Ihoujin, Dungeon ni Moguru 2: The Foreigner, Can’t Explore the Dungeon I

ตอนที่ 2: The Foreigner, Can’t Explore the Dungeon I

ดูเหมือนป้อมปราการขนาดใหญ่ในอดีต มากกว่าเมืองในยุคกลางที่สร้างมาจากหิน

เมื่อฉันเดินเข้าไปในประตูก็พบกับเมืองที่มีชีวิตชีวาอย่างล้นหลาม

มีเกวียนบรรทุกสัมภาระมากมายกำลังขนของอย่างเร่งรีบอยู่เต็มถนนที่สร้างมาจากหิน ร้านแผงลอยข้างทางต่างเต็มไปด้วยผู้คน มีเสียงกึกก้องดังมาจากช่างตีเหล็กเป็นครั้งเป็นคราว มีเหล่าสาวหูสัตว์สวยๆ ตามพยายามดึงดูดลูกค้าอย่างเต็มที่ ฉันสงสัยว่าพวกคนที่พกอาวุธหลายอย่างที่มุงดูอยู่หน้าร้านจะเป็นพวกนักผจญภัยหรือเปล่า สาวสวยจากหลายเผ่าที่ฉันไม่อาจละสายตาได้เลยเช่นสาวผมบลอนด์ผิวสีพอร์ชเลน*สุดสวยที่ตัวสูงๆจากเผ่าเอลฟ์ สาวสวยมีหางผมสีแดงดั่งเปลวไฟโหมกระหน่ำที่กล้าเผยผิวและเกล็ดตามตัว ผู้หญิงมีเสน่ห์ที่ถือไม้เท้ายาวกว่าตัวเองมีขาม้วนเหมือนแกะและมีขนตามตัว ฉันรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นอัศวินหญิงสวมชุดเกาะเต็มตัวเหมือนกับที่เคยเห็นในเกมอยู่ด้วย ถ้ามีโอกาสล่ะก็ฉันจะขอให้เธอเข้าร่วมเป็นสมาชิกปาร์ตี้

มีกลิ่นเครื่องเทศแปลกๆ กลิ่นน่ารังเกียจของยารักษา กลิ่นน้ำหอมของคนที่เดินผ่านไปมา เสียงกระแทกของเหล็กและประกายไฟ ฝูงชนแออัดที่เดินเบียดกันยาวไปจนถึงขอบถนน เมื่อส่องเข้าไปในซอยเล็กๆตามถนนก็จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นของอาชญากรรม

ไม่มีความรู้สึกแบ่งแยกที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่มักจะได้รับเมื่อเดินทางไปยังต่างประเทศ หลากหลายเชื้อชาติ หน้าตา เผ่าพันธุ์ สีผิวต่างๆ ภูติและปีศาจจากตำนาน ผสมปนเปรกันอย่างวุ่นวาย ทุกๆที่ที่ฉันมองไปก็จะเห็น สิ่งมีชีวิตแปลกๆมากมายเต็มไปหมด แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ

ตอนแรกฉันก็กังวลว่าฉันจะเด่นกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาซะอีกแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นสินะ

เมื่อเทียบกับคนที่มีปีกสีสันสดใสอยู่ข้างหลังหรือคนที่มี 3 ตาคนญี่ปุ่นอย่างฉันดูจืดชืดไปเลย ต่อให้ชั้นจะโกนหัวมัดจุกแบบซามูไรสวมชุดกิโมโนและถือดาบคาตานะไว้ก็ตาม ฉันก็ยังคงดูจืดจางเมื่อเทียบกับคนพวกนี้อยู่ดี

ดูเหมือนแม่น้ำที่คุณเกโดได้หายตัวไปจะเชื่อมต่อไปที่เมืองสินะ ดูเหมือนจะมีแหล่งน้ำอื่นๆอยู่ด้วย จากการสำรวจ ของมาคินะพบว่า มีการวางผังน้ำและมีการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียอย่างง่ายอยู่ทั่วตัวเมืองและมีสิ่งอำนวยสะดวก เหมือนโรงอาบน้ำสร้างขึ้นมาอยู่ไปทั่ว ซึ่งหมายความว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เป็นทรัพยากรมีคุณสมบัติทีติดไฟได้ง่าย

ถนนที่มุ่งหน้าเข้าไปสู่ดันเจี้ยนนั้นมีลักษณะเป็นทางตรง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องระบุตำแหน่งบนอุปกรณ์สำหรับนำทาง อีกทั้งสถานที่เป้าหมายมีขนาดใหญ่มากจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลงทาง

พวกเรามาถึงถึงข้างหน้าดันเจี้ยนโดยใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 20 นาที

ใหญ่ชะมัด

เมื่อฉันมามองดูอยู่ข้างใต้ขนาดของมันใหญ่นั้นใหญ่โตมโหฬารมาก จากการคำนวนเชิงโครงสร้างของมาคินา ดูเหมือนว่าแม้แต่ส่วนที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินเองก็ไม่สามารถใช้วัสดุที่ทันสมัยใดๆในปัจจุบันสร้างเลียนแบบขึ้นมาได้แบบได้ วัสดุนี่มีคุณสมบัติคล้ายกับงาช้าง ถึงอย่างนั้นก็เถอะฉันควรเก็บชิ้นส่วนชิ้นเล็กเอาไปวิเคราะห์ส่วนประกอบ เผื่อว่าในกรณีสุดท้ายฉันอาจจะต้องใช้ระเบิดทีเอ็นทีระเบิดเพื่อเอาไว้สร้างรูสำหรับหลบหนี ดังนั้นฉันจะต้องทำให้แน่ใจว่ามันสามารถทำลายได้

เมื่อเดินตามฝูงชนเข้าไปฉันก็พบกับทางเข้าอย่างรวดเร็ว แทนที่จะเรียกว่าทางเข้ามันก็เป็นเพียงแค่รูที่ถูกบางสิ่งบางอย่างพัง

ภายนี้ทั้งชั้นมีการใช้งานทั้งหมด

มีกลิ่นของเนื้อและเหล้าลอยโชยมา บาร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างในเต็มไปด้วยคนเมาถึงแม้ข้างนอกจะเป็นช่วงเวลา กลางวันก็เถอะ ดูเหมือนไม่ว่าจะโลกไหนเหล้าก็ทำให้กลายคนโง่เหมือนๆกัน มีกระดานขนาดใหญ่ที่มีกระดาษติดอยู่อย่างสะเปะสะปะ บางทีพวกนั้นอาจจะใบเป็นคำขอร้องต่างๆ?

สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากที่สุดคือ มันมีประตูมิติไว้สำหรับให้นักผจญภัยใช้เดินเข้าเดินออก

{ประตูมีความเสถียรมาก น่าสนใจแฮะ}

[ประตูมิติเป็นเทคโนโลยีจากต่างโลก?]

มาคินาเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน

แล้วฉันก็พบกับอะไรที่ดูเหมือนแผนกต้อนรับ คุณผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนพนักงานต้อนรับกำลังติดต่อกับนักผจญภัย เนื่องจากมีเคาน์เตอร์อยู่หลายอันฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะต่อแถวไหนดี

[มาคินา เป็นไปได้ไหมที่จะทำการวิเคราะห์ภาษาที่ใช้?]

{อยู่ระหว่างดำเนินการ ทำการสอบถามพนักงานน่าจะเร็วกว่า}

[ใช่เลย]

ถูกต้องที่สุด

ฉันจึงถามคนที่ถือแฟ้มเอกสารจำนวนมากที่บังเอิญเดินผ่านมา

[พอดีว่าผมเพิ่งมาครั้งแรกน่ะครับ เลยไม่รู้ว่าต้องต่อแถวที่ไหน]

[ค่ะ ถ้าเช่นนั้นคุณควรจะเริ่มต้นด้วยการลงทะเบียนเป็นนักผจญภัย จากนั้นก็ทำการสอบเพื่อขอใบอนุญาตในการ สำรวจดันเจี้ยนที่เคาน์เตอร์ทางด้านซ้ายค่ะ]

คุณผู้หญิงที่มีหางและเกล็ดบอกฉันด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส

โชคดีที่ไม่มีคนต่อแถว ฉันเลยตรงดิ่งไปนั่งบนเก้าอี้ตรงเคาน์เตอร์ที่มีผู้หญิงที่มีเขาสองข้างกำลังทำหน้าตาไร้อารมณ์ อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ ผมยาวสีเงินของเธอช่างงดงาม

[………………อะไร?]

เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นมาก

[คือ ผมต้องการที่จะสำรวจดันเจี้ยน ผมได้ยินมาว่าสามารถกรอกเอกสารลงทะเบียนได้ที่นี่ครับ]

[เข้าใจแล้วค่ะ คุณน่าจะพูดตั้งแต่แรกนะคะ]

[ขอโทษครับ]

พนักงานต้อนรับคนนี้น่ากลัว แรงกดดันของเธอน่าทึ่งมากรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายเลย

[ถ้าอย่างนั้นกรุณากรอกเอกสารที่จำเป็นค่ะ]

แผ่นหนังที่ดูท่าทางเหมือนกระดาษถูกยื่นมาพร้อมกับน้ำหมึกและปากกา ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรเขียนอะไร

[ขอ ขอโทษครับ ผมยังไม่รู้วิธีเขียนภาษาของที่นี่]

[เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างงั้นฉันจะเป็นคนกรอกเอกสารให้เอง ถ้าอย่างงั้นฉันเป็นคนอ่านนคำถามให้ฟังนะค่ะ]

[ครับ ขอบคุณครับ]

[มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ]

แผ่นหนังที่ดูท่าทางเหมือนกระดาษถูกหมุนกลับด้าน

[คุณเคยลงทะเบียนสมัครเป็นนักผจญภัยกับกิลด์ที่อื่นหรือเปล่าคะ?]

[ไม่เคยครับ]

[เด็กใหม่สินะ ขอชื่อกับภูมิลำเนาด้วยค่ะ]

[โชวยะจากญี่ปุ่น]

[ญี่ปุ่น? เป็นชื่อสถานที่ที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยค่ะ คุณมาจากทวีปซ้ายรึเปล่าคะ?]

[จากข้างนอกครับ จะพูดให้ถูกคือจากต่างโลก]

แล้วฉันก็รู้สึกเสียใจทันทีที่เผลอหลุดปากออกไป ไม่นะ นี่ฉันควรจะเก็บไว้เป็นความลับหรือเปล่า? เราไม่เคยได้ทำสิ่งใดที่เป็นที่น่ายกย่องหรือทำตัวให้มีประโยชน์กับพวกเขาเหล่านี้มาก่อน แล้วแบบนี้ฉันจะถูกไล่รึป่าว อา… นี่เป็นปัญหาพื้นฐานเลยความจริงในอดีตที่พวกเราเคยมาที่นี่มาก่อนถูกเก็บไว้เป็นความลับหรือเปล่า?

จากนั้นมาคินาก็ส่งเสียงกระซิบ

{ท้ายที่สุดมันก็เป็นเพียงเเค่สิ่งที่สื่อต่างๆพากันนำเสนอไปเอง เอาเป็นว่ามาคินาจะแอบปล่อยโดนเข้าไปทำการแก้ไขเอกสารหรือเผาทิ้งถ้าหากพบว่าข้อมูลนี้มันจะนำไปมาสู่อันตราย การโกหกแบบผิวเผินอาจจะทำให้เราถูก มองเป็นคนน่าสงสัยได้ ดังนั้นการบอกความจริงถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในสถานการณ์อย่างนี้}

เข้าใจแล้ว

[โอ้โห คนเป็นชาวต่างโลกสินะ ทุกวันนี้หายากมากเลย]

เธอเขียนลงในเอกสารเหมือนเป็นเรื่องปกติ

[จุดประสงค์ของคุณในการเยี่ยมชมดันเจี้ยนแห่งนี้คืออะไรคะ?]

[เงินครับ]

[เงินสิน่ะ เข้าใจแล้วค่ะแต่มีข้อแม้สำคัญอยู่ข้อหนึ่ง ตามกฏของดันเจี้ยนแห่งนี้ถ้าหากได้เงินจากการสำรวจในหนึ่งครั้งมีมูลค่ามากกว่า 50 เหรียญทองละก็กรุณาอย่าลืมจ่ายภาษี 10 เปอร์เซ็นต์ให้กับอาณาจักรเลมูเรียภายในระยะเวลาเจ็ดวันหลังจากที่บริษัทพ่อค้าทำการประเมินราคาเสร็จสิ้น โดยสามารถชำระในรูปแบบพันธบัตรของทวีปกลาง เหรียญทอง หรือแม้แต่วัตถุดิบจากดันเจี้ยน ในกรณีที่ไม่ได้ชำระในระยะเวลาที่กำหนดหรือชำระไม่ทัน อุปกรณ์ทั้งหมดของคุณจะถูกริบ ถ้าหากคุณไม่อยากจะเปลือยเปล่าและทิ้งลงท่อระบายน้ำล่ะก็ กรุณาอย่าทำอะไรโง่ๆนะค่ะ]

[ครับ!]

โคตรโหด

[คุณมีอาการผิดปกติใดๆเกี่ยวกับร่างกายและจิตใจหรือไม่? นอกจากนี้ คุณมีอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับเวทย์มนตร์ หรือเคยมีใครสาปแช่งสายเลือดและตระกูลของคุณหรือเปล่า หรือว่าคุณเคยมีญาติที่เป็นโรคติดต่อหรือไม่?]

[ไม่เลยครับ]

ข้อดีเพียงอย่างเดียวของฉันคือสุขภาพแข็งแรงอะนะ

[คุณมีความเกลียดชัง รังเกียจ หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อเผ่าพันธุ์ ศาสนา ประเทศโดยเฉพาะเจาะจงหรือไม่? นอกจากนี้ คนมีความรู้สึกในแง่ลบเหล่านี้มุ่งไปที่คนอื่นหรือไม่?]

[ไม่มีครับ]

ฉันพยายามตอบๆให้จบไป แต่เรื่องความขัดแย้งในทีมก่อนที่จะข้ามประตูทำให้ฉันคิดหนัก ฉันอยู่ในจุดที่ยากลำบากแล้วสิ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะนับความขัดแย้งที่เกิดจากวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยจากสมาชิกทีมมารวมเข้าไปด้วย

[อะไร?]

[ไม่แน่อาจจะมีคนที่ไม่พอใจผมก็ได้]

แล้วคุณผู้หญิงคนนั้นใช้สายตามองแรง

[ถ้าหากไม่ชัดเจนล่ะก็ ฉันคงขอที่จะไม่เขียนมันลงไป มันอาจจะไม่มีอะไรให้คุณต้องกังวล การสำรวจดันเจี้ยนเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว ถ้าหากคุณเพิ่มสมาชิกในปาร์ตี้คุณก็จะสร้างศัตรูไปพร้อมกัน หากคุณได้รับชื่อเสียงคุณก็จะได้รับความอิจฉาริษยาและความไม่พอใจเป็นสองเท่า สิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณคือคุณได้เตรียมใจที่จะถูกคนอื่นบดขยี้หรีอยัง]

[ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ไม่มีปัญหา]

ยังไงฉันก็เป็นหมาจนตรอกอยู่แล้ว ฉันจะใช้ทัศนคติเชิงลบของคนอื่นมาเป็นแรงผลักดันตัวเอง

[ฉันจะต่อแล้วนะ ก่อนหน้านี้คนทำอาชีพอะไร?]

[ทหารรับจ้างครับ]

ถึงจะไม่ถูกไปหมดก็ตาม แต่มันก็เป็นอะไรที่คล้ายอย่างนั้นละนะ

[คนนับถือศาสนาอะไรอยู่รึเปล่า?]

อืมม แม้ฉันจะเป็นชาวพุทธแค่ในนามก็เถอะ อ๋อ!ถ้าจะให้พูดกว้างๆสำหรับคนญี่ปุ่นแล้วละก็

[ผมนับถือนิกายชินโต]

[ชินโตใช่ไหม? ดูเหมือนว่าฉันจะไม่รู้จักคุณพอจะให้คำอธิบายเพิ่มเติมได้ไหมค่ะ?]

[เป็นศาสนาที่ใจกว้างพอที่จะยอมรับพระเจ้าจากศาสนาอื่น ไม่มีศีลที่ชัดเจนแต่พวกเราเห็นคุณค่าของธรรมชาติและชีวิต โดยเฉพาะเมื่อเรากิน เรารู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับอาหารแต่ในแต่ละมื้อ เราจะปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมในฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง และรู้สึกละอายใจกับการกระทำที่ไม่เหมาะสม มันรู้สึกเหมือนกับการสะสมสิ่งของนุ่มฟูน่ารัก สำหรับคนญี่ปุ่นให้อารมณ์ประมาณนั้นแหล่ะ]

ยิ่งฉันพูดมากเท่าไหร่ ฉันก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูดมากเท่านั้น

[มีพระเจ้าหลายองค์ ไม่จุกจิกกับศาสนาอื่น ไม่มีข้อห้ามตายตัว กินอาหารอย่างอร่อย เป็นการให้คุณค่าแบบญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใคร]

ฉันคิดว่าน่าจะอธิบายถูกล่ะ

[ต่อไป ช่วยบอกชื่อของเทพเจ้าที่คุณทำสัญญาด้วยค่ะ?]

[เอ๊ะ?]

[ชื่อของเทพเจ้าที่คุณทำสัญญาด้วย]

ฉันรู้สึกเหมือนสมองหยุดทำงานชั่วขณะ

ชั้นไม่ได้สงสัยอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับเทพเจ้าในยุคใหม่ แต่เทพเจ้าที่อยู่เคียงข้างฉันในตอนนี้เป็นเพียงแค่การบูชา รูปปั้นหรือภาพวาดเท่านั้น และในขณะที่ทำการสวดมนต์ พวกเราก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเป็นพิเศษ จึงไม่มี การทำสัญญาอะไรนั่นหรอก

[อืม สัญญาอะไรนั่นน่ะผมไม่มีมันหรอกนะ]

[เข้าใจแล้ว]

[มันแย่ไหม?]

คุณผู้หญิงไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงกับคำถาม

[ฉันคิดว่ามันไม่ปกติหรอกนะ แต่ว่ามันก็มีหลายคนที่ผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับเทพเจ้าจนถูกถอนสัญญา ในขณะที่ หลายคนที่ยกเลิกสัญญาเนื่องจากหมดสิ้นศรัทธา เคยมีบางคนที่เกิดมาจากสายเลือดที่ปฏิเสธพร หากจะให้ฉันพูดว่าดีหรือแย่ มันก็ไม่ได้เลวร้ายหรอกนะยังมีอีกหลายคนที่หน้าสงสารและโชคร้ายยิ่งกว่า]

[ดีแล้วละ]

ฉันรู้สึกโล่งใจ

[ก็แค่คุณเข้าไปสำรวจดันเจี้ยนไม่ได้เท่านั้นเอง]

แม้ว่าผู้คนจะรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง และรู้สึกอยากจะร้องไห้ยังไง พวกเขายังรู้สึกหิวอยู่ดี

เมื่อคุณอยู่ในเมือง คุณก็จะสามารถตอบสนองความหิวของคุณได้อย่างไม่มีปัญหาถ้าหากคุณมีเงินล่ะก็นะ

ถ้าหากฉันไม่มีเงินล่ะก็ฉันคงรู้สึกสิ้นหวังอย่างแรง

ฉันใช้แผนที่ที่ได้รับมาชักพนักงานต้อนรับเพื่อเดินทางไปยังโรงรับจำนำ

โรงรับจำนำนั้นอยู่ห่างจากถนนหลักและอยู่ห่างไกลจากเสียงทุบตี เมื่อฉันเปิดประตูเหล็กกันขโมย พนักงานของร้านที่ดูอ่อนเยาว์ก็มาหาฉันด้วยรอยยิ้มธุรกิจ

[ยินดีต้อนรับครับ วันนี้มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?]

บริเวณข้างในมืดมากตรงกันข้ามกับเสียงที่ดูสดใส มีการออกแบบร้านคล้ายคลึงกับตะวันออกกลาง และมี ตราชั่ง หลากหลายขนาดอยู่เต็มไปทั่ว และบริเวณเคาน์เตอร์ร้านขายของก็มีชายฉกรรจ์ที่ดูเหมือนนักเลงถือ scimitar(ดาบสั้น) เดินตามหลังฉันเข้ามาในห้อง

[ฉันต้องการเปลี่ยนเจ้านี่เป็นเงินที่คนที่นี่ใช้กัน]

ฉันวางแท่งทองไว้บนโต๊ะ

ฉันหยิบมาจากตู้คอนเทนเนอร์เพื่อไว้ใช้หาเงินทุน แต่ตู้คอนเทนเนอร์ได้รับความเสียหายและเหลืออยู่แค่สามอันกับอีกครึ่งหนึ่ง

[กรุณารอสักครู่]

พนักงานของร้านพยายามเช็ดแท่งทองด้วยผ้าจากนั้นก็ทำการตรวจสอบจากทุกมุม

[คุณลูกค้าครับ คนได้ขูดรอยตำหนิที่ทำไว้ออกไปหรือเปล่าครับ?]

[ไม่ ผมเผลอทำรอยตำหนิหายไปเองจากอุบัติเหตุน่ะ]

[ฮาฮาฮา เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้เหมือนกันแหละ]

ชายคนนั้นยิ้มถึงหู ทองคำแท่งถูกนำไปวางไว้บนตราชั่งและถุงที่มีทรายอยู่ถูกนำมาวางอีกด้านเพื่อทำให้ตราชั่งนั้นสมดุล จากนั้นก็นำถุงทรายมาวางบนตราชั่งอันใหม่คราวนี้โลหะชิ้นเล็กๆถูกนำมาแทนแท่งทองจนทั่งสองข้างสมดุล

[40 เหรียญทอง 8 เหรียญเงิน นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่เข้มงวดและยุติธรรมโดยบริษัทนกฮูกราตรีซาวัว คุณลูกค้าต้องการที่จะประเมินที่บริษัทอื่นหรือไม่?]

มันมีมูลค่ามากกว่าทีมาคินาประเมินไว้ 5 เหรียญทอง

[ไม่ล่ะ ไม่เป็นไร แต่ฉันอยากแลกบางส่วนเป็นเหรียญทองแดงไว้บ้าง]

[ไม่มีปัญหาครับ]

10 เหรียญทองแดงมีค่า 1 เหรียญเงิน

10 เหรียญเงินมีค่า 1 เหรียญทอง 

เว้นเสียแต่จะเกิดวิกฤติทางการเงินที่ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินไม่เหมือนเดิม

[ฉันอยากได้เหรียญทองแดง 50 เหรียญ เหรียญเงิน 50 เหรียญน่ะ]

[ร้านค้าของเราเองก็รับเหรียญทองมิสุรานิกา]

[มิสุ…. อะไรนะ?]

ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรเลยพยายามถามอีกครั้ง

[คุณลูกค้าครับ หรือว่าคุณลูกค้าเดินทางมาจากทวีปอื่น]

[ไม่ ฉันมาจากต่างโลกต่างหาก]

และฉันก็เผลอหลุดปากออกไปอีกครั้ง

[อย่างงี้นี้เอง ไม่แปลกใจเลยที่ผมไม่เคยเห็นหน้าของคนลูกค้ามาก่อน]

เขาจ้องมองเสื้อคลุมของฉันด้วยตาเป็นมัน

[ฮาฮาฮา]

ฉันพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน

[ผมนี่เผลอเสียมารยาทไปซะได้ เหรียญทองมิสุรานิกาเป็นเหรียญทีทวีปทั้งสามใช้กันทั่วไป มันเป็นหน่วยเงินของประเทศที่ได้ล่มลงสลายในอดีตตัวเหรียญนั้นได้มีการลงเวทย์มนต์ผสมอยู่ด้วย แม้ปัจจุบันจะเหลือเพียงเล็กน้อยก็ตาม เรียนเหล่านี้ไม่สามารถผลิตขึ้นมาได้อีกแล้วด้วยเทคโนโลยีที่พวกเรามี เพราะว่าเหรียญทองเหล่านี้หายาก มากปัจจุบันเหรียญทองมิสุรานิกาหนึ่งเหรียญสามารถแลกเหรียญทองได้ 20 เหรียญ]

[ไม่ล่ะ ฉันขอผ่าน]

ของอย่างเช่นหุ้นหรือการลงทุนในอนาคตมันไม่เหมาะสำหรับฉัน

[ขออภัยด้วยครับ งั้นเชิญรับสินค้าของคุณ]

พนักงานของร้านหยิบถุงสามใบจากใครบางคนที่อยู่ด้านหลังของร้าน

[เหรียญทองแดง 50 เหรียญ เหรียญเงิน 53 เหรียญ เหรียญทอง 35 เหรียญ กรุณาตรวจสอบด้วยครับ]

[ขอบคุณมาก]

ถึงแม้จะเป็นงานน่าเบื่อก็ตามแต่ฉันก็นับเหรียญที่เรียงกันเป็นแถวละ 10 เหรียญ

[มีจำนวนผิดพลาดอะไรไหมครับ?]

[ไม่ละ จำนวนถูกต้อง]

จำนวนถูกต้องอย่างแน่นอน

[มีค่าธรรมเนียมเหรียญเงิน 1 เหรียญ]

ฉันหยิบเหรียญเงิน 2 เหรียญเงินไปวางตรงเคาน์เตอร์

[ขอบคุณมากครับ บริษัทของเราเองก็ ขายสินค้า ที่หลากหลายให้กับผจญภัย โปรดอย่าลังเลที่จะเลือกใช้บริการของเรา เมื่อคุณเยี่ยมชมที่สาขาหลักที่ตั้งอยู่ตรงถนนสายหลักบริเวณประตูหลักที่หนึ่ง]

[ทำไมคุณคิดว่าฉันเป็นนักผจญภัยละ?]

[เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองของนักผจญภัย มันจึงมีแต่นักผจญภัยและพวกคนที่อยากค้าขายกับนักผจญภัยเหล่านั้น]

และที่อยู่ตรงหน้าของฉันคือเหล่าผู้คนที่ไม่ได้เป็นนักผจญภัยแต่กลับมาสุมหัวกันอยู่ที่นี่แทน

ฉันเก็บเหรียญเอาไว้ที่ตัวเองบางส่วนแล้วที่เหลือนำไปใส่ในกระเป๋าเป้

[เรียนลูกค้า ต้องขออภัยกับคำหยาบคายของผมอีกครั้งหนึ่งแต่….]

ในขณะที่ฉันกำลังจะสะพายเป้ พนักงานขายของเอ่ยถาม

[อันนั้นใช่ปืนหรือเปล่าครับ?]

[………….]

ฉันเองก็รู้สึกตกใจหลายอย่าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันตกใจจนขนลุกซู่ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย! พ้นจากโลกนี้รู้ด้วยเหรอว่าปืนมีค่าแค่ไหน?

[เออ เอิ่ม……]

มันง่ายที่จะปฏิเสธ แต่การรวบรวมข้อมูลข่าวสารนั้นสำคัญกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่าฉันต้องเลือกใช้คำที่มันฉลาดฉลาดหน่อย

[น่าตกใจจริงๆ ประเทศนี้ก็มีปืนด้วย]

[ใช่แล้วล่ะครับ ปืนเหล่านี้ถูกสร้างโดยคนแคระและมีส่วนร่วมครั้งใหญ่ในสงครามกับเอลฟ์ครั้งล่าสุด]

ฉันขมวดคิ้วตรงคำว่า “สงคราม” ฉันทำได้แต่ภาวนาว่าพวกเขาจะหยุดเรื่องพรรค์นั้นในระหว่างที่ฉันอยู่ที่นี่

[ถ้าหากไม่ว่าอะไรล่ะก็ คนช่วยพาผมไปดูปืนที่คุณมีอยู่ได้รึเปล่า?]

[แน่นอนครับ]

พนักงานของร้านส่งเสียงเรียกคนที่อยู่ข้างหลังให้นำปืนมาแสดง

กระบอกปืนเปิดมีความยาวเหมือนหอกแล้วถูกแกะสลักด้วยทองเป็นรูปเอลฟ์ถูกมนุษย์แทง มันมีไกปืนที่เบา และมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกับหินเหล็กไฟและมีรอยยุบที่ส่งกลิ่นกำมะถันออกมา ดูเหมือนจะใช้ดินปืน รู้จักระดับของความเจริญแล้วน่าจะเทียบเท่ากับปืนคาบศิลาของศตวรรษที่ 16

[ราคา 40 เหรียญทองละครับ เนื่องจากเป็นผลงานชิ้นประวัติศาสตร์ ราคาของมันจึงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โอกาสแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะครับ]

[ไม่ล่ะ ไม่เป็นไร]

[น่าเสียดายจัง ถ้าอย่างนั้น]

พนักงานขายของที่ไม่มีไรทำนอกจากส่งยิ้มให้กับฉัน

เจ้านี่คงพยายามคิดว่าโชว์ของฉันแล้ว มันเป็นตานายที่ต้องโชว์ ไม่ใช่หรอ?

ฉันถอดแมกาซีนออกโดยไม่ให้ใครเห็นฉันก็ปลด AK แล้วยื่นไปทางเขา

คงจะเพราะไม่อยากให้เป็นรอย พนักงานจึงนำผ้ามารองก่อนทำการวิเคราะห์

 [มันดูหยาบ แถมไม่มีการตกแต่งอะไรทั้งนั้น ตัวไม้ก็ทำจากไม้ปกติ น้ำหนักค่อนข้างเบาสำหรับสิ่งที่ทำจากเหล็ก ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนซับซ้อน]

[นักผจญภัยนิยมใช้ปืนกันรึเปล่า?]

[ไม่เลยครับตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน ได้มีปาร์ตี้หนึ่งทำดินปืนระเบิดข้างในดันเจี้ยน เสียงของมันดังจนทำให้มอนสเตอร์ทุกตัวในชั้นนั้นมุ่งหน้าไปหาพวกเขา นักผจญภัยทั้งหมดต้องระดมช่วยกันแก้ปัญหาตามล้างตามเช็ด]

ดูเหมือนว่าจะต้องติดที่เก็บเสียใส่ปืนทุกกระบอกทันทีที่กลับไปถึง ถ้าหากฉันลำปืนเข้าไปสำรวจดันเจี้ยนไม่ได้ล่ะก็ แผนยุทธการทั้งหมดจะต้องล้มเหลวละนะ

[หืมมมม มาดูกัน ถ้าหากว่า 80 ไม่สิ 100 เหรียญทองละครับ? คุณจะขายให้ผมได้ไหมครับ?]

[ขอโทษนะเจ้านี่ไม่ได้มีไว้ขาย]

ฉันหยิบ AK มาจากพนักงานที่กำลังมองมันอย่างตะกละตะกลาม เงินเองก็น่าดึงดูดอยู่หรอกแต่มันเป็นสิ่งที่ท่านประธานย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าให้เทคโนโลยีของฝั่งนี้หลุดไปให้ใครทั้งนั้น

การแปรรูปโลหะ การใช้สัญญาณนำทาง ดินปืน อาวุธปืน ยารักษา วัตถุระเบิด แบททีเรีย เครื่องบิน อาวุธนิวเคลียร์ ปัญญาประดิษฐ์ อินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คน ในทุกโลก มันจะมี อัจฉริยะที่จะพยายามท้าทายเพื่อก้าวข้ามเทคโนโลยีในปัจจุบัน ถ้าเกิดอัจฉริยะเหล่านั้นได้รับเทคโนโลยีพวกนี้แล้วเกิดจุดประกายไอเดียขึ้นมาล่ะก็ เทคโนโลยีปัจจุบันก็คงได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและมันก็ง่ายที่จะจินตนาการส่วนที่เหลือออก

ฉันมาเพื่อทำการสำรวจดันเจี้ยน ไม่ได้มาเพื่อสร้างสงคราม

[ขอบคุณลาก่อน]

[โอ้ คุณลูกค้าครับ ได้โปรดรอก่อน มันยังมี…..]

ฉันรีบเอ่ยคำขอบคุณและออกจากโรงรับจำนำอย่างรวดเร็ว พนักงานที่ร้านกำลังโวยวายกับอะไรบางอย่างแต่ฉันไม่สนใจมัน

มันคงจะเป็นปัญหาดูถ้าฉันถูกตามดังนั้นฉันจึงวิ่งออกไป หลังจากที่เดินเข้าไปในตรอกแคบๆ 3 ตรอก ฉันก็หลง ทางอยู่ข้างในเหมือนเขาวงกต ตอนแรกฉันคิดว่าจะขอให้มาคินาช่วยนำทางให้ฉันออกไป แต่การเดินสำรวจเส้นทางอาจจะสนุกก็ได้ ฉันจึงเดินต่อไปข้างหน้า

มันมีบันไดขึ้นที่ชันมากจนอาจจะเผลอสะดุดลงมาเมื่อปีนขึ้นไปได้ มีย่านที่อยู่อาศัยที่มีเพดานค่อนข้างต่ำ และมันมีบริเวณที่ถูกน้ำท่วมอยู่ด้วย ถือว่าเป็นการสำรวจทีสนุกสนานเลยทีเดียว

บรรยากาศของผู้คนที่เร่งรีบและคึกคักนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่บรรยากาศเงียบสงบและอ่อนโยนทำให้ใจฉันเต้นแรง เหมือนการผจญภัยที่เคยอ่านหนังสือเด็ก

ฉันเดินเตร่ไปตามท่อระบายน้ำ

ฉันหยุดเดินเนื่องจากจมูกของฉันได้กลิ่นเนื้อย่าง

ท้องฉันเริ่มร้อง

ถูกต้อง ฉันหิวแล้ว! ฉันลืมไปเลยว่าฉันยังไม่ได้กินอะไร เนื่องจากวันนี้มีแต่เรื่องที่ทำให้ฉันตกใจมากไปหมด

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันวิ่งเร็วที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเดินทางมายังต่างโลก กลิ่นหอมของมันลอยออกมาจากแผงลอยข้างทาง ฉันซื้อมาในราคา 2 เหรียญทองแดงโดยไม่เอ่ยถามและเดินถือมันในมืออย่างอารมณ์ดี

มันมีลักษณะเหมือนกับเคบับถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่ามันจะเป็นเนื้อตุ๋นหรือย่างก็เถอะ แต่แป้งที่ห่อนั้นทำมาให้มีรูปร่างเหมือนเครปหนาๆเพื่อเก็บเนื้อไว้ข้างใน

ฉันพยายามกัดคำใหญ่ๆ

[หืมม]

รสชาติของน้ำที่ไหลจากเนื้อและแป้งเข้ากันได้เป็นอย่างดี ถ้าหากฉันเป็นคนเรื่องมากและก็ คนขายให้เครื่องปรุงน้อยไปหน่อย ฉันได้แต่สงสัยว่ามันทำมาจากเนื้ออะไร มันดูเหมือนจะเป็นเนื้อนกแต่มีรสชาติเหมือนเนื้อหมู

{คำเตือน ตรวจพบศัตรู}

[ห๊ะ?]

{พวกเขาสะกดรอยตามตั้งแต่ออกมาจากโรงรับจำนำ เนื่องจากพวกเขาแสดงความเป็นศัตรูอย่างชัดเจนเลยทำการติดตามพวกเขาไว้}

หยุดเดินเนื่องจากคำเตือนของมาคินาแล้วกลืนอาหารที่มีลักษณะเหมือนเคบับจากนั้นก็ดื่มจากกระติก

หลังจากที่ลังเลอยู่พักหนึ่ง ฉันก็ปลด AK แล้วปรับเป็น Full Auto

[มีกันกี่คน?]

{ศัตรูมีทั้งหมด 3 ตน มีหนึ่งคนจากทาง 2 นาฬิกา และสองคนจากทาง 5 นาฬิกา}

[รับทราบ]

{ทำการนับถอยหลังเข้าสู่การปะทะ 5, 4, 3, 2, 1}

มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ฉันพยายามมองไปรอบๆเพื่อมองหาสองคนที่อยู่ข้างหลัง ชายที่มาถึงพกดาบยาว และพวกเขาดูเหมือนอันธพาลจริงๆ

[มีอะไร?]

ชายคนนั้นสูญเสียความเยือกเย็นไปชั่วขณะ เมื่อรู้ว่าฉันรู้ตัวว่าถูกพวกเขาสะกดรอยตาม บางทีชายคนนี้อาจจะไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่เขาก็ขึ้นเสียง

[เงิน ส่งมาให้หมด แล้วฉันจะวะชีวิตแก]

โชคดีที่เขาเข้าใจง่าย

ฉันสุ่มหยิบหยิบเหรียญในกระเป๋าขึ้นมาแล้วโยนไปทางเขา เหรียญทองล่ะ เหรียญทองเด้งบนก้อนหินแล้วส่งเสียงดังชายที่แต่งตัวเหมือนอันธพาลหันไปมองด้วยสายตา

ในจังหวะที่เขาพยายามจะมองที่ฉัน ฉันก็เขาอยู่ในระยะห่างเพียงพอที่จะประชิดเขา ฉันเอาด้ามของปืนไรเฟิล กระแทกไปที่กรามของเขา ฉันรู้สึกได้เลยว่ากรามของเขาหักไปแล้วจากนั้นก็หันหลังไปยิงขาของชายข้างนึงและยิงที่หัวเข่าของชายอีกคน ตรอกอันเงียบสงบต่างเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนของเสียงปืน หลังจากนั้นไม่นานเสียงร้องของความเจ็บปวดของผู้ชายก็ถูกได้ยินกันหมด

{เสร็จสิ้นการปลดอาวุธ}

[พวกซุ่มโจมตีล่ะ?]

{ไม่มี}

[ดีแล้วแหละ]

รู้สึกเหมือนถูกมอง แต่เมื่อพยายามหันไปหาเงาของมันก็หายไปแล้ว การไล่ตามมันก็น่าจะเป็นอันตรายเนื่องจากฉันไม่คุ้นชินกับเส้นทาง

ฉันรีบก้มลงไปเก็บปลอกกระสุนและเหรียญทอง ในตอนที่ฉันคิดจะเก็บปลอกกระสุนนั้นเอง…..

{คำเตือน มีคนกำลังใกล้เข้า มาคิดว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่ที่ถูกเสียงปืนดึงดูดเข้ามา}

[รับทราบ ช่วยระบุตำแหน่งที่จะทำการหลบหนีแล้ว]

ความมืดสีแดงเข้มค่อยๆเริ่มเข้าปกคลุมบริเวณโดยรอบ

ด้วยระบบนำทางของมาคินา ฉันได้เดินทางมายังถนนหลักโดยไม่ถูกพบเจอ

นอกเหนือจากเข้าไปไปแฝงกายอยู่ในกลุ่มผู้คนแล้ว ฉันก็ได้ตรวจสอบศัตรูที่อยู่ด้านหลังอยู่หลายๆครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ถูกสะกดรอยตามระหว่างที่ฉันเดินอยู่ จนกว่าจิตใจที่ฟุ้งซ่านระหว่างการต่อสู้จะจบลง

แร่เรื่องแสง ที่ถูกติดตั้งไว้ตามถนนเริ่มที่จะฉายแสงออกมาบริเวณรอบๆและเปลี่ยนเป็นช่วงเวลากลางคืน เมืองแห่งนี้ดูเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ช่วงเวลากลางคืนได้มาเยือนแล้ว เมืองก็เริ่มส่งเสียงพล่านไปด้วยเสียงร้องขออาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามร้าน อาหารต่างๆ เหล่าผู้หญิงก็เริ่มที่จะรู้สึกร้อนและชื้นแฉะ ส่วนผู้ชายนั้นได้ละทิ้งเหตุผลกลายเป็นคนโง่ เมื่อเหล้าได้เข้าปาก ฉันได้ยินเสียงคนร้องเพลง เสียงกรีดร้องและเสียงโกรธจากการทะเลาะวิวาท 

ฉันเผลอสบตาเข้ากับมนุษย์สัตว์ที่ยืนคนเดียวสวมแค่ผ้าไหมบางๆเพียงชิ้นเดียว เธอมีหูกะต่ายที่ยาวและมีดวงตาสีแดง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารอยยิ้มที่เธอส่งให้นั้นเป็นเพราะเธอชอบฉันหรือเธอเห็นฉันเป็นเป้าหมายที่ง่ายกันแน่ เพราะว่าฉันรีบหันหน้าหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

มันเป็นงานเลี้ยงที่วุ่นวายของหลายเผ่าต่างๆ ฉันไม่ได้อยู่ที่โลกนี้นานพอที่จะมีความกล้าเขาไปร่วมงานเลี้ยงฉลองกับเขา

ฉันเดินหันหลังให้กับความวุ่นวายเข้าสู่ความเงียบทีละนิดทีละนิด เสียงตีระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าวันนี้จบลงแล้ว

ฉันยังไม่มีผลลัพธ์หรือได้รับรางวัลเป็นชิ้นเป็นอัน มันเป็นอีกหนึ่งว่าที่เต็มไปด้วยปัญหาที่ต้องจัดการ

แล้วการสำรวจทั้งโลกครั้งแรกของฉันก็จบลงอย่างงี้

******************************************************************************************************

*สีพอร์ชเลน ลองนึกถึงเครื่องปั้นดินเผาสีขาวดู ว่ากันว่าเป็นผิวที่ขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวดูชุ่มฉ่ำ อิ่มเอิบ สุขภาพดี ไม่แห้งกร้านและมีริ้วรอย 

คุยกันท้ายเรื่อง 

ตัวของเรานี่มองแต่หญิงทั้งเรื่องเลยรายละเอียดจัดเต็มรู้เลยว่าเป็นคนใสๆ555+ หากอ่านกันดีๆจะเห็นว่ารายละเอียดของผู้หญิงแต่ละคนเยอะกว่าข้อมูลของดันเจี้ยนอีก ไม่แปลกใจเลยที่ถูกน้องสาวรังเกียจ

ตอนนี้รู้กันแน่ๆละว่าประตูต่างมิติเป็นเทคโนโลยีที่ก็อปมา มันมียังมีเทคโนโลยีอะไรอีกที่โลกได้แอบเคลมไว้กันแน่

ขอให้ทุกคนตั้งตารอตอนต่อไปได้เลย

ปล. ผู้แต่งเริ่มปล่อยคำใบ้ต่างๆออกมาละไม่รู้มีใครหาเจอบ้างไหม ขนาดตอนนี้หั่นครึ่งมาแล้วน่ะ….จะยาวไปไหน

Options

not work with dark mode
Reset