Ihoujin, Dungeon ni Moguru 1

ตอนที่ 1

<วันที่หนึ่ง>

{คุณโชวยะ นั่นไม่ใช่วิธีการใช้หมุดสักหน่อย คุณควรจะกางเต้นให้มันสวยกว่านี้ อ๊ะมันเอียงแล้วกรุณาดึงมาด้านขวาหน้าหน่อย กรุณาขยับไปอีก 5 เซนติเมตร กรุณาวางตู้คอนเทนเนอร์อุปกรณ์และตู้คอนเทนเนอร์อาวุธให้ห่างจากตู้คอนเทนเนอร์อาหารและยา สำหรับจุดที่จะวางมาคินานั้นโปรดวางไว้ที่ศูนย์กลางของแคมป์ ไม่สามารถตรวจสอบทิศทางได้ กรุณาทำการรีเซ็ตไจโรสโคป(เครื่องมือวัดการหมุน) ถ้าหากตรวจพบความเสียหายละก็กรุณาแจ้งไปยังโรงงานผลิต โทรหมายเลข…..}

[หุบปาก! เจ้าหุ่นกระป๋อง]

ฉันกำลังพยายามทำการเก็บกู้ตู้คอนเทนเนอร์ทรัพยากรที่ยังพอจะดีอยู่ในบริเวณข้างแม่น้ำ หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงในการลากมันมา อย่างที่คิดเลย มันเป็นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะตั้งแคมป์ตรงจุดที่มีแต่ทุ่งหญ้าอย่างเดียว

ปัญหาแต่ละอย่างค่อยๆถาโถมเข้ามาในขณะที่ฉันต้องทำทุกสิ่งทุกอย่าง ตู้คอนเทนเนอร์กว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในสภาพที่เหมือนกับโดนผ่ากลางด้วยเครื่องตัด ของที่อยู่ข้างในหายสาบสูญไปไหนไม่รู้แต่ก็ยังพอมีโชคอยู่บ้างที่บรรดาพวกกระสุนและปืนสามารถเก็บกู้ได้เยอะ ถึงแม้อาหารและยาจะลดลงก็เถอะ จริงๆแล้วของพวกนี้ถูกส่งมาไว้สำหรับ สมาชิก 6 คนเพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างน้อยหนึ่งปี อย่างน้อยตอนนี้ขอพวกนั้นก็เพียงพอสำหรับฉันคนหนึ่งละ แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้คือเจ้าหุ่นยนต์ไร้ประโยชน์นี่

ทั้งสามตัวที่ส่งมาถูกทำลายย่อยยับ

เกราะ Nido-Cadmium ทรงกระบอกถูกเจาะทะลุแถมยังมีรูจำนวนมากเหมือนพวกมันถูกขูดด้วยช้อน เคราะห์ดีที่ สมองประมวลผลของหุ่นตัวหนึ่งไม่ได้รับความเสียหาย ต้องขอบคุณความสามารถในการสนับสนุนของหน่วยมาคินา ต่อให้เป็นมือสมัครเล่นอย่างฉันก็สามารถทำการแยกชิ้นส่วนแล้วนำมาชิ้นส่วนมาประกอบรวมกันให้ใช้งานได้ อย่างน้อยก็ยังใช้งานได้อยู่หนึ่งตัว

ส่วนประสิทธิภาพนั้น

{คุณโชวยะ เค้าหิวแล้ว}

[ห๊ะ?]

{เค้าหิวแล้วอ่ะ}

[เดี๋ยวนะ แกจำเป็นต้องกินด้วยหรอ?]

{กรุณาผสมน้ำตาลกับน้ำในอัตราส่วน 3 เปอร์เซ็นต์ให้เต็มถ้วย}

ช่องที่อยู่ตรงแกนกลางของมาคินาถูกเปิดออกมา และแขนกลนั้นก็ได้ยืนถ้วยมาทางฉัน ถึงแม้จะน่ารำคาญก็เหอะ แต่เจ้านี้ก็เป็นตัวกำหนดความเป็นความตายของฉัน ฉันต้องวัตถุดิบอย่างไม่เต็มใจ ดูเหมือนว่าจะคิดถูกสินะที่ต้มน้ำก่อนที่จะนำมาใช้ ฉันเทน้ำร้อนลงในถ้วยจากนั้นเริ่มใช้มือผสมน้ำตาลกับน้ำให้เข้ากันก่อนที่จะยื่นให้มาคินา

หลอดเล็กๆก็ค่อยถูกยื่นเข้ามาดูดน้ำหวาน จากนั้นหน้าจอก็เริ่มแสดงท่าทางสีหน้า[อร่อย]

การแสดงท่าทางที่เหมือนมนุษย์อย่างงี้ ดูเหมือนจะช่วยเพิ่มค่าความสนิทให้กับมนุษย์

{คุณโชวยะ}

[อะไร?]

{เค้าหิวอ่ะ}

[เดี๋ยวนะ?]

มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะ ฉันพยายามเปิดช่องข้างบนและเมื่อได้ตรวจสอบดูก็พบว่าส่วนที่สำคัญที่สุดอย่างสมองน้ำ(aqueous brain) หากดูแบบผิวเผินจะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายโถวแก้วที่มีน้ำอยู่ข้างในนั้นมีสิ่งที่คล้ายกับสมองมนุษย์อยู่ข้างใน

นี่เป็นสิ่งที่มนุษย์ชาติสร้างมาด้วยความบังเอิญ ได้มีการผลิตออกมาเป็นใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลกเป็นจำนวนมาก พวก A.I. มีส่วนในการสร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจของมนุษย์สร้างความมั่งคั่งและนำพาความเสื่อมถอยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ทุกวันนี้เหล่าA.I.กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของสังคม มีผู้คนกล่าวไว้ว่าหุ่นพวกนี้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคนถัดจากน้องหมาถึงแม้ว่าหุ่นกระป๋องนี่จะมีข้อจำกัดหลายๆติดตั้งไว้ก็เถอะ

และแก้วที่บรรจุสมองนั้นมีของเหลวรั่วออกมาจากรอยร้าว

[ว๊ากกก! เทปกาว! มาคินา! เทปกาวอยู่ไหน!]

{มันถูกเก็บไว้ในคอนเทนเนอร์ ที่มีลายสีเหลืองตรงช่อง เอ-3 เค้าหิวข้าวจังเลย}

ฉันรีบพยายามผสมน้ำเชื่อมลงในถ้วย แล้วรีบๆยื่นให้กับมาคินาจากนั้นก็รีบวิ่งไปที่จุดคอนเทนเนอร์ลายสีเหลืองที่ว่าและหาเทปกาวอย่างเอาเป็นเอาตาย

[อยู่นี่เอง!]

ฉันพยายามจะอุดรอยร้าวที่แก้วด้วยเทปกาวอย่างสุดความสามารถ หลังจากที่ซ่อมและเติมของเหลวเสร็จแล้ว ฉันก็เจอคู่มือการใช้งานมาคินา เมื่ออ่านถึงหน้าเกี่ยวกับส่วนสมองประมวลผลมันเขียนไว้สั้นๆว่า

<< กรุณาอย่าแตะต้องสายไฟ กรุณาใช้กาวตราช้าง เทปกาว หรือห่อด้วยวัสดุกันน้ำ ในกรณีที่เครื่องไม่สามารถใช้งานได้กรุณาติดต่อโรงงานที่ผลิต โทร…… >>

มันเขียนไว้แค่นี้

หลังจากที่ฉันหากาวตราช้างเจอก็พยายามแกะเทปกาวที่ติดไว้ออก แล้วทากาวลงไปทับแทนจากนั้นก็ใช้เทปกาวพันซ้ำเข้าไปอีกรอบหนึ่งแล้วก็ใช้ผ้าเช็ด แค่นี้ก็น่าจะใช้ได้แล้วละมั้ง

{อร่อยจริงๆ!}

หลังจากที่ดูดน้ำหวานหมดแล้วมาคินาแสดงสีหน้าแบบพึงพอใจขึ้นมาบนหน้าจอ ในขณะที่ฉันที่ถือคู่มือใช้งานนั้นฉันก็เริ่มเปิดคำสั่งเสียง

[AIJ006 Makina • Oddeye V166S6 Multiple Personality Control Type • Special Operation No.3 Unit. เริ่มการวินิจฉัยตัวเองได้]

{ตรวจพบข้อผิดพลาด นี่ไม่ใช่รหัสหมายเลขของหุ่นเครื่องนี้}

[มาคินา แจ้งรหัสหมายเลขของตัวเองมาเดี๋ยวนี้]

{หุ่นเครื่องนี้ไม่สามารถจดจำรหัสหมายเลขของตัวเองได้}

[เปิดใช้งานวินิจฉัยตัวเองเบื้องต้น]

{รับทราบ!}

มาคินาทำการฮำเพลงเบาๆ และแสดงฉายภาพเหมือนกำลังเล่นเกมเรียงตัวบล็อกให้เป็นแถวบนหน้าจอ

ฉันเองก็พอจะรู้อยู่ว่าระบบการทำงานของมันเป็นยังไง แต่ความรู้สึกไม่สบายใจนี่มันอะไรกัน

ไอ้เจ้าหุ่นนี่มันจะไหวหรือเปล่าเนี่ย?

เดิมทีเราสามารถยืดอายุของคู่หูที่เราจะฝากชีวิตไว้ด้วยกาวตราช้างกับเทปกาวจริงๆ? ไม่อ่ะ! ยังไงก็ไม่มีทาง!

{วินิจฉัยตัวเองเสร็จสิ้น ตรวจสอบสมบูรณ์ไม่พบความผิดพลาด}

เจ้าหุ่นนี่พังจริงๆแล้วล่ะ ถ้าเกิดว่ามันดีจริงมันคงไม่มีทางลืมตัวเองหรอก

ตอนนี้ฉันเริ่มจะรู้สึกยอมแพ้ละ ในกรณีที่แย่ที่สุดจะต้องทำภารกิจนี้ทุกอย่างเองคนเดียว

[เฮ้ออออออออ]

สำหรับตอนนี้ มาเริ่มทำอาหารดีกว่า

ถ้าเกิดบางทีฉันอิ่มแล้วก็ ฉันก็น่าจะหาทางทำอะไรได้บ้างแหละ อย่างน้อยฉันอยากจะหนีความเป็นจริงนี้ให้ได้

ฉันเริ่มรวบรวมเศษไม้มากองๆไว้ ยังไงตัวฉันเองก็พอจะทำอาหารง่ายๆเป็นอยู่บ้าง ฉันสามารถตักน้ำมาจากแม่น้ำข้างๆมาต้มฆ่าเชื้อได้เสมอ ฉันได้ทดลองตรวจสอบโดยเครื่องมือแล้วน้ำนี้ปลอดภัยสำหรับการดื่ม

ฉันคอยๆใส่ปลาแห้งลงไปในหม้อเพื่อทำเป็นน้ำซุปจากปลา จากนั้นก็ค่อยๆลดไฟก่อนที่น้ำจะเดือด เสร็จแล้วก็ตักปลาออกมาจากหม้อที่ต้ม ค่อยๆละลายมิโซะลงไปในน้ำซุปอย่างช้าๆ จากนั้นก็ลองหยิบผักที่เหมือนผักสลัดน้ำแถวๆนี้มาชิมรสชาติดู ตอนนี้รู้สึกว่าลิ้นของฉันนอกจากรสขมและเผ็ดก็ไม่รู้สึกถึงรสอะไรอีกแล้วมีรสแปลกๆติดที่ปลายลิ้นด้วย เจ้าผักนี่มันคงกินได้แหละจากนั้นก็เริ่มใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นเล็กๆและโยนลงไปในหม้อ

[ทานละนะครับ]

หลังจากประสานมือเสร็จ แต่ก็เริ่มชิมน้ำซุปซึ่งรสชาติมันก็ไม่ได้เลวร้ายเลย มันดีกว่ารสชาติของมันนั้นดีกว่าตอนกินอาหารจีนที่ที่เนื้อเน่าๆด้วยหมักสมุนไพรผัดผักดองเปรี้ยวจี๊ดอาหารจีนมันเยิ้มที่เคยกินในสมัยอยู่ที่ตะวันออกกลางเยอะเลยและรสของมันก็ดีกว่าเส้นหมี่ต้มน้ำก็อกตอนฉันถังแตกเยอะ

กลิ่นของโชยุช่วยทำให้จิตใจของฉันผ่อนคลายขึ้นเยอะ

{เปิดใช้งานระบบช่วยเหลือมนุษย์ โปรแกรมต่อสู้บริเวณกว้าง เปิดใช้งานอิโซล่าได้ ผู้เข้าร่วมโครงการโปรดให้ความร่วมมือด้วย}

มาคินาเริ่มพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา

ฉันวางตะเกียบลง จากนั้นก็ตั้งใจฟังสิ่งที่มันพูด

{โปรดรายงานความเสียหายหลังจากกระโดดสู่ประตูมิติด้วย}

[ทุกคนนอกจากฉันหายไปไหนก็ไม่รู้ ฉันได้ลองสำรวจในพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตรจากจุดที่ฉันอยู่ แต่ฉันไม่พบร่องรอยของพวกเขาเลย]

{รับทราบ เริ่มทำการจัดการบริหารทรัพยากรเปิดการใช้งานการตรวจจับด้วยโซนา จากการสแกนอุปกรณ์ที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ได้รับความเสียหาย 60 เปอร์เซ็นต์ เครื่องมือทางการแพทย์ที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ได้รับความเสียหาย 70 เปอร์เซ็นต์ อาหารที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ได้รับความเสียหาย 50 เปอร์เซ็นต์ การดำเนินภารกิจด้วยสมาชิกเพียงคนเดียวนั้นมีโอกาสสำเร็จ}

[ฉันมีคำถามอยู่คำถามหนึ่ง ถ้าฉันขอกำลังเสริมพวกเขาจะส่งมารึเปล่า?]

ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันได้ถามคำถามด้วยความหวังลมๆแล้งๆออกมา

{เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากการเปิดประตูมิตินั้นใช้พลังงานอย่างมหาศาล ประตูมิติสามารถเปิดขึ้นได้เร็วที่สุดในอีก 7,920 ชั่วโมง}

[…ก็นั้นสินะ]

{จะทำการปล่อยโดนแมลงไปในรัศมี 20 กิโลเมตรจากที่นี้ และจะทำการสร้างแผนที่ในบริเวณรอบๆดันเจี้ยน}

เจ้าหุ่นกระป๋องก็เริ่มทำการปล่อยโดรนชนิดแมลงที่มีรูปร่างเหมือนยุงออกมาเป็นจำนวนมาก ต่อให้มันไม่ใช่ยุ่งจริงๆก็เถอะ มันก็ยังทำให้ฉันรู้สึกคันๆอยู่ดี

[ช่วยทำการค้นหาคนอื่นด้วยนะ]

{ขอปฏิเสธ เนื่องจากไม่เคยมีใครกระโดดเข้าไปยังประตูมิติแล้วหายไปมาก่อน ในสถานการณ์เช่นนี้ขอสันนิษฐานว่าพวกเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว และตอนนี้เหลือเพียงเครื่องเดียวที่ยังสามารถปฏิบัติการ เราไม่สามารถใช้ทรัพยากรอย่างเปล่าประโยชน์ได้}

นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันนี้แล้วที่ฉันรู้สึกใจคอไม่ดี…

[ช่วยบอกโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการใช้ประตูมิติข้ามมายังต่างโลกที]

{โอกาสเดินทางประสบความสำเร็จ 40 เปอร์เซ็นต์}

เวรเอ๊ย! ทำไมเรื่องแบบนี้ไม่มีใครบอกฉันมาก่อน! ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญหรอกหรอ! ใช่มั้ยล่ะ! อย่ามาบังคับให้ คนอื่นเขาใช้งานสิเฟ้ย!

{อนึ่ง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเดินทางกลับคือ……}

[หุบปาก! ฉันไม่อยากได้ยิน]

{รับทราบ จะขอยืนยันความตั้งใจของสมาชิกทีม โชวยะ}

[ได้]

{เมื่อคำนวนจากทรัพยากรที่เหลือและศักยภาพของสมาชิกทีมโชวยะ โอกาสที่จะทำโปรเจคนี้ได้สำเร็จคือ 0.2 เปอร์เซ็นต์ โดยตัวเลขนี้ คำนวณจากสถานการณ์ปัจจุบันและจากการคำนวนข้อมูลความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตามมาตราที่ 24 แห่งพระราชบัญญัติปัญญาประดิษฐ์ ทรัพยากรทั้งหมดของหน่วยมาคินะสามารถใช้เพื่อที่จะยื้อชีวิตของมนุษย์ได้ สมาชิกทีมโชวยะจะละทิ้งโปรเจคนี้หรือไม่?}

[ไม่ล่ะ ทำต่อไปเลย]

อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้วมีแต่ต้องทำมันละนะ ถ้าเราไม่ทำเพียงเพราะคิดว่ามันไร้ประโยชน์ล่ะก็ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมามันก็ไม่มีความหมายน่ะสิ

{รับทราบ ยุติระบบช่วยเหลือมนุษย์ ขอให้โชคดี}

[ขอบคุณ]

ในขณะทีกำลังจะอุ่นซุปมิโซะ…

{ลัน~ลัน~ล้า~! คุณโชวยะ}

[แกคงไม่พูดว่าหิวอีกแล้วหรอกนะ]

มาคินาที่หันมาพูดอย่างร่าเริง ด้วยน้ำเสียงสุดดี๊ด๊า

{มีแขกมาเยี่ยม}

[ห๊ะ?]

อยู่ๆก็รู้สึกถึงเสียงน้ำกระเด็น เมื่อหันหลังมาก็พบกับตัวตนของสิ่งที่อยู่ข้างหลัง การเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ต่างโลกที่ขึ้นโพมาจากแม่น้ำอย่างไม่ทันตั้งตัว

[โห~ นี้จะเอามาจากต่างแดนงั้นเรอะ]

จะอธิบายยังไงดีละ ตัวตนที่พูดอย่างนี้ออกมานั้นกำลังดื่มซุปมิโซะอยู่ มนุษย์ปลาล่ะ… จากการคาดเดาของฉันมีส่วนที่คล้ายมนุษย์อยู่ 70 เปอร์เซ็นต์และคล้ายปลาอีก 30 เปอร์เซ็นต์ มีเหงือกอยู่ที่บริเวณสีข้างและมีดวงตากลมน่ารักแบบแปลกๆบริเวณหูมีครีบงอกออกมา บริเวณผิวหนังก็มีลักษณะคล้ายเกล็ดสวมใส่กระโปรงแบบหยาบๆที่ทำจากสาหร่าย สวมสร้อยคอที่ทำจากเปลือกหอยและปะการังถือฉมวกที่ดูค่อนข้างแหลม นั่งชิลอยู่บนเก้าอี้แคมป์

[ให้ผมอุ่นซุปให้ไหมครับ? ซุปมันเย็นแล้วไม่ใช่หรือนั้น]

[ไม่ล่ะช้ากินของร้อนไม่ได้น่ะ แค่นี้มันก็ร้อนมากพอแล้ว]

บทคนนั้นกำลังใช้ช้อนดื่มซุปมิโซะอย่าสง่างาม คนนี้มีมารยาทที่ดีมากเลย คงจะมาจากที่ที่มีอารยธรรม

ไม่สิ การเผชิญหน้าครับสิ่งมีชีวิตจากต่างโลกครั้งแรกสำหรับผมนั้น สร้างความประทับใจมากจนเผลอลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไปซะได้

[เอ่อ ทำไมผมถึงคุยกับคนรู้เรื่องได้แบบสบายๆเลยล่ะ?]

ภาษาญี่ปุ่นคงจะไม่ใช่ภาษาสากลหรอกเนอะ

[เรื่องนั้น เพราะข้าเป็นนักบวชไงล่ะถึงจะเป็นผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ในก้นทะเลลึก แต่ข้าขอเป็นผู้ที่ได้รับพรจากท่านบาเบลล่ะนะ]

[ท่านบาเบล?]

[ชาวต่างแดนคงจะไม่รู้สินะ พูดง่ายๆคือเทพเจ้าของข้าเป็นพระเจ้าในหมู่เทพเจ้าและข้าก็ได้ขอความสามารถในการสื่อสารกับเผ่าอื่นมา ตราบใดที่คู่สนทนามีความจิตสำนึกเป็นของตัวเองล่ะก็ตัวข้าก็สามารถเข้าใจคำพูดส่วนใหญ่ของคู่สนธนานั้นได้น่ะ]

[แล้วอื่นๆมีพรแบบนั้นหรือเปล่าครับ?]

[เฉพาะคนที่ได้ทำสัญญากับเทพเจ้าล่ะน่ะถึงจะได้รับพรซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่หายากเท่าไหร่]

[เยี่ยม!]

แบบนี้ก็เป็นข่าวดีน่ะสิ

ถ้าหากฉันสามารถพูดคุยกับคนในโลกนี้ได้ล่ะก็การเจรจาต่อรองก็เป็นเรื่องง่าย แบบนี้ฉันก็สามารถจ้างสมาชิกเพื่อไปสำรวจดันเจี้ยนด้วยกันก็ยังได้!

[นายเองก็จะไปที่นั่นใช่ไหม?]

มนุษย์ปลาใช้นิ้วที่อันแหลมคมชี้ไปทางดันเจี้ยน

[ใช่ครับ เขาคงไม่ได้ห้ามชาวต่างแดนเข้าหรอกใช่ไหม?]

[ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวของบนผืนดินเท่าไหร่ แต่ถ้าแค่สำรวจแล้วก็คงจะไม่เป็นไรหรอก หอคอยที่ถูกทอดทิ้งโดยพระเจ้านั้นไม่ได้เป็นของใคร]

อย่างนี้นี่เอง เพราะงั้นถึงได้ถูกเรียกว่าหอคอยโอโดริจิ*

[อะ]

[?]

สร้อยข้อที่ถูกสร้างมาจากปะการังถูกยื่นมาให้ฉัน

[รับไปสิ อัครสาวกของกริซูนาสอย่างข้ามีธรรมเนียมที่ต้องมอบเครื่องประดับให้กับผู้ที่เราคุยด้วยอย่างเป็นมิตร ถ้าหากเจ้าไม่รับไปล่ะก็พอเจอกันครั้งหน้าจะถือว่าพวกเราเป็นศัตรูกันละน่ะ]

[จะเอาครับ ขอบคุณมาก]

ฉันรับมันด้วยความปราบปลื้มและรีบสวมใส่สร้อยคอนั้นทันที ฉันเองก็ควรให้บางอย่างคืนบ้างเลยลองไปคุ้ยหาของที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์แต่บังเอิญเจอเข้ากับแว่นกันแดด

[เอ่อ… งั้นผมจะให้นี่แล้วกันครับ]

[สิ่งนั้นคืออะไร?]

ฉันลองสวมโชว์มนุษย์ปลา

[สิ่งนี้จะช่วยป้องกันแสงจ้าจากดวงอาทิตย์]

[เจ้ายังมองเห็นอยู่หรือเปล่า]

[ถึงจะมืดๆแต่ก็มองเห็นนะครับ]

ฉันยี่นแว่นกันแดดให้เขา โชคดีที่เขาใช้มันโดยไม่ลังเลเลย

[โฮ~]

เขามองไปรอบๆ

[โฮ~]

ท่าทางประหลาดใจเหมือนเด็กๆของเขาทำฉันเผลอยิ้มออกมาเลย

[อ๊ะไม่ได้การ ค่ะคงต้องกลับไปแล้วล่ะเดี๋ยวหลานข้าจะดุเอา]

เขารีบซดน้ำซุปที่เหลือและยืนขึ้นพร้อมฉมวก

[เจ้าจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนงั้นหรอ?]

[อาจจะ 1 ปีหรือว่าน้อยกว่านั้นครับ หรือว่าทีนี้ห้ามไม่ให้ตั้งแคมป์บริเวณแถวนี้ครับ?]

[ถ้าหากเจ้าจะอยู่ระยะเวลาที่เจ้าบอกล่ะก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร มีเจ้าเป็นคนแรกนี่แหละที่ไม่ส่งเสียงกรีดร้องใส่พวกเราแถมยังเอาอาหารมาให้ข้ากินอีกข้าชื่อ เกโต บาโด แห่ง โมจูบาฟูรุ]

ประโยคสุดท้ายน่าจะเป็นชื่อของสถานที่ คิดว่า ฉันเองก็น่าจะตอบแบบเดียวกัน

[โชวยะ แห่ง ญี่ปุ่นครับ]

[โชยะจากญี่ปุ่นสิน่ะจากแม่น้ำเป็นระยะห่างทั้งหมด 6 คอกม้าเป็นดินแดนของพวกข้า ถ้าเจ้าออกจากดินแดนของพวกข้าละก็จะเข้าสู่ดินแดนของอาณาจักรเลมูเรีย ป่าฮิวเรียส์ที่อยู่ตรงนั้นเป็นดินแดนของเอลฟ์ พวกฺฮีมูอย่างเจ้าไม่ควรย่างกรายเข้าไปใกล้ ถ้าเกิดเผลอเข้าไปละก็เจ้าจะต้องถูกกำจัดแน่]

[ช่วยได้เยอะเลยครับ]

[อืม งั้นไว้เจอกันนะ]

เกโตซังกระโดดเข้าไปในแม่น้ำแล้วหายไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

{โอกาสที่จะสำเร็จในปัจจุบันคือ 0.6 เปอร์เซ็นต์}

[ขึ้นมานิดเดียวเอง]

ถือว่าเป็นฤกษ์ดีละน่ะ

ฉันจัดยารักษาและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเดินทางลงในเป้ข้างหลัง จากนั้นตรวจสอบสภาพอาวุธจากตู้คอนเทนเนอร์อีกครั้งพร้อมกับใส่กระสุนสำรองลงในแม็กกาซีนที่จะติดตัวไปอย่างละ 4 แม็กกาซีนและไม่ลืมที่จะล็อคตู้คอนเทนเนอร์ให้เรียบร้อย ก่อนจะออกเดินทางก็ซ่อนตัวมาคินาโดยใช้ตาข่ายพรางตามาคลุม

[การทำแผนที่มีความคืบหน้าไปถึงขั้นไหนละ]

ฉันสวมแบบแว่นตาล้ำสมัยที่เชื่อมต่อกับมาคินา

{ไม่สามารถประเมินความคืบหน้าโดยรวมได้เนื่องจากมีโครงสร้างที่อยู่ชั้นใต้ดิน แต่สามารถแสดงผลสำหรับระบุตำแหน่งที่ตั้งได้}

[แค่นั้นก็เกินพอแล้ว อย่าลืมปล่อยโดรนไว้ข้างๆฉันด้วยละ]

{รับทราบ}

ดีละถ้าอย่างนั้น ไปสำรวจดันเจี้ยนกันเถอะ

**********************************************************************************************************************************************************

คุยกันท้ายเล่ม

*มันเป็นการเล่นคำคันจิของผู้แต่ง

ตอนแรกในคำว่า”หอคอยโอโดริจิ”จะมีคันจิคำว่า”พระเจ้า”อยู่ด้วย

แต่หลังจากที่เทพเจ้าได้ทอดทิ้งหอคอยตัวอักษรคันจิคำว่า”พระเจ้า” ก็ถูกเอาออกไปจาก”หอคอยโอโดริจิ”ด้วย

คนแต่งนิยายเรื่องนี้ชอบทิ้งเบาะแสไว้เรี่ยราดจริงๆ

ใครที่ชอบนิยายแนวนี้ก็ขอให้อ่านให้สนุกเต็มที่

ปล.เวอร์ชั่นอิงแปลไปถึง 221 แล้วหากใครขี้เกียจรอก็ไปดำน้ำกันได้…

Options

not work with dark mode
Reset