Goblin Kingdom 33

ตอนที่ 33

[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน

[เลเวล] 60

[คลาส] ดยุค , หัวหน้ากลุ่ม

[ทักษะ] <<สั่งการ>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B->> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<จิตวิญญาณของราชัน>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>>

[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย

[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย

[สัตว์เลี้ยง] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) เกรย์วูล์ฟ (เลเวล 1) x2

[สถานะผิดปกติ] <<เสน่ห์ของนักบุญ >>

◇◆◇

[ก็อบลิน] กิก้า

ก็อบลินที่อาศัยอยู่กับผู้นำคนก่อนและพ่ายแพ้ให้กับออร์ค แต่ปัจจุบันเขาเป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของผม เขาเป็นผู้ใช้หอก

[ก็อบลิน] กิกูว

อดีตผู้นำหมู่บ้าน เขาถูกกดดันเพื่อสละตำแหน่งให้กับผม เขาใช้ดาบยาวและค่อนข้างฉลาด เมื่อเทียบกับก็อบลินแรร์ทั่วไป

[ก็อบลิน] กิกิ

เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกสัตว์ เขาเลื่อนคลาสในหลังจากการล่ากวางเอเรล เป็นความสามารถของเขาค่อนข้างหายากและเขาชอบที่จะใช้ขวาน

[ก็อบลิน] กิโก

ก็อบลินที่มีบาดแผลมากมายทั่วร่าง อาหารส่วนใหญ่มักถูกขโมยโดยเกรย์วูฟ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะติดตามผม เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในหมู่พวกก็อบลินแรร์

[ก็อบลิน] กิซาร์

ดรูอิด (ก็อบลินแรร์) ผู้ใช้เวทย์ลมที่เพิ่งเข้ากลุ่ม

◇◆◇

“มนุษย์มาที่นี่!”

เป็นฮาสุที่บอกผมถึงการมาของมนุษย์

มีเหงื่อเย็นหยดลงมาจากข้างหลัง

“พวกเขามีจำนวนเท่าไหร่?” ผมถามและโยนอาหารให้

ผมรอให้มันกินเสร็จก่อนจะตอบ

“15”

เยอะมาก

พวกเราจะต้านทานพวกมันได้มั้ย หากทั้ง 15 คนเป็นนักผจญภัย

อาจจะมีโอกาสถ้าเรารู้จุดอ่อนของพวกเขา

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ!”

ผมต้องคิดและเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

มันเป็นเวลาประมาณเดือนครึ่งหลังจากกลุ่มของเรเชียถูกจับตัว

ผมไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขามีจำนวน 15 คนจริงหรือเปล่า ดังนั้นก็อบลินที่ผมเตรียมไปคือก็อบลินที่เรียนรู้การต่อสู้แบบสามคนแล้ว

ไม่มีหนทางอื่นนอกจากต่อสู้

“กิก้า ไปรวบรวมทุกคนมาที่นี่ซะ”

“ตามที่ท่านสั่ง”

“กิโก เจ้าจงปกป้องคนที่ไม่สามารถสู้ได้”

“ขอรับ”

“คนอื่น ๆ ไปรวบรวมกองกำลังของตัวเองมา”

“รับทราบ!”

ผมจะจัดการก็อบลินทั้ง 15 ตัวและฝากก็อบลินที่เหลือให้กิโกดูแล

ผมลูบหัวลูกเกรย์วูล์ฟและยกพวกมันให้กับเรเชีย

“คุณพาคนไปเยอะมากเลยนะคะ” เรเชียตั้งข้อสังเกต

“ฝากดูแลพวกเขาด้วยจนกว่าข้าจะกลับมา”

เรเชียกอดลูกเกรย์วูล์ฟไว้

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะดูแลกิวเนและซินเธียเอง”

“อะไรนะ?”

“คุณไม่ชอบมันเหรอ? กิวเนหมายถึงแนวหน้าของพระเจ้าและซินเธียหมายถึงหญิงสาวจากทะเลสาบ”

ชื่อเหล่านั้นแย่มาก

โดยเฉพาะกิวเน

“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีเวลามาโต้แย้ง ไว้เราค่อยคุยกันตอนคุณกลับมาก็ได้ค่ะ” เรเชียแนะนำ

“แน่นอนว่าข้าไม่เห็นด้วย เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือไง ที่ตั้งชื่อลูกหมาป่าว่าแนวหน้าของพระเจ้า”

“ในความคิดฉัน นี่เป็นชื่อที่ดีนะ…ใช่มั้ยกิวเน?”

ลูกเกรย์วูล์ฟทั้งสองกระดิกหางมองเรเชีย

“ฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่” เรเชียกล่าว

ครู่หนึ่งผมพูดไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้วางแผนที่จะต่อสู้กับพวกเขา ศัตรูของเราคือออร์คไม่ใช่มนุษย์ “

ใช่ …มันยังไม่ถึงเวลาที่เราต้องต่อสู้กับมนุษย์

ผมไม่รู้ว่าเรเชียคิดยังไงกับคำพูดของผม แต่เธอพยักหน้า

“เจ้าต้องการที่จะมากับเรามั้ย?” ผมพูดกับลิลลี่

“…ให้ฉันสู้กับมนุษย์?” เธอถามและขมวดคิ้ว

“ข้าจะให้เจ้าไปเพื่อเจรจาให้พวกเขายอมจำนน” ผมตอบ

“…งั้นก็ได้” ลิลลี่ตอบ

“ลิลลี่ คุณ?” เรเชียถาม

ลิลลี่ส่ายหัวของเธออย่างใจเย็น

“ท่านเรเชียได้โปรดรอฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้มากที่สุด”

นี่จะเป็นโอกาสที่ดีในการตรวจสอบว่าเธอวางแผนอะไรไว้ ผมจะได้จัดการปัญหาทั้งหมดในคราวเดียว

“เตรียมตัวซะ” ผมพูด

จากนั้นพวกเราจึงออกจากหมู่บ้าน

◆◇◇

ผมวิ่งเข้าไปในป่าพร้อมกับดรูอิดกิซาร์ ผู้ฝึกสัตว์กิกิ อดีตผู้นำหมู่บ้านกิกูว ก็อบลินชั้นสูงกิก้าและลิลลี่ โดยมีฮาสุเป็นผู้นำ

ผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดเราก็ไปถึงจุดที่มนุษย์อยู่

ระหว่างทางเราพบกับมอนสเตอร์หลายตัว แต่เราไม่สนใจพวกมันและเดินทางต่อไป ไม่มีความจำเป็นต้องล่าเพราะเรามีอาหารจากแมนติซแล้ว

ลิลลี่ตามพวกเรามาตลอดทาง แม้เธอจะหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย

หลังจากนั้นฮาสุก็หยุดลงเมื่อมาถึงปลายทาง

ผมสั่งให้กิกิและกิกูวตรวจสอบพื้นที่ จากนั้นผมจึงหันไปหากิก้าและกิซาร์

“กิก้าเจ้าอยู่ที่นี่กับลิลลี่ ส่วนกิซาร์เฝ้าระวังข้างหลังไว้”

หน่วยต่าง ๆ ก็ตามมาในเวลาไม่นาน

“พวกมนุษย์อยู่ข้างหน้า”

พวกเขาอยู่ไม่ไกล

“ดี อย่าส่งเสียงดัง”

ทีมของกิกิติดตามพวกเราอย่างใกล้ชิด

หลังจากนั้นผมได้ยินเสียงการต่อสู้จากด้านหน้า

“เกิดอะไรขึ้น?”

“นี่คือ…”

พวกมนุษย์กำลังต่อสู้กับออร์คกลางป่า ผมคิดว่าออร์คค่อนข้างประมาทในการเผชิญหน้ากับมนุษย์ทั้ง 15 คน แต่ผมไม่คาดคิดว่าออร์คกำลังจะชนะ

พวกมนุษย์ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด

––– แต่ทำไมกัน พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเรเชีย? หรือพวกเขาไม่ใช่นักผจญภัย?

ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังป้อนอาหารเด็กทารกและชายอีกคนหนึ่งกำลังกรีดร้อง ในกลุ่มพวกเขามีผู้ชายเพียงสองคนที่กำลังสู้กับออร์ค

“ลิลลี่มานี่ที”

ลิลลี่ออกมาจากพุ่มไม้เพื่อดู

“พวกเขาคือใคร?” ผมถามอย่างตรงไปตรงมา

“พวกเขาน่าจะเป็น…ผู้ลี้ภัย”

โอ้? ในโลกนี้มีผู้ลี้ภัยด้วย

“เจ้าหมายถึงพวกที่หมู่บ้านถูกทำลายหรือไม่ก็ถูกขับไล่ออกมา?”

ลิลลี่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

ผมเดาว่าเธอไม่อยากยอมรับมัน

“…ข้าจะปล่อยพวกเขาถูกฆ่าดีมั้ย” ผมกระซิบกับตัวเองอย่างเงียบ ๆ

ผมพูดเพื่อล่อเหยื่อ ผมอยากเห็นสีหน้าที่แท้จริงของเธอ

ลิลลี่หันมามองผมอย่างตกตะลึง

“ไหนคุณสัญญากับเรเชียไว้ว่าจะไม่ทำร้ายพวกเขาไง!” เสียงของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ

“แต่ข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะช่วยพวกเขาเช่นกัน” ผมตอบกลับ

“กิกิไปทางซ้าย กิซาร์ไปทางขวา เราจะล้อมพวกเขาไว้”

พวกเขาพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

“…ถึงอย่างนั้นคุณก็!”

“ถ้าอย่างงั้นเจ้าจะช่วยพวกเขา?”

ลิลลี่ดูโมโหมาก

“ถ้าเจ้าทำให้พวกเขายอมจำนนได้ …ข้าจะไว้ชีวิตพวกมัน”

ยิ่งนานเข้า พวกมนุษย์ยิ่งถูกกดดันโดยออร์ค

“ฉันเข้าใจแล้ว! พวกเขาจะไม่ทำให้คุณต้องลำบาก!”

“ข้าให้เวลาไม่มากนัก”

บริเวณนี้อยู่ใกล้กับเขตปกครองของมนุษย์มากเกินไป

“กูรูววววอาาาา!”

เมื่อปากของผมบิดเบี้ยวด้วยรอยยิ้มขณะใช้ทักษะ <คำรามอย่างรุนแรง>

“กิก้า! ฆ่าออร์คตัวนั้นซะ!”

เมื่อได้ยินคำสั่ง กิก้าพร้อมกับพวกลูกน้องก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

…มีเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดดังขึ้นตามมา

ผมจึงเดินออกจากพุ่มไม้ ในขณะที่ออร์คยังคงกรีดร้องและปรากฏตัวต่อหน้ามนุษย์

ผมสงสัยว่ามนุษย์จะคิดยังไงกับเธอ

นักรบทั้งสองที่ต่อสู้อยู่หน้าซีดเมื่อเห็นผม

“นั่นคืออะไร!? นั่นไม่ใช่ก็อบลินชั้นสูงอยู่ข้างหลังแกใช่มั้ย!” หนึ่งในนั้นถาม

ลิลลี่รู้สึกงุนงงและไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายอย่างไร ผมเกลียดคนที่ขี้ขลาดและเห็นแก่ตัวที่สุด

แต่ถึงแม้ผมจะเป็นคนที่ทำให้พวกเขาเป็นอย่างนั้น

“ฉันแค่ไม่อยากให้พวกคุณต้องตาย” ลิลลี่กล่าว

มนุษย์และนักรบต่างจ้องมองระหว่างผมกับลิลลี่

“ดังนั้นได้โปรดเงียบและฟังฉัน” เธอพูดต่อ

แต่พวกมนุษย์กลับรู้สึกไม่พอใจ

“แกคิดว่าพวกเราจะยอมยังงั้นเหรอ!” หนึ่งในนั้นตะโกน

“แกกล้าเรียกตัวเองว่ามนุษย์ได้ยังไง ทั้งที่โดนชักใยโดยก็อบลิน!”

ลิลลี่คงไม่สามารถจัดการสถานการณ์นี้ได้ …ผมจึงตัดสินใจช่วยเล็กน้อย

“ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าข้าจะให้เวลาไม่มากนัก”

“…”

ความกดดันของลิลลี่เพิ่มขึ้น เมื่อผมเรียกก็อบลินที่ซ่อนอยู่

“ออกมา!!” ผมพูด

ก็อบลินที่ซ่อนตัวปรากฏขึ้นพร้อมกันแล้วคำรามไปยังมนุษย์

“จ – จำนวนขนาดนี้มัน!?”

ผมสังเกตพวกเขาอย่างใจเย็นโดยเฉพาะนักรบ

ผมจะใช้พวกมนุษย์เหล่านี้ยังไง พวกเขามีค่าพอกับความเสี่ยงหรือไม่

“ได้โปรดให้เวลาฉันอีกหน่อย ได้โปรดอย่าทำร้ายพวกเขา” ลิลลี่กล่าว

มนุษย์ควรรู้แล้วว่าลิลลี่อยู่ฝั่งเดียวกับผม

“ยอมจำนนหรือตาย?” ผมถาม

10 วินาทีคือเวลาที่ผมจะให้เธอ

ดังนั้นผมจึงตัดสินอะไรเล็กน้อยและกำลังจะก้าวไปยืนตรงหน้ามนุษย์

“ทำอะไร เจ้าอยากตายรึไง?” ผมถาม

” หยุดก่อน “

แต่เธอยังชี้ดาบมาทางผม ถึงแม้เธอจะรู้ตัวดีว่าไม่สามารถเอาชนะได้ มันชัดเจนว่าเธอกำลังกลัว สังเกตได้จากปลายดาบที่สั่นเทา

ในขณะที่พวกมนุษย์ดูมึนงงกับสถานการณ์ พวกเขาไม่สามารถหาคำตอบได้

“เจ้าต้องการที่จะสู้กับข้า?” ผมถามลิลลี่ “คราวนี้ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าหรอกนะ?”

กิก้าที่เพิ่งเอาชนะออร์คมาได้กำลังจะเคลื่อนไหว แต่ผมส่งสัญญาณให้เขาหยุด

สถานการณ์แบบนี้ลิลลี่จะแสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ

แต่เธอกลับพูดอีกครั้ง

“…ฉันขอร้อง ได้โปรด”

ลิลลี่วางดาบลงบนพื้นและคุกเข่า มันเป็นการแสดงออกถึงการยอมจำนนและไม่ต้องการต่อสู้

.

.

.

“…พาพวกเขาไปที่หมู่บ้าน หากใครหลบหนีก็ฆ่าทิ้งได้เลย!!”

ผมพาดดาบใหญ่ไปที่ไหล่ของตัวเอง

การทำแบบนี้เป็นแค่การขู่ แต่แรงลมที่เกิดจากการเหวี่ยงก็เพียงพอที่จะสร้างความหวาดกลัว

“เจ้าต้องรับผิดต่อชอบคนเหล่านี้”

“ฉันเข้าใจแล้ว” เธอตอบขณะที่ก้มหน้าลง

“กิก้าเฝ้าระวังให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่หนีไป”

“ตามที่ท่านสั่ง”

“กิกิ ไปให้รางวัลกับโคโบล”

“ทราบ”

“ไป!! พวกเราจะกลับไปที่หมู่บ้าน”

◆◇◇

ผู้ลี้ภัย

นักผจญภัย: 2

เกษตรกร (ชาย) : 6

ผู้หญิง: 4

เด็ก : 3

◆◇◇◆◆◇◇◆

อ่านนิยายล่วงหน้าได้ที่เพจ Koel-Translate นิยายแปล

https://www.facebook.com/pg/Koel-Translate-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5-111530443746222/posts/

Options

not work with dark mode
Reset