Goblin Kingdom 79

ตอนที่ 79

[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน

[เลเวล] 89

[คลาส] ลอร์ด, หัวหน้ากลุ่ม

[ทักษะ] <<Ruler of the Horde>> <<จิตวิญญาณผู้ท้าทาย>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B+>> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> << การจ้องมองจากปีศาจ >> << จิตวิญญาณของราชัน >> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา I>> << นัยน์ตาชั่วร้ายของงูตาเดียว>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>> <<สัญชาตญาณ>> <<ครอบครัวของพระเจ้า>>

[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย

[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย

[สัตว์ใต้บังคับบัญชา] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 20) ซินเธีย (เลเวล 20) บุย (เลเวล 36)

◇◆◇

ประตูขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

ไม่มีพวกเราคนใดที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่ทุกคนยังมีชีวิต

คุซานคุกเข่าลงตรงหน้าประตู

“ลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรม ดิสโคโลราโดได้โปรดฟังคำวิงวอนของเรา”

ขณะที่เธอเริ่มสวดมนต์ มีความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์เล็ดลอดออกมาจากตัวเธอ

ไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก่อนที่ประตูจะเปิดออก

จากนั้นคุซานก็หันมาหาผม ดวงตาของเธอว่างเปล่า แต่ก็เปล่งประกายสดใส “…ได้โปรดเข้าไปเถอะราชาของเรา”

ขณะที่ผมกำลังจะเข้าไปในประตู กิซาร์ก็ถามว่า “ท่านจะปลอดภัยใช่ไหม?”

“ข้าจะกลับมา” ผมพูดขณะก้าวผ่านประตูบานใหญ่ที่มืดมิด แม้แต่ดวงตาของก็อบลินก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าอะไรอยู่ข้างใน ผมรู้สึกถึงสายลมอุ่น ๆ พัดผ่านสัมผัสลงบนผิวหนัง

“…กลิ่นแห่งความคิดถึง” เสียงนั้นดูเหมือนจะทำให้ทุกอย่างสั่นคลอนภายใต้ความมืดนี้

“เจ้าคือลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรม?” เสียงนั่นคงเป็นใครไปไม่ได้ได้นอกจากลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรม

“เจ้าอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?” เขาพูด

แปลก เหมือนกับว่าเขาไม่ได้พยายามคุยกับผม แต่เขาพูดคุยกับคนอื่น

“เจ้าลืมวิธีการพูดไปแล้วหรือ? หรือมีเหตุผลที่เจ้าไม่สามารถพูดได้? “

เมื่อเสียงนั่นพูดอีกครั้ง ผมก็เคลื่อนไหวไปยังทิศทางของมัน

“…!”

เมื่อผมไปถึงร่างนั้นที่ถูกบดบังด้วยความมืด ผมก็หยุดอยู่บนเส้นทาง เรเชียเคยพูดถึงตำนานที่งูสี่ตัวต่อสู้เคียงข้างเทพธิดาแห่งนรก

นี่คงเป็นงูสองหัวในตำนานที่อยู่ต่อหน้าผม

มันมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่จนโอเกอร์ลอร์ดที่ผมเคยสู้ เทียบกันแล้วมีขนาดเท่ากับมด ประตูที่ผมเข้ามาน่าจะสูงประมาณ 15 เมตร ดังนั้นห้องนี้ก็ต้องมีขนาดพอ ๆ กัน แต่งูก็ใหญ่พอที่จะทำให้ห้องนั้นมีขนาดเล็กลง หัวทั้งสองข้างวางอยู่บนพื้น ขณะที่หลับตาและหายใจอย่างแผ่วเบา

ความกดดันที่ปล่อยออกมาไม่ใช่สิ่งที่น่าเย้ยหยัน แต่ถึงแม้จะรู้สึกกดดันจากบางสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยต่อสู้กับโลกใบนี้ แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาอย่างที่ผมคิดไว้ อาจจะเป็นเพราะผมเคยชินกับเสน่ห์ของเทพธิดาแห่งนรกแล้ว หรือด้วยเหตุผลบางอย่าง ความกดดันจากโอเกอร์ลอร์ดทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น

“เจ้าอ่อนแอลงหรือเปล่า?” ผมถาม แต่คราวนี้คำพูดของผมไปถึงเขา

“โฮสต์ของเวริด” เขากล่าว “ฮึ่ม ช่างเป็นคนที่หยิ่งผยอง”

คำพูดของเขาสะท้อนอยู่ในใจของผมโดยตรง

“เจ้ามาที่นี่ภายใต้คำแนะนำของคุซานใช่หรือไม่?”

“ใช่”

งูสองหัวยังคงไม่เคลื่อนไหวในขณะที่มันพูด “เจ้านี่เอง เด็กปีศาจแห่งความโกลาหล ‘ราชาก็อบลิน’ แต่เจ้ารู้ไหมว่า…มีกลิ่นแปลก ๆ ออกมาจากตัวเจ้า”

ทิศทางของลมเริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มพัดจากด้านหลัง

ไม่ นั่นเป็นเพียงงูยักษ์ที่หายใจเข้า

“มันเป็นกลิ่นของมนุษย์ที่น่ารังเกียจเหล่านั้น” เขากล่าว “มนุษย์ที่ไล่ตามมารดาของเรา! ใช่ มนุษย์สกปรกเหล่านั้น!”

เมื่อร่องรอยของความโกรธค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในน้ำเสียงของเขา แขนขวาที่ตายไปแล้วของผมก็ร้อนฉ่าและทันใดนั้นเอง มันก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง งูสีแดง ‘เวริด’ ที่สะท้อนอยู่บนแขนก็มีขนาดใหญ่ขึ้น

– น้องชายตัวเล็ก ให้ข้าคุยกับเขาเอง

เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นที่ข้างหู เสียงของงูสองหัวก็ดังก้องอยู่ในความคิดของผม

“มันผ่านไปสักพักแล้ว งูสองหัว”

“เวริด! เจ้าเพื่อนเก่า! “

เสียงของงูสองหัวเปลี่ยนสีสันจากความโกรธเป็นความยินดีอีกครั้ง แต่ร่างกายที่แท้จริงของมันไม่แสดงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ผมไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์นี้ แต่มันน่าจะดีที่สุดถ้าผมปล่อยให้พวกเขาพูดกัน

“ท่านแม่สบายดีไหม?”

“ใช่ ท่านยังงดงานเช่นเดิม ท่านสวมชุดที่เราเคยสาบานไว้และท่านยังจำเจ้าได้”

“เธอยังไม่เปลี่ยนไป…”

ภาพ ๆ หนึ่งฉายผ่านความคิดของผม เทพธิดาแห่งสวรรค์ยืนอยู่ต่อหน้าฝูงชน ซึ่งเป็นกองทัพของเทพเจ้าหลายพันองค์ เธอก็ยืนอยู่อย่างไม่เกรงกลัวและด้วยการแกว่งดาบ เธอก็กวาดพวกยักษ์และขับไล่เวทมนตร์ของพวกเอลฟ์ออกไป

“… แต่ข้า” งูสองหัวพูด “คำสาปของเทพเจ้าแห่งกาลเวลา จูลานาลิงเกอร์ที่น่าเกลียดชัง มันกลืนกินข้าตลอดเวลาอย่างช้า ๆ แต่เมื่อดวงจันทร์มากมายที่ผ่านไป ยังมีข้าคอยเฝ้าดูประตูนี้อยู่เสมอ”

“สองหัว…”

“…ร่างกายนี้กำลังจะตายลง มันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป …สงครามเป็นเพียงความฝันที่ห่างไกลสำหรับข้าแล้ว”

เวริดไม่พูดอะไร เขาไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว

ผมคิดถูก ลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรมกำลังจะตาย

“โฮสต์ของเวริด ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”

ดวงตาของงูสองหัวเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาสองคู่ซึ่งมีสีขาวขุ่นเหมือนกัน แต่พวกมันมองมาที่ผมโดยตรง

“เจ้าจะสามารถปกป้องประตูนี้ได้หรือไม่?”

มันเป็นความปรารถนาสุดท้ายของคนคนหนึ่งบนเส้นทางสู่ความตาย

“ข้าจะปกครองดินแดนนี้ในฐานะราชา” ผมพูด “ดังนั้นข้าขอสาบาน ทุกคนที่ล่วงเกินสิ่งที่เป็นของข้า ข้าจะไม่รั้งดาบแห่งการลงโทษไว้”

“…เป็นเช่นนั้น” งูสองหัวพูด

“ไม่ เจ้าคงไม่ได้จะ!?” เวริดพูดออกมาอย่างตื่นตระหนก

“เวริด” งูสองหัวพูด “บอกท่านแม่ให้ข้า บอกเธอว่าข้าเฝ้าดูที่นี่จนจบ บอกว่าข้าทำตามหน้าที่ได้ดี ร่างกายนี้ถูกสาปโดยเทพเจ้าแห่งกาลเวลา …และถ้ามีโอกาส ได้โปรดให้ข้าเฝ้าประตูบานนี้อีกครั้ง”

จากนั้นงูสองหัวก็ยกศีรษะขึ้นและพาพวกมันมาอยู่ข้าง ๆ ผม เมื่อมันอ้าปาก ผมสังเกตเห็นฟันอันแหลมคมซึ่งทุกซี่ดูเหมือนดาบขนาดใหญ่ของผม

“โฮสต์ของเวริด ข้าจะมอบพลังให้เจ้า” เขากล่าว “พลังในการปกป้องดินแดนนี้ พลังที่จะบรรลุความปรารถนาของเจ้า…”

ไม่เหมือนเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เสียงของเขาสั่นสะท้านด้วยพลัง ในขณะนี้แรงกดดันอันมหาศาลตกลงมาที่ผม นี่คืองูที่ต่อสู้กับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

“ข้าจะฝากไว้ให้เจ้า เด็กปีศาจแห่งความโกลาหล ‘ราชาก็อบลิน’ ”

สายลมกรรโชกแรงขณะที่งูสองหัวส่งเสียงร้องเป็นครั้งสุดท้าย แผ่นดินสั่และอากาศสั่นสะท้าน ขณะที่งูสองหัวร้องหาเทพธิดาแห่งนรก จากนั้นเมื่อถ่านก้อนสุดท้ายหมดลง …งูตัวนั้นก็ล้มลง

หลังจากนั้นไม่นานร่างยักษ์ของมันก็แตกสลายไป

“เพื่อน…” เวริดพึมพำก่อนจะเงียบ เขาไม่พูดอะไรอีก ในขณะที่ควบคุมแขนขวาของผมให้ฟื้นฟู ผมเหวี่ยงมันสองสามครั้งและมันก็ดีเหมือนเดิมราวกับการต่อสู้ก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องโกหก

ในขณะที่ผมกำลังจะจากไป ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างในร่างกายส่งผลต่อความรู้สึกและทิศทาง

“ความรู้สึกนี้…”

ความเจ็บปวดของวิวัฒนาการฝังอยู่ภายในตัวผม มันเป็นความเจ็บปวดที่คุ้นเคย จนทำให้ผมต้องคุกเข่า

◇◆◇

เมื่อเธอได้ยินเสียงนั้น เธอก็รู้ว่าหน้าที่ในการเป็นหัวหน้าเผ่าได้สิ้นสุดลงแล้ว ด้วยเสียงดังก้องกังวาน เดทคริสตัลที่เธอถืออยู่จึงแตกสลายและตกลงสู่พื้น

“มาสเตอร์คุซาน?”

เยลโล่รีบวิ่งไปหาเธอ แต่คุซานก็เกาะเขาในขณะที่เธอร้องไห้

“ท่านพ่อ…ลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรมได้จากไปแล้ว”

เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขามองไปที่ประตูบานใหญ่ จากนั้นก็หันกลับไปหาลูกสาวและกอดเธอไว้แน่น

“…เสียงของเจ้า!? “

“นายท่านใช้พลังเฮือกสุดท้ายให้ข้า…”

ด้วยการกระทำที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นต่อหน้า เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อว่าลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรมได้จากไปแล้วจริง ๆ

“…ข้ารู้แล้ว คำพูดสุดท้ายของเขาคืออะไร?”

“เขาขอบคุณที่เราดูแลเขามาโดยตลอด…”

“ข้าเข้าใจแล้ว…นั่นเป็นผลตอบแทนที่มากเกินพอสำหรับเผ่าของเรา มันจบลงแล้วไดน่า”

“…นั่นคือชื่อข้า?”

“ใช่ มันเป็นชื่อที่เจ้าเคยมี ก่อนที่เจ้าจะกลายมาเป็น ‘คุซาน’ นี่เป็นชื่อที่แม่ของเจ้าและข้าเลือก ไดน่าลูกรักของข้า”

“ท่านพ่อ…”

พ่อและลูกสาวทั้งคู่กอดกันขณะที่พวกเขาร้องไห้ นาร์ซากำลังมองดูพวกเขาจากระยะไกลและพูดกับกิลมิ

“เผ่ากอร์ด็อบจะเปลี่ยนไปในที่สุด มันวิเศษมากที่พวกเขาร้องไห้ได้ “

ก็อบลินไม่สามารถหลั่งน้ำตา แม้แต่ตอนที่นาร์ซาสูญเสียพ่อของเธอไป ก็ไม่มีน้ำตาร่วงหล่นออกมาจากดวงตา โดยไม่สำคัญว่าเธอจะเสียใจมากแค่ไหน

“พวกเขาอาจใกล้ชิดกับเอลฟ์มากกว่าเรา แต่…” นาร์ซาดูเหมือนไม่เข้าใจ แต่กิลมิก็พูดต่อ “ข้าคิดว่าการที่พวกเขาทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์นั้น เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การชื่นชม”

เพื่อปกป้องลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรมที่อาศัยอยู่ในส่วนลึกของป้อมปราการแห่งนรก นั่นคือหน้าที่ของพวกเขา มันเป็นเวลายาวนานนับตั้งแต่บรรพบุรุษของพวกเขามาถึงดินแดนนี้เป็นครั้งแรก เผ่ากันระ เผ่ากอร์ด็อบ เผ่าเกิร์ดการ์และเผ่าพาราดัว …บางทีแม้แต่ชื่อที่พวกเขาได้รับมาก็อาจเป็นเช่นนั้น เมื่อนาร์ซานึกถึง ก็มีความรู้สึกแปลก ๆ ออกมาจากภายในตัวเธอ

“ยังไงก็ตามกิลมิ” เธอกล่าว

“หือ?”

“เจ้าสัญญากับราชาเกี่ยวกับเจ้าหญิงเอลฟ์ใช่ไหม? เจ้าวางแผนอะไรในตอนนั้น?”

“…ข้ารู้สึกละอายที่จะยอมรับ แต่ข้าตั้งใจใช้มันในการช่วยเจรจากับก็อบลินทางตะวันออก ข้าคิดว่ามันจะเป็นไปได้ที่จะหา หากเราสามารถกำจัดเผ่าเกิร์ด เผ่าพาราดัวและเผ่ากอร์ด็อบลงได้”

รัสกาที่ฟังอยู่ข้าง ๆ เริ่มสนใจบทสนทนาและพูดว่า “ราชาชอบเอลฟ์งั้นเหรอ? เดิมทีข้าคิดจะมอบหญิงสาวในเผ่าให้เขา”

การตัดสินใจของราชาที่ไว้ชีวิตเด็กและผู้หญิงในเผ่าเขา ทำให้ราชาได้รับความสนใจจากพวกเธอมาก ไม่ต้องพูดถึงพวกเธอซึ่งเป็นก็อบลินที่อยู่ภายใต้รัสกา โดยธรรมชาติแล้วพวกเธอชื่นชอบชายผู้แข็งแกร่ง จึงไม่ยากที่ทำไมราชาถึงได้รับความนิยมในหมู่พวกเธอ

“ข้าไม่เข้าใจรสนิยมของราชา ในขณะที่ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้าหญิงเอลฟ์แก่เขา แต่ข้าไม่คิดว่านั่นคือเหตุผลที่เขาช่วยเรา…”

กิลมิมีสีหน้าละเอียดอ่อน เขารู้สึกประหลาดกับความสนใจที่ไม่คาดคิดของรัสกา

อย่างไรก็ตามรัสกาดูเหมือนจะไม่สนใจและพูดตามปกติ “ข้ารู้แล้ว เราจะต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจในส่วนนั้นของราชา ข้าเคยแพ้เขามาครั้งหนึ่ง ดังนั้นมันจะเป็นการทำลายเกียรติของเผ่าเรา หากข้าไม่สามารถรับใช้ราชาได้อย่างเหมาะสม”

“เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าเป็นคนพูดเองน่ะ รัสกา? ราชากับชาแมนที่ฆ่าโอเกอร์ลอร์ดทำให้เจ้าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?” อลูฮาลิฮาลล้อเลียน

เขาลงจากเสือดำแล้วลูบหัวมัน ในขณะที่รัสกาปิดปากเงียบลงทันที

เขาเป็นคนช่างพูด แม้ในตอนปกติเขาจะเป็นคนเงียบ ๆ การพูดคุยนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ น่าเสียดายที่เขารู้สึกประหม่าเหมือนเด็กเมื่อถูกจับผิด เขาอยากจะบ้าตาย แต่นั่นกลับทำให้เขาดูเหมือนเด็กกว่าเดิม ดังนั้นรัสกาจึงปิดปากของเขาแทน

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็คิดว่าต้องพูดอะไรบางอย่างกลับไป แต่ทันใดนั้นเสียงของกิซาร์ ชาแมนแห่งหมู่บ้านทางตะวันออกก็ดังขึ้น “ราชา! “

ทันทีที่เขาหันกลับมา พวกเขาก็คุกเข่าลง พวกเขาตกใจมาก แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ตัว พวกเขาก็พบว่าทุกคนทำเหมือนกัน พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าขณะกล่าวทักทายราชา

เมื่อเขาเหลือบมองไปที่ราชาครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่ทำให้พวกเขาคุกเข่า ตอนนี้เขาสูงขึ้นมากโดยมีเพียงศีรษะที่เล็กกว่ารัสกา เขาข้างหนึ่งราวกับยูนิคอร์นที่ยื่นออกมาจากหัวชี้ไปยังสวรรค์ และข้าง ๆ มันมีเขางออีกสองข้างเหมือนมิโนทอร์ ดวงตาสีแดงทั้งสองข้างที่มองลงมา มีรูม่านตาในแนวตั้งฉากซึ่งเหมือนกับงู

กล้ามเนื้อของเขากระชับอย่างสมบูรณ์ ราวกับว่าชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นทั้งหมดถูกนำออกไป ทิ้งไว้เพียงกล้ามเนื้ออันกระชับของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ โดยทั่วไปผิวหนังของเขาเป็นสีดำ แต่มีภาพงูขดอยู่รอบ ๆ แขนขวา เหมือนกับรอยสักที่มีสีดำกว่าและมีบางอย่างที่คล้ายกันที่แขนซ้ายซึ่งคล้ายกับอัญมณีสีม่วง

ในขณะที่ราชาก้าวเดิน หางของเขาก็เหวี่ยงไปมาเพื่อช่วยรักษาสมดุล

“ข้ามีบางอย่างจะประกาศ” ราชาพูด

เขี้ยวยาวสี่ซี่สามารถมองเห็นได้เมื่อราชาเปิดปากพูด แต่ยิ่งไปกว่านั้น น้ำเสียงที่ออกจากริมฝีปากเขาทำให้หัวใจของก็อบลินสั่นสะเทือน แม้แต่รัสกาเองก็ยังประหลาดใจ

“ข้าจะรวบรวมพี่น้องของเรามาที่นี่”

เมื่อได้ยินพูดคำเหล่านั้นความหนาวเย็นก็คืบคลานขึ้นไปด้านหลังของรัสกา เขารู้ว่ามันหยาบคาย แต่เขาก็ยังคงเงยหน้าขึ้นมองราชา ใบหน้าของราชามีความสง่างามในแบบที่เขาจำไม่ได้

“เราจะสร้างอาณาจักรของตัวเองบนโลกใบนี้”

หยดเหงื่อเริ่มก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือของรัสกา ในขณะที่เขากำมันไว้แน่นและขาทั้งสองข้างที่เขาวางไว้บนพื้นดินกำลังสั่น

นี่คือราชาเหรอ? ราชาที่จะนำเรา?

ความสุขที่เหมือนไฟลุกลามไปทั่วทั้งตัว เมื่อเขามองไปรอบ ๆ เขาก็พบก็อบลินตัวอื่น ๆ ที่เป็นเหมือนกัน

– ราชากลับมาแล้ว

จากตำนานเมื่อนานมาแล้วผ่านช่วงเวลาที่ไม่รู้จัก ในที่สุดราชาก็กลับมา

“ไปบอกให้พวกก็อบลินทุกตัวรู้ …ว่าราชาของพวกเขากลับมาแล้ว!! “

เสียงนั้นที่บีบส่วนลึกที่สุดในอกของเขา เราจะอธิบายความสุขนี้ให้คนอื่นฟังได้อย่างไร?

ในช่วงเวลานี้ที่ราชาผู้นำเผ่าพันธุ์ ราชาที่จะนำเหล่าก็อบลินได้กลับมาในที่สุด

◇◆◇◆

เนื่องจากเลเวลของคุณเพิ่มขึ้นเกิน 100 คลาสของคุณจะเลื่อนระดับจากลอร์ดเป็นราชา

คุณได้รับความคุ้มครองจากเจ้านายของป้อมปราการแห่งนรก ลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรม

คุณได้รับพรจากเวริด

คุณได้รับพรจากเทพธิดาแห่งนรก

ตอนนี้ค่าสถานะของคุณจะถูกรีเซ็ตใหม่ทั้งหมด

Options

not work with dark mode
Reset