Carefree Path of Dreams 42: ประตูทองที่หก

ตอนที่ 42: ประตูทองที่หก

Carefree Path of Dreams Chapter 42: ประตูทองที่หก

 

“เกิดอะไรขึ้น? เหลยเยว่า”

 

“ตึง”

 

ประตูพังลงตอนที่สืออวถงถลันเข้ามา แสดงว่านางได้มา สังเกตการณ์อยู่ด้านนอกตลอดเวลาที่ผ่านมานี้

 

“ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่ามีโอกาสเจ็ดถึงแปดส่วนที่จะทําสําเร็จหรอก? เหตุใดจึงล้มเหลวเล่า?”

 

นางประคองมือขวาของหลินเหลยเยว่ขึ้น ส่งพลังธาตุระดับอู่จงของตัวเองเข้าไป ผิวของหลินเหลยเยว่ค่อยมีสีเลือดขึ้น“อะ…อาจารย์?”

 

“เฮ่ย เด็กโง่เอ๊ย!”

่ ่

 

สื้ออรื้องผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก “โชคดีที่ก่อนหน้านี้เจ้าได้รับยาเม็ดจันทร์ยะเยือกที่สามารถปกป้องจุดชีพจรของเจ้าไม่ให้ถูกทําลายได้…. คราวนี้เจ้าหุนหันเกินไปแล้ว!”

“ข้อขอโทษ”

 

หลินเหลยเยวสะดุ้ง ไม่สามารถบอกความจริงออกไปได้

สิ่งเดียวที่นางกระจ่างแก่ใจคือเงาร่างของชายหนุ่มผู้นั้นจะเป็นแรงผลักดันให้นางทะลวงด่านได้ในครั้งต่อไป

 

ถ้านางไม่สามารถก้าวผ่านด่านใจของตนเองครั้งนี้ไปได้ก็ยากที่นางจะพัฒนาตัวเองต่อไปได้ แม้จะมียาเม็ดวิญญาณช่วยเหลือ การพัฒนานั้นก็เป็นไปได้เพียงเล็กน้อย

 

ภายในหุบเขาสันโดษ

 

ฟางหยวนลืมตาขึ้นและมีท่าทางยินดี

 

“ผู้ฝึกยุทธ์ประตูทองที่หก ประตูจิง ในที่สุดก็ทะลายผ่านมาได้แล้ว!”

 

เขาถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ต้นไม้แก่ต้นหนึ่งเพ่งกําลังภายในไว้บนฝ่ามือแล้วผลักเข้าใส่ลําต้นของต้นไม้

 

ครึก!

 

เกิดเสียงดังชัดเจนเหมือนมีอะไรหัก

 

เมื่อฟางหยวนถอนฝ่ามือกลับ รอยฝ่ามือก็ปรากฏอยู่ บนลําต้นไม่แค่นั้น ที่กลางรอยฝ่ามือยังมีรูเล็ก ๆ จํานวนมากพร้อมกับเศษไม้หล่นตามลงมา

 

“พลังภายในและกําลังภายในเป็นสองสิ่งต่างกันจริง ๆ ถ้าอย่างแรกเป็นเหมือนเส้นด้ายจากทอจากใยฝ้ายอย่างหลังก็เป็นเส้นด้ายทอจากเหล็กแล้ว!”

 

ฟางหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกและรู้แล้วว่าเขาโชคดีจริงๆที่สังหารซึ่งจงลงได้

 

“ความแตกต่างของประตูจิงและประตูก่อนหน้ากว้างใหญ่เกินไปแล้ว!”

 

เขากําหมัดแน่น และรู้สึกถึงกําลังภายในที่ก่อตัวอยู่ในร่างกายของเขา เขามองหน้าต่างสถานะ และพบการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

 

“ชื่อ: ฟางหยวน

 

พลังกาย: 3.3

พลังลมปราณ: 3.2

 

พลังเวทย์: 2.0

 

อายุ: 18

 

ระดับการฝึกตน: [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 6)]

 

วิทยายุทธ์: [ฝ่ามือทรายดํา (ระดับ 5)L [เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 6)]

 

ความเชี่ยวชาญ: [การรักษา (ระดับ 2)], [การดูแลพืช (ระดับ 3)”

 

“เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก- การรวมกันของวิชากําลังภายในและกําลังภายนอก เคล็ดนี้เมื่อบรรลุระดับสูงสุด ร่างกายจะเสมือนมีเกราะเหล็กคุ้มครองทั่วร่างกาย น้ําและไฟไม่อาจกล้ํากรายแล้วยังยากต่อการเกิดบาดแผล ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 6 การป้องกันสูงขึ้น! กําลังภายในของกรงเล็บอินทรีแข็งแกร่งมากขึ้น!”

 

“เคล็ดกรงเล็บอินทรี (ระดับ 6)] เพิ่มกําลังภายในของกรงเล็บอินทรี! เพิ่มการป้องกันตัว!”

 

กําลังภายในของฟางหยวนนั้นเป็นสิ่งที่เขาได้ทดลองมาก่อนแล้ว แต่การเพิ่มระดับการปกป้องนี่สิ?

 

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและส่งกําลังภายในนั่นไปทุกส่วนของ ร่างกายภายใต้ผิวหนังของเขา

 

ซึ้ง!”

 

ทันใดนั้น ผิวของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นและกลายเป็นสีแบบโลหะกําลังภายในที่ว่านั้นโคจรอยู่ภายใต้ผิวหนังในร่างเขาคล้ายเป็นเกราะ

 

“ด้วยการป้องกันนี่ ข้าสามารถรับกระบี่หรือมีดธรรมดาได้โดยตรง…”

 

ฟางหยวนรู้สึกประทับใจ “การป้องกันและการจู่โจมที่รุนแรงมากขึ้นอย่างน่าตกใจนี่! หลังจากผ่านประตูทองที่ 6 มาได้ตอนนี้ข้ามีกําลังภายใน และยังแตกต่างไปจากชาวยุทธ์ธรรมดา ๆ คนอื่นมากนัก!”

 

ด้วยระดับการพัฒนานี้ เขาเริ่มคิดถึงการรับมือกับนกวิญญาณที่เทือกเขาสีเขียวขจีนั่น

 

“ด้วยวิทยายุทธ์ของข้า ถ้านกหกเอี้ยนป่ายนั่นกล้าสู้กับข้าไม่ว่าจะเป็นแค่นกธรรมดาหรือนกวิญญาณก็ไม่เป็นปัญหาแต่ไอ้ตัวจ่าฝูง เจ้าอินทรีตัวใหญ่นั่น ก็ยังเป็นปัญหาอยู่นิดหน่อย!”

 

ฟางหยวนปรารถนาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เทือกเขาชอุ่มลึกไปในแนวเขาชิงหลิงนั้นเป็นอย่างมาก

 

เขาทนไม่ได้ที่ทุกครั้งที่ไปสํารวจสถานที่เพื่อหาเก็บของแล้วต้องรับมือกับนกวิญญาณพวกนั้นที่ต้องการหยุดเขา

 

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเขาชอุ่มเป็นที่ที่เหมาะกับการไปตั้งที่พัก และยิ่งไปเร็วยิ่งดี!”

 

มีเพียงดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืชวิญญาณ

 

ส่วนตอนนี้ ฟางหยวนต้องพึ่งความเชี่ยวชาญด้านการดูแลพืชเพื่อปลูกพืชวิญญาณ แต่ความใส่ใจที่เขาทุ่มเทลงไปกับการมีพื้นที่เพาะปลูกไม่เพียงพอก็ช่างน่าเสียดายนัก

 

และมันยังไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดด้วย

 

ดังนั้น จึงจําเป็นต้องกําจัดนกหงเอี่ยนป่ายและเข้าครอบครองเทือกเขานั่น

 

“อย่างมาก ข้าก็แค่ต้องสู้กับนกพวกนั้นให้สุดฝีมือสังหารไปวันละเล็กละน้อย แล้วมาดูกันสิว่าพวกมันจะเกิดใหม่ได้เร็วกว่าข้าสังหารมันไหม!”

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มน่ากลัวออกมา

 

ภายในภูเขาไม่รับรู้เรื่องภายนอก โดยไม่ทันรู้ตัวสิบวันก็ผ่านพ้นไป

 

คนในเมืองชิงเต่เริ่มกลับมาอยู่ที่บ้านตัวเองหลังจากหนีหายไปเพราะความหวาดกลัวจะถูกซ่งจงฆ่า ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาสู่ความสงบแบบที่มันเคยเป็นแล้ว

 

ส่วนตระกูลโจวซึ่งถูกกําจัดไปจนเกือบหมด พวกเขาก็เริ่มถูกลืมเลือนไป

 

อิทธิพลที่เคยเป็นของตระกูลโจวค่อย ๆ ถูกตระกูลอื่นแทรกแซงไป และหนึ่งในตระกูลหลักที่ลงมือก็คือตระกูลหลิน

 

วันอันสงบสุขวันหนึ่งในเมืองชิงเย่

 

ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้าเมืองมา มีร่องรอยคิดถึงแปะอยู่บนใบหน้าเขา “เมืองชิงเย่กลับมาเป็นเหมือนก่อนแล้ว!”

 

เป็นฟางหยวน

 

เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการปลูกข้าวหยกแดงมากขึ้นดีมชาวิญญาณทุกมื้อ และรอคอยอยู่ที่ชายขอบดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนเทือกเขาขจีนั่น รอโอกาสจัดการกับนกหงเอี่ยนป้าย

 

[เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 60] นั่นน่าประทับใจมากเขาไม่จําเป็นต้องสนใจเลยเมื่อนกหงเอียนป่ายพวกนั้นบินตรงมาจิกเขาเข้า นอกเสียจากจะจิกลงบนจุดสําคัญในร่างเท่านั้น

 

ด้วยความสามารถพิเศษนี้ เขาสังหารนกหงเอี่ยนป้ายและซ่อนตัวในหมอกเมื่อเผชิญเข้ากับกับจ่าฝูง ทุกวันเขาอยู่ได้ด้วยการกินเนื้อนกเป็นอาหาร ดื่มชาวิญญาณและน้ําศักดิ์สิทธิ์ขณะที่วิทยายุทธ์และพื้นฐานของเขาล้วนพัฒนาขึ้นมาก

 

ฝูงนกก็ดูเล็กลงเมื่อวันเวลาผ่านไป

 

รับมือกับฟางหยวนที่แสนร้ายกาจ นกหงเอี่ยนป่ายอาจจะอพยพไปที่อื่น

 

แต่ว่า ตอนนี้ ความสนใจของฟางหยวนก็ค่อยๆถูกเปลี่ยนไปอยู่ที่ไร่ข้าวหยกแดงแทน

 

เขาเจอกับปัญหาใหญ่ ผงหรดาลแดงส่วนประกอบสําคัญของไหทั่วเย่กําลังจะหมด…

 

แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเตรียมไว้เป็นจํานวนมากแล้วแต่ก็ใช้ไปมากเช่นกัน ยิ่งเมื่อมีการขยายพื้นที่ออกไป ก็เป็นธรรมดาที่ของจะหมด

 

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าฟางหยวนจะยินดีหรือไม่ เขาก็ต้องออกมาหาซื้อผงหรดาลแดงนอกเสียจากเขาจะยอมทนเห็นสวนของเขาแห้งตายไป

 

ประการที่สอง เขายังไม่กล้ากดดันฝูงนกหงเอียนป่ายมากเกินไป

 

หลังจากการสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมของเขานกหงเอี่ยนป้ายที่เหลืออยู่นั้นดุร้ายและเจ้าเล่ห์เป็นพิเศษ เมื่อมันเจอเข้ากับอันตรายมันจะรีบร้องขอความช่วยเหลือ และดึงดูดความสนใจจากฝูงและจากราชาของมัน

 

มีครั้งหนึ่งที่ฟางหยวนหลบไม่ทันแล้วถูกฝูงนกดุร้ายจิกเอาเขาได้รับบาดแผลมากมายที่หลังและต้องใช้พยายามอย่างที่สุดกว่าจะหนีเอาชีวิตรอดมาได้

หลังจากกําจัดพวกนกแก่ อ่อนแอ ปวยหรือพิการ ที่เหลืออยู่ล้วนเป็นนักสู้

 

เขาไม่อยากจะกดดันพวกมันมากไป สัตว์ระดับวิญญาณพวกนั้นมีความฉลาดแบบมนุษย์ ถ้าพวกมันจนหนทางจริง ๆพวกมันอาจจะทําลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นเป็นสิ่งที่ฟางหยวนหลีกเลี่ยงไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม

 

“เจ้าของร้าน! เอาผลหรดารแดงคุณสภาพสูงที่สุด 40 ชั่ง!ข้าต้องการแบบที่ดีที่สุด!

 

เป็นร้านเดียวกันกับครั้งก่อน และฟางหยวนก็ตะโกนสั่งของทันทีที่เข้าไปในร้านราวกับเป็นลูกค้าหยาบกระด้างไว้การศึกษาผู้หนึ่ง

 

เขาได้กําไรนิดหน่อยจากการเดินทางเข้ามณฑลครั้งก่อนและเงินแค่นี้เขาไม่สะเทือนแต่อย่างใด

 

“ 40 ชั่ง?!”

 

เจ้าของร้าน ที่เดิมฉีกยิ้มกว้าง มีท่าทางตกใจ “นั่นเยอะมากตอนนี้เรามีอยู่เพียง 20 ชั่งเท่านั้น”

 

“ถ้าอย่างนั้น ก็เอามาหมดนั่นแหละ!”

 

ฟางหยวนโบกมือกร่าง ๆ และเตรียมจะกวาดที่เหลือจากร้านอื่นต่อ

 

“ได้ขอรับ..”

 

เจ้าของร้านมองมา ไล่ลูกจ้างออกไปก่อนจะเตรียมบรรจุหีบห่อผงหรดาลแดงให้ด้วยตัวเอง ทันใดนั้น เขาก็ยิ้มก่อนจะถาม “เอ๋? พวกเราเคยพบกันมาก่อนใช่ไหมน้องชาย?”

 

เขารู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอชายหนุ่มผู้นี้มาก่อน

 

“ใช่! ครั้งก่อนข้าก็ซื้อผงหรดาลแดงจากร้านนี้แหละ!”

 

ด้วยการเป็น [ผู้ฝึกยุทธ์ (ระดับประตูทองที่ 6)] ฟางหยวนก็มีความกังวลน้อยลงและตรงไปตรงมามากขึ้น

 

“คราวก่อน ผงหรดาลแดง! ข้าจําได้แล้ว เจ้าเป็นคนเดียวกับที่ชายโสมแดงนั่น ที่ตระกูลโจวซื้อไป!”

 

เจ้าของร้านขอบคุณฟางหยวน

 

“ไม่เป็นไร!”

 

ฟางหยวนรับห่อของมา และถาม “ข้าได้ยินเรื่องใหญ่โตที่เกิดขึ้นในเมือง ตระกูลโจวเป็นอย่างไรแล้วล่ะ?”

 

“เฮ้อ ”

 

เจ้าของร้านส่ายหน้า “จะอย่างไรเล่า? คนรับใช้ไม่ถูกฆ่าตายก็หนีไป ร้านค้าของพวกเขาถูกเปลี่ยนมือ และคฤหาสน์ของพวกเขากลายเป็นแหล่งรวมตัวของพวกขอทานน่าเสียดายความพยายามของเหล่าโจวที่เริ่มต้นการค้าของตระกูลและตอนนี้ทั้งหมดนั้นถูกทําลายย่อยยับไปแล้ว…”

 

ฟางหยวนยังคงเงียบ

 

ในตระกูลโจว โจวเหวินอู่ยังมีชีวิตอยู่ และเพราะสํานักกุยหลิงตกลงใจลงโทษซึ่งจง นั่นก็คงเป็นข้อสรุปของเรื่องราวคราวนี้แล้ว

 

การเรียกชื่อเสียงของตระกูลโจวในเมืองชิงเต่กลับมานั้นไม่ง่าย แม้โจวเหวินอู่กลับมา เขาก็ทําได้แค่ลงแรงอย่างหนักและอย่าได้หวังว่าสํานักจะช่วยเหลืออะไรเขา สํานักยุทธ์ไม่ใช่องค์กรการกุศล

 

“ใครเป็นผู้มีอิทธิพลที่สุดในเมืองชิงเต่ตอนนี้เหรอ?”

 

ฟางหยวนลองถามต่อ

 

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นตระกูลหลิน เพราะเหล่าหลินมีลูกสาวที่ดี นอกจากนี้ก็มีตระกูลจาง ตระกูลถั่ว พวกนี้เป็นตระกูลใหม่”

อันที่จริงแล้ว สองตระกูลนี้เดิมเป็นตระกูลเล็กๆในเมืองชิงเย่

 

เมื่อโอกาสมาถึง พวกเขาก็เพิ่มอิทธิพลขึ้นและอาจจะพูดได้ว่าเกาะกินอิทธิพลจากตระกูลโจวอยู่

 

ใครชนะเป็นจ้าว และคนแพ้เป็นขอทาน แม้ว่านี่จะเป็นแค่เมืองเล็ก ๆ แต่มันก็เป็นการแข่งขันที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน

 

“ดูท่าแล้ว คงจะยากมากสําหรับโจวเหวินอู่ที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ก็อีกนั่นแหละ นี่ไม่ใช่กงการอะไรของข้า…”

 

ฟางหยวนส่ายหน้า ค่อย ๆ เดินออกจากร้านช้า ๆ ก่อนจะหายลับไปในฝูงชน

 

เจ้าของร้านมองเงาร่างของเขาหายไปแล้วได้แต่ตกตะลึง

 

“นายท่านต้องการซื้อผงหรดาลแดง?”

 

“ถูกต้อง!”

 

ฟางหยวนสํารวจทั่วเมืองและขณะที่เตรียมจะซื้อเสบียงเพิ่มอีกสักหน่อย ก็มีผู้อื่นหลายคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า

 

คนเหล่านี้สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันและดูจะมาจากที่เดียวกัน ทุกคนดูมีความภาคภูมิแฝงในรอยยิ้ม และคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่สาม

 

“ข้าคือจางฮั่น ตระกูลของข้าได้ยินชื่อของท่านมานานแล้วและอยากจะผูกมิตรด้วย นายท่าน! นี่คือของขวัญเล็กๆน้อยๆได้โปรดรับไว้เ”

 

จางฮั่นโบกมือ คนรับใช้หลายคนถือกล่องที่ดูงดงามใบหนึ่งมา เปิดกล่องขึ้นมาพบว่าเป็นผงหรดาลแดงคุณภาพเยี่ยมและอีกกล่องที่เป็นประกายระยิบ เต็มไปด้วยแท่งเงินเล็กๆสองแถว

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

Score 10
Status: Completed

บทนำ

นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา

เอ๋?

จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ?

หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Options

not work with dark mode
Reset