Carefree Path of Dreams 43: ประจบประแจง

ตอนที่ 43: ประจบประแจง

Carefree Path of Dreams

 

Chapter 43: ประจบประแจง

 

แท่งเงินเงาวับ

 

แท่งเงินเรียงไว้เป็นสองแถวนั้นหนักมากพอให้คนรับใช้ที่ถืออยู่รู้สึกมือชา

 

ฟางหยวนไม่สนใจแท่งเงิน เทียบกับเงินและทองแล้ว เขาสนใจกล่องผงหรดาลแดงมากกว่า

 

“จางฮั่น? เจ้ามาจากตระกูลจาง?”

 

เขามองที่คนหัวหน้าและแฝงสายตามุ่งร้ายเอาไว้ “เจ้ารู้จักข้า?”

 

เขารู้ว่าอาจจะเป็นเจ้าของร้านบอกตระกูลจางเรื่องเขาและอิทธิพลของตระกูลจางดูท่าจะแข็งแกร่งมากจริง ๆ พวกเขาสามารถเตรียมเงินแท่งและผงหรดาลแดงได้ภายในเวลาอันสั้นและยังระบุตําแหน่งฟางหยวนเพื่อมอบของขวัญเหล่านี้ได้ด้วย

 

ตระกูลใหม่ในเมืองชิงเย่พวกนี้ช่างมีความสามารถจริง ๆ

 

“ใช่.. นายท่านฟางมีความสามารถในการรักษาที่น่ามหัศจรรย์สามารถดึงนายท่านโจวกลับมาจากความตายได้ ท่านเป็นหมอเทวดา!”

 

จางฮั่นยิ้ม

 

ข่าวที่ทําให้พวกเขาอึ้งไปคือฟางหยวนเป็นผู้สังหารซ่งจง

 

ผู้อาวุโสซึ่งเป็นเทพสังหารในสายตาของทุกคนในเมืองชิงเย่

 

ตระกูลโจวแข็งแกร่งที่สุดในเมืองแล้วอย่างไร? นายท่านโจวเป็นผู้ดูแลของสํานักกุยหลิงแล้วอย่างไร? ถ้าซ่งจงอยากให้ทั้งตระกูลนี้ไปตายพวกมันย่อมต้องไปตาย!

 

แต่แม้แต่ซึ่งจงผู้อํามหิตยังตายตกลงในมือของฟางหยวน แล้วใครจะกล้าต่อต้านเขาอีก? ใครที่อยากอยู่ในเมืองชิงเย่ย่อมต้องมาเลียแข้งเลียขาเขาสักนิด

 

“ตามที่เจ้านายของข้าคาดเอาไว้ คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถควบคุมพลังภายในได้ แต่เขายังอายุน้อยมาก…”

 

จางฮั่นมองใบหน้าฟางหยวนด้วยความประทับใจ

 

“ข้าไม่ได้ทําอะไรที่สมควรได้รับของพวกนี้”

 

ฟางหยวนโบกมือปฏิเสธ “ข้าไม่สามารถรับของขวัญพวกนี้ไว้ได้!”

 

“นายท่านไม่พอใจ? เพียงแค่บอกพวกเราว่าท่านต้องการอะไร พวกเราจะจัดการทําให้!”

 

เมื่อเห็นฟางหยวนปฏิเสธ จางฮั่นก็กระวนกระวายขึ้นมา เขาได้รับคําสั่งจากตระกูลของเขาให้มาผูกมิตรกับท่านหมอที่เก่งกาจผู้นี้

 

“ข้าหมายความตามนั้น!”

 

ฟางหยวนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

ตั้งแต่อาศัยอยู่กับอาจารย์เวิ่นซินในหุบเขาสันโดษ ทั้งคู่ก็มีนิสัยใจคอแปลก ๆ

 

อะไรที่พวกเขาอยากได้ เขาจะหามันมา หรือแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น แต่พวกเขาไม่เคยรับของที่ผู้อื่นเสนอให้

 

ตามที่อาจารย์เฉินซินเคยบอกไว้ หนี้บุญคุณนั้นยากจะชดใช้ หากรับของขวัญไว้

 

เมื่อคิดดูแล้ว มีเพียงเหล่าเถียน ผู้ดูแลหลิน และอีกไม่กี่คนที่โชคดีพอจะมีความสัมพันธ์อันดีกับหุบเขาสันโดษและฟางหยวนนั้นก็ทําการแลกเปลี่ยนแค่กับคนเหล่านี้

 

“ไป!”

 

ฟางหยวนโบกมือ

 

“นายท่าน…”

 

จางฮั่นกัดริมฝีปาก ต่อหน้าชายหนุ่มผู้นี้ เขารู้สึกกดดันและไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากนําคนรับใช้กลับไป

 

“ถ้าข้ารับของพวกนี้โดยไม่ได้ลงมือทําอะไร ข้าก็ไม่ต่างจากขโมยผู้หนึ่ง!”

 

ฟางหยวนมองเงาหลังของคนพวกนั้นก่อนจะส่ายหน้า

 

ไม่รู้ตัวเลยว่าเขากลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองชิงเย่ไปแล้ว

 

แม้เหล่าโจวของตระกูลโจวนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ผ่านประตูทองที่ห้าและเป็นผู้ดูแลของสํานักกุยหลิง แต่ก็เท่านั้น

 

“ตระกูลจาง ตระกูลถั่ว ล้วนเป็นตระกูลใหม่ในแถบนี้และพวกเขายังมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่สี่หรือห้า… ตระกูลหลินยังแย่เสียกว่า เพราะมีชื่อขึ้นมาผ่านทางหลินเหลยเยว่แห่งสํานักกุยหลิงเท่านั้น ”

 

ฟางหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งและหมดคําจะพูด

 

เมืองเล็กอย่างเมืองชิงเย่นี้ทําให้เขารู้สึกว่าไม่มีผู้กล้าที่แท้จริง มีแต่กลุ่มก้อนเล็ก ๆ ที่ทําเพื่ออํานาจของตัวเองเท่านั้น

 

“โลกนี้กว้างใหญ่ และเมืองชิงเยู่นี้เล็กเกินไป มันเหมือนเป็นรอบนอกของเขตรอบนอกอีกที แม้แต่มณฑลชิงเหอเองก็แค่สถานที่เล็ก ๆ อยู่มุมหนึ่งเท่านั้น…”

 

ฟางหยวนสรุปในมุมมองของเขา

 

“หลังจากข้าฝึกมากพอ ข้าจะออกไปสํารวจและท่องเที่ยวให้ทั่วโลก!”

 

“แน่นอนว่า ข้าต้องค่อยเป็นค่อยไป และตอนนี้ สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับข้าก็คือผ่านสามประตูวิกฤต!”

 

ประตูที่เจ็ดคือประตูจิง หลังจากผ่านไปได้ เขาก็จะอยู่ในระดับเดียวกับที่ซ่งจงเคยอยู่

 

ฟางหยวนรู้สึกมั่นใจในตัวเองเป็นที่สุด

 

“ประตูจิงเอ๋ยประตูจิง ลบพลังกายและใช้พลังเวทย์…นี่ย่อมเป็นบททดสอบระดับพลังเวทย์ของผู้ฝึก! ด้วยความช่วยเหลือจากชาชําระจิตและพิธีชงชา ข้าไม่กลัวประตูวิกฤติพวกนี้หรอก”

 

“ส่วนประตูทองที่ 8 ประตูสื่อ ถ้าข้าทําไม่สําเร็จ ข้าอาจจะตาย มันดูจะมีความเกี่ยวพันกับระดับพลังกาย พลังลมปราณและพลังเวทย์ของผู้ฝึก ข้าคิดเอาไว้ว่ายิ่งมีระดับพลังพวกนี้สูงก็มีความเป็นไปได้ที่จะผ่านไปได้สูงตาม!”

 

ฟางหยวนนั้นกระจ่างเรื่องประตูทองทั้งแปดและไม่รู้สึกสงสัยใดแล้ว

 

“ถ้าข้าผ่านประตูสื่อได้ก็จะเข้าสู่ 4 ประตูสวรรค์ ข้าก็จะทําอะไรได้ตามใจอย่างแท้จริงรอบ ๆ มณฑลชิงเหอที่ ส่วนสํานักกุยหลิงนั่น แม้จะเป็นผู้อาวุโสของสํานักก็ต้องหลีกทางให้ข้า”

 

ใน 12 ประตูทอง ถัดจาก 8 ประตูแรกก็จะเป็น 4 ประตูสวรรค์!

 

ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับการฝึกตนระดับนั้นถือเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในแถบนี้และสามารถตั้งกลุ่มสํานักเล็ก ๆ ของตัวเองได้ แม้แต่ภายในสํานักกุยหลิงเอง พวกมันก็เริ่มต้นมาจากสํานักเล็ก ๆ และสร้างตัวขึ้นมา

 

“ภายใต้การดูแลของข้า ฮวาหูเตียวน่าจะเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ประตูทองที่ 7 หรือ 8 เท่า ๆ กับนกหงเอียนป่าย ส่วนราชานกนั่น ความสามารถของมันน่าจะเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์…”

 

เมื่อคิดถึงสัตว์วิญญาณพวกนั้น ฟางหยวนก็หงุดหงิด

 

ถ้าไม่กําจัดนกหงเอี่ยนป่ายพวกนั้น แล้วเขาจะเข้าไปครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนเขานั่นได้อย่างไร?

 

แล้วยังปุ๋ยวิญญาณ คุณสมบัติอันน่ามหัศจรรย์นั้นจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ของใหม่ ๆ นั่นประโยชน์น้อยกว่า หลังจากเข้าครองดินแดงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ของใหม่ ๆ พวกนั้นก็ยังสามารถใช้ปลูกพืชวิญญาณได้อยู่ดี

 

แต่ว่า เขาไม่รู้ว่าที่นั่นจะมีสิ่งอื่นใดที่อันตรายอื่นใด กว่านกหงเอี่ยนป่ายพวกนั้นหลบซ่อนอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่

 

“แต่นี่ก็ทําให้เรื่องมันน่าสนใจออกนะ…ว่าไหม?”

 

ฟางหยวนแตะคางและรู้สึกว่านิสัยของตัวเองเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เขาเริ่มฝึกวิทยายุทธ์

 

เป็นเพราะเขามีสิ่งที่หลงใหลใหม่และมีความกระหายต่อสิ่งนั้นมากขึ้น?

 

“ดูเหมือนว่าวิทยายุทธ์จะหล่อหลอมลักษณะนิสัยของผู้ฝึกและมีประโยชน์มากกว่าที่มันเป็น หลังจากสังหารซึ่งจงได้ กระบวนการคิดของข้าก็ราบรื่นและกระจ่างชัดมากขึ้น ดูเหมือนว่านิสัยของข้าจะเปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นมากขึ้นด้วย?”

 

ฟางหยวนคิดขณะที่ออกเดินไปตามร้านเพื่อซื้อผงหรดาลแดงเพิ่ม ตอนที่เขาซื้อได้จนเต็มตะกร้าไม้ไผ่ ในที่สุดเขาก็มาถึงทางเข้าเมือง

 

“อ๋า! ไว้ชีวิตข้า! ไว้ชีวิตข้าเถอะ!”

 

ฝูงชนมุงกันอยู่ตรงทางเข้า มีเสียงกรีดร้องที่ได้ยินกระตุ้นความสงสัยของฟางหยวน

 

เขายิ่งรู้สึกประหลาดใจเมื่อเดินเข้าไป

 

“นั่นไม่ใช่เจ้าของร้านเมื่อกี้เหรอ? ทําไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วผู้อื่นที่รอบ ๆ ตัวเขานั่น…”

 

ฟางหยวนสังเกตเหตุการณ์ตรงหน้า

 

ตรงหน้าเขานั้น เจ้าของร้านตัวอ้วนกลมนอนกลิ้งอยู่บนพื้น ใบหน้าบวมปูดและเหลือฟันในมากไม่มากนัก ขาข้างหนึ่งของเขาหักและเขาดูน่าสงสาร

 

คนรับใช้สองคนที่ด้านข้างถือแส้และเหลือบมองเขา บางครั้งก็สะบัดแส้ใส่ทําให้เจ้าของร้านต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

คนรับใช้ทั้งสองคนนั่นสวมชุดแบบเดียวกับจางฮั่น

 

“นี่มัน…น่าสมเพช… ”

 

ฟางหยวนเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วก็ไม่ได้รู้สึกดีนัก ได้แต่ส่ายหน้า หันกลับเตรียมจากมา

 

เขารู้ว่านี่เป็นเพราะการปฏิเสธข้อเสนอของจางฮั่นก่อนหน้านี้ทําให้จางฮั่นจับตัวเจ้าของร้านที่ทรยศเขามา ตั้งใจจะลงแส้เขาต่อหน้าฝูงชนเพื่อให้เกิดกระแสและให้ฟางหยวนเห็นกับตา

 

นี่เป็นเรื่องแย่เรื่องหนึ่งสําหรับการเป็นคนรับใช้ เพราะว่าเจ้านายต้องการให้เขาถูกโบย เขาก็ต้องเชื่อฟัง และอาจถูกเจ้านายฆ่าได้โดยไม่ต้องมีเหตุผลสมควรใดนอกจากเจ้านายอยากให้ตาย!

 

“ท่านหมอฟาง!”

 

ที่ด้านนอกเมือง จางฮั่นรอเขาอยู่ “ท่านพอใจหรือไม่?”

 

“เจ้าของร้าน เขาเป็นคนของเจ้าหรือ?”

 

ฟางหยวนถามโดยไม่แสดงสีหน้าใด

 

“ไม่ เขาเอียงไปทางฝั่งตระกูลโจว แต่ตอนนี้เขาต้องการหันมาหาตระกูลข้า เขาก็แค่หญ้าแพรกเท่านั้น!”

 

จางฮั่นส่ายหน้าและมีท่าทางไม่พอใจนัก “เพราะว่าเขาทําไม่ดีต่อท่านหมอเทวดา การลงแส้นั่นเหมาะสม…”

 

“ลืมมันไปเถอะ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!

 

ฟางหยวนรู้ว่าถ้าเขาแสดงท่าที่ออกไป จางฮั่นอาจจะปล่อยให้เจ้าของร้านนั้น “หายไป” ได้

 

เขาจะได้อะไรจากการทําเช่นนั้น?

 

ในเวลาเดียวกัน เขาก็มองจางฮั่นและรู้สึกเศร้าใจแทนนัก

 

จางฮั่นดูดีใจ แต่เขาก็คงถูกจัดการแบบเดียวกับที่เจ้าของร้านโดนเช่นกัน

 

หัวหน้าตระกูลจางนั้นไม่จัดการเรื่องราวด้วยตนเองแต่สั่งให้จางฮั่นทํา ความตั้งใจนั้นก็ชัดเจนพอแล้วหรือมิใช่? เขาอยากปลอดภัยมากกว่าจะมาเสียใจทีหลัง!

 

ถ้าจางฮั่นทําสําเร็จ ก็เป็นเรื่องน่ายินดี

 

ถ้าเขาทําให้ฟางหยวนไม่พอใจ เขาก็จะเป็นผู้เดียวที่ถูกลงโทษและกลายเป็นแพะรับบาป

 

“ข้าจะจดจําความตั้งใจที่คราวนี้ของตระกูลจางเอาไว้”

 

ฟางหยวนโบกมือและเดินออกไป “ข้าเป็นคนปาเถื่อนได้มารยาทที่อาศัยอยู่บนเขา และข้าไม่อยากจะเข้าไปวุ่นวายเรื่องราวในเมือง ตระกูลของเจ้าวางใจได้!”

 

จางฮั่นโค้งตัวลงด้วยความนับถือมองส่งฟางหยวนจากไป

 

เมื่อฟางหยวนพูดประโยคแรก เขายังอยู่เพียงแค่ตรงนี้ แต่เมื่อถึงคําสุดท้าย เงาของเขากลับลับหายไปจากสายตาแล้ว ดูเหมือนว่าวิชาตัวเบาและพลังภายในจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

 

“เป็นไปได้ไหมว่าที่จริงแล้วเป็นกําลังภายใน!?”

 

เขาอึ้งไป ขนลุกขึ้นทั้งตัว ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทําไมตระกูลของเขาจึงต้องการประจบประแจงคนผู้นี้มากเท่าที่จะทําได้

 

ก่อนหน้านี้ ซึ่งจงสามารถเข่นฆ่าล้างเมืองชิงเยู่ได้ คิดดูว่าท่านผู้นี้จะทําได้ถึงเพียงไหน?

 

ความแตกต่างเดียวระหว่างฟางหยวนและซ่งจงก็คืออายุในอนาคต เขาย่อมต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเข้าสู่ขอบเขตที่ตัวเขาเองไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้

 

จางฮั่นรู้ตัวว่าเขาเองไม่สามารถ แต่ก็อดรู้สึกอิจฉาฟางหยวนขึ้นมาไม่ได้

 

“เอาละ ทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว!”

 

จางฮั่นกลับเข้ามาในกลุ่มคน สลายฝูงชนออกไป และสั่งให้คนรับใช้ทั้งสองคนหยุด เขาพยุงเจ้าของร้านที่อ่อนแรงขึ้นมา

 

“นายท่านฮั่น… ไว้ ไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าไม่กล้าทําเช่นนี้อีกแล้ว…”

 

เจ้าของร้านยังคงคร่ำครวญต่อ คนที่ได้ยินและได้เห็นล้วนรู้สึกสงสารเขา

 

“อืม…. เจ้าไม่ผิดที่อยากจะเข้ามาจงรักภักดีกับตระกูลข้า ความผิดเดียวของเจ้าก็คือทําให้นายท่านผู้นั้นไม่พอใจ…”

 

จางฮั่นเดินเข้าไปตบแก้มเจ้าของร้านเบา ๆ

 

“แน่นอนว่า ตระกูลจางรู้จักแยกแยะระหว่างโทษและรางวัล! เมื่อครู่ คือการลงโทษ และนี่คือรางวัล!”

 

เขาดึงตั๋วเงินออกมาโบกตรงหน้าเจ้าของร้าน

 

“นี่ของเจ้า ต่อจากนี้เจ้าจะทําอะไรก็ได้ที่อยากทํา แม้แต่จะมาแก้แค้นข้าก็เชิญได้เลย เข้าใจไหม?”

 

“ข้าไม่กล้า! ข้าไม่กล้า!”

 

เจ้าของร้านคร่ำครวญ มองตัวเงินและรู้สึกสับสนว่าควรตอบอะไรในสถานการณ์เช่นนี้

 

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

Score 10
Status: Completed

บทนำ

นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา

เอ๋?

จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ?

หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Options

not work with dark mode
Reset