Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 235

ตอนที่ 235

บทที่ 235

ความผิดปกติของเส้นทางดวงดาว

 

ด่านที่ห้าของเส้นทางดวงดาวเป็นทักษะเต๋าแห่งการแก้ปัญหา

 

ทักษะเต๋าแห่งการรับรู้คือการทดสอบการรับรู้ของใครคนนึง ในขณะที่ทักษะเต๋าแห่งการแก้ปัญหาทดสอบเทคนิคการต่อสู้ของใคคนนั้น

 

ฟึบ!

 

ร่างปรากกฏขึ้นจากความว่าเปล่า

 

เห็นได้ชัดว่าร่างนี้เป็นหลี่ฟูเฉินอีกคนนึงที่ถือดาบยาวใบในแบบเดียวกัน

 

ด้วยการขยับดาบยาว “หลี่ฟู่เฉิน” ก็เริ่มพุ่งเข้ามาโจมตีหลี่ฟู่เฉิน

 

เช้ง!

 

หลี่ฟูเฉินใช้ใบดาบเพื่อป้องกันการโจมตีนั้น

 

ขณะนี้เอง หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถโคจรพลังฉีได้ ซึ่งหมายความว่าเขาใช้ได้แค่กระบวนดาบเพื่อต่อต้านกระบวนดาบ การทดสอบเป็นการทดสอบเทคนิคต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบ

 

ชิ้ง ชิ้ง เช้ง เช้ง…

 

เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดซึ่งทั้งสองฝ่ายใช้เทคนิคการต่อสู้ทั้งหมด

 

พวกเขาอาจไม่สามารถใช้พลังฉีได้ แต่ในทางกลับกันการต่อสู้กลับดุเดือดรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากคิดกล่าวคำระหว่างนี้ ก็อาจจะถูกปิดฉากได้ทุกเมื่อ

 

“ตาย!”

 

ด้วยแสงดาบที่วาดผ่าน หลี่ฟู่เฉินเจาะลำคอของ ‘หลี่ฟู่เฉิน’ ที่อยู่ตรงข้าม

 

ด้วยจิตสำนึกที่พิเศษของเขา หลี่ฟู่เฉินใช้การเคลื่อนไหวสองถึงสามครั้งเพื่อทำความเข้าใจรูปแบบการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้อย่างกระจ่างชัด สำหรับเขาแล้วการทดสอบนี้ง่ายกว่าด่านที่สี่มาก

 

อนุสาวรีย์แห่งชื่อสำหรับด่านที่ห้าปรากฏขึ้น

 

“ไม่มีเครื่องหมายใดๆ เลยหรือ?” หลี่ฟู่เฉินแสดงออกอย่างประหลาดใจ

 

เขาคิดว่าจะมีซักสองคนหรือสามคนที่ผ่านด่านที่ห้าได้ไม่ใช่หรอ? เขาไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะเป็นเพียงคนเดียวจนถึงตอนนี้

 

หลี่ฟู่เฉินจะรู้ได้อย่างไรว่านักสู้ส่วนใหญ่ แค่มีความสามารถในการเดินมาได้ประมาณ 10% ถึง 20% ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว นับประสาอะไรกับด่านที่ห้า

 

หายใจเข้าลึกๆ หลี่ฟู่เฉินเริ่มเขียนเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ขึ้นกลางอากาศ

 

เมื่อเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ถูกประทับลงบนอนุสาวรีย์แห่งชื่อ อนุสาวรีย์ก็สั่นสะเทือนรในทันทีลำแสงที่เปล่งประกายระยิบระยับพุ่งแทงทะลุขึ้นสู่สวรรค์ พุ่งทะลุท้องฟ้าอันแจ่มจรัส

 

บนท้องฟ้าเหนือเส้นทางดวงดาว ไฟฟ้าสีทองทรงกลมจำนวนมากปรากฏขึ้นจากที่ไหนก็ไม่อาจทราบ

 

ไฟฟ้าสีทองทรงกลมเหล่านี้เป็นเหมือนดวงดาวที่กำลังจะระเบิด และเริ่มปลดปล่อยหมอกสีทองจำนวนมากมายมาปกคลุมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว หลี่ฟู่เฉินมองเห็นรูปร่างเรือนรางสีทอง

 

“เขตแดนเส้นทางดวงดาว ข้าค่อนข้างแน่ใจว่านี่ไม่ใช่แค่เขตแดนระดับสวรรค์ปกติ มันมีความลับบางอย่างแน่นอน” หลี่ฟูเฉินคิดอยู่ในใจ

 

ความหมายของเขตแดนเร้นลับย่อมหมายความว่ามันเป็นเขตแดนที่แปลกประหลาด แต่เขตแดนเส้นทางดวงดาว ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ว่าสำหรับหลี่ฟู่เฉิน บางทีมันอาจเป็นการดีกว่าที่จะอธิบายว่าสถานที่แห่งนี้ได้ก้าวผ่านคำว่าเขตแดนแปลกประหลาดไปแล้ว

 

รูปไฟฟ้าสีทองทรงกลมนั้นน่าทึ่งมาก ทุกคนบนเส้นทางดวงดาวเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดกลัว

 

ส่วนที่หกของเส้นทางดวงดาว… บุคคลผู้นี้ก็มองอยู่เช่นกัน บุคคลนี้เปล่งเสียงดังกังวานที่ดูน่าเกรงขามและน่าเกรงกลัวมากว่าเซี่ยฮัวชี่ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมาก

 

“มีความผิดปกติของเส้นทางดวงดาวทั้งสี่ ด่านแรกเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่ด่านที่สองสามารถเห็นความผิดปกติได้ชัดเจน สำหรับความผิดปกติอีกสามครั้งที่เหลือ มันมาจากด่านที่สาม ด่านที่สี่และด่านที่ห้า มีใครซักคนผ่านด่านแรกได้จนถึงด่านที่ห้าด้วยความพยายามครั้งแรก?”

 

บุคคลกลายเป็นตกตะลึง

 

ในประวัติศาสตร์ของเขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาว ไม่มีใครสามารถไปถึงด่านที่ห้าได้ด้วยความพยายามครั้งแรกของพวกเขา นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

แม้ว่าเขาจะสามารถไปถึงด่านที่สี่ได้ด้วยความพยายามครั้งแรกของเขา เขาสามารถเดินผ่านไปได้มากกว่าครึ่งของส่วนที่ห้าได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นับประสาอะไรกับการผ่านด่านที่ห้า

 

หลังจากพักสักครู่ หลี่ฟู่เฉินเดินไปยังส่วนที่หกของเส้นทางดวงดาว

 

สนามพลังฉีเส้นทางดวงดาวนี้มีความดันวิญญาณและแรงกดดันจากสภาวะพลังฉี

 

สภาวะพลังฉีเกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะ

 

แต่นอกเหนือจากการเพิ่มระดับการฝึกฝน การคงอยู่ของสภาวะพลังฉีก็สามารถเพิ่มได้โดยการใช้เทคนิคลับ

 

ยกตัวอย่างเช่นเทคนิคลับมังกรเร้นลับของหลี่ฟู่เฉิน ซึ่งสามารถยกระดับสภาวะพลังฉีได้หนึ่งหรือสองระดับ

 

ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของส่วนที่สี่ในเส้นทางดวงดาว หลี่ฟู่เฉินได้เปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับแล้ว

 

เทคนิคลับมังกรเร้นลับอาจไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้หลี่ฟู่เฉินรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

 

เดินไปบนส่วนที่หกของเส้นทางดวงดาว กระดูกสันหลังของหลี่ฟู่เฉินโค้งงอจากแรงกดดัน

 

สนามพลังฉีที่นี่น่ากลัวเกินไป สภาวะพลังฉีที่เขามีช่างดูเล็กจ้อย เขาสามารถต้านทานได้ด้วยการใช้เจตจำนงของเขาได้มากที่สุด

 

“พวกเขาบอกว่าสนามพลังฉีทั้งหมดของเส้นทางดวงดาวจะเบาบางลงในการพยายามครั้งที่สอง ข้าสงสัยว่ามันจะจริงหรือไม่?”

 

ทุกๆ ก้าวเป็นการท้าทายสำหรับหลี่ฟู่เฉิน

 

หลังจากเดินไปอีกไม่กี่ก้าว หลี่ฟู่เฉินก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว เขาล้มลงไปกับพื้น

 

เปี๊ย!

 

มีแสงสีน้ำเงินหลั่งไหลมาที่หลี่ฟู่เฉินและเคลื่อนย้ายเขาออกจากเขตแดนเส้นทางดวงดาว

 

***

 

เมืองฝนใบไม้… ลานบ้านของหลี่ฟู่เฉิน

 

หลี่ฟู่เฉินโผล่ออกมาจากแสงสีฟ้าที่กำลังเปล่งประกาย

 

ฮูว!

 

หลังจากถอนหายใจหลายครั้ง หลี่ฟู่เฉินเงยหน้าขึ้น เห็นท้องฟ้าและเมฆสีขาว นั้นจึ้งค่อยทำให้เขารู้สึกสบายใจ

 

“เขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาวนั้นลำบากเกินไป โลกแห่งความเป็นจริงยังไงก๋สะดวกสบายที่สุด”

 

หลังจากปรับร่างกายของเขาชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลี่ฟู่เฉินก็ค่อยๆ ฟื้นตัว

 

เมื่อหลี่ฟู่เฉินกลับไปที่ห้องนอนของเขา เขาสังเกตเห็นจดหมาย

 

หลังจากเปิดและอ่านจดหมาย หลี่ฟู่เฉินพึมพำ “งานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้?”

 

ตามสิ่งที่ฟานเฉียนสงเขียน งานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้จะจัดขึ้นที่ภูเขาฝนใบไม้และวันที่จัดก็เป็นวันนี้ หากใครต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชา พวกเขาจะต้องเป็นศิษย์หลักระดับทองจากนิกายของตน ศิษย์หลักระดับเงินปกติไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วม แม้ว่าพวกเขาจะมาได้ แต่พวกเขาก็ยังคงจะต้องอับอายด้วยตนเอง

 

งานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้จัดขึ้นก่อนการแข่งขันจัดอันดับดารา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เพื่อขยายขอบเขตและเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดอันดับดารา

 

ปีนี้เจ้าภาพงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้คือ ฉินเค่อชือ ศิษย์หลักระดับทองของนิกายเฟื้องฟู

 

‘ข้าควรไปหรือไม่?’ หลี่ฟู่เฉินเลิกคิ้วของเขาขึ้น

 

งานเลี้ยงน้ำชาใบไม้ร่วงนี้เป็นเพียงงานเลี้ยงน้ำชาขนาดเล็ก มันเป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์หลักระดับทองจากนิกายทั้งหมดจะมา มันค่อนข้างผิดปกติแล้ว หากพวกเขามากับถึงครึ่งหนึ่งจากที่ว่าไว้

 

“ลืมมันไปเถอะ ข้าจะเข้าร่วมมัน มันเป็นโอกาสอันดีที่ได้เป็นพยานเห็รศิษย์หลักระดับทองจากนิกายสำคัญต่างๆ”

 

หลังจากลังเลเล็กน้อย หลี่ฟูเฉินตัดสินใจเดินทาง

 

เนื่องจากเขาเป็นศิษย์หลักระดับทองของนิกายวารีคราม มันจำเป็นสำหรับเขาที่จะต้องติดต่อกับอัจฉริยะในระดับเดียวกันกับเขา มันคงจะไม่ดีสำหรับเขาที่จะแยกตัวเองและไม่สนใจโลกภายนอก

 

หลังจากออกจากเมืองฝนใบไม้ไปแล้ว หลี่ฟู่เฉินรีบไปที่ภูเขาฝนใบไม้

 

***

 

ภูเขาฝนใบไม้เป็นสถานที่ที่มีฝนตกตลอดทั้งปี

 

ก่อนที่หลี่ฟู่เฉินจะเข้าใกล้ภูเขาฝนใบไม้ ละอองฝนก็ได้ร่วงลงมาก่อนแล้ว

 

เมื่อมาถึงที่เชิงเขา หลี่ฟูเฉินปีนขึ้นไปบนยอดเขาโดยเดินขึ้นบันไดสีขาว

 

ที่จุดสูงสุดของภูเขามันเต็มไปด้วยความคึกคัก

 

งานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ครั้งนี้เป็นหนึ่งในงานเลี้ยงที่มีชีวิตชีวาที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 200 คน ในอดีตที่ผ่านมา จะมีผู้เข้าร่วมได้สูงสุด 100 คน มีหลายปีที่มีคนเข้าร่วมเพียงสิบคน

 

เปรียบเทียบกับจำนวนศิษย์หลักระดับทองในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก 200 ไม่ใช่จำนวนมาก แต่มันก็ไม่ได้เป็นจำนวนน้อยเช่นกัน โดยพื้นฐานแล้วตัวเลขที่โดดเด่นทั้งหมดที่ไม่ได้มาจากเลขคนรวม แต่มาจากคนที่อยู่ที่นี่ยอดเขา ฝนใบไม้นั้นแบนมากและมีศาลาหลายหลังถูกสร้างขึ้น

ศาลาเหล่านี้กระจายออกไปในทุกทิศทาง ใณะที่ศูนย์กลางของยอดเขาคือเวทีศิลปะการต่อสู้ขนาดยักษ์แห่งนึง

 

เวทีศิลปะการต่อสู้ได้รับการเสริมให้แข็งแกร่งโดยค่ายกล มันดูเหมือนทองและหยก ในขณะที่มีร่องรอยของสวรรค์และพลังงานของโลก

 

“หลี่ฟู่เฉิน!”

 

ในศาลาแห่งหนึ่ง ฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูเห็นหลี่ฟู่เฉิน และตะโกนอย่างรวดเร็ว

 

ข้างฟานเฉียนสงเป็นชายหนุ่มที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวของฟานเฉียนสง และการแสดงออกของฟานเฉียนหยู นั้นจึงไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่มองตามกลับมา

 

ได้ยินเสียงของฟานเฉียนสง ร่างของหลี่ฟู่เฉินส่องประกายและแล่นเข้าไปในศาลา

 

“หลี่ฟู่เฉิน โชคดีที่เจ้ามาตรงเวลา มันคงน่าเสียดาย หากเจ้าพลาดงานเลี้ยงน้ำชาครั้งนี้” ฟานเฉียนสงหัวเราะในขณะที่กล่าว

 

หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “ข้าออกไปทำธุระและเห็นจดหมายของเจ้า เมื่อตอนที่ข้ากลับมา”

 

ฟานเฉียนสงพยักหน้าและแนะนำ “หลี่ฟู่เฉิน นี่คือคนจากนิกายไร้กังวลของข้า หวงชิเซียง หวงหยูเซียง”

 

“หวงชิเซียง นี่ศิษย์หลักระดับทองจากนิกายวารีคราม หลี่ฟู่เฉิน”

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset