Scholar’s Advanced Technological System 1261 รู้สึกไม่ดี

ตอนที่ 1261 รู้สึกไม่ดี

แต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเดือนธันวาคมก็มาถึง

ลู่โจวกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวที่กำลังบินจากปักกิ่งไปสตอกโฮล์ม เขาอ่านงานวิจัยในมือ แล้วในหัวก็เริ่มครุ่นคิดอย่างหนัก

ผู้ประพันธ์งานวิจัยในมือของเขาคือรูดี้ ด็อบริก ผู้นำทีมทดลองอนุภาคซีและผู้สังเกตการณ์คนแรกที่สังเกตปรากฏการณ์รบกวนของอนุภาคซีที่มีต่อแรงโน้มถ่วงในการทดลองมิติต่ำ

ศาสตราจารย์รูดี้ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในเรื่องนี้ออกมามากกว่าห้างาน

ข้อมูลที่เขาเก็บรวบรวมมาได้จากงานวิจัยทำให้ลู่โจวรู้สึกสนใจ ดังนั้นก่อนจะขึ้นเครื่องบิน เขาจึงขอให้ผู้ช่วยของเขาไปหาเครื่องพรินเตอร์ที่สนามบินแล้วพรินต์สำเนางานวิจัยนี้ออกมา

เฉินยู่ซานหันไปมองลู่โจวที่เอาแต่จ้องงานวิจัยในมือตั้งแต่เขาขึ้นเครื่องมา เธออดบ่นขึ้นมาไม่ได้ว่า “เราจะถึงสตอกโฮล์มอยู่แล้วนะ นายจะไม่พักหน่อยเหรอ?”

“พักเหรอ?” ลู่โจวทวนคำด้วยท่าทางสบายๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาว “ฉันก็รู้สึกกระฉับกระเฉงดีนะ”

“รอยคล้ำใต้ตานายบอกฉันอีกอย่างน่ะสิ” เฉินยู่ซานถอนหายใจแล้วว่าต่อ “นายเป็นตัวแทนของทั้งวงการวิชาการประเทศจีนนะ พอลงจากเครื่องปุ๊บก็จะมีนักข่าวเต็มไปหมด นายช่วยดูแลภาพลักษณ์ตัวเองสักหน่อยไม่ได้เหรอ?”

ลู่โจวยิ้มเจื่อน

“ฉันไม่สนหรอก เพราะอย่างไร…”

เฉินยู่ซานรู้ว่าลู่โจวกำลังจะพูดอะไรออกมา เธออดกลอกตาใส่เขาไม่ได้จริงๆ เธอหยิบงานวิจัยออกไปจากมือเขาพร้อมคว้าแขนของเขามาแล้วลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้

“มากับฉันเลย!”

เธอลากลู่โจวไปเข้าห้องน้ำ พลางหยิบบีบีครีมของผู้ชายที่เธอซื้อมาตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องบินออกมาจากกระเป๋า

“เดี๋ยวฉันทาให้”

“ผู้ชายเขาไม่แต่งหน้าหรอกนะ ฉันไม่เอาเจ้านี่ไปทาหน้าแน่ๆ ”

“พอกันที เลิกเล่นได้แล้ว พวกเรากำลังจะลงจากเครื่องแล้วนะ”

ลู่โจวอยากจะปฏิเสธ แต่เฉินยู่ซานก็เริ่มทาบีบีครีมให้เขาเรียบร้อย

ในห้องน้ำเล็กๆ มีพื้นที่ไม่มากนัก ลู่โจวมองมือและริมฝีปากของหญิงสาว จู่ๆ เขาก็พูดอะไรไม่ออก

จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอใกล้ชิดกับเขาขนาดนี้

ลู่โจวสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ และขนตาที่ไหวสั่นของเธอ…

เฉินยู่ซานกำลังโฟกัสอยู่กับการทาบีบีครีมให้เขา เธอไม่ได้สังเกตเลยว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

ขอบคุณสวรรค์ที่เธอไม่ได้สังเกต

ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขาเผลอสบตากัน บรรยากาศมันต้องไปไม่ถูกแน่ๆ

ลู่โจวได้กลิ่นแชมพูมะลิและน้ำหอมจางๆ มาจากหญิงสาว เขาพยายามควบคุมลมหายใจของตัวเองด้วยการกลั้นหายใจ

น้ำหอมอะไรเนี่ย??

หลังจากทาบีบีครีมเสร็จ ก็เหมือนเฉินยู่ซานจะติดลมไปเสียแล้ว เธอเริ่มหยิบที่กันคิ้วกับแว็กซ์ใส่ผมออกมา ลู่โจวสังเกตว่าผลิตภัณฑ์ดูแลแต่ละอย่างที่เธอหยิบออกมา มีแต่ของใหม่ๆ ทั้งนั้น

เห็นได้ชัดว่าเธอวางแผนจะทำอย่างนี้มาตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินแล้ว

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

ลู่โจวรู้สึกเหมือนสมองของตัวเองกำลังไหม้เกรียมแล้ว

เฉินยู่ซานเดินถอยหลังออกไปแล้วมองกลับมาทางลู่โจว เธอพยักหน้าอย่างพอใจแล้วใช้มือของเธอชูสองนิ้วอันเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะขึ้นมา

“เสร็จแล้ว!

ฉันนี่เก่งชะมัดเลย!

ลองส่องกระจกดูสิ นายหล่อขึ้นใช่ไหมล่ะ?”

ลู่โจว “อ้อ…”

“อะไรกัน? ทำไมนายหน้าแดงล่ะ?”

“เปล่า…”

เธอพยายามจะเอามือแตะหน้าผากของเขา แต่ลู่โจวค่อยๆ ปัดมือของเธอออกไป แล้วเขาก็รีบออกไปจากห้องน้ำ

เฉินยู่ซานอดยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ แต่ไม่นานหลังจากนั้นแก้มของเธอก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

“พระเจ้า…

หมอนี่หันไปทางอื่นบ้างไม่ได้หรือไง…”

เอาจริงๆ แล้ว บรรยากาศเมื่อกี้มันตึงเครียดมาก

แต่…

ปกติแล้วเขาจะเป็นคนจริงจังเอาการเอางานตลอด

นานๆ ทีถึงจะเห็นด้าน ‘เปิ่นๆ ‘ ของเขา

เธออดยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กๆ อีกรอบไม่ได้ แล้วเธอก็เห็นในกระจกว่าตัวเองกำลังยิ้มออกมา เธอรีบหุบยิ้มในทันควัน

“ใจเย็น ใจเย็นก่อน…”

เฉินยู่ซานลูบหน้าอกของเธอเบาๆ พลางรีบเก็บบีบีครีมกับที่กันคิ้วเข้ากระเป๋าเครื่องสำอาง เธอรอให้จังหวะหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจเธอกลับมาเป็นปกติ แล้วเธอจึงค่อยเดินออกจากห้องน้ำ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในระหว่างที่มีเครื่องบินเจ็ตต่อสู้สองลำบินขนาบมาด้วย เครื่องบินส่วนตัวสีเงินสว่างก็ลงจอดที่รันเวย์ของสนามบินสตอกโฮล์มอาร์ลันดาอย่างราบรื่น

นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ลู่โจวได้มาที่เมืองนี้

ทุกอย่างทุกอย่างในเมืองนี้ยังเหมือนกับตอนที่เขามาครั้งแรก

สิ่งเดียวที่ต่างไปคือตัวตนของเขาไม่ใช่แค่ ‘นักวิชาการ’ ธรรมดาๆ อีกต่อไป ผู้คนมองเขาต่างไปแล้ว

และข้อเท็จจริงนี้ก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่วินาทีที่เขาก้าวลงจากเครื่องบิน

ชายสูงวัยผมหงอกไว้เคราคนหนึ่งยืนอยู่ใจกลางพิธีต้อนรับ เขายิ้มและอ้าแขนมาหาลู่โจวที่กำลังเดินลงมาจากบันไดเครื่องบิน

“ยินดีต้อนรับนักวิชาการจากจีน! ยินดีต้อนรับ เพื่อนของผม!”

“ฮ่าฮ่า เจอกันอีกแล้วนะครับ คุณเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ก็สบายดีครับ!”

ลู่โจวเดินตรงไปกอดนักวิชาการสเตฟานเข้าเฮือกใหญ่ เขามองชายชราชาวไวกิ้งที่กระตือรือร้นแล้วพูดติดตลกว่า

“ผมเคยคิดว่าจะได้มาสตอกโฮล์มอย่างมากก็สองครั้ง ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มาถึงสามครั้งนะครับเนี่ย”

“โอ๊ย อย่าพูดอย่างนั้นสิ สตอกโฮล์มมีมากกว่าแค่รางวัลโนเบลนะ” นักวิชาการสเตฟานพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ตามผมมาสิ พวกเราจัดเตรียมโรงแรมที่หรูหราที่สุดในสตอกโฮล์มให้แขกที่เชิญมาเรียบร้อยแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะช่วยทำให้คุณหายเหนื่อยจากการเดินทางมาที่นี่”

ลู่โจวยิ้มแล้วพยักหน้า

“ขอบคุณครับ”

ท่านทูตจางจากสถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศจีนก็อยู่ที่นี่ รวมถึงเจ้าชายคาร์ล เฟรเดอริก รัชทายาทของราชวงศ์สวีเดนด้วย

ลู่โจวเคยเจอทุกคนที่นี่หมดแล้ว ยกเว้นเจ้าหญิงน้อยที่มีผมบลอนด์และดวงตาสีฟ้า พวกเขาทุกคนยกเว้นเธอต่างเป็นคนรู้จักสมัยก่อนของเขากันทั้งนั้น เขากอดพวกเขาทีละคน

“ในฐานะตัวแทนราชวงศ์แห่งกุสตาวุส หนูขอต้อนรับ…”

เด็กหญิงตัวน้อยที่อายุเพียงเจ็ดขวบกล่าวสวัสดีลู่โจวด้วยน้ำเสียงแบบเด็กๆ

แต่ดูเหมือนเธอจะลืมชื่อของลู่โจว หรือไม่ก็ไม่รู้ว่าควรจะออกเสียงชื่อของเขาอย่างไรดี จู่ๆ เด็กหญิงน้อยก็หยุดพูดเสียเฉยๆ

นักข่าวข้างๆ เธอกำลังถือกล้องอยู่ เจ้าชายเฟรเดอริกกำลังจะพูดแทนเธอ แต่เจ้าหญิงน้อยก็พูดต่อให้จบประโยคพอดีว่า “คุณนักวิชาการค่ะ หนูหวังว่าการเดินทางมาสตอกโฮล์มครั้งนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณอยากค้นหาความลับของจักรวาลนะคะ”

ลู่โจวยิ้มเช่นกัน เขาผงกหัวให้เธอ แล้วเขาก็พูดตอบด้วยภาษาอังกฤษที่ชำนาญว่า “ขอบคุณนะครับ เจ้าหญิงผู้น่ารักและชาญฉลาด ชื่อของผมคือลู่โจว พอจะช่วยบอกชื่อเธอหน่อยได้ไหม?”

เจ้าหญิงน้อยตอบ “คาร์ล ลิเลียค่ะ คุณเรียกหนูว่าเจ้าหญิงลิเลียก็ได้ค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เจ้าหญิงลิเลีย”

ลู่โจวยื่นมือของเขาออกไป

เจ้าหญิงน้อยเอียงคอด้วยท่าทางสับสน ดูเหมือนคุณครูสอนมารยาทของเธอจะไม่ได้สอนธรรมเนียมเรื่องการจับมือหลังจากโค้งคำนับนะ

หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งเธอก็แลบลิ้นออกมาด้วยท่าทางซุกซน แล้วยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร เธอก็รีบวิ่งหนีออกไปทันที

ลู่โจวชะงักไปเล็กน้อย เขายิ้มแล้วขยับมือขวาที่ยื่นออกไปเมื่อครู่กลับมาหาตัวเอง คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รู้สึกขำขันกับท่าทางน่ารักของเจ้าหญิงลิเลีย พวกเขาต่างหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

พิธีต้อนรับเสร็จสิ้นลงในที่สุด

กลุ่มคนเดินมาถึงรถขบวนเสด็จที่จอดอยู่ข้างถนน หวังเผิงเป็นฝ่ายเปิดประตูที่นั่งข้างหลังให้กับลู่โจวและเฉินยู่ซาน จากนั้นเขาก็ไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ

เจ้าหน้าที่จากกงสุลเป็นคนขับรถคันนี้ อันที่จริงเขาก็เป็นเพื่อนร่วมงานของหวังเผิงที่ทางสวีเดนเพิ่งจัดแจงให้มาทำหน้าที่นี้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกงสุลที่พาพวกเขามายังโรงแรมแกรนด์สตอกโฮล์ม

เฉินยู่ซานมองเจ้าหญิงน้อยโบกมือลาให้ลู่โจว เธออดคว้าแขนลู่โจวแล้วพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ว้าว เธอน่ารักจริงๆ เลย!”

“ใช่…”

เฉินยู่ซานพึมพำ “นี่นายโอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินใช่ไหม?”

“แน่นอน” ลู่โจวยังคงมองภาพนอกหน้าต่างอยู่ในขณะที่พูด “ฉันแปลกใจว่าที่นี่ไม่มีนักข่าวตอนที่ฉันลงมาจากเครื่องบินเลย”

อันที่จริงก็มีนักข่าวอยู่สองคน

แต่นี่ค่อนข้างแปลกเอามากๆ

เขายังจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่เขามาสตอกโฮล์ม นักข่าวยังเยอะจนแทบจะล้อมเครื่องบินเขาอยู่เลย

คนขับรถที่นั่งข้างหน้าเฉลยด้วยรอยยิ้มว่า

“หลักๆ ก็เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยแหละครับ พวกเราปรึกษากับหน่วยงานของสวีเดนที่นี่ สุดท้ายก็ตกลงติดต่อแค่ CTV กับสื่อในพื้นที่ของสตอกโฮล์มเท่านั้น ถ้าข่าวหลุดออกไปว่าคุณมาที่สนามบินล่ะก็ คงวุ่นวายโกลาหลกันแย่แน่ครับ”

ลู่โจวเพิ่งรู้ตัวว่านักข่าวไม่รู้ว่าเขามาถึงแล้ว

“อ้อ เข้าใจแล้ว”

นี่หมายความว่าที่เขาเอาบีบีครีมทาหน้าไปก็ไม่มีประโยชน์สินะ?

แต่ก็คงจะดีแล้วล่ะมั้ง ไม่อยากถูกถ่ายรูปเท่าไร

แต่ก็แอบรู้สึกไม่ดีแฮะ…

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 801 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน

ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง

ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา

จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล

“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”

“ไม่ได้”

“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”

“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”


Options

not work with dark mode
Reset