Scholar’s Advanced Technological System 1281 ดูหน้าผากสิ

ตอนที่ 1281 ดูหน้าผากสิ

ณ ทางเข้าสนามบินจินหลิง

ศาสตราจารย์รูดี้ ด็อบริก ที่อยู่ในชุดสูทยืนตรงราวจับในขณะที่เขาจับเนกไทให้เข้าที่ไปๆ มาๆ เขามองไปรอบๆ ด้วยความกระวนกระวาย

ถึงแม้ว่าชาวต่างชาติสามารถพบเห็นได้ทั่วไปที่เมืองนานาชาติแห่งนี้ ตัวเขาที่ยืนอยู่ไม่สุขนอกสนามบินก็ยังดูแปลกตา

ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมามีพนักงานสนามบินอย่างน้อยสองคนมาถามว่าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่

“โอ้ พระเจ้า…” ศาสตราจารย์ด็อบริกมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วพูดกระซิบด้วยภาษาจีนแปร่งๆ “เมื่อไหร่ศาสตราจารย์ลู่จะมาถึงเนี่ย? เขาจะกลับมาวันนี้ถูกไหม?”

หลังจากที่ลู่โจวส่งอีเมลให้เขาครั้งสุดท้าย เขารู้สึกปริ่มใจแล้วแบ่งปันข่าวดีให้กับผู้ร่วมงานทันที ศาสตราจารย์เว่ยฮงจากสถาบันฟิสิกส์พลังงานสูงที่สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน

หลังจากได้ยินว่างานวิจัยของพวกเขาดึงดูดความสนใจของ ILHCRC ทั้งสองไม่ได้ลังเลเลย ทั้งสองเริ่มเตรียมการรายงานเรื่องปรากฏการณ์ผิดปกติของอนุภาคซีในทันที เหมือนกับที่นักวิชาการลู่สั่งในอีเมล การประชุมเพื่อรายงานถูกจัดขึ้นในวันที่สี่หลังจากที่พิธีประกาศรางวัลโนเบลสิ้นสุดลงและนักวิชาการลู่ก็ได้รับแจ้งเวลาของการประชุม

แต่เมื่อสองคนนี้คิดว่าสายอาชีพวิชาการจะเบ่งบานและพวกเขาจะมีชื่อเสียง นักวิชาการลู่ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่การรายงาน

ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีคนไม่กี่คนเข้าฟังการรายงานนี้

หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินว่าลู่โจวเลื่อนแผนการกลับจีนไปสองสามวัน แทนที่เขาจะกลับเซี่ยงไฮ้ตามแผนเดิม เขาไปโคเปนเฮเกนเพื่อเข้าร่วมงานซัมมิทสภาพอากาศ

เอาจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเขาสามารถจัดอีกรอบได้

ทว่าสิ่งที่ทำให้ด็อบริกกังวลคือลู่โจวที่พลาดการรายงานไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเหมือนกับว่าลู่โจวลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

ทั้งศาสตราจารย์ด็อบริกและศาสตราจารย์เว่ยฮงรู้สึกวิตกเล็กน้อยว่าการวิจัยของเขาเป็น ‘ที่ต้องการ’ อีกหรือไม่

ดังนั้นเมื่อเขาได้ข่าวเมื่อคืนก่อนว่าลู่โจวจะเดินทางกลับจีนวันนี้ เขารีบพาศาสตราจารย์เว่ยนั่งรถไฟไปจินหลิง เขาอยากทำให้ลู่โจวประทับใจด้วยความจริงใจของเขาและพยายาม ‘รักษา’ งานวิจัยไว้

ศาสตราจารย์เว่ยฮงยืนอยู่ข้างศาสตราจารย์ด็อบริก เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“อย่างไรเสียมันก็เป็นเที่ยวบินส่วนตัว รายละเอียดการบินถูกจัดการโดยคนอื่น เครื่องบินอาจจะดีเลย์ก็ได้”

“จะว่าไป ข้อความที่เขียนตรงแผ่นป้ายที่ห้อยตรงทางเข้าคืออะไรเหรอ? ผมเห็นมันไม่ชัด”

“ยินดีต้อนรับนักวิชาการลู่ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ปี 2023…”

ในขณะที่ศาสตราจารย์เว่ยฮงมองด็อบริก เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและปลดปล่อยอารมณ์ออกมา “เอาตามตรงนะจองตี้ ผมคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ ถ้านักวิชาการลู่สนใจในงานวิจัยของเราจริงๆ เขาคงไปตามหาเราที่ ILHCRC ถ้าเกิดเขาไม่สนใจ มารอเขาที่นี่ก็ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา”

“แต่นี่เป็นโอกาสเดียวของเรา ไม่มีใครที่ ILHCRC รู้สึกมั่นใจในด้านนี้…แล้ว ‘จองตี้’ หมายความว่าอะไร?”

“มันแปลว่าพี่น้อง”

ILHCRC กำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของฟิสิกส์ระดับโลก นอกจากการเรียนภาษาฝรั่งเศสแล้ว การเรียนภาษาจีนกลายเป็นเรื่องติดเทรนด์สำหรับนักฟิสิกส์

เหตุผลที่ข้อมูลการทดลองล่าสุดจาก ILHCRC ถูกปล่อยเป็นภาษาจีนก่อนที่จะถูกแปลเป็นภาษาอื่น

แล้วก็รายงานบางส่วนที่ถูกเผยแพร่ที่เว็บไซต์ทางการมักจะถูกเผยแพร่ข้อมูลเป็นภาษาจีนก่อน

ถึงแม้ว่าปริมาณข้อความที่เกี่ยวข้องไม่ได้เยอะมาก นักวิชาการไม่ชอบอ่านเนื้อหาที่ถูกแปลออกมา

เพื่อทำให้มั่นใจว่าเนื้อหาที่ได้มาเป็นเวอร์ชันดั้งเดิมโดยไม่ผ่านการประมวลผล ศาสตราจารย์หลายคนที่ทำงานที่ ILHCRC นานกว่าครึ่งปีได้เริ่มเรียนภาษาจีน

แม้ว่าด็อบริกอยู่ที่เซี่ยงไฮ้มานานกว่าหนึ่งปี ทักษะภาษาของเขามีอยู่จำกัดเมื่อเทียบกับทักษะด้านอื่น

ระดับภาษาของเขามีเพียงพอแค่สำหรับการสนทนาทั่วไป เขาห่างไกลจากการเชี่ยวชาญในสำนวนจีนจำนวนมาก

ทั้งสองพูดคุยกันฆ่าเวลา

เว่ยฮงรู้สึกหิวเล็กน้อย เขากำลังจะเสนอให้ไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารจานด่วนใกล้ๆ แต่จู่ๆ มีชายคนหนึ่งตบไหล่เขาจากด้านหลัง

จริงๆ แล้ว ชายคนนั้นตบไหล่ทั้งสองคนนี้

เว่ยฮงกำลังจะหันกลับไปมองแต่มีเสียงประหลาดและจริงจังดังขึ้นมาจากข้างหลัง

“ขอผมดูบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตหน่อย?”

คำขอของท่านทูตตู้หยานหมิงเป็นไปด้วยเหตุผล

ลู่โจวที่เพิ่งก้าวลงจากบันไดเครื่องบินที่สนามบินจินหลิง เขารู้สึกถึงบรรยากาศยิ่งใหญ่ที่สนามบิน

ชื่อของเขาถูกปรินท์ที่แผ่นป้ายขนาดใหญ่ ผู้นำของสภาเมืองและโซนไฮเทคต่างสวมชุดเป็นทางการ ยืนรออยู่ที่สนามบิน

เอาตามตรง เขารู้สึกค่อนข้างอาย

เมื่อลู่โจวเห็นทั้งผู้คนและกล้องที่รอเขาอยู่ เขารู้สึกเขินที่จะจูบแฟนสาว

เฉินยู่ซานยืนมองดูลู่โจวที่อยู่กลางฝูงคน เธอก็หักห้ามใจที่จะวิ่งไปจูบเขา

ทั้งสองเป็นบุคคลสาธารณะ เนื่องจากอิทธิพลของสตาร์สกายเทคโนโลยี ไม่มีนักข่าวคนไหนกล้าขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของสองคนนี้ แต่ทั้งสองก็ยังต้องระวัง

อย่างน้อยที่สุดพวกเขาต้องทำตัวเงียบในสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คน

หลังจากสูดหายใจเข้าลึก เฉินยู่ซานยิ้มแล้วโบกมือเบาๆ ไปทางลู่โจว เธอน้ำตาซึม

ลู่โจวกระพริบตาให้เธอเล็กน้อยด้วยความอบอุ่นในดวงตา

แต่เขาไม่รู้ว่าเนื่องจากเขาหล่อเกินไปหรือด้วยสาเหตุใด เขาเห็นว่าจู่ๆ เฉินยู่ซานหน้าแดงแล้วหันหน้าหนี

รีแอคชั่นนี้ทำให้ลู่โจวงง

เป็นไปได้ว่า…

เธออาย?

มันเป็นคำอธิบายเดียวของเขา

ทีมต้อนรับเดินมาหาเขา ชายชราที่มีผมดำเลื่อมเดินเข้ามาหาแล้วยื่นมือขวาไปอย่างกระตือรือร้น

“นักวิชาการลู่ ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”

ลู่โจวยิ้มให้แล้วจับมือของชายชราโดยเขาพูดว่า “เลขาโจว ขอบคุณครับ ผมพึ่งจากไปไม่ถึงครึ่งเดือนเลย ไม่จำเป็นต้องมีพิธีใหญ่โตหรอกครับ”

นับตั้งแต่ที่เลขาหลิวจากไป เลขาโจวที่ถูกย้ายมาจากปักกิ่งก็กลายเป็นผู้นำของจินหลิงในตอนนี้ ลู่โจวจำได้เพียงแค่นามสกุลของเขา โจว เขาไม่ได้สนใจชื่อเต็มของเขา

แต่ชายชราคนนี้ดูกระตือรือร้นมาก และเขาพูดทันทีว่า “ไม่เป็นไรเลย! คุณเพิ่งไปมาแค่ครึ่งเดือน แต่ในช่วงครึ่งเดือนนี้ คุณได้รับเกียรติอย่างมากในฐานะตัวแทนประเทศ! ในฐานะเลขาของจินหลิงผมขอต้อนรับคุณกลับบ้านในฐานะตัวแทนประชาชน โปรดตามมาทางนี้ครับ”

ลู่โจวไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญของเลขาโจว ทั้งสองเดินไปแล้วคุยกันไปด้วย

ระหว่างที่พูดคุยกันลู่โจวพบว่าเลขาโจวเป็นคนน่าสนใจ อย่างน้อยที่สุดเขาก็พูดคุยเก่งมาก

ทั้งสองคุยกันเรื่องรางวัลโนเบลและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกรวมไปถึงสถานการณ์ที่ทะเลบอลติก ในที่สุดพวกเขาพูดนอกเรื่องกันถึงการเฉลิมฉลองที่รังนกที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน

“นักวิชาการลู่ สนามกีฬาโฮโลแกรม…คุณสามารถสร้างมันขึ้นที่จินหลิงได้ไหม?”

ลู่โจวรู้สึกอึ้ง และเขาเข้าใจในทันทีว่าเลขาโจวสื่อว่าอะไร

ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับระบบโฮโลแกรม…

ลู่โจวพูดด้วยรอยยิ้ม

“เทคโนโลยีนี้สามารถทำได้ แต่ระบบนี้ราคาไม่ถูกเลย มันขึ้นอยู่กับงบประมาณของคุณเป็นหลัก”

เมื่อเลขาโจวได้ยินว่ามันมีโอกาส เขาพูดทันทีว่า “งบประมาณเป็นเรื่องง่าย และเราไม่จำเป็นต้องสร้างให้มันใหญ่เท่ากับรังนก”

ลู่โจวพูดว่า “งั้นคุณจะสร้างสนามกีฬาใหญ่ขนาดไหน?”

เลขาโจวพูดต่อ “ประมาณสองถึงสามหมื่นคนนั้นก็พอ”

สองถึงสามหมื่นคนไม่มากเหรอ?

ความจุนี้เป็นมาตรฐานสำหรับสนามกีฬาเฟิร์สคลาสใช่ไหม?

งบประมาณนี้มันพอจริงๆ ใช่ไหม?

ลู่โจวไม่ทราบจริงๆ ว่าเมืองจินหลิงร่ำรวยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

หลังจากการก่อสร้างพื้นที่ไฮเทค ค่าจีดีพีโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด แน่นอนว่าพวกเขามีเงินพอในการสร้างสนามกีฬาใหม่

เงินพันล้านหรือสองพันล้านหยวนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเมืองจินหลิง การใช้เงินเพื่อเพิ่มพูนชีวิตของผู้คนในด้านวัฒนธรรมและจิตวิญญาณที่เมืองเป็นค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าเสมอ

“ผมไม่รู้รายละเอียดในด้านธุรกิจ ผมบอกได้แค่ว่ามันเป็นไปได้จากมุมมองด้านเทคโนโลยี มารอกันแล้วให้ซีอีโอของผม…เกิดอะไรขึ้นตรงนั้น?”

ระหว่างที่ลู่โจวกำลังพูด กลุ่มผู้คนที่ทางออกสนามบินดึงดูดความสนใจของเขา

ชายต่างชาติและชายชาวจีนกำลังอธิบายบางอย่างให้ตำรวจทราบ

เมื่อลู่โจวเห็นชายสองคนนี้ พวกเขาก็เห็นลู่โจวเช่นกัน

การสอบสวนและตรวจสอบของตำรวจกำลังจะจบลง ชายต่างชาติร่างสูงตะโกนด้วยความตื่นเต้นหลังจากเห็นลู่โจว ซึ่งทำให้เขาถูกตำรวจล็อกตัวในทันที

“นักวิชาการลู่ นักวิชาการลู่โจว! ผมเอง! โอ๊ย! ผมโชว์พาสปอร์ตให้ดูแล้ว ผมไม่ใช่อาชญากรจริงๆ ผมมาที่นี่เพื่อศึกษาฟิสิกส์ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ดูผมที่หัวผมสิ! ดูสิ ผมไม่เหลือผมบนหัวเลย!”

ลู่โจวมองดูชายที่เพิ่งเรียกชื่อเขา

เอิ่มมม…

ชายคนนี้คือใครเนี่ย?

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 801 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน

ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง

ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา

จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล

“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”

“ไม่ได้”

“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”

“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”


Options

not work with dark mode
Reset