Carefree Path of Dreams 38

ตอนที่ 38

Carefree Path of Dreams

 

Chapter 38: การต่อสู้รุนแรง

 

“ฝุ่บ!”

 

“ปัง!”

 

เสียงดังมาให้ได้ยิน เข็มเหล็กจํานวนมากบินตรงเข้าหากลุ่มศิษย์ของสํานักกุยหลิง

 

“อาวุธลับ?”

 

ฟางหยวนรู้สึกสับสน เขาเตรียมตัวกระโจนไปข้างหน้าและซ่อนตัวที่ด้านหลังหินก้อนใหญ่เพื่อหลบเข็มที่พุ่งเข้ามาไว้ก่อนแล้ว

 

แต่กลุ่มศิษย์พวกนั้นไม่ได้โชคดีนัก

 

ได้ยินเสียงเข็มเสียบทะลุไปทั่วทุกที่และราวกับมีระเบิดเลือดขึ้นในปา หลายร่างทอดนอนอยู่บนพื้นและทั่วบริเวณเต็มไปด้วยเลือด

 

หลังจากการจู่โจมรอบแรก ฟางหยวนก็โผล่หัวออกมาครึ่ง ๆ และเห็นศิษย์แซ่ซุนที่เพิ่งเยาะเย้ยเขาไปเมื่อครู่นอนทอดร่างจมกองเลือด ร่างของเขาดูราวกับรังแตน

 

เงายาวสายหนึ่งปรากฏและมันดูเหมือนจะแบกอะไรบางอย่างเอาไว้

 

“นั่นคือซ่งจง!”

 

หลินเหลยเยว่กรีดร้องโบกแขนเสื้อ ศรลับถูกยิงขึ้นบนฟ้าพร้อมกรีดเสียงแหลมยาวให้ได้ยินก่อนจะระเบิดเป็นเปลวไฟ

 

“เหอเหอ… เจ้ากําลังมองหาผู้อาวุโสหลีรี?”

 

ซ่งจงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็หัวเราะ “เจ้าไม่จําเป็นต้องทําอะไรแล้ว! ข้าพาเขามาที่นี่แล้ว!”

 

เขาสะบัดมือและของที่เขาถือไว้ในมือก็กลิ้งไปหาหลินเหลยเยวทันที

 

“อาจารย์หลี่?!”

 

คุณหนูฉิงกรีดร้องและเกือบจะเป็นลมไป

 

ที่ซ่งจงแบกมาคือหัวของอาจารย์หลีที่มีดวงตาเบิกโพลงจะเป็นหัวของใครไปได้อีกเล่า?

 

“เป็นไปได้อย่างไร?”

 

เห็นภาพนี้แล้ว หลินเหลยเยว่ก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมา

 

“ฮ่าฮ่า… ฝ่ามือตะวันส่องของเจ้าแก่หลีก็ดีอยู่หรอก แต่โชคร้าย มันก็ยังคงด้อยกว่าเมื่อเทียบกับฝ่ามือของข้า!”

 

ซึ่งจงกระอักเลือดออกมาคําใหญ่แต่ก็ยังมีท่าที่หยิ่งทระนงที่ สุด “สืออวถงนังแพศยานั่น นางคิดว่าข้าบาดเจ็บสาหัสเลยส่ง เจ้ามาจัดการกับข้าสินะ นางยังส่งผู้อาวุโสหลืมาดูแลเจ้าด้วย.. แต่ว่า นางไม่ได้คาดว่าข้าจะมีโอกาสได้ครอบครองเม็ดยาคืนวิญญาณที่หมอเทวดาทิ้งเอาไว้ เพราะอย่างนั้น ข้าจึงฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของข้าเรียบร้อยแล้ว ฮ่าฮ่า…”

 

หลินเหลยเยวปิดปากสนิทและรู้สึกสิ้นหวัง

 

หลินเหลยเยว่เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับเม็ดยาคืนวิญญาณจากตําราลับของสํานักมาก่อน ยานั่นก็สมกับชื่อของมัน สามารถคืนชีพคนใกล้ตายได้ตราบใดที่คนผู้นั้นยังหายใจอยู่เขาจะนตัวกลับมาภายในหนึ่งคืน แต่จะตายหลังจากนั้น 7 วัน!

 

ภายใน 7 วัน พลังลมปราณ พลังกาย และพลังเวทย์ของผู้ฝึกยุทธ์จะกลับมาอยู่ที่จุดสูงสุดของคนผู้นั้น

 

แต่ในสํานัก ผู้อาวุโสหลี่มีระดับสูงกว่าซ่งจง และซ่งจงเป็นรองเขาอย่างชัดเจน เหตุใดเขาจึงถูกฆ่าได้อย่างง่ายดาย?

 

หลินเหลยเยวมีเหงื่อเย็นผุดพราย

 

สถานการณ์มาอยู่ในจุดที่เกินแก้ไขแล้ว

 

แม้ว่าจะมีผู้อาวุโสท่านอื่นจากสํานักเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือและรีบเร่งมาที่นี่เพื่อช่วยพวกนางพวกนางก็คงไม่สามารถรักษาชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนั้น

 

อย่างไรเสีย ก็มีความแตกต่างระหว่างพลังภายในของผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับ 2 ประตูสงบ กับ 3 ประตูวิกฤติอยู่ช่วงใหญ่แม้ว่าศัตรูจะต้องกดข่มอาการบาดเจ็บของตนเพื่อเริ่มเข่นฆ่าเขาก็ยังคงสามารถออกกระบวนท่าจู่โจมให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสได้อยู่ดี!

 

“ผู้อาวุโสข่ง พวกเราทั้งคู่มิได้เป็นศัตรูกัน เหตุใดท่านจึงทํา

เช่นนี้

 

หลินเหลยเยวถามด้วยอาการสงบ

 

“ไม่ได้เป็นศัตรูกันงั้นหรือ?”

 

ซึ่งจงหัวเราะก่อนและพูด “สืออวถงนังแพศยาขับไล่ข้าออกจากสํานัก และยังประกาศิตสั่งตายข้า วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเช่นเดียวกับที่เจ้าทํากับลูกชายของข้า!” 

 

เมื่อฟางหยวนได้ยินคําพูดนี้ เขาก็หดหัวลงและรู้สึกสับสนเมื่อซ่งจงมองมาที่เขา

 

แม้เขาจะรู้ว่าซ่งจงไม่รู้ว่าใครคือฆาตกรที่แท้จริง แต่เพราะเป็นอดีตคู่หมั้นของหลินเหลยเยว่ ซึ่งจงคงจะไม่ไว้ชีวิตเขาและหลินเหลยเยว่ “คู่รัก” กันเป็นแน่!

 

โชคดี ซึ่งจงเพ่งความสนใจส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวหลินเหลยเยว่ฟางหยวนรู้สึกได้ว่าซ่งจงจะฆ่าตัวตายหลังจากฆ่าทุกคนแล้ว

“นี่มันร้ายแรงมากแล้ว ถ้าซ่งจงรู้ว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริงข้าคงไม่รอด…”

 

ฟางหยวนจนคําพูด

 

ด้วยระดับพลังเวทย์ของเขา ฟางหยวนสามารถสัมผัสได้ว่า เขาถูกซ่งจงจับตามองอยู่แม้ว่าความสนใจส่วนใหญ่ของเขาจะไปตกอยู่ที่หลินเหลยเยว่

 

“เช่นนั้นท่านต้องการอะไร?”

 

หลินเหลยเยวตื่นตระหนกขึ้นมาขณะที่ซ่งจงเข้ามาใกล้นาง มากขึ้น

 

คนที่เพิ่งกินยาชุบชีวิตเข้าไปและจะตายตกภายใน 7 วันจะ จับนางเป็นตัวประกันไปทําไม? ซ่งจงคงจะต้องการให้นางตายไปด้วยกันกับเขา

 

แล้วเขาก็คงไม่ไว้ชีวิตฟางหยวนและศิษย์ที่เหลือ

 

“ข้ากําลังจะตาย… ข้ายังไม่ได้ออกไปผจญโลกกว้างเลย…. ข้ายังไม่อยากตาย!”

 

หลินเหลยเยว่กัดฟันแน่นก่อนพูด “ทุกคนฟัง คนผู้ไม่สา มารถพูดจาด้วยได้แล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันสู้กับเขา! ผู้อาวุโสหลี่มีวิทยายุทธ์สูง ซึ่งจงน่าจะได้รับบาดเจ็บมาจากการสู้กับผู้อาวุโสหลี่แล้ว!”

 

หลินเหลยเยว่พูดกับคนที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ หลังจากได้ยินที่นางพูดและเห็นซ่งจงมีรอยประทับรูปฝ่ามือที่หน้าอกและมีเลือดไหลออกจากปากพวกเขาก็รู้สึกมีความหวัง

 

“คุณหนูหลิน เจ้ามีสายตาที่ดี โชคร้ายที่เจ้าไม่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 7 ที่ได้รับบาดเจ็บจะทําอะไรได้บ้าง!”

ซึ่งจงพุ่งตรงไป

 

เขาดูผ่อนคลายแต่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วไปทางศิษย์ชายผู้หนึ่ง เขาคว้าเข้าที่คอลูกศิษย์ผู้นั้นและบิดคอเขาจนตายอย่างง่ายดาย ร่างไร้ชีวิตหล่นลงไปกองกับพื้น

 

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 7 นั้นทรงพลังมากจริง ๆ

 

“เพลงกระบีจันทรายะเยือก!”

 

ในตอนนั้นเอง หลินเหลยเยวตะโกนออกมาขณะพุ่งเข้าหาซึ่งจงต่อหน้าทุกคนที่เหลือที่ยังตกใจอยู่

 

“วูบ!”

กระบี่เงาวับของนางแทรกไว้ด้วยไอเย็นสายหนึ่งราวกับเป็นกระบี่ที่สร้างขึ้นมาพิเศษ

 

“เพลงกระบี่ที่ดี! พลังภายในที่ดี!”

 

ซึ่งจงเพ่งมองก่อนจะบัดกระบี่ด้วยปลายนิ้ว

 

“ตั้ง!”

 

ได้ยินเสียงก้องออกมาจากการต่อสู้ หลินเหลยเยว่ก้าวถอยไปหลายก้าวและมองซ่งจงที่หน้าซีดเผือดสีห น้าไร้ความรู้สึกนางรู้สึกยินดีขึ้น “ความสามารถของคนผู้นี้ลด ลงอย่างมากและด้อยกําลังกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 7 อย่าถูกมันหลอก!”

 

“ข้าจะฆ่าเจ้าจริง ๆ แล้ว นังตัวดี!”

 

สีหน้าของซงจงเปลี่ยนไปขณะพุ่งไปข้างหน้า

 

“นกกระจิบถลาลม!”

 

“ฝ่ามือมรกต!”

 

“จันทราเยือกแข็ง!”

 

ภายใต้การปลุกปลอบของหลินเหลยเยว่ ลูกศิษย์ที่เหลืออยู่ก็ออกท่าจู่โจมพร้อมกันโดยไม่เก็บออมเอาไว้ พุ่งเข้าไปล้อมซ่งจงไว้ตรงกลาง

 

“เจ้าพวกเด็กบ้า เจ้ากล้าก่อปัญหาที่นี่รี?”

 

ซึ่งจงที่ถูกล้อมไว้จ้องมองด้วยสายตาร้ายกาจ “ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเปลืองเรี่ยวแรงกับเข็มกรีดกระดูกไปแล้ว พวกเจ้าจะมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”

 

“แล้วอีกอย่าง พวกเจ้าทุกคนไม่รู้หรอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับ3ประตูวิกฤตที่มีกําลังภายในแล้วนั้นแกร่งกล้าขนาดไหน!”

 

ซึ่งจงมองที่มือทั้งสองข้างของตนและเสื้อของเขาก็เริ่มสะบัดด้วยตัวมันเอง “ฝ่ามือวายุปีศาจ!”

 

เขาตะโกนออกมาและฝ่ามือทั้งสองข้างก็สําแดงพลังอันน่าตื่นตระหนก

 

“ฝุ่บ! ฝุ่บ!”

 

คุณหนูฉิงและคนอื่น ๆ ที่เหลือหน้าเปลี่ยนสีและรู้สึกถึงพลังแรงกล้าขุมหนึ่งพุ่งเข้าหาตัว พวกเขาถูกเหวี่ยงกลับไปด้านหลังและได้รับบาดเจ็บภายใน

 

พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 4 หรือ 5 และมี แค่พลังภายใน ไม่ใช่กําลังภายใน

 

หลังจากผ่านประตูชางได้ พลังภายในจึงจะรว มตัวกันและหลังจากการฝึกฝนอย่างหนัก พลังพวกนั้นจึงจะส ร้างเป็นรูปแบบเส้นไหมที่แข็งแกร่งราวเหล็ก นั่นจึงจะเป็นกํา ลังภายในที่แท้จริง!

 

ความแตกต่างระหว่างพลังภายในและกําลังภายในนั้นกว้างมากนัก

 

นั่นคือทําไม [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 6)] จึงสามารถเป็นผู้อาวุโสของสํานักได้ มีทั้งอํานาจและศักดิ์ศรี

 

ซึ่งจงนั้นได้แสดงพลังให้เห็น และมีเพียงอัจฉริยะเช่นหลิน เหลยเยวเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของเม็ดยาวิญญาณ ลูกศิษย์คนอื่นที่เหลือล้วนพ่ายแพ้ไปแล้ว

 

“แค่ก..”

หลังจากหนึ่งกระบวนท่า ใบหน้าของซงจงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและเขาดูประหลาดใจนิด ๆ ที่หลินเหลยเยว่ยังยืนอยู่ได้ “เจ้ายังรอดมาได้ เจ้าควรจะภูมิใจในตัวเองแม้ว่าจะต้อ งตายเป็นคนถัดไป!”

 

หลินเหลยเยาถือกระบี่ของนางไว้ด้วยมือขวาและมันก็สั่นนิด ๆ ถึงอย่างนั้น นางก็ยังดูสงบ

 

เม็ดยาวิญญาณภายในร่างกายของนางช่วยรักษาอาการบาดเจ็บก่อนหน้า ถ้านางสามารถรอดชีวิตผ่านการต่อสู้นี้ไปได้นางจะกลายเป็นอัจฉริยะในการฝึกยุทธ์!

 

ด้วยความสามารถของนาง เขาต้องทําลายนางให้ไม่เหลีอซากเพื่อให้นางไม่มีโอกาสมีชีวิตรอดอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นนางอาจจะคืนกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้

 

“แต่… ข้าจะรอดชีวิตไปได้อย่างไร? ในเมื่อลูกศิษย์เกือบทั้งหมดถูกกําจัดไปแล้ว”

 

หลินเหลยเยวปิดจุดชีพจรทั้งหมดของตนเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในของนางแต่มันยังไม่ใช่เรื่องง่าย

 

“แม้ว่าฟางหยวนจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5 เขาก็พลาดโอกาสทองที่จะจู่โจมไปแล้ว แต่ตอนให้เขายืนมือมาช่วยตอนนี้ แล้วอย่างไรเล่า?”

 

ในตอนนี้ นางเองก็รู้สึกสิ้นหวังแล้ว

 

“นังตัวดี ข้าจะส่งเจ้าไปหาลูกชายของข้า…”

 

ซึ่งจงหายใจลึกและจัดการกดอาการบาดเจ็บของตนลงไปจากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว

 

ดูเหมือนว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับเขาทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่ามีการเคลื่อนไหวเล็กๆรอบตัวเขา

 

“ฮ่ม… พยายามหนีรึ?”

 

เขาหันหน้าไป คว้าหินก้อนหนึ่งขึ้นมาและขว้างใส่ฟางหยวน

 

“ฝูบ!”

 

เสียงแหลมสูงดังมาจากก้อนหินที่พุ่งผ่านอากาศราวกับลูกศรถูกยิงออกจากแล่ง และมันก็กระแทกกับเงาหนึ่ง

 

“ปัง!”

 

ก้อนหินกระทบเป้าและเกิดเป็นหลุมหนึ่ง เงาร่างนั้นจัดการกระโดดหลบหินก้อนนั้นได้ และปรากฏว่าเป็นฟางหยวน

 

เขาแตะมือบนหัวตัวเองและยิ้ม “ท่านผู้เฒ่าเชิญต่อเลยข้าสัญญาว่าข้าจะไม่บอกอะไรกับใครทั้งนั้น”

 

คุณหนูฉิงที่นอนอยู่บนพื้นและกระอักเลือดออกมาพอได้ยินฟางหยวนพูดก็เปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยวขึ้นมา

 

พวกนางกําลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอยู่ตรงนี้แต่ไอ้คนผู้นี้พยายามหนี? ฮีย! ช่างเป็นเศษสวะไร้ค่าจริง ๆ มันทําให้นางยิ่งโมโหเมื่อคิดว่านางเคยคิดจริง ๆ ว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง

 

“ข้าไม่ได้หูหนวก เจ้าเป็นคู่หมั้นของนังตัวดีนี่ใช่ไหม?”

 

ซึ่งจงหรี่ตา ประเมินฟางหยวน “ถ้าใช่ เจ้าก็อย่าหวังจะรอดชีวิตไปด้วยเหมือนกัน!”

 

“จะบ้าหรือไง? ตาแก่ไร้สติ บอกข้าสิว่าเจ้าเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!”

 

ฟางหยวนโกรธจัด

 

จะมีอะไรพูดกับคนที่พยายามจะฆ่าเขาอีก?

 

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังและสีผิวเริ่มเข้มขึ้นมืองคู่เปลี่ยนรูปเป็นกรงเล็บอินทรีและเขากระโจนไปข้างหน้า

 

“แควก!”

 

ขณะที่เขาเรียกใช้เคล็ดกรงเล็บอินทรี เขาก็พุ่งตัวขึ้นกลางอากาศและเกิดเสียงคล้ายนกอินทรีกรีดร้อง

 

ซึ่งจงหลับตาลงและรู้สึกคล้ายมีเจ้าแห่งนภาดิ่งจากฟ้าฟูงตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

 

“กรงเล็บอินทรีที่ดี!”

 

ในตอนนั้นเอง คนที่เหลือล้วนแต่ตกตะลึง

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

Score 10
Status: Completed

บทนำ

นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา

เอ๋?

จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ?

หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Options

not work with dark mode
Reset