Abe the Wizard 74 ข่าวร้าย

ตอนที่ 74 ข่าวร้าย

Abe the Wizard (AtW)

 

AtW ตอนที่ 74 ข่าวร้าย

 

เมื่ออาเบลออกจากห้องรับรองวีไอพี เขาก็ได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยกัน เสียงที่พูดคุยกันเป็นเสียงของนักธุรกิจของร้านเอ็ดมัน

 

“นายเคยเห็นชุดเกราะสีทองของลอร์ดมาแชลมาก่อนไหมล่ะ?”

 

“ไม่เลย ฉันแค่ได้ยินคนเขาพูดกันเท่านั้น”

 

“ฉันเห็นมาแล้วเมื่อวานนี้ด้วยตาของฉันเอง เมื่อวานก่อนลอร์ดมาแชลได้มาที่เมืองฮาเวสพร้อมกับชุดเกราะสีทองของเขา เมื่อเขาเดินลงมาจากรถม้าแล้วชุดเกราะแสงตะวันของเขาก็ได้สะท้อนกับแสงอาทิตย์ในทันทีแสงที่เปล่งประกายจากชุดเกราะทําให้ฉันเกือบมองไม่ลอร์ดมาแชลเลยนะ”

 

“แต่เมื่อหลายวันก่อนฉันเองก็เห็นอัศวินผู้คุ้มกันของเจ้าชายไวแอดต์ก็สวมใส่ชุดเกราะสีทองเหมือนกันนิ?”

 

“มันเทียบกันไม่ได้หรอกนะ ชุดเกราะของลอร์ดมาแชลทํามาจากวัสดุที่เหมือนกับทองสัมฤทธิ์”

 

เมื่ออาเบลได้ยินบทสนทนาทั้งหมดเขาก็รู้ได้ทันที่ว่าลอร์ดมาแชลได้ใช้รถม้าที่ตัวเขาสร้างขึ้นอวดชุดเกราะทอรัสไปแล้วอย่างแน่นอนที่เมืองฮาเวสแห่งนี้แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นนสิ่งที่นักธุรกิจทั้งหลายพูดก็ดูจะเป็นความจริงเกราะของอัศวินผู้คุ้มกันของเจ้าชายเป็นชุดเกราะที่ผสมโลหะกับทองคําสัมฤทธิ์เข้าด้วยกันแต่ชุดเกราะชุดนั้นจะเน้นไปที่ปริมาณทองคําเพื่อทําให้ชุดเกราะดูเด่นสง่านั้นเองแม้ว่าการจะทําแบบจะเป็นการลดพลังของชุดเกราะก็ตามแต่ชุดเกราะสีทองอันนั้นจะแสดงฐานะรวมไปถึงศักดิ์ศรีของเหล่าผู้เป็นนายได้

 

“ท่านลอร์ดอาเบล ดูเหมือนว่าชุดเกราะที่คุณทําขึ้นจะ ได้รับความนิยมมาก ถ้าหากคุณขายมันแล้วละก็จะต้องขายดีอ ย่างแน่นอน” วีเว็ตต์ได้กระซิบเพื่อให้คําแนะนํากับอาเบล

 

อาเบลหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะกระซิบตอบกลับไปว่า“ชุดเกราะชุดนั้นผมใช้เวลาในการสร้างนานจนเกินไปผมคงไม่คิดว่าจะทําอีกชุดในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน”

 

อาเบลได้ตัดสินใจที่จะยังไม่ขายอุปกรณ์ระดับทองคําที่ถูกยืนยันโดยปรมาจารย์ช่างตีเหล็กโซรินในตอนนี้จากคําพูดของโชรินอาเบลรู้สึกได้ว่าอุปกรณ์ระดับทองคําพวกนี้ล้วนแต่เป็นของที่ทรงคุณค่าเกินไป และถ้าหากอาเบลได้ขายของระดับพวกนี้ไปแน่นอนว่าผู้คนทั้งหลายจะต้องสงสัยในตัวอาเบลอย่างแน่นอน อาเบลที่เป็นคนสร้างนั้นหาวัสดุทั้งหมดในการสร้างมาจากไหนกันแน่ นอกจากนี้เองอุปกรณ์ระดับทองคําเองน่าจะแพงเกินกว่าที่จะมีใครซื้อได้แน่นอนว่าจะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถซื้ออุปกรณ์พวกนี้ได้

 

เมื่อได้ยินสิ่งที่อาเบลพูด วีเว็ตต์ก็ไม่ได้พยายามที่ทจะเกลี้ยกล่อมอะไรเขาอีกต่อไป

 

หลังจากที่กล่าวคําอําลาจากวีเว็ตต์แล้ว อาเบลก็ได้เดินออกจากร้านเอ็ดมันไปพร้อมกับกลุ่มทหารยามในทันที

 

หลังจากที่แยกย้ายจากวีเว็ตต์ไปแล้วอาเบลก็ได้หาร้านค้า ทั้งหมดภายในเมืองฮาเวสเพื่อที่จะซื้อน้ํายาเสริมพลังอีกชุดหนึ่ง เมื่ออาเบลซื้อน้ํายาเสริมพลังทั้งหมดแล้วตอนนี้เขาเหลือเงินเพียง 11,250 เหรียญทองเท่านั้น

 

“นายน้อย ท่านลอร์ดมาแชลให้ผมตามหาท่านครับตอนนี้เขารออยู่ที่สนามหญ้าแห่งหนึ่ง” เอลเลียตเป็นหนึ่งในอัศวินของปราสาทแฮรี่ ตอนนี้เขาได้ควบม้าเพื่อตามหาอาเบลไปทั่วเมืองจนมาพบกับอาเบลในที่นี่

 

“เอลเลียต นายหาฉันเจอได้ยังไงกัน?” อาเบลถามออกไปพร้อมกับโค้งคํานับเพื่อเป็นการทักทาย

 

“ผมเห็นผู้คุ้มกันของนายน้อยครับ ก็เลยตามมาจนเจอ”อัศวินเอลเลียตได้อธิบายให้กับอาเบลฟัง

 

หลังจากที่เห็นสีหน้าขอบงอัศวินเอลเลียตเต็มไปด้วยความกังวล อาเบลก็สงสัยในทันทีว่าในตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันลอร์ดมาแชลกันแน่ ดังนั้นแล้วอาเบลจึงตัดสินใจที่จะไปพบกับลอร์ดมาแชลที่รออยู่ในสนามหญ้าแห่งหนึ่งในเมืองฮาเวส

 

“อาเบล ลูกอยู่ที่นี่เองหรอ” ลอร์ดมาแชลได้พูดกับอาเบลทันทีที่เห็นเขา ในตอนที่อาเบลเดินทางไปถึง ลอร์ดมาแชลก็ได้พูดทักทายก่อนที่จะดึงตัวเขาลงจากรถม้าในทันที

 

“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?” อาเบลถามอย่างรวดเร็ว

 

“ลูกย่งจําอัศวินชั้นสูงซาโรหยานได้ไหม” ลอร์ดมาแชลได้ถามอาเบลโดยที่ไม่ได้ตอบคําถามใดๆของเขา

 

“จําได้สิครับ เขาคนนั้นเป็นอัศวินผู้นําที่สามารถนํากองทัพอัศวินปราบปรามการรุกรานของพวกออร์คได้สําเร็จ จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้รางวัลตอบแทนไป” แม้ว่าพวกเขาทั้ง 2 คนจะเคยพบกันเพียงครั้งเดียวก็ตาม แต่อาเบลก็รู้สึกประทับใจในตัวอัศวินคนนี้อยู่ดี อัศวินซาโรหยานเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อยมาก

” ดีมากลูกพ่อดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น กับเขา” ลอร์ดมาแชลพูดอย่างเงียบๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า ตั้งแต่ที่พวกเขาได้พบกันที่พระราชวังระหว่างลอร์ดมาแชลและอัศวินซาโรหยานก็ได้สนิทกันมากขึ้นนั่นเอง

 

ถึงแม้ว่าอัศวินซาโรหยานจะเป็นอัศวินชั้นสูงแต่ภายในเมืองฮาเวสแห่งนี้เองก็มีอัศวินชั้นสูงที่อยู่ภายในเมืองอยู่ดี ในความคิดของอาเบลนั้นเขาได้คิดว่าอัศวินซาโรหยานที่เป็นอัศวินชั้นสูงที่สามารถควบคุมทหารได้ถึง 1000 นายจะไปมีปัญหาอะไรได้ยังไงกัน? อาเบลมองดูที่ลอร์ดมาแชลด้วยความสงสัย

 

“อัศวินซาโรหยานได้ยุ่งอยู่กับการสร้างที่พักของเขาในดินแดนที่ได้รับมาในเมื่อไม่นานมานี้ ในช่วงเวลานั้นเองปราสาที่เขาได้สร้างขึ้นถูกโจมตีโดยพวกวูฟไรเดอร์ แน่นอนว่าอัศวินซาโรหยานรวมไปถึงคนที่อยู่ในปราสาทคงจะไม่มีใครออกจากปราสาทได้ในตอนนี้ จนเมื่อเหล่าบริวารรับใช้ที่ได้ออกไปซื้ออาหารได้เห็นว่าปราสาทของอัศวินซาโรหยานได้ถูกโจมตีเรื่องในครั้งนี้ก็ถูกรายงานไปในเมืองฮาเวสอย่างรวดเร็วแต่เมื่อกองกําลังเสริมมาถึงที่ปราสาทในตอนนั้นการต่อสู้ก็ได้จบลงไปแล้ว อัศวินซาโรหยานเสียชีวิตในปราสาทของตัวเองและหัวของเขาก็ถูกตัดออกไปด้วยฝีมือของพวกวูฟไรเดอร์”ลอร์ดมาแชลได้เล่าทุกอย่างให้กับอาเบลได้ฟังโดยในขณะที่เล่าเองเขาก็พยายามที่จะเก็บอารมณ์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด

 

“นี่เป็นการแก้แค้นของพวกวูฟไรเดอร์อย่างงั้นหรอ?” อาเบอรู้สึกประหลาดใจ ตอนนี้เขาได้แต่นึกถึงวูฟไรเดอร์ตระกูลวูลฟ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะฟาวเลอร์อย่างงั้นหรอ?

 

“จากเศษซากที่เหลืออยู่จากการต่อสู้มีเพียงพวกออร์คเท่านั้นดูเหมือนว่าพวกที่บุกปราสาทส่วนใหญ่จะเป็นวูฟไรเดอร์ทั้งหมด แน่นอนว่าพวกนั้นจะไม่ใช่วูฟไรเดอร์ธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน พวกวูฟไรเดอร์ธรรมดาไม่สามารถที่จะจัดการอัศวินชั้นสูงได้อย่างแน่นอน” ลอร์ดมาแชลได้อธิบายสถานการณ์ทุกอย่างให้กับอาเบลฟัง “นี่จะต้องเป็นการแก้แค้นของพวกวูฟไรเดอร์แน่นอน การแก้แค้นแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อสมัยก่อน เมื่อมีพวกชนชั้นสูงของ วูฟไรเดอร์ถูกสังหารไปด้วยฝีมือของอัศวินซาโรหยานการที่เขาจะตกเป็นเป้าหมายในการแก้แค้นจึงมีสิทธิ์ที่จะเป็นไปได้สูงที่สุด”

 

“แล้วปราสาทของพวกเราจะตกอยู่ในอันตรายด้วยไหมครับ?” อาเบลได้ถามลอร์ดมาแชลเพื่อยืนยันความแน่ใจ

 

“เรากลับไปที่ปราสาทกันก่อนจะดีกว่า ดูเหมือนว่าเราจะต้องเตรียมการป้องกันที่มากขึ้นเพราะตอนนี้พวกวูฟไรเดอร์ได้บุกมาโจมตีพวกเราอีกครั้งแล้ว” ลอร์ดมาแชลพูดด้วยน้ําเสียงที่ฟังดูสงบนิ่ง แต่ถึงจะเกิดสงครามขึ้นอีกครั้งแต่ในตอนนี้อาเบลได้ผ่านสงครามที่เอาชีวิตและความตายเดิมพันมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่ถูกซ่อนอยู่ในน้ําเสียงของลอร์ดมาแชลได้ดี

” ท่านเจ้าเมืองจะช่วยเราป้องกันปราสาทด้วยไหมครับ?”อาเบลได้ถามขึ้นมาเพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นอันตรายมากแค่ไหนถ้าหากพวกวูฟไรเดอร์นั้นสามารถจัดการกับอัศวินชั้นสูงแบบนี้ได้แม้ว่าตัวอาเบลเองจะไม่ได้กลัววูฟไรเดอร์เลยแต่ประชาชนคนธรรมดาที่อาศัยอยู่แถวปราสาทนั้นไม่สามารถป้องกันตัวเองได้จากพวกรูฟไรเดอร์เลย การที่จะป้องกันปราสาทได้ดีที่สุดก็คือการหาทหารยามป้องกันให้มากที่สุดนั่นเอง

 

“ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองได้ข่าวเรื่องการโจมตีในครั้งนี้แล้วตอนนี้เขาระดมอัศวินเท่าที่มีอยู่รวมไปถึงทหารรับจ้างชั้นสูงที่มีอยู่ในสหพันธ์ทหารรับจ้างเพื่อที่จะปกป้องเมืองฮาเวสเมืองนี้เอาไว้ดูเหมือนว่าท่านเจ้าเมืองจะเป็นห่วงว่าเมืองฮาเวสเมืองนี้จะตกเป็นเป้าหมายในการแก้แค้นของพวกวูฟไรเดอร์ดังนั้นแล้วเขาคงไม่ส่งกําลังพลมาช่วยพวกเราหรอก” ลอร์ดมาแชลได้พูดถึงสถานการณ์ของท่านเจ้าเมืองในตอนนี้

 

การส่งอัศวินชั้นสูงออกจากเมืองฮาเวสเพียงไม่กี่คนคงจะไม่มีผลต่อการป้องกันของเมืองฮาเวส นอกจากนี้ลอร์ดมาแชลยังมั่นใจอีกว่าวูฟไรเดอร์ทั้งหลายคงไม่สามารถเอาชนะอัศวินชั้น สูงที่รวมตัวกันเป็นจํานวนมากของฝังมนุษย์ได้ และถ้าหากอาณาจักรออร์คสูญเสียกองกําลังวูฟไรเดอร์ไปในการต่อสู้ครั้งนี้แน่นอนว่าอาณาจักรออร์คจะต้องเจอกับปัญหาในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน

ไม่ว่าจะเป็นออร์คหรือมนุษย์ก็แล้วแต่การที่จะฝึกฝนจนกลายเป็นทหารระดับสูงได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยการจะฝึกฝนพวกทหารระดับนั้นได้จะต้องใช้ทั้งเวลาและทรัพยากรเป็นจํานวนมากในการฝึกฝนคนพวกนั้น

 

นี่คือสาเหตุที่ว่าทําไมพวกออร์คถึงได้ส่งนักรบออร์คหน้าใหม่ทั้งหลายมาที่โลกมนุษย์แห่งนี้ ถ้าหากมีออร์คตัวไหนก็แล้วแต่ที่รอดมาจากการทดสอบนี้ได้ พวกนั้นจะสามารถพัฒนาฝีมือและเติบโตไปอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้อย่างแน่นอน

 

แม้ว่าอาณาจักรออร์คจะมีความอุดมสมบูรณ์มากแค่ไหนแต่ทางอาณาจักรเองก็จํากัดทรัพยากรทั้งหลายที่มีอยู่ให้ใช้อย่างจํากัด ทุกปีจะมีเหล่านักรบหน้าใหม่จํานวนมากเข้าร่วมบททดสอบความเป็นและความตายโดยเหล่านักรบที่เข้าร่วมบททดสอบในครั้งนี้ล้วนแต่คาดหวังว่าจะรอดกลับมาพร้อมกับครอบครองรางวัลที่ได้รับจากการผ่านบททดสอบนี้อาณาจักรออร์คได้ใช้แบบทดสอบนี้เพื่อกําจัดเหล่าออร์คที่อ่อนแอออกไปนั่นเอง การทําเช่นนี้ไม่เพียงแต่ลดการใช้ทรัพยากรอย่างไม่เป็นประโยชน์เท่านั้น แต่จะช่วยคัดเลือกทหารที่มีฝีมือเข้าร่วมกับกองทัพอีกด้วย

 

จากตามที่ลอร์ดมาแชลได้คาดการณ์เอาไว้ในการโจมตีของพวกออร์ครอบนี้คงจะไม่มีรูฟไรเดอร์ชั้นสูงเดินทางมาที่โลกมนุษย์มากนัก สาเหตุที่อัศวินชั้นสูงอย่างอัศวินซาโรหยานได้พ่ายแพ้ให้กับการต่อสู้ในครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถที่จะขึ้นม้าศึกได้ทันในตอนที่อยู่ในปราสาทของตัวเองแม้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของอัศวินชั้นสูงนั้นจะแข็งแกร่งกว่านักรบทั่วๆ ไป แต่เหล่าอัศวินทั้งหลายล้วนผ่านการฝึกฝนมายังดีเยี่ยมกันทั้งนั้น นอกจากนี้อัศวินซาโรหยานยังคงไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้ของอัศวินที่แท้จริงที่จะใช้ได้เฉพาะในตอนที่อยู่บนหลังม้าเท่านั้น ถ้าหากประเมินทุกอย่าง แล้ววูฟไรเดอร์ชั้นสูงเพียง 2ตัวเท่านั้นคงจะสามารถจัดการกับอัศวินซาโรหยานในสภาพที่ไม่พร้อมแบบนี้ได้อย่างแน่นอน

 

ความแข็งแกร่งของอัศวินจะยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเมื่อพวกอัศวินนั้นรวมตัวกัน พลังที่พวกเขาจะปลดปล่อยออกมาได้จะยิ่งทวีคูณความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้ นตามจํานวนของอัศวินอัศวินเพียง 10 คนที่เผชิญหน้ากับ วูฟไรเดอร์ถึง 50 ตัวด้วยกันพวกอัศวินทั้ง 10 คนจะสามารถ เอาชนะพวกวูฟไรเดอร์ได้อย่างง่ายดายแต่การที่อัศวินอยู่ เพียงลําพังนั้นพวกเขาจะถูกจัดการง่ายกว่ามากนั่นเอง

 

อาเบลจะต้องเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้ที่กําลังจะเกิดขึ้น “เอลเลียตช่วยผมหาซื้ออัญมณีชิ้นเล็กๆ จํานวนมากให้ผมหน่อยผมอยากได้อัญมณีให้เร็วที่สุด”

 

เมื่ออาเบลพูดเสร็จเขาก็รีบเอามือหยิบเงินในฮอร์ราดริกคิวบ์กว่า 500 เหรียญใส่ถุงให้กับเอลเลียตไป

 

“ได้เลยครับนายท่าน” เอลเลียตไม่ได้ถามว่าอาเบลจะต้องการนําอัญมณีจํานวนมากพวกนี้ไปทําอะไรเอลเลียตรีบหยิบเงินที่ได้มาก่อนที่จะขี่ม้าและจากไปในทันที

 

เมื่อลอร์ดมาแชลและอาเบลเดินทางกลับปราสาทแฮรีไปพร้อมกัน เมื่อทั้ง 2 คนกลับมาปราสาทแล้วยังเห็นว่าปราสาทยังปลอดภัยอยู่นั้นพวกเขาทั้ง 2 คนก็ดูโล่งใจในทันที

 

ตอนนี้อาเบลไม่ได้เป็นห่วงสถานการณ์ปัจจุบันในปราสาทของอาเบลเองเลย เพราะในตอนนี้ยังมีคนจํานวนไม่มากนักที่รู้ว่าตัวอาเบลนั้นมีปราสาทเป็นของตัวเองแล้ว ก่อนที่กษัตริย์จะประกาศมอบยศและศักดินาให้กับขุนนางผู้คนส่วนใหญ่จะไม่รู้นั้นเองว่าใครกันที่เป็นเจ้าของศักดินานดินแดนนั้นๆ

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset