Carefree Path of Dreams 47: หลังการต่อสู้

ตอนที่ 47: หลังการต่อสู้

Carefree Path of Dreams

Chapter 47: หลังการต่อสู้

 

ในบ้านเดิมของตระกูลโจว

ตั้งแต่โจวตงเสียชีวิตไป ที่นี่ก็กลายเป็นซากปรักหักพังเต็มไปด้วยขอทานที่มารวมตัวกัน

 

แต่ว่า เมื่อโจวเหวินอู่กลับมา เขาก็ยึดสถานที่นี้กลับคืนมาอยู่ใต้การดูแลของเขาและจัดให้มันเป็นเหมือนค่ายพักแรม

โจวเหวินอู่นั้นสวมชุดไว้ทุกข์และโค้งกายลงคารวะป้ายวิญญาณหลายแผ่นที่อยู่บนแท่นบูชาพร้อมธูป “ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องห่วงข้าจะนําชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลโจวกลับมา…”

หลังจากเสร็จพิธี เขาก็เปิดประตูและรู้สึกเศร้าใจเมื่อเห็นสวนที่ถูกปล่อยให้ชํารุดทรุดโทรมไป

ตอนนี้สวนดูยิ่งกว่าทะเลทรายเสียอีก

 

“ผู้ดูแลหลินเป็นจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่ง แม้ว่าข้าจะมาในนามของสํานักกุยหลิงเขาก็ไม่ได้ดูจะยอมลงให้เลย เขามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งกว่าข้าถ้าเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นตระกูลจางและตระกูลถั่วแทนเล่า? นี่ก็ไม่ง่ายเลยเช่นกัน..”

โจวเหวินอู่เงยหน้ามองพระจันทร์ด้วยสีหน้าจนปัญญา

 

ตระกูลจางมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งและมีอํานาจซึ่งสะสมมานานหลายต่อหลายปีดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะจัดการพวกเขา

 

อีกทางหนึ่ง ตระกูลถั่ว ก็โหดเหี้ยมและไร้การควบคุม ต้องมีคนช่วยจัดการควบคุมพวกมัน

 

“ฟางหยวนไม่เต็มใจจะยื่นมือเข้ามาช่วย และญาติบางส่วนที่สัญญาจะช่วยเหลือเราในด้านการเงินแต่เงินส่วนนั้นก็ยังมาไม่ถึงเฮ่ยแล้วยังน้องสาวของข้าอีก!ไม่มีใครรู้เลยว่านางยังมีชีวิตอยู่หรื อว่าตายไปแล้ว นี่ทําให้ข้ากังวลมากจริง ๆ”

 

โจวเหวินอู่ถอนหายใจ และทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

 

มีเสียงดังเอะอะได้ยินมาไกล ๆ จากทางบ้านตระกูลถั่ว

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตระกูลคิ้วกัน?”

เขาปีนขึ้นไปบนกําแพงสวน แสงไฟถูกจุดไปทั่ว มีเสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ดังมาทําให้เขายิ่งสงสัยมากขึ้น

แม้เขาจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็พอจะรู้ได้เลา ๆ ว่าตระกูลถั่วน่าจะถูกโจมตีพวกเขามีระดับการระวังภัยสูงเพราะอย่างนั้นจะดีกว่าถ้าเขาไม่เข้าไปยุ่งตอนนี้

 

“หรือบางที. ที่นี่อาจจะเป็นโอกาสของข้า…”

 

โจวเหวินอู่ค่อย ๆ ตรองดูก่อนดวงตาจะเป็นประกายขึ้น “ไม่รู้ตอนนี้ผู้เฒ่าคิ้วจะเป็นอย่างไร…”

“เขาตายแล้ว!”

 

เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ทําให้โจวเหวินอู่ตกใจ

 

“เจ้า

ท่านหมอฟาง?”

 

น้ําเสียงคุ้นเคยและยังฟังดูอายุน้อย โจวเหวินอู่เกร็งไปครู่หนึ่งก่อนจะผ่อนคลายลงเมื่อรู้ว่าเป็นใคร

 

แต่สีหน้าของเขาก็กลายเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาเมื่อเห็นฟางหยวนอยู่ในชุดรัดกุม

 

ฟางหยวนมาปรากฏตัวในเมืองในตอนนี้ และก็บังเอิญให้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับตระกูลถั่ว หรือว่า

 

“เจ้าไม่ต้องเดาแล้ว ผู้เฒ่ากั่วและเจ้าบ้านกั่วจิงล้วนตายแล้ว…”

ฟางหยวนพูดเสียงต่ํา

 

อะ!”

แม้เขาจะเดาว่าฟางหยวนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ โจวเหวินอู่ก็ยังคงประหลาดใจและรีบโค้งกายคารวะฟางหยวน “ของคุณที่ช่วยเหลือข้า ข้าจะทําทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ…”

ฟางหยวนโบกมือก่อนพูด “เจ้าไม่จําเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าช่วยเจ้าคราวนี้เพราะว่าข้าอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าในอนาคต!”

อันที่จริง ฟางหยวนลอบเข้าตระกูลถั่วเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มและเพื่อข่มขู่พวกมัน

แต่ว่า เขาเปลี่ยนแผนตอนที่เขาเกิดโมโหขึ้นมาเมื่อได้ยินความลับพวกนั้น ดังนั้น เขาจึงสังหารพ่อลูกตระกูลถั่วเพื่อให้การลงมือได้ผลที่สุด

 

เขาสามารถพูดได้ว่าเขารับปากโจวเหวินอู่มาช่วยเขาจัดการกับตระกูลถั่ว ก็ใครมันจะยอมเผยความจริงเล่า?ไม่เพียงแค่เขาได้กําไรโดยไม่ต้องลงทุนลงแรง แล้วยังได้รับความขอบคุณจากโจวเหวินอู่อีกด้วย

 

ที่สําคัญที่สุด เขาได้ผู้ช่วยคนใหม่ที่ในเมือง โจวเหวินอู่สามารถช่วยกันปัญหามากมายออกไปให้เขาได้

“ผู้เฒ่ากั่วเป็นผู้ฝึกยุทธ์ประตูทองที่ 6 และยังสามารถใช้กําลังภายในได้กัวจิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ประตูทองที่ 5. ทั้งสองคนมีวิทยายุทธ์สูงสุดในตระกูลถั่ว ข้าจัดการพวกเขาให้เจ้าแล้ว เจ้ารู้ใช่ไหมว่าควรจะทําอะไรต่อไป?”

ฟางหยวนเหลือบมองโจวเหวินอู่และให้ข้อมูลเพิ่ม

 

“ผู้เฒ่ากั่วเป็นผู้ฝึกยุทธ์ประตูทองที่ 6?!”

 

เมื่อโจวเหวินอู่ได้ยินว่าฟางหยวนพูด เขาถอนหายใจและรู้สึกโล่งอกที่ไม่ไปจู่โจมตระกูลถั่วอย่างรู่วามด้วยตัวเองจากนั้นเขาก็มองสบตากับฟางหยวนด้วยความรู้สึกนับถือ

 

แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญการใช้กําลังภายในก็ยังพ่ายแพ้ให้แก่เขา! ฟางหยวนฝึกวิทยายุทธ์ถึงระดับนี้ได้อย่างไร?

 

“อืม ตระกูลถั่วที่เหลืออยู่จัดการได้ไม่ยาก ถ้าเจ้าไม่สามารถจัดการกระทั่งพวกปลายแถวเช่นนี้ได้”

ฟางหยวนพูดด้วยน้ําเสียงต่ํา ๆ

“ถ้าข้าจัดการพวกปลายแถวเช่นนี้ไม่ได้ ข้าจะกําจัดวิทยายุทธ์ของตัวเองและจะไม่คิดฟื้นฟูตระกูลโจวขึ้นมาอีก!”

 

โจวเหวินอู่ตบหน้าอกตัวเองและดูมั่นใจมากจากนั้นก็เสริมว่า“แล้วตระกูลจางเล่า?”

“หม?”

 

ฟางหยวนหันกลับมามองโจวเหวินอู่ด้วยสายตาจริงจัง

“ข้าคิดมากไปเอง…”

โจวเหวินอู่เหงื่อกาฬหลั่งไหลทันใด ออกปากขออภัยทันทีที่ฟางหยวนเหลือบมองมา

“ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ของตระกูลโจว จัดการกับตระกูลคิ้วก็พอแล้วล้มตระกูลจางด้วยจะดึงมือเกินไป!”

ฟางหยวนพูดเสียงเย็น

พูดตามตรง ตระกูลจางนั้นดูทิศทางลมมากกว่าและดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลงมือจัดการกับพวกเขา

นอกจากนี้ ด้วยจํานวนคนตอนนี้ของตระกูลโจวยังเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลจะได้ฟื้นคืนอํานาจในเมืองชิงเย่กลับมาเหมือนแต่ก่อน

ผลลัพธ์ดีที่สุดของการจัดการกับตระกูลถั่วก็คือตระกูลโจวสามารถเข้ามารับช่วงทรัพย์สินและคานอํานาจกับตระกูลจางและตระกูลหลินเป็นสามกลุ่มอิทธิพล

โจวเหวินอู่นั้นย่อมรู้หลักการเหล่านี้ดีแต่เขามุ่งไปที่การแก้แค้นและทําตามความฝันมากไป นี่ยิ่งทําให้เขาประทับใจในตัวฟางหยวนมากขึ้น

 

ฟางหยวนไม่เพียงมีความรู้ทางการแพทย์และมีวิทยายุทธ์สูงแต่ยังเข้าใจหลักการเบื้องหลังความสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วยเขาเกิดมาก็ฉลาดและมีพรสวรรค์เลยหรือไรกัน?

 

โจวเหวินอู่คารวะฟางหยวนก่อนพูด “ขอบพระคุณที่เตือนข้า ข้าเข้าใจความหมายของท่านแล้ว”

 

“ดีมาก ข้ามีงานบางอย่างให้เจ้าทําให้สาเร็จ…”

ฟางหยวนหัวเราะเบา ๆ

ข่าวของตระกูลถั่วแพร่กระจายไป

 

ตระกูลถั่วออกจากเมืองในวันต่อมาและย้ายกลับไปที่หมู่บ้านเดิมของพวกเขาตระกูลไม่สนใจว่าคนที่บุกรุกเข้ามาในวันนั้นคือ ใครและถอนกําลังคนออกจากเมืองชิงเย่นี่คล้ายเป็นการถอยทัพ ของผู้แพ้

 

เมื่อเห็นว่าตระกูลถั่วตัดสินใจออกจากเมือง โจวเหวินอู่ก็รู้สึกพอใจกับสิ่งของมีค่าที่พวกเขาเหลือเอาไว้ว่ามันเพียงพอต่อความต้องการของเขาพอดีเขารู้สึกว่าเขาได้หยั่งเท้าลงในเมืองชิงเยอีกครั้ง

 

คราวนี้ เขาเข้าใจสถานการณ์อย่างกระจ่างและลอบรวมกําลังคนไปกําจัดคนของตระกูลถั่วออกไปอย่างหมดจด

 

ตระกูลโจวต้องการฟื้นกลับขึ้นมาจากศูนย์เหมือนตระกูลถั่วตอนแรกและดังนั้นตระกูลหนึ่งในเมืองจําต้องถูกจัดการเพื่อให้อีกตระกูลเข้ามาครอบครองตระกูลถั่วคือเป้าหมายที่ดีที่สุดในเมืองชิงเย่

 

ตระกูลถั่วก็รู้ดีว่าเมื่อไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงทั้งสองในตระกูลแล้วพวกเขานั้นอ่อนแอนัก

ระหว่างวันเวลานี้ ตระกูลหลินและตระกูลจางต่างก็โน้มเอียงไปทางตระกูลโจวและไม่มีทีท่าอยากจะช่วยเหลือตระกูลถั่ว

 

ในเวลาเดียวกัน ทุกคนก็รู้ดีว่าหุบเขาสันโดษนั้นมีความสามารถและหากจะโจมตีหุบเขาสันโดษ ควรจะตรองดูซ้ํา ๆ

 

แน่นอนว่าฟางหยวนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องราวพวกนี้นัก

 

โจวเหวินอู่จัดการกับส่วนที่เหลือด้วยตัวเอง

ฟางหยวนนั้นกลับถึงบ้านในหุบเขาสันโดษเรียบร้อยแล้วหลังจากพักครู่หนึ่งเขาก็เข้าไปที่ยอดเขาชอุ่มพร้อมฮวาหูเดียว

 

“จ็บ! จ็บ!”

 

ฝูงนกหงเอี่ยนป่ายบินผ่านไป ราชานกตัวมหึมาบินนําฝูงอยู่

 

ฟางหยวนซ่อนตัวในปาและรู้สึกหงุดหงิดกับการปรากฏตัวของ

พวกนก

 

“นกพวกนี้ยิ่งมายิ่งเหี้ยมโหดกว่าก่อนหน้าและตอนนี้พวกมันก็จัดการได้ยากขึ้น”

 

การคงอยู่ของนกพวกนี้เป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการเข้าครอบครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี่ นกพวกนี้จะก่อปัญหาใหญ่ให้เขาได้ในไม่ช้า

 

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มีครั้งหนึ่ง เมื่อฟางหยวนไปตักน้ําศักดิ์สิทธิ์และเก็บปุ๋ยวิญญาณ เขาถูกนกพวกนี้พบเข้า พวกมันออก จากรังมาโจมตีเขาดังนั้นเขาก็เก็บทั้งสองอย่างได้ไม่เคยพอเลยสักครั้งบางครั้งฮวาหูเตียวเองก็ถูกนกพวกนี้รุมล้อม

“ข้าคงไม่สามารถเก็บปุยวิญญาณได้อย่างสบายใจถ้าไม่กําจัดพวกมันไปเร็ว ๆ นี้”

 

ฟางหยวนมองที่ชายหาดใกล้ทะเลสาบน้ําตา “ถึงอย่างไรปุ๋ยวิญญาณยิ่งเก่าก็ยิ่งดี แล้วหาดนี้ก็ยังค่อนข้างใหญ่สะสมปุ๋ยวิญญาณไว้จํานวนมากบางทีข้าอาจจะไม่ควรกําจัดนกพวกนี้ตอนนี้”

ฟางหยวนประเมินว่าปุ๋ยวิญญาณที่ดีที่สุดที่สามารถช่วยเพิ่มการเติบโตของพืชวิญญาณได้อย่างน้อยต้องหมักไว้นานเป็นสิบปีแล้ว

 

ด้วยระยะเวลานั้น เขาสามารถใช้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ได้อย่างเต็มที่ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถปลูกพืชวิญญาณชนิดใดก็ได้เลยหรือ?

“มันก็แค่นกหงเอี่ยนป้ายที่เหลือพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาแต่ราชานกนี่ยากที่จะรับมือได้…”

 

แน่นอนว่า เขาก็ได้ประโยชน์เล็ก ๆ น้อยจากการล่าเมื่อเร็ว ๆ นี้

 

อย่างน้อยจํานวนของนกหงเอี่ยนป้ายลดลง และจํานวนสายตาจับจ้องในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี่ลดลง ทําให้ฟางหยวนมีโอกาสแอบเข้าไปเอาน้ําศักดิ์สิทธิ์และพืชล้ําค่าอื่น ๆ ได้

“ฟุบ!”

 

เขาไปที่อีกด้านของหน้าผาและรีบหลบเข้าซ่อนในพุ่มไม้ใกล้ ๆ

“นกหงเอี่ยนป่ายธรรมดาไม่มีทางรอดไปได้เมื่อเจอข้าถึงจะเป็นนกวิญญาณก็แค่เสียเวลามากขึ้นอีกนิด…”

 

ฟางหยวนเข้าไปถึงน้ําพุตาเดียวและเติมกระบอกไม้ไผ่ด้วยน้ําจนปริ่ม“คราวนี้ บางทีขาอาจจะลองเดินลึกเข้าไปอีกนิด!”

 

ในใจของเขา เขาคิดว่าเทือกเขาชอุ่มนี้เป็นดินแดนของเขาไปเรียบร้อยแล้ว

 

น้ําพุมีผลให้ร่างกายเย็นสบาย หลังจากฟางหยวนดื่มจนพอใจเขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นและสํารวจลึกเข้าไปในหุบเขาพร้อมฮวาหูเตียว

“อืม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี่เหลือเชื่อเลยจริง ๆ …”

 

แม้ว่าเขาจะไม่พบพืชวิญญาณอื่น ๆ แต่ก็มีดอกไม้บานและต้นไม้ออกผลแบบผิดฤดูกาลอยู่มากมาย ภาพพวกนี้ทําให้ฟางหยวนรู้สึกสงสารต้นไม้เหล่านี้

 

“เสียของ! เสียของนัก!”

เขามองไปโดยรอบที่เต็มไปด้วยวัชพืชเติบโตเต็มไปหมดและรู้สึกหดหู“ถ้าดินแดนนี้สามารถใช้ปลูกพืชวิญญาณผลผลิตที่ได้คงพอให้เราสองอยู่ได้ไปเป็นปีๆนกหงเอี่ยนป่ายงเง่าเอ๊ย…”

 

เขาสบถเบา ๆ

เพราะถ้าเพิ่มระดับเสียงขึ้น เขาอาจจะไปกระตุ้นนกวิญญาณและพวกมันจะกรูเข้ามาล้อมพวกเขา นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่แล้ว

“ถ้าพูดกันตามเหตุผล ดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนเทือกเขานี่ควรจะมีพืชวิญญาณสักอย่างสองอย่างเติบโตอยู่… ทําไมถึงได้ไม่มีเลย?”

 

ขณะที่เขาเดินลึกเข้าไป ฟางหยวนก็ยนคิ้ว เขาเห็นหลุมใหญ่หลุมหนึ่งและก็นั่งลงตรวจดู “พลังวิญญาณตรงนี้เข้มข้นมากกว่าเมื่อเทียบกับรอบ ๆ ดูเหมือนว่าจะเคยมีของวิเศษบางอย่างอยู่ตรงนี้มาก่อนและเพิ่งถูกเคลื่อนย้ายออกไป…”

 

เขาถอนหายใจและในที่สุดก็รู้แล้วว่าพืชวิญญาณไปอยู่ไหนกัน

หมด

 

ถ้าเขาเดาไม่ผิด คงจะอยู่ที่รังของราชานกแล้ว!

 

ในฐานะสัตว์วิญญาณ มันก็คงจะรู้จักซ่อนพืชวิญญาณเอาไว้อย่างดีแบบที่มนุษย์ซ่อนสมบัติล้ําค่าของตน

“หือ?”

 

ในตอนนั้นเอง สีหน้าของฟางหยวนก็เปลี่ยนไปและพุ่งเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้

“จ็บ!”

 

จุดดํา ๆ จากบนฟ้านั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงร้องแสบแก้วหู

 

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

Score 10
Status: Completed

บทนำ

นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา

เอ๋?

จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ?

หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Options

not work with dark mode
Reset