Bringing Culture to a Different World 67 โกรธ

ตอนที่ 67 โกรธ

ต่อต้านจนถึงที่สุด?

 

เมสซารู้สึกประหลาดใจกับคำตอบของโจชัว

 

นางไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมจอมเวทย์ที่แทบจะไม่มีพลังเวทย์ใด ๆ ถึงกล้าพูดคำว่า ‘ต่อต้านจนถึงที่สุด’ ด้วยความกล้าหาญเช่นนี้ต่อหน้าอัศวินสี่คนที่มีอาวุธครบมือ

 

เขาวางแผนที่จะพึ่งพาพวกพนักงาน?

 

เมสซาเหลือบำปมองด้านหลังโจชัว พนักงานอีกสามคนของโรงเตี๊ยมสังเกตเห็นว่าหัวหน้าของพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับบางคน และหยิบไม้กวาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จัดท่าทางเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

 

น่าเสียดายที่ไม้กวาดเนื้อหยาบไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ชุดเกราะที่อัศวินสวมใส่ได้ แม้ว่าพนักงานเสิร์ฟเหล่านั้นจะถือดาบเหล็ก พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเทมพลาร์ได้

 

อัศวินเหล่านี้เป็นชนชั้นสูงที่ยืนอยู่แถวหน้าในการต่อสู้กับปีศาจ พวกเขาถูกส่งมายังนอร์แลนด์เพื่อปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้

 

“ ข้าจริงจังปีศาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อคนธรรมดา พวกมันร้ายกาจ ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องถูกนางหลอกแน่ ๆ ”

 

เมสซาพยายามห้ามโจชัวเป็นครั้งสุดท้าย นางไม่ต้องการโจมตีคนธรรมดาจริงๆ เพราะมันขัดต่อคำสอนที่นางถูกเลี้ยงดูมา มันจะขัดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของนางด้วย

 

“ ข้าไม่เห็นปีศาจที่น่ากลัว ทั้งหมดที่ข้ารู้คือพนักงานของข้าที่นี่…ทุ่มเท ซื่อสัตย์ และเป็นมิตรมาก สำหรับคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าข้า พวกเขาเป็นอัศวินที่หยาบคายและไร้มนุษยธรรม”

 

โจชัวเกือบจะท่องหลักการสำคัญของสังคมนิยม

 

แต่เขาตัดสินใจที่จะแสดงความกรุณาต่อแขกที่ไม่ได้รับการต้อนรับเหล่านี้ ถึงเวลาแล้วที่โจชัวจะต้องบอกให้อัศวินเหล่านี้รู้ว่าพวกเขาอยู่ในนอร์แลนด์ ไม่ใช่ศาสนจักรของพวกเขา!

 

“ฟรอสแอ็ก!”

 

โจชัวหันกลับไป และส่งเสียงดังเรียกชื่อของผู้อาวุโสสูงสุดของคนแคระ นับตั้งแต่พวกเขาได้ผูกมิตรกันผ่านใจหิน โจชัวและฟรอสแอ็กก็ไม่ใส่ใจกับการพูดกันอย่างเกียรติอีกต่อไป เมื่อมีการแข่งขันใจหิน พวกเขาจะสาปแช่งกันโดยไม่มีการยับยั้งชั่งใจ

 

“อะไร?! ในที่สุดเจ้าก็เต็มใจที่จะขายปีกแห่งความตายของเจ้าให้ข้าแล้วหรอ?!”

 

“ ไม่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ข้าเรียกเจ้า ขออภัย แต่เราต้องปิดร้านเร็วในวันนี้”

 

เมื่อคืนโจชัวเปิดได้การ์ดในตำนาน – ปีกแห่งความตายในตำนาน ตั้งแต่ฟรอสแอ็กได้เห็นว่าผลกระทบของ การ์ดใบนั้นทรงพลังเพียงใด เขาก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะซื้อมันจากโจชัว

 

พวกมือใหม่ทุกคนในใจหินจะต้องตกตะลึงกับผลกระทบอันทรงพลังของปีกแห่งความตายและมองข้ามผลข้างเคียงมัน

 

สถานการณ์เกี่ยวกับปีกแห่งความตาย สามารถพบเห็นได้ในชีวิตจริง ยกตัวอย่างเช่นอัศวินที่พลาดมายืนอยู่ต่อหน้าโจชัวตอนนี้

 

พวกเทมพลาร์มีพลังมหาศาล ช่วงเวลาที่พวกเขาพุ่งออกไปโจมตีมันคงเป็น GG

 

“ ปิด?! สำหรับพวกเราคนแคระตอนนี้มันยังเช้าอยู่เลย!”

 

ฟรอสแอ็กเหมือนจะได้ยินข่าวใหญ่ มันน่าตกใจยิ่งกว่าข่าวการล่มสลายอย่างกะทันหันของเหมืองแร่ใต้ดินที่ทำให้กิ้งก่าสัตว์เลี้ยงของเขากว่าสิบตัวถูกบดขยี้จนตาย

 

สำหรับคนแคระที่อาศัยอยู่ใต้ดิน พวกเขาไม่มีความคิดเรื่องกลางวันและกลางคืน สำหรับพวกเขามีเพียงเวลาขุด เวลาตีเหล็ก และเวลาบันเทิง

 

“ เนื่องจากมีความขัดแย้งเล็กน้อยเกิดขึ้นกับพวกเรา โรงเตี๊ยมนี้จะกลายเป็นที่ตั้งของความขัดแย้ง ข้าไม่ต้องการให้ทุกคนได้รับบาดเจ็บ”

 

โจชัวอธิบาย เขาจงใจให้คนแคระสังเกตเห็นแม่นางอัศวิน ที่สูงเกือบ 180 ซม. [4]

 

เมสซายืดหลังตรง แม่นางอัศวินที่เคยเจอคนแคระไม่กี่ครั้งและไม่เคยเกี่ยวข้องกับพวกเขากำลังวางแผนที่จะห้ามปรามพวกเขาในลักษณะเดียวกับที่นางพยายามห้ามปรามโจชัว

 

แต่เมสซากลับได้เห็นอารมณ์ที่ระเบิดของคนแคระแทน

 

“ขัดแย้ง? การต่อสู้งั้นเหรอ? พวกเราคนแคระกลัวการต่อสู้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”

 

ฟรอสแอ็กกระโดดลงจากที่นั่งของเขา เขาบดขยี้ผลึกในกระเป๋าเสื้อผ้าของเขา ทันใดนั้นผลึกก็แตก ขวานหนักที่ปกคลุมไปด้วยอักษรรูนก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

 

ใบมีดของขวานนั้นยาวเกือบสองเมตร เนื่องจากฟรอสแอ็กมีความสูงเพียง 120 ซม. จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะยกขวานยักษ์นั่นขึ้นมาได้ยังไง

 

แต่ในความเป็นจริงแสดงให้เห็นว่าฟรอสแอ็กไม่เพียงแต่สามารถยกขวานหนักนั้นได้ เขายังสามารถตัดหัวมังกรโดยใช้ขวานนั้นได้อีกด้วย

 

ขวานยักษ์ถูกกระแทกลงบนพื้น และทำให้พื้นสั่นเล็กน้อย กลิ่นอายเย็นยะเยือกเริ่มแผ่ออกมาจากคมขวาน

 

“การต่อสู้? ข้าร่วมด้วย!”

 

คนแคระคนอื่น ๆ ต่างพากันลุกขึ้น พวกเขาหยิบค้อนตีเหล็กขึ้นมา เหยือกไม้ เก้าอี้ หรือหมัดของพวกเขา ขณะที่พวกเขาเคลื่อนตัวไปยังเทมพลาร์ทั้งสี่คน

 

คนแคระเหล่านี้คุกคามมากกว่าอัศวินทั้งสี่ ผู้ช่วยที่ยืนข้างเมสถอยหลังไปหลายก้าว

 

“เดี๋ยวก่อน เราไม่ได้มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับเจ้าทุกคน…เราแค่…”

 

ในขณะนี้เมสซาเกิดสำนึกขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางไม่ได้โง่ โจชัวจงใจดึงความเป็นศัตรูของคนแคระมาสู่พวกเขา

 

แต่เมสซาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนแคระเหล่านี้จะฟังโจชัวขนาดนี้ ไม่…ควรจะบอกว่าพวกเขามองว่าโรงเตี๊ยมนี้มีความสำคัญมาก!

 

ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่าการต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้นภายในโรงเตี๊ยม คนแคระเหล่านี้ก็ตอบสนองทันทีราวกับว่าแม่ของพวกเขาจะถูกฆ่า และพวกเขาจะเอาชีวิตเข้าต่อสู้กับศัตรูที่ฆ่าแม่ของพวกเขา

 

เมสซาต้องการอธิบายให้คนแคระเข้าใจว่ามีความเข้าใจผิดระหว่างพวกเขา แต่ไม่มีคำอธิบายใดที่จะทำให้สิ่งต่างๆกระจ่างได้ในตอนนี้

 

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือคนแคระบางคนกำลังดื่มเหล้า โจชัวยุยงการขับไล่มนุษย์เกราะเงินเหล่านี้ให้กลายเป็นเป้าหมายร่วมกันของคนแคระทุกคนในปัจจุบัน

 

นั่นไม่ใช่สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยการโน้มน้าวคนแคระหนึ่งหรือสองคน เมสซาจำเป็นต้องโน้มน้าว และทำให้คนแคระอายุเกือบเจ็ดสิบสงบลง

 

ในโลกนี้ไม่มีอะไรยากไปกว่าการโน้มน้าวคนแคระขี้เมา หากมีอะไรที่ยากกว่านั้นก็คงจะเป็นคนแคระที่ขี้เมามากๆ

 

นอกจากนี้ไม่ว่าเทคนิคการต่อสู้ของแม่นางอัศวินคนนี้จะยอดเยี่ยมเพียงใด เทคนิคการต่อสู้ของนางก็ไม่เท่าฝีปากของนาง

 

ทันใดนั้นคนแคระทั้งหมดในโรงเตี๊ยมก็พุ่งเข้าหาอัศวินทั้งสี่และผู้ช่วยของเมสซา พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยออกไป ท้ายที่สุดพวกเขาถูกบังคับให้ก้าวออกไปจากโรงเตี๊ยม

 

มันไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปว่าเมสซาจะรับประกันความปลอดภัยของคนในโรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนี้นางต้องพิจารณาว่าสหายในกลุ่มของนางจะสามารถกลับมาแบบมีชีวิตได้หรือเปล่า

 

แม้ว่าคนแคระจำนวนมากจะคว้าเพียงเก้าอี้ไม้เป็นอาวุธ แต่คนแคระที่ชื่อฟรอสแอ็กที่นำพวกเขานั้นถือขวานที่ทรงพลังมากที่สุด

 

เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่สุดที่เมสซาจะเอาชนะคนแคระนั้นด้วยตัวนางเอง

 

“ พวกเจ้ากล้าก่อปัญหาในโรงเตี๊ยมที่ข้าฟรอสแอ็กอยู่?! เจ้าจะต้องชดใช้!”

 

เสียงของฟรอสแอ็กดังก้องไปทั่วถนน ได้รับความสนใจจากผู้ที่เดินอยู่บนถนนเป็นจำนวนมาก จากที่ดู มันเหมือนฟรอสแอ็กวางแผนที่จะสอนบทเรียนเหล่านี้ก่อนที่จะปล่อยพวกเขาไป

 

“ ผู้อาวุโสฟรอสแอ็ก ข้าขอโทษอย่างจริงใจ! นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เราไม่ได้มีเจตนา”

 

นายทหารคนสนิทก้าวไปข้างหน้าและพยายามที่จะบรรเทาวิกฤตโดยทำให้ทั้งสองฝ่ายสงบลง

 

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความหุนหันพลันแล่นของข้าเอง”

 

เมสซากัดฟันแน่น นางรู้ว่านอกเหนือจากการต่อสู้กับคนแคระและการพ่ายแพ้ต่อพวกเขาแล้ว ยังไม่มีวิธีอื่นใดที่จะระงับความโกรธของคนแคระได้

 

“ฟรอสแอ็กใจเย็น ๆ หากเจ้าทำเช่นนี้ผู้คนจะรู้สึกไม่ดีต่อคนแคระ”

 

ในขณะนี้โจชัวปรากฏตัวในฐานะตัวแทนแห่งสันติภาพอีกครั้ง โจชัวอยู่หน้าคนแคระที่พร้อมจะถล่มเทมพลาร์ได้ทุกเมื่อ

 

ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไร แม้ว่าฟรอสแอ็กจะมีสถานะสูงในนอร์แลนแค่ไหน การต่อสู้บนท้องถนนในนอร์แลนจะส่งผลร้ายต่อเขา

 

“ แล้วเจ้าจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้หนีไปแบบนี้เหรอ?”

 

ฟรอสแอ็กโกรธมาก แม้ว่าพวกเทมพลาร์เหล่านี้จะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ความโกรธของฟรอสแอ็กก็ถูกจุดขึ้นทันทีที่เขาได้ยินว่าพวกเขาจะก่อปัญหาในโรงเตี๊ยมใจหิน

 

“แน่นอนว่าไม่ แม่นางอัศวิน ถ้าข้าจำไม่ผิด ปีศาจร้ายที่ท่านพูดถึง ท่านต้องเจอพวกมันทั้งหมดในสนามรบใช่มั้ย? ปีศาจเหล่านั้นล้วนเป็นศัตรูของท่าน ในขณะที่พวกเขาเป็นทหารของประเทศศัตรูของท่าน ท่ทานจึงมองว่าพวกเขาเป็นคนชั่วร้าย” โจชัวกล่าวกับเมสซา

 

เมสซาอ้าปากค้าง ตั้งใจที่จะพูดบางอย่างเพื่อขัดเขา แต่นายทหารคนสนิทของนางยื่นมือมาดึงนางไว้

 

ผู้ช่วยของเมสซามักจะคลุกคลีกับชาวเมืองในฐานะผู้ถ่ายทอดศาสนาบ่อยครั้ง ผู้ช่วยของเมสซารู้วิธีปฏิบัติตนได้ดีกว่าแม่นางอัศวินที่ประจำการในสนามรบตลอดทั้งปี

 

“ ดังนั้นแม่นางอัศวินเพื่อเป็นการตอบแทน และเพื่อช่วยพวกท่านทุกคนในการสืบสวน ทำไมพวกท่านไม่มาช่วยพวกเราที่โรงเตี๊ยมสักสองสามวันล่ะ แม้ว่าโรงเตี๊ยมของเราจะมีขนาดเล็ก แต่โดยทั่วไปแล้วเรามักจะยุ่งมาก และต้องการความช่วยเหลือ ส่วนค่าจ้างข้าจะจ่ายให้ท่านทุกวัน”

 

โจชัวหาทางออกให้เมสซา แต่วิธีนี้นำไปสู่หลุมลึก เขาแค่รอดูว่าเมสซาจะรับข้อเสนอของเขาหรือไม่

 

“ …”

 

เมสซาพิจารณาข้อเสนอนั้น ข้อเสนอของโจชัวคือการฆ่านกสองตัวด้วยการยิงปืนนัดเดียว เห็นได้ชัดว่าโจชัวพยายามโน้มน้าวให้นางไว้ชีวิตปีศาจตนนั้น แต่เมสซามั่นใจมากว่านางจะสามารถโน้มน้าวโจชัวได้ในขณะที่นางทำงานในโรงเตี๊ยม

 

มันจะคุ้มตราบเท่าที่นางสามารถเปิดเผยสิ่งที่ปีศาจกำลังวางแผนได้

 

“ ข้ายอมรับเงื่อนไขของเจ้า ก่อนหน้านี้ข้าทำตัวหุนหันพลันแล่นเกินไป”

 

ในที่สุดเมสซาก็เลือกที่จะประนีประนอม แต่นางไม่ยอมแพ้โจชัว นางรู้สึกว่านางควรจะลองทำตามสิ่งที่แม่ชีบอกนาง – ‘ไม่ใช่แค่ดาบที่อาจเป็นอาวุธได้ แต่คำพูดคำเดียวยังใช้เป็นอาวุธได้อีกด้วย!’

 

“ดี งั้นแม่นางอัศวินเตรียมตัวให้พร้อม โรงเตี๊ยมของเราเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ทุกคนขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นด้วย”

 

โจชัวพูดกับคนแคระที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา แต่ดูเหมือนความโกรธของคนแคระยังไม่บรรเทาลง

 

“ เพื่อเป็นการชดเชย ข้าจะมอบซองการ์ดฟรีสามซองให้ทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายภายหลัง”

 

เมื่อโจชัวพูดคำเหล่านั้นความโกรธบนใบหน้าของคนแคระก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที ราคาของซองการ์ดนั้นถูกสำหรับคนแคระที่ร่ำรวยเท่านั้น คนแคระหลายคนที่เล่นใจหินในโรงเตี๊ยมมีฐานะธรรมดา

 

ที่สำคัญที่สุดคือซองการ์ดเหล่านั้นออกโดยผู้ดูแลระบบของใจหิน

 

ข้อเสนอที่โจชัวเสนอมักถูกใช้หลังจากการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์เพื่อเป็นการขออภัยผู้ใช้ในความไม่สะดวก มันจบลงด้วยดี ด้วยเหตุนี้คนแคระจึงกลับเข้ามาในโรงเตี๊ยมเพื่อเล่นใจหินด้วยอารมณ์ที่ดีมาก

Bringing Culture to a Different World

Bringing Culture to a Different World

Score 10
Status: Completed

โจชัวพบว่าตัวเขามาอยู่ในร่างของเจ้าชายปีศาจในต่างโลก เจ้าชายผู้ถูกมองว่าเป็นพวกแหกคอก

เขาไม่สนใจการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์หรือกังวลถึงอนาคตของเผ่าปีศาจ แต่เขากลับตัดสินใจนำวัฒนธรรมของโลกเกิดเขามายังโลกนี้และพิชิตโลกใหม่นี้ผ่าน…สิ่งบันเทิง!

ก้าวแรก สร้างภาพยนตร์เพื่อเปลี่ยนความประทับใจของปีศาจเสียก่อน…

Options

not work with dark mode
Reset