Goblin Kingdom 67

ตอนที่ 67

[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน

[เลเวล] 15

[คลาส] ลอร์ด , หัวหน้ากลุ่ม

[ทักษะ] <<Ruler of the Horde>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B – >> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<จิตวิญญาณของราชัน>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>> <<สัญชาตญาณ>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา II>>

[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย

[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย

[สัตว์ใต้บังคับบัญชา] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 20) ซินเธีย (เลเวล 20) บุย (เลเวล 36)

◇◆◇

หลังจากการแลกเปลี่ยนของกิลมิและรัสกา ผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ …หัวหน้า ข้าขออภัย”

กิโกเดินเข้ามาหาผมและก้มหัวลง

“ไม่เป็นไร แม้แต่ข้าเองก็หลุดการควบคุมไปชั่วขณะ”

“…”

“ มันเป็นไปตามที่คาด พวกก็อบลินจากชนเผ่าทั้งสี่”

“ ท่านหมายถึง?”

ในขณะที่กิโกเอียงศีรษะของเขา ผมก็อธิบาย

“ ทุกคนคิดว่ากิลมิจะยอมแพ้เมื่อเขาปล่อยธนู หากพิจารณาถึงแรงกดดันที่รัสกาปล่อยออกมา การยิงให้โดนตาของรัสกาเพียงอย่างเดียว ก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมแล้ว”

“ข้าเห็นด้วย”

ขณะที่กิโกพยักหน้าอย่างนอบน้อม ผมก็พูดต่อ

“ แต่ถึงกระนั้นกิลมิก็สามารถดึงสายธนูได้ทันที ในขณะที่อดกลั้นไว้”

“ อดกลั้น…?”

“ เขาเลือกที่จะยิงธนูจากดวงตาไปยังสมองเพื่อฆ่ารัสกาได้ แต่ในเสี้ยววินาทีเขากลับรั้งสายธนูให้เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าลูกศรจะแทงทะลุดวงตาของรัสกาเท่านั้น”

“เป็นไปไม่ได้ …”

เหล่าก็อบลินธรรมดาไม่สามารถใช้ธนูได้ พวกเขาเข้าใจดีว่ามันผิดปกติแค่ไหน ที่กิลมิสามารถรั้งสายธนูในเสี้ยววิและยิงออกไปตามเป้าหมายของเขา

“รัสกาเองก็ด้วย ถ้าเขาได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมจนรู้สึกประหม่า เขาคงไม่สามารถสร้างสถานการณ์เช่นนี้ได้ และถูกประนามหากแสดงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย”

“ นั่น…แน่นอน”

ตราบใดที่คุณคาดหวังความเจ็บปวดที่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า มันเป็นสิ่งหนึ่ง แต่ความเจ็บปวดจากการโจมตีที่ไม่คาดคิดก็เป็นอีกเรื่องโดยสิ้นเชิง ถึงกระนั้น…การที่เขาสามารถอดทนต่อลูกศรที่แทงทะลุดวงตาได้นั้น ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของเขา

“ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของกิลมิ จากนี้ไปจะไม่มีการเป็นศัตรูต่อกันอีกหว่างเผ่ากันระและเผ่าเกิร์ดการ์”

ผมอาจจะคิดเรื่องนี้มากเกินไป

“ เขามีความสามารถ ถึงแม้เขาจะมีจุดอ่อน แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาคือวีรบุรุษของเผ่ากันระ”

การปกป้องเผ่ากันระจนมาถึงตอนนี้ แสดงให้เห็นว่ากิลมิมีความสามารถอย่างแน่นอน แต่เผ่ากันระที่ยังคงอยู่ในความคิดของกิลมิเสมอ นั่นอาจจะเป็นกุญแจรัดมือเขา

กิโกที่มึนงงกับคำพูด ถอนตัวจากที่อยู่ของผมเงียบ ๆ

ผมไม่ได้กระตุ้นความไม่ลงรอยกัน ด้วยความตั้งใจ

ผมแค่อยากพิสูจน์เขา

สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้คือเผ่ากอร์ด็อบ

สำหรับวิธีที่จะพิชิตพวกเขา ก่อนอื่นผมต้องรวบรวมข้อมูล

และหลังสงคราม เราต้องจัดงานเลี้ยง

◆◇◆

ตกดึก มีสายลมพัดผ่านพื้นราบที่ปกคลุมไปด้วยผืนหญ้าและเสียงร้องสรรเสริญของก็อบลินที่ดังก้อง ดวงจันทร์แฝดที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าซ้อนทับกันอวดความสว่างของตัวเอง

ในหมู่บ้านที่สว่างไสวด้วยเปลวเพลิง จะเห็นก็อบลินนอนอยู่ทุกที่ มันเป็นคืนที่สงบเงียล สงบจนไม่มีใครคาดคิดเลยว่าก็อบลินเหล่านี้เพิ่งฆ่ากันตายเมื่อหลายชั่วโมงก่อน ด้วยสายลมพัดผ่านเบา ๆ และแสงจันทร์ที่ตกกระทบบนตัวพวกเขา นี่ช่างเป็นโลกที่งดงาม

แต่ทันใดนั้นเอง ความเงียบนั่นก็ถูกทำลายลง

มองขึ้นไปบนท้องฟ้าจะเห็นนกแห่งความโชคร้าย’สกายอูร่า’ค่อย ๆ บินลงมา จนในที่สุดมันก็อยู่ตรงหน้าผม

ผมจับไอเอิร์นเซคั่นเพื่อให้แน่ใจว่าจะใช้มันได้ตลอดเวลา

“ สวัสดียามเย็นท่านราชา ข้าเชื่อว่านี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเรา”

นกแห่งโชคร้ายที่ลงมากำลังเปิดปาก ผมไม่เคยรู้เลยว่ามันพูดได้

“เจ้าคือใคร?”

โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมก็ปล่อยเสียงที่หนักหน่วงจนทำให้นกแห่งความโชคร้ายตกใจ

“ ป – โปรดอย่ากังวลเกินไป ข้าไม่ใช่ศัตรูของท่าน”

ขณะที่มันพยายามคลายความตึงเครียดของผม มันก็กระพือปีกสีดำ

“ ข้าไม่เคยรู้จักกับนกแห่งความโชคร้าย”

“ ข้าเป็นผู้ส่งสารจากชนเผ่ากอร์ด็อบ ผู้รับใช้ของมาสเตอร์คุซาน ปกติข้าจะมาด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เนื่องจากสถานการณ์บางอย่าง ข้าจึงไม่สามารถทำได้ ได้โปรดอภัยให้กับความหยาบคายของข้า”

ผมมองกลับไปที่มันด้วยแววตาสงสัย

…? นั่นหมายความว่าพวกเขาเลี้ยงนกแห่งความโชคร้ายตัวนี้?

ผมเคยได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นเผ่าที่ใช้สัตว์อสูร แต่ดูเหมือนว่าสัตว์ของพวกเขาจะแตกต่างจากกิกิเล็กน้อย พวกเขาใช้เวทมนตร์บางอย่างทำให้นกตัวนี้สามารถพูดได้?

“แล้วเจ้ามีธุระอะไร?”

“ ได้โปรดให้ข้าทำความเคารพต่อราชา ในฐานะผู้ติดตามของท่านด้วย”

พวกเขาอยากจะเป็นคนรับใช้ของผม? นั่นไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่…ทำไมล่ะ? เหตุผลเดียวที่ผมคิดได้คือ พวกเขามาในเวลาเดียวกับที่เผ่าเกิร์ดการ์ยอมแพ้ พวกเขาสังเกตเราอยู่?

“ ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมเผ่ากอร์ด็อบไม่มาแสดงตัวต่อหน้าข้าล่ะ?”

“ หัวหน้าของเรา มาสเตอร์คุซานป่วยอย่างหนักทำให้เขาไม่สามารถแสดงตัวต่อหน้าท่านได้ ได้โปรดอภัยให้กับความหยาบคายของข้า”

ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวแทนของคุซาน

“ แล้วทำไมเจ้าไม่แสดงตัวออกมา”

“ ข้าจำเป็นต้องดูแลมาสเตอร์คุซาน”

ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็แปลก

ผมไม่คิดว่าการสนทนาของเราจะดำเนินไปอย่างราบรื่นเช่นนี้

“ แสดงว่ามันไม่มีปัญหาอะไร หากข้าจะไปยังสถานที่ที่พวกเจ้าอยู่?”

“โอ้! ทั้งหมดนี้ ท่านหมายความว่า…!”

นี่คือกับดักเหรอ? ผมต้องการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุซานก่อน

“ ข้าต้องเตรียมการ อีกไม่กี่วันข้าจะไปหมู่บ้านเผ่ากอร์ด็อบ”

“ เป็นข่าวดีอะไรเช่นนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วข้าจะไปเตรียมตัวเช่นกัน ขออภัยต่อท่าน แต่ครั้งนี้ข้าขอลาไปก่อน”

ขณะนั้นเองร่างกายของสกายอูร่าก็เริ่มสั่นอย่างกะทันหัน จากนั้นมันก็ล้มลง

นกตัวนี้ตายไปแล้ว

“ เนโครแมนเซอร์งั้นเหรอ?”

นั่นเป็นเทคนิคจากอย่างหนึ่งของนรก? หรือมันเป็นอย่างอื่น?

เผ่ากอร์ด็อบ…กระตุ้นความสนใจของผมมากขึ้นเล็กน้อย

◆◇◆

ภายนอกป่าทมิฬไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มันเป็นดินแดนที่ปกครองโดยกษัตริย์แอชทัล

ในดินแดนทางทิศตะวันตก เขาได้รับอนุญาตจากกษัตริย์ให้ออกจากรถม้าไปยังคฤหาสน์ของขุนนาง ที่ปกครองดินแดนป่าทมิฬ ด้วยใบหน้าที่สง่างามและหลังที่เหยียดตรง ใคร ๆ ที่เห็นคงคิดว่าเขาเป็นพ่อบ้าน ถ้าไม่ใช่เพราะความเฉียบคมที่ซ่อนอยู่ในแววตาหรือออร่าแห่งการต่อสู้อันชัดเจนที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ หนวดสีขาวและผมสีเงินที่ทำให้เกิดแรงกดดันอย่างหนักหน่วงต่อบริเวณโดยรอบ

แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือมือเหล็กที่เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นใคร อัศวินศักดิ์สิทธิ์โกเวน ทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร เขามาที่นี่เพื่อตรวจสอบผู้คนในดินแดนของเขาเป็นการส่วนตัว

สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะคำสั่งเมื่อไม่กี่วันก่อน

ไปนำนักบุญแห่งซีโนเบียกลับมา

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือช่วยหญิงสาวที่ถูกจองจำในป่าทมิฬ ลำดับความยุ่งยากจึงเพิ่มขึ้น

“ ยินดีต้อนรับกลับบ้านขอรับนายท่าน”

“ ความคืบหน้าเป็นยังไงบ้าง?”

“ ตามที่ท่านร้องขอ ข้ากำลังรวบรวมกลุ่มคนที่น่าจะตอบสนองความต้องการของท่านได้ คาดว่าพวกเขาทั้งหมดจะมารวมตัวภายในสิบวัน”

“ ให้พวกเขามาเร็วกว่านี้ ข้าจะดูแลที่เหลือเองเมื่อพวกเขามาถึง เจ้ารีบไปเตรียมเสบียงต่อเถอะ”

“ ได้ขอรับ”

หลังจากอัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามรับคำสั่งของกษัตริย์ โกเวนก็แนะนำให้พวกเขาแยกกัน เพราะไม่มีทางที่พวกเขาจะทำงานร่วมกันได้ หากเข้าไปในป่า ถ้ามีอะไรข้อผิดพลาดเกิดขึ้น แทนที่ช่วยเหลือ พวกเขาคงจะพยายามฆ่ากันมากกว่า

อาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นฟังดูดี แต่มีความด้วยแข็งแกร่งส่วนบุคคล จึงยากที่จะทำให้พวกเขารับฟัง ดังนั้นแทนที่จะต่อสู้กันในศึกที่ไร้ประโยชน์ หากพวกเขาแข่งขันกันเอง มันจะง่ายกว่ามาก

ขอบเขตที่ต้องค้นหานั้นใหญ่เกินไป มันไม่ใช่สิ่งที่คนสามคนจะจัดการได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดถ้ามีคนอื่นช่วย นอกจากนี้ไม่ควรมีสัตว์อสูรร้ายกาจตัวใดในพื้นที่

“ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ แต่…ข้าก็จะไปช้าไม่ได้”

ในฐานะที่เป็นทหารผ่านศึกมาอย่างยาวนาน อัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ช่วยเหลืออาณาจักรมามากมาย จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องออกไปแข่งขันเพื่อความสำเร็จ สิ่งที่เขาต้องทำคือการแสดงให้เห็นว่า เขาสามารถชักนำอัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองได้ดี

◆◇◆

ร้านค้าต่าง ๆ ที่เรียงรายอยู่รอบปราสาทนั้นเต็มไปด้วยผู้คน แต่ที่น่าแปลกคือเสียงอันวุ่นวายอยู่ห่างจากปราสาทที่กษัตริย์อาศัยอยู่ไม่มากนัก

ท่ามกลางฝูงชนเหล่านั้น มีชายหนุ่มเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อซึ่งสวมชุดเกราะกำลังเดินอยู่ เขามีกรามที่น่าทึ่งซึ่งดูเหมือนว่ามันสามารถบดขยี้ได้แม้กระทั่งโลหะ การจ้องมองอันทะเยอทะยานที่สามารถมองเห็นได้ผ่านดวงตาสีฟ้าอันดุร้ายคู่นั้น ในความเป็นจริงแม้แต่ทรงผมที่เพิ่งตัดมาไม่นานก็ยังยืนหยัดที่จะต่อสู้กับสวงสวรรค์

ผู้ชายคนนั้นหยุดลงที่ร้านแห่งหนึ่ง

หากคนสามารถอ่านอักขระทั่วไปของทวีปหรือภาพวาดบนป้ายได้ เขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน

เนื่องจากป้ายไม้มีสัญลักกษณ์ของดาบและเวทมนตร์ โดยมีตัวอักษรว่า“ กิลด์นักผจญภัย”

“ มีใครอยู่มั้ย?”

“โอ้! นั่นกัลแลนด์ไม่ใช่เหรอ!”

เมื่อได้ยินเสียงของหัวหน้ากิลด์ เกือบทุกคนก็หันหน้าไปยังกัลแลนด์ ริฟนิน ซึ่งมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอัศวินวายุ นักรบผู้มีชื่อเสียงแม้แต่กับอาณาจักรข้างเคียง

“ว่าไง? แกโดนไล่ออกมาแล้วเหรอ?”

ผู้ชายเหล่านี้ถูกล้อมรอบด้วยโต๊ะหลายตัว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นทหารที่กำลังพูดคุยอย่างไร้สาระ แต่กัลแลนด์แค่แสดงรอยยิ้มที่ดุดันเป็นการตอบสนอง

“ ไม่ คราวนี้ข้ามีงานที่คล้ายกับการเป็นวีรบุรุษ”

“วีรบุรุษ แน่ใจนะ ว่าเจ้าไม่ได้หมายถึงขโมย”

ทั้งกิลด์ระเบิดหัวเราะออกมา ตามความหมายของคำว่า “นักผจญภัย” พวกเขาคือคนที่กล้าเสี่ยงในสถานที่ที่ไม่รู้จัก และโดยธรรมชาติ สมบัติที่พบระหว่างทางจะตกเป็นของพวกเขา แต่นั่นเป็นเรื่องที่กิลด์ต้องจัดการและกัลแลนด์คืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่เคยเป็นนักผจญภัย

อัศวินนักผจญภัย วาตภัยกัลแลนด์ …เขามีหลายชื่อ

“ น่าเสียดายที่คราวนี้เป็นงานของวีรบุรุษจริง ๆ ข้าจะไปช่วยเจ้าหญิงที่ถูกจองจำไว้ในป่า!”

เสียงในกิลด์ดังขึ้นเรื่อย ๆ

“ดังนั้นในฐานะคนที่เริ่มต้นจากการเป็นนักผจญภัย ข้าอยากจะส่งคำขอถึงกิลด์ ข้ากำลังมองหาคนที่จะร่วมเป็นสมาชิกของฮีโร่ ข้าต้องการคนประมาณ 30 คน …และรางวัลคือหนึ่งเหรียญทอง”

“ ถ้าเป็นเช่นนั้น คำขอคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่อย่างที่ข้าบอกไปแล้วว่าอย่า…”

เมื่อได้ยินเสียงของหัวหน้ากิลด์ที่ปะปนกับการถอนหายใจ กัลแลนด์ก็ยิ้ม

“ ข้าวางใจท่าน”

“ …เฮ้อ ข้าจะส่งคำขอไป”

เมื่อนึกถึงผู้สมัครจำนวนมากที่จะมาถึง มันจะยุ่งยากแค่ไหนกัน เมื่อคิดเช่นนั้นหัวหน้ากิลด์นักผจญภัยก็ถอนหายใจ

◆◇◆

ความสงบเรียบร้อยของเมืองหลวงอยู่ภายใต้การดูแลของทหารยาม แต่การกำจัดอาชญากรรมทั้งหมดไม่ใช่เรื่องง่าย

พื้นที่ห่างจากกำแพงมากที่สุด คือสลัมที่คนยากจนอาศัยอยู่

ถัดจากนั้นคือเขตของสามัญชนที่มีงานทำ

แต่ละระดับที่อยู่ใกล้กับกำแพงจะแสดงถึงผู้คนที่มีเงินและอำนาจ

และในเมืองหลวงแห่งนี้ที่มีเขตแดนระหว่างสามัญชนกับเขตของพ่อค้า นั่นเป็นสถานที่หนึ่งของกลุ่มพ่อค้าที่มีบรรยากาศเฉพาะตัว

สิ่งที่พ่อค้าเหล่านี้ขายไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากมนุษย์ กึ่งมนุษย์และเอลฟ์

ด้วยคำว่า “ทาส” ผู้คนที่ถูกสวมกุญแจมือจึงถือว่าเป็นสินค้า พวกเขาถูกขายเพื่อใช้เป็นแรงงานสงคราม หรือแม้กระทั่งของเล่นเพื่อความบันเทิง

ยีน มาร์ลอนมาที่ร้านแห่งหนึ่งเพื่อซื้อทาส ถึงแม้ปกติเขาจะส่งคนรับใช้มาแทน แต่คราวนี้เขามาที่นี่เพราะต้องการดูสินค้าด้วยตัวเอง

เขาเป็นชายผมยาวสลวยสวมชุดเกราะสีแดง ด้วยดวงตาสีทองคู่นั้น มันสวยงามจนเขามักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง ร่างกายที่ผอมเพรียวและผิวที่ขาวซีดยิ่งทำให้เขาดูคล้ายกับผู้หญิงมากขึ้น แต่รอยยิ้มที่เหน็บแนมและรอยกรีดยาวที่หางตา แสดงออกถึงความดูแคลนต่อทุกสิ่ง

สิ่งที่เขาต้องการคือทาสที่มีความสามารถค้นหาในป่า พวกเขาอาจจะแพงไปสักหน่อย แต่ในฐานะคนที่มีความตั้งใจจะแข่งขันกัน เขาจึงไม่มีเจตนาที่จะตระหนี่ เพื่อแลกกับทาสที่มีทักษะ

เอล์ฟสาวน่าจะดีที่สุด

ไม่มีอะไรดีไปกว่าความสนุกอีกแล้ว…

เมื่อคิดเช่นนั้น เขาจึงเดินเข้าไปในร้าน

◆◇◇◆◆◇◇◆

อ่านนิยายล่วงหน้าได้ในกลุ่ม ที่เพจ Koel-Translate นิยายแปล (ตอนนี้แปลถึงตอน 400 กว่าแล้วนะครับ)

https://www.facebook.com/pg/Koel-Translate-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5-111530443746222/posts/

Options

not work with dark mode
Reset