Goblin Kingdom 53

ตอนที่ 53

[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน

[เลเวล] 8

[คลาส] ลอร์ด , หัวหน้ากลุ่ม

[ทักษะ] <<Ruler of the Horde>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B – >> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<จิตวิญญาณของราชัน>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>> <<สัญชาตญาณ>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา II>>

[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย

[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย

[สัตว์ใต้บังคับบัญชา] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 20) ซินเธีย (เลเวล 20) บุย (Lv36)

◇◆◇

[ก็อบลิน] กิก้า

ก็อบลินที่อาศัยอยู่ผู้นำคนก่อนพ่ายแพ้ให้กับออร์ค แต่ปัจจุบันเขาเป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของผม เขาเป็นผู้ใช้หอก

[ก็อบลิน] กิกูว

อดีตผู้นำหมู่บ้าน เขาถูกกดดันเพื่อสละตำแหน่งให้กับผม เขาใช้ดาบยาวและค่อนข้างฉลาดถ้าเทียบกับก็อบลินแรร์ทั่วไป

[ก็อบลิน] กิกิ

เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกสัตว์ เขาเลื่อนคลาสในหลังจากการล่ากวางเอเรล เป็นความสามารถที่ค่อนข้างหายากและเขาชอบที่จะใช้ขวาน

[ก็อบลิน] กิโก

ก็อบลินที่มีบาดแผลมากมายทั่วร่าง อาหารส่วนใหญ่มักถูกขโมยโดยเกรย์วูฟ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะติดตามผม เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในหมู่พวกก็อบลินแรร์

[ก็อบลิน] กิซาร์

ดรูอิด (ก็อบลินแรร์) ผู้ใช้เวทย์ลม ที่เพิ่งเข้ากลุ่มมา

[ก็อบลิน] กิจิ

ก็อบลินแรร์ที่เลื่อนคลาส (ตอนที่ 37) จากการออกล่ากับกลุ่มของกิก้า

[ก็อบลิน] กิโด

ดรูอิดผู้ใช้เวทย์ลม

[ก็อบลิน] กิจี

ก็อบลินแรร์จากกลุ่มของกิกูว เขามีทักษะ <<ดวงตาที่เปิดกว้าง>> ซึ่งทำให้เขาสามารถเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้

[ก็อบลิน] กิด้า

ก็ก็อบลินแรร์จากกลุ่มของกิก้า เขามีทักษะที่โดดเด่นอย่าง <<ความรู้เกี่ยวกับหอก>> และ <<ดื้อรั้นอย่างไม่มีเหตุผล>>

[ก็อบลิน] กิซู

ก็อบลินแรร์ผู้ถูกเทพเจ้าผู้บ้าคลั่ง (ซู โอรุ) คุ้มครอง มีทักษะ<< Mad Dog >>

◇◆◇

หลังจากขับไล่ก็อบลินเผ่าเกิร์ดการ์ออกจากหมู่บ้านกันระ เราก็ไปที่ใจกลางหมู่บ้านและขอให้พวกเขาแสดงสิ่งที่เรียกว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์

ในตอนแรกนาร์ซาต่อต้าน แต่เมื่อกิลมิอธิบายให้เธอฟัง เธอจึงหยิบธนูข้างหลังออกมา

“นี่คือสมบัติของกันระธนูดาวตก ยูเน่” กิลมิกล่าว

ผมยังมองไม่เห็นเป็นอย่างอื่นนอกจากธนูธรรมดา บางทีมันอาจจะไม่ได้มีอะไรพิเศษมากกว่าที่มองจากภายนอก

“คันธนูนี้สามารถสร้างลูกศรเปลวไฟได้” เขากล่าวต่อ

ก็คือมันสามารถก่อไฟได้โดยที่ไม่มีอะไร

แต่มันมีอะไรน่าทึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้?

“หัวหน้าช่วยสาธิตพลังของธนูหน่อยได้ไหม?” กิลมิยื่นคำร้องต่อนาซาร์

จากนั้นเธอก็หยิบคันธนูขึ้นมาโดยไม่ได้พูดอะไรเพื่อยิงลูกศร

เธอรั้งสายธนูโดยที่ไม่มีลูกศร จากนั้นเมื่อปล่อยสาย โดยมีเสียงของบางสิ่งที่ฉีกขาดดังก้องและลูกศรก็ลอยไปในอากาศด้วยส่วนปลายที่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง มันชวนให้นึกถึงดาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้า

“ยิงธนูของพวกเจ้าไปที่ลูกศรนั้น!” กิลมิสั่ง

เมื่อผมได้ยินแบบนั้นผมก็เข้าใจ ลูกศรนี้เป็นเป้าหมาย

หลายคนตอบรับการเรียกของกิลมิ พวกเขาจึงยิงธนูไปที่แสงสว่างนั้น

“ตอนนี้ท่านเข้าใจคุณค่าของธนูแล้วหรือยัง?” เขาถามผม

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีเพียงก็อบลินเผ่ากันระเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้ จะมีก็อบลินเผ่าไหนที่ยิงธนูได้อีกนอกจากพวกเขา?

เป็นก็อบลินที่ฉลาดอะไรขนาดนี้

“ใช่…ข้าเข้าใจแล้ว” ผมตอบ

นั่นคือคุณค่าของชนเผ่ากันระ

กิลมิถอนหายใจด้วยความโล่งใจกับคำตอบของผม แต่นาร์ซาทำได้เพียงมองเราด้วยสายตางุนงง

ผมคิดว่ามันยากเกินไปสำหรับก็อบลินปกติที่จะเข้าใจ แต่สิ่งที่กิลมิทำก็เพื่อความปลอดภัยของเผ่ากันระทุกคน

หากสามารถแสดงคุณค่าได้ ตนเองจะไม่ถูกข่มเหง

นี่เป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะท้ายที่สุดผมกำลังรวบรวมก็อบลินเพื่อปกครอง

สำหรับก็อบลินที่อาศัยอยู่ในสังคมที่ถูกตัดสินด้วยพลัง

รา กิลมินั้นเป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“มาเปลี่ยนเรื่องกันเถอะ” ผมพูด “ข้าอยากได้ยินเกี่ยวกับชนเผ่าอื่น ๆ ”

ด้วยการจัดหาอาหารเพื่อจัดงานเลี้ยงในหมู่บ้านกันระ ในระหว่างงานผมก็สอบถามเกี่ยวกับชนเผ่าอื่น ๆ

ผมจำเป็นต้องรู้ว่าศัตรูคือฝ่ายใดและใครที่เต็มใจจะเป็นพันธมิตร

“…หัวหน้าของเผ่ากอร์ด็อบ คุซานยังคงเป็นกลาง” กิลมิกล่าว “เธอไม่ได้สนใจเรื่องต่าง ๆ มากนัก ในทางกลับกันลอร์ดอลิฮาลูฮาลของเผ่าพาราดัว เขาเป็นคนที่หยิ่งผยอง แต่ก็อาจจะเป็นศัตรู”

ผู้ที่นั่งที่เก้าอี้หัวหน้าอันล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิงคือผมและนาร์ซา จากนั้นรอบ ๆ มีก็อบลินที่ได้รับการจัดลำดับในหมู่เผ่ากันระ รวมถึงก็อบก็อบลินชั้นสูงและก็อบลินแรร์ที่ผมพามาด้วย

ลูกศรของนาซาร์ที่ยิงไปก่อนหน้าเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันค่อนข้างน่าสนใจ

ตอนแรกทุกคนแข็งทื่อ แต่หลังจากเริ่มงานเลี้ยง ทุกคนก็มีชีวิตชีวาขึ้น

ในขณะเดียวกันคำพูดของกิลมิทำให้ผมคิด

เผ่ากอร์ด็อบเป็นเผ่าที่จัดการเกี่ยวกับเวทมนตร์ต่าง ๆ เผ่าพาราดัวเชี่ยวชาญในการขับขี่และเผ่าเกิร์ดการ์เป็นก็อบลินที่มีความแข็งแกร่งมหาศาล เมื่อพิจารณาถึงพวกก็อบลินไม่กี่ตัวที่ผมมีกับ การต่อสู้กับทุกเผ่าอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุด

“ความสัมพันธ์ระหว่างชนเผ่าล่ะ เป็นยังไงบ้าง?” ผมถาม

กิลมิเหลือบมองไปที่นาร์ซาครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น

“ในอดีตไม่มีเรื่องแบบนั้น แต่ในปัจจุบันชนเผ่าเกิร์ดการ์กำลังปราบปรามเผ่าอื่นๆ บางทีเผ่าพาราดัวอาจจะตกอยู่ภายใต้พวกเขาแล้ว” กิลมิกล่าว

“เจ้าไม่ได้แค่พูดว่าเผ่าพาราดัวนั้นภาคภูมิใจในตัวเองเหรอ?” ผมถาม

“นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งก็จริง” เขาตอบกลับทันที “ข้าต้องขอโทษหากคำพูดนี้ดูหยาบคาย แต่พวกเขาอาจจะเข้าร่วมกับคนที่รู้จักแทนที่จะคุกเข่ากับคนนอก”

มีเหตุผล

“หมู่บ้านของเผ่าพาราดัวอยู่ใกล้ ๆ นี่ใช่ไหม?” ผมถามด้วยรอยยิ้ม

“หมู่บ้านของพวกเขาอยู่ห่างจากที่นี่ไปทางทิศตะวันตกประมาณสองวัน” กิลมิตอบ “มันเป็นสถานที่คล้ายกับเชิงเขา”

” ข้าจะพาคนจากกันระไปได้กี่คน?”

สายตาที่หดหู่ของกิลมิมองผมอย่างรอบคอบ

“ก็อบลิน 15 ตัว” เขาตอบ “แต่มาจากกองกำลังตระกูลราของเราเท่านั้น”

มันเป็นโอกาสที่ดี ดังนั้นผมอาจจะจัดการเรื่องที่ยุ่งยากได้เช่นกัน

“ข้าเข้าใจ…เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น กิลมิจากนี้ไปเจ้าจะ –––”

“น่าเสียดาย…”

ผมแค่กำลังจะขอให้เขารวบรวมหมู่บ้านกันระ แต่ประกายแห่งความสิ้นหวังก็ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา

“มีเพียงผู้ที่มีเลือดของมาสเตอร์กิแลนเท่านั้น ที่จะปกครองกันระได้” เขากล่าว

“อืม…”

ไม่มีประโยชน์ที่จะผลักดันต่อไป

เขาเป็นก็อบลินที่ดื้อรั้นพอ ๆ กับกิซาร์ แต่มันจะทำให้ผมสงสัยว่าทำไมต้องเป็นนาซาร์? ทำไมเขาถึงภักดีกับเธอถึงขนาดนั้น

ไม่มีใครเหมาะสมที่เขาจะสาบานอีกต่อไป?

อย่างน้อยที่สุดถ้าเขาอยู่เคียงข้าง ผมจะให้เขาได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น

“ข้าจะนอนแล้ว” นาร์ซาพูดในขณะที่เธอยืนขึ้นอย่างไม่พอใจ

ขณะที่ผมเฝ้าดูเธอเดินจากไปพร้อมกับกิลมิ ผมก็สงสัยว่าทำไมกิลมิถึงเลือกที่จะติดตามเธอ

“ท่านดูไม่อยากให้พวกเขาจากไป”

เมื่อผมมองย้อนกลับไป ข้างหน้าผมคือกิซาร์ที่ยืนอยู่

“ข้าแค่สงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและลูกน้องคืออะไร?”

“อะไรกัน? ท่านอิจฉาเกินไปหรือเปล่า?” เขาพูดประชดประชัน ทำให้ดวงตาของผมเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

เมื่อเห็นเช่นนั้นกิซาร์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ก็อบลินทุกตัวไม่จำเป็นต้องสาบานว่าจะจงรักภักดีเจ้านายเสมอไปใช่ไหม? แม้ว่าความภักดีของพวกเขาจะอยู่ที่อื่น ตราบใดที่พวกเขามอบอำนาจให้ ท่านก็ยังไม่พอใจต่อพวกเขา?” เขาพูด

“ข้าคิดจะให้ก็อบลินทุกตัวมาสยบภายใต้ข้าด้วยซ้ำ” ผมพูดกลับไป

” อย่างจริงจัง? ” เขาถามในขณะที่จ้องมองมาที่ผม

“…ใช่” ผมตอบอย่างห้วนๆ

“ถ้าอย่างนั้น มันยังไม่เพียงพอ ไม่ว่าท่านจะความแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม”

อย่างงั้นเหรอ?

“แค่ทำตามที่ท่านต้องการราชา หากใครมาขวางทาง คนพวกนั้นถือว่าเป็นศัตรูของเรา”

ดังนั้นมันไม่สำคัญว่าจะเป็นก็อบลินหรือออร์คใช่มั้ย?

“อืม…เมื่อลองคิดดูแล้ว เจ้าสาบานกับข้าไว้ไม่ใช่เหรอ?”

ผมรู้ว่ามันฟังดูโง่ แต่ถ้าผมไม่ใช้โอกาสนี้ในการถาม ผมก็อาจจะไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง

“ทุกคำพูดที่ข้าพูดไป มันไม่ใช่เรื่องโกหก”

เมื่อกินอาหารเสร็จ กิซาร์ก็ลุกขึ้นยืน

“ข้าจะไปแล้ว” เขากล่าว “ข้าต้องไปเปลี่ยนยามเฝ้าระวัง”

เขาเรียกเผ่ากันระและก็อบลินของเรา เพื่อสั่งให้พวกเขาไปประจำตำแหน่ง

“อย่าทำให้พวกเขาเดือดร้อนล่ะ” ผมบอกเขา

เขาต้องจัดการเพราะผมไม่สามารถสั่งการเองได้ ถ้าผมไปด้วยตัวเองพวกเขาคงจะไม่ผ่อนคลาย

“จำไว้ ท่านควรทำตามความต้องการของตัวเอง” กิซาร์ยักไหล่ขณะหายตัวไปในความมืด

ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากออกมาจากผม นอกจากคำว่า…ขอบคุณ

◆◇◇◆◆◇◇◆

อ่านนิยายล่วงหน้าได้ในกลุ่ม ที่เพจ Koel-Translate นิยายแปล (ตอนนี้มี 300 กว่าตอนแล้วนะครับ)

https://www.facebook.com/pg/Koel-Translate-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5-111530443746222/posts/

Options

not work with dark mode
Reset