Abe the Wizard 84 ได้เวลาขโมย!

ตอนที่ 84 ได้เวลาขโมย!

Abe the Wizard (AtW) AtW ตอนที่ 84 ได้เวลาขโมย!

 

AtW ตอนที่ 84 ได้เวลาขโมย!

 

อาเบลวางมือของเขาลงบนโต๊ะที่ถูกตั้งกลางห้อง ตัวเขาไม่แน่ใจเลยว่าทำไมโต๊ะไม้ตัวนี้ถึงได้ตอบสนองกับพลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกของอาเบลที่เขาพบว่ามีอะไรบางอย่างกำลังตอบสนองพลังจิตของเขา

 

แม้ว่าห้องของผู้บัญชาการฟาวเลอร์จะดูว่างเปล่าแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในนี้ต่างก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ แม้ว่าตัวเขาจะไม่รู้ว่าของพวกนี้สามารถใช้ทำอะไรได้บางแต่ถ้าหากอาเบลจะต้องทิ้งของพวกนี้ไปแล้วละก็เขาจะต้องรู้สึกเสียดายภายหลังอย่างแน่นอน

 

ในตอนนี้ยังคงมีพื้นที่ว่างอยู่ในถุงใบเล็กอันนี้อีกมาก ดังนั้นแล้วอาเบลจึงไม่รอช้าเขารีบโยนของทั้งหมดที่มีภายในห้องนั้นไม่ว่าจะเป็นเตียงขนาดใหญ่ โต๊ะ เก้าอีก ทุกสิ่งทุกอย่างถูกอาเบลเก็บไปจนหมด

 

จนสุดท้ายแล้วภายในห้องเหลือเพียงกระเบื้องปูพื้นเพียงเท่านั้น ดูเหมือนว่ากระเบื้องทั้งหมดจะทำมาจากหยกที่มีสีเดียวกันจนหมด อาเบลไม่อาจที่จะปล่อยให้กระเบื้องทั้งหมดนี้ต้องเสียของไป สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ใช้มีดเล็กๆ แซะกระเบื้องทั้งหมดออกมาจากพื้น

 

ในตอนที่ตัวอาเบลได้กลายเป็นโวร์แกนนี้เองเขาก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะขนของทั้งหมดออกไปจากห้องห้องนี้ แต่ถึงจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตามสุดท้ายแล้วอาเบลก็ได้ขนของทั้งหมดเก็บไปได้

 

อาเบลหยิบไข่มุกยามราตรีที่อยู่เหนือเขากลับไปด้วยเช่นกัน “ฉันเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย ดูเหมือนว่าของชิ้นนี้จะเหมาะกับปราสาทของฉันจริงๆ”

 

เมื่ออาเบลได้ออกจากห้องไป ไม่มีโวร์แกนตัวไหนเลยที่สังเกตเห็นเขาในตอนนี้ ผู้บัญชาการฟาวเลอร์เองกำลังหาทางป้องกันการบุกรุกของแขกผู้ที่ไม่ได้รับเชิญ ตอนนี้โวร์แกนทุกๆ ตัวกำลังไปยืนป้องกันประตูด้านหน้าของคฤหาสน์หลังนี้ไปจนหมด

 

ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วอาเบลได้ขโมยของไปเท่าไรกันแน่ สุดท้ายแล้วอาเบลก็ได้รับออกมาจากห้องจนไปพบกับมุมมุมหนึ่งริมกำแพงเข้า เขากระโดดใช้มือจับด้านบนของกำแพงก่อนที่จะปืนข้ามกำแพงไปอย่างรวดเร็ว กำแพงที่อาเบลเพิ่งจะข้ามไปนี้มีความสูงด้วยกันถึง 4 เมตรแต่ถึงกำแพงจะมีความสูงตัวเขาก็สามารถที่จะกระโดดถึงได้อยู่ดี

 

หลังจากที่ออกจากเขตแดนของคฤหาสน์หลังนี้มาได้ อาเบลก็ได้กลับไปที่ต้นไม้ต้นเดิมที่เขาวางของเอาไว้อีกครั้ง ตัวเขานั้นรีบหยิบของทุกอย่างออกมาก่อนที่จะไปเก็บหญ้าแห่งการควบคุมวิญญาณที่ถูกแขวนเอาไว้บนต้นไม้เก็บใส่ในถุงใบเล็กๆ ที่ตัวเขานั้นเพิ่งจะได้มา จากนั้นอาเบลจึงรีบวิ่งขึ้นไปที่ภูเขาและเรียกให้เมฆาสีขาวมารับตัวเขาในทันที

 

เมื่ออาเบลขึ้นมาขี่เมฆาสีขาวอีกครั้ง ตัวเขาพร้อมกับนกกระจอกแห่งท้องนภาก็ได้ออกบินในทันที หลังจากที่บินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ไม่นานอาเบลก็ได้ยินเสียงเห่าหอนดังมาจากทิศทางที่ตั้งของคฤหาสน์ ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกโวร์แกนจะไหวตัวแล้วว่าได้มีขโมยขโมยของทั้งหมดภายในห้องของฟาวเลอร์ไป

 

หลังจากที่ผู้บัญชาการฟาวเลอร์ได้รู้ข่าวคราวของดาเรนแล้ว ตัวเขานั้นก็รีบขี่หมาป่าออกไปดูที่เกิดเหตุในทันที กว่าที่ฟาวเลอร์จะพบชายร่างท้วมนั้นดาเรนก็ถูกฆ่ามานานหลายชั่วโมงไปแล้ว 

 

หลังจากที่เช็ครถม้าของดาเรนแล้วฟาวเลอร์ก็ได้แต่เดาไว้ว่าเป้าหมายของคนร้ายในครั้งนี้จะต้องเป็นเงินอย่างแน่นอน ที่จริงแล้วฟาวเลอร์ไม่ได้สนใจใยดีอะไรชายร่างท้วมที่ชื่อดาเรนเลย ตอนนี้ฟาวเลอร์จะต้องหาทางติดต่อกับเจ้าชายองค์ที่ 7 ครั้งใหม่แล้วนั่นเอง แน่นอนว่านั่นหมายถึงการทำธุรกิจต่างๆ ของพวกเขาก็กำลังถูกชะลอตามไปด้วย

 

ในขณะที่ตัวฟาวเลอร์กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่ ตัวเขานั้นก็รู้สึกถึงรางร้ายอะไรบางอย่างรางสังหรณ์ของฟาวเลอร์นั่นแม่น้ำเป็นอย่างมาก ตัวเขานั้นรู้สึกถึงภัยอันตรายแต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่

 

แต่เมื่อคิดถึงสภาพการตายของดาเรนอีกครั้ง ฟาวเลอร์ก็เดาได้ทันทีว่าโจรที่ได้ปล้นฆ่าดาเรนก่อนหน้านี้จะต้องเป็นภัยร้ายอันนั้นอย่างแน่นอน

 

หรือว่า ไม่จริง! ฟาวเลอร์กำลังคิดถึงถุงใบเล็กๆ ที่ถูกสร้างมาจากประตูแห่งจิตวิญญาณออร์คถุงใบนั้นเป็นเหมือนกับสมบัติประจำตระกูลนั่นเอง มันเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ตระกูลวูลฟสามารถขนส่งสิ่งของได้อย่างสะดวกสบาย แม้ว่าพวกวูฟไรเดอร์นั้นจะมีสัตว์ปีที่สามารถขนข้าวของไปได้มากก็ตาม แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะสามารถจุของได้เยอะเท่ากับถุงใบนั้นอีกแล้ว ถุงใบเล็กๆ ถุงเดียวนั้นสามารถจุของที่จำเป็นสำหรับทางการทหารได้อย่างมากมาย

 

ในตอนนี้คงไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบชายร่างท้วมดาเรนนี่อีกต่อไปแล้ว ฟาวเลอร์ได้ขหมาป่าตัวเดิมกลับมาที่คฤหาสน์ลับอย่างไม่ลังเล แต่เมื่อเขามาถึงคฤหาสน์ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างในตอนนี้จะดูปกติดี ไม่มีอะไรผิดแปลกไปแม้แต่น้อย หรือว่าสัญชาตญาณของเขาจะผิดกันแน่?

 

นี่อาจจะเป็นเพราะว่าฟาวเลอร์นั่นฝึกฝนจนเหนื่อยล้ามากจนเกินไป แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามตัวฟาวเลอร์เองก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็เปิดประตูห้องของตัวเองขึ้น

 

“ใครกัน? ใครเป็นคนทำกัน?” ฟาวเลอร์ได้ตะโกนอย่างเสียงดังภายในห้องของตัวเอง ตอนนี้ห้องของเขานั้นเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น

 

สมบัติล้ำค่าอย่าง “ถุงแห่งประตูจิตวิญญาณ” ที่เป็นเหมือนกับสมบัติประจำตระกูลนั้นในตอนนี้ได้หายไปแล้ว ของภายในห้องเองก็หายไปด้วยเช่นกัน

 

กระเบื้องของห้องที่ถูกสร้างมาจากหยกแห่งการวิปัสนาที่ดีที่สุดเองก็หายไปด้วยแม้ว่าตอนนี้ห้องของเขาจะเหลือเพียงเศษหยกชิ้นเล็กๆ ก็ตามแต่ฟาวเลอร์นั่นก็อดคิดไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนที่เขาไม่อยู่กันแน่

 

หยกแห่งการวิปัสนาเป็นเหมือนกับสมบัติล้ำค่าระดับสูง การที่นั่งทำสมาธิบนกระเบื้องอันนี้จะสามารถทำให้ผู้ทำสมาธินั้นสามารถตัดความคิดลบๆ ออกจากจิตใต้สำนึกในตอนทำสมาธิได้หยกแห่งการวิปัสนาเองจึงเป็นเหมือนกับสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกฝนตน ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่จะสามารถใช้งานมันได้ ผ่านไปกว่าหลายร้อยปีแล้วที่ออร์คจากอาณาจักรออร์คเองใช้สิ่งนี้ฝึกฝนตัวเองอยู่เป็นประจำ กว่าที่ฟาวเลอร์จะได้หยกทั้งหมดนี้มาตัวเขานั้นจะต้องเสี่ยงชีวิตมากมายกว่าที่จะขโมยหยกทั้งหมดมาจากอาณาจักรออร์คได้ หลังจากความเหนื่อยยากในครั้งนั้นตัวเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บหยกทั้งหมดเอาไว้ภายในห้องของตัวเขาเอง

 

เตียง โต๊ะ รวมไปถึงเก้าอี้เองถูกสร้างมาจากไม้ชนิดเดียวกัน ไม้ชนิดนั้นสามารถหาได้จากหุบเหวมังกรได้เพียงเท่านั้น มีตำนานได้บอกเอาไว้ ช่างตัดไม้ในตอนนั้นตัดไม้จากหุบเหวมังกรมาได้ต้นไม้ต้นนั้นมีชื่อว่าต้นไม้ผนึกอำพันนั่นเอง ต้นไม้ต้นนั้นจะเติบโตมาได้ก็ต่อเมื่อได้ถูกรดน้ำด้วยน้ำลายของมังกรเท่านั้น เมื่อต้นไม้ผนึกอำพันเติบโตขึ้นมันจะสร้างสารอะไรบางอย่างไว้บนต้นก่อนที่จะดึงดูดเหล่ามังกรทั้งหลายให้มากินต้นไม้ต้นนี้ไปในที่สุด แล้เมื่อมังกรได้กินอาหารไปแล้ว ต้นไม้ต้นนี้ก็จะถูกรดด้วยน้ำลายของมังกรที่มากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ต้นไม้ต้นนี้สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้

 

เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นมาจากต้นไม้ชนิดนี้เองมีคุณสมบัติสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังแห่งความมุ่งมั่นจากผู้ที่อยู่ใกล้ๆ ได้ สำหรับนักสู้ที่ทรงพลังอย่างฟาวเลอร์แล้วนี่เป็นเหมือนกับสิ่งที่ทำให้ตัวเขาสามารถเพิ่มพลังได้มากขึ้นนั่นเอง

 

สิ่งที่ยังทำให้ฟาวเลอร์ยังคงเศร้าเสียใจต่อไปคือการที่เขาจะต้องเสียหมอนไปด้วย หมอนใบนี้ถูกสร้างมาจากชิ้นส่วนชิ้นส่วนหนึ่งของอัญมณีแห่งการวิปัสนา หากไม่มีหมอนใบนี้แล้วละก็ตัวฟาวเลอร์เองก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ต่อไปเพื่ออะไรกัน

 

นอกจากเกราะป้องกันตัวที่เขากำลังสวมใส่อยู่รวมไปถึงอาวุธที่กำลังถืออยู่ในมือ สิ่งของทุกอย่างของฟาวเลอร์นั่นได้หายจากเขาไปแล้ว ตัวฟาวเลอร์เองไม่อยากที่จะเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง สถานที่แห่งนี้ถูกได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากทหารคุ้มกันทั้งหลายเป็นไปได้ยังไงที่คนร้ายจะสามารถบุกมาขโมยของทุกอย่างแบบนี้ไปได้? ที่เลวร้ายกว่านั้นคือคนร้ายที่ขโมยของไปในครั้งนี้ไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้เลย

 

ผู้บัญชาการฟาวเลอร์ตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล “พาตัวมนุษย์ทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์นี้ออกมา พวกมันทั้งหมดจะต้องถูกสอบปากคำ!”

 

ก่อนหน้านี้มนุษย์และโวร์แกนเองสามารถที่จะอยู่ร่วมกันภายในคฤหาสน์ได้อย่างสงบสุข แต่ในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วเมื่อเสียงเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น ตอนนี้โวร์แกนจะต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้พวกมนุษย์นั้นบอกความจริงออกมาให้ได้ แต่ถึงแม้โวร์แกนจะพยายามเท่าไรพวกเขาก็จะไม่ได้คำตอบไป พวกมนุษย์ที่อยู่ภายในปราสาทไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น และถึงแม้ว่าพวกมนุษย์จะต้องตายแต่สุดท้ายพวกโวร์แกนเองก็จะไม่ได้คำตอบกลับไปอยู่ดี

 

ในตอนที่มนุษย์คนสุดท้ายได้ตายจากไป สุดท้ายแล้วฟาวเลอร์ก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี

 

“ หรือว่าจะเป็นพวกเรากันที่ทำแบบนี้?” ฟาวเลอร์ทั้งลังพูดอย่างสงสัย

 

ฟาวเลอร์ได้เริ่มตั้งคำถามกับทหารโวร์แกนทุกตัวที่อยู่ภายในปราสาท จากการสอบถามโวร์แกนหลายตัวทำให้รู้ได้ว่าตอนนี้มีโวร์แกนตัวหนึ่งได้หายไปจากคฤหาสน์หลังนี้แล้ว โวร์แกนหลายตัวได้บอกว่าโวร์แกนตัวนั้นได้หายไปตั้งแต่อยู่ที่สวนผลไม้แล้ว แต่ในขณะเดียวกันยังมีโวร์แกนอีกตัวหนึ่งได้บอกไปว่าโวร์แกนตัวนั้นได้หายไปกับโวร์แกนอีกตัวหนึ่ง หลังจากที่การถูกเถียงเริ่มจะเพิ่มมากขึ้นจนไม่รู้จบไป ตอนนี้ข้อสรุปเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือได้มีโวร์แกนตัวหนึ่งได้หายไปแล้วนั้นเอง

 

“ใครกันที่กล้าทำแบบนี้กับฉัน?” ฟาวเลอร์ได้แต่คิดอยู่ภายในใจ สมบัติล้ำค่ามากมายของตัวเขาได้ถูกเก็บเอาไว้ภายในที่แห่งนี้เมื่อนานหลายปีมาแล้ว หรือว่าเป็นเพราะจำนวนโวร์แกนที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้สมบัติของเขาหายไปแบบนี้

 

ในขณะที่ฟาวเลอร์กำลังตั้งข้อสงสัยต่างๆ มากมาย อาเบลที่เป็นเหมือนกับผู้ร้ายในครั้งนี้ก็กำลังสนุกสนานไปกับการขี่เมฆาสีขาวไปในอากาศ

 

“กลับเมืองฮาเวสกัน” อาเบลพูดในใจ ตอนนี้ตัวเขาเกือบที่จะลืมไปแล้วว่าเขาจะต้องไปรวบรวมเงินจำนวนหนึ่งภายในเมืองฮาเวส ถ้าหากอาเบลจำไม่ผิดที่ที่เขาต้องไปคือร้านแกรี่ที่อยู่ภายในเมืองฮาเวสนั่นเอง

 

หลังจากที่มาถึงเมืองฮาเวส อาเบลก็ได้รีบค้นของภายในร้านแกรในทันที หลังจากการของจนเสร็จอาเบลก็ได้สูดลมหายใจอย่างรวดเร็วหลายครั้งก่อนที่ตัวเขาเองจะเริ่มสงบลงไปในที่ สุดในโลกใบนี้ที่มีอันตรายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ความระมัดระวังจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ใช่แล้ว การจะทำอะไรก็แล้วแต่สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือความระมัดระวัง ถ้าหากจะพูดถึงความระมัดระวังแล้วของทุกอย่างที่อาเบลได้ขโมยมาในวันนี้ตัวเขาแน่ใจเลยว่าลอร์ดมาแชลคงจะไม่รู้จักของพวกนั้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้เองฟาวเลอร์ก็ยังตกใจและร้องคำรามออกมาอย่างเสียงดังด้วยความโกรธอีกด้วย ถ้าหากตัวเขาจะต้องสู้กับศัตรูที่น่ากลัวและเก่งกาจอย่างฟาวเลอร์จริงดาบระเบิดทั้ง 3 เล่มของเขาจะสามารถช่วยให้อาเบลหนี้ได้หรือไม่?

 

ยิ่งอาเบลได้คิดถึงเรื่องที่ผ่านมามากเท่าไหร่ ตัวเขาเองก็รู้สึกถึงผลลัพธ์ของการกระทำของตัวเองมากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเขาได้ทำไปมีแต่ความเสี่ยงที่มากกว่าผลดี แม้ว่าตัวเขาในตอนนี้จะได้รับของใช้ดีๆ มาอย่างมากมาย แต่ในตอนที่อยู่ในฐานทัพของศัตรูแล้วอาเบลไม่ได้ประเมินความสามารถของศัตรูแม้แต่อย่างน้อย ในครั้งนี้นับว่าเขาโชคดีเพียงเท่านั้น ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นเองอาจจะทำให้ตัวอาเบลเองจะต้องตายได้

 

ถึงจะคิดแบบนั้นต่อไปก็คงจะไม่มีอะไรดีขึ้นมา ตอนนี้อาเบลได้อยู่ใกล้ๆ กับเมืองฮาเวสแล้วใกล้ๆ กับเมืองแห่งนี้เองคงจะไม่มีความเสี่ยงอะไรที่จะทำให้อาเบลจะต้องพบเจออีก อาเบลได้กระโดดลงมาจากเมฆาสีขาวด้วยเสื้อคลุมที่อำพรางตัวทั้งตัว ในตอนที่เข้าเมืองฮาเวสแห่งนี้อาเบลได้ปลอมตัวเองให้เหมือนกับคนงานภายในโบสถ์ให้มากที่สุดก่อนที่จะจ่ายค่าเข้าเมืองไป

 

ในช่วงเวลาที่ตัวเขามาถึงเมืองแห่งนี้ก็คือช่วงเวลาเย็นแล้วนั่นเอง ตอนนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตากำลังเดินอยู่ตามถนน ขุนนางหลายคนได้เริ่มใช่ชีวิตในเวลากลางคืนนับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไปดูเหมือนว่ายิ่งดีกมากเท่าไหร่ เมืองแห่งนี้เองก็จะเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้นเช่นกัน

 

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset