Bringing Culture to a Different World 73 แผน

ตอนที่ 73 แผน

กำลังจะชนะ!

 

ในการแข่งขันทั้งหมดกับปีศาจที่นางสาปแช่ง ในที่สุดเมสซาก็เห็นชัยชนะในมือของนางเป็นครั้งแรก

 

เช่นเดียวกับเศษเทียนที่โดนลมพัด พลังชีวิตของตัวละครอินอร์ที่ควบคุมอยู่ กูลดันกำลังจะตายลงในทุกขณะ เมสซาต้องการอีกเพียงสองรอบเพื่อเอาชนะปีศาจร้ายตัวนี้!

 

นางจะสามารถพิสูจน์ให้ทุกคนในโรงเตี๊ยมได้เห็นว่าสายพาลาดินนั้นทรงพลังเพียงใด!

 

แต่เสียงเชียร์ของชัยชนะที่กำลังจะมาถึงไม่ได้ทำให้เมสซาลืมสภาพแวดล้อมของนาง นางได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

 

“ เมสซาได้เวลาออกไปจากที่นี่แล้ว”

 

เมื่อได้ยินเสียงนั้นเมสซาก็ลุกขึ้นยืน และหันกลับไปมองทันที นางพบร่างที่ผอมและซีดเซียวยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนแคระ

 

ดีไซเลสยืนสะดุดตาท่ามกลางกลุ่มคนแคระที่แข็งแกร่ง แต่เตี้ย

 

เมสซาไม่กล้าแสดงท่าทีดูถูกชายชราร่างเล็กคนนี้ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาเป็นอาจารย์ที่นางนับถือมาก และเป็นหนึ่งในหัวหน้าบาทหลวงไม่กี่คนของศาสนจักร … ดีไซเลส

 

สิ่งที่เมสซาเคารพมากที่สุดเกี่ยวกับหัวหน้าบาทหลวงคนนี้คือการที่เขาเข้าร่วมในสงครามต่อต้านปีศาจหลายครั้ง ชื่อของเทมพลาร์ที่เขาเคยช่วยชีวิตสามารถเติมเต็มอนุสาวรีย์ของผู้พลีชีพที่มีความสูงเกือบสามเมตรได้

 

“ หัวหน้าบาทหลวง…ดีไซเลส”

 

เมสซาวางมือขวาพาดไหล่ซ้ายทันที และแสดงความเคารพต่อหัวหน้าบาทหลวงในตำนานคนนี้

 

“ อย่ากังวลกับมารยาทที่ไม่จำเป็น เราควรออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”

 

ดีไซเลสพูดย้ำ เขาไม่รู้ว่าปีศาจตนนี้มีความอดทนพอที่จะปล่อยให้พวกเขาจากไปหรือไม่

 

จากการศึกษาของศาสนจักรเกี่ยวกับปีศาจ ปีศาจที่ทรงพลังจะหวงแหนอาณาเขตมาก การปรากฏตัวของนักบวชในเขตของพวกเขาไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นการยั่วยุ

 

หากปีศาจโกลาหลหมดความอดทน…ดีไซเลสเชื่อว่าจะเกิดหายนะ ภัยพิบัติครั้งใหญ่แก่ชาวเมืองนอร์แลนด์

 

“ นี่…แต่ว่า…ท่านหัวหน้าบาทหลวง…”

 

ขณะที่เมสซาพูดคำเหล่านั้นนางก็เหลือบไปมองโต๊ะใจหินที่อยู่ด้านหลังนาง ถึงคราวที่นางจะเล่น นางครองอำนาจอย่างแท้จริงในการแข่งขันครั้งนี้ ตราบใดที่เล่นต่อไปนางจะสามารถฆ่าปีศาจร้ายตัวนั้นได้อย่างแน่นอน!

 

นางเตรียมตัวมานานมากเพื่อชัยชนะของพาลาดิน นางใช้เวลาและความพยายามเพื่อชัยชนะครั้งนี้ แต่เมื่อชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม นางก็ถูกชิงออกไป ทำไม?

 

เมสซาไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อความรู้สึกไม่พอใจนั้นปรากฏขึ้น เมสซาก็นึกขึ้นได้ว่า…นางกำลังทำอะไรอยู่?

 

เพื่อประโยชน์ของเกมการ์ดนางวางแผนที่จะไม่เชื่อฟังอาจารย์ของนาง

 

“ เมสซาเจ้าบอกข้าได้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”

 

ดีไซเลสไม่ได้คิดเลยว่าอัศวินที่มีศรัทธาแน่วแน่ที่สุดในบรรดานักรบจะอยู่ในโรงเตี๊ยม ไม่เพียงแต่นางอยู่ที่นี่เท่านั้น นางยังมีความสุขมากจนไม่อยากจากไป

 

ตามนิสัยของเมสซา นางน่าจะเป็นคนที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังอย่างโรงเตี๊ยมได้

 

ด้วยเหตุนี้ความอยากรู้อยากเห็นของดีไซเลส ซึ่งเป็นสิ่งที่หายไปแล้วกว่าสิบปีจึงถูกจุดขึ้นอีกครั้ง

 

“ สู้…ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความรุ่งโรจน์ของเหล่านักรบเทมพลาร์”

 

นั่นไม่ใช่เรื่องโกหก! เมสซาพูดคำเหล่านั้นซ้ำ ๆ ในใจนับครั้งไม่ถ้วน ด้วยชีวิตของนาง ทุกสิ่งที่นางทำก็เพื่อบรรลุความรุ่งโรจน์ให้กับเหล่านักรบเทมพลาร์

 

รางวัลจากชัยชนะครั้งนี้ ไม่เพียงแค่หนึ่งในสิบของชิ้นส่วนแพ็คการ์ดเท่านั้น แต่ยังทำให้คนแคระเหล่านั้นมีสำนึกใหม่และเคารพคลาสพาลาดินอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นปีศาจตนนั้นจะถูกสังหารด้วยดาบของนาง!

 

“ ท่านหัวหน้าบาทหลวง โปรดให้เวลาข้าหน่อย ข้า…กำลังจะปราบปีศาจตัวนั้น!”

 

เมสซายเหลือบไปที่โต๊ะ “เชือก” กำลังลุกไหม้บนตัวละครของนาง ผู้เล่นจะมีเวลาเพียงนาทีเดียวในการคิดพอถึงรอบของพวกเขา เมื่อเชือกเริ่มไหม้นั่นหมายความว่าผู้เล่นเหลือเวลาเพียงสิบห้าวินาทีเท่านั้น!

 

ถ้าเมสซาไม่เล่นในตอนนี้ก็คงถึงคราวของปีศาจ เมื่อถึงเวลานั้นนางจะพ่ายแพ้อีกครั้ง

 

“ แม้ข้าจะไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงดูวิตกกังวลขนาดนี้ แต่ข้าจะให้เวลาเจ้า”

 

ดีไซเลสมองไปที่คู่ต่อสู้ของเมสซา แน่นอนว่านั่นคือปีศาจ แต่นั่นเป็นเพียงซัคคิวบัสระดับต่ำสุด ปีศาจที่อ่อนแอซึ่งไม่มีใครเห็นในสนามรบ

 

เขาไม่เข้าใจว่าปีศาจตนนั้นทรงพลังขนาดไหนถึงทำให้ลูกศิษย์ของเขาปวดหัวได้ขนาดนี้ แต่ดีไซเลสยังคงยอมรับคำขอของเมสซา เหตุผลก็เพราะ…อุปกรณ์อาร์คาโนเทคดึงดูดความสนใจของเขาได้สำเร็จ

 

“ ขอบคุณท่านหัวหน้าบาทหลวง”

 

เมื่อได้รับอนุญาตแล้วเมสซาก็นั่งลง และดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ จากนั้นนางจึงกดปุ่ม “จบเทิร์น”

 

อินอร์เริ่มระมัดระวังตัว เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายจากชายชราคนนั้น มันเป็นความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับเวลาที่เขาอยู่ภายใต้การปรากฏตัวของดยุคแห่งกระดูก อินอร์รู้สึกว่าชายชราสามารถฆ่าเขาได้ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียว

 

“อินอร์หลังจากจบแมทช์นั้นแล้ว เจ้าควรไปทำงานที่อาจารย์ของเจ้ามอบหมายให้เสร็จ”

 

เมื่อผู้ปกครองของเมสซามาถึง เมลิน่าผู้ปกครองของอินอร์ก็มาอยู่ข้างหลังอินอร์ด้วยเช่นกัน เมลิน่าวางมือลงบนหลังของอินอร์ นั่นทำให้อินอร์กล้า

 

นับตั้งแต่การมาถึงของเหล่าสมาชิกเทมพลาร์ ​เมลิน่าได้รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของอินอร์ว่าเป็น…ปีศาจ

 

แต่ถึงอย่างนั้นเมลิน่าก็ยังคงจัดการโรงเตี๊ยมและตั๋วเงินทุกชนิดเหมือนปกติ นางยังคงช่วยโจชัวจัดการเงินทุน การใช้จ่าย และรายได้ของเขา

 

บางทีสำหรับแม่ค้าหญิงชราคนนี้ตราบใดที่นางยังคงมีชีวิตต่อไปได้ แม้ว่าจะเป็นของที่ปีศาจมอบให้ มันก็ไม่สำคัญสำหรับนาง

 

เมื่อผู้ปกครองมาถึงเมสซาและอินอร์จึงเริ่มการประลองครั้งสุดท้าย

 

ในตอนท้าย อูเธอร์ ตัวละครของเมสซาตะโกนว่า ‘ผู้ตัดสินเรียกร้องการแก้แค้น!’ จากนั้นเมสซาใช้ฮีโร่ของนางตัดหัวคู่ต่อสู้ปีศาจที่ชั่วร้าย!

 

เมื่อเมสซาเห็นฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นางก็อยากจะตะโกนว่า ‘เหล่าสมาชิกเทมพลาร์ชนะ!’

 

แต่หลังจากพิจารณาแล้วว่าอาจารย์ที่น่านับถือของนางยืนอยู่ข้างหลังนาง นางก็ระงับการกระตุ้น และรักษาความจริงจังที่เหล่านักรบควรยึดถือ

 

“ ท่านหัวหน้าบาทหลวง เราไปกันได้แล้ว” เมสซาลุกขึ้นยืน และพูดกับดีไซเลสที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง

 

นางกำลังเตรียมที่จะแหวกทางออกจากคนแคระ แต่นางพบว่าหัวหน้าบาทหลวงยังคงยืนอยู่ที่นั่นเหมือนเข้าสู่การไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง

 

“ ท่าน…หัวหน้าบาทหลวง?”

 

เมสซาเรียกเขาด้วยท่าทางระแวดระวัง นางหวังว่าจะพาเขากลับมา

 

“ เมสซา…อุปกรณ์อาร์คาโนเทคนี้คืออะไร? ไม่…หลักการที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้มันเป็นภาพสะท้อนของอักษรรูน? ไม่นั่นไม่ใช่อย่างนั้น…ไม่มีเหตุผลที่รูปภาพจะเคลื่อนไหวด้วยตัวมันเอง นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ผลึกที่ยังคงเติบโตต่อไป” [1]

 

ดีไซเลส ใช้มือที่มีหนามของเขาขยับไปสัมผัสผ้าพันแผลเก่า ๆ บนหัวของเขา เขาใช้ “ตาที่สาม” เพื่อรับรู้สภาพแวดล้อม

 

ข้อมูลที่ดีไซเลสได้รับนั้นมีรายละเอียดมากกว่าข้อมูลภายนอก จากเครื่องอาร์คาโนเทคภาพที่แสดงคืออักษรรูนจำนวนมากที่ทำงานอยู่เบื้องหลังเพื่อสร้างภาพเหล่านั้น เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกดีไซเลสราวกับว่าหัวของเขากำลังหมุน

 

แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาอย่างแท้จริงก็คือภาพเหล่านั้นสามารถปรับเปลี่ยน และเคลื่อนไหวได้

 

“ เรื่องนั้น…มันเรียกว่าใจหิน ท่านหัวหน้าบาทหลวง”

 

เมสซารู้สึกถึงฉากนี่คุ้นเคยเล็กน้อย

 

เมื่อมีชีวิตอยู่มานาน ความปรารถนาเดียวที่ดีไซเลสเหลืออยู่น่าจะเป็นความปรารถนาที่จะได้รับความรู้ เช่นเดียวกับผู้วิเศษ เขาสนใจสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา

 

สิ่งที่แปลกใหม่ที่สุดในโลกก็คืออุปกรณ์อาร์คาโนเทคของนอร์แลนด์ แต่ตอนนี้ดีไซเลสดูเหมือนจะเห็นบางสิ่งที่ซับซ้อนกว่าอุปกรณ์อาร์คาโนเทคร้อยเท่า ไม่ มันเป็นอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นอีกนับไม่ถ้วน

 

“ใจหิน? นั่นคือชื่อของอุปกรณ์อาร์คาโนเทคหรอ?”

 

ดีไซเลสย้ำชื่ออีกครั้ง ในไม่ช้าเขาก็จำจุดประสงค์ในการมาของเขาได้

 

“ ออกไปจากที่นี่กันเถอะ พวกพ้องของเจ้ายังรอเจ้าอยู่ข้างนอก”

 

ไม่ถูกครอบงำโดยความอยากรู้อยากเห็น ดีไซเลสยันตัวเองด้วยไม้ค้ำยัน และเดินไปยังทางออกของโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนของปีศาจ จึงไม่เหมาะสำหรับนักบวชอย่างพวกเขาที่จะอยู่ที่นี่

 

มันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาออกจากโรงเตี๊ยมแล้วว่าสงครามเงียบจะเริ่มขึ้นในนอร์แลนด์

 

” ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ!”

 

โจชัวมองดีไซเลสและเมสซาออกจากโรงเตี๊ยม จากนั้นเขาเดินไปที่อุปกรณ์อาร์คาโนเทคที่พวกเขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้ และถอดผลึกออริจินั่มออก

 

“ นี่คืออะไร?”ซิริเห็นการแสดงออกของโจชัว นางรู้จากท่าทางของเขาว่าเขากำลังวางแผนบางอย่าง

 

“ บันทึกวิดีโอการแข่งขัน”

 

โจชัวเทพลังเวทย์บางส่วนของเขาลงในผลึกออริจินั่ม ทันใดนั้นการแข่งขันระหว่างเมสซาและอินอร์ก็ปรากฏขึ้นบนผลึก

 

“ ทำไมเจ้าถึงบันทึกสิ่งนั้น? เจ้าควรให้ปีศาจไปที่โบสถ์เพื่อบันทึกพฤติกรรมที่น่าอับอายของเทมพลาร์แทน พวกเขาจะทำให้ชื่อโรงเตี๊ยมของเจ้าเสื่อมเสียไปทั่วนอร์แลนด์แน่นอน เปิดก่อนได้เปรียบนะ!”

 

ตอนที่ซิริกำลัง “เดินทาง” นางเคยเห็นพฤติกรรมที่น่าอัปอายของเหล่าสมาชิกเทมพลาร์ เมื่อพวกเขารู้ว่าโจชัวเป็นปีศาจพวกเขาจะประกาศตัวตนของเขาให้คนทั้งเมืองของนอร์แลนด์ทราบอย่างแน่นอน

 

“ใจเย็น ๆ ข้าจะคิดหาวิธีจัดการกับการโฆษณาชวนเชื่อ และความคิดเห็นของสาธารณชน แต่ก่อนที่เราจะทำได้ เจ้าไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องมีของโต้กลับบ้างหรอ?”

 

โจชัวมองไปที่จอมเวทย์หญิง เขารู้สึกว่าซิริโกรธที่เขาถูกพวกเทมพลาร์ตำหนิมากกว่าที่เขาโกรธ

 

โจชัวได้เตรียมการที่จะเข้าร่วมการต่อสู้กับศาสนจักรแล้ว อย่างน้อยเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้เพื่อความคิดเห็นของประชาชน สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้คือการเลือกผู้สมัครที่เหมาะสม

Bringing Culture to a Different World

Bringing Culture to a Different World

Score 10
Status: Completed

โจชัวพบว่าตัวเขามาอยู่ในร่างของเจ้าชายปีศาจในต่างโลก เจ้าชายผู้ถูกมองว่าเป็นพวกแหกคอก

เขาไม่สนใจการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์หรือกังวลถึงอนาคตของเผ่าปีศาจ แต่เขากลับตัดสินใจนำวัฒนธรรมของโลกเกิดเขามายังโลกนี้และพิชิตโลกใหม่นี้ผ่าน…สิ่งบันเทิง!

ก้าวแรก สร้างภาพยนตร์เพื่อเปลี่ยนความประทับใจของปีศาจเสียก่อน…

Options

not work with dark mode
Reset