนิลสามารถกระโดดข้ามมายังระเบียงชั้นบนได้

  “โดดมาเร็ว!”

  เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนยื่นมือออกมาระหว่างที่กางโล่เพลิงต้านการโจมตีของโลล่าไว้อยู่ และในจังหวะที่นาคาซกระโดดออกมาจากโคมไฟก็ได้มีบางสิ่งลอยมากระแทกเข้ากับสีข้างของเขาอย่างแม่นยำ

  “อ๊าก!”

  “นาคาซซซ!”

อสรพิษน้อยพลาดท่าและร่วงลงมากระแทกเข้ากับโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ข้างล่างอย่างแรง

  “อั๊ก!”

  สำหรับเด็ก 6ขวบแล้วมันอาจจะเป็นความเจ็บปวดที่มากและสาหัสพอสมควร แม้แต่นาคาซที่ฝึกฝนร่างกายมาอย่างดีการที่ตกลงมาแบบนี้มันก็สร้างความเสียหายให้เขาพอสมควร

 

หลังจากที่ตั้งสติได้นาคาซก็ได้กวาดสายตาไปรอบๆ และพบว่ามีกลุ่มหมอกหนาเตอะกำลังล้อมรอบตัวเขาอยู่

  •หมอกหรอ มาไงเนี่ย•

  และภายในช่วงเวลาก่อนที่นาคาซจะลุกขึ้นมานั้นก็ได้มีมีดบินทะลุม่านหมอกมาหาเขาอีกครั้งหนึ่ง แต่ในครั้งนี้นาคาซสามารถหลบได้ด้วยการใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองขึ้นไปบนอากาศและตีลังกาลงมาอย่าสวยงาม

  •ก่อนอื่นต้องรีบไปชักดาบออกแล้วสลายหมอกนี่ทิ้งซะแล้วค่อยจัดการกับยัยพวกนั้น•

พอคิดแบบนั้นแล้วเด็กหนุ่มก็ไม่รีรอและพุ่งตัวออกไปยังตำแหน่งของดาบที่เขาปักไว้ก่อนหน้านี้ในทันที แต่เมื่อยื่นมือออกไปขว้าดาบล่องหนที่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่เขาสัมผัสได้นั้นมีเพียงแค่สายหมอกและความว่างเปล่าเพียงเท่านั้น

  “หายไปแล้ว!”

  •โดนเจอแล้วงั้นหรอ? งั้นต้องรีบถอนเวทออกก่อน•

  เด็กหนุ่มรีบหยิบคทาออกมาและทำการยกเลิกเวทมนตร์ในทันที

  •ยกเลิกเวทมนตร์•

  วงเวทยังคงหมุนวนอยู่รอบคทาและไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น

  •สลายสิ!•

  •สลาย!•

  •สลาย! สลาย! สลาย! สลาย! สลาย! สลาย!•

นาคาซพยายามที่จะสลายเวทมนตร์ของตนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่ว่าจะทำมันกี่ครั้งคทาเวทของเขาก็ยังคงไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ

  “บัดซบเอ้ย!”

  และระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังเลือดขึ้นหน้ากับคทาเวทของตนนั้นเองก็ได้มีมีดพุ่งผ่านกำแพงหมอกออกมาอีกครั้งจากทางด้านหลังของเขา แต่นาคาซก็ใช้มือขว้ามีดไม้เล่มนั้นอย่างง่ายดายและขว้างมันกลับเข้าไปด้วยแรงโทสะในทันที

  •ถ้ามีดีแค่ปามีดก็รีบๆ ตกรอบไปซะ!•

  …..

  •ชิ ไม่โดนงั้นหรอ•

 

ในขณะเดียวกันฮัสซาซินฝึกหัดที่แฝงตัวอยู่ในสายหมอกก็คอยจับตาดูนาคาซอยู่ตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นมันคืออะไรและดูท่าเขาจะหัวเสียกับมันมากพอสมควร พอเห็นแบบนั้นเด็กสาวก็กระชับมีดสั้นในมือไว้แน่นพร้อมกับพุ่งตัวออกไปโจมตีด้วยฝีเท้าที่เงียบงันจากทางด้านหลังของเด็กหนุ่ม แต่ก่อนที่เด็กสาวจะได้แทงมีดลงไปยังกลางหลังของนาคาซก็ได้มีบางสิ่งมาขวางการโจมตีของเธอเอาไว้

  มันเป็นกิ่งไม้เรียวยาวที่มีวงเวทหมุนวนอยู่รอบๆ ใช่แล้วมันคือคทาเวท นาคาซสามารถใช้คทาเวทสกัดกั้นการลอบสังหารของเธอได้อย่างง่ายดายพร้อมกับไข้มันหันไปกระหน่ำแทงร่างของเด็กสาวในทันที แต่วีช่าก็สามารถหลบการโจมตีเหล่านั้นได้อย่างเฉียดฉิวและหนีเข้าไปซ่อนตัวในหมอกอีกครั้งหนึ่ง แต่ก่อนที่เด็กสาวจะซ่อนตัวในสายหมอกได้อย่างสมบูรณ์ก็ได้มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น

  “เดร๊าะ”

  ทันใดนั้นก็มีลูกศรพุ่งตัดหน้าของเธอไปอย่างฉิวเฉียด

  “เดร๊าะ”

เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งศรไม้ก็พุ่งตรงมาหาเด็กสาวในทันที แต่วีช่าก็สามารถหลบมันได้และวิ่งกลับเข้าไปปะทะกับนาคาซอีกครั้งหนึ่ง

  เมื่อจับสัมผัสได้ว่าศัตรูกำลังพุ่งมาหาตน นาคาซก็สับเปลี่ยนอาวุธในมือของตัวเองอย่างความคล่องแคล่วและสกัดการโจมตีของวีช่าด้วยคทาเวทอีกครั้งหนึ่ง

  “บงชูร์”

  เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมแสยะรอยยิ้มและใช้คทาเวทรุกโจมตีวีช่าด้วยกระบวนดาบเรเปียร์ในทันที

  ทั้งนาคาซและวีช่าต่างผลัดกันรุกและรับอย่างต่อเนื่องดุจดั่งว่าเด็กทั้งสองคนนั้นกำลังเต้นรำกันท่ามกลางสายหมอกสีหม่นอยู่ และในทุกๆ ครั้งที่เด็กสาวพยายามหนีเข้าไปในกำแพงหมอกก็จะมีเสียงแบบเดิมดังออกมาจากทางอสรพิษสีนิลพร้อมกับศรไม้ที่ถูกยิงออกมาเสมอ จนกระทั่งเมื่อเด็กหนุ่มเอื้อมมือเข้าไปหยิบลูกธนูในฝักและพบว่าตัวเองเหลือโอกาสในการแผลงศรอีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

  •?! เหลือแค่ดอกเดียวแล้วงั้นหรอ? •

  •ชิ ใจร้อนจนได้เรื่องสินะ•

เด็กหนุ่มหยิบลูกธนูดอกนั้นขึ้นมาและค่อยๆ บรรจงเล็งคันศรของตนท่ามกลางสายหมอกและความเงียบงันพร้อมกับระงับอารมณ์ของตนเอง

  ชิน ความเที่ยงแท้

  เซน ความสงบ

  บิ ความสวยงาม

  วิถีแห่งธนูของชาวฮิคาชินั้นไม่ได้ใช้เพียงแค่ในการสู้รบหรือการล่าสัตว์เท่านั้น แต่มันคือศาสตร์และศิลป์ที่แฝงไปด้วยปรัชญา การหาคำตอบ การขัดเกลาจิตใจและการฝึกสมาธิ สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้มีเพียงแค่การรักษาจิตใจที่นิ่งสงบของตนเองไว้ให้ได้และแผลงศรเพื่อหาคำตอบอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น

  •ใจเย็นๆ ไว้ นาคาซ ใจเย็นๆ ไว้ แค่ทำเหมือนทุกๆ ครั้งก็พอ ทำเหมือนกับที่พ่อสอนเรามาตลอด•

  “ฟู้ว~~”

เด็กหนุ่มถอดลมหายใจออกพร้อมกับค่อยๆ หลับตาลงและอ้าปากของตนออกมาเล็กน้อย

  “เดร๊าะ”

  เสียงเดาะลิ้นดังขึ้นอีกครั้ง นาคาซสดับฟังเสียงสะท้อนที่ตกกระทบกับพื้นที่โดยรอบด้วยจิตใจที่นิ่งสงบ และเมื่อจับสัมผัสได้เขาก็ยิงลูกธนูออกไปในทิศทางที่เด็กสาวกำลังวิ่งมาในทันที

  •ตรงนั้น!•

ศรไม้พุ่งผ่านม่านหมอกออกไปด้วยความเร็วและปะทะเข้ากับหัวไหล่ข้างขวาของฮัสซาซินฝึกหัดอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดราวกับแขนถูกตัดพุ่งผ่านปลายประสาทของเด็กสาวส่งตรงไปถึงสมองจนเธอเสียหลักและกลิ้งไถลกับพื้นจนไปชนเข้ากับขาเก้าอี้ที่ตั้งอยู่อย่างแรง

  “อ๊าาาาาา!”

  เสียงร้องตะโกนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดังลั่นไปทั่วทั้งห้องอาหารจนแม้แต่โลล่าและเลออนที่กำลังปะทะกันอยู่ด้านบนต้องละสายตาลงไปมองด้วยความตกใจ

 

  •ฮิ ทำดีก็ทำได้นี่เรา•

แสงสีแดงโลหิตเปล่งประกายขึ้นมาท่ามกลางสายหมอกสีหม่น และหลังจากที่ดื่มด่ำกับผลงานของตัวเองมากพอแล้วเด็กหนุ่มก็ปลดอุปกรณ์ยิงธนูของตัวเองทิ้งทั้งหมดพร้อมกับพุ่งออกไปหาเหยื่อของตนในทันที

  “เดร๊าะ”

  เมื่อวีช่าได้ยินเสียงกระเดาะลิ้นของอสรพิษสีนิลก็พยายามพยุงร่างของตนขึ้นมาอย่างทุลักทุเลพร้อมหยิบคทาของตัวเองออกมาและเริ่มร่ายเวทอะไรบางอย่าง

  •โดนไปขนาดนั้นแล้วยังมีแรงร่ายเวทอีกงั้นหรอ เหลือเชื่อจริงๆ •

  “เดร๊าะ”

เมื่อเห็นดังนั้นนาคาซก็เร่งฝีเท้าของตัวเองเพิ่มขึ้นอีกจนกระทั่งเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างออกมาจากปากของเด็กสาวคนนั้น

  “ซับบา…”

  “นิย่า!”

เด็กสาวเปิดเผยไพ่ตายของตนออกมา และภายในระยะเวลาสั้นๆ สายหมอกที่กระจายอยู่ทั่วทั้งห้องก็เริ่มเกาะกลุ่มกันจนกลายเป็นก้อนหมอกสีเทาที่มีลักษณะคล้ายกับมือที่มีนิ้วเรียวยาวและดูแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปหานาคาซในทันที

  •ซวยแล้วไง•

เด็กหนุ่มที่ไม่สามารถร่ายเวทแก้ได้นั้นทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นมาตั้งเป็นท่าป้องกันและได้แต่หวังว่าตัวเขาจะสามารถวิ่งไปจัดการกับฮัสซาซินฝึกหัดได้ก่อนที่กลุ่มหมอกจะไล่ตามตัวเขาทัน

  แต่ดูเหมือนว่าความหวังของเขาจะต้องจบสิ้นลงเมื่อมีมือข้างหนึ่งสามารถรั้งขาของเขาไว้ได้ และทันใดนั้นพวกมันก็โถมเข้ามากลืนกินร่างของนาคาซอย่างรวดเร็ว ควันสีเทาไหลเข้าไปในปากและจมูกของเด็กหนุ่มจนเขาเริ่มสำลักมัน

  “แค๊กๆๆๆ”

  •โถ่เว้ย…•

  เด็กหนุ่มที่ไร้ซึ่งเวทมนตร์ในการต่อต้านทำได้เพียงแค่กระเสือกกระสนพยายามที่จะสลัดหมอกเหล่านั้นออกไปด้วยแรงกายทั้งหมดที่ตนมี

  “แค๊กๆๆๆ”

  •ถ้าดาบนั่นไม่ถูกเจอละก็….•

ควันสีเทายังคงไหลเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของนาคาซอย่างต่อเนื่องจนแรงกายของเขาเริ่มถดถอย สายตาเริ่มพร่ามัวไปพร้อมๆ กับสติที่กำลังจะจางลงไป สุดท้ายอสรพิษสีนิลก็สิ้นฤทธิ์และล้มลงไปแนบกับพื้นขณะที่สายหมอกเหล่านั้นยังคงไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง

  “แค๊กๆ”

  •น่าขำ…ชะมัด…..•

  …..

  ….

  …

  ..

  .

  .

  (ฮิๆ ~)

  เสียงเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวของนาคาซ และทันใดนั้นสายหมอกที่ปกคลุมทั่วร่างของเด็กหนุ่มก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว

  หมอกสีเทาที่อยู่ภายในตัวของนาคาซไหลออกมาจากทางจมูกและปากราวกับน้ำตก

  “เฮือก! แค๊กๆ”

  สติและเรี่ยวแรงของเด็กหนุ่มค่อยๆ ฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเองวีช่าที่กำลังตกตะลึงกับสิ่งที่ตนเห็นก็ตั้งสติได้และกระโจนเข้ามาโจมตีนาคาซด้วยอย่างสุดแรง แต่เด็กหนุ่มก็สามารถกลิ้งหลบการโจมตีนั้นได้อย่างฉิวเฉียดและลุกขึ้นยืนอีกครั้งอย่างยากลำบาก เด็กสาวทิ้งเศษไม้ในมือลงและหยิบมีดไม้สำรองของตนเองออกมาพร้อมกับแผ่รังสีแห่งความอาฆาต

  ถึงแม้ตอนนี้วีช่าจะสามารถใช้แขนได้เพียงแค่ข้างเดียว แต่การโจมตีเมื่อกี้ของเธอมันก็รุนแรงมากพอทำให้คทาเวทแหลกกลายเป็นแค่เศษไม้และทำให้พื้นหินอ่อนแตกกลายเป็นหลุมได้

  •พึ่งจะมาเอาจริงตอนนี้เนี่ยนะ ให้ตายเถอะ•

นาคาซเก็บคทาเวทของตัวเองขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับตั้งท่าพร้อมโจมตี

  “ขอถามหน่อย เธอชื่ออะไร”

  “….”

  •ไม่ตอบสินะ….•

เด็กทั้งสองคนพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้งหนึ่ง นาคาซยังคงใช้กระบวนดาบเรเปียร์ในการต่อสู้กับเด็กสาว และถึงแม้วีช่าจะใช้แขนได้เพียงข้างเดียวและไร้ซึ่งสายหมอกให้หลบหนีก็ยังคงสามารถต่อกรกับนาคาซได้อย่างสูสีด้วยทักษะหารหลบหลีกของฮัสซาซิน

  •นึกว่าจะมีดีแค่วิ่งไปวิ่งมากับปามีดซะอีก•

  นาคาซหลบลูกเตะของเด็กสาวและกวาดเท้ากลับไปแต่เธอก็สามารถกระโดดหลบมันได้และถอยทิ้งระยะห่างออกมา

  •กระโดดเป็นพวกเลปัสเลยนะยัยเด็กนี่•

  •แถมคทานี่ก็ไม่ได้ว่าจะยาวอะไรนักหนาให้แทงได้ไกลๆ ด้วย ใช้ของผิดประเภทก็งี้แหละนะ•

  ระหว่างที่นาคาซตั้งท่ากำลังจะบุกเข้าหาเด็กสาวเองนั้น อยู่ๆ วงเวทที่อยู่ที่รายล้อมคทาอยู่ก็สลายไปในทันที

  •?!•

  “ฮิ”

เด็กหนุ่มแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับเหลือบตามองไปยังธนูที่อยู่ข้างหลังของฮัสซาซินฝึกหัดและเริ่มร่ายเวทอะไรบางอย่างขึ้นอีกครั้ง

  เมื่อเด็กสาวเห็นว่านาคาซเริ่มร่ายเวทขึ้นมาเธอก็พุ่งเข้าไปโจมตีเขาในทันที แต่เด็กหนุ่มก็หลบการโจมตีนั้นของเธอและรีบกลิ้งไปขว้าธนูขึ้นมา วีช่าแสดงสีหน้าฉงนสงสัยออกมาก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหานาคาซอีกครั้งหนึ่ง

  •ตำราเวทธนูศักดิ์สิทธิ์ อาซูสะยูมิ•

  •คาถาที่ 3 โอโตะ โนะ เก็น!• (คันศรเสียง)

เพียงแค่ปล่อยสายธนูเบาๆ ก็เกิดเสียงบางอย่างขึ้นมา

  ตริ้ง

  เสียงนั้นค่อยๆ ดังและแหลมขึ้นเรื่อยๆ จนดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องอาหารทำให้แผ่นกระจกและเครื่องกระเบื้องทั้งหมดสั่นไหวจนเริ่มปริร้าวและแตกออก 

  “อ๊าาาาา!”

  “อั๊ก!”

  คลื่นเสียงที่ทั้งดังและแสบแก้วหูราวกับเสียงกรีดร้องของนายหญิงแห่งบาล็อคทำให้เด็กสาวสลบและล้มลงไปกองกับพื้นในทันที นาคาซที่เป็นผู้ยิงเองก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยจนล้มลงและเกือบที่จะหมดสติตามไป

  “อึ่ย…”

  ….

  ….

  “วิ้งเลยไอบ้าเอ้ย…. นี่ถูกจัดเป็นเวทระดับ 2จริงดิ? หูแทบแตก”

  …..

  …

  •เอาเถอะ ยังไงถ้ามัวแต่สู้แบบครึ่งๆ กลางๆ คงได้เปลืองแรงน่าดู•

  เด็กหนุ่มค่อยๆ ประคองตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆ และเดินไปตรวจสอบร่างของเด็กสาวที่นอนสลบอยู่ตรงหน้า

  •มีอะไรให้พอใช้ได้มั่งเนี่ย มีดสั้น? ไม่อ่ะ สู้ระยะกับหอกยัยนั่นไม่ได้แน่… แล้วสรุปดาบฉันหายไปไหนเนี่ย… เวทก็คลายแล้วอย่างน้อยๆ มันก็ต้องปรากฏรูปร่างให้เห็นแล้วสิ•

  นาคาซยกร่างของเด็กสาวไปไว้ในที่ปลอดภัยพร้อมกับกวาดสายตาหาดาบของตัวเอง และทันใดนั้นเองก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น

  ครื้นนนนน!

  โครมมมม!

เสียงอึกกระทึกดังมาจากระเบียงข้างบนของห้อง และทันใดนั้นก็มีบางสิ่งลอยมาตกกระทบกับพื้นข้างล่าง

  ตึ่งงง!

  เมื่อฝุ่นที่คละคลุ้งเริ่มจางลงก็ปรากฏร่างของเลออนที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมและใกล้หมดสภาพเต็มที เมื่อนาคาซเห็นดังนั้นก็ละความสนใจจากดาบของตนและวิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนในทันที

  “เลออน!”

___________________________

Telesma

Telesma

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset