Home › Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร › Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 321 Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 321 ตอนที่ 321 Posted by , ? Views, Released on October 2, 2020 Prev All Chapter Next Options Facebook Twitter WhatsApp Pinterest บทที่ 321 : ธรรมะและอธรรม “ข้าซีเหมินกังจากตระกูลซีเหมิน” “ข้าหนานกงเจี้ยนจากตระกูลหนานกง” สองหนุ่มใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้าไปหาหลิงหยุน คนหนึ่งประกบข้างซ้าย อีกคนประกบข้างขวา พร้อมกับร้องตะโกนบอกชื่อแซ่ของตนเองอย่างภาคภูมิใจ ซีเหมินกังสวมเสื้อคลุมสีขาว ในมือถือพัดยาวกว่าครึ่งเมตร ทันทีที่เท้าเหยียบพื้นซีเหมินกังก็คลี่พัดออกมาพัดให้กับตัวเองพร้อมกับส่ายหัวไปมา แล้วพูดกับหลิงหยุนว่า “ฟังจากที่เจ้าพูดคุยกับตู้กู่โม่ เจ้าชื่อหลิงหยุนสินะ? เห็นแก่ที่เจ้าเป็นเพื่อนของตู้กู่โม่ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องอับอาย! แต่เจ้าก็เห็นนี่ว่าพวกเรากำลังจัดการกับเจ้างูยักษ์นั่นอยู่ เจ้ายังจะเข้าไปเอาสมบัติอีกรึ? นี่เจ้าไม่รู้กฏกติกาบ้างเลยรึยังไง?” ส่วนหนานกงเจี้ยนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวในมือถือกระบี่ยาว ก้าวเข้าไปยืนด้านหน้าหลิงหยุนแต่กลับไม่พูดอะไร หลิงหยุนขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำพูดของซีเหมินกัง เขาแสยะยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “เจ้าอยากจะจัดการกับงูยักษ์นั่น ก็เป็นเรื่องของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า! พวกเราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันนี่? เจ้าคงจะไม่เคยได้ยินคำโบราณสินะ – เส้นทางมุ่งสู่สวรรค์ล้วนมีมากมาย ต่างคนต่างก็มุ่งไปไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เช่นเดียวกับน้ำในบ่อที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับน้ำในแม่น้ำ..” แม้หลิงหยุนจะไม่รู้สึกเกรงกลัวคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่ต้องการเผชิญหน้าหากไม่จำเป็น เขาจึงเลือกที่จะพูดคุยตกลงกับซีเหมินกังและหนานกงเจี้ยน แทนการลงไม้ลงมือ ซีเหมินกังแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมกับตบพัดลงบนฝ่ามืออย่างแรง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าเด็กน้อย.. พวกข้าเห็นแก่หน้าของตู้กู่โม่จึงได้เตือนเจ้าดีๆ เจ้าคงไม่รู้สินะว่าในที่นี้มีใครเป็นใครบ้าง?” ซีเหมินกังพูดพร้อมกับชี้ไปยังกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กับงูเหลือมยักษ์ หลิงหยุนจึงถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “นั่นสิ.. แล้วพวกเขาเป็นใครกันบ้างล่ะ?” ซีเหมินกังมองหลิงหยุนด้วยสายตาเหยียดหยันพร้อมกับตอบไปว่า “เจ้าเห็นชายหนุ่มที่ถือกระบี่นั่นไม๊.. เขาคือคุณชายตงฟางถิงแห่งตระกูลตงฟาง คนที่ไม่มีอาวุธนั้นมีฉายาว่าหมัดเทวะ ชื่อเถี่ยเจิ้งผิง ส่วนคนที่ใช้ตะขอเป็นอาวุธนั้นชื่อชางกวนเจี๋วย และคนที่ถือปืนนั้นชื่อเหลยเวิ่นชิง..” “แล้วเจ้าก็รู้ไว้ด้วยว่า.. พวกเราทุกคนล้วนอยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-8 ขึ้นไป ในเมื่อเจ้าเป็นเพื่อนกับตู้กู่โม่ พวกเราก็จะเห็นแก่หน้าเขาสักครั้ง ยอมให้เจ้าเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเราด้วย..” หลิงหยุนยิ้มมุมปากพร้อมกับตอบไปว่า “แล้วยังไง..?” ซีเหมินกังขมวดคิ้วพร้อมกับหันไปมองหน้าหนานกงเจี้ยน จากนั้นก็หันไปมองหลิงหยุนอย่างขุ่นเคือง! “หากเจ้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ต่อให้เจ้ามีเวทย์มนต์ ก็อย่าหวังว่าจะเอาชนะพวกเราที่นี่ได้?” ในเวลานั้นเอง ตู้กู่โม่ก็แอบกระซิบกับหลิงหยุนว่า “หลิงหยุน.. คนพวกนี้ล้วนมากจากตระกูลเก่าแก่และนิกายลับ หากเจ้าต้องการจะเข้าไปสำรวจประตูศิลาตอนนี้ เจ้าจะกลายเป็นเป้าโจมตีของพวกเขา และข้าก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้..” แม้ความทรงจำของตู้กู่โม่ในคืนนั้นจะถูกหลิงหยุนลบไปแล้ว แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดเมื่อเขาพบกับหลิงหยุน เขากลับรู้สึกต้องอ่อนโยนและต้องการช่วยหลิงหยุน หลิงหยุนอาจสามารถใช้พลังของจิตหยั่งรู้ในขั้นพลังชี่-9 ลบความทรงจำของตู้กู่โม่ในคืนนั้นได้ แต่ก็ไม่สามารถลบความรู้สึกของมนุษย์ได้.. ความทรงจำกับความรู้สึกเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น.. หลังจากที่คนคนหนึ่งสูญเสียความทรงจำไป แต่ความรู้สึกคุ้นเคยสนิทสนมที่เคยมีต่อครอบครัวและเพื่อนสนิทนั้นยังคงอยู่ เพราะความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับความทรงจำนั่นเอง.. ตู้กู่โม่และหลิงหยุนต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันในคืนนั้น และหลิงหยุนก็ตอบแทนเขาด้วยการถ่ายเทพลังอมตะลงไปในร่างกายของตู้กู่โม่เพื่อช่วยให้กำลังภายในของเขาสามารถทะลวงสู่ขั้นที่สูงขึ้นได้ แม้ว่าตู้กู่โม่จะสูญเสียความทรงจำในส่วนนี้ไป แต่ความรู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมก็ยังคงอยู่ไม่ได้จางหายไปด้วย.. หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับส่งกระแสจิตบอกตู้กู่โม่ว่า “ไม่เป็นไร.. ฉันก็อยากจะรู้ว่าพวกมันมีฝีมือแค่ใหน..” หลิงหยุนเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 และประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองได้ดี และตอนนี้เขาก็กำลังคันไม้คันมือพอดี ซีเหมินกังกับหนานกงเจี้ยนแส่เข้ามาหามือหาตีนของเขาเองโดยที่เขาไม่ได้ร้องขอ! แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่สามารถใช้พลังชีวิตจากน้ำลายมังกรที่นี่ได้ แต่เพียงแค่กำลังภายในจากร่างกายของเขาที่มีอยู่ในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจ้ายังจะพล่ามมากมายอะไรอยู่อีก ไม่ลองก็ไม่รู้?” คิ้วรูปดาบของหลิงหยุนเลิกขึ้นพร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ แล้วจัดการโบกมือส่งสัญญาณให้เจ้าขาวปุยเข้าไปหลบอยู่ข้างกำแพงหิน ดาบในมือขวาของเขายกขึ้น และนิ้วชี้ในมือซ้ายก็ชี้ไปที่ซีเหมินกัง ใบหน้าของซีเหมินกังแดงก่ำด้วยความโกรธพร้อมกับร้องตะโกนออกไป “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเอง ก็อย่าได้ตำหนิข้าล่ะ!” พูดจบ.. ร่างของซีเหมินกังก็พุ่งเข้าไปทางด้านหน้าของหลิงหยุนอย่างรวดเร็; พร้อมกันนั้นพัดในมือที่หุบอยู่ ก็พุ่งตรงใส่ศรีษะของหลิงหยุนอย่างรวดเร็วเช่นกัน! หลิงหยุนเห็นความเร็วของซีเหมินกัง ก็ประเมินได้ว่าฝีมือของเขานั้นยังเทียบกับตู้กู่โม่ในระดับสูงสุดของขั้นโฮ่วเทียน-8 ไม่ได้เลย หลิงหยุนจึงไม่แม้แต่จะหลบซีเหมินกัง แต่กลับยกกระบี่สีดำขึ้นต้านไว้อย่างว่องไว! เช้ง..! เสียงใบมีดของกระบี่สีดำในมือหลิงหยุนปะทะเข้ากับพัดของซีเหมินกัง และยังไม่ทันที่เสียงนั้นจะจางหายไป พัดในมือของซีเหมินกังก็ถูกตัดขาดออกจากกัน! ทันทีที่ซีเหมินกังรู้ตัวว่าพัดในมือของตนเองถูกฟันจนขาดเป็นสองท่อน เขาก็ตกใจและผิดหวังอย่างมาก แล้วรีบกระโดดหนีพร้อมกับชี้ไปที่กระบี่สีดำในมือของหลิงหยุน แล้วร้องตะโกนว่า “นั่น.. กระบี่ในมือเจ้าเป็นกระบี่อะไรกัน?” ตัวพัดของซีเหมินกังนั้นทำขึ้นจากทองคำดำ และรัดร้อยใบพัดด้วยเส้นไหมทองคำ แม้แต่กระสุนปืนยังไม่สามารถยิงเข้า แต่กลับถูกกระบี่ของหลิงหยุนตัดขาดเป็นสองท่อนเพียงแค่ครั้งเดียว เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไรกัน? แม้แต่หลิงหยุนเองก็ยังแอบประหลาดใจ ‘เหตุใดกระบี่โลหิตแดนใต้ถึงได้คมเช่นนี้? ไม่มีอะไรดีกว่าพู่กันจักรพรรดิแล้วนี่นา!’ แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาศึกษาเรื่องกระบี่ หลิงหยุนจึงตอบกลับไปยิ้มๆ “ไม่จำเป็นต้องสนใจกระบี่ของข้า เห็นแก่หน้าตู้กู่โม่ ข้าจะสั่งสอนเจ้าเพียงแค่นี้ หากเจ้ายังกล้าเข้ามาขวางข้าอีกแล้วล่ะก็ ระวังตัวไว้ให้ดีเพราะข้าจะตัดขาเจ้าทิ้งแน่!” ซีเหมินกังไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาหรี่มองไปที่กระบี่สีดำในมือหลิงหยุนด้วยความตกใจ แล้วจู่ๆ ซีเหมินกังก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “ทุกคน.. ในมือของเด็กนี่คือกระบี่โลหิตแดนใต้ในตำนาน! มันจะต้องเป็นคนของนิกายมารอย่างแน่นนอน!” ตู้กู่โม่เกรงว่าหลิงหยุนจะพ่ายแพ้ เขาจึงจดจ่ออยู่กับการปะทะกันระหว่างซีเหมินกังและหลินหยุนอย่างไม่ละสายตา และเห็นกับตาว่าพัดของซีเหมินกังถูกกระบี่ของหลิงหยุนตัดขาดเป็นสองท่อน เขาจึงยิ่งมั่นใจว่ากระบี่ในมือหลิงหยุนคือกระบี่โลหิตแดนใต้อย่างแน่อน! “หลิงหยุน.. นี่เจ้า..” หลิงหยุนรู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด.. ในเมื่อตู้กู่โม่บอกกับเขาเองว่ากระบี่เล่มนี้ได้หายสาบสุญไปหลายพันปีแล้ว เหตุใดผู้คนในที่นี่จึงได้รู้จักกระบี่เล่มนี้กันทุกคน? หรือกระบี่โลหิตแดนใต้จะเป็นกระบี่ที่เลื่องชื่อจริงๆ? น่าเสียดายที่หลิงหยุนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน.. หากเขารู้ว่ากระบี่เล่มนี้คือกระบี่โลหิตแดนใต้ที่เลื่องชื่อ เขาก็คงจะเปลี่ยนมาใช้กระบี่มังกรขาวแทน เสียงของซีเหมินกังดังไปทั่วทั้งบริเวณ ทุกคนต่างก็กระโจนออกจากการโจมตีของเจ้างูยักษ์ และตรงเข้ามาล้อมหลิงหยุนไว้ทันที “อะไรนะ?! กระบี่โลหิตแดนใต้งั้นรึ?” “ซีเหมินกัง.. เจ้าจำไม่ผิดแน่ใช่ไม๊? กระบี่โลหิตแดนใต้หายสาบสูญไปหลายพันปีแล้ว จะมาอยู่ในมือของเขาได้ยังไง?” “เจ้าหนู.. ให้เราดูกระบี่นั่นหน่อย..” ………. บางคนมีสีหน้าตกใจ บางคนมีอาการตื่นเต้น บางคนก็แสดงอาการอยากครอบครอง และท่ามกลางความมืดมิด สีหน้าของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป แต่หลิงหยุนกลับสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแม้ในความมืด ดูเหมือนสถานการณ์เริ่มจะวุ่นวายขึ้นแล้ว.. ตู้กู่โม่เป็นคนสุดท้ายที่ก้าวเข้ามา เขาเดินฝ่าความืดเข้ามาพร้อมกับส่งกระแสจิตบอกหลิงหยุนว่า ‘เมื่อครู่ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่ากระบี่ในมือเจ้าเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้.. ข้าจึงบอกให้เจ้ารีบโยนมันทิ้งไปซะ แล้วตอนนี้เป็นไง.. กำลังจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้ว!’ ‘คนพวกนี้แตกต่างจากข้า พวกเขาล้วนประกาศตัวว่าเป็นคนของตระกูลเก่าแก่ และตั้งแต่อดีตกาลมาแล้ว คนพวกนี้ก็ถือตัวว่ามีหน้าที่กำจัดฝ่ายมาร ตอนนี้เจ้าถือกระบี่โลหิตแดนใต้อยู่ในมือ คงยากที่จะอธิบาย..’ หลิงหยุนรู้มานานแล้วว่าตู้กู่โม่นั้นมีจิตใจที่ไม่แบ่งแยกธรรมะหรือว่าอธรรม เขาจึงส่งกระแสจิตตอบตู้กู่โม่ไปว่า ‘ใครบอกนายล่ะว่าฉันจะอธิบายกับพวกมัน? ที่นี่อยู่ลึกจากใต้ดินถึงห้าร้อยเมตร ฉันไม่คิดที่จะอธิบายอะไรกับพวกมันอยู่แล้ว นายคอยดูโชว์ของฉันก็แล้วกัน!’ ทางด้านขวามือคือตงฟางถิง ในมือของเขามีกระบี่ด้ามยาว และดูเหมือนว่าอายุน่าจะราวยี่สิบเก้า บุคลิกของเขาค่อนข้างสุขุม ตงฟางถิงเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับจ้องมองกระบี่สีดำในมือด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูสง่างาม ตระกูลตงฟางเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงเรื่องการใช้กระบี่ คนในตระกูลต่างก็ได้รับการฝึกเพลงดาบจากหลากหลายสำนัก จึงมีความเชี่ยวชาญในเรื่องดาบและกระบี่ ตงฟางถิงจ้องมองกระบี่สีดำในมือหลิงหยุนอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ซีเหมินกังพูดไม่ผิดหรอก แม้ข้าจะไม่เห็นฝักของมัน ข้าก็มั่นใจว่ากระบี่เล่มนี้คือกระบี่โลหิตแดนใต้ที่หายสาบสูญไปถึงหนึ่งพันสองร้อยปีอย่างแน่นอน! ตงฟางถิงพูดต่อ “ตามตำนานเล่าว่า.. กระบี่มารด้ามนี้ได้มาจากขุมนรก และถูกตีขึ้นด้วยเลือดของราชามังกรดำในแดนนรก และนี่เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นแรกในจำนวนเก้าชิ้น กระบี่เล่มนี้ไม่เพียงดูดเลือดได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของกระบี่เล่มนี้คือมันสามารถครอบงำจิตใจมนุษย์ได้ มันไม่เพียงแค่ครอบงำจิตใจศัตรู แต่ยังสามารถครอบงำจิตใจเจ้าของกระบี่เองด้วย ในเบื้องต้นเจ้าของกระบี่จะยังไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อนานวันเข้า เจ้าของกระบี่ก็จะตกเป็นทาสของกระบี่วิเศษเล่มนี้โดยไม่รู้ตัว..” เมื่อหลิงหยุนได้ฟัง.. เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องไร้สาระจนต้องยกมือขึ้นห้ามตงฟางถิงให้หยุดพูดพร้อมโต้กลับไปว่า “ไร้สาระ! ข้าว่าความจริงแล้วพวกเจ้าอยากจะเป็นเจ้าของกระบี่ในตำนานเล่มนี้ต่างหาก? เจ้าเห็นกระบี่ของข้าตัดเหล็กได้ ก็บอกว่ามันเป็นกระบี่วิเศษแล้ว! ข้าว่าพวกเจ้าคงคิดไม่ต่างกันนักหรอก?!” ตงฟางถิงส่ายหน้าพร้อมกับพูดยิ้มๆ “น้องชาย.. เจ้าผิดไปแล้ว! ถึงแม้ข้าจะชื่นชอบกระบี่เล่มนี้มาก และรู้ว่ากระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนี้เป็นกระบี่ที่หากระบี่เล่มใดเทียบไม่ได้ แต่ข้าก็ไม่สิ้นคิดจนคิดอยากจะครอบครองมันเช่นนั้น เพราะข้าไม่อยากตกเป็นทาสของมัน!” “น้องชาย.. ดูแล้วเจ้าไม่เหมือนคนของนิกายมารแม้แต่น้อย! เหตุใดเจ้าไม่โยนมันทิ้งไปซะ ในอนาคตจะได้ไม่ต้องกลายเป็นปีศาจ และจะได้ไม่ต้องเป็นปรปักษ์กับยอดฝีมือฝ่ายธรรมะบนโลกใบนี้…” คำพูดของตงฟางถิงนั้นดูจริงใจและตรงไปตรงมา และหลิงหยุนก็ไม่เห็นความโลภอยากได้ปรากฏอยู่ในแววตาของเขาแม้แต่น้อย หลิงหยุนพยักหน้าและไม่ต้องการมีปัญหากับตงฟางถิง.. “ตู้กู่โม่.. เพื่อนของเจ้าเป็นคนของนิกายมาร เจ้าจะว่ายังไง?” ซีเหมินกังตัดบท และยังคงไม่พอใจหลิงหยุน จึงต้องการยัดเยียดให้หลิงหยุนเป็นคนของนิกายมารให้ได้ หลิงหยุนไม่นึกขุ่นเคืองซีเหมินกัง เขาเพียงแค่ยิ้มให้เล็กน้อยเท่านั้น.. ตู้กู่โม่ส่ายหัวพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ซีเหมิน.. เจ้าเองก็มาจากตระกูลซีเหมินที่มีเกียรติ อย่าได้พูดจาไร้สาระ! ข้าไม่สนใจหรอกว่ากระบี่เล่มนี้จะเป็นกระบี่อะไร แล้วข้าก็ใช้ชีวิตของข้าเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าหลิงหยุนไม่ใช่คนของนิกายมารแน่.. แต่เขาเป็นคนจีนเหมือนกับพวกเรา!” เสียงเอะอะของตู้กู่โม่ที่ยืนยันเรื่องของหลิงหยุน ทำให้ซีเหมินกังหน้าแดงแล้วก็เปลี่ยนเป็นซีด แต่เพราะภายในถ้ำมืดสนิทจึงไม่มีใครมองเห็นได้! ตอนนี้หลิงหยุนมั่นใจแล้วว่ากระบี่สีดำเล่มนี้เป็นกระบี่โลหิตแดนใต้อย่างแน่นอน และเขายังมั่นใจด้วยว่ากระบี่เล่มนี้จะไม่มีทางครอบงำจิตใจของเขาได้อย่างแน่นอน! เพราะอำนาจจิตของเขานั้นอยู่ในขั้นอมตะเมื่อครั้งอยู่ในโลกบ่มเพาะ ในขั้นนั้นเขาต้องถูกทดสอบให้ต้องทนทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสจากสวรรค์ ต้องผ่านความหวาดกลัวอย่างมากมาย หากเขาสามารถผ่านบททดสอบเหล่านั้นได้ ป่านนี้เขาคงเป็นอมตะไปแล้ว! แล้วกระบี่วิเศษเพียงด้ามเดียวจะสามารถครอบงำและควบคุมเขาได้อย่างไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้น.. ตอนที่อยู่ในอาราม พลังของพุทธะที่ทั้งรุนแรงและบริสุทธิ์ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้! แล้วเขาจะมากลัวกับกระบี่แค่เล่มเดียวได้ยังไง? “เอาล่ะ.. ในเมื่อยืนยันแล้วว่ากระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่โลหิตแดนใต้ และในเมื่อมันเป็นของศักดิสิทธิ์ของนิกายมาร มันก็ควรถูกส่งกลับคืนทายาทผู้สืบทอด!” “หลิงหยุน.. หากเจ้ามอบกระบี่โลหิตแดนใต้ให้กับพวกเรา พวกเราก็จะละเว้นเจ้า! เจ้าจะว่ายังไง?” หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย “เอาล่ะ.. ในเมื่อเจ้าบอกว่ามันเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้.. ก็ตามใจ! แต่ข้าไม่มอบให้ใครแน่ ใครอยากได้ก็ใช้ความสามารถเข้ามาแย่งไป!” Favorite Prev Next Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Score 10 Status: Completed นิยาย จีน นิยาย ดราม่า นิยาย ตลก นิยาย ผจญภัย นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย ฮาเร็ม นิยาย แอคชั่น ตอนที่ 1 – 505 อ่านนิยาย (อ่านตอนต่อไปด้านล่าง) ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร.. Recommended Series ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง Ch. 96 ใบไม้เขียวหนา บุปผาแดงโรย ยามออกจากเมืองฟ่ง 10 ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง จอมนักรบท้าโลก Ch. 853 แพ้ย่อยยับ 10 จอมนักรบท้าโลก บ้านนี้มีหมอเทวดา 10 บ้านนี้มีหมอเทวดา วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Ch. 1256 เธอไม่ได้ชอบอาจารย์กู้แล้วเหรอ 10 วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Telesma Ch. 16 10 Telesma
ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง Ch. 96 ใบไม้เขียวหนา บุปผาแดงโรย ยามออกจากเมืองฟ่ง 10 ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง