Scholar’s Advanced Technological System 886 ไม่ผ่าน!

ตอนที่ 886 ไม่ผ่าน!

สำหรับโฮ่วกวงแล้วการไม่สามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปได้ด้วยกันนั้นเป็นเรื่องน่าเสียดาย โฮ่วกวงรู้สึกว่า การทำงานกับลู่โจวทำให้เขาเติบโตขึ้น

การเติบโตที่ว่าไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถทางวิชาการของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมกับความสามารถด้านผู้นำและการจัดการทีมวิจัยวิทยาศาสตร์อีกด้วย

ลู่โจวมีประสบการณ์การเป็นผู้นำอยู่ล้นเหลือ

เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้านักออกแบบโปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ เขาจึงชำนาญในด้านนี้เป็นอย่างยิ่ง

แค่ความสามารถนี้ไม่สามารถส่งต่อไปให้คนอื่นๆ ผ่านการสอนได้ มีเพียงประสบการณ์เท่านั้นที่จะทำได้

บางครั้งโฮ่วกวงก็คิดว่าเหตุผลที่ลู่โจวตัดสินใจถอนตัวจากแนวหน้านั้นเป็นเพราะเขาต้องการให้โฮ่วกวงได้เติบโตมากขึ้น

ทุกครั้งที่โฮ่วกวงคิดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็อดซับน้ำตาไม่ได้

คนในวงการวิชาการที่ให้โอกาสกับคนที่อยู่ตำแหน่งต่ำกว่ามีอยู่น้อยเท่าหยิบมือ

แต่นักวิชาการหวังเจิงกวง หัวหน้าวิศวกรของบริษัทนิวเคลียร์แห่งชาติจีนคิดถึงลู่โจวไปอีกทางหนึ่ง

ลู่โจวแคร์คนอื่นด้วยเหรอ?

ก็อาจจะนิดหน่อย

แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักหรอก!

ลู่โจวแค่ไม่สนใจตำแหน่งเฉยๆ เขาเป็นคนขี้เกียจต่างหากล่ะ!

คนที่รู้จักลู่โจวดีจะรู้ว่าลู่โจวไม่เคยอยู่ในวงการไหนนานนัก ขนาดกับวงการคณิตศาสตร์ที่เป็นวงการโปรดของเขา แต่พองานวิจัยของเขามาถึงช่วงคอขวด เขายังชอบย้ายไปทำงานในวงการอื่นบ่อยๆ เลย

ข้อมูลนี้เห็นได้ชัดจากจดหมายของเขาที่ส่งมาหาพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสมัยที่เขายังเป็นหัวหน้านักออกแบบของโปรเจกต์นิวเคลียร์ฟิวชั่น

ลู่โจวเขียนมาชัดเจนว่าเมื่อสามารถคิดค้นนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้สำเร็จแล้ว เขาจะย้ายไปทำอย่างอื่นแทน

ลู่โจวรู้สึกเหนื่อยเกินไปกับการทำตำแหน่งหัวหน้านักออกแบบ…

“ฮัดชิ่ว!”

บนถนนหลวง

ลู่โจวนั่งอยู่ที่นั่งหลังรถ กำลังชมวิวอยู่

หวังเผิงที่เป็นคนขับรถ มองกระจกมองหลังแล้วถามเขาว่า

“หนาวไปเหรอครับ?”

“ไม่หรอก กำลังดี…” ลู่โจวเช็ดจมูกตัวเองแล้วกลับมาสนใจเนื้อหาธีสิสที่อยู่บนตัก

ธีสิสนี้เป็นอันที่หลัวเหวินเซวียนโชว์ให้เขาดูเมื่อสัปดาห์ก่อน

ถึงแม้จะเป็นธีสิสอันเดียวกัน แต่เขาก็ได้ธีสิสนี้มาจากคนอื่นที่ไม่ใช่หลัวเหวินเซวียน

อันที่จริงแล้วลู่โจวไม่อยากจะอ่านเจ้านี่เลย แค่ดูบทคัดย่อเขาก็พูดได้ว่าในนี้ไม่มีอะไรนอกจากข้อคาดการณ์ทางทฤษฎีที่ไม่ได้แก้ไขปัญหาในชีวิตจริงได้สักข้อ มันอธิบายปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติไม่ได้ และใกล้เคียงกับการเป็นงานวิจัยที่ไม่มีค่าอะไรเลย

แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าหลัวเหวินเซวียนจะส่งงานนี้ไปให้ PRL จริงๆ ตามที่เขาโอ้อวดไว้ก่อนหน้า ยิ่งไปกว่านั้น PRL ยังขอให้เขาเป็นผู้ตรวจสอบธีสิสด้วย

เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบที่ไม่บอกชื่อผู้ตรวจถึงสองขั้น ทำให้หลัวเหวินเซวียนไม่รู้เลยว่า ธีสิสของเขากำลังถูกเจ้านายตัวเองตรวจสอบอยู่

ถึงแม้ว่าความสนใจของเขาจะมีแนวโน้มขัดแย้งกันกับเนื้อหาของเจ้าธีสิสนี่ แต่ลู่โจวก็ยังยอมรับคำเชิญของ PRL ที่จะตรวจสอบธีสิส เขาพรินต์ธีสิสออกมาแล้วเริ่มอ่านมันระหว่างทางกลับเมืองบ้านเกิด

เอาตรงๆ เลยก็คือถึงแม้จะยังเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก่อนช่วงหยุดวันตรุษจีน ลู่โจวก็วางแผนจะกลับบ้านมาสองสามวันแล้ว

แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ก็มีคนมาหาเขาที่ออฟฟิศบ่อยเหลือเกิน บางคนก็มาถามเรื่องคะแนนสอบ บางคนก็เอาของขวัญมาให้ ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็ทำให้เขารำคาญทั้งสิ้น

เพราะว่าตารางสอบปีนี้ถูกจัดให้สอบก่อนช่วงวันหยุด ทำให้เขามีแขกมาหาที่ออฟฟิศมากกว่าปกติ

ยังไม่นับว่ามีอาจารย์บางคนที่อยากทำงานให้เขาอีก

ลู่โจวบอกเหอชางเหวินให้ตรวจข้อสอบที่เหลือทั้งหมด แล้วจึงตัดสินใจกลับบ้านช่วงตรุษจีนเร็วกว่าปกติ

ส่วนถ้าถามว่าทำไมถึงนั่งรถยนต์กลับน่ะเหรอ?

การมีรถยนต์ช่วงวันหยุดน่ะ สะดวกจะตายไป

จริงๆ เขาอยากจะนั่งรถสปอร์ตกลับไปด้วยซ้ำ แต่รถคันเล็กๆ แบบนั้นมันไม่เหมาะกับการเดินทางนานๆ เท่าไร บวกกับที่หวังเผิงแนะนำมาด้วย พวกเขาก็เลยนั่งรถซีดานสีดำกลับแทน

รถซีดานนั่งสบายกว่ามาก ลู่โจวแทบจะนอนที่เบาะหลังได้ด้วยซ้ำ เป็นรถที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทางไกลจริงๆ เจ้ารถอิเล็กทริคเพอร์เพิลมันไร้ประโยชน์สิ้นดี นอกจากเอาไว้โชว์คนอื่นน่ะนะ

“เขาเข้าใจเรื่องทฤษฎีมิติของมิงคอฟสกี้ดี แต่สกิลคณิตศาสตร์ของเขานี่มัน…หมอนี่มีวิทเทนเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาจริงๆ เหรอเนี่ย?”

ปัญหาของธีสิสนี้ไม่ได้มีแค่ด้านการคำนวณเท่านั้น แต่ยังมีในด้านตรรกะอีกด้วย

สำหรับวงการฟิสิกส์เชิงทฤษฎีแล้วคณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนั้น

แม้แต่นักวิชาการที่ใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ง่ายๆ ก็สามารถสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ได้ อย่างเช่น แฟรงก์ วิลกเซค ที่ทำงานร่วมกับลู่โจวสมัยก่อน ก็ทำวิจัยขั้นลึกในหัวข้อของอนุภาคควาร์กได้ โดยไม่ต้องเข้าใจคณิตศาสตร์ลึกนัก

ส่วนนักฟิสิกส์อย่างเอ็ดเวิร์ด วิทเทน ที่สร้างเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ขึ้นมาด้วยตนเองและได้รับรางวัลเหรียญฟิลด์ อันนั้นถือเป็นส่วนน้อยของวงการ

ในธีสิสของหลัวเหวินเซวียนนั้น ไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์ที่ผิด แต่ตรรกะก็ยังวิบัติอีกด้วย ที่ธีสิสนี้ผ่านขั้นพิชญพิจารณ์มาได้นี่ก็นับเป็นปาฏิหาริย์แล้วนะ

ลู่โจวยิ้มแล้วส่ายหน้า จากนั้นเขาก็เขียนคำคำหนึ่งลงไปตรงข้างล่างของกระดาษว่า

[ไม่ผ่าน]

นี่คิดว่าฉันจะยอมให้ธีสิสนี้ได้ตีพิมพ์จริงๆ น่ะเหรอ?

ฝันไปเถอะ

ถ้าไม่นับเรื่องปัญหาทุกอย่างที่มีในธีสิสเรื่องนี้นะ…

ฉันบอกว่าฉันจะยอมกินโต๊ะถ้าเกิดว่าธีสิสนี้ได้ตีพิมพ์จริงๆ จะอย่างไรฉันก็ไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว

ลู่โจววางธีสิสไว้ข้างๆ แล้วหันไปมองวิวนอกหน้าต่าง แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า

“ตอนนี้เราถึงไหนแล้ว?”

หวังเผิงที่กำลังจับพวงมาลัยตอบว่า “อีกสิบกิโลเมตรจะถึงเจียงเฉิงครับ”

ลู่โจวพยักหน้าแล้วนึกขึ้นอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“จะว่าไปแล้วกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ก็อยู่ในแถบชานเมืองเจียงเฉิงใช่ไหม?”

หวังเผิงเงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าทำไมลู่โจวถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา

แต่เขาก็พยักหน้าแล้วตอบไปว่า “ใช่ครับ…ผมคิดว่าเป็นแถบชานเมืองตะวันออกของเจียงเฉิง”

ชานเมืองตะวันออกของเจียงเฉิงเหรอ?

นั่นเป็นที่ที่ซิลิคอนแวลลีย์แห่งใหม่ตั้งอยู่นี่นา…

ลู่โจวจำได้ว่าเฉินยู่ซานบอกมาว่าศูนย์วิจัยและผลิตเซมิคอนดัคเตอร์คาร์บอนตั้งอยู่แถวๆ นี้ เขาพูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นไปดูหน่อยแล้วกัน”

“โอเคครับ”

หวังเผิงไม่ได้ทำอะไรต่อ เขาเปลี่ยนเลนอย่างเชี่ยวชาญ และขับต่อบนถนนหลวง

หลังจากทำงานขับรถให้ลู่โจวมาหลายปี เขาชินกับนิสัยของเจ้านายของเขาแล้ว

ลู่โจวเป็นคนที่คาดการณ์ไม่ได้เลย

ไม่ว่าจะทั้งงานวิจัยหรือการใช้ชีวิตของเขา

เหมือนกับที่เขาไม่ได้บอกอะไรหวังเผิงมาก่อนหน้าเลย แล้วเขาก็ตัดสินใจกลับบ้านช่วงวันหยุดเร็วกว่าเดิมเสียอย่างนั้น

หวังเผิงชินแล้ว

แต่ถึงเขาจะชินแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ชินอยู่…

ตรงขาออกของถนนหลวงเจียงหลิง ซึ่งห่างออกไป 200 กิโลเมตร มีคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนรออย่างหนาวสั่น ในระหว่างที่ลมอันหนาวเย็นพัดผ่านร่างกายพวกเขา…

……………………

สำหรับโฮ่วกวงแล้วการไม่สามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปได้ด้วยกันนั้นเป็นเรื่องน่าเสียดาย โฮ่วกวงรู้สึกว่า การทำงานกับลู่โจวทำให้เขาเติบโตขึ้น

การเติบโตที่ว่าไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถทางวิชาการของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมกับความสามารถด้านผู้นำและการจัดการทีมวิจัยวิทยาศาสตร์อีกด้วย

ลู่โจวมีประสบการณ์การเป็นผู้นำอยู่ล้นเหลือ

เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้านักออกแบบโปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ เขาจึงชำนาญในด้านนี้เป็นอย่างยิ่ง

แค่ความสามารถนี้ไม่สามารถส่งต่อไปให้คนอื่นๆ ผ่านการสอนได้ มีเพียงประสบการณ์เท่านั้นที่จะทำได้

บางครั้งโฮ่วกวงก็คิดว่าเหตุผลที่ลู่โจวตัดสินใจถอนตัวจากแนวหน้านั้นเป็นเพราะเขาต้องการให้โฮ่วกวงได้เติบโตมากขึ้น

ทุกครั้งที่โฮ่วกวงคิดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็อดซับน้ำตาไม่ได้

คนในวงการวิชาการที่ให้โอกาสกับคนที่อยู่ตำแหน่งต่ำกว่ามีอยู่น้อยเท่าหยิบมือ

แต่นักวิชาการหวังเจิงกวง หัวหน้าวิศวกรของบริษัทนิวเคลียร์แห่งชาติจีนคิดถึงลู่โจวไปอีกทางหนึ่ง

ลู่โจวแคร์คนอื่นด้วยเหรอ?

ก็อาจจะนิดหน่อย

แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักหรอก!

ลู่โจวแค่ไม่สนใจตำแหน่งเฉยๆ เขาเป็นคนขี้เกียจต่างหากล่ะ!

คนที่รู้จักลู่โจวดีจะรู้ว่าลู่โจวไม่เคยอยู่ในวงการไหนนานนัก ขนาดกับวงการคณิตศาสตร์ที่เป็นวงการโปรดของเขา แต่พองานวิจัยของเขามาถึงช่วงคอขวด เขายังชอบย้ายไปทำงานในวงการอื่นบ่อยๆ เลย

ข้อมูลนี้เห็นได้ชัดจากจดหมายของเขาที่ส่งมาหาพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสมัยที่เขายังเป็นหัวหน้านักออกแบบของโปรเจกต์นิวเคลียร์ฟิวชั่น

ลู่โจวเขียนมาชัดเจนว่าเมื่อสามารถคิดค้นนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้สำเร็จแล้ว เขาจะย้ายไปทำอย่างอื่นแทน

ลู่โจวรู้สึกเหนื่อยเกินไปกับการทำตำแหน่งหัวหน้านักออกแบบ…

“ฮัดชิ่ว!”

บนถนนหลวง

ลู่โจวนั่งอยู่ที่นั่งหลังรถ กำลังชมวิวอยู่

หวังเผิงที่เป็นคนขับรถ มองกระจกมองหลังแล้วถามเขาว่า

“หนาวไปเหรอครับ?”

“ไม่หรอก กำลังดี…” ลู่โจวเช็ดจมูกตัวเองแล้วกลับมาสนใจเนื้อหาธีสิสที่อยู่บนตัก

ธีสิสนี้เป็นอันที่หลัวเหวินเซวียนโชว์ให้เขาดูเมื่อสัปดาห์ก่อน

ถึงแม้จะเป็นธีสิสอันเดียวกัน แต่เขาก็ได้ธีสิสนี้มาจากคนอื่นที่ไม่ใช่หลัวเหวินเซวียน

อันที่จริงแล้วลู่โจวไม่อยากจะอ่านเจ้านี่เลย แค่ดูบทคัดย่อเขาก็พูดได้ว่าในนี้ไม่มีอะไรนอกจากข้อคาดการณ์ทางทฤษฎีที่ไม่ได้แก้ไขปัญหาในชีวิตจริงได้สักข้อ มันอธิบายปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติไม่ได้ และใกล้เคียงกับการเป็นงานวิจัยที่ไม่มีค่าอะไรเลย

แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าหลัวเหวินเซวียนจะส่งงานนี้ไปให้ PRL จริงๆ ตามที่เขาโอ้อวดไว้ก่อนหน้า ยิ่งไปกว่านั้น PRL ยังขอให้เขาเป็นผู้ตรวจสอบธีสิสด้วย

เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบที่ไม่บอกชื่อผู้ตรวจถึงสองขั้น ทำให้หลัวเหวินเซวียนไม่รู้เลยว่า ธีสิสของเขากำลังถูกเจ้านายตัวเองตรวจสอบอยู่

ถึงแม้ว่าความสนใจของเขาจะมีแนวโน้มขัดแย้งกันกับเนื้อหาของเจ้าธีสิสนี่ แต่ลู่โจวก็ยังยอมรับคำเชิญของ PRL ที่จะตรวจสอบธีสิส เขาพรินต์ธีสิสออกมาแล้วเริ่มอ่านมันระหว่างทางกลับเมืองบ้านเกิด

เอาตรงๆ เลยก็คือถึงแม้จะยังเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก่อนช่วงหยุดวันตรุษจีน ลู่โจวก็วางแผนจะกลับบ้านมาสองสามวันแล้ว

แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ก็มีคนมาหาเขาที่ออฟฟิศบ่อยเหลือเกิน บางคนก็มาถามเรื่องคะแนนสอบ บางคนก็เอาของขวัญมาให้ ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็ทำให้เขารำคาญทั้งสิ้น

เพราะว่าตารางสอบปีนี้ถูกจัดให้สอบก่อนช่วงวันหยุด ทำให้เขามีแขกมาหาที่ออฟฟิศมากกว่าปกติ

ยังไม่นับว่ามีอาจารย์บางคนที่อยากทำงานให้เขาอีก

ลู่โจวบอกเหอชางเหวินให้ตรวจข้อสอบที่เหลือทั้งหมด แล้วจึงตัดสินใจกลับบ้านช่วงตรุษจีนเร็วกว่าปกติ

ส่วนถ้าถามว่าทำไมถึงนั่งรถยนต์กลับน่ะเหรอ?

การมีรถยนต์ช่วงวันหยุดน่ะ สะดวกจะตายไป

จริงๆ เขาอยากจะนั่งรถสปอร์ตกลับไปด้วยซ้ำ แต่รถคันเล็กๆ แบบนั้นมันไม่เหมาะกับการเดินทางนานๆ เท่าไร บวกกับที่หวังเผิงแนะนำมาด้วย พวกเขาก็เลยนั่งรถซีดานสีดำกลับแทน

รถซีดานนั่งสบายกว่ามาก ลู่โจวแทบจะนอนที่เบาะหลังได้ด้วยซ้ำ เป็นรถที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทางไกลจริงๆ เจ้ารถอิเล็กทริคเพอร์เพิลมันไร้ประโยชน์สิ้นดี นอกจากเอาไว้โชว์คนอื่นน่ะนะ

“เขาเข้าใจเรื่องทฤษฎีมิติของมิงคอฟสกี้ดี แต่สกิลคณิตศาสตร์ของเขานี่มัน…หมอนี่มีวิทเทนเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาจริงๆ เหรอเนี่ย?”

ปัญหาของธีสิสนี้ไม่ได้มีแค่ด้านการคำนวณเท่านั้น แต่ยังมีในด้านตรรกะอีกด้วย

สำหรับวงการฟิสิกส์เชิงทฤษฎีแล้วคณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนั้น

แม้แต่นักวิชาการที่ใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ง่ายๆ ก็สามารถสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ได้ อย่างเช่น แฟรงก์ วิลกเซค ที่ทำงานร่วมกับลู่โจวสมัยก่อน ก็ทำวิจัยขั้นลึกในหัวข้อของอนุภาคควาร์กได้ โดยไม่ต้องเข้าใจคณิตศาสตร์ลึกนัก

ส่วนนักฟิสิกส์อย่างเอ็ดเวิร์ด วิทเทน ที่สร้างเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ขึ้นมาด้วยตนเองและได้รับรางวัลเหรียญฟิลด์ อันนั้นถือเป็นส่วนน้อยของวงการ

ในธีสิสของหลัวเหวินเซวียนนั้น ไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์ที่ผิด แต่ตรรกะก็ยังวิบัติอีกด้วย ที่ธีสิสนี้ผ่านขั้นพิชญพิจารณ์มาได้นี่ก็นับเป็นปาฏิหาริย์แล้วนะ

ลู่โจวยิ้มแล้วส่ายหน้า จากนั้นเขาก็เขียนคำคำหนึ่งลงไปตรงข้างล่างของกระดาษว่า

[ไม่ผ่าน]

นี่คิดว่าฉันจะยอมให้ธีสิสนี้ได้ตีพิมพ์จริงๆ น่ะเหรอ?

ฝันไปเถอะ

ถ้าไม่นับเรื่องปัญหาทุกอย่างที่มีในธีสิสเรื่องนี้นะ…

ฉันบอกว่าฉันจะยอมกินโต๊ะถ้าเกิดว่าธีสิสนี้ได้ตีพิมพ์จริงๆ จะอย่างไรฉันก็ไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว

ลู่โจววางธีสิสไว้ข้างๆ แล้วหันไปมองวิวนอกหน้าต่าง แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า

“ตอนนี้เราถึงไหนแล้ว?”

หวังเผิงที่กำลังจับพวงมาลัยตอบว่า “อีกสิบกิโลเมตรจะถึงเจียงเฉิงครับ”

ลู่โจวพยักหน้าแล้วนึกขึ้นอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“จะว่าไปแล้วกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ก็อยู่ในแถบชานเมืองเจียงเฉิงใช่ไหม?”

หวังเผิงเงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าทำไมลู่โจวถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา

แต่เขาก็พยักหน้าแล้วตอบไปว่า “ใช่ครับ…ผมคิดว่าเป็นแถบชานเมืองตะวันออกของเจียงเฉิง”

ชานเมืองตะวันออกของเจียงเฉิงเหรอ?

นั่นเป็นที่ที่ซิลิคอนแวลลีย์แห่งใหม่ตั้งอยู่นี่นา…

ลู่โจวจำได้ว่าเฉินยู่ซานบอกมาว่าศูนย์วิจัยและผลิตเซมิคอนดัคเตอร์คาร์บอนตั้งอยู่แถวๆ นี้ เขาพูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นไปดูหน่อยแล้วกัน”

“โอเคครับ”

หวังเผิงไม่ได้ทำอะไรต่อ เขาเปลี่ยนเลนอย่างเชี่ยวชาญ และขับต่อบนถนนหลวง

หลังจากทำงานขับรถให้ลู่โจวมาหลายปี เขาชินกับนิสัยของเจ้านายของเขาแล้ว

ลู่โจวเป็นคนที่คาดการณ์ไม่ได้เลย

ไม่ว่าจะทั้งงานวิจัยหรือการใช้ชีวิตของเขา

เหมือนกับที่เขาไม่ได้บอกอะไรหวังเผิงมาก่อนหน้าเลย แล้วเขาก็ตัดสินใจกลับบ้านช่วงวันหยุดเร็วกว่าเดิมเสียอย่างนั้น

หวังเผิงชินแล้ว

แต่ถึงเขาจะชินแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ชินอยู่…

ตรงขาออกของถนนหลวงเจียงหลิง ซึ่งห่างออกไป 200 กิโลเมตร มีคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนรออย่างหนาวสั่น ในระหว่างที่ลมอันหนาวเย็นพัดผ่านร่างกายพวกเขา…

……………………

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 801 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน

ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง

ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา

จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล

“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”

“ไม่ได้”

“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”

“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”


Options

not work with dark mode
Reset