Bringing Culture to a Different World 69 การแข่งขัน

ตอนที่ 69 การแข่งขัน

เพื่อพิสูจน์ว่านางไม่ได้มาที่นี่ด้วยเจตนาร้าย เมสซาจึงถอดชุดเกราะและเปลี่ยนเป็นชุดแม่ชีนอกหน้าที่ของโบสถ์

 

ในขณะที่นางถอดชุดเกราะและดาบออกไป แต่ในทางกลับกันเมสซาก็ยังคง ‘มีอาวุธครบมือ’ นางได้เตรียมการทางด้านจิตใจเอาไว้

 

นางตั้งใจจะเปิดโปงแผนการสมคบคิดของพวกปีศาจด้วยคำพูด! นางกำลังจะให้ผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ในโรงเตี๊ยมได้ตระหนักถึงความจริงเกี่ยวกับปีศาจ!

 

อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจของแม่นางอัศวินที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนี้ถูกทำลายลงในทันทีที่นางเข้ามาในโรงเตี๊ยม

 

นางยังไม่ชินกับบรรยากาศที่มีเสียงดังของโรงเตี๊ยม เสียงดังทำให้นางหวนนึกถึงสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือดและไฟ

 

“ เจ้ามาเร็วกว่าที่ข้าคาดไว้มาก แต่ข้าก็จะต้อนรับเจ้าเข้าสู่โรงเตี๊ยมใจหินของเรา แม่นางอัศวินข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องชอบที่นี่”

 

โจชัวกำลังวางแผนที่จะละทิ้งสิ่งที่เขากำลังทำเพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมใจหินเป็นการชั่วคราว

 

เนื่องจากความวุ่นวายที่เกิดจากเทมพลาร์ในช่วงบ่าย โรงเตี๊ยมใจหินจึงดึงดูดความสนใจของมนุษย์ด้วยเช่นกัน

 

ฉากกลุ่มคนแคระที่ถืออาวุธด้วยความตั้งใจที่จะต่อสู้ไม่ใช่ฉากที่พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนนอร์แลนด์ ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นคือเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว มันเป็นความขัดแย้งระหว่างคนแคระ และผู้วิเศษในยุคแรก ๆ ของนอร์แลนด์เรื่องการเลือกสถานที่ก่อสร้าง

 

ในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ของนอร์แลนด์นั่นเป็นครั้งเดียวที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

 

ด้วยเหตุนี้ในด้านหนึ่งเทมพลาร์จึงลงเอยด้วยการประชาสัมพันธ์โรงเตี๊ยมใจหิน

 

“ชอบ…”

 

เมสซาพูดคำนั้นเบาๆ นางกำลังยับยั้งความโกรธของนางอยู่ นางอยากจะหันกลับไป และออกจากสถานที่ที่มีเสียงดังแห่งนี้

 

เสียงตะโกนที่ดังจากคนแคระทำให้เมสซาปวดหัว

 

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่นางรับใช้เป็นเทมพลาร์ หรือตอนที่นางยังอยู่ในโบสถ์ เมสซามักจะอาศัยอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบและเป็นระเบียบ อัศวินของนักบวชวิหารจะได้รับอนุญาตให้พูดคุยโได้จากการที่นางอนุญาติเท่านั้น สำหรับเทมพลาร์ในศาสนจักร พวกนางเชื่อว่าการพูดเสียงดังต่อหน้าพระเจ้า ถือเป็นการแสดงพฤติกรรมที่ไม่สุภาพ

 

นี่…ต้องเป็นบททดสอบของพระเจ้า!

 

เมสซาพูดคำเหล่านั้นซ้ำ ๆ ในใจ มือของนางกำแน่นที่สัญลักษณ์บนหน้าอกของนาง สัญลักษณ์แสดงถึงความศรัทธา เมื่อกำสัญลักษณ์เมสซาจึงสามารถค่อยๆสงบจิตใจของนางได้ นางสามารถบรรเทาความโกรธของนางลงได้มาก

 

ในที่สุดนางก็สามารถพูดกับโจชัวด้วยท่าทีสงบได้

 

“ มั่นใจได้ ข้าจะปกป้องเจ้าในขณะที่ข้าอยู่ที่นี่ การสมคบคิดของปีศาจนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จ ข้าจะเผยธาตุแท้ของปีศาจร้ายออกมาเอง”

 

เมสซามองไปทั่วโรงเตี๊ยม จากนั้นไม่นานนางก็เจออินอร์ที่กำลังช่วยอยู่ในโรงเตี๊ยม อินอร์ยังรู้สึกถึงการจ้องมองของเมสซา แต่อินอร์ไม่แสดงอาการกลัว และมองกลับไปที่เมสซา

 

โจชัวได้แจ้งกับอินอร์แล้วว่าเขากำลังเป็นตัวแทนของปีศาจ ถ้าเขากลัวเขาจะทำให้ปีศาจต้องอับอาย…ทำให้โจชัวอับอาย!

 

อินอร์ไม่เคยรู้เลยว่าเขามีความกล้าหาญหรือไม่ นอกจากนี้เขายังไม่ได้มีความรักต่อเผ่าพันธุ์ของตัวเอง และมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของปีศาจมากนัก แต่อินอร์ไม่ปรารถนาที่จะทำให้โจชัวเสียหน้าเพราะความขี้ขลาดของเขาเอง

 

โจชัวเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่นี่แก่เขา สำหรับอินอร์โรงเตี๊ยมเป็นบ้านที่อบอุ่นและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นแม่บุญธรรมของเขาที่ห่วงใยเขา คนแคระที่ดูแลเขาในโรงเตี๊ยม หรือคนที่รักในตัวตนอื่น ๆ ของเขา แฟน ๆ ของเบลล์ต่างก็ดีกับเขา อินอร์รู้สึกซาบซึ้งใจกับเจ้านายที่เขารับใช้มาก เจ้าชายปีศาจโจชัว

 

ดังนั้นไม่ว่าอินอร์จะกลัวแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมทำให้โจชัวเสียหน้า!

 

“ ธาตุแท้ของปีศาจ? ขอโทษนะแม่นางอัศวิน ในสายตาของข้าตอนนี้มีเพียงพนักงานที่ทำงานหนัก และพนักงานใหม่เท่านั้น”

 

โจชัวชี้ไปที่แม่นางอัศวินที่สวมชุดนักบวช

 

“ พูดมา เจ้าอยากให้ข้าทำงานประเภทไหน?”

 

คำพูดของโจชัวสามารถจุดประกายจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของเมสซาได้สำเร็จ ในฐานะมนุษย์นางไม่เต็มใจที่จะพ่ายแพ้ต่อปีศาจ นางมุ่งมั่นที่จะไม่แพ้อินอร์ในทุกด้าน

 

แม้ว่ามันจะเป็นการทำงานในโรงเตี๊ยม แต่เมสซาก็ยังต้องเอาชนะอินอร์

 

“ เจ้าแค่ต้องเอาเหล้าไปให้ลูกค้า ส่วนงานอื่น ๆ เมลิน่าจะบอกเจ้าเอง”

 

โจชัวพบว่าอัศวินหญิงคนนี้ค่อนข้างไร้เดียงสา พูดง่ายๆนางไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์เลย แต่โจชัวเข้าใจได้ว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้

 

นางใช้ชีวิตในอารามของโบสถ์ หรือในค่ายทหาร และสนามรบในฐานะสมาชิกกองทัพเทมพลาร์ เป็นไปได้ว่าประสบการณ์ของนางในเมืองต่างๆด้อยมาก

 

คนในชนบทที่ไร้เดียงสาและเรียบง่ายเช่นนางเป็นสิ่งที่หาได้ยากอย่างแท้จริง น้อยครั้งนักที่โจชัวจะได้พบกับหญิงสาวที่หลอกง่ายเช่นนี้บนโลก …

 

แม้ตัวอย่างที่หายากเช่นนางควรได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แต่เขายืนอยู่ตรงข้ามกับนาง ดังนั้นโจชัวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเพิกเฉยต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขา และลากนางลงเหว

 

“ ข้าเชื่อว่าข้าพร้อมสำหรับงานนั้น”

 

เมสซาเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ทันที และเริ่มการเดินตลอดทั้งคืนเพื่อทำงานในโรงเตี๊ยม

 

ในฐานะเทมพลาร์นางโดดเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย นางเข้าร่วมกองทัพเทมพลาร์เมื่อห้าปีก่อน และได้กำจัดปีศาจนับไม่ถ้วนในสนามรบ ในช่วงเวลานั้นนางได้รับตำแหน่งใหม่ให้เป็นทหารผ่านศึกชั้นยอด

 

แต่การทำงานในโรงเตี๊ยมนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการต่อสู้ในสนามรบ ในสามชั่วโมงสั้น ๆ เมสซาทำผิดพลาดนับไม่ถ้วน

 

นางทำเครื่องดื่มหกลงบนจานเสิร์ฟโดยไม่ได้ตั้งใจ และทำให้แอลกอฮอล์กระจายไปโดนลูกค้า นางยังส่งแอลกอฮอล์ให้กับลูกค้าผิดโต๊ะ

 

แม้ว่าโรงเตี๊ยมใจหินจะดึงดูดแขกที่เป็นมนุษย์ได้บ้าง แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนแคระ ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดพลาดดังกล่าว คนแคระจะตบโต๊ะด้วยความโกรธและลุกขึ้นยืน เมื่อเป็นเช่นนั้นอินอร์มักจะรีบเร่งเข้าไปบรรเทาความโกรธของคนแคระ

 

สำหรับคนแคระที่มาโรงเตี๊ยมบ่อยๆ อินอร์เป็นเทพธิดาแห่งโชคมานานแล้ว คนแคระบางคนถึงกับออกนอกลู่นอกทางเพื่อขอให้อินอร์ช่วยเปิดซองการ์ด

 

ด้วยเหตุนี้อินอร์จึงได้รับความนิยมอย่างมากในโรงเตี๊ยม ความโด่งดังของอินอร์ไม่ใช่สิ่งที่เมสซาผู้มาใหม่จะเทียบได้

 

ในท้ายที่สุดโจชัวก็ไม่มีทางเลือกนอกจากให้เมสซานั่งที่ข้างเคาน์เตอร์บาร์ เขาบอกให้นางพักผ่อน แต่มันก็ไม่ต่างจากการโดนใบแดงในสนามฟุตบอล

 

“ เจ้ารู้สึกยังไง?”

 

โจชัวมีซิริยืนอยู่ข้างหลัง เขา เขาไม่ต้องการให้นางเยาะเย้ยอัศวินคนนี้ จากนั้นเขาก็ไปหาเมสซาเพื่อถามนางเกี่ยวกับความคิดของนาง

 

“ให้เวลาข้าสักนิด ข้าสามารถทำงานนี้ได้ดีกว่านางแน่”

 

เมสซาครุ่นคิดถึงคำถามของโจชัวอยู่นานก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจ นางไม่ลืมจุดประสงค์ของนางในการมาที่นี่ – เพื่อโน้มน้าวผู้คนในโรงเตี๊ยม

 

แต่เพื่อให้นางชักชวนพวกเขา นางต้องสร้างชื่อให้ตัวเองในโรงเตี๊ยมก่อน คนอื่น ๆ รวมทั้งโจชัวจึงจะเต็มใจรับฟังนาง

 

น่าเสียดายที่จนถึงขณะนี้เมสซาทำภารกิจของนางไม่สำเร็จ นางค้นพบว่าสถานะของนางในโรงเตี๊ยมนั้นอยู่ใต้ปีศาจตนนั้นด้วยซ้ำ ไม่มีใครเต็มใจที่จะฟังนาง

 

หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไป การลงโทษปีศาจแห่งโรงเตี๊ยมนี้ก่อนที่หัวหน้าบาทหลวง ดีไซเลสจะมาถึงคงเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ!

 

“ แม่นางอัศวิน เจ้าคิดยังไงกับเรื่องนี้…”

 

โจชัวสามารถบอกได้ว่าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเมสซาถูกจุดขึ้นแล้ว

 

“ เนื่องจากเจ้าต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าโดดเด่นกว่าอินอร์ของเรา เจ้าควรทำเช่นนั้นโดยใช้วิธีพิเศษของโรงเตี๊ยมนี้”

 

โจชัวชี้ไปที่ ‘ใจหิน’ ที่คนแคระกำลังเล่น

 

ความจริงก็คือช่องว่างของทักษะระหว่างผู้เล่นใจหิน คนแคระกำลังเริ่มแสดงตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีการ์ดตำนานหลายใบ หรือผู้ที่ใช้การ์ดได้อย่างยอดเยี่ยม คนแคระเหล่านั้นก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่น่าตื่นตาในหมู่คนแคระ

 

ด้วยเหตุนี้ใจหินจึงกลายเป็นอีกวิธีหนึ่งนอกเหนือจากความแข็งแกร่งที่คนแคระใช้พิสูจน์ตัวเอง

 

ในอนาคตผู้เล่นใจหิน ที่โดดเด่นจะได้รับความเคารพจากคนแคระที่อายุน้อยกว่า สิ่งนี้ถือเป็นความจริงสำหรับมนุษย์ด้วยเช้นกัน

 

“ เจ้าอยากลองดูไหม? ใช้วิธีนั้นเพื่อกำจัดปีศาจที่เจ้าว่า…และพิสูจน์ว่าอัศวินของเจ้านั้นเหนือกว่าปีศาจมาก”

 

จุดประสงค์ของโจชัวในการหลอกล่อเมสซามาที่โรงเตี๊ยมไม่ใช่เพื่อที่เขาจะเปลี่ยนความคิดของนางเกี่ยวกับปีศาจได้อย่างรวดเร็ว ความเชื่อของเมสซาในเรื่องแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งเกินไป ปีศาจที่ชั่วร้ายเป็นแกนกลางพื้นฐานของการดำรงอยู่ของนาง

 

การเปลี่ยนมันในไม่กี่วันสั้น ๆ เป็นงานที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง

 

โจชัวเพียงต้องการทำให้นางตระหนักว่าการต่อสู้ด้วยเลือดและดาบไม่ใช่การต่อสู้แบบเดียวในโลกนี้ มีสนามรบอื่น ๆ อีกมากมายในโลก

 

สนามรบที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดใน สนามรบที่ประเทศต่างๆสามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนได้โดยไม่ต้องหลั่งเลือดส่วนใหญ่จะเป็นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

 

ในโลกที่แตกต่างกันนี้ โจชัวกำลังวางแผนที่จะนำเสนอแนวคิดที่เป็นที่รู้จักอีกอย่างหนึ่งนั่นคืออีสปอร์ต!

Bringing Culture to a Different World

Bringing Culture to a Different World

Score 10
Status: Completed

โจชัวพบว่าตัวเขามาอยู่ในร่างของเจ้าชายปีศาจในต่างโลก เจ้าชายผู้ถูกมองว่าเป็นพวกแหกคอก

เขาไม่สนใจการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์หรือกังวลถึงอนาคตของเผ่าปีศาจ แต่เขากลับตัดสินใจนำวัฒนธรรมของโลกเกิดเขามายังโลกนี้และพิชิตโลกใหม่นี้ผ่าน…สิ่งบันเทิง!

ก้าวแรก สร้างภาพยนตร์เพื่อเปลี่ยนความประทับใจของปีศาจเสียก่อน…

Options

not work with dark mode
Reset