I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 56

ตอนที่ 56

หลังจากที่พวกเราเก็บกวาดและทำความสะอาดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็กลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งและเริ่มดูหนังกัน

 

เนื่องจากแมนชั่นที่ผมอยู่ได้มีการติดตั้งสายสัญญาณอินเตอร์เน็ตมาตั้งแต่ตอนที่เราย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆแล้ว ทำให้พวกเราสามารถเลือกดูช่องพิเศษบางช่องได้ และในรายการเหล่านั้นก็มีช่องภาพยนตร์โดยเฉพาะอยู่ด้วย

 

“อาซานางิ วันนี้ดูเรื่องอะไรดีล่ะ?”

 

“ฉันดูอะไรก็ได้ เอาตามที่มาเอะฮาระอยากดูเลย”

 

“ไอที่บอกว่าอะไรก็ได้นี่แหละที่เป็นปัญหา…อ๊ะ ถ้างั้นเรื่องนี้เป็นยังไง?”

 

จากรายการช่องทีวีทั้งหมด สายตาของผมก็ไปสังเกตเห็นเรื่องที่น่าสนใจเข้าพอดี「(รายการพิเศษ) โปรเจกต์พิเศษ ตามติดชีวิตจระเข้ตลอด 12 ชม. ไม่มีโฆษณา ติดตามยาวๆยันเช้า!」…นี่แหละ มันผลงานระดับมาสเตอร์พีซแน่นอน กลิ่นของหนังเกรด B ลอยออกมาจนสัมผัสได้

 

ผมชอบดูรายการทีวีจากช่องพิเศษก็เพราะแบบนี้นี่แหละ!

 

“โอ้ ก็ดีนะ ดูเรื่องนี้ก็ได้…จะว่าไป นี่มันคือภาคต่อของตามติดชีวิตฉลามใช่ไหมนะ?”

 

“ก็อาจจะใช่”

 

ผมรู้สึกดีที่อาซานางิเห็นด้วย อย่างน้อยหลังจากนี้ผมก็ยังพอจะมีเรื่องคุยกับเธอได้บ้าง

 

“…ฮัดชิ้ว!”

 

ในขณะที่ผมกำลังจะเปลี่ยนช่อง อยู่ๆผมก็จามออกมา

 

ในตอนที่พวกเรากินข้าวกันอยู่…ผมก็ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าอากาศรอบตัวเย็นลงอย่างมา และดูเหมือนว่ายิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ อากาศก็จะยิ่งเย็นลงไปอีก

 

“มาเอะฮาระ! เมื่อกี้นายจามใช่ไหม?”

 

“หืม? ไม่เป็นอะไรหรอก แค่รู้สึกคันจมูกนิดหน่อ…ฮัดชิ้ว!”

 

“…ไม่เป็นอะไรที่ไหนกันล่ะ ถ้าหนาวก็บอกฉันมาตรงๆก็ได้ว่าหนาว”

 

“กะ ก็เมื่อกี้มันยังไม่หนาวนี่”

 

“ไม่เห็นต้องเขินเลย มานี่สิ…ให้ฉันดูแลนายเอง”

 

เมื่อพูดจบอาซานางิก็เปิดผ้าห่มที่เธอห่มอยู่พร้อมกับกวักมือเรียกผม

 

“เอาล่ะ เข้ามาสิ”

 

“เอ๊ะ?”

 

“เอ๊ะ? ยะ-อย่าเข้าใจผิดล่ะ…กะ-ก็เพราะฉันเห็นว่านายกำลังหนาวอยู่นี่นา”

 

“เธอจะบอกว่า…ให้มาห่มผ้าด้วยกันใช่ไหม?”

 

“! มะ มันมีความหมายอื่นอีกรึไงเล่า มาเอะฮาระคนบ้า”

 

เห็นได้ชัดว่าอาซานางิหมายความตามที่ผมบอก

 

“นะ นั่นสินะ ขอโทษทีนะ…ฮัดชิ้ว!”

 

“เห็นไหมละ! ถ้าปล่อยไว้แบบนี้นายต้องเป็นหวัดแน่ๆ เพราะฉะนั้นรีบมานี่เร็วๆเข้า”

 

ดูเหมือนอาซานางิจะพูดถูก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปผมต้องเป็นหวัดแน่ๆ ดังนั้นผมจึงปฏิบัติตามคำสั่งของเธออย่างเชื่อฟัง

 

“…ขอรบกวนด้วยครับ”

 

“อือ เชิญเลย”

 

ทันทีที่ผมนั่งลงข้างๆ อาซานางิก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ก่อนที่พวกเราจะห่มผ้าด้วยกัน

 

“อ๊ะ จริงสิ นายใส่ผ้าพันคอนี่ไว้ด้วยดีกว่า…เอาล่ะ หันหน้ามาทางนี้สิ ฉันจะพันให้”

 

“เอ๋…แต่ว่า…แบบนั้นอาซานางิก็จะหนาวนะสิ”

 

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระแล้วทำตามที่บอกซะดีๆ”

 

“…ครับ”

 

ผมทำตามที่อาซานางิบอกอย่างเชื่อฟัง อาซานางินำผ้าพันคอของเธอมาพันรอบคอของผม…ในตอนนี้ตัวผมมีทั้งผ้าพันคอ และกำลังห่มผ้าห่มโดยที่มีอาซานางินั่งอยู่ข้างๆ

 

“คราวนี้ก็พันอีกครึ่งนึงที่คอของฉัน…เอาล่ะ ประมาณนี้ใช้ได้หรือป่าวนะ”

 

“อาซานางิ…เรื่องแบบนี้…”

 

ผมคิดว่าผ้าพันคอผืนนี้น่าจะเป็นผืนที่ยาวกว่าปกติเล็กน้อย เพราะว่าอาซานางิสามารถนำมันมาพันรอบคอของผมแล้วยังสามารถไปพันรอบคอของตัวเธอเองได้ด้วย

 

ในตอนนี้นอกจากเราจะห่มผ้าผืนเดียวกันแล้ว เรายังถูกผูกกันไว้ด้วยผ้าพันคอผืนเดียวกันด้วย

 

“ฮา~ เห็นไหม ตอนนี้ก็อุ่นขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ?”

 

“ก็ใช่อยู่หรอก…แต่ว่า เธอเอาแบบนี้จริงดิ”

 

แบบนี้มันไม่น่าอายไปหน่อยรึไง?

 

“นะ หนวกหูจริงมาเอะฮาระ ถ้าฉันทนได้ นายก็ต้องทนได้สิ เอาล่ะ มาดูหนังกันต่อได้แล้ว”

 

“อะ อือ…ดูหนังครับ”

 

ผมหันกลับไปดูที่หน้าจอทีวี แต่แน่นอนว่าผมไม่สามารถมีสมาธิในการดูได้เลย เนื่องจากรู้สึกประหม่าถึงอาซานางิที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ

 

ทั้งๆที่อากาศควรจะหนาวอย่างมาก แต่ตอนนี้ร่างกายของผมกลับรู้สึกร้อนจนเหงื่อเริ่มออก และนอกจากผมยังรู้สึกอายและประหม่าอย่างมากด้วย 

 

ถึงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้นั่งใกล้ๆกับอาซานางิแบบนี้…แต่ความประหม่าในตอนนี้กลับไม่ลดลงไปเลยสักนิด

 

ทั้งกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ และไออุ่นจากร่างกายของอาซานางิที่นั่งอยู่ข้างๆ…จะว่าไปทั้งผมแล้วก็อาซานางิก็พึ่งจะกินข้าวเสร็จมาพร้อมๆกันไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมพวกเราถึงต่างกันขนาดนี้?

 

…ตัวผมคงไม่มีกลิ่นใช่ไหม? เมื่อกี้กินกระเทียมไปเยอะด้วยสิ…อาซานางิคงไม่รู้สึกอึดอัดหรอกใช่ไหม?

 

“ทำอะไรน่ะ มาเอะฮาระ?”

 

“อ๊ะ ไม่มีอะไร แค่เช็คว่าตัวเองมีกลิ่นแปลกๆไหม”

 

“เห~ ยังดีนะที่นายยังรู้ตัว…ตอนนี้ตัวนายเหม็นจริงๆนั้นแหละ”

 

“เอ๋? จริงดิ?”

 

“ล้อเล่น”

 

“……”

 

ยัยบ้านี่

 

“โอ้ยๆๆ หยุดๆ หยุดหยิกแก้มได้แล้ว~”

 

“หนวกหูน่ายัยบ้า”

 

ยัยนี่คงรู้อยู่แล้วสินะว่าผมกำลังกังวลก็เลยใช้จุดนี้มาแกล้งผม

 

“โอ้ยๆ ขอโทษๆ นายสบายใจได้เพราะตัวนายไม่มีกลิ่นจริงๆ”

 

“พูดจริงใช่ไหม?”

 

“อืม จริงๆ ฉันเองก็กังวลเหมือนกันว่าตัวเองจะมีกลิ่นหรือเปล่า?”

 

“ถ้าเรื่องนั้นเธอก็ไม่ต้องกังวลหรอก สำหรับผมถือว่ามันค่อนข้างหอมล่ะนะ…”

 

“…หืม?”

 

“อ๊ะ…”

 

ทันทีที่พูดออกไป ผมก็รู้ตัวทันทีว่าตัวเองทำพลาดแล้ว

 

ถึงผมจะพูดออกมาด้วยความจริงใจ แต่ถ้าพูดออกไปแบบนั้นมันก็เหมือนพวกโรคจิตไม่ใช่หรือไง

 

“อ๊ะ…ไม่ได้พูดแบบจะสื่อความหมายในทางแปลกๆนะ แค่อยากให้เธอสบายใจว่าตัวเธอไม่ได้มีกลิ่นอะไรแค่นั้นเอง…”

 

“ฟุฟุ…”

 

“อะ-อะไรเล่า”

 

“อื~ม~ ที่มาเอะฮาระพูดออกมา ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนายสักหน่อย ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบร้อนแก้ตัวขนาดนั้นเลยนี่นา”

 

ตอนแรกผมคิดว่าจะโดนอาซานางิแกล้งอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น…เธอดูค่อนข้างที่จะจริงจัง

 

โดยนิสัยของอาซานางิแล้ว…บางทีผมไม่ควรที่จะหยิกแก้มของเธอตั้งแต่แรกน่าจะดีกว่า

 

“…นายไม่ได้แกล้งฉันใช่ไหม?”

 

“ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า…แล้วอีกอย่างฉันก็ค่อนข้างคุ้นกับกลิ่นนี้อยู่นะ…อ๊ะ ตอนนั่นไง กลิ่นมันเหมือนกับตอนที่อาซานางิมาค้างที่บ้านคืนนั้นไง…จำได้ไหม?”

 

“ตอนที่มาค้าง…อ้อ ตอนนั้นน่ะเหรอ?”

 

อาซานางิที่เผลอหลับไปบนที่นอนของผมในคืนนั้น แล้วนอกจากนี้เธอก็ได้มานอนค้างคืนในห้องของผมอีกด้วย

 

“นึกออกแล้วใช่ไหม…ถ้างั้น…”

 

“อือ แล้วมาเอะฮาระรู้หรือเปล่าว่าในคืนนั้น…นายไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกตื่นเต้นตอนที่ได้กลิ่นของคนอื่นน่ะ?”

 

พูดจบอาซานางิก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นไปอีก

 

ความร้อนและความนุ่มนวลของอาซานางิส่งผ่านเสื้อผ้าของเธอมาที่ผม

 

ผมทั้งรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็ประหม่าไปพร้อมๆกัน แต่ในทางกลับกัน…ผมก็รู้สึกไม่อยากที่จะถอยหนีไปจากสถานการณ์ในขณะนี้

 

ตอนนี้ในทีวีเป็นตอนที่จระเข้กำลังต่อสู้อยู่กับนักล่าจระเข้อยู่พอดี แต่ดวงตาของผมกับอาซานางิต่างไม่ได้อยู่บนทีวี…แต่ต่างกำลังจับจ้องสายตาของกันและกัน

 

“นี่ มาเอะฮาระ”

 

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

 

“ขอฉันเรียกนายว่ามากิได้ไหม?”

 

“…ถ้าอุมิอยากเรียกแบบนั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก”

 

“…!”

 

ทันใดนั้นใบหน้าของอุมิก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

 

“เอ๊ะ เป็นอะไรไป? อุมิ?”

 

“……”

 

“…นี่แหนะ!”

 

“โอ้ย! ดีดหน้าผากฉันทำไมเนี่ย?”

 

“เพราะนายมันหน้าด้านนะสิ มากิ!”

 

“ก็แค่เรียกเธอด้วยชื่อต้นเองนี่…ไม่เห็นเข้าใจเลย”

 

“ฮะฮ่า มันก็ช่วยไม่ได้ละน้า~ ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ”

 

แม้ว่าในตอนนี้เธอจะมีสีหน้าที่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี แต่ก่อนที่ผมจะรู้ตัว แขนของผมก็โดนเธอกอดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว…และผมก็ยังรู้สึกถึงสิ่งนั้นได้ด้วย

 

ใบหน้าของอาซานางิมีทั้งส่วนที่กำลังโกรธ มีความสุข มีรอยยิ้ม แล้วก็ท่าทางเขินอาย เป็นคนที่ดูยุ่งเหยิงชะมัด

 

แต่ว่า…นี่ก็เป็นส่วนที่น่ารักของอาซานางิเหมือนกัน

 

“…อุมิ คือว่านะ”

 

“หืม?”

 

“ฉะ ฉันจะพูดแค่เพียงครั้งเดียว ช่วยตั้งใจฟังให้ดีๆล่ะ”

 

“เอ๊ะ? อืม อะไรล่ะ?”

 

“เพราะเธอไม่ได้เห็นหน้าของตัวเองในตอนนี้…บางทีตัวเธอเองอาจจะไม่เคยสังเกตก็ได้…”

 

“…อือ?”

 

“…ฉันคิดว่าใบหน้าของอุมิตอนที่กำลังหัวเราะโดยไม่รู้ตัวแบบตอนนี้น่ะ…อุมิเองก็น่ารักมากพอๆกับอามามิซังเลยนะ”

 

“…”

 

โดยปกติแล้วอาซานางิอาจจะคิดว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเธอนั้นสู้กับอามามิซังไม่ได้…แต่นั่นมันไม่ใช่เลย

 

ผมคิดว่าตัวจริงของอาซานางินั้นมีเสน่ห์มากพอๆกับอามามิซังเลยล่ะ

 

แต่ว่า…บางทีนี่อาจจะเป็นความคิดของผมเพียงคนเดียวก็ได้

 

“เพราะฉะนั้น…ตอนที่เธออยู่ที่โรงเรียน…ฉันอยากให้เธอเป็นตัวของตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้ และฉันก็แน่ใจว่าคนอื่นๆในชั้นเรียนจะต้องหันมามองอาซานางิใหม่อย่างแน่นอน”

 

“…นี่ มากิ”

 

“อะ-อะไรเหรอ?”

 

อาซานางิที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูดไปเริ่มมีรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย

 

“มากิชอบฉันใช่ไหม?”

 

“อุ…”

 

ผมอยากจะพูดแก้ตัวว่าชอบเธอแบบเพื่อน…แต่ในใจของผมก็รู้ตัวดีว่ามันไม่ใช่แค่นั้น

 

นั่นเพราะผมพึ่งจะเคยรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้นผมเลยไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่าควารู้สึกนี้คืออะไร…แต่ผมสามารถบอกได้เลยว่าความรู้สึกของผมที่มีต่ออุมินั้นมากกว่าความเป็นเพื่อนอย่างแน่นอน

 

ในตอนแรก…ผมกับอุมิ…พวกเราควรที่จะเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน แต่เมื่อพวกเราได้เล่นด้วยกันมากขึ้น ได้ใช้เวลาร่วมกันที่โรงเรียนมากขึ้น และ…เมื่อผมได้รู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของอุมิมากขึ้น ตำแหน่งของอาซานางิ…ไม่สิ อุมิในใจของผมก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ผมอยากที่จะถนอมและดูแลเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าของผมในตอนนี้ให้มากกว่านี้ และความรู้สึกของผมมันบอกว่า…นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่เป็นเพียงแค่「เพื่อน」หรือ「เพื่อนสนิท」อย่างแน่นอน

 

แต่…เรื่องที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองให้เธอฟังมันถือว่าเป็นอีกเรื่องนึง

 

“มะ-ไม่ได้ชอบสักหน่อย…ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”

 

“ก็ไอประโยคที่ว่า「น่ารักมากพอๆกับยูเลยนะ」น่ะ มันไม่น่าจะเป็นประโยคที่นายจะพูดออกมาได้เลยนะ ถ้านายไม่ได้รู้สึกว่าชอบฉันน่ะ”

 

“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันแค่พูดชมเฉยๆไม่ได้รึไงกันเนี่ย”

 

“โกหกๆ พูดออกมาตรงๆก็ได้นี่นา~ เอาล่ะ เอาล่ะ หันมามองหน้าฉันแล้วก็พูดว่า「ชอบ」ซะดีๆ? หรือว่าอยากจะจุ๊บที่แก้มของฉันก่อนดี? นายชอบแบบนั้นงั้นเหรอ?”

 

“อุหวา~~ หยุดนะยัยบ้า เลิกแกล้งได้แล้ว ฉันไม่สนุกด้วยนะ”

 

“โธ่ ปากแข็งจริงนะ นายซึนเดเระ~”

 

“หยุดจิ้มแก้มได้แล้ว~~”

 

หลังจากนี้ผมก็โดนอุมิแกล้งจนถึงเวลากลับบ้านของเธอ

 

ทีวียังเปิดค้างเอาไว้อยู่ แต่ผมไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด

 

ท้ายที่สุด สัปดาห์นี้ก็กลับมาเป็นเหมือนกับสัปดาห์ก่อนๆที่ผ่านมา…

 

☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆

ปล. หวานกันให้ตายไปข้างเลยยยยยยย
ปล2. ถึงจะตรวจทานแล้ว แต่ถ้าเจอคำผิดแจ้งได้นะครับ 
ปล3. ติดตามอ่านตอนล่วงหน้าได้ที่ Durimtok Channel | Facebook นะครับ

ขอบคุณที่ติดตามครับ

Durimtok

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class

Score 10
Status: Completed
ผมชื่อ มาเอะฮาระ มากิ คนที่ไม่เพื่อน หรือคนรู้จักในโรงเรียนม.ปลาย แต่ในที่สุดก็มีคนที่ผมสามารถออกไปเที่ยวด้วยกัน ภายนอกรั้วโรงเรียนด้วยได้ เธอคือเด็กสาวคนหนึ่ง เธอชื่อ อะสะนางิซัง เด็กสาวที่พวกนักเรียนชายในชั้นเรียนต่างเรียกเธอว่า 'สาวน่ารักอันดับสองของชั้นเรียน'

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset