Abe the Wizard 64 เจ้าชายไวแอดต์

ตอนที่ 64 เจ้าชายไวแอดต์

AtW ตอนที่ 64 เจ้าชายไวแอดต์

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

 

อาเบลไม่ได้อธิบายว่ารถม้าสุดหรูหราคันนี้มีคุณสมบัติการใช้งานอะไรบ้างให้กับอาจารย์เบธแฮม อาเบลไม่ต้องการที่จะทำลายการเซอร์ไพรส์ที่จะทำให้ลอร์ดมาแชลประทับใจในของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ ตอนนี้เบธแฮมจึงยังไม่รู้ว่ารถม้าคนนั้นแท้จริงแล้วทำอะไรได้กันแน่ อาจารย์เบธแฮมรู้เพียงว่ารถม้าคันนี้ถูกติดตั้งโช้คอัพไปทำให้รถม้าคันนี้ไม่สั่นสะเทือนเหมือนกับรถม้าคันอื่นๆ

 

หลังจากที่อาเบลได้พาครอบครัวเดิมของเขารวมไปถึงอาจารย์เบธแฮมเข้าสู่โถงงานเลี้ยง อาเบลก็ตัดสินใจที่จะกลับไปหาลอร์ดมาแชลในทันที ทันใดนั้นเองอาเบลก็ได้ยินเสียงจากพ่อบ้านลินด์เซ่ที่อยู่ทางเข้าอีกครั้งหนึ่ง

 

“ท่านอาจารย์โซรินแห่งโล่ห์โอ๊คเดินทางมาถึงแล้ว!”

 

แม้ว่าลอร์ดมาแชลจะไม่เคยพบกับท่านอาจารย์คนนี้มาก่อนแต่เขาก็รู้จักดีว่าท่านโซรินคนนี้เป็นคนที่ตัดสินการสอบเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กของอาเบล ดังนั้นแล้วลอร์ดมาแชลจึงไม่ลืมที่จะส่งคำเชิญไปให้กับเขาด้วยเพื่อแสดงให้เห็นถึงมารยาทอันดีงามของตระกูลแฮรี่ ในตอนแรกลอร์ดมาแชลไม่คิดมาก่อนว่าท่านอาจารย์โซรินคนนี้จะมาปรากฎตัวในงานเลี้ยงของเขาจริงๆ หรือบางทีการที่โซรินมางานเลี้ยงแบบนี้อาจเป็นเพราะเขาอยากจะมาร่วมยินดีกับอาเบลจริงๆ

 

“ยินดีต้อนรับครับ ท่านอาจารย์โซริน” อาเบลกล่าวต้อนรับอย่างจริงใจพร้อมกับโค้งคำนับโซรินไปด้วย

 

“สวัสดีปรมาจารย์อาเบล ถึงแม้ว่าตำแหน่งขุนนางของมนุษย์อย่างท่านลอร์ดจะไม่ได้มีความหมายอะไรกับนายมากนัก แต่ฉันที่เป็นตัวแทนของสหพันธ์ช่างตีเหล็กจะมาร่วมยินดีและอวยพรให้กับนายเอง!” โซรินได้พูดแสดงความยินดีกับอาเบล ดูเหมือนว่าความตั้งใจในการมางานเลี้ยงครั้งนี้ของโซรินก็เพื่อจะแสดงให้เห็นว่าทุกๆ คนในสหพันธ์ช่างตีเหล็กนั้นยินดีสนับสนุนและอยู่ข้างของอาเบลเสมอ

 

“ท่านอาจารย์โซริน ท่านช่วยอยู่ที่ปราสาทแฮรี่พักหนึ่งหลังจบงานเลี้ยงจะได้ไหมครับ? ผมมีอะไรบางอย่างที่อยากจะถามท่านอาจารย์หน่อย”

 

แม้ว่าครั้งหนึ่งอาจารย์เบธแฮมจะเคยศึกษาการตีเหล็กมาจากคนแคระแต่เขาก็ไม่ใช่ช่างตีเหล็กคนแคระจริงๆ อาเบลได้มีความสงสัยอะไรบางอย่างอยู่นานแล้วดังนั้นนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อาเบลจะได้ถามโซรินนั่นเอง ในตอนแรกนั้นอาเบลกะจะไปเยี่ยมเยียนอาจารย์โซรินหลังจากเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแต่ดูเหมือนว่าวันนี้โซรินจะมาที่ปราสาทแฮรี่ ดังนั้นแล้วนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอาเบล

 

“ได้สิอาเบล ดูเหมือนว่านายจะมีเรื่องที่น่าสนใจอยู่นะ ฉันจะอยู่ต่อเอง” โซรินได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าอาเบลจะต้องมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่อย่างแน่นอนถึงได้มีเรื่องจะถามเขา ถ้าหากอาเบลได้ถามโซรินก็เท่ากับว่าโซรินเองก็จะได้รับการแบ่งปันทางความคิดจากอาเบลด้วย

 

“เจ้าเมืองฮาเวสไวเคานต์ดิ้กเคนเดินทางมาถึงแล้ว!”

 

“บุตรชายคนที่ 4 ของดยุคคาร์เมล เจ้าชายไวแอดต์จอร์จเดินทางมาถึงแล้ว+”

 

แขกผู้ทรงเกียรติทุกคนที่ได้อยู่ในงานเลี้ยงต่างตกใจให้กับคำต้อนรับที่ถูกพูดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าแม้แต่ท่านเจ้าเมืองรวมไปถึงบุตรชายของดยุคคาร์เมลนั้นจะสนใจเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย

 

ท่านเจ้าเมืองฮาเวสอย่างดิ้กเคนนั้นไม่เคยที่จะให้การสนใจหรือเข้าร่วมงานเลี้ยงที่คนอื่นจัดมาก่อนเลย

 

ไม่เพียงแค่นั้นยังมีเจ้าชายลำดับที่สี่ของดยุคคาร์เมลตัดสินใจที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงของลอร์ดธรรมดาๆ อีกด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อทั้งนั้น

 

ในฐานะที่ลอร์ดมาแชลและอาเบลนั้นเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยง พวกเขาทั้ง 2 คนจึงรีบไปต้อนรับแขกผู้มีเกียรติคนสำคัญที่ทางเข้าปราสาทในทันที มีรถม้าถึง 2 คันที่จอดอยู่ที่ประตูทางเข้าปราสาท โดยรถม้าเหล่านั้นเองถูกคุ้มกันด้วยอัศวินถึง 8 คนด้วยกัน ทันทีที่รถม้าจอดที่ประตูปราสาทเจ้าของรถม้าทั้ง 2 คนก็ได้เดินตรงมาที่ทางเข้าปราสาทในทันที

 

“ท่านเจ้าเมืองผู้ทรงเกียรติ เจ้าชายไวแอดต์ผู้ทรงเกียรติยินดีต้อนรับเข้าสู่ปราสาทแฮรี่” ลอร์ดมาแชลรีบกล่าวต้อนรับทั้งสองคนในขณะที่โค้งคำนับไปด้วย

 

“ฉันได้ยินมาว่างานเลี้ยงนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดคุณ ดังนั้นแล้วฉันก็เลยเอาของขวัญมาให้คุณด้วย” ไวเคานต์ดิ้กเคนได้พูดกับลอร์ดมาแชลด้วยสีหน้าที่ดูอบอุ่นก่อนที่จะหยิบกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่งขึ้นมา

 

ลอร์ดมาแชลไม่รอช้า เขารีบรับของขวัญออกมาก่อนที่จะเปิดทันที ระหว่างนั้นเองลอร์ดมาแชลก็พูดออกไปว่า “ผมรู้ว่าคุณยุ่งมากเลย ผมก็เลยไม่ได้เชิญคุณไป ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นความผิดของผมเอง”

 

ข้างในกล่องของขวัญที่ลอร์ดมาแชลได้รับมาคือเหรียญเกียรติยศนั่นเอง บนพื้นผิวของเหรียญเหรียญนี้ถูกสลักรูปเทพธิดาของเมืองฮาเวสเอาไว้ เหรียญตราอันนี้เองถูกสร้างขึ้นโดยนักบวชในเทวสถานของเมืองฮาเวส ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญอันนี้มันจะนำความโชคดีและความสุขมาให้กับผู้ที่ครอบครองมัน

 

การที่จะทำเหรียญเกียรติยศอันนี้ได้มีวิธีการที่ยุ่งยากซับซ้อนเป็นอย่างมาก มันสามารถผลิตได้ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น แต่ขุนนางทั้งหลายในเมืองต่างก็อยากได้และต้องการที่จะครอบครองเหรียญเกียรติยศเหรียญนี้ ว่ากันว่าเทพธิดาแห่งเมืองฮาเวสนั้นจะช่วยปกปักและคุ้มครองดินแดนของผู้ที่ครอบครองเหรียญเหรียญนี้

 

ถึงแม้ว่าการที่จะได้รับเหรียญเหรียญนี้มาจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยสำหรับดิ้กเคน แต่การที่เขาจะให้เหรียญเหรียญนี้เป็นของขวัญได้นั้นต้องแสดงให้เห็นว่าดิ้กเคนคนนี้เคารพนับถือลอร์ดมาแชลมากขนาดไหน

 

“ขอบคุณมากครับ ของขวัญชิ้นนี้เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย!” ลอร์ดมาแชลได้พูดพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข ในขณะนั้นเองลอร์ดมาแชลก็ได้เก็บเหรียญอันนี้เข้าไปในกล่องดังเดิม

 

เมื่อเจ้าชายไวแอดต์เห็นดิ้กเคนมอบของขวัญให้กับลอร์ดมาแชล เขาก็แสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย

 

แม้ว่าฐานะเจ้าชายจะเป็นสถานะที่สูงส่งก็ตามทีแต่ดูเหมือนพ่อของเจ้าชายอย่างกษัตริย์อาสเตอร์จอร์จนั้นจะอยู่ในสถานะที่ไม่สู้ดีเท่าไรนัก ถ้าหากกษัตริย์เสด็จสวรรคตเมื่อไร ในฐานะที่เป็นเจ้าชายลำดับที่ 4 เขาจะต้องถูกขับไล่ออกจากครอบครัวของราชวงศ์ในทันที เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะกลายเป็นขุนนางธรรมดาไป และแน่นอนว่าถ้าหากเจ้าชายคนนี้ยังคงไม่มีศักดินาเป็นของตัวเองเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะถูกถอดชื่อ “จอร์จ” ออกจากนามสกุลของเขาไปในที่สุด และเมื่อเป็นแบบนั้นจริงลูกหลายของเจ้าชายคนนี้ก็จะกลายเป็นคนธรรมดาสามัญไปในที่สุด

 

นอกเหนือจากการเป็นเจ้าชายคนโตแล้ว เจ้าชายทุกคนก็ต่างแสวงหาและหาทางที่สร้างผลงานที่จะทำให้พวกเขานั้นได้รับศักดินาเป็นของตัวเอง แต่แน่นอนว่าถ้าหากเจ้าชายจะเสด็จไปไหนพวกเขาก็จะถูกพวกทหารยามอารักขาชั้นสูงคอยปกป้องและดูแลตลอดเวลา ดังนั้นการจะสร้างผลงานจริงๆ จึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย

 

แต่ไม่กี่วันก่อน ในตอนที่อาเบลได้เปิดขายดาบเวทย์ที่โรงประมูลของร้านเอ็ดมันในเมืองเบกอง เจ้าชายไวแอดต์เองก็ได้เดินทางอยู่ใกล้ๆ กับเมืองเบกองด้วย เมื่อเจ้าชายได้ยินว่าจะมีการเปิดขายอาวุธเวทย์มนตร์เจ้าชายก็เข้าร่วมการประมูลในทันที

 

ในโลกมนุษย์นั้นไม่ได้มีสิ่งที่เรียกว่าอาวุธเวทย์มนตร์มากมายเท่าไรนัก ดังนั้นแล้วเจ้าชายจึงอยากที่จะตรอบครองอาวุธเวทย์นั่นเอง แต่การที่จะหาซื้ออาวุธเวทย์ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

 

มีเพียงเหตุผลข้อเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าชายไวแอดต์มาที่เมืองฮาเวส เจ้าชายคนนี้ต้องการที่จะพบกับปรมาจารย์ช่างตีเหล็กอาเบลโดยตรงเพื่อที่จะซื้ออาวุธจากเขานั่นเอง โชคดีที่ดิ้กเคนนั้นกำลังเดินทางมาหาอาเบลดังนั้นแล้วเจ้าชายไวแอดต์จึงตัดสินใจที่จะมางานเลี้ยงกับดิ้กเคน

 

เนื่องจากเจ้าชายไวแอคต์รีบจะมางานเลี้ยงงานนี้ดังนั้นแล้วตัวเขาจึงไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมานั่นเอง สิ่งที่เจ้าชายไวแอดต์นำติดตัวมาด้วยล้วนแต่เป็นของที่แพงเกินไปไม่ก็เป็นของที่ถูกเกินไป ดังนั้นแล้วจึงไม่มีอะไรที่เหมาะจะเป็นของขวัญเลย และการกระทำของดิ้กเคนเองก็ทำให้ศักดิ์ศรีของราชวงศ์นั้นจะต้องได้รับผลกระทบไป

 

และนอกจากนี้เองเจ้าชายไวแอดต์ยังไม่ชอบนามสกุลแฮรี่อีกด้วย ทุกคนรู้ดีว่านามสกุลแฮรี่นั้นเป็นนามสกุลที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนในเมืองเบกอง แน่นอนว่าพวกคนของตระกูลแฮรี่นั้นไม่ถูกกับพวกราชวงศ์เท่าไรนัก แต่เจ้าชายไวแอดต์เพิ่งจะรู้ว่าปรมาจารย์อาเบลนั้นได้อาศัยอยู่ในปราสาทแฮรี่ในเมืองฮาเวส และปราสาทแฮรี่นี้เองเป็นเหมือนกับลูกหลายของตระกูลแฮรี่ในเมืองเบกอง

 

“อัศวินมาแชล พอดีผมรีบจะมาเกินไปดังนั้นก็เลยเตรียมของขวัญไม่ทัน ได้โปรดให้อภัยผมด้วยนะ” เจ้าชายไวแอดต์ยิ้มก่อนที่จะโค้งคำนับ

 

อาเบลมองเจ้าชายที่กำลังโค้งคำนับจากด้านข้าง อาเบลสังเกตเห็นได้ว่าภายใต้รอยยิ้มของเจ้าชายไวแอดต์นั้นมีความเย่อหยิ่งอยู่ด้วย แม้ว่าตำแหน่งของอัศวินมาแชลที่เป็นท่านลอร์ดนั้นจะยังไม่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ เจ้าชายไวแอดต์จึงเรียกลอร์ดมาแชลเป็นอัศวินมาแชลแทน

 

“เจ้าชาย ท่านพูดเกินไปหน่อยแล้ว การที่ท่านเจ้าชายเสด็จมาเยี่ยมปราสาทแฮรี่นับว่าเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผมแล้ว!” ลอร์ดมาแชลเองก็ไม่ชอบเจ้าชายไวแอดต์ด้วยเช่นกัน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ยังพูดต้อนรับเจ้าชายพร้อมกับรอยยิ้มอยู่ดี

 

เมื่อแขกผู้มีเกียรติทั้งสองคนเดินเข้าสู่ห้องโถงงานเลี้ยง ทันใดนั้นเองบรรยากาศรอบๆ งานเลี้ยงก็ได้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยอีกครั้ง ขุนนางที่มีสถานะทางสังคมอันสูงส่งได้เข้ามาคุยกับไวเคานต์ดิ้กเคนและเจ้าชายไวแอดต์ทันที ในขณะที่เหล่าขุนนางทั้งหลายได้คุยกับราชวงศ์และท่านเจ้าเมือง พวกขุนนางทั้งหลายต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ท่านปรมาจารย์อาเบล ผมมาที่นี้ก็เพื่อที่จะซื้ออาวุธเวทย์จากท่าน” เจ้าชายไวแอดต์พูดขึ้นมาในขณะที่ตัวเขานั้นกำลังถือแก้วไวน์อยู่ ในตอนที่เจ้าชายไวแอดต์พูดขัดจังหวะ อาเบลและโซรินนั้นกำลังพูดถึงเรื่องการตีเหล็กอยู่นั่นเอง

 

“อาวุธเวทย์ทั้งหมดของผมถูกขายที่ร้านเอ็ดมันครับ ถ้าหากคุณอยากได้แล้วละก็คุณจะต้องเข้าร่วมการประมูลนะครับ” อาเบลพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรำคาญเล็กน้อย หลังจากพูดเสร็จอาเบลก็ไม่ได้สนใจอะไรเจ้าชายไวแอดต์อีกต่แไป ตอนนี้อาเบลอารมณ์เสียขึ้นมาแล้ว

 

คนแคระโซรินที่ได้ยินได้แต่ขมวดคิ้วของตัวเอง ดูเหมือนว่าคำขอร้องของเจ้าชายคนนี้จะฟังดูเอาแต่ใจเกินไปหน่อย แม้ว่าช่างตีเหล็กทั้งหลายจะขายอาวุธที่ตัวเองทำขึ้นมา แต่ก็มีช่างตีเหล็กอีกหลายคนที่ไม่ได้ทำอาวุธมาเพื่อขายเท่านั้น พวกช่างตีเหล็กเหล่านั้นจะสร้างอาวุธมาให้กับเหล่าครอบครัวและคนสนิทของเขาเท่านั้น และแน่นอนว่าช่างตีเหล็กทั้งหลายต่างก็ต้องกินต้องใช้ ค่าใช้จ่ายสำหรับการผลิตอาวุธเองก็ไม่ใช่อะไรที่ถูกๆ เลย ดังนั้นแล้วการประมูลขายอาวุธนั้นจึงเป็นหนทางการขายอาวุธที่ดีที่สุดแล้วนั่นเอง นอกจากราคาที่สูงแล้วพวกช่างตีเหล็กเหล่านั้นก็จะไม่ต้องทำอาวุธเยอะเกินกว่าจำเป็นอีกด้วย การที่จะทำอาวุธเพื่อเอาแต่ขายนั้นจะทำให้คุณภาพของอาวุธตกต่ำลงนั่นเอง

 

“ผมจะให้ราคา 10,000 เหรียญทองสำหรับอาวุธเวทย์ของนายชิ้นหนึ่ง” ดูเหมือนเจ้าชายไวแอดต์จะไม่ได้สนใจคำปฎิเสธของอาเบลเลย ตอนนี้เขายังคงพูดต่อไปด้วยความเย่อหยิ่ง

 

อาเบลไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าชายคนนี้ถึงไม่รู้จักมารยาทที่ดี แม้แต่อาจารย์โซรินเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะมัวแต่ตกใจในการแสดงออกของเจ้าชายที่กำลังเสียมารยาทกับอาเบลต่อไป

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset