Monster Factory 30 คนโง่เง่า

ตอนที่ 30 คนโง่เง่า

Monster Factory ตอนที่ 30 คนโง่เง่า

 

ตอนที่ 30 คนโง่เง่า

 

ร้านเฉินจี๋อยู่ในอาคารหลังที่สามบนถนนไฉ่อี ตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวันจึงยากที่จะหาโต๊ะว่างในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงแบบนี้ แม้ว่าคุณจะจองล่วงหน้าแต่หากมาช้าก็ขออภัยด้วย ไม่มีโต๊ะว่างเหลือให้แล้ว

 

โต๊ะที่จองไว้นั้นอยู่ที่ชั้นหนึ่ง หลังจากนั่งลงและสั่งบรรดาเมนูพิเศษของร้าน จางจื่อตงก็ถามหาเหล้าคลาสสิกบลูหนึ่งขวด

 

“ถั่วปากอ้านึ่งของที่นี่เป็นกับแกล้มชั้นยอดเลย ลูกชิ้นปูก็ไม่เลวเหมือนกันนะ” จางจื่อตงช่วยเย่ชิง แกะจานช้อนส้อมล้างแก้วด้วยเหล้าเล็กน้อยแล้วรินเหล้าจนเต็มแก้ว

 

“เธอบอกว่าทํางานอยู่กับตํารวจเหรอ” ส่วนที่ดีที่สุดของเหล้าซีรีส์คลาสสิกบลูก็คือมันมีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำ อีกอย่างก็คือเย่ชิงไม่มีปัญหากับการดื่มเหล้าเลย พวกเขาทั้งสองคนสามารถดื่มขวดนี้หมดได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่รู้เลยว่าจางจื่อตงจะดื่มได้มากแค่ไหน ตอนที่ยังอยู่ในโรงเรียนมีข่าวลือไปทั่วว่าจางจื่อตงกลายเป็นศิษย์ของอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้เพื่อที่เธอจะได้เอาไปใช้ในการเป็นตํารวจ เธอคงจะไม่มีปัญหาในการรับมือกับไปจิวหรอกมั้ง

 

“ฉันอยากเป็นสมาชิกหน่วย SWAT ตั้งแต่เด็กแล้ว” จางจื่อตงเลิกคิ้วขณะมองไปที่เย่ชิง “ขอแนะนําตัวเองหน่อยละกัน ฉันคือจางจื่อตง ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรมพิเศษจงหยุนกลุ่มที่สอง”

 

“ยินดีด้วยที่ความฝันของเธอเป็นจริง” เย่ชิงเริ่มดื่มคนแรกและยื่นแก้วให้เธอ ย้อนกลับไปตอนนั้นเธอเป็นเพียงคนเดียวในพื้นที่ท้องถิ่นที่ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดของโรงเรียนตํารวจแห่งชาติ ตอนนี้เธอกลับมาแล้วกรมตํารวจจะไม่พากันแย่งตัวเธอได้อย่างไร

 

ตราบใดที่จางจื่อตงไม่ทําผิดพลาดร้ายแรงก็รับประกันได้เลยว่าเธอจะได้เลื่อนตําแหน่งอย่างรวดเร็ว เมื่อจางจื่อตงกําลังจะกระดก เย่ชิงก็หยุดเธอทันที “เดี๋ยวก่อน เธอไม่ได้หักห้ามไม่ให้ดื่มในขณะปฏิบัติหน้าที่เหรอ?”

 

“เพิ่งปิดคดีไป ฉันก็เลยได้พักตลอดทั้งบ่าย จากนั้นฉันถึงจะออกไปทํางานคืนนี้ตอนสามทุ่ม” ก่อนที่อาหารจะถูกเสิร์ฟ จางจื่อตงและเย่ชิงก็ดื่มไปคนละแก้ว เธอยิ้มหวาน “ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการได้อยู่แล้ว”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดื่มกันเถอะ!” เย่ชิงดื่มไปอีกครึ่งแก้วโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

 

“เยี่ยม!” จางจื้องยกนิ้วโป้งให้

 

เมื่อบริกรเสิร์ฟอาหารทุกจานที่พวกเขาสั่งแล้ว ความอยากอาหารของเย่ชิงก็ทํางานทันที ถั่วปากอ้าอุ่นๆและรสชาติที่ลืมไม่ลงบนลิ้นทําให้เย่ชิงอยากกินอีกเรื่อยๆ

 

“โอ๊ะ จริงด้วยสิ ตอนนี้นายกําลังทําอะไรอยู่เหรอ? จากการแต่งตัวของนายดูเหมือนว่านายจะประสบความสําเร็จแล้วนะ” มารยาทบนโต๊ะของจางจือตงนั้นช่างมีอารยธรรม ถ้วนึ่งที่เธอหยิบขึ้นมาจะถูกเปาเย็นลงก่อนที่จะใส่เข้าไปในปาก

 

“ฉันเปิดโรงงานที่ผลิตอุปกรณ์ราคาถูก” ไม่รู้ว่าทําไม แต่เมื่อเห็นการรับประทานอาหารของจางจื่อตงเย่ชิงก็รู้สึกเจริญตา

 

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ หัวหน้าเย่!” จางจื่อตงยกแก้วขึ้นมาอีกครั้ง “มา ขอให้ธุรกิจของนายประสบความสําเร็จและได้เป็นเศรษฐีคนหนึ่งในจงหยุน”

 

“ฉันก็หวังว่าเธอจะสามารถกําจัดความชั่วร้ายทั้งหมดในจงหยุนและกลายเป็นสิ่งบ่อนทําลายพวกคนชั่ว!”

 

“สิ่งบ่อนทําลายพวกคนชั่ว! ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว” จางจื่อตงหัวเราะอย่างบริสุทธิ์ใจ เธอดูน่าทึ่งและองอาจกว่าเดิม

 

เมื่อดื่มกับเพื่อน จะดื่มไปเท่าไรก็ไม่พอ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกับจางจื่อตงแต่บุคลิกที่อ่อนโยนและใจกว้างของเธอเป็นสิ่งที่เย่ชิงชื่นชมจริงๆ หลังจากดื่มเหล้ากับเย่ชิงไปแก้วแล้วแก้วเล่า ดวงตาน้ำของจางจื่อตงก็ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น แม้แต่ใบหน้าขาวราวหยกสีซีดของเธอก็ปรากฏรอยสีแดงๆขึ้นมา

 

ผมสลวยของเธอบางส่วนหลุดรุ่ยออกมาตามการเคลื่อนไหวคล้ายภาพวาดอันสวยงามของโลกภาพหนึ่ง สายตาที่คมชัดของเธอสูญเสียความองอาจที่เคยมีไปบ้างแต่ก็ถูกแทนที่ด้วยความสง่างามอันอ่อนโยน

 

อิจฉา ริษยา น้ำลายหก อยากได้..

 

ผู้ชายที่นั่งอยู่ในชั้นแรกของร้านไม่สามารถหยุดมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยบาปได้เลย และในเวลาเดียวกันพวกเขาก็พิจารณาเย่ชิงไปด้วย

 

ไม่ว่าพวกเขาจะอิจฉาหรือริษยาก็ตาม ไม่มีใครกล้าพอที่จะพยายามเข้าไปหาเธอ เสื้อผ้าราคาแพงของเย่ชิงและความมั่นใจที่เขามี ทั้งหมดนี้ทําให้พวกเขาสูญเสียความกล้าหาญไป แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนี้เหมือนกันและบุคลิกลักษณะของทุกคนก็ไม่เหมือนกัน

 

ทันทีที่แก๊งนักเลงวัยรุ่นเหยียบย่างบนถนนไฉ่อีก็หันไปหันมาไม่หยุดเหมือนป้อมปืนอัตโนมัติเพื่อสแกนผู้คนบนท้องถนนและในอาคารที่คล้ายตึกโบราณ เมื่อพวกเขาจับจ้องมาเย่ชิง ดวงตาก็พลันสว่างวาบ คนพวกนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกลุ่มที่เพิ่งสร้างความรําคาญให้แก่คนงานจากสํานักงานการก่อสร้างเมือง เฉียนเสี่ยวเมิ่งและเพื่อนๆปัญญานิมของเขานั้นเอง

 

“อ่า ไง – “ เฉียนเสี่ยวเมิ่งก้าวไปข้างหน้า ทําท่าราวกับจะจับอาชญากรที่กระทําผิดอยู่ “ตอนที่ฉันเห็นรถตู้ของแกฉันก็รู้ว่าแกอยู่บนถนนไฉอี เยี่ยมเลย ตอนนี้แกมีเงินแล้ว แถมยังดื่มบลูส์อีกด้วยว่ะ”

 

“รีบจ่ายมาซะดีๆ ค่ารักษาพยาบาลที่แกซ้อมฉันครั้งก่อน แล้วก็มีค่าธรรมเนียมการลาออกของลุง ค่าบํารุง …” เฉียนเสี่ยวเมิ่งร่ายรายการค่าธรรมเนียมจํานวนมากออกมาอย่างตื่นเต้นและขณะที่กําลังเตรียมจะบอกตัวเลขมหาศาลก็ดูเหมือนเขาจะตื่นตะลึงเพราะจางจื่อตงใช้ดวงตาที่พร่ามัวเล็กน้อย แต่ก็ยังใสบริสุทธิ์มองมาที่เขา

 

เพื่อนที่ติดตามมาด้วยก็ตกตะลึงเช่นกัน หญิงสาวที่สวยและสง่างามเช่นนี้ทําให้พวกเขาตกใจอย่างสมบูรณ์ พวกเขาไม่เคยเห็นหรือคิดว่าจะเจอคนแบบนี้เลย เวลาผ่านไปสองสามวินาที ในที่สุดพวกเขาก็หายช็อคจากนั้นก็หัวเราะออกมาดังๆ “คนสวย คุณถูกไอ้เด็กนี่หลอกแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีอะไรดีเลย”

 

“อีกไม่นานเราจะขับรถของเขาออกไป คุณอยู่ที่ไหนเหรอ เราขับรถของเขาไปส่งคุณได้นะ” ใครบางคนที่เย่ชิงไม่เคยเจอมาก่อนก้าวออกมาข้างหน้าและใช้มือใหญ่ๆของเขาตบไหล่บอบบางของจางจื้อตงอย่างไม่เกรงกลัว

 

“แกน่ะ รีบส่งกุญแจรถมาให้เรา เราต้องไปเปลี่ยนการลงทะเบียนรถอีกนะ”

 

บางครั้งความงามก็อาจเป็นบาป เดิมผู้ชายคนนี้กะว่าจะแสดงความกล้าหาญต่อหน้าคนทั้งหมดโดยการตบไหล่จางจื่อตง แต่ตอนที่มือของเขากําลังจะเอื้อมไปจับใบหน้าสวยเย่ชิงยืนขึ้นทันที เขาหยิบขวดบลูที่ดื่มไปเกือบหมดขึ้นมาและกําลังจะบอกให้ชายคนนั้นหยุด ดวงตาที่พร่ามัวของจางจื่อตงพลันกระจ่างใสขึ้นมา ก่อนที่มือของเขาจะแตะใบหน้าของเธอ ขาเรียวสวยราวกับหยกก็เตะขึ้นสูงผ่านผมของเธอ แล้วคนโง่เง่านั้นก็ถูกเตะไปที่ประตูราวกับหอกพุ่ง

 

ไม่มีใครเห็นชัดว่าจางจื่อตงที่กําลังนั่งอยู่สวยๆนั้นเคลื่อนไหวด้วยยิวยิตสูระดับมาสเตอร์นี้ได้อย่างไร มันเร็วเกินไปจริงๆ ก่อนที่ชายคนนี้จะมีโอกาสตะโกนออกมาเขาก็ร่วงลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างแรงแล้ว

 

จางจื่อตงยังคงยกขาค้างไว้ เหนือรองเท้าหนังคู่เล็กสีน้ำตาลนั้นเผยให้เห็นข้อเท้างามราวหิมะสีขาวและขาเรียวที่ทรงพลัง มันทําให้ลูกค้าในร้านตกใจมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีความสุข ไม่มีใครหยุดกลืนน้ำลายได้เลย

 

เย่ชิงที่ยืนอยู่ก็ตกตะลึงเช่นกัน ขวดที่เขาเตรียมไว้ตีหัวใครบางคนยังมีเหล้าหยดออกมา ลูกค้าคนอื่นไม่เห็นชัดแต่เย่ชิงที่อยู่ตรงข้ามกับเธอเห็นหมดทุกอย่าง จางจื่อตงดีดขาออกไปราวกับสายฟ้าโจมตีไปที่เจ้าคนโง่เง่าที่อยู่ข้างหลังเธอโดยไม่ต้องหันศีรษะหรือขยับไปไหนเลย อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆและเย่ชิงไม่มีใครคิดเลยว่าผู้หญิงที่สวยเหมือนภาพวาดนั้นจะเตะชายหนุ่มให้ลอยไปได้อย่างนั้น

 

นี่

 

นี่ …

 

เย่ชิงสาบานเลยว่าแม้แต่บทบาทที่สี่หนิงกงแสดงในภาพยนตร์ที่เพิ่งฉายไปในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิปีนี้ก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่จางจื่อตงเพิ่งแสดงให้เห็น เมื่อพิจารณามาถึงตรงนี้เย่ชิงก็ดีใจมากที่เขาไม่ได้พยายามจู่โจมจางจื่อตงสมัยมัธยม มิฉะนั้นคงจะกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะของทั้งโรงเรียนอย่างแน่นอนที่เขาไม่สามารถเอาชนะหญิงสาวที่อ่อนโยนและบอบบางได้

 

จางจื่อตงเตะออกไปหนึ่งคนแต่ดูแล้วเธอคงไม่ปล่อยให้เฉียนเสี่ยวเมิ่งหลุดไปได้แน่ “คุณเห็นกฎหมายเป็นอะไร นี่คิดจะปล้นกันกลางวันแสกๆเลยหรือ”

 

“คุณ … คุณจะทําอะไร” เฉียนเสี่ยวเมิ่งและพวกตกตะลึงกันไปหมด เย่ชิงกระโดดขึ้นจากเก้าอี้และเตะเข้าที่ท้องเฉียนเสี่ยวเมิ่งทันที ถึงแม้ว่าเย่ชิงจะไม่ได้รับการฝึกฝนมาก่อนแต่เขามักจะเคลื่อนย้ายเครื่องจักรกลหนักๆตลอดเวลาที่อยู่ในโรงงานจึงมีโอกาสได้ออกกําลังกายเสมอ การเตะครั้งนี้ให้เฉียนเสี่ยวเมิ่งกระเด็นออกจากร้านอาหารและกลิ้งไปบนถนน

 

“บ้าเอ๊ย ฉันจะฆ่าแก!” หลังจากแพ้มาอย่างต่อเนื่องด้วยน้ำมือของเย่ชิง เฉียนเสี่ยวเมิ่งก็จมอยู่ในความโกรธของตัวเอง

 

“พวกแกรออะไรอยู่ ไปจับมันสิ!” ใบหน้าเฉียนเสี่ยวเมิ่งที่พยายามจะลุกขึ้นแสดงถึงความโกรธเกรี้ยว เย่ชิงก็โกรธเหมือนกัน ตอนอยู่โรงพยาบาลเขาไม่มีโอกาสสอนบทเรียนให้คนพวกนี้ ที่เจียงชานการก่อสร้างก็มีซางฉิงคอยเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหว ตอนนี้เขาอยากจะสอนพวกปัญญานิ่มนี้ให้รู้ว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีคืออะไร

 

เย่ชิงทุบขวดในมือลงบนหัวของใครคนหนึ่ง ดึงเขาขึ้นมาและโยนลงบนพื้นเหมือนโยนถุงใบหนึ่ง ส่วนอีกสี่คนที่เหลือ หนึ่งในนั้นกําลังแกล้งตายอยู่บนพื้นและคนอื่นๆที่เคยทําตัวกร่าง ตอนนี้ล้วนยืนสั่นเทาอยู่ข้างๆเหมือนนกกระทา

 

พวกเขาอยากได้รถตู้ของเย่ชิงและคิดว่าโรงงานของเยชิงกําลังจะล้มละลายดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะจ่ายค่าเสียหายได้ พวกเขาเพิ่งจะใช้ข้ออ้างในการเรียกร้องค่าชดเชยให้แก่ลุงเพื่อเอารถไป แต่ใครจะรู้ว่าชายหญิงสองคนนี้ดุร้ายยิ่ง พวกเขาไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นแต่กลับชกตีก่อนแล้วค่อยมาถามที่หลัง

 

จางจื่อตงกําลังเฝ้าดูอยู่ข้างๆอย่างสนอกสนใจในการต่อสู้นี้ หากเย่ชิงไม่ได้ใช้หมัดโจมตี เขาก็จะใช้เท้าเตะ แม้ว่าการชกและเตะทุกครั้งจะหนักหน่วงแต่ก็หลีกเลี่ยงส่วนสําคัญของร่างกาย

 

“พอแล้ว พอแล้ว ” จางจื่อตงไม่อยากให้เย่ชิงเดือดร้อน เมื่อเห็นว่าบทเรียนนั้นได้รับการสอนแล้ว เธอก็ไปห้ามปรามไม่ให้เขาเจอปัญหาในภายหลัง

 

“ถ้าอยากมีเรื่องก็โทรไปเรียกเจ้านายของนายมาสิ” เย่ชิงพูดขึ้นมาแล้วเตะอีกสองสามครั้ง “ไอ้พวกงี่เง่า พวกนายควรหยุดทําให้ตัวเองขายหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกได้แล้ว”

 

“จะ เจ้านายถูกจับเพราะเมาแล้วขับ .. เขา เขาก็เลยถูกกักตัวไว้

 ..“ พรรคพวกคนหนึ่งที่ตัวสั่นเทาหวาดกลัวจนไม่รู้จะทําอย่างไรตอบออกมาอย่างเสียหน้า

Monster Factory

Monster Factory

Score 10
Status: Completed

เรื่องย่อ

 

ผมชื่อเย่ชิง โชคดีจริงๆที่ผมไปเจอแอปพลิเคชัน [โรงงานมอนสเตอร์]

 

มอนสเตอร์ที่แข็งแรงสุดๆพวกนี้เทียบได้กับคนกว่าร้อยคนเลยทีเดียวแถมยังใช้ทักษะได้ทุกชนิดเลยล่ะ!

 

ประสิทธิภาพเหรอ? ด้วยความเร็วของทักษะในการทำงาน +300 ยังอยากจะแข่งกับมันไหมล่ะ?

 

ความแม่นยำเหรอ? *แค่ก แค่ก* เอาไดอัลคาลิปเปอร์ระดับตำนานมาซิ แสดงให้พวกเขาเห็นหน่อยว่าความแม่นยำอย่างสมบูรณ์แบบน่ะมันเป็นยังไง

 

เย่ชิง: เมื่อเรา ผมหมายถึงมนุษย์น่ะ อยากจะประสบความสำเร็จเราจะหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา

 

เหล่ามอนเตอร์: อย่ามาเล่นแง่กับพวกข้า การสร้างสรรค์เครื่องจักรที่สุดยอดคือความรักและชีวิตของพวกข้า ร่างกายที่แกร่งกล้านี้คือเครื่องมือทำมาหากินของข้า

 

เหล่ามอนสเตอร์สูง 20 เมตร ร่างเปลือยดูป่าเถื่อนถือเครื่องตัดอันทรงพลังแล้วตะโกนก้องใส่ฟ้า: “ข้าไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น! พวกมันล้วนเป็นขยะทั้งสิ้น!”

Options

not work with dark mode
Reset