Telesma 7

ตอนที่ 7

พอพวกเราเดินออกมาจากเรือนกระจกก็พบกับกำแพงไม้พุ่มสูงลับหัวที่ล้อมรอบภายนอกของเรือนกระจกแห่งนี้อยู่ และมันก็มีทางเดินอยู่หนึ่งเส้นทางที่ตัดเข้ามายังเรือนกระจก

  อืม…เรือนกระจกค่อนข้างสูงกว่ากำแพงพวกนี้อยู่พอตัวเลยแฮะ ลองปีนขึ้นไปดูข้างบนดีกว่า

  “เฮ้! แกจะทำอะไรน่ะ!” เลออนตะโกนขึ้นมาระหว่างที่ฉันกำลังปีนขึ้นไปตามรอยต่อของเรือนกระจก

  “ตาบอดรึไง ก็เห็นอยู่นี่ว่าฉันกำลังปีนอยู่”

  “ตกลงมาขาหักฉันไม่รู้ด้วยนะ”

  “รู้แล้ว…น่า ฮึบ…ฟี้ว~” 

 

พอฉันปีนขึ้นมาถึงข้างบนหลังคาของเรือนกระจกก็พบว่าที่นี้ถูกล้อมรอบด้วยเขาวงกตที่มีเส้นทางที่ค่อนข้างซับซ้อน และตามทางเดินเองก็มีหลายจุดที่เชื่อมกับส่วนที่เป็นวงกลมที่มีขนาดแตกต่างกันอยู่ สุดท้ายถัดจากเขาวงกตออกไปไม่ไกลก็คืออาคารฝึกยุทธวิธีที่น่าจะเป็นสนามประลองหลักของการสอบรอบสุดท้ายนี้ 

  “ข้างบนเป็นไงมั่ง” เลออนตะโกนขึ้นมาอย่างสุดเสียง

  “อ่า กำลังหาทางออกอยู่รอแป๊บนึง”

ระหว่างที่กำลังกวาดสายตาเพื่อวิเคราะห์เส้นทางที่สามารถพาพวกเราออกไปได้เร็วที่สุดอยู่นั้นก็ได้พบกับร่างของเด็กสาวผมสีน้ำเงินอมเทาที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี โลล่าและเด็กสาวอีกหนึ่งคนกำลังวิ่งควบคู่กันอยู่   

  ดูเหมือนว่ายัยนั่นเองก็กำลังหาทางออกอยู่เหมือนกันสินะ

และพอหันไปที่อีกฟากหนึ่งของทางที่พวกโลล่ากำลังวิ่งไปอยู่ฉันก็พบกับนักเวทฝึกหัดอีกคู่นึงที่กำลังวิ่งเข้าไปเหมือนจะปะทะกับยัยพวกนั้น

 

พอเห็นแบบนั้นแล้วฉันก็หยิบคทาเวทขึ้นมาและร่ายพรแห่งสายลมไปที่ลูกศรทั้ง 2ดอกที่อยู่ในมือ พร้อมกับเล็งคันธนูไปยังนักเวทฝึกหัดคู่นั้น

  ขอโทษทีนะ แต่คนที่จะล้มยัยนั่นได้มีแค่ฉันเท่านั้นแหละนะ

  ลูกศร2 ดอกในหนึ่งลมหายใจ

  “ฮึบ”

ลูกศรทั้ง 2ดอกถูกปล่อยและพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่สูงมากจนไม่น่าเชื่อว่าพวกมันถูกยิงออกไปจากธนูสั้น และภายในชั่วอึดใจก่อนที่ทั้ง 2ฝ่ายกำลังจะเข้าปะทะกันลูกศรทั้ง 2ดอกนั้นก็ปักเข้าไปยังจุดตายของนักเวทฝึกหัดคู่นั้นในทันที

  [ตกรอบ 1คู่จากการโดนยิงด้วยธนู เหลือผู้เข้าสอบอีก 7คู่ ] เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่นักเวทฝึกหัดคู่นั้นล้มลง

 

   ดูเหมือนว่าโลล่าเองก็ยังตะลึงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้สินะ งั้นก็รีบไปก่อนที่จะโดนเห็นตัวดีกว่า

  “เสียงประกาศเมื่อกี้…หรือว่านั่นฝีมือแกหรอ!” เลออนตะโกนขึ้นมาถาม ระหว่างที่กำลังปีนกลับลงมาข้างล่าง

  “มั้งนะ ใครจะไปรู้ล่ะ”

พอลงมาถึงพื้นฉันก็หยิบคทาเวทขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มร่ายเวทลงไปยังดาบไม้ของฉัน

  “แล้ว…นั่นแกกำลังทำอะไรน่ะ”

  “อินวิซิบิเลีย”

  “อินอะไรนะ?” เลออนพูดขึ้นระหว่างที่สายลมค่อยๆ มารวมตัวที่ดาบของฉัน และไม่นานนักดาบไม้เล่มนั้นก็ได้หายไปจากสายตาของด็กหนุ่ม

  “หายไปแล้ว! ทำได้ไง”

  “สายลมล่องหน เป็นเวทที่ทำให้สายลมเข้าปกคลุมดาบทั้งเล่มจนกลายเป็นกลายเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”

  “ทำให้ฉันมั่งสิ ถ้าเป็นแบบนี้เราคงชนะได้ไม่ยากแน่”

ฉันยื่นคทาที่มีวงเวทล้อมรอบอยู่ให้เลออนดู มันเป็นวงเวทที่มีความซับซ้อนมากพอที่จะเทียบเท่าเวทระดับ 4ได้ไม่ยาก

  “ร่ายได้ก็เอาเลย เพราะแค่ของฉันตอนนี้ก็เต็มทนแล้ว”

  “ถ้าจะขนาดนี้ก็ขอผ่านดีกว่า… แล้วแกแน่ใจนะว่ามันไม่ผิดกฎน่ะ”

  “ฉันเคยลองใช้กับพวกที่มีเมจซีกเกอร์อยู่แล้วก็พบว่าพวกนั้นจะไม่มีทางรู้ว่านี่คือเวทอะไรและเป็นเวทระดับไหน… ก็ถ้าไม่ทำอะไรโผล่งผล่างมากอ่ะนะ….” 

  “ก็ถ้าว่างั้นฉันก็คงขัดอะไรไม่ได้… แล้วเรื่องทางออกล่ะว่าไง”

  “งั้นก็ตามมา”

ฉันวิ่งนำทางเลออนและด้วยความสามารถของฉันก็เลยทำให้พวกเราสามารถวิ่งกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็วจนแทบจะไร้ที่ติจนกระทั่งเราต้องเข้าปะทะกับนักเวทฝึกหัดอีกคู่หนึ่ง

  “อิกนิส กลาเดียส! จีโอ สไปกา! เฟลมม่า ชิอัส! จีโอ ฮัซตา!” นักเวทฝึกหัดร่ายเวทโจมตีใส่พวกเราอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่ได้เป็นผลอะไรเพราะดาบล่องหนของฉันมันไม่ได้มีดีแค่มองไม่เห็นหรอกนะ

เพียงแค่ฉันตวัดดาบขึ้นกำแพงสายลมก็ปรากฏขึ้นจากพื้นดินและปัดการโจมตีของนักเวทฝึกหัดคู่นั้นทิ้งทั้งหมด

  “เลออน!”

  “รู้แล้วน่า!!” พอสิ้นเสียงเลออนก็กระโดดออกไปและจัดการกับนักเวทฝึกหัดที่กำลังอ้ำอึ้งอยู่ด้วยความรวดเร็ว

  “ยังไม่ยอมแพ้หรอกน่าา!” นักเวทฝึกหัดอีกคนวิ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับชักดาบออกมา

  “อิไอ!”

มือทั้งสองข้างกำดาบล่องหนไว้แน่นและฟาดลงไปที่หัวของนักเวทฝึกหัด สายลมจากดาบกระแทกเข้าปะทะกับใบหน้าของเด็กคนนั้นอย่างแรงจนทำให้เด็กคนนั้นหมดสติและล้มพับไปในที่สุด

  [ตกรอบ 1คู่จากการต่อสู้ระยะประชิด เหลือผู้เข้าสอบอีก 5คู่]

  ? เหลือ 5คู่งั้นหรอ

  “สะดวกดีแฮะ ดาบล่องหนนั่นน่ะ”

  “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก”

  “แล้วอีกไกลมั้ยกว่าจะถึงทางออก”

  “อืม….ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ว่านะ….”

ฉันอธิบายแผนการและความเป็นไปได้ที่จะโดนดักโจมตีตรงทางออกให้เลออนฟัง ในตอนแรกเด็กหนุ่มก็ยังมีข้อกังขากับแผนของฉันอยู่ แต่ไม่นานนักหมอนี่ก็ตัดสินใจที่จะทำตามแผนของฉัน 

  “แกแน่ใจนะว่าจะได้ผล” เลออนถามฉันอีกครั้งระหว่างที่พวกเรากำลังใกล้ถึงทางออก

  “ต่อให้ไม่ได้ผลมันก็ไม่เสียหายอะไรหรอกน่า” 

  “ไฟมา!” ฉันยื่นลูกธนูไปข้างหลังเพื่อให้เลออนร่ายเวทไฟใส่

  “เรียบร้อย”

  ยกเลิกสายลมล่องหนและทำการร่ายพรแห่งสายลมแบบดัดแปลง 

  “สเตลล่าา!”

ศรเพลิงพุ่งออกไปจากคันธนู แผดเผากำแพงไม้พุ่มที่อยู่รอบข้างจนไหม้เกรียมไปจนถึงปากทางออก

  “นำไปเลย”

  “โอ้ว!” เลออนวิ่งนำหน้าไปตามแผนที่พวกเราวางกันไว้ 

  อินวิซิบิเลีย

สายลมค่อยๆ กลับมารวมตัวที่ดาบอีกครั้งหนึ่ง

  ถ้าเป็นไปตาแผนที่วางไว้อีกฝ่ายจะเสียหลักเพราะตกใจกับลูกศรเพลิงที่ถูกยิงออกไปเมื่อกี้อยู่ พอเป็นแบบนั้นก็ให้เลออนกระโจนเข้าไปจัดการ ถ้าจัดการได้ทั้ง 2คนเลยก็ดี หรือต่อให้จัดการได้แค่คนเดียวก็ดี เพราะยังไงฉันก็กะจะจัดการเองอยู่แล้วล่ะนะ

 

พอฉันวิ่งมาจนถึงปลายทางก็พบกับร่างของเลออนที่ยืนหอบอยู่ที่ปากทางออก

  “เป็นไงมั่ง”

  “ไม่…ไม่มีคนเลย…” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงหอบ

  “…งั้นหรอ”

  หมายความว่าพวกเรามาถึงเป็นกลุ่มแรกงั้นหรอ? อืม…เป็นไปได้

  “แล้ว..จะเอา…ไงต่อ…”

  “ไปพักก่อนไป ถ้าขืนเดินต่อกันทั้งแบบนี้มีหวังนายได้สลบกลางทางแน่ เดี๋ยวฉันจัดการที่เหลือเอง”

  “อ่า…ฝากด้วย…”

พอพูดจบเด็กหนุ่มเดินไปนั่งพักบริเวณใต้ต้นไม้ใกล้ๆ กับคฤหาสน์เก่าที่เป็นอาคารฝึกยุทธวิธี

  จะว่าไปเราจำได้ว่าที่นี่ไม่เคยมีเขาวงกตแบบนี้นะ แถมตอนที่เดินเข้ามาก็ค่อนข้างมั่นใจเลยด้วยว่าเดินเป็นทางตรงเข้ามา พวกผู้คุ้มสอบสร้างมันขึ้นมางั้นหรอ? คงงั้นล่ะมั้ง เพราะถ้าจะให้ต่อสู้ในตัวอาคารเลยมันก็คงจะวุ่นวายเกินไป

  เอาเถอะ ไม่ว่าแบบไหนฉันก็ชนะได้ทั้งนั้นนั่นแหละนะ

 

หลังจากนั้นสักพักฉันเดินกลับมาตรงต้นไม้ที่เลออนนั่งพักอยู่

  “หายเหนื่อยรึยัง”

  “อ่า ก็ระดับนึง”

  “งั้นก็พักให้เต็มที่ซะ ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ มันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี”

  “จะว่าไปเมื่อกี้แกตะโกนว่าสเตลล่าใช่ปะ”

  “ก็…ใช่…”

  “ถามจริง?! ฮ่าๆ สเตลล่าเนี่ยนะ โคตรขำเลย ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าตะโกนคำนั้นระหว่างที่ยิงธนูออกไปเลย”

  …..╬

  “ถ้าปากมากได้ขนาดนี้ก็หมายความว่าหายเหนื่อยแล้วสินะ งั้นฉันไปล่ะ”

  “ดะ เดี๋ยวซี่ แค่นี้ไม่เห็นต้องเดินหนีเลยนี่! ฉันแค่ไม่คิดว่าคำๆ นั้นมันจะออกมาจากปากแกได้เท่านั้นเอง…” เลออนพูดระหว่างที่กำลังลุกขึ้นยืน

  “อย่าทำเป็นรู้ดีเกี่ยวกับฉันไปหน่อยเลย”

  “ฉันคงจะมองแกผิดไปนิดหน่อยแหละนะ ไปกันเถอะ”

  ไม่หน่อยอ่ะ เยอะเลยแหละ

พวกเราเดินเข้ามาในคฤหาสน์กันผ่านทางประตูหลังซึ่งเป็นประตูที่ใกล้พวกเรามากที่สุด

  “ระวังด้วย”

  “อ่า”

ดูเหมือนว่าทางที่พวกเราเข้ามาจะเป็นแถวห้องพักคนรับใช้เก่าที่ตอนนี้ก็กลายเป็นแค่ห้องธรรมดา

  “แล้วเอาไงต่อล่ะ”

  “เข้าไปดักรอในห้องหรือจะเดินดุ่มๆ ไปจนถึงโถงต้อนรับเลยล่ะ”

  “พอมีอยู่ที่นึงที่น่าจะเหมาะกับพวกเราอยู่ ตามมาสิ”

 

ฉันนำทางเลออนไปยังสถานที่ ที่พวกเราน่าจะได้เปรียบในการต่อสู่มากที่สุดนั่นก็คือห้องอาหาร เพราะว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของดยุคเก่าทำให้ต้องมีห้องอาหารขนาดใหญ่สมฐานะอยู่ การกวัดแกว่งดาบที่มีความยาวเกือบเท่าบำตัวจำเป็นต้องใข้พื้นที่มากพอประมาณ

  “แกนี่รู้ทางที่นี่ดีจังเลยนะ”

  “ไม่มีที่ไหนในกรมทหารที่ฉันไม่เคยไปหรอกนะ ถึงตอนนั้นจะแค่มาดูพวกทหารเขาซ้อมรบก็เถอะ”

  “สมกับเป็นคนขี้โกงจริงๆ เลยนะ”

  อันนี้ฉันก็คงเถียงอะไรไม่ได้หรอกนะเพราะมันก็เป็นความจริงที่ว่าคนที่รู้จักสถานที่ย่อมได้เปรียบเสมอ

 

  “ถึงแล้ว ที่นี่แหละ”

พวกเรามาหยุดอยู่ตรงประตูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์ ตรงบานประตูถูกแกะสลักด้วยลวดลายของชนเผ่าทางตอนเหนือและข้างบนสุดของประตูก็เป็นตราประจำตระกูลของอดีตเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้

  “ที่นี่หรอ? ประตูบานใหญ่ชะมัด สมกับเป็นคฤหาสน์เก่าเลยแฮะ” เลออนพูดพร้อมกับเอามือทาบไปที่ประตูพร้อมกับชื่ชมลวดลายอันสวยงามของประตูบานนี้

  “เปิดสิ”

  “ให้ฉันเป็นคนเปิดจะดีหรอ?”

  “โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ หรอกนะ”

  “งั้นฉันเปิดล่ะนะ”

  แอ๊ดด

ประตูบานยักษ์ทั้ง 2บานถูกเปิดออก เผยให้เห็นภายในของห้องอาหาร

  มันเป็นโถงกว้างที่มีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางที่ถูกรายล้อมด้วยเก้าอี้จำนวนนับไม่ถ้วน ทางด้านซ้ายของห้องคือกระจกบานใหญ่ที่เรียงแถวยาวจนสุดขอบห้องเผยให้เห็นวิวจากข้างนอกของคฤหาสน์แห่งนี้ ทางด้านฝั่งขวาของห้องมีระเบียงที่ต้องเข้าจากประตูทางข้างบนจึงจะสามารถเข้ามาได้ และบนฝาเพดานห้องก็มีโคมไฟหรูขนาดใหญ่ห้อยอยู่ 

  “นี่ขนาดของที่ถูกตกแต่งถูกขนออกไปหมดแล้วนะเนี่ย ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนที่ยังเป็นคฤหาสถ์ปกติอยู่จะดูดีขนาดไหน” เลออนดูจะตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของห้องอาหารเป็นอย่างมาก

  หมอนี่เองก็มีมุมที่แปลกๆ เหมือนกันนะเนี่ย

 

ฉันปิดประตูห้องอาหารและเตรียมสถานที่ให้พร้อมกับการต่อสู้ที่จะมาถึงในอีกไม่นาน

  อย่างน้อยๆ ก็ไม่อยากให้ของพวกนี้มันเสียหายอ่ะนะ….

  [ตกรอบ 1คู่จากการต่อสู้ระยะประชิด เหลือผู้เข้าสอบอีก 3คู่ ] เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งนึง

  “มีอะไรงั้นหร-” อยู่ๆ ก็มีของเสียงเด็กผู้หญิงดังมาจากข้างนอก 

  เสียงคุ้นๆ นะ หรือว่ายัยนั่นมาถึงที่นี่แล้วงั้นหรอ?

  (นาคาซ) เลออนหันมากระซิบกับฉัน 

  ดูเหมือนว่าหมอนี่ก็จะได้ยินเหมือนกับเราสินะ

  (ไปแอบก่อน เดี๋ยวฉันรับหน้าเอง) 

เลออนให้สัญญาณมือตอบกลับมาพร้อมกับหาที่ซ่อนโดยเร็วที่สุด และทันใดนั้นเองเสียงของบานประตูก็ดังขึ้น

  แอ๊ดดด

ประตูบานถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของเด็กสาว 2คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

  เด็กสาวผิวแทนที่ดูเงียบขรึมมากประสบการณ์ และเด็กสาวผมสีน้ำเงินอมเทาแห่งลูน่าไชน์ยืนอยู่ข้างหน้าของฉันพร้อมกับกำอาวุธในมือไว้แน่น

  (อึฮึ่ม) “ปล่อยให้ฉันรอซะนานเลยนะ โลล่า”

_______________________________________

พอพวกเราเดินออกมาจากเรือนกระจกก็พบกับกำแพงไม้พุ่มสูงลับหัวที่ล้อมรอบภายนอกของเรือนกระจกแห่งนี้อยู่ และมันก็มีทางเดินอยู่หนึ่งเส้นทางที่ตัดเข้ามายังเรือนกระจก

  อืม…เรือนกระจกค่อนข้างสูงกว่ากำแพงพวกนี้อยู่พอตัวเลยแฮะ ลองปีนขึ้นไปดูข้างบนดีกว่า

  “เฮ้! แกจะทำอะไรน่ะ!” เลออนตะโกนขึ้นมาระหว่างที่ฉันกำลังปีนขึ้นไปตามรอยต่อของเรือนกระจก

  “ตาบอดรึไง ก็เห็นอยู่นี่ว่าฉันกำลังปีนอยู่”

  “ตกลงมาขาหักฉันไม่รู้ด้วยนะ”

  “รู้แล้ว…น่า ฮึบ…ฟี้ว~” 

 

พอฉันปีนขึ้นมาถึงข้างบนหลังคาของเรือนกระจกก็พบว่าที่นี้ถูกล้อมรอบด้วยเขาวงกตที่มีเส้นทางที่ค่อนข้างซับซ้อน และตามทางเดินเองก็มีหลายจุดที่เชื่อมกับส่วนที่เป็นวงกลมที่มีขนาดแตกต่างกันอยู่ สุดท้ายถัดจากเขาวงกตออกไปไม่ไกลก็คืออาคารฝึกยุทธวิธีที่น่าจะเป็นสนามประลองหลักของการสอบรอบสุดท้ายนี้ 

  “ข้างบนเป็นไงมั่ง” เลออนตะโกนขึ้นมาอย่างสุดเสียง

  “อ่า กำลังหาทางออกอยู่รอแป๊บนึง”

ระหว่างที่กำลังกวาดสายตาเพื่อวิเคราะห์เส้นทางที่สามารถพาพวกเราออกไปได้เร็วที่สุดอยู่นั้นก็ได้พบกับร่างของเด็กสาวผมสีน้ำเงินอมเทาที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี โลล่าและเด็กสาวอีกหนึ่งคนกำลังวิ่งควบคู่กันอยู่   

  ดูเหมือนว่ายัยนั่นเองก็กำลังหาทางออกอยู่เหมือนกันสินะ

และพอหันไปที่อีกฟากหนึ่งของทางที่พวกโลล่ากำลังวิ่งไปอยู่ฉันก็พบกับนักเวทฝึกหัดอีกคู่นึงที่กำลังวิ่งเข้าไปเหมือนจะปะทะกับยัยพวกนั้น

 

พอเห็นแบบนั้นแล้วฉันก็หยิบคทาเวทขึ้นมาและร่ายพรแห่งสายลมไปที่ลูกศรทั้ง 2ดอกที่อยู่ในมือ พร้อมกับเล็งคันธนูไปยังนักเวทฝึกหัดคู่นั้น

  ขอโทษทีนะ แต่คนที่จะล้มยัยนั่นได้มีแค่ฉันเท่านั้นแหละนะ

  ลูกศร2 ดอกในหนึ่งลมหายใจ

  “ฮึบ”

ลูกศรทั้ง 2ดอกถูกปล่อยและพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่สูงมากจนไม่น่าเชื่อว่าพวกมันถูกยิงออกไปจากธนูสั้น และภายในชั่วอึดใจก่อนที่ทั้ง 2ฝ่ายกำลังจะเข้าปะทะกันลูกศรทั้ง 2ดอกนั้นก็ปักเข้าไปยังจุดตายของนักเวทฝึกหัดคู่นั้นในทันที

  [ตกรอบ 1คู่จากการโดนยิงด้วยธนู เหลือผู้เข้าสอบอีก 7คู่ ] เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่นักเวทฝึกหัดคู่นั้นล้มลง

 

   ดูเหมือนว่าโลล่าเองก็ยังตะลึงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้สินะ งั้นก็รีบไปก่อนที่จะโดนเห็นตัวดีกว่า

  “เสียงประกาศเมื่อกี้…หรือว่านั่นฝีมือแกหรอ!” เลออนตะโกนขึ้นมาถาม ระหว่างที่กำลังปีนกลับลงมาข้างล่าง

  “มั้งนะ ใครจะไปรู้ล่ะ”

พอลงมาถึงพื้นฉันก็หยิบคทาเวทขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มร่ายเวทลงไปยังดาบไม้ของฉัน

  “แล้ว…นั่นแกกำลังทำอะไรน่ะ”

  “อินวิซิบิเลีย”

  “อินอะไรนะ?” เลออนพูดขึ้นระหว่างที่สายลมค่อยๆ มารวมตัวที่ดาบของฉัน และไม่นานนักดาบไม้เล่มนั้นก็ได้หายไปจากสายตาของด็กหนุ่ม

  “หายไปแล้ว! ทำได้ไง”

  “สายลมล่องหน เป็นเวทที่ทำให้สายลมเข้าปกคลุมดาบทั้งเล่มจนกลายเป็นกลายเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”

  “ทำให้ฉันมั่งสิ ถ้าเป็นแบบนี้เราคงชนะได้ไม่ยากแน่”

ฉันยื่นคทาที่มีวงเวทล้อมรอบอยู่ให้เลออนดู มันเป็นวงเวทที่มีความซับซ้อนมากพอที่จะเทียบเท่าเวทระดับ 4ได้ไม่ยาก

  “ร่ายได้ก็เอาเลย เพราะแค่ของฉันตอนนี้ก็เต็มทนแล้ว”

  “ถ้าจะขนาดนี้ก็ขอผ่านดีกว่า… แล้วแกแน่ใจนะว่ามันไม่ผิดกฎน่ะ”

  “ฉันเคยลองใช้กับพวกที่มีเมจซีกเกอร์อยู่แล้วก็พบว่าพวกนั้นจะไม่มีทางรู้ว่านี่คือเวทอะไรและเป็นเวทระดับไหน… ก็ถ้าไม่ทำอะไรโผล่งผล่างมากอ่ะนะ….” 

  “ก็ถ้าว่างั้นฉันก็คงขัดอะไรไม่ได้… แล้วเรื่องทางออกล่ะว่าไง”

  “งั้นก็ตามมา”

ฉันวิ่งนำทางเลออนและด้วยความสามารถของฉันก็เลยทำให้พวกเราสามารถวิ่งกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็วจนแทบจะไร้ที่ติจนกระทั่งเราต้องเข้าปะทะกับนักเวทฝึกหัดอีกคู่หนึ่ง

  “อิกนิส กลาเดียส! จีโอ สไปกา! เฟลมม่า ชิอัส! จีโอ ฮัซตา!” นักเวทฝึกหัดร่ายเวทโจมตีใส่พวกเราอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่ได้เป็นผลอะไรเพราะดาบล่องหนของฉันมันไม่ได้มีดีแค่มองไม่เห็นหรอกนะ

เพียงแค่ฉันตวัดดาบขึ้นกำแพงสายลมก็ปรากฏขึ้นจากพื้นดินและปัดการโจมตีของนักเวทฝึกหัดคู่นั้นทิ้งทั้งหมด

  “เลออน!”

  “รู้แล้วน่า!!” พอสิ้นเสียงเลออนก็กระโดดออกไปและจัดการกับนักเวทฝึกหัดที่กำลังอ้ำอึ้งอยู่ด้วยความรวดเร็ว

  “ยังไม่ยอมแพ้หรอกน่าา!” นักเวทฝึกหัดอีกคนวิ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับชักดาบออกมา

  “อิไอ!”

มือทั้งสองข้างกำดาบล่องหนไว้แน่นและฟาดลงไปที่หัวของนักเวทฝึกหัด สายลมจากดาบกระแทกเข้าปะทะกับใบหน้าของเด็กคนนั้นอย่างแรงจนทำให้เด็กคนนั้นหมดสติและล้มพับไปในที่สุด

  [ตกรอบ 1คู่จากการต่อสู้ระยะประชิด เหลือผู้เข้าสอบอีก 5คู่]

  ? เหลือ 5คู่งั้นหรอ

  “สะดวกดีแฮะ ดาบล่องหนนั่นน่ะ”

  “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก”

  “แล้วอีกไกลมั้ยกว่าจะถึงทางออก”

  “อืม….ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ว่านะ….”

ฉันอธิบายแผนการและความเป็นไปได้ที่จะโดนดักโจมตีตรงทางออกให้เลออนฟัง ในตอนแรกเด็กหนุ่มก็ยังมีข้อกังขากับแผนของฉันอยู่ แต่ไม่นานนักหมอนี่ก็ตัดสินใจที่จะทำตามแผนของฉัน 

  “แกแน่ใจนะว่าจะได้ผล” เลออนถามฉันอีกครั้งระหว่างที่พวกเรากำลังใกล้ถึงทางออก

  “ต่อให้ไม่ได้ผลมันก็ไม่เสียหายอะไรหรอกน่า” 

  “ไฟมา!” ฉันยื่นลูกธนูไปข้างหลังเพื่อให้เลออนร่ายเวทไฟใส่

  “เรียบร้อย”

  ยกเลิกสายลมล่องหนและทำการร่ายพรแห่งสายลมแบบดัดแปลง 

  “สเตลล่าา!”

ศรเพลิงพุ่งออกไปจากคันธนู แผดเผากำแพงไม้พุ่มที่อยู่รอบข้างจนไหม้เกรียมไปจนถึงปากทางออก

  “นำไปเลย”

  “โอ้ว!” เลออนวิ่งนำหน้าไปตามแผนที่พวกเราวางกันไว้ 

  อินวิซิบิเลีย

สายลมค่อยๆ กลับมารวมตัวที่ดาบอีกครั้งหนึ่ง

  ถ้าเป็นไปตาแผนที่วางไว้อีกฝ่ายจะเสียหลักเพราะตกใจกับลูกศรเพลิงที่ถูกยิงออกไปเมื่อกี้อยู่ พอเป็นแบบนั้นก็ให้เลออนกระโจนเข้าไปจัดการ ถ้าจัดการได้ทั้ง 2คนเลยก็ดี หรือต่อให้จัดการได้แค่คนเดียวก็ดี เพราะยังไงฉันก็กะจะจัดการเองอยู่แล้วล่ะนะ

 

พอฉันวิ่งมาจนถึงปลายทางก็พบกับร่างของเลออนที่ยืนหอบอยู่ที่ปากทางออก

  “เป็นไงมั่ง”

  “ไม่…ไม่มีคนเลย…” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงหอบ

  “…งั้นหรอ”

  หมายความว่าพวกเรามาถึงเป็นกลุ่มแรกงั้นหรอ? อืม…เป็นไปได้

  “แล้ว..จะเอา…ไงต่อ…”

  “ไปพักก่อนไป ถ้าขืนเดินต่อกันทั้งแบบนี้มีหวังนายได้สลบกลางทางแน่ เดี๋ยวฉันจัดการที่เหลือเอง”

  “อ่า…ฝากด้วย…”

พอพูดจบเด็กหนุ่มเดินไปนั่งพักบริเวณใต้ต้นไม้ใกล้ๆ กับคฤหาสน์เก่าที่เป็นอาคารฝึกยุทธวิธี

  จะว่าไปเราจำได้ว่าที่นี่ไม่เคยมีเขาวงกตแบบนี้นะ แถมตอนที่เดินเข้ามาก็ค่อนข้างมั่นใจเลยด้วยว่าเดินเป็นทางตรงเข้ามา พวกผู้คุ้มสอบสร้างมันขึ้นมางั้นหรอ? คงงั้นล่ะมั้ง เพราะถ้าจะให้ต่อสู้ในตัวอาคารเลยมันก็คงจะวุ่นวายเกินไป

  เอาเถอะ ไม่ว่าแบบไหนฉันก็ชนะได้ทั้งนั้นนั่นแหละนะ

 

หลังจากนั้นสักพักฉันเดินกลับมาตรงต้นไม้ที่เลออนนั่งพักอยู่

  “หายเหนื่อยรึยัง”

  “อ่า ก็ระดับนึง”

  “งั้นก็พักให้เต็มที่ซะ ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ มันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี”

  “จะว่าไปเมื่อกี้แกตะโกนว่าสเตลล่าใช่ปะ”

  “ก็…ใช่…”

  “ถามจริง?! ฮ่าๆ สเตลล่าเนี่ยนะ โคตรขำเลย ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าตะโกนคำนั้นระหว่างที่ยิงธนูออกไปเลย”

  …..╬

  “ถ้าปากมากได้ขนาดนี้ก็หมายความว่าหายเหนื่อยแล้วสินะ งั้นฉันไปล่ะ”

  “ดะ เดี๋ยวซี่ แค่นี้ไม่เห็นต้องเดินหนีเลยนี่! ฉันแค่ไม่คิดว่าคำๆ นั้นมันจะออกมาจากปากแกได้เท่านั้นเอง…” เลออนพูดระหว่างที่กำลังลุกขึ้นยืน

  “อย่าทำเป็นรู้ดีเกี่ยวกับฉันไปหน่อยเลย”

  “ฉันคงจะมองแกผิดไปนิดหน่อยแหละนะ ไปกันเถอะ”

  ไม่หน่อยอ่ะ เยอะเลยแหละ

พวกเราเดินเข้ามาในคฤหาสน์กันผ่านทางประตูหลังซึ่งเป็นประตูที่ใกล้พวกเรามากที่สุด

  “ระวังด้วย”

  “อ่า”

ดูเหมือนว่าทางที่พวกเราเข้ามาจะเป็นแถวห้องพักคนรับใช้เก่าที่ตอนนี้ก็กลายเป็นแค่ห้องธรรมดา

  “แล้วเอาไงต่อล่ะ”

  “เข้าไปดักรอในห้องหรือจะเดินดุ่มๆ ไปจนถึงโถงต้อนรับเลยล่ะ”

  “พอมีอยู่ที่นึงที่น่าจะเหมาะกับพวกเราอยู่ ตามมาสิ”

 

ฉันนำทางเลออนไปยังสถานที่ ที่พวกเราน่าจะได้เปรียบในการต่อสู่มากที่สุดนั่นก็คือห้องอาหาร เพราะว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของดยุคเก่าทำให้ต้องมีห้องอาหารขนาดใหญ่สมฐานะอยู่ การกวัดแกว่งดาบที่มีความยาวเกือบเท่าบำตัวจำเป็นต้องใข้พื้นที่มากพอประมาณ

  “แกนี่รู้ทางที่นี่ดีจังเลยนะ”

  “ไม่มีที่ไหนในกรมทหารที่ฉันไม่เคยไปหรอกนะ ถึงตอนนั้นจะแค่มาดูพวกทหารเขาซ้อมรบก็เถอะ”

  “สมกับเป็นคนขี้โกงจริงๆ เลยนะ”

  อันนี้ฉันก็คงเถียงอะไรไม่ได้หรอกนะเพราะมันก็เป็นความจริงที่ว่าคนที่รู้จักสถานที่ย่อมได้เปรียบเสมอ

 

  “ถึงแล้ว ที่นี่แหละ”

พวกเรามาหยุดอยู่ตรงประตูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์ ตรงบานประตูถูกแกะสลักด้วยลวดลายของชนเผ่าทางตอนเหนือและข้างบนสุดของประตูก็เป็นตราประจำตระกูลของอดีตเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้

  “ที่นี่หรอ? ประตูบานใหญ่ชะมัด สมกับเป็นคฤหาสน์เก่าเลยแฮะ” เลออนพูดพร้อมกับเอามือทาบไปที่ประตูพร้อมกับชื่ชมลวดลายอันสวยงามของประตูบานนี้

  “เปิดสิ”

  “ให้ฉันเป็นคนเปิดจะดีหรอ?”

  “โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ หรอกนะ”

  “งั้นฉันเปิดล่ะนะ”

  แอ๊ดด

ประตูบานยักษ์ทั้ง 2บานถูกเปิดออก เผยให้เห็นภายในของห้องอาหาร

  มันเป็นโถงกว้างที่มีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางที่ถูกรายล้อมด้วยเก้าอี้จำนวนนับไม่ถ้วน ทางด้านซ้ายของห้องคือกระจกบานใหญ่ที่เรียงแถวยาวจนสุดขอบห้องเผยให้เห็นวิวจากข้างนอกของคฤหาสน์แห่งนี้ ทางด้านฝั่งขวาของห้องมีระเบียงที่ต้องเข้าจากประตูทางข้างบนจึงจะสามารถเข้ามาได้ และบนฝาเพดานห้องก็มีโคมไฟหรูขนาดใหญ่ห้อยอยู่ 

  “นี่ขนาดของที่ถูกตกแต่งถูกขนออกไปหมดแล้วนะเนี่ย ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนที่ยังเป็นคฤหาสถ์ปกติอยู่จะดูดีขนาดไหน” เลออนดูจะตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของห้องอาหารเป็นอย่างมาก

  หมอนี่เองก็มีมุมที่แปลกๆ เหมือนกันนะเนี่ย

 

ฉันปิดประตูห้องอาหารและเตรียมสถานที่ให้พร้อมกับการต่อสู้ที่จะมาถึงในอีกไม่นาน

  อย่างน้อยๆ ก็ไม่อยากให้ของพวกนี้มันเสียหายอ่ะนะ….

  [ตกรอบ 1คู่จากการต่อสู้ระยะประชิด เหลือผู้เข้าสอบอีก 3คู่ ] เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งนึง

  “มีอะไรงั้นหร-” อยู่ๆ ก็มีของเสียงเด็กผู้หญิงดังมาจากข้างนอก 

  เสียงคุ้นๆ นะ หรือว่ายัยนั่นมาถึงที่นี่แล้วงั้นหรอ?

  (นาคาซ) เลออนหันมากระซิบกับฉัน 

  ดูเหมือนว่าหมอนี่ก็จะได้ยินเหมือนกับเราสินะ

  (ไปแอบก่อน เดี๋ยวฉันรับหน้าเอง) 

เลออนให้สัญญาณมือตอบกลับมาพร้อมกับหาที่ซ่อนโดยเร็วที่สุด และทันใดนั้นเองเสียงของบานประตูก็ดังขึ้น

  แอ๊ดดด

ประตูบานถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของเด็กสาว 2คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

  เด็กสาวผิวแทนที่ดูเงียบขรึมมากประสบการณ์ และเด็กสาวผมสีน้ำเงินอมเทาแห่งลูน่าไชน์ยืนอยู่ข้างหน้าของฉันพร้อมกับกำอาวุธในมือไว้แน่น

  (อึฮึ่ม) “ปล่อยให้ฉันรอซะนานเลยนะ โลล่า”

_______________________________________

Telesma

Telesma

Score 10
Status: Completed

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset