Scholar’s Advanced Technological System 551 ฉันไม่โกหกหรอก

ตอนที่ 551 ฉันไม่โกหกหรอก

“ทำไม่ได้เหมือนกันเหรอ?”

หวังเผิงนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่นั่งคนขับ ทันทีที่เขาเห็นเสี่ยวหยานเดินออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่ เขาก็พ่นควันออกมาและพูดติดตลก “ฉันคิดว่าศาสตราจารย์ลู่น่าจะต้อนรับสาวสวยมากกว่านี้นะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะโดนปฏิเสธ”

หวังเผิงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับศาสตราจารย์ลู่มานานแล้ว แต่ทว่าเมื่อต้องไปค้างคืนที่บ้านของศาสตราจารย์ลู่…

ลู่โจวไม่เห็นด้วย

มันทำให้เขาทำงานลำบากขึ้นกว่าเดิม

ถึงอย่างไร ตามที่ลู่โจวเคยบอกเขามักจะรู้สึกอึดอัดเมื่อไม่มีสมาชิกในครอบครัวอยู่ที่บ้าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขากำลังทำการค้นคว้าปัญหาในงานวิจัย เขามักจะชอบอยู่คนเดียวมากกว่า

แท้จริงแล้ว มันก็เป็นเช่นนั้น จากการสังเกตของหวังเผิง คนที่อาศัยอยู่ที่นี่คือพ่อแม่ของและน้องสาวของลู่โจวที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิง

เสี่ยวหยานไม่ได้สนใจคำพูดติดตลกของหวังเผิงมากนัก เธอเพียงแค่ถอนหายใจ

“นายเป็นคนขับรถของเขาเหรอ?”

“ใช่ ทำไมล่ะ?”  หวังเผิงดับบุหรี่และถามขึ้น “เธอคิดว่าฉันต้องไปซักเสื้อผ้าหรือซื้อของใช้ส่วนตัวให้เขาไหมล่ะ?”

“การปล่อยให้พวกนายจัดการเรื่องความปลอดภัยถือเป็นการตัดสินใจที่ผิด” เสี่ยวหยานส่ายหัวและมองไปยังหวังเผิงพร้อมกล่าวคำพูดอย่างจริงจัง “ความเป็นส่วนตัวหรือความปลอดภัยกันแน่ที่เป็นสิ่งสำคัญ? ถึงแม้ว่าศาสตราจารย์ลู่จะไม่รู้เรื่องนี้ แต่นายก็ควรรู้เอาไว้”

หวังเผิงยิ้มและโยนบุหรี่ทิ้งไป ทันทีที่เขากำลังจะพูดบางอย่างออกมา หยางกวังเปียวที่นั่งอยู่ข้างคนขับก็พลันพูดแทรกขึ้นมา

“ไม่เป็นไรหรอก ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”

ท้ายที่สุด ก็มีคนเห็นด้วยกับหวังเผิงสักที จากนั้น เขาจึงพูดต่อ “ใช่ ฉันเป็นแค่บอดี้การ์ด  ทุกคนที่ฉันดูแลคือคนสำคัญ ไม่ว่างานจะยากแค่ไหนก็ตาม ฉันก็จะทำให้เต็มที่”

“ศาสตราจารย์ลู่ยิ่งกว่านั้นอีก ลืมเรื่องสถานการณ์ในประเทศไปได้เลยจะเป็นยังไรถ้าพวกชาวต่างชาติมีความกังวลเกี่ยวกับตัวเขามากขึ้น แล้วฉันจะต้องทำยังไง?”

หวังเผิงเปิดกล่องบางอย่างและชี้เข้าไปข้างในพร้อมกล่าวคำพูด “กล้องรักษาความปลอดภัยอยู่ข้างใน เธอคิดว่ายังไงล่ะ? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเธอเป็นบอดี้การ์ดเหมือนกับฉัน ทุกอย่างมันก็จะเป็นความผิดของเธอ!”

เสี่ยวหยานมองไปยังกล้องรักษาความปลอดภัยในกล่อง แต่เธอก็ไม่เข้าใจมากนัก

ท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอเชี่ยวชาญ

เธอไม่สามารถใช้อุปกรณ์พวกนี้ได้เลย

“แต่ฉันก็แค่รู้สึกไม่ดี แล้วถ้าสถานที่แห่งนี้ถูกแทรกซึมโดยหน่วยข่าวกรองจากต่างประเทศล่ะ…”

หวังเผิงรู้สึกรำคาญเล็กน้อย

“งั้นก็ไปคุยกับศาสตราจารย์ลู่เองแล้วกัน”

เสี่ยวหยานพลันขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่หยางกวังเปียวก็พูดแทรกขึ้น

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ที่นี่ปลอดภัย…ถ้าฉันเดาไม่ผิด พวกนายมาจากกองร้อยเดียวกันใช่ไหม?”

หวังเผิงสะบัดบุหรี่และเผยยิ้ม “ในที่สุด! ดูเหมือนว่าจะมีคนที่รู้เรื่องอยู่บ้างนะ!”

เสี่ยวหยานพลันขมวดคิ้ว

หยางกวังเปียวพลันจับคางและชี้ไปที่ทางเท้า “ชายคนนั้นกำลังลาดตระเวนอยู่ เขาเองก็มาจากกองทัพ”

เขาพลันครุ่นคิดอยู่สักพัก

เนื่องจากศาสตราจารย์ลู่ไม่ค่อยมีความสุขกับการรักษาความปลอดภัยในบ้านของตัวเองสักเท่าไหร่ เขาจึงต้องทำการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้นอกบ้าน

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเหมือนเกราะกำบังที่มีรั้วรอบขอบชิดในเขตชานเมือง การติดตั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยภายนอกอาคารไม่ใช่เรื่องยากเกินไป

การจัดการความปลอดภัยเรื่องทรัพย์สินของที่นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่มันก็เทียบไม่ได้กับกองทัพ

พวกเขายินดีที่จะร่วมมือกับกองทัพ

หยางกวังเปียวพลันพูดขึ้น “หมอหยาน ก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ต่อไปดีกว่า ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัย หวังเผิงจะเป็นคนจัดการเอง”

หยานหยานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุด เธอก็ถอนหายใจ

“อ่า เข้าใจแล้ว”

ในช่วงเวลาเดียวกันภายในคฤหาสน์

ลู่โจวพลันทำกาแฟหกโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจึงรีบเช็ดคีย์บอร์ดด้วยทิชชู่

มันไม่ได้หกเยอะมาก แต่นี่คือคีย์บอร์ดตัวโปรด

ในตอนนั้นเอง ข้อความของเฉียวอี้ยังคงกะพริบอยู่บนหน้าจอ

[ขอร้องล่ะ อย่าไล่ฉันออกจากบ้านเลยนะ]

ทิชชู่พลันกลายเป็นสีน้ำตาลของกาแฟ จากนั้น ลู่โจวก็โยนมันลงถังขยะและจ้องมองไปที่หน้าจอ เขาพลันหายใจเข้าเฮือกใหญ่และพยายามคุมสติอารมณ์

“ไม่ต้องคิดมาก ไม่ได้จะเตะเธอออกจากบ้านสักหน่อย”

[จริงเหรอ?] เฉียวอี้ตอบกลับ

“ฉันเคยโกหกด้วยเหรอ?”

[เมื่อสามร้อยสี่สิบเอ็ดวัน ห้าชั่วโมง ยี่สิบเอ็ดนาทีกับอีกสี่วินาทีที่แล้ว คุณบอกว่ากำลังจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ แต่คุณก็โกหก]

ลู่โจวพลันขมวดคิ้ว

นี่มันอะไรกัน?

ถามจริง?

หลูโจวพลันรู้สึกสับสน หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ท้ายที่สุด เขาก็จำได้ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วตอนที่เขาต้องการย้ายบ้าน

แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องตลก ทำไมเฉียวอี้ถึงไม่พอใจกัน?

เฉียวอี้จดจำเรื่องนี้มาตลอดเลยงั้นหรือ?

ลู่โจวพลันกระแอม “เธอกำลังเข้าใจผิดนะ ตอนนี้ฉันล้อเล่นต่างหาก โทษกันเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ อีกอย่าง ตอนนี้เธอก็น่าจะพอใจแล้วใช่ไหม?”

เฉียวอี้ส่งอิโมจิเศร้ากลับมาสามรูป

ลู่โจวพลันพูดต่อ “ลองคิดดูสิ แม้ว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะเป็นของเธอ  แต่มันก็ถูกเอาไปใช้สำหรับการทดลองเตาปฏิกรณ์ฟิวชั่นประเภทสเตลลาเรเตอร์เป็นหลัก อย่างมาก เธอก็แค่ยืมมันมาใช้ได้ แต่ถ้าสามารถแยกอัลกอริธึมโครงร่างการควบคุมพลาสมาออกจากโปรแกรมหลักได้ เธอก็จะเป็นอิสระจากโครงการควบคุมพลาสมาทันที! อยากใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่หรือเครื่องเก่าต่อไปล่ะ เธอคิดว่าไง?”

[มันก็ดูจะมีเหตุผลนะ แต่ก็รู้สึกแปลกๆไปหน่อย]

“สรุปว่าทำได้หรือไม่ได้กันแน่?”

[ฉันทำได้น่า]

ทันทีที่ลู่โจวเห็นอิโมจิ :'( เขาก็พลันเปลี่ยนคำพูด “ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ฉันไม่โกหกเธอหรอก”

[โอเค ก็ได้ :'(]

ท้ายที่สุด ลู่โจวก็สามารถขอให้เฉียวอี้ช่วยได้สำเร็จ

แท้จริงแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่เขาคิด

ถึงแม้ว่าเฉียวอี้จะถูกเรียกว่าเป็น “ปัญญาประดิษฐ์” แต่มันก็เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ไม่น้อย

อย่างน้อย ถ้าดูจากระดับของอัลกอริทึม เฉียวอี้ก็น่าจะทำได้สำเร็จ

ไม่ว่าเธอจะต่อต้านหรือไม่ก็ตาม ลู่โจวก็ต้องตอบคำว่า [ใช่หรือไม่ใช่] อยู่ดี เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าทำไม ถ้าเขาสั่งให้เฉียวอี้ทำอะไร เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำสั่ง

ถึงอย่างไร อาจเป็นเพราะมันเริ่มมีความเหมือนมนุษย์มากเกินไป ลู่โจวจึงไม่ชอบที่จะปฏิบัติกับต่อมันรุนแรงเกินไปนัก

เขาไม่แน่ใจว่ามันจะคิดเหมือนมนุษย์ได้หรือเปล่า หรือว่านี่จะเป็นอารมณ์ของการจำลองเท่านั้น เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพฤติกรรมอันชาญฉลาดของมันเรียงจากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก อ้างอิงจากวิทยานิพนธ์“ ช้างอย่าเล่นหมากรุก” ของร็อดนีย์บรูคส์ เขาชี้ให้เห็นว่าปัญญาประดิษฐ์ประเภทนี้จะไม่มีวันเกินกรอบเขตที่ออกแบบมา

แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ…

ลู่โจวพลันหวังว่าในระหว่างที่กำลังสอนความสามารถในการคิดให้กับปัญญาประดิษฐ์ที่ไร้เดียงสานี้ เขาก็จะสามารถสอนแนวคิดเรื่องมนุษยชาติให้กับมันได้อีกด้วย

การทำเช่นนี้จะมีความหมายหรือไม่นั้น ลู่โจวเองก็ไม่แน่ใจ

แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ที่เก่งกาจอะไร เขาในตอนนี้ไม่มีแรงที่จะคิดถึงเรื่องนั้นเลยด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไร สัญชาตญาณก็กำลังบอกเขาอยู่ว่ามันถูกต้องแล้ว

……………………………………………

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 801 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน

ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง

ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา

จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล

“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”

“ไม่ได้”

“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”

“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”


Options

not work with dark mode
Reset