Abe the Wizard 79 เสียบแทง

AtW ตอนที่ 79 เสียบแทง

ในระหว่างทางอาเบลก็ได้เริ่มช้าลงเรื่อยๆลอร์ดมาแชลรู้สึกได้ว่าอาเบลกําลังลดความเร็วของม้าอยู่ เขาจึงหันกลับมาหาอาเบลก่อนที่จะเร่งให้อาเบลให้ขี่ม้าให้เร็วยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่าลอร์ดมาแชลจะตกใจไปซะก่อน

ทุกครั้งที่มาของอาเบลก้าวเดินไปข้างหน้า อาเบลก็จะขยับไปในทิศทางเดียวกับม้าตัวนั้นราวกับว่าร่างกายของอาเบลกําลังเชื่อมต่อกับม้าตัวนี้ตอนนี้ลอร์ดมาแชลได้ลืมความคิดของเขาในก่อนหน้านี้ไปแล้วการที่จะสามารถขี่ม้าแบบนี้ได้ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพรสวรรค์ทําได้แบบนี้อาเบลได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งแล้วว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง

” ผมพร้อมแล้วครับ” อาเบลยิ้มให้กับลอร์ดมาแชลหลังจากที่ใช้เทคนิคเพิ่มขีดความสามารถของสัตว์ขี่สําเร็จ

อาเบลรู้สึกดีมากในตอนนี้ เขาไม่เคยสนิทสนมหรือมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับม้าศึกมาก่อนเลย และตอนนี้เองไม่มีอะไรที่ทําให้จิตใจของเขาหวั่นไหวได้อีกต่อไป ความสัมพันธ์ที่เชื่อใจซึ่งกันและกันกําเนิดขึ้นมาแล้วนั่นเอง

”เปิดประตู!”

ลอร์ดอาเบลได้สั่งเปิดประตูปราสาท ทหารยามหลายคนต่างช่วยกันเปิดประตูปราสาทก่อนที่จะปิดประตูไปอย่างรวดเร็ว เมื่อลอร์ดมาแชลและอาเบลได้ออกจากประตูไปแล้ว

ในขณะที่ทั้งสองคนเดินทางออกจากปราสาทแฮรี่วูฟไรเดอร์ระดับทั่วไปก็เริ่มที่จะเห่าหอนออกมาในทันที พวกมันต้องการที่จะจัดการกับมนุษย์ 2 คนนี้ให้ได้ในตอนนี้ แต่ผู้ที่ทํานํารูฟไรเดอร์ในตอนนี้กลับยังยืนนิ่งเฉย “อย่าเพิ่งเริ่มโจมตีะซะละ” ผู้นําทัพได้บอกกับเหล่าลูกน้อง

ในตอนนี้มาของลอร์ดมาแชลและอาเบลเริ่มวิ่งช้าลงแล้ว อาเบลรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเขานั้นรู้สึกตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่กําลังจะเกิดขึ้นมากและนี้ก็ไม่ใช่ความรู้สึกของอาเบลเพียงเท่านั้น ม้าศึกของเขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับอาเบล

เมื่ออาเบลสังเกตเห็นวูฟไรเดอร์แล้วเขาก็ตัดสินใจเร่งความเร็วของม้าในทันทีตอนนี้ม้าของเขาได้เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยที่มีลอร์ดมาแชลตามมาอย่างติดๆ หรือว่าอาเบลจะต้องการที่จะเข้าไปลุยเดี่ยวในกองทัพของศัตรูกันตอนนี้ทุกคนที่มองดูจากปราสาท แฮรี่ต่างคิดเช่นนั้นไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วอาเบลวางแผนอะไรกันแน่ แต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็ชื่นชมความกล้าหาญของอาเบลในตอนนี้

” พลังลมปราณ!” ลอร์ดมาแชลกู่ร้องออกมาอย่างเสียงดังเขาใช้ลมทั้งหมดจากปอดของเขาในการตะโกนครั้งนี้ พลังลมปราณสีขาวได้เปล่งออกมาจากร่างกายของเขาในทันที และเนื่องจากในตอนนี้ลอร์ดมาแชลกําลังสวมใส่ชุดเกราะทอรัสทองคําอยู่ ดังนั้นแล้วแสงจากร่างกายของเขาจึงดูเหมือนกับเป็นสีทองมากกว่าสีขาวไปนั่นเอง

อาเบลเองก็เริ่มร้องออกมาเพื่อที่จะปล่อยพลังลมปราณเช่นกันพลังลมปราณของอาเบลแตกต่างจากพลังลมปราณของลอร์ดมาแชล แท้จริงแล้วพลังลมปราณของลอร์ดมาแชลนั้นเป็นสีขาว แต่เนื่องจากชุดเกราะสีทองที่เขากําลังสวมใส่อยู่เปล่งประกายสะท้อนเข้ากับพลังลมปราณสีขาว จึงทําให้ตัวลอร์ดมาแชลเองปล่อยพลังที่เหมือนกับพลังลมปราณสีทองไปนั่นเอง แต่สําหรับอาเบลนั้นไม่ใช่พลังลมปราณที่แท้จริงของเขานั้นเป็นสีทองอยู่แล้ว แต่ถึงจะเป็นแบบนี้แต่ก็ไม่มีใครสามารถรู้ความจริงได้อยู่ดี สุดท้ายแล้วชุดเกราะสีน้ําเงินที่อาเบลได้ใส่อยู่ก็สะท้อนกับแสงสีทองจากพลังลมปราณของเขา จนสุดท้ายแล้วพลังลมปราณของอาเบลก็ถูกสะท้อนออกมา เป็นสีน้ําเงินไปในที่สุด และในตอนนี้เองยังเป็นเวลากลางวันแสงจากดวงอาทิตย์ได้กลบทับสีของพลังลมปราณจากทั้งสองคน จนไม่มีใครสามารถแยกแยะสีออกได้อีกต่อไปลอร์ดมาแชลที่กําลังมองดูสถานการณ์อยู่ได้ตะโกนออกไปอย่างเสียงดัง”ใช้เทคนิคโจมตีบนหลังม้าซะ!”

หลังจากสิ้นเสียงสั่งการของลอร์ดมาแชล ตัวเขาพร้อมกับอาเบลนั้นก็ได้กร้องชื่อเทคนิคการโจมตีบนหลังม้าออกมา แทบที่จะพร้อมๆกันทันใดนั้นเองความเร็วของม้าศึกของทั้ง 2 คนก็เพิ่มขึ้นมาเป็นสองเท่าตอนนี้ พวกเขาทั้งสองคนกําลังพุ่งไปอย่างรวดเร็วใส่กองทัพของศัตรู ในขณะที่พุ่งไปด้วยความเร็วนี้เอง พวกเขาทั้งสองคนก็ทิ้งเกราะหมวกไป ในที่สุดเมื่อแสงอาทิตย์ได้ส่องไปยังอัศวินทั้ง 2 คนทําให้เห็นได้เพียงลําแสงสีน้ําเงินและลําแสงสีทองที่กําลังพุ่งตรงไปหากองทัพของวูฟไรเดอร์อย่างรวดเร็วเพียงเท่านั้น

กลุ่มวูฟไรเดอร์ที่ได้เห็นลําแสงทั้งสองเส้นนี้ตรงมาทําได้เพียงเห่าหอนแบบโหยหวนเท่านั้น ตอนนี้เป็นการเผชิญหน้าระหว่างอัศวิน 2 คนกับวูฟไรเดอร์อีก 150 ชีวิตเอง ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่ตัดสินใจที่จะล่าถอยออกไป ถึงฝายที่ดูเสียงเปรียบอย่างฝายของอัศวินนั้น จะมีแค่ 2 คนเท่านั้นแต่พวกเขาก็ยังพุ่งตรงไปที่กองทัพของศัตรูอย่างรวดเร็วต่อไปโดยที่ไม่ได้สนใจจํานวนของอีกฝ่ายเลย

ฝูงวูฟไรเดอร์ 150 ชีวิตก็ได้พุ่งเข้าใส่อาเบลและมาแช ลด้วยเช่นกันตอนนี้มีวูฟไรเดอร์ระดับสูงในผู้นําทัพในครั้งนี้ ในขณะที่วูฟไรเดอร์ตัวอื่นๆยังเดินตามมาก็ได้มีวูฟไรเดอร์ระดับสูงเข้าเผชิญหน้ากับอาเบลไปเป็นที่เรียบร้อย วูฟไรเดอร์ตัวนี้ไม่คิดว่าอาเบลจะมีฝีมือเท่าไรนักร่างกายของอาเบลนั้นยังดูตัวเล็กกว่าพวกวูฟไรเดอร์อีกมาก สําหรับพวกออร์คแล้วการที่จะมีพลังการต่อสู้ที่ทรงพลังได้จะต้องมีรูปร่างและพละกําลังที่ทรงพลังนั่นเอง

เมื่อทั้งสองเข้าปะทะกัน อาเบลก็ชิงจังหวะเป็นผู้ที่เปิดการโจมตีก่อนเขาใช้หอกยาวของเขาเหวี่ยงไปที่วูฟไรเดอร์อย่างรวดเร็ว อาเบลคิดเอาไว้ว่าวูฟไรเดอร์ตัวนั้นจะต้องหลบการโจมตีของเขาไม่ทันแน่ เขาจึงไม่ได้เตรียมที่จะป้องกันการโจมตีเลย

อาเบลคิดถูก ความเร็วของตัวเขานั้นเร็วกว่าศัตรูมาก ชั่วพริบตาเอง หอกยาวของอาเบลก็ได้ตัดผ่านอกของวูฟไรเดอร์ตัวนั้นไป ความรู้สึกในตอนนั้นของอาเบลเหมือนกับการใช้มีดที่กําลังร้อนๆตัดไปที่เนยก้อนหนึ่ง ถึงแม้ว่าวูฟไรเดอร์ตัวนั้นจะพยายามป้องกันการโจมตีในครั้งนี้แต่ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสายไปแล้ว มันไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้ทัน

หอกยาวของอาเบลไม่ได้สร้างมาจากไม้ธรรมดาๆ เหมือนหอกอันอื่นๆ หอกไม้ส่วนมากถูกสร้างมาเพื่อใช้ผลักศัตรูให้ออกห่างจากตัวผู้ใช้นั่นเอง มันเป็นอาวุธที่ถูกใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นเมื่อใช้งานโดยการผลักศัตรูเสร็จแล้ว หอกไม้อันนั้นส่วนมากก็จะพังทลายไปในที่สุดหอกของอาเบลนั้นทํามาจากเหล็กที่มีความแข็งแกร่งถึง 120 ทักษะด้วยกัน ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นหอกที่มีน้ําหนักหนักเป็นอย่างมากคนทั่วไปที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักนั้น คงไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้หอกยาวของอาเบลได้เลย

วูฟไรเดอร์ที่ถูกหอกยาวของอาเบลโจมตีถูกหอกแทงเข้าไปที่หัวใจแม้ว่าโวร์แกนจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่การโจมตีไปที่หัวใจนั้นก็มากเพียงพอแล้วที่จะปลิดชีวิตของโวร์แกนตัวนี้ในทันทีถึงแม้ว่าอาเบลจะโจมตีโดนเป้าหมายเข้าอย่างจัง แต่ตัวเขานั้นก็ไม่คิดที่จะหยุดแค่นั้นอาเบลได้ใช้หอกแทงทะลุโวร์แกนตัวนั้นไป ก่อนที่พุ่งหาโวร์แกนตัวต่อไปที่กองทัพของศัตรูในทันที

ในตอนที่อาเบลกําลังมุ่งหน้าเข้าหากองทัพศัตรูต่อไปได้มีลูกธนูหลายลูกด้วยกันยิงเข้าใส่อาเบล ตัวเขานั้นไม่ได้สนใจอะไรเพราะชุดเกราะของอาเบลในตอนนี้สามารถป้องกันการโจมตีของธนูได้หมดนั่นเอง อาเบลได้พุ่งเข้าไปหาเป้าหมายตัวที่สองต่อไป ดูเหมือนว่าเป้าหมายตัวที่สองนี้เองจะเป็นวูฟไรเดอร์ระดับกลาง

วูฟไรเดอร์ระดับกลางตัวนี้ไม่เหมือนกับวูฟไรเดอร์ระดับสูงมันตัดสินใจที่จะป้องกันการโจมตีด้วยหอกของอาเบล แต่นี่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีอีกเช่นเคย ถ้าหากไม่รวมน้ําหนักของโวร์แกนที่ได้ตายจากไปแล้วหอกของอาเบลก็มีน้ําหนักถึง 300 ปอนด์ด้วยกัน การพุ่งเข้าใส่อาเบลด้วยความเร็วสูงแล้วจะต้องรับน้ําหนักของหอกอาเบลไป ด้วยก็เป็นเหมือนการทําลายอาวุธของตัวเองไปแล้วนั่นเอง

ตอนนี้ผลลัพธ์จากการต่อสู้ได้ออกมาแล้ว อาเบลได้ใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวเองในการตรวจสอบสภาพร่างกายของศัตรูดูเหมือนว่ากระดูกของวูฟไรเดอร์ตัวนี้จะแตกเป็นชิ้นเล็กๆจนเหมือนฝุ่นไปแล้ว ตอนนี้วูฟไรเดอร์ระดับกลางได้ถูกหอกของอาเบลเสียบไปพร้อมๆกับวูฟไรเดอร์ระดับสูง

แม้ว่าจะมีโวร์แกนตายอยู่บนหอกของอาเบลถึง 2 ตัวด้วยกันแต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อยอาเบลยังคงสามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ทั้งตัวเขาและม้าศึกเองต่างเปียกโชกไปด้วยเลือดของโวร์แกนที่ตายแล้ว

อีกหนึ่ง และอีกหนึ่งราย ตัวที่สี่ และตัวที่ห้า ในที่สุดอาเบลก็ได้พุ่งเข้าใส่และจัดการวูฟไรเดอร์ไปกว่า 5 ตัวแล้ว ถ้าหากเขาไม่ได้ใช้เทคนิคลับของตระกูลแฮรี่แล้วอาเบลจะต้องหยุดในตอนที่จัดการวูฟไรเดอร์ในตัวที่สองและสามไปแล้ว

ลอร์ดมาแซลหยุดม้าของเขาเมื่อไล่ตามอาเบลมาทัน ในขณะนั้นเอองลอร์ดมาแชลได้จัดการวูฟไรเดอร์ไปอีกหลายตัวในระหว่างทาง

” ตอนนี้แหละเราต้องรีบจัดการพวกมันอีก!” ลอร์ดมาแชลได้กู่ร้องออกมาอย่างเมามัน สําหรับเขาแล้วตอนนี้เขารู้สึกเหมือนว่ากําลังกลับไปต่อสู้กับพวกออร์คในศึกศึกแรก ในตอนนั้นลอร์ดมาแชลยังคงเป็นเด็กอยู่แต่ถึงแบบนั้นเขาก็กล้าหาญพอที่จะจัดการออร์คตัวแล้วตัวเล่าในสงครามครั้งนั้น

ลอร์ดมาแซลมองไปที่อาเบลในตอนนี้หอกของบอาเบลมีศพของโวร์แกนทั้งหมด 5 ตัวด้วยกัน ภาพอันน่าสะเทือนใจนี้เองเป็นภาพที่น่ากลัวมากที่หาดูได้จากสนามรบเพียงเท่านั้นโชคดีที่ลอร์ดมาแชลได้อยู่ข้างเดียวกับอาเบล ตอนนี้อาเบลเป็นเหมือนกับคนที่ พึ่งพาได้แล้วนั่นเอง

”เพื่อปราสาทแฮรี่!” ลอร์ดมาแชลได้ร้องออกมาอย่างเสียงดังอัศวินผู้คุ้มกันกว่า 20 คนได้โผล่ออกมาจากอุโมงค์ลับใต้ดิน ในขณะที่ทุกคนได้ฝึกฝนการต่อสู้บนหลังม้าเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะลงจากม้าเพราะพวกเขานั้นถนัดที่จะสู้ด้วยการเดินเท้ามากกว่า

ถึงตอนนี้ฝั่งที่ได้เปรียบทางเรื่องจํานวนคนอยู่จะเป็นฝั่งของโวร์แกน แต่ฝั่งที่กําลังโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวคือฝั่งของอาเบลและมาแชลนั่นเอง แต่ถึงแม้ทั้งสองคนจะโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายก็ยังมีจํานวนมากกว่ามนุษย์มากนัก แต่ทุกคนที่อยู่ในปราสาทเองก็ได้เห็นแล้วว่าอาเบลสามารถจัดการกับวูฟไรเดอร์ระดับสูงได้ด้วยตัวคนเดียว ทุกคนที่คอยเฝ้าดูอยู่นั้นเริ่มมั่นใจในชัยชนะของฝั่งมนุษย์แล้ว

ฝูงชนที่คอยมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดในปราสาทเริ่มเงียบลงเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเขากําลังตั้งใจดูว่าเกิดอะไรขึ้นบนสนามรบกันแน่ การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะดูน่ากลัวและอันตรายมากขึ้นอย่างแน่นอน การต่อสู้ระยะประชิดกําลังจะเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าการต่อสู้ระยะประชิดเองจะนําพาพวกเข้าไปใกล้ความตายขึ้น